Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 6_8 มี.ค. 64

รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 6_8 มี.ค. 64

Published by Suphischa Nice, 2021-03-08 09:02:50

Description: รายงานฉบับสมบูรณ์_สพข. 6_8 มี.ค. 64

Search

Read the Text Version

ตารางที่ 4-2 สรปุ แนวทางแผนการใชท้ ี่ดนิ เพื่อการอนุรกั ษ์ดนิ และนา้ พื้นท่ลี ่มุ น้าหว้ ยแม่สามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแมเ่ มาะ จังหวดั ลาปาง (ตอ่ ) 85

86

87 5 แผนบริหำรจัดกำรป้องกนั กำรชะลำ้ ง พงั ทลำยของดนิ และฟ้ ืนฟพู ้ืนท่เี กษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และน้ำ

5 88 การบรหิ ารจัดการทรัพยากรดินลุ่มน้าไดน้ าหลักการดา้ นการอนรุ ักษ์ดนิ และน้า การบรหิ ารจัดการเชิง ระบบนิเวศท่ีต้องดาเนินการเพ่ือให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ มีการกระจายการถือครองอย่างเป็นธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การบูรณาการให้การใช้ประโยชน์ท่ีดินเป็นไปอย่างเหมาะสมตาม ศักยภาพของท่ีดิน มคี วามเช่ือมโยงกับการจัดการทรัพยากรนา้ ป่าไมแ้ ละชายฝงั่ ให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดท้ังใน ดา้ นเศรษฐกิจสังคม วฒั นธรรม สิง่ แวดลอ้ ม และความมนั่ คงของประเทศ โดยใหค้ านงึ ถึงสิทธใิ นทรัพย์สินของ ประชาชน หลักธรรมาภิบาล การรับรู้ข้อมูลข้าวสารการกระจายอานาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และภูมิภาค ดังน้ัน เพื่อให้แผนบริหารจัดการแปลงไปสู่การปฏิบัติ จึงได้จัดทาแผนปฏิบัติการ โดยแบ่งตาม ชนิดพืชที่ปลูกหลักในพ้ืนที่ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว พืชไร่ ไม้ผล และไม้ยืนต้น กับความลาดชันของพ้ืนท่ี ข้อมูล สภาพดินปัญหาของพ้ืนท่ี และการขาดแคลนน้า มาใช้ในการบริหารจัดการสู่การกาหนดมาตรการและ กิจกรรมในระดับพื้นท่ี เพื่อเป็นต้นแบบการบริหารจัดการทรัพยากรดินระดับลุ่มน้าในพื้นที่อ่ืนๆ ครอบคลุม การแก้ไขและป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูเกษตรกรรมนอกเขตป่าตามกฎหมายด้วยระบบ อนรุ กั ษด์ ินและนา้ โดยการดาเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่นอกจากจะมีการดาเนินการตามแนวทางของกรมพัฒนา ที่ดินแล้วยังสามารถมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวง อ่ืน เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ในการถ่ายทอดความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจ ให้ความกระจ่าง และแนวทางแก้ไขปัญหาของพ้ืนที่เบ้ืองต้นให้แก่ประชาชนในพ้ืนท่ี เพ่ือสร้างแรงจูงใจในการปรับเปล่ียนการใช้ท่ีดิน นาไปสู่การนามาตรการด้านอนุรักษ์ดินและน้าเข้าไปใช้ใน พ้นื ที่ของเกษตรกร จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาของพื้นที่ ข้อมูลทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วยข้อมูลทุติยภูมิ และปฐมภูมิท่ีได้จากการสารวจภาคสนาม เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีเป็นปัจจุบันครอบคลุมประเด็นปัญหาของสภาพ พ้นื ที่อย่างแทจ้ ริง ไดแ้ ก่ ข้อมูลสภาพการใช้ที่ดิน ระดบั การเปลยี่ นแปลงของการใชท้ ี่ดิน ทรัพยากรน้า สภาพ ภูมิประเทศ และส่ิงแวดล้อม ซ่ึงมีความเช่ือมโยงกันในด้านกายภาพ ด้านเศรษฐกิ จและสังคม ผ่าน

89 กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานในระดับพื้นท่ี เพื่อนาข้อมูลมา ประกอบการวิเคราะห์และจัดทาแผนปฏิบัติการ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟื้นฟูพื้นท่ี เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า ให้มีประสิทธิภาพถูกต้องเหมาะสม และให้ได้เคร่ืองมือในการใช้ ท่ีดินอย่างยั่งยืน เพื่อลดอัตราการชะล้างพังทลายและกัดเซาะหน้าดิน และการตกตะกอนดิน อันเป็นผลมา จากการใช้ที่ดินไม่เหมาะสมบนพ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ จังหวัดลาปาง เกษตรกรและชุมชน สามารถใช้ประโยชน์ท่ีดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น จึงมีการกาหนดแผนงานท้ังหมด 4 แผน เพ่ือให้ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ในทุกมิติ บนพ้ืนฐานการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและชุมชน ประกอบดว้ ย (1) แผนงานปกป้องแหล่งนา้ ชลประทานจากการตกตะกอน พื้นที่ลุ่มน้าห้วยแม่สามขาน้ี ปกติเกษตรกรและชุมชนจะใช้วิธีการส่งน้าไปตามท่อท่ีส่งต่อเข้าไปใช้ ประโยชน์ในพื้นที่เกษตรของตนเอง แตใ่ นปัจจบุ นั ประสบปัญหากบั ความแห้งแล้งมากขึ้น ทาใหม้ ปี ริมาณน้าท่ี กักเก็บในส่วนต้นน้าค่อนข้างน้อย ปริมาณน้าใช้ในการเกษตรลดลง โดยเฉพาะต้องใช้น้าเพื่อการเพาะปลูก ข้าว ต้องหาแหล่งน้าสารองเพ่ิมเติม โดยการระดมทุนและร่วมแรงกันภายในชุมชนเพ่ือขุดบ่อน้าเพิ่มในหลาย พื้นท่ที ต่ี ้องการนา้ ใช้ ทาให้เสียทัง้ ค่าใชจ้ า่ ยและในบางพ้ืนที่แรงงานไม่เพยี งพอ ส่งผลให้ผลผลิตพชื ไมเ่ พียงพอ ต่อการดารงชวี ติ ตลอดจนคุณภาพผลผลิตไมด่ ีพอทีจ่ ะนาออกไปจาหน่ายในท้องตลาด ทาให้เกษตรกรสูญเสีย รายไดท้ ี่จะนามาใช้ในชีวิตประจาวันไป ดังนน้ั ต้องหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยแบ่งเปน็ 2 แผนงานย่อย ดงั ตอ่ ไปน้ี (1.1) ลดการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ป่าต้นน้าลาธาร โดยการจัดทาฝายต้นน้าลาธาร ฝายชะลอน้า (check dam, weir) โดยการสร้างในพ้ืนท่ีที่มีการชะล้างพังทลายของดินแบบร่องลึก เพ่ือ ขวางกั้นทางเดินของลาน้า ปกติมักจะกั้นห้วยลาธารขนาดเล็กในบริเวณที่เป็นต้นน้าหรือพ้ืนที่ที่มี ความลาดชันสงู ทาให้ตน้ ไม้สามารถดารงชีพอยู่ได้ และหากชว่ งท่นี ้าไหลแรงก็สามารถชะลอการไหลของน้าให้ ชา้ ลง และกักเกบ็ ตะกอนไม่ให้ไหลเทลงไปในบริเวณลุ่มนา้ ตอนล่าง ป้องกนั ไม่ให้รอ่ งนา้ ต้ืนเขนิ ชว่ ยกกั เก็บน้า และแผ่กระจายความชุ่มช้ืนออกไปให้กว้างขวางอันจะช่วยฟ้ืนฟูสภาพป่าในบริเวณที่สูงให้สมบูรณ์ขึ้น จึงเป็น การสรา้ งความชมุ่ ชื้นให้กบั พืน้ ที่ในระยะยาว นับเปน็ วิธกี ารอนุรกั ษด์ นิ และนา้ ได้ดมี าก (1.2) ลดการชะล้างพงั ทลายของดินในพื้นท่ีเกษตรกรรมเหนืออ่างเกบ็ น้า ด้วยการจัดระบบอนุรักษ์ ดินและน้าที่เหมาะสมกับชนิดพืชที่ปลูก และสภาพพื้นที่น้ัน ๆ ได้แก่ การไถพรวน (Tilling) และปลูกพืชตาม แนวระดับ (Contour cultivation) การสร้างคันดิน (Terrace, bench terrace) คันดินเบนน้า (Diversion terrace) แนวหญา้ แฝก (Vetiver strip) ทางลาเลยี ง (Farm road) บ่อดกั ตะกอน (Pond) เหมาะกับ พน้ื ทีท่ ่ีมี การชะล้างรุนแรงมาก ปานกลาง และ รุนแรงน้อย สาหรับพื้นที่ท่ีมีการชะล้างปานกลาง ควรจัดทา คูรับน้า ขอบเขา (Hillside ditch) ทางระบายน้า (Waterways) ฝายชะลอน้า (Check dam, weir) บ่อดักตะกอน (Pond) ได้ นอกจากน้ีพื้นท่ีที่มีการชะล้างรุนแรงน้อย ควรมีการยกร่องตามแนวระดับ (Ridging) บ่อดัก ตะกอน (Pond) การไถพรวนดินล่าง (Sub soiling) การปรบั ระดับ และปรับรูปแปลงนา

90 นอกจากน้ี ยังสามารถใช้มาตรการทางพืชร่วมด้วย ได้แก่ ปลูกพืชคลุมดิน (Cover cropping) ปลกู พชื ปยุ๋ สด (Green manure cropping) การคลมุ ดิน (Mulching) การปลกู พชื สลบั แถบ (Strip cropping) การปลูกพืชหมุนเวียน (Crop rotation) การปลูกพืชแซม (Intercropping) การปลูกพืชเหล่ือมฤดู (Relay cropping) การใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยชีวภาพ เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและปรับปรุงโครงสร้างของดิน รวมท้งั รว่ มกบั ปยุ๋ เคมีในอัตราส่วนที่เหมาะสมสาหรับพืชที่ปลูกในแต่ละพนื้ ที่ ท้ังน้ีการลดการชะล้างพังทลายของดินในพ้ืนท่ีป่าต้นน้าลาธาร และในพ้ืนที่เกษตรกรรมเหนือ อ่างเก็บน้าท่ีจะดาเนินการในช่วงปี พ.ศ. 2565 ถึงปี พ.ศ. 2569 นั้น ต้องสามารถลดปริมาณตะกอนดินท่ี จะเคล่ือนไปสู่แหล่งน้า โดยศึกษาจากความขุ่นของน้าในแหล่งน้าในช่วงฤดูฝนลดลงอย่างน้อยร้อยละ 30 จากปีฐาน (2) แผนงานเพมิ่ พูนศกั ยภาพการกักเก็บน้าเพื่อการชลประทาน จากการเข้าไปสารวจสภาพพ้ืนท่ีเบื้องต้น พบว่าแหล่งน้าหลายแห่งแห้ง ไม่มีน้าขังอยู่เลย ไม่ว่า จะเป็นแหล่งน้าชุมชนขนาดใหญ่ ลาน้าสาขา หรือคลองส่งน้าก็ตาม เนื่องจากมีสภาพตื้นเขิน ความจุของ แหล่งน้าไม่เพียงพอที่จะส่งน้าให้แก่พื้นท่ีทานาท้ังหมด ประกอบกับมีการสะสมตะกอนดินหน้าฝายจึงไม่ สามารถยกระดบั น้าเพอ่ื ให้เข้าพ้นื ที่นาไดส้ ะดวก ดงั นน้ั จึงต้องหาแนวทางแกป้ ัญหาดงั กลา่ ว ในช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2565 ถงึ ปี พ.ศ. 2569 เพ่อื ให้เกษตรกรในพื้นท่ีมีน้ากินนา้ ใชเ้ พ่ือการเกษตรกรรมเพิ่มเติมจากเดิม จนทาใหค้ รัวเรือนของเกษตรกรสามารถผลิตพืชผลทางเกษตร โดยเฉพาะขา้ วได้ เพ่ือเป็นการประกนั ความ มน่ั คงทางอาหารของเกษตรกรและชุมชนได้ ดว้ ยการแบ่งเปน็ 2 แผนงานยอ่ ย ดงั น้ี (2.1) แผนงานพัฒนาแหล่งนา้ สาธารณะ ซ่งึ ขดุ มาเป็นเวลานาน ถูกใชป้ ระโยชน์มาเป็นเวลานาน และระยะหลังเร่ิมต้ืนเขิน ไม่สามารถกักเก็บน้าได้เพียงพอกับการใช้ในพ้ืนที่เกษตรกรรม ดังน้ันจึงต้องมี การขุดลอกแหล่งน้าเพ่ือเพิ่มความจุในการเก็บน้า ขุดลอกลาน้าสาขาที่เป็นแหล่งนาน้าไปสู่พ้ืนท่ี เกษตรกรรม การฟ้ืนฟูระบบเหมืองฝายเดิมท่ีเคยกักเก็บน้าได้ แต่ปัจจุบัน ปริมาณน้าท่ีกักเก็บได้มีปริมาณ น้อย ถึงไม่มีน้าเลย ดังน้ันจึงเป็นการยากที่จะมีน้าล้นจากหลังฝายไปหน้าฝาย เพ่ือกระจายน้าให้แก่พื้นท่ี ดา้ นล่าง และการจดั ทา Retention pond กจ็ าเป็นเพอ่ื ทาใหร้ ะยะเวลาในการขังนา้ ไว้ในแต่ละจดุ ยาวนาน มากขน้ึ สรา้ งความช่มุ ชื้นให้กับแหลง่ น้านนั้ ๆ และพื้นทใ่ี กลเ้ คียง (2.2) แผนงานพัฒนาแหล่งน้าในไร่นา พ้ืนที่แหล่งน้าในไร่นาในพื้นท่ีบางแห่ง น้าแห้ง และไม่มี น้าเพียงพอ จะต้องมีการจัดทาระบบกระจายน้า ขุดลอกคลองซอยต่าง ๆ เพ่ือให้ส่งน้าได้สะดวก ส่งน้าให้ พชื ได้รบั นา้ อย่างเพียงพอต่อความต้องการ ระบบสบู นา้ ด้วยพลังแสงอาทิตย์ ทาธนาคารน้าใต้ดนิ ธนาคาร น้าเพ่ือชุมชน เพ่ือเป็นทางเลือกหรือสารองน้าไว้ใช้ ให้เพียงพอกับการผลิตพืชอาหาร เช่น ข้าว เพื่อใช้ใน การบรโิ ภคในครัวเรอื น รวมทงั้ หากมเี หลือพอจาหน่ายในทอ้ งตลาดได้ต่อไปด้วย

ตารางที่ 5-1 แผนงานเพ่อื ป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และฟ้นื ฟพู ื้นท่เี กษตรกรรม ห้วยแมส่ ามขา จงั หวัดลาปาง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) 91

92 (3) แผนงานลดการชะลา้ งพังทลายของดนิ ในพืน้ ทีเ่ กษตรนา้ ฝน แผนงานลดการชะล้างพังทลายของดินในพื้นท่ีเกษตรน้าฝน ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2565 ถึง ปี พ.ศ. 2569 ด้วยการจัดมาตรการอนุรักษ์ดินและน้า ให้เหมาะสมกับสมบัติของดิน การใช้ประโยชน์ท่ีดิน และสภาพภูมิประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนในพ้ืนที่อย่างเหมาะสม เพ่ือให้ดินใน พื้นที่ทาการเกษตรที่อาศัยน้าฝนยังคงความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมกับการทาการเกษตรในการปลูกพืชแต่ ละชนิด การจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้าในพื้นท่ีเกษตรกรรมตามความลาดชันของพ้ืนที่สามารถจาแนก ออกได้ดงั น้ี (3.1) พื้นท่ีเกษตรกรรมมีความลาดชันนอ้ ย ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ (0-2 เปอร์เซ็นต์) ใน พ้ืนทล่ี มุ่ น้าห้วยแม่สามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง มีเน้ือท่ี 49,125 ไร่ คดิ เป็นร้อย ละ 23.28 อย่าปล่อยให้เกิดร่องข้ึนลงตามความลาดเทของพ้ืนที่ หากมีรอยร่องน้า พยายามลบหรือกลบ รอยท่ีพบเห็นในพื้นท่ีให้หมดไป มีการไถพรวนดินตามแนวระดับโดยดินจะต้องไม่แห้งหรือแฉะจนเกินไป การปรับรูปแปลงนา ในพ้ืนท่ีปลูกข้าว โดยการลบคันนาเดิมซ่ึงมีขนาดเล็ก และเป็นผืนนาแปลงเล็ก แล้ว สร้างคันนาขึ้นมาใหม่ โดยให้มีขนาดกว้างและสูงกว่าเดิม เป็นคันดินที่สร้างขึ้นโดยให้ระดับของดินอยู่ใน ระดับเดียวกัน รวมถึงการทาคันดินเบนน้า (Diversion terrace) คันดินก้ันน้า (Broad base terrace) ใน พ้นื ที่ปลกู พชื ไร่ ซง่ึ เหมาะสาหรบั พ้ืนที่ที่มีปริมาณน้าฝนน้อย ช่วยรักษาระดับความชน้ื ในดนิ ได้มาก ลดการ ชะล้างของหน้าดินออกไปจากพ้ืนที่ และใช้มาตรการวิธีพืช เช่น การปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชตามแนว ระดับ เป็นตน้ บารงุ ดินโดยไถกลบเศษพืช และใช้ปุ๋ยอนิ ทรีย์ร่วมกบั ปยุ๋ เคมตี ามคา่ วิเคราะหด์ ิน (3.2) พ้ืนท่ีเกษตรกรรมมีลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย (2-5 เปอร์เซ็นต์) มีเน้ือท่ี 12,364 ไร่ คิดเป็น รอ้ ยละ 5.86 ตอ้ งมกี ารไถพรวนทีเ่ หมาะสมและปลูกพชื ตามแนวระดับ ทาคนั ดินเก็บกักน้าและคันดินฐาน แคบ ร่วมกับการปลูกพืชคลุมดนิ บนคันดิน โดยควรปลกู พชื ประเภทไม้พุ่มบารุงดนิ 2 แถวคู่ หรอื ปลกู หญ้า เป็นแถบกว้างประมาณ 1-2 เมตร ขวางความลาดชันไปตามแนวระดับ โดยให้แต่ละแถบห่างกัน 8-10 เมตร (3.3) พ้ืนที่เกษตรกรรมมีลูกคลน่ื ลอนลาด (5-12 เปอรเ์ ซ็นต์) มเี น้อื ท่ี 49,925 ไร่ คดิ เป็นร้อยละ 23.66 ตอ้ งทาคันดินเบนน้า คนั ดนิ ฐานกว้าง คันชะลอความเรว็ ของน้า ทาทางลาเลียงในไร่นา ทางระบายน้า มกี ารยกรอ่ งตามแนวระดับ เปน็ ตน้ นอกจากปฏบิ ัติตามคาแนะนาทัว่ ไปแล้ว ควรจัดระบบการปลูกพชื ให้ดี ควรมีพืชขึ้นปกคลมุ ตลอดทง้ั ปี (3.4) พื้นท่ีเป็นลูกคล่ืนลอนชัน (12-20 เปอร์เซ็นต์) มีเน้ือที่ 19,430 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 9.21 พื้นทม่ี คี วามลาดชันมากขึน้ จาเปน็ ต้องมีมาตรการอนรุ ักษ์ดินและน้าทเ่ี ข้มข้นมากขึ้น ดินทีพ่ บส่วนใหญ่เป็น ดินตื้น ได้แก่ ชุดดินแม่ริม (Mr) มีอินทรียวัตถุต่าถึงปานกลาง ชุดดินท่ายาง (Ty) มีปริมาณอินทรียวัตถุสูง ไมค่ วรปลูกพชื ไร่ เช่น ข้าวโพด มนั สาปะหลัง อ้อย ถ่ัวลสิ ง ควรปลกู ไม้ยืนต้น และควรทาคนั คูรอบเขาเพ่ือ ระบายน้าด้วย ส่วนในกรณีที่เกษตรกรมีความต้องการจะปลูกพืชแซมระหว่างต้นก่อนพืชจะโต ไม่ควรมี การไถพรวนในพื้นท่ีท่ีมีความลาดชันสูงเช่นนี้ ควรใช้วิธีปลูกพืชแบบไม่ไถพรวน หรือถ้าจะปลูกพืชไร่บน

93 ข้ันบันไดดินก็ปฏิบัติตามคาแนะนาท่ัวไป แต่ถ้าปลูกไม้ยืนต้นควรปลูกพืชคลุมดิน และใช้ปุ๋ยหมักบารุงดิน ด้วย (3.5) พื้นท่ีเนินเขา (20-35 เปอร์เซ็นต์) มีเน้ือท่ี 23,369 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 11.08 พ้ืนที่เนินเขา ควรทามาตรการวธิ ีกลทเ่ี ข้มข้น คือ คนั ดนิ รับน้ารอบเขา ซึง่ มวี ิธปี ฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกับในพ้ืนท่ีลูกคลนื่ ลอนชัน (12-20%) ส่วนมาตรการทางพืช ใช้วิธีปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชปุ๋ยสด ปลูกพืชสลับเป็นแถบ ปลูกพืช หมุนเวียน ปลูกพืชแซม ปลูกพืชเหล่ือมฤดู การปลูกพืชระหว่างแถบไม้พุ่มบารุงดิน จะช่วยเพิ่มรายได้ ใหก้ ับเกษตรกรในพน้ื ที่ดว้ ย นอกจากน้ียังทาคนั ซากพชื แถบหญ้า เช่น หญ้าแฝก หญ้ารูซ่ี กระถนิ กบั ถว่ั มะ แฮะ ไมบ้ งั ลม (3.6) พื้นที่ที่สูงชันหรือพื้นที่ลาดชนั เชิงซ้อน (35 เปอร์เซ็นต์) มีเนื้อที่ 56,783 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 26.91 สาหรับในพ้ืนท่ีท่ีไม่มีศักยภาพทางการเกษตร ควรปล่อยไว้ให้เป็นป่าตามธรรมชาติ เป็นที่อยู่อาศัย ของสัตว์ปา่ แหล่งตน้ น้าลาธาร ควรรกั ษาไวใ้ ห้เปน็ สวนปา่ สรา้ งสวนป่าหรือใชป้ ลกู ไมใ้ ชส้ อยโตเรว็ ในกรณี ท่ีจาเป็นต้องนามาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ต้องมีการศึกษาสมบัติดินก่อน เพ่ือให้ทราบถึงความ เหมาะสมของดินสาหรับการปลูกพืช โดยมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในเชิงอนุรักษ์หรือวนเกษตร ในบริเวณ พ้ืนทท่ี เี่ ปน็ ดนิ ลึกและสามารถพัฒนาแหล่งน้าได้ การอนุรักษ์ดนิ และน้าในพื้นทที่ ่ีมีความลาดชนั สูง ทาคูรับ น้าขอบเขาเพ่ือลดความยาวของความลาดชัน และปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาข้ันบันไดดินและดักตะกอนที่ ไหลมากับน้า สาหรับในพื้นท่ีสูง ความลาดเทเกินกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ ควรรักษาไว้เป็นต้นน้าลาธาร สงวนไว้เพื่อปลูกป่าเท่านั้น ถ้ามีความจาเป็นต้องใช้ประโยชน์พื้นท่ีน้ี ต้องใช้มาตรการวิธีพืช และวิธีก ล ผสมผสาน เช่น การทาข้ันบันไดดิน การปลูกหญ้าแฝกเพ่ือการอนุรักษ์ดินและน้า และปรับปรุงบารุงดิน การจดั การดนิ เฉพาะหลุมไม้ผล หรอื ทาเกษตรอินทรยี ์บนทีส่ งู สาหรับพืชเศรษฐกจิ ทมี่ รี าคาสงู เป็นตน้ อย่างไรก็ตาม หากได้ทาการปรับปรุงการจัดการทั้งดิน น้า และพืช ให้เหมาะสมดีแล้วแล้วยัง ได้ผลผลิตน้อย สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรไม่มากนัก ควรต้องปรับเปล่ียนการผลิตในพ้ืนที่ให้เป็นแบบ เข้มข้น หรือแบบประณีตมากย่ิงข้ึน หรือเลือกชนิดพืชปลูกท่ีตลาดมีความต้องการสูง และมีมูลค่าทาง เศรษฐกิจสูง เพ่ือสร้างรายได้เพ่ิมให้แก่เกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ ใช้กลไกทางการตลาดสร้างแรงจูงใจ ให้แกเ่ กษตรกรในการผลิต มตี ลาดรองรบั สนิ ค้าเกษตรที่ผลิตขน้ึ (4) แผนงานฟนื้ ฟูความอุดมสมบรู ณข์ องดนิ แผนงานฟ้ืนฟคู วามอดุ มสมบูรณ์ของดิน ในช่วงระหวา่ งปี พ.ศ. 2565 ถงึ ปี พ.ศ. 2569 ด้วยการ จดั ทาแผนงานในการปรับปรุงบารงุ ดิน ดว้ ยการถา่ ยทอดเทคโนโลยใี นการปรับปรุงบารุงดินดว้ ยเทคโนโลยี ของกรมพัฒนาท่ีดิน การปลูกพืชปุ๋ยสดท่ีแนะนาในพ้ืนที่ ได้แก่ ปอเทือง ถ่ัวพร้า ถั่วพุ่ม และมะแฮะ เป็นต้น ซึ่งพืชตระกูลถั่วเหล่านี้จะตรึงธาตุไนโตรเจนในดินและอากาศมาไว้ท่ีราก เมื่อสับกลบในระยะ ออกดอกแล้วจะทาให้เป็นการเพ่ิมอินทรียวัตถุให้ดิน โดยเฉพาะเพ่ิมธาตุอาหารไนโตรเจนให้กับพืช ช่วยควบคุมวัชพืชในแปลงปลูก ทาให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายในการจัดการดิน หรือให้ปุ๋ยจาพวกยูเรียลงได้ การใสป่ ุย๋ พืชสด ปยุ๋ คอก ปยุ๋ หมกั หรือวัสดปุ รับปรุงดนิ อื่น ๆ ท่ีเหมาะสม เพอ่ื เพิ่มธาตุอาหารใหแ้ ก่พืชปลูก

94 และช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้น ทาให้กาลังในการผลิตของดินเหมาะสมต่อการผลิตพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด มันสาปะหลัง ไม้ผล เช่น ลาไย มะม่วง เป็นต้น มีผลผลิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของจังหวัด เม่อื สิ้นสดุ โครงการน้ี สาหรับแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี เป็นการจัดกลุ่มของพื้นที่ในลุ่มน้าตามลาดับความสาคัญของ โครงการตามปัจจัยตา่ ง ๆ เพื่อกาหนดกรอบพ้ืนท่ีดาเนนิ การและคาแนะนา ในการใช้มาตรการอนุรักษ์ดนิ และน้าด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นท่ี ซ่ึงจะต้องนาพ้ืนที่ดาเนินการและคาแนะนาในการบริหาร จดั การ จากแผนปฏิบัตกิ ารระยะ 5 ปีนี้ ไปศึกษาความเหมาะสมของโครงการทจี่ ะดาเนนิ การในพนื้ ท่ีลุ่มน้า โดยมีการศึกษาในด้านต่าง ๆ ควบคู่กันไปกับการออกแบบมาตรการอนุรักษ์ดินและน้า โดยจัดการพื้นท่ี ตามสภาพความรุนแรงของปัญหาและนามาตรการการป้องกันและฟ้ืนฟูทรัพยากรดิน มาแก้ไขสภาพ ปญั หาของพนื้ ทเ่ี ฉพาะพนื้ ที่ไป เพื่อให้ความเหมาะสมกับการใช้งานของเกษตรกร ด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลประโยชน์กบั เกษตรกรและผมู้ ีสว่ นได้ส่วนเสียในพื้นท่ี ผลกระทบของพ้นื ท่ที ี่ดาเนินโครงการ ในกรณีท่ีมี โครงการและกรณีที่ไม่มีโครงการ โดยมีแนวทางในการบริหารทรัพยากรให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อการ บริหารจัดการทรัพยากรดินและน้าที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และการใช้ประโยชน์ท่ีดิน โดยนามาตรการ ต่าง ๆ มาปรับใช้ในทางพืชและทางวิศวกรรม โดยในการใช้มาตรการทางวิศวกรรมน้ัน สามารถใช้ มาตรการดา้ นต่าง ๆ ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาท่ีดินมาใชใ้ นการออกแบบรายละเอียด เพื่อควบคุมและ จดั การพนื้ ท่ีในการลดการชะลา้ งพังทลายและฟ้ืนฟูพ้ืนท่เี กษตรกรรม เพือ่ เปน็ ตน้ แบบในการบรหิ ารจัดการ ทรัพยากรดินและน้าในพ้ืนที่อื่น ๆ ตามแผนปฏิบัติการรายปีต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการติดตามและ ประเมินผลโครงการ เพอื่ แก้ไขและปรับปรงุ การดาเนินการตามมาตรการตา่ ง ๆ ทีด่ าเนนิ การลงไปในพ้ืนท่ี ให้เหมาะสมมากขนึ้

ตารางที่ 5.2 แผนปฏิบัติการเพื่อปอ้ งกันการชะล้างพงั ทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่เี กษตรกรรม ลุ่มนา้ ห้วยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแมเ่ มาะ 95 จงั หวดั ลาปาง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2565 – 2569) หมายเหตุ: พื้นทไ่ี ดจ้ ากการคานวณด้วยโปรแกรมสารสนเทศภมู ิศาสตร์

96 ในการบริหารจัดการพื้นท่ีอนุรักษ์ดินและน้า ในพ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ จังหวัด ลาปาง ไดพ้ ิจารณาประเดน็ คาถามดา้ นความรคู้ วามเข้าใจและลาดับความสาคัญความต้องการวธิ กี ารรักษา และป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน (รายละเอียดดังบทท่ี 3) มาพิจารณากาหนดมาตรการด้าน อนุรักษ์ดินและน้า ร่วมกับประเด็นปัญหาและความตอ้ งการจากการจดั ประชุมเพื่อประชาพิจารณ์ครั้งที่ 1 ดังนั้น จึงได้กาหนดมาตรการด้านการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้า ประเภทที่ทาในพื้นที่ถือครองของ เกษตรกรท่ีมีระดับการชะล้างพังทลายปานกลาง ได้แก่ การยกร่องตามแนวระดับ (Ridging) การปรับรูป แปลงนา การใช้แนวหญ้าแฝก ปรับปรุงทางลาเลียง (Farm road) ทาคูรับน้าขอบเขา (Hillside ditch) ปรับปรุงทางระบายน้า (Waterways) ฝายชะลอน้า (Check dam, weir) และบ่อดักตะกอน (Sediment pond) และระบบอนุรักษ์ดินและน้าท่ีต้องทาในพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ สระเก็บน้า ฝายทดน้า คลองส่งน้า และระบบส่งน้าด้วยท่อ สาหรับการกาหนดพื้นที่ดาเนินการ ได้นาผลการคัดเลือกพ้ืนที่ดาเนินการ จากการจัดลาดับ ความสาคัญตามเกณฑ์ท่ีเหมาะสมแล้ว มาพิจารณาเพื่อกาหนดพื้นท่ีและมาตรการ โดยแบ่งเป็นพ้ืนท่ี ดาเนินการ เพ่ือความสะดวกในการปฏิบัติงานและการติดตามประเมินผลตัวช้ีวัด ท้ังน้ี ในปีงบประมาณ 2565 จะได้ดาเนินการในพ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยแม่สะเปา ซ่ึงเป็นลุ่มน้าที่มีลาดับความสาคัญอยู่ในลาดับแรก สามารถดาเนินการได้ในพื้นที่รับน้า 4 พื้นท่ีด้วยกัน คือ (1) ลุ่มน้าย่อยห้วยแม่สะเปาและห้วยแม่ปิง ครอบคลุมพื้นท่ีบ้านทุ่งกวางทองและบ้านเอียก (2) ลุ่มน้าย่อยห้วยแม่เอียก ครอบคลุมพื้นท่ีบ้านนาบง (3) ลุ่มน้าย่อยห้วยแม่สะเปาและแม่เอียก (ตอนล่าง) ครอบคลุมบ้านนาฟาน นากวาง และบ้านใหม่ และ (4) ลุ่มน้าย่อยห้วยแม่ไฟ ครอบคลุมบ้านดอนไฟ ซ่ึงมีขนาดพื้นท่ีรวม 31,006 ไร่ โดยพบว่าในพ้ืนท่ีศึกษา ส่วนใหญ่มีความลาดชันไม่มากนัก เป็นลูกคล่ืนลอนลาด ดังน้ันปัญหาความรุนแรงของการเกิดการชะล้าง พังทลายของดนิ มีค่อนข้างน้อย ประกอบกบั ประเดน็ ปญั หาจากการประชาพิจารณ์พบวา่ ชาวบา้ นส่วนใหญ่ ประสบกับปัญหาตะกอนทับถมในลาห้วยจานวนมาก ลาห้วยและแหลง่ นา้ ที่มีอยู่ตืน้ เขิน ขาดแหล่งกักเก็บ น้าท่ีเพียงพอ ขาดระบบจัดส่งน้า จึงได้กาหนดมาตรการด้านการจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้าในพ้ืนท่ี ดาเนินการลุ่มน้าห้วยแม่สะเปา ในปงี บประมาณ 2565 ได้แก่ ฝายน้าล้นคอนกรีตเสรมิ เหลก็ พร้อมขุดลอก ตะกอนดิน ฝายชะลอความเร็วของน้าพร้อมดักตะกอน บ่อดักตะกอนดิน ทางลาเลียงภูเขา ขุดลอกอ่าง เก็บน้า ท่อส่งน้าเพื่อการเกษตร คลองสง่ นา้ ในไร่นา ปรับคันดนิ (Bench terrace) และปรบั รปู แปลงนา โดยจะนามาตรการดังกลา่ วไปใช้ในการออกแบบเฉพาะพ้ืนที่ และจุดรวมน้า (Outlet) ของแต่ละ ลาน้าจะกาหนดให้มีอาคารแหล่งน้า ไว้เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจัดการน้าและวดั ปริมาณตะกอนดินใน ลาน้าเพอ่ื ประเมินการลดการชะล้างของดนิ ตามตวั ชวี้ ดั ในขัน้ ตอนการติดตามและประเมินผลต่อไป

97 ภาพที่ 5-1 พื้นที่ลุ่มน้าเป้าหมายในแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟู พืน้ ที่เกษตรกรรม พืน้ ท่ีลุม่ น้าหว้ ยแมส่ ามขา อาเภอแมท่ ะ และอาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง

98 ภาพท่ี 5-2 กิจกรรมการอนุรักษ์ดินและน้า พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยแม่สะเปา ในแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม พ้ืนที่ลุ่มน้า ห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ อาเภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาปาง

99 6 กำรขบั เคลือ่ นแผนบรหิ ำรจดั กำร โครงกำรปอ้ งกนั กำรชะล้ำงพงั ทลำยของ ดินและฟ้ ืนฟพู นื้ ทเี่ กษตรกรรมดว้ ยระบบ อนรุ กั ษด์ นิ และน้ำ

6 100 การดาเนินงานตามแผนบริหารจัดการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ี เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า มีกลไกการขับเคลื่อนการดาเนินงานในรูปแบบคณะกรรมการ และคณะทางาน ประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟ้ืนฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า และคณะทางานจัดทาแผนการบริหารจัดการ โครงการปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพน้ื ทีเ่ กษตรกรรม ด้วยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้า พืน้ ท่ี ลุ่มน้าห้วยแม่สามขา อาเภอแม่ทะ และอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง ในการจัดทาแผนการบริหารจดั การ การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า สาหรับขับเคล่ือนการ ดาเนินงานด้านการอนุรักษ์ดินและน้าให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้า ดงั นน้ั เพอ่ื ใหแ้ ผนบรหิ ารจัดการ เกิดผลสัมฤทธ์ิในทางปฏิบัติ บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้ จึงจาเป็นต้องได้รับการ ขับเคล่ือนและผลักดันจากทุกภาคส่วนให้เกิดการบูรณาการทุกระดับโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรดินและน้ามีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน ควรมีแนวทางการ ดาเนินงาน ดงั นี้ ใหส้ ามารถนาไปสู่การวางแผน การกาหนดมาตรการและบริหารจัดการพ้ืนท่เี กษตรกรรมท่ีมีความเส่ียงต่อ การชะล้างพังทลายของดินและพื้นท่ีดินเสื่อมโทรม รวมท้ังสามารถแปลงไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็น รูปธรรม ตามระบบการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ท่สี อดคล้องกบั ประเดน็ ปัญหาและบูรณาการการดาเนินงาน ของหน่วยงานโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคีผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพ่ือให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเกิดการยอมรับและตระหนักถึงความสาคัญของแผน และนาต้นแบบของแผนไปขยายผลสู่การ ปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างเป็นรปู ธรรม ในด้านวิชาการที่เป็นกระบวนการหลัก (Core process) และ กระบวนการสนับสนุน (Support process) โดยนาแนวทางการปฏิบัติงานไปกาหนดเป็นแผนงาน โครงการ และกาหนดเป็นข้อตกลงการทางานระหว่างหน่วยงาน เน้นการทางานเชิงบูรณาการเพ่ือ ขบั เคลอ่ื นองคก์ รใหบ้ รรลเุ ป้าหมายท่ีกาหนดไว้

101 โดยจัดต้ัง คณะทางานตดิ ตามประเมนิ ผลที่มกี ลไกและเครือข่ายการดาเนินงานทงั้ หน่วยงานท่ปี ฏิบัตงิ านในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคเช่ือมโยงการประเมินผลตั้งแต่บริบท (Concept) ปัจจัยนาเข้า (Input) กระบวนการ (Process) ผลผลิต (Output) ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ทุกมิติ ประกอบด้วย มิติ ทางกายภาพหรือส่ิงแวดล้อม มิติสังคม และมิติเศรษฐกิจ ที่สามารถสะท้อนผลสัมฤทธ์ิของงานได้ชัดเจน จนนาไปส่กู ารปรบั ปรุงพัฒนาแผนการดาเนินงานโครงการใหเ้ กิดประสิทธิผลและมีประสทิ ธิภาพ คณะกรรมการขบั เคล่ือนโครงการป้องกนั การชะล้างพังทลายของดนิ และฟน้ื ฟูพืน้ ทเี่ กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ ินและนา้ 1 2 3 คณะอนกุ รรมการจดั ทามาตรการ คณะอนุกรรมการด้านการ คณะอนกุ รรมการจัดทาแผนบรหิ าร ด้านการอนุรักษ์ดินและน้าเพ่อื ประเมินสถานการณท์ รพั ยากรดนิ และนา้ ปอ้ งกนั การชะล้างพังทลายของดนิ สู่ โครงการป้องกนั การชะลา้ งพังทลายของดิน ดว้ ย จดั การโครงการป้องกันการชะลา้ ง ระดบั พื้นที่ (Action/Implement) ระบบอนรุ กั ษ์ดนิ และนา้ (Monitoring & Evaluation) พงั ทลายของดนิ และฟ้นื ฟพู ้นื ท่ี แผน ตวั ช้วี ดั ปฏิบัตกิ าร และเกณฑ์ เกษตรกรรมด้วยระบบอนรุ กั ษด์ ินและน้า ระดับพนื้ ท่ี (Planning) แผนบริหารจัดการ คมู่ อื การจัดทามาตรฐาน บริบท (Content) (จ.ลาปาง) ด้านการอนรุ กั ษ์ดินและนา้ ด้านแผนบริหารจดั การ คณะทางานแผนบริหาร คู่มือการปฏิบตั ิงาน ปัจจัยนาเขา้ (Input) จดั การ (Work manual) มาตรการดา้ นการอนุรกั ษด์ นิ และนา้ - ด้านฐานขอ้ มลู ทรัพยากรดนิ แผนบรหิ ารจดั การ และนา้ กระบวนการ (Process) ในปี 2564 - ดา้ นการใชท้ ี่ดิน - มาตรฐานการปฏิบตั ิงานดา้ นต่าง ๆ - ดา้ นการสารวจภาวะเศรษฐกจิ แผนบริหารจัดการ และสงั คม ผลผลิต (Productivity) 1 แห่ง (5 ปี) - ด้านการวางแผนการใชท้ ี่ดิน - ผลผลิต (output) - ผลลพั ธ์ (outcome) พน้ื ที่ได้รบั การป้องกันการชะลา้ ง - ผลกระทบ (impact) และฟื้นฟูพน้ื ท่เี กษตรกรรม พื้นทเี่ กษตรกรรมสามารถใช้ประโยชน์ทด่ี ินได้ (ไมน่ อ้ ยกวา่ 10,000 ไร่ ภายใน 5 ปี) อยา่ งเหมาะสม ลดการสญู เสยี ดนิ เกษตรกรมี รายได้และคณุ ภาพชวี ติ ท่ดี ีขน้ึ

102 การกาหนดบทบาทหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกระดับในการขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการ ทรัพยากรดินและน้าเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ไปสู่การปฏิบัติ ตามบทบาท หน้าท่ี และความรับผิดชอบ ได้แก่ ผู้บริหาร (อธิบดี รองอธิบดี) หน่วยงานท่ีปฏิบัติงาน ส่วนกลาง หน่วยงานท่ีปฏิบัติงานส่วนภูมิภาค รวมถึงหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ มีแนวทางการ ดาเนนิ งาน ดงั นี้ ตารางที่ 6-1 บทบาทของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกระดับในการขับเคล่ือนแผนบริหารจัดการ ทรัพยากรดนิ และน้าเพ่ือป้องกนั การชะลา้ งพังทลายของดินและฟน้ื ฟูพนื้ ทเ่ี กษตรกรรม ระดับหนว่ ยงาน แนวทางการขบั เคลอื่ น หน่วยงานรบั ผดิ ชอบ 1. ระดบั นโยบาย กากบั ดูแลและตดิ ตามการดาเนินงาน คณะกรรมการขบั เคลื่อนโครงการ อธบิ ดี (Policy Maker) ป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วย ระบบอนุรักษด์ ินและน้า กรมพัฒนาทดี่ ิน กากับดแู ลและตดิ ตามการดาเนินงาน คณะทางานจัดทาแผนการบริหาร และ จัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นท่ี เกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้า และขับเคล่ือนงานวิชาการ รองอธิบดี ด้านการกาหนดมาตรการ แนวทางการจัดการดินและน้า ให้รองรับการ กรมพฒั นาทด่ี นิ แกไ้ ขปัญหาตามสภาพพน้ื ที่ กากับดูแลและติดตามการดาเนินงาน ในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ และแผนปฏิบัติราชการ ภายใต้แผนการบริหารจัดการโครงการป้องกัน การชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบ อนุรกั ษด์ นิ และนา้ กากับดูแลและติดตามการดาเนินงานในระดับพื้นที่ และจัดตั้ง คณะทางานจัดทาแผนการบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้าง พังทลายของดินและฟ้ืนฟูพืน้ ทีเ่ กษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดินและนา้ คณะทางานจัดทามาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าเพื่อป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินสู่ระดับพ้ืนที่ คณะทางานด้านการติดตามและ ประเมินผลโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ด้วยระบบ อนรุ ักษด์ นิ และน้า

103 ตารางที่ 6-1 บทบาทของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกระดับในการขับเคล่ือนแผนบริหารจัดการ ทรพั ยากรดนิ และน้าเพื่อป้องกันการชะลา้ งพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพนื้ ท่ีเกษตรกรรม (ตอ่ ) ระดบั แนวทางการขบั เคลอ่ื น หน่วยงาน หน่วยงาน รับผิดชอบ 2. ระดับปฏิบตั ิ (Operator) 2.1 1) จัดประชุมชี้แจงหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ และประสานความ กผง.และ . สว่ นกลาง ร่วมมือ โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานได้กาหนดแนวทางการดาเนินงานร่วมกัน สาหรับใช้ คณะ เป็นกรอบแนวทางการจัดทาแผนปฏิบัติการและแผนปฏิบัติราชการประจาปี รวมถึงการ ติดตามและประเมนิ ผลที่ครอบคลมุ ทกุ มิติ 2) จดั ทามาตรฐานการปฏิบตั ิงาน จากตน้ แบบแผนการบรหิ ารจดั การโครงการปอ้ งกันการ กผง.และ ชะล้างพงั ทลายของดนิ และฟนื้ ฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม ดว้ ยระบบอนรุ ักษด์ ินและน้า สาหรับใช้ คณะ ขยายผลและขับเคล่อื นการดาเนินงานในพื้นทลี่ ่มุ น้าย่อยอน่ื ๆ 3) ขับเคล่ือนและติดตามการดาเนินงานในการจัดทาแผนการบริหารจัดการโครงการ คณะ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและ ทางานฯ นา้ ลุม่ นา้ ย่อย 4) ปรับบทบาทกระบวนการทางานให้สอดคล้องกับเป้าหมายการดาเนินงาน ด้านการ กสด. สวด. สารวจ วิจัยทรัพยากรดินและน้า การวิเคราะห์ดิน การวิเคราะห์สภาพการใช้ท่ีดิน การ กนผ. กวจ. วางแผนการใช้ท่ดี ิน และการประเมินสถานภาพทรัพยากรดิน และการประเมินเชิงเศรษฐ สวพ. สสผ. สงั คม 5) กาหนดมาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าให้สอดคล้องกับแผนการใช้ที่ดินเพ่ือป้อง การการชะลา้ งพงั ทลายและฟ้ืนฟูพ้ืนทีเ่ กษตรกรรม 6) จัดทาฐานข้อมูลการติดตามและประเมินผลในระดับภาพรวมและระดับพ้ืนท่ี ครอบคลุมการประเมนิ ผลเชงิ กายภาพ สงั คมและเศรษฐกจิ 2.2 1) จัดตั้งคณะทางานขบั เคลอ่ื นการบรหิ ารจดั การโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของ สวพ. กวจ. ส่วน ดนิ และฟื้นฟูพนื้ ทเ่ี กษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ กั ษด์ ินและนา้ ระดบั พนื้ ทล่ี มุ่ น้ายอ่ ย ภมู ภิ าค 2) ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานสว่ นกลางและคณะทางานจัดทาแผนการบริหารจัดการ กวจ. กนผ. โครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพนื้ ท่ีเกษตรกรรม ด้วยระบบอนุรักษ์ กผง. ดินและน้า ใหเ้ กิดความเข้าใจจนสามารถนาไปถ่ายทอดแกห่ น่วยงานทรี่ ับผดิ ชอบได้ สพข./สพด. 3) จัดทาแผนการบริหารจดั การโครงการปอ้ งกนั การชะล้างพงั ทลายของดนิ และฟื้นฟูพื้นท่ี เกษตรกรรม ด้วยระบบอนรุ ักษด์ นิ และน้าระดบั ลมุ่ นา้ ย่อย 4) ขับเคลือ่ นการดาเนินงานในระดบั พื้นท่ีใหส้ อดคล้องกับแผนบรหิ ารจัดการ 5) ตดิ ตามและประเมินผลการดาเนินงานอยา่ งตอ่ เน่อื งในระดบั พ้ืนที่ พร้อมรายงานผลการ ดาเนนิ งาน

104 ตารางที่ 6-1 บทบาทของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกระดับในการขับเคล่ือนแผนบริหารจัดการ ทรัพยากรดินและน้าเพ่ือป้องกนั การชะลา้ งพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพื้นที่เกษตรกรรม (ตอ่ ) ระดบั หนว่ ยงาน แนวทางการขบั เคลอ่ื น หนว่ ยงาน รบั ผิดชอบ 3. หนว่ ยงานภาคเี ครอื ข่าย (Network) 1) ประสานความร่วมมือในการกาหนดกรอบแนวทางการจดั ทาแผน หน่วยงานระดบั บรหิ ารจดั การทรัพยากรดินและนา้ เพื่อเช่ือมโยงเป้าหมายการ จงั หวัด ดาเนนิ งานกนั ในระดบั พื้นที่ 2) สนบั สนุนการมสี ว่ นร่วมในการขบั เคลอ่ื นแผนการบรหิ ารจดั การ หนว่ ยงานภาครัฐ โครงการปอ้ งกันการชะลา้ งพงั ทลายของดินและฟื้นฟพู ้นื ท่ี และเอกชน เกษตรกรรม ดว้ ยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และน้าระดบั ลุ่มนา้ ย่อย 3) สรา้ งแนวทางหรือกาหนดรปู แบบการระชาสัมพนั ธใ์ นการทา องคก์ รปกครองสว่ น ความเขา้ ใจกับประชาชนในพื้นท่อี ย่างเป็นรปู ธรรม ทอ้ งถ่ิน 4) รว่ มดาเนินกจิ กรรมหรอื โครงการเพือ่ การบริหารจดั การทรพั ยากร หน่วยงานภาครฐั ดินและนา้ เชงิ บูรณาการ และ 5) ผลติ สอื่ ประชาสมั พนั ธ์ เผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสาร พรอ้ มทัง้ สรา้ ง เอกชนส่อื มวลชน ความตระหนกั และกระตุน้ ใหท้ ุกภาคสว่ นของสงั คมมสี ว่ นร่วมในการ ขับเคล่อื นการดาเนินงาน การดาเนินงานตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรดินเพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและ ฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม มีแนวทางการติดตามประเมินผลเพื่อประเมินผลสัมฤทธ์ิของแผนงาน โดยมีการ ดาเนนิ การในดา้ นตา่ ง ๆ ดังนี้ 1) การติดตามความก้าวหนา้ ในการดาเนินงานตามแผนบริหารทรัพยากรดินเพื่อป้องกันการชะล้าง พังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังส่วนกลาง และ ระดับพื้นท่ี โดยกาหนดให้มีการจัดทารายงานผลการดาเนินงานประจาปี การติดตามประเมินผลสาเร็จ และผลกระทบจากการดาเนนิ งานตามแผนทกุ 2 ปี มกี ารประเมนิ ผลช่วงกลางแผน เพื่อปรบั เป้าหมายและ ตัวชี้วัด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลงไป รวมท้ัง มีการประเมินผลเม่ือสิ้นสุดการดาเนินการ ตามแผนปฏบิ ตั ิการ 2) จดั ตั้งคณะกรรมการตดิ ตามประเมินผล เพ่อื ตดิ ตามความก้าวหน้าการดาเนนิ งาน และผลสัมฤทธ์ิ ของงานในแต่ละด้านตามแผน ท้ังด้านปัจจัยนาเข้า (Input) กระบวนการทางาน (Process) ผลผลิต (Output) ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ประกอบด้วย นักวิชาการจากส่วนกลาง นักวชิ าการและเจา้ หน้าท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ านระดับพื้นที่ และหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวข้อง เขา้ มามสี ่วนร่วมในการติดตาม

105 ประเมินผลตามแผนปฏบิ ัตกิ าร ท่มี ีการกาหนดกรอบตัวชว้ี ัดที่ครอบคลมุ ทุกมิติ ประกอบดว้ ย ประเดน็ การ วดั และตดิ ตามประเมินผล ผู้จดั เก็บตัวชวี้ ดั และรายงานผล (ตารางท่ี 6-2) พร้อมทง้ั เสนอวิธกี ารจดั เก็บและ ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ในการจัดทาฐานข้อมูลเพ่ือ ประเมินการเปล่ียนแปลงตามตัวช้ีวัด ประกอบด้วย ประเด็นการวัด รายการตรวจวัด ผู้รับผิดชอบ ฐานขอ้ มูลกลางและฐานขอ้ มูลเชงิ พืน้ ที่ (ตารางที่ 6-3) ตารางที่ 6-2 กรอบตัวชีว้ ดั ในการติดตามและประเมินผล แผนบรหิ าร ตัวชว้ี ดั ประเด็นการวดั ผ้รู ับผิดชอบ จดั การ และตดิ ตามประเมนิ ผล ตัวชวี้ ัด ระยะส้ัน-ระยะกลาง ปี 2563-64 1. มีฐานข้อมูลด้านการชะล้างพังทลาย - ฐานข้อมูลมีความถูกต้องตาม ผกู้ ากับตวั ชวี้ ัด ข อ ง ดิ น ( soil erosion) ใ น พ้ื น ท่ี หลักวชิ าการ กลุ่มวางแผนการใช้ เกษตรกรรม ท่ดี นิ สพข.6 2. มีแผนการบริหารจัดการทรัพยากร - แผนบริหารจัดการได้รับความ ผู้จดั เก็บและรายงาน ดินระดับลุ่มน้าย่อยท่ีมีการกาหนด เห็นชอบจากคณะกรรมการและ ผลตามตวั ชวี้ ัด มาตรการด้านการป้องกันและฟื้นฟู หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง คณะทางานฯ ทรัพยากรดินตามสภาพปัญหาของพ้ืนที่ 3. มีรูปแบบมาตรการด้านการอนุรักษ์ ดินและน้าสาหรับดาเนินการในระดับ - มาตรการด้านการอนุรักษ์ดิน พน้ื ท่ี และน้าได้รับการยอมรับจาก เกษตรกรและชมุ ชน ปี 2565-69 โครงการป้องกันการชะล้างพังทลาย ผกู้ ากบั ตวั ชว้ี ัด ของดินและฟ้ืนฟูพื้นท่ีเกษตรกรรมลุ่ม สพข.6 นา้ หว้ ยแม่สามขา จังหวัดลาปาง - ความสอดคล้องของมาตรการ 1. ระดบั ผลผลติ (output) ด้านการอนุรักษ์ดินและน้าและ ผ้จู ดั เก็บและรายงาน - ร้อยละความสาเร็จในการ ระยะในการดาเนินงานเป็นไป ผลตามตวั ชีว้ ัด ดาเนินกิจกรรมตามมาตรการด้านการ ตามแผน สพข.6/สพด.ลป อนรุ ักษ์ดนิ และนา้ - พื้นท่ีเกษตรกรรมได้รับการ - จานวนพ้ืนที่เกษตรกรรมได้รับ ป้องกันและฟื้นฟู ไม่น้อยกว่า การป้องกนั และฟ้ืนฟูทรัพยากรดนิ 10,000 ไร่

106 ตารางท่ี 6-2 กรอบตัวชี้วัดในการติดตามและประเมนิ ผล (ตอ่ ) แผนบรหิ าร ตัวชี้วัด ประเด็นการวดั ผรู้ บั ผิดชอบ จดั การ และตดิ ตามประเมินผล ตวั ช้วี ดั 2. ระดบั ผลลพั ธ์ (outcome) - จัดทาฐานข้อมูลเพื่อประเมิน ผ้จู ดั เกบ็ และรายงาน - ท รั พ ย า ก ร ดิ น ส า ม า ร ถใช้ การเปล่ียนแปลงตามตัวช้ีวัด ผลตามตวั ช้ีวัด ประโยชน์ที่ดินได้อย่างคุ้มค่า ลดการ เช่น ค่าการสูญเสียดินคุณภาพ กลมุ่ วางแผนการ สูญเสียหน้าดินท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ดิน ความชื้นในดินปริมาณ ใชท้ ี่ดิน สพข.6 ผลติ ภาคการเกษตร ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ตะกอนดินและปริมาณการกัก 80 เม่ือเปรียบเทียบกับปีฐานหรือ เกบ็ น้า คา่ เฉล่ียในพืน้ ทรี่ ะดับลุม่ น้ายอ่ ย ปี 2565-69 - รักษาและเพ่ิมความชุ่มชื้นให้กับดิน สวพ./กลมุ่ สารวจและ (ตอ่ ) ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ทาแผนท่ี สพข 6. ปีฐาน หรือคา่ เฉลยี่ ในพืน้ ทร่ี ะดบั ลุ่มนา้ ยอ่ ย - เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้าภาค สวพ./กลุ่มสารวจ การเกษตร ด้วยการเพ่ิมแหล่งน้าต้นทุน และทาแผนที่ สพข. และระบบการกระจายน้า ไม่น้อยกว่า รอ้ ย 6 ละ 80 เมื่อเปรียบเทียบกับปีฐาน หรือ ค่าเฉล่ยี ในพ้นื ที่ระดบั ลุ่มน้ายอ่ ย - เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ท่ีดินได้ กลุ่มวางแผนการใช้ อย่างเหมาะสมตรงตามศักยภาพของพื้นที่ ที่ดิน /กลุ่มวิชาการ ไมน่ อ้ ยกว่า ร้อยละ 80 เมือ่ เปรียบเทียบกบั สพข.6 ปฐี านหรอื ค่าเฉล่ยี ในพืน้ ทีร่ ะดับลมุ่ น้าย่อย 3. ระดับผลกระทบ (impact) - สารวจขอ้ มูลเชงิ สงั คม กลุ่มวางแผนการ - เพ่ิมผลผลิตภาคการเกษตร เศรษฐกิจเพือ่ ประเมินการ ใชท้ ่ดี นิ สพข.6 - เพ่ิมรายได้ในครัวเรอื นให้กบั เปล่ยี นแปลงหลังไดร้ บั เกษตรกร ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 30 เม่อื ประโยชน์จากมาตรการตาม เปรียบเทยี บกบั ปีฐาน หรอื คา่ เฉลย่ี ในพ้นื ที่ ตัวชี้วัดด้านสังคมเศรษฐกิจ ระดบั ลุ่มนา้ ย่อย - เพ่ิมมูลค่าการผลิตภาคการเกษตร และผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ไม่ น้อยกว่า ร้อยละ 30 เม่ือเปรียบเทียบกับปี ฐาน หรือคา่ เฉลย่ี ในพน้ื ทีร่ ะดับลุ่มนา้ ย่อย

107 ตารางที่ 6-3 การจัดทาฐานข้อมูลเพื่อประเมินการเปล่ียนแปลงตามตัวช้ีวัดมิติกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ประเด็น ประเด็นตวั ชว้ี ดั * รายการตรวจวดั *ประเมนิ / ผู้รบั ผิดชอบ 1.1 อัตราการ 1. ข้อมูล สญู เสยี ของดนิ - ปริมาณฝน (ความเขม้ ของฝน) ฐานข้อมลู เชงิ พื้นท่ี จัดทาฐานขอ้ มลู กลาง ดนิ และ - ความคงทนต่อการถูกชะล้าง ส่งิ แวดลอ้ ม 1.2 ปริมาณดนิ พังทลายของดิน สว่ นภมู ภิ าค 1. ผู้เชย่ี วชาญ หรือตะกอนท่ีสญู - ความลาดชันของพืน้ ที่ หายไป (กโิ ลกรัม - การจดั การพชื (สพข.6/กลุ่ม ส่วนภูมภิ าคและ ต่อไร่) - การปฏิบัติการป้องกันการชะล้าง พังทลายของดนิ วชิ าการเพ่อื การ สว่ นกลาง : 1.3 การ - วัดความลึกของหน้าดินท่ีสูญ เปลยี่ นแปลง หายไป หรือท่ีทบั ถม โดยใช้หลักวัด พฒั นาที่ดิน/กลุม่ คดั กรองข้อมลู ลกั ษณะ และ หรอื หมุด (pin) สมบัตดิ ินทาง - ขนาดพืน้ ที่ (ไร)่ วางแผนการใช้ 2. กวจ. : จัดเกบ็ กายภาพ และทาง - ความหนาแนน่ ของดิน เคมี และชีวภาพ - บ่อดักตะกอน ทีด่ นิ /กลมุ่ สารวจ และนาเขา้ 1.4 ระดบั ความ - การทาคาบรรยายหนา้ ตัดดิน (สี อุดมสมบรู ณ์ของ ดิน เนือ้ ดนิ จุดประสี โครงสร้างดนิ และทาแผนท/่ี กลมุ่ ฐานขอ้ มูลกลาง ดนิ การปนเปื้อน ปริมาณรากพชื เป็นต้น) ในดิน/ตะกอน - ความช้นื ในดิน หรือ นา้ ในดิน วเิ คราะหด์ นิ / และประเมนิ เชิง - การกระจายตวั ของเมด็ ดนิ 1.5 ปรมิ าณและ - ส่ิงมชี วี ติ ในดิน สพด.ลาปาง) วชิ าการ มลู คา่ การสญู เสีย - อินทรียวัตถใุ นดนิ ของธาตุอาหาร - ฟอสฟอรัสทเ่ี ปน็ ประโยชน์ 3. กผง. : ประเมิน และคารบ์ อนใน - โพแทสเซยี มทีเ่ ปน็ ประโยชน์ ดิน - ความจแุ ลกเปลยี่ นแคตไอออน ภาพรวมเชงิ นโยบาย - เบสทอ่ี ิม่ ตัว - ปัจจัยชคี้ ่าบรกิ ารเชงิ ระบบนเิ วศ - ปริมาณสารตกค้างในดิน และ ตะกอนท่ีพดั ไปทบั ถมอีกพื้นทห่ี น่ึง - ธาตุอาหารในดิน - ปรมิ าณอินทรยี ์คาร์บอนในดิน - การปลดปลอ่ ยกา๊ ชเรอื นกระจก - การจัดการดิน นา้ ปุย๋ และพืช - ราคาป๋ยุ ทีใ่ ช้ในพ้นื ที่

108 ตารางท่ี 3-6 การจัดทาฐานข้อมูลเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงตามตัวชี้วัดมิติกายภาพ เศรษฐกิจ และสงั คม (ตอ่ ) ประเดน็ ประเด็นตวั ชีว้ ัด* รายการตรวจวดั *ประเมนิ / ผรู้ บั ผิดชอบ 2. ข้อมลู นา้ ฐานขอ้ มูลเชงิ พน้ื ที่ จดั ทาฐานขอ้ มูลกลาง 2.1 ปริมาณตะกอน - นา้ หนกั ของตะกอนในนา้ และ สว่ นภูมภิ าค 1. ผ้เู ชย่ี วชาญ และ (สพข.6/กลมุ่ สว่ นภมู ภิ าค และ ส่ิงแวดล้อม ในนา้ และแหลง่ นา้ แหล่งน้า วชิ าการเพ่อื การ ส่วนกลาง : พัฒนาท่ีดิน/กลมุ่ คดั กรองข้อมลู 3.ขอ้ มลู พชื 2.2 คุณภาพของนา้ - ค่าความขนุ่ ของนา้ และสมบัตทิ ี่ วางแผนการใช้ 2. กวจ. : จัดเกบ็ และ ที่ดนิ /กลมุ่ สารวจ และนาเข้า และแหลง่ น้า เก่ียวขอ้ ง โดยชดุ ทดสอบในสนาม และทาแผนท/่ี ฐานข้อมลู กลาง สงิ่ แวดล้อม กลุ่มวเิ คราะหด์ ิน/ และประเมินเชงิ (โดยเฉพาะนา้ เพ่ือ หรือวเิ คราะหใ์ นหอ้ งปฏิบตั กิ าร สพด.ลาปาง) วชิ าการ อุปโภคและบรโิ ภค) - สารปนเป้อื นในน้า เชน่ โลหะหนกั 3. กผง. : ประเมิน ภาพรวมเชิง 2.3 ความจุของการ สารเคมตี กคา้ ง ปุ๋ย นโยบาย กกั เกบ็ นา้ ในแหล่ง - ความต้ืนเขนิ ของแหล่งนา้ นา้ (ฝาย บ่อ อาคาร - จานวน และสถานที่ท่ีได้รบั และอ่างเกบ็ นา้ ) ผลกระทบ 2.4 ปรมิ าณและ - ธาตอุ าหารในดิน มลู ค่าการสญู เสีย - ปริมาณอนิ ทรยี ค์ ารบ์ อนในดนิ ของธาตุอาหาร และ - ราคาปุ๋ยที่ใช้ในพ้นื ท่ี คาร์บอนในน้า 3.1 การเปลย่ี นแปลง - ชนดิ พืช การใชท้ ดี่ ิน - การจดั การพ้นื ท่ี เช่น การเผา - การปลดปล่อยก๊าชเรอื นกระจก 3.2 การเจริญเติบโต - ปริมาณการสูญหายของเมลด็ พันธ์ุ และผลผลติ ตาม - องค์ประกอบของผลผลิต ช่วงเวลาคาดว่าเกดิ - คุณภาพผลผลิต ชะลา้ งพังทลาย - ความเสียหายต่อพืช เช่น พืชล้ม ตาย 4. สภาพ 4.1 รายได้ และ - ต้นทุนการผลติ เศรษฐกิจ สภาพความเปน็ อยู่ - รายจา่ ย สงั คม - คา่ แรง หมายเหตุ : * พิจารณาตามสภาพภมู สิ งั คม ** วิธีการเก็บตวั อย่าง เก็บขอ้ มูล และวเิ คราะห์ตวั อย่างและข้อมูลตามระบบมาตรฐานสากล ผปู้ ระเมนิ ผลเชงิ นโยบาย : กองแผนงาน ผู้รวบรวมภาพรวม และประเมินผลเชิงวิชาการ : กองวิจยั และพัฒนาการจัดการทีด่ นิ ผู้รวบรวมข้อมลู เชิงพน้ื ท่ี : สถานีพฒั นาท่ดี นิ ลาปาง สานกั งานพฒั นาท่ดี ิน 6 และหนว่ ยอ่ืน ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

109 กรมการพัฒนาชมุ ชน. 2562. สรปุ ข้อมูลพ้ืนฐานระดับหมู่บ้าน (กชช. 2ค) ปี 2562 ระดบั ตาบล (Online). สบื คน้ จาก http://www.rdic.cdd.go.th/nrd-service (10 พฤษภาคม 2563). กรมปา่ ไม้. 2560. แผนที่ขอบเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติ (ไฟล์ข้อมูล). กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดล้อม. กรมพัฒนาที่ดิน. 2545. การประเมินการสญู เสียดินในประเทศไทย. กรมพัฒนาท่ดี นิ กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กรงุ เทพฯ. กรมพัฒนาท่ีดนิ 2551. คู่มือการสารวจดนิ . เอกสารวิชาการฉบบั ที่ 30/03/50. สว่ นมาตรฐานการสารวจ จาแนกดินและทด่ี ิน สานักสารวจดินและวางแผนการใชท้ ีด่ ิน. กรมพฒั นาที่ดิน. 2558. สถานภาพทรพั ยากรดนิ และที่ดินของประเทศไทย. กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 304 หน้า. กรมพัฒนาทด่ี นิ . 2561 แผนบริหารจัดการทรัพยากรดินของประเทศไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580). กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 161 หน้า. คณะกรรมการจดั ทาปทานกุ รมปฐพวี ิทยา. 2541. ปทานุกรมปฐพวี ิทยา. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 169 หน้า. คณะกรรมการนโยบายที่ดินแหง่ ชาต.ิ 2562. ค่มู อื การจัดที่ดนิ ทากินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลภายใต้ คณะกรรมการนโยบายทดี่ ินแห่งชาติ ฉบบั ปรบั ปรุง ครงั้ ที่ 3 ฝ่ายเลขานกุ ารคณะกรรมการนโยบาย ท่ดี นิ แหง่ ชาติ (คทช.) สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม, 2562, กรงุ เทพฯ. มนู ศรขี จร อรรถ สมร่าง ไพบลู ย์ ประโมจนยี ์ สทุ ธพิ งษ์ ประทับวิทย์ ไชยสทิ ธ์ิ อเนกสมั พนั ธ์ และปทมุ พร ฟน่ั เพ็ง. 2527. การใช้สมการสูญเสียดินสากลสาหรบั ประเทศไทย. รายงานการประชมุ วิชาการประจาปี 2527. กองบรริ ักษ์ กรมพัฒนาทด่ี ิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมพฒั นาทีด่ ิน. ศนู ย์อทุ กวิทยาชลประทานภาคเหนอื ตอนบน. 2562. ปรมิ าณน้าทา่ เฉลีย่ รายเดือนแมน่ า้ วงั (Online). สบื ค้นจาก https://www.hydro-1.net/Data/HD-04/4-07.html (30 กรกฎาคม 2563) สานักงานโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม. 2561. โครงการส่งเสริมศักยภาพการ ขบั เคล่อื นแผนการบรหิ ารจัดการท่ดี นิ และทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2560 - 2564). กรงุ เทพฯ Arnold, J.G., R. Srinivasan, R.S. Muttiah, and J.R. Williums. 1998. Large area hydrologic modelling and assessment. Part I: Model development: Journal of the American Water Resources Association 34: 73-89.

110 Hickey, R., Smith, A. and P. Jankowski. 1994. Slope Length Calculations from a DEM within ARC/INFO GRID: Computers, Environmental and Urban Systems, v. 18, no. 5. Kunta, K. 2009. Effects of Geographic Information Quality on Soil Erosion Prediction. Ph.D. Thesis ETH- Zurich. Lanning-Rush, J. 2000. Regional Equations for Estimating Mean Annual and Mean Seasonal Runoff for Natural Basins in Texas, Base Period 1961 – 90. United State Geological Survey, Water-Resources Investigations Report 00-4064. Austin, Texas. 34 p. Wischmeier, W.H. and D.D. Smith. 1965. Predition Rainfall Erosion Lossess from Cropland East of the Rocky Mountains: A Guide for Selection of Practices for Soil and Water Conservation. Agricultal Handbook, No. 282, 47 p.

111 ภาคผนวกท่ี 1 : คาอธิบายชดุ ดนิ ภาคผนวกท่ี 2 : ภาพประกอบกิจกรรมการสารวจพื้นท่ี

112 ชุดดิน (Soil series) หมายถึง หน่วยจาแนกดินระดับต่าสุดของการจาแนกดินตามระบบ อนุกรมวิธาน โดยถือลักษณะทางสัณฐานของดินเป็นหลัก เช่น ความหนาของช้ันดิน การจัดเรียงของช้ัน ดนิ โครงสร้างดิน สีดนิ เน้อื ดนิ ปฏกิ ิริยาดิน การยึดตวั ปริมาณคารบ์ อเนตและเกลือชนดิ ต่างๆ ฮวิ มัส เศษ หิน องค์ประกอบของแร่ในดิน วัตถุต้นกาเนิดดิน เป็นต้น (คณะกรรมการจัดทาปทานุกรมปฐพีวิทยา, 2541) ดนิ คล้าย (Soil variants) หมายถึง หนว่ ยแผนทด่ี นิ ทีม่ ลี กั ษณะเดียวกับหนว่ ยดินเด่ียว แตม่ ลี ักษณะ แตกตา่ งไปจากชดุ ดนิ ทเ่ี คยกาหนดไว้แล้ว มีลักษณะเดน่ ชัดพอทจ่ี ะกาหนดเป็นชุดดนิ ใหม่ไดต้ ามระบบการ จาแนกดิน แต่เน้ือที่ท่ีพบจากการสารวจยังมีเนื้อท่ีน้อยกว่าพิกัดท่ีกาหนดไว้ จึงแยกเป็นอีกหน่วยหนึ่งโดย ให้ช่ือชุดดินที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมากที่สุด แล้วกากับด้วยลักษณะท่ีแตกต่างกับดินที่ให้ชื่อ (คณะกรรมการจัดทาปทานกุ รมปฐพวี ิทยา, 2541) 1) ดินตะกอนนา้ พาเชิงซ้อนท่มี ีการระบายนา้ ค่อนขา้ งเลว (Ac-spd,fl) การจาแนกดิน (USDA) Fine-loamy, mixed isohyperthermic Fluventic Endoaquepts สภาพพ้ืนที่ ราบเรยี บถึงค่อนขา้ งราบเรียบ ความลาดชัน 0-2 % ภมู ิสัณฐาน ทีร่ าบระหวา่ งเนินเขา วตั ถุตน้ กาเนิด ตะกอนนา้ พาใหม่ การระบายนา้ ค่อนข้างเลว การซึมผ่านได้ของน้า ช้า การไหลบา่ ของน้าบนผวิ ดิน ปานกลางถงึ ชา้ ลกั ษณะสมบัติของดิน เป็นดินลึกถึงลึกมาก มีลักษณะการสลับช้ันของเนื้อดิน ดินบนเป็นดินร่วนปน ทรายหรือดินทรายปนดินรว่ น สนี ้าตาลเข้มหรือสีน้าตาลปนเทาเข้ม ปฏกิ ริ ิยาดิน เป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดินล่างเป็นดินร่วนปนทรายถึงดนิ ร่วนเหนียวอาจพบกรวดท้องน้าปะปนในชั้นดินล่าง สีน้าตาล สีน้าตาลปนเทา พบจุดประสีแดง สแี ดงปนเหลือง ปฏิกิรยิ าดินเปน็ กรดเล็กน้อยถงึ เป็นกลาง (pH 6.5-7.0) ขอ้ จากดั ความอุดมสมบูรณ์ต่าและเป็นดินเน้ือหยาบ รวมท้ังอาจมีความเสีย่ งเร่ืองน้าทว่ ม ฉบั พลนั 2) ชุดดินเชยี งใหม่ (Cm) การจาแนกดิน (USDA) Coarse-loamy, mixed, superactive, nonacid, isohyperthermic Oxyaquic Ustifluvents สภาพพืน้ ท่ี ราบเรยี บถงึ คอ่ นขา้ งราบเรยี บ มีความลาดชัน 0-2 % ภมู ิสัณฐาน สันดินริมนา้ ของท่ีราบนา้ ท่วมถึง

113 วตั ถตุ ้นกาเนิดดิน ตะกอนนา้ พา การระบายน้า ดปี าน กลางถึงดี สภาพซึมผ่านไดข้ องน้า ปานกลาง การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดิน ปานกลาง ลักษณะสมบตั ิของดนิ เป็นดินลึกมาก ที่มีการสลับชั้นของเนื้อดินต่างๆ เน่ืองจากการทับถมเป็นประจา ของตะกอนน้าพาเมื่อมีน้าท่วมล้นฝั่ง ดินบนเป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย แป้งหรือดินร่วนปนทราย สีน้าตาลหรือสีน้าตาลปนเทา ปฏิกิริยาดินเป็นกรด ปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดินล่างเป็นดินร่วนปนทราย หรือดินร่วน ปนทรายแป้ง สีน้าตาลหรือสีน้าตาลปนเหลืองหรือสีน้าตาลปนเทา มีจุดประสี น้าตาลแก่ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 6.0-6.5) ปกตจิ ะพบเกลด็ ไมกาตลอดช้นั ข้อจากัด ในฤดฝู นอาจมีน้าท่วมบา่ และแช่ขงั 3) ดนิ หางดงท่ีมีการระบายนา้ ค่อนข้างเลว (Hd-spd) การจาแนกดิน (USDA) Fine, mixed, semiactive, isohyperthermic Aeric Endoaqualfs สภาพพนื้ ท่ี ราบเรยี บถึงคอ่ นข้างราบเรียบ มคี วามลาดชนั 0-2 % ภูมสิ ัณฐาน ทร่ี าบตะกอนน้าพา วัตถตุ ้นกาเนดิ ดิน ตะกอนน้าพา การระบายนา้ เลว การซึมผา่ นได้ของนา้ ชา้ การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดิน ช้า ลกั ษณะสมบัติของดนิ เปน็ ดนิ เหนยี วลึกมาก ดินบนเปน็ ดินร่วนปนดนิ เหนียวหรือดินร่วนเหนยี วปนทราย แป้งสเี ทาถงึ เทาเข้ม ปฏิกริ ิยาดนิ เปน็ กรดจดั ถงึ เป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดนิ ล่างเป็นดินร่วนปนดินเหนียว ดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทรายแป้ง สีเทา พบจุด ประสีน้าตาลปนเหลืองหรือสีน้าตาลแก่ตลอดหน้าตัดดิน ปฏิกิริยาดินเป็นกรด เล็กน้อยถึงเป็นด่างปานกลาง (pH 6.5-8.0) ในบางพ้ืนที่ อาจพบชั้นทรายบางๆ แทรกสลบั ในดนิ ช้ันลา่ ง 4) ชดุ ดนิ หนิ ซ้อน (Hs) การจาแนกดิน (USDA) Fine, mixed, active, isohyperthermic Lithic Haplustalfs สภาพพน้ื ที่ ลกู คลืน่ ลอนลาดเลก็ นอ้ ยถึงลูกคลื่นลอนชนั มคี วามลาดชนั 2-20 % ภมู สิ ณั ฐาน ลานตะพกั เชิงเขา เนินเขา หรือบริเวณพืน้ ทีเ่ หลือค้างจากการกดั กร่อน วัตถตุ น้ กาเนิดดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินดนิ ดานและไดร้ บั อิทธพิ ลจากหนิ ปูน การระบายน้า ดี การซึมผ่านได้ของน้า ปานกลางถงึ ดี การไหลบา่ ของน้าบนผิวดนิ ปานกลาง

114 ลักษณะสมบตั ขิ องดิน เป็นดินตื้นถึงชั้นหินพ้ืน เนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียวถึงดินเหนียวตลอด ดินบนมีสี น้าตาลหรือน้าตาลปนแดง ดินล่างมีสีน้าตาลปนแดงถึงน้าตาลปนแดงเข้มและ อาจมีเม็ดปูนสีขาวปะปนอยู่ จะพบชั้นของหินดินดานท่ีกาลังสลายตัวอยู่ในช่วง ความลึกไม่เกิน 50 ซม.จากผิวดิน อาจพบก้อนหินปูนอยู่บนผิวดินหรือในหน้า ตัดดินด้วย ปฏิกิริยาดินเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นกลาง (pH 6.5-7.0) ในดินบน และเป็นกลางถึงเป็นด่างปานกลาง (pH 7.0-8.0) ในดินล่าง และมักมีก้อนหิน ลอยหน้า ข้อจากดั เป็นดินตื้น บางแห่งมีหินอยู่บนผิวดินและปนอยู่ในดิน ทาให้ลาบากในการไถ พรวน และรากพืชชอนไชได้ยาก เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้าถ้าฝนทิ้งช่วงนาน เกนิ ไปทาให้ผลผลิตเสียหาย 5) หนว่ ยดนิ เชงิ ซอ้ นของดินหินซ้อน (Hs-md) การจาแนกดนิ (USDA) Fine, mixed, active, isohyperthermic Ultic Haplustalfs สภาพพื้นท่ี ลกู คล่ืนลอนลาดเล็กน้อย มีความลาดชัน 2-5 % ภูมสิ ณั ฐาน ลานตะพัก เชงิ เขา เนินเขา หรอื บรเิ วณพนื้ ท่เี หลอื ค้างจากการกัดกร่อน วตั ถตุ น้ กาเนดิ ดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคลื่อนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินดินดานและได้รับอิทธิพลจากหนิ ปูน การระบายน้า ดี การซมึ ผ่านได้ของน้า ปานกลางถงึ ดี การไหลบา่ ของน้าบนผิวดนิ ปานกลาง ลักษณะสมบัตขิ องดิน เป็นดินต้ืนถึงช้ันหินพ้ืน เนื้อดินเป็นดินร่วนเหนียวถึงดินเหนียวตลอด ดินบนมีสี น้าตาลหรือน้าตาลปนแดง ดินล่างมีสีน้าตาลปนแดงถึงน้าตาลปนแดงเข้มและ อาจมีเม็ดปูนสีขาวปะปนอยู่ จะพบช้ันของหินดินดานท่ีกาลังสลายตัวอยู่ในช่วง ความลึกไม่เกิน 50 ซม.จากผิวดิน อาจพบก้อนหินปูนอยู่บนผิวดินหรือในหน้า ตัดดินด้วย ปฏิกิริยาดินเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นกลาง (pH 6.5-7.0) ในดินบน และเป็นกลางถึงเป็นด่างปานกลาง (pH 7.0-8.0) ในดินล่าง และมักมีก้อนหิน ลอยหน้า 6) ชดุ ดนิ ล้ี (Li) การจาแนกดนิ (USDA) Clayey-skeletal, mixed, semiactive, isohyperthermic, Ultic Haplustalfs สภาพพื้นท่ี ลูกคลน่ื ลอนลาดถงึ ลกู คลนื่ ลอนชัน มีความลาดชัน 5-20 % ภูมสิ ัณฐาน ลานตะพกั เชงิ เขา เนนิ เขา หรือบริเวณพน้ื ทีท่ เี่ หลือค้างจากการกัดกร่อน วตั ถตุ น้ กาเนิดดิน การผพุ งั สลายตวั อยกู่ ับที่ และ/หรอื เคล่ือนยา้ ยมาเปน็ ระยะทางไม่ไกลนัก ของหนิ ตะกอนเนือ้ ละเอียดหรอื หินในกลุม่ และหินทีแ่ ปรสภาพ การระบายน้า ดี

115 การซึมผ่านไดข้ องนา้ ปานกลาง การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดนิ ปานกลางถึงเรว็ ลักษณะสมบตั ขิ องดนิ เป็นดินต้ืนหรือต้ืนมากถึงชั้นเศษหินหนาแน่น ดินบนเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย แป้งหรือดินร่วนปนดินเหนียวปนเศษหิน สีน้าตาลเข้มหรือน้าตาลปนแดงเข้ม ปฏิกริ ิยาดินเปน็ กรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดนิ ลา่ งเป็นดนิ เหนียวปน เศษหินหนาแน่นมาก สีแดงปนเหลือง หรือเหลืองปนแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด ถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ช้ันหินพ้ืนท่ีกาลังสลายตัวพบตั้งแต่ระดับตื้นถึง ลึกปานกลาง ข้อจากดั เป็นดินต้ืนถึงชั้นเศษหินหนาแน่น พื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ดินจะถูกชะล้างพังทลาย ไดง้ า่ ย 7) ชุดดินลาดหญ้า (Ly) การจาแนกดนิ (USDA) Fine-loamy, siliceous, isohyperthermic Kanhaplic Haplustults สภาพพื้นที่ ลูกคลืน่ ลอนลาด มีความลาดชัน 5-12% ภูมสิ ณั ฐาน ลานตะพัก เชงิ เขา เนนิ เขา หรอื บรเิ วณพืน้ ทีเ่ หลอื คา้ งจากการกดั กร่อน วตั ถุต้นกาเนิดดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับท่ี และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หนิ ทรายและหนิ ควอร์ตไซต์ โดยมีหนิ ดนิ ดานและหนิ ฟลิ ไลท์เปน็ หินพ้นื การระบายนา้ ดี การซึมผา่ นไดข้ องนา้ ปานกลาง การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดนิ ปานกลางถงึ เร็ว ลักษณะสมบัติของดิน เป็นดินลึกปานกลางถึงชัน้ เศษหิน กรวด ดนิ บนเปน็ ดินรว่ นหรอื ดินร่วนปนทราย สีน้าตาล สนี ้าตาลปนเทาหรือสีนา้ ตาลปนเหลือง ปฏิกิรยิ าดนิ เปน็ กรดจัดมากถึง เป็นกรดปานกลาง (pH 5.0-6.0) ดินล่างตอนบน เป็นดินร่วนปนทรายหรือดิน ร่วนเหนียวปนทราย สีน้าตาลหรือสีน้าตาลปนแดง ดินล่างตอนล่างเป็นดินร่วน เหนียวปนทรายปนกรวดหรือเศษหิน สีน้าตาล เหลือง หรือแดงปนเหลือง ในช่วงความลึก 50-125 ซม.จากผิวดิน พบก้อนกรวดเป็นพวกเศษหินควอร์ต ไซต์ หินทราย หินฟิลไลท์ และหินดินดาน และมวลสารกลมของหินลูกรัง กระจายอยู่ท่ัวไปในชัน้ ดิน ปฏกิ ริ ยิ าดินเป็นกรดจัดมากถงึ กรดจัด (pH 4.5-5.0) ขอ้ จากดั ความอุดมสมบูรณ์ต่า เส่ียงต่อการขาดแคลนน้า และการกัดกร่อนของดิน ถ้าไม่ มีการจัดการทเี่ หมาะสมในพน้ื ทที่ มี่ คี วามลาดชนั สูง 8) ชดุ ดินมวกเหล็ก (Ml) การจาแนกดนิ (USDA) Clayey-skeletal,mixed,semiactive,isohyperthermicUlticHaplustalfs สภาพพ้ืนท่ี ลกู คลนื่ ลอนลาดถึงลูกคลืน่ ลอนชนั มคี วามลาดชนั 5-20 % ภูมิสัณฐาน ลานตะพัก เชิงเขา เนินเขา หรือบริเวณพืน้ ทเี่ หลอื ค้างจากการกดั กร่อน

116 วตั ถตุ น้ กาเนดิ ดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินตะกอนเนือ้ ละเอยี ดหรือหนิ ในกลุม่ และหินทแี่ ปรสภาพ การระบายนา้ ดี การซึมผ่านไดข้ องน้า ปานกลาง การไหลบา่ ของนา้ บนผิวดนิ ปานกลางถึงเรว็ ลักษณะสมบตั ขิ องดิน เปน็ ดินต้ืนถงึ ช้ันเศษหินหนาแนน่ และ/หรอื หนิ ต้นกาเนดิ ดินบนเปน็ ดินรว่ นหรือ ดินรว่ นปนทรายแป้ง สนี า้ ตาลปนเทาหรือน้าตาลเข้ม ปฏิกิรยิ าดนิ เปน็ กรดจัดถึง เป็นกลาง (pH 5.5-7.0) ดินล่าง มีสีน้าตาลปนเหลือง น้าตาล หรือน้าตาลเข้ม เน้ือดินเป็นดินร่วนปนดินเหนียว หรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง หรือดิน เหนียว ท่ีมีเศษหินหรือกรวดปะปนมาก ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรด เล็กน้อย (pH 5.5-6.5) จะพบหินที่กาลังสลายตัวที่ความลกึ ไม่เกิน 50 ซม. จาก ผิวดนิ บางบริเวณอาจพบเศษหนิ ลอยอยูบ่ นหน้าดนิ ขอ้ จากดั เป็นดนิ ตืน้ พบช้นั หนิ พนื้ ทคี่ วามลึกไมเ่ กิน 50 ซม.จากผวิ ดนิ เป็นอุปสรรคในการ เจรญิ เตบิ โตของรากพชื 9) ชุดดนิ แม่รมิ (Mr) การจาแนกดิน (USDA) Loamy-skeletal, mixed, isohyperthermic Typic (Kandic) Paleustults สภาพพืน้ ที่ ลกู คล่นื ลอนลาดถึงเนินเขา มคี วามลาดชัน 5-35 % ภูมสิ ณั ฐาน ตะพกั ลานา้ ระดบั สงู วตั ถตุ ้นกาเนิดดนิ ตะกอนนา้ พา การระบายนา้ ดี การซมึ ผ่านได้ของน้า ปานกลางถงึ เร็ว การไหลบา่ ของน้าบนผวิ ดิน ช้าถงึ เรว็ ลักษณะสมบัติของดนิ เป็นดินตื้นหรือต้ืนมากถึงชั้นก้อนกรวดและหินมนเล็กหนาแน่นต้ังแต่ภายใน 50 ซม.จากผิวดิน ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือทรายปนดินร่วน อาจมีกรวดและ หินมนเลก็ ปะปน สีนา้ ตาลถึงนา้ ตาลเขม้ หรอื นา้ ตาลปนเทา ปฏิกริ ยิ าดนิ เป็นกรด จัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดินล่างเป็นดินร่วนปนดินเหนียวหรือดิน ร่วนเหนียวปนทราย มีกรวดและหินมนเล็กปะปนอยู่หนาแน่นมาก มากกว่า 35 % โดยปริมาตร สีน้าตาลปนเหลืองถึงแดงปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด มากถึงเป็นกรดจดั (pH 4.5-5.5) ขอ้ จากดั เป็นดินตื้นถึงชั้นกรวดและหินมนเล็ก ความอุดมสมบูรณ์ต่า พ้ืนที่ท่ีมีความลาด ชันสงู ดนิ จะถกู ชะล้างพงั ทลายได้ง่าย 10) ดินแม่รมิ ท่ีมจี ุดประสีเทา (Mr-gm) การจาแนกดิน (USDA) Loamy-skeletal, mixed, isohyperthermic Typic (Aquic) Paleustults สภาพพืน้ ท่ี ลกู คล่ืนลอนลาดเล็กน้อย มีความลาดชัน 2-5 %

117 ภมู ิสณั ฐาน ตะพกั ลานา้ ระดับสงู วตั ถุตน้ กาเนดิ ดิน ตะกอนนา้ พา การระบายน้า ดี การซึมผา่ นได้ของน้า ปานกลางถึงเร็ว การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดิน ช้าถึงเรว็ ลกั ษณะสมบตั ขิ องดิน เป็นดินตื้นหรือตื้นมากถึงชั้นก้อนกรวดและหินมนเล็กหนาแน่นตั้งแต่ภายใน 50 ซม.จากผิวดิน ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือทรายปนดินร่วน อาจมีกรวดและ หนิ มนเลก็ ปะปน สีน้าตาลถึงน้าตาลเขม้ หรือน้าตาลปนเทา ปฏิกริ ิยาดินเปน็ กรด จัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดินล่างเป็นดินร่วนปนดินเหนียวหรือดิน ร่วนเหนียวปนทราย มีกรวดและหินมนเล็กปะปนอยู่หนาแน่นมาก มากกว่า 35 % โดยปริมาตร สีน้าตาลปนเหลืองถึงแดงปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัด มากถึงเป็นกรดจดั (pH 4.5-5.5) ขอ้ จากัด เป็นดินต้ืนถึงช้ันกรวดและหินมนเล็ก ความอุดมสมบูรณ์ต่า พ้ืนท่ีที่มีความลาด ชันสูงดนิ จะถูกชะล้างพังทลายได้งา่ ย 11) ชุดดนิ แม่สาย (Ms) การจาแนกดนิ (USDA) Fine-silty, mixed, semiactive, isohyperthermic Aeric Endoaqualfs สภาพพื้นท่ี ราบเรียบถึงค่อนขา้ งราบเรยี บ มคี วามลาดชัน 0-2 % ภูมิสัณฐาน ท่รี าบตะกอนนา้ พา วตั ถตุ น้ กาเนดิ ดิน ตะกอนน้าพา การระบายน้า คอ่ นข้างเลว การซมึ ผ่านไดข้ องนา้ ชา้ การไหลบา่ ของนา้ บนผวิ ดนิ ชา้ ลกั ษณะสมบัติของดนิ เป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายแป้งหรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง สีเทาเข้มหรือน้าตาลปนเทาเข้ม มีจุดประสีน้าตาลปนเหลืองหรือสีน้าตาลแก่ ปฏกิ ิรยิ าดนิ เป็นกรดปานกลางถงึ เป็นกรดเล็กน้อย (pH 6.0-6.5) ดนิ ล่างเป็นดิน รว่ นเหนยี วปนทรายแป้ง สนี า้ ตาลปนเทา และเทาในตอนล่าง มีจุดประสีน้าตาล ปนเหลืองหรือน้าตาลแก่ ปฏิกริ ิยาดินเป็นกรดเลก็ น้อยถึงเปน็ ด่างปานกลาง (pH 6.5-8.0) ข้อจากดั เสย่ี งต่อการขาดแคลนน้า ขอ้ เสนอแนะ ปรับปรุงบารุงดินโดยใช้อินทรียวัตถุ และเพิ่มผลผลิตโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับ ปุ๋ยเคมี ในพ้ืนที่ชลประทาน นอกฤดูทานาอาจปลูกพืชไร่หรือพืชผัก ซ่ึงจะต้อง ยกร่องและปรับสภาพดินใหร้ ่วนซยุ และระบายนา้ ดขี ้ึน โดยการเพมิ่ อินทรยี วตั ถุ

118 12) ชดุ ดินผาลาด (Pl) การจาแนกดิน (USDA) Clayey-skeletal, mixed, active, isohyperthermic Oxyaquic Haplustalfs สภาพพน้ื ท่ี คอ่ นขา้ งราบเรยี บถงึ ลกู คลนื่ ลอนลาดเลก็ น้อย มคี วามลาดชัน 1-5 % ภูมสิ ัณฐาน ลานตะพัก เชงิ เขา หรอื บรเิ วณพื้นที่เหลอื คา้ งจากการกดั กรอ่ น วัตถตุ น้ กาเนิดดนิ การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคลื่อนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินบะซอลต์ การระบายน้า ดีปานกลาง การซมึ ผ่านไดข้ องนา้ ปานกลาง การไหลบ่าของนา้ บนผวิ ดนิ ปานกลาง ลักษณะสมบัตขิ องดิน เป็นดินลกึ ปานกลางช้ันกรวดหนาแน่น ดินบนเปน็ ดินร่วนปนกรวด สนี ้าตาลเข้มปน เทาหรือน้าตาลเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดิน ล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวดหรือดินเหนียวปนกรวดหนาแน่น สีน้าตาลหรือสี น้าตาลปนเทา พบจุดประสีน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็น กลาง (pH 6.5-7.0) กรวดทีพ่ บเป็นพวกเหลก็ เคลือบเศษหิน ข้อจากดั เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้าหากฝนทิ้งช่วง และหน้าดินอาจถูกชะล้างพังทลายได้ ง่าย ขอ้ เสนอแนะ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพ่ิมผลผลิตพืชโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับ ปยุ๋ เคมีหาแหลง่ น้าสารอง โดยเฉพาะพื้นท่ปี ลูกไม้ผล จัดทาระบบอนุรักษ์ดินและ น้าทเี่ หมาะสมโดยใช้วิธพี ืชหรือวธิ กี ล หรือทงั้ สองวิธีรว่ มกนั 13) ดนิ ผาลาดท่ีมีจดุ ประสีเทา (Pl-gm) การจาแนกดิน (USDA) Clayey-skeletal, mixed, active, isohyperthermic Aquic Haplustalfs สภาพพ้นื ที่ ราบเรียบถงึ คอ่ นข้างราบเรียบ มคี วามลาดชัน 0-2 % ภูมสิ ณั ฐาน ลานตะพกั เชิงเขา หรอื บรเิ วณพ้นื ท่ีเหลือคา้ งจากการกดั กรอ่ น วตั ถตุ ้นกาเนิดดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินบะซอลต์ การระบายน้า ดปี านกลาง การซึมผา่ นไดข้ องน้า ปานกลาง การไหลบ่าของน้าบนผวิ ดนิ ปานกลาง ลกั ษณะสมบตั ขิ องดิน เปน็ ดนิ ลกึ ปานกลางชั้นกรวดหนาแน่น ดนิ บนเป็นดินร่วนปนกรวด สนี า้ ตาลเข้มปน เทาหรือน้าตาลเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดิน ล่างเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวดหรือดินเหนียวปนกรวดหนาแน่น สีน้าตาลหรือสี น้าตาลปนเทา พบจุดประสีน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็น กลาง (pH 6.5-7.0) กรวดท่พี บเปน็ พวกเหลก็ เคลือบเศษหิน

119 ข้อจากัด เส่ียงต่อการขาดแคลนน้าหากฝนท้ิงช่วง และหน้าดินอาจถูกชะล้างพังทลายได้ ง่าย ขอ้ เสนอแนะ เพ่ิมความอุดมสมบูรณ์ของดินและเพิ่มผลผลิตพืชโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับ ปุ๋ยเคมี หาแหล่งน้าสารอง โดยเฉพาะพื้นท่ีปลูกไม้ผล จัดทาระบบอนุรักษ์ดิน และน้าทเ่ี หมาะสมโดยใช้วธิ พี ชื หรอื วธิ ีกล หรอื ทั้งสองวธิ ีรว่ มกนั 14) ดนิ สนั ทรายท่เี ปน็ ดนิ ร่วนละเอยี ด (Sai-fl) การจาแนกดิน (USDA) Fine-loamy, siliceous, subactive, isohyperthermic Aeric Endoaqualfs สภาพพืน้ ที่ ราบเรียบถงึ ค่อนข้างราบเรยี บ มคี วามลาดชัน 0-2 % ภมู สิ ณั ฐาน ตะพกั ลาน้า วัตถตุ ้นกาเนดิ ดนิ ตะกอนนา้ พา การระบายน้า คอ่ นขา้ งเลว การซึมผ่านไดข้ องนา้ ช้า การไหลบา่ ของน้าบนผิวดิน ปานกลางถึงเร็ว ลักษณะสมบัติของดิน เป็นดินลึกมาก ดินบนเป็นดนิ ร่วนปนทราย หรอื ทรายปนดินรว่ น สีนา้ ตาลปนเทา หรอื นา้ ตาลปนเทาเข้ม ปฏกิ ิริยาดินเปน็ กรดจดั มากถงึ เป็นกลาง (pH 5.0-7.0) ดินล่างเป็นดินร่วนปนทรายถึงดินร่วนเหนยี วปนทราย สีเทา เทาอ่อนหรือเทาปน ชมพู ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นด่างปานกลาง (pH 6.0-8.0) บาง บริเวณอาจพบศิลาแลงอ่อน (plinthite) มีจุดประสีน้าตาลปนเหลืองหรือสี นา้ ตาลแก่ทุกช้นั ดิน ข้อจากดั ความอดุ มสมบูรณ์ตา่ และใต้ช้นั ไถพรวนมกั แน่นทึบรากพืชชอนไชไดย้ าก ข้อเสนอแนะ ไถพรวนให้ลึกและปรับปรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ ปรับปรุงบารุงดินและเพ่ิม ผลผลิตพืชให้สูงขนึ้ โดยใช้ปุ๋ยอนิ ทรียร์ ว่ มกับปุ๋ยเคมี ในพื้นทช่ี ลประทาน นอกฤดู ทานาอาจปลกู พืชไร่หรอื พืชผกั ซึ่งจะต้องยกร่องและปรับสภาพดินให้รว่ นซุยและ ระบายนา้ ดีข้ึน โดยการเพมิ่ อินทรยี วัตถุ 15) ชดุ ดนิ สบปราบ (So) การจาแนกดิน (USDA) Fine, smectitic, isohyperthermic Lithic Haplustolls สภาพพ้นื ที่ ลูกคลนื่ ลอนลาดเลก็ นอ้ ยถงึ ลูกคลืน่ ลอนลาด มคี วามลาดชนั 2-12 % ภูมิสัณฐาน ลานตะพัก เชงิ เขา เนนิ เขา หรือบรเิ วณพื้นทเี่ หลือค้างจากการกัดกร่อน วัตถุตน้ กาเนิดดนิ การผุพังสลายตัวอยู่กับท่ี และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หินบะซอลต์ การระบายน้า ดี การซมึ ผา่ นได้ของน้า ปานกลางถงึ เร็ว การไหลบา่ ของน้าบนผวิ ดิน ปานกลางถงึ เรว็

120 ลักษณะสมบัติของดิน เป็นดินต้ืนหรือตื้นมากถึงช้ันหินพื้นภายใน 50 ซม. ดินบนเป็นดินร่วนปนดิน เหนียวถึงดินเหนียว สีน้าตาลปนเทาเข้มมากหรือสีน้าตาลเข้มมาก ปฏิกิริยาดิน เป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดินล่างเป็นดินเหนียว สีน้าตาลปน เทาเข้มมากหรือสีน้าตาลเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นด่างเล็กน้อย (pH 6.0-7.5) ขอ้ จากดั ดินต้ืน บางบริเวณมีก้อนหินปะปนอยใู่ นเนอื้ ดินและอยบู่ นผิวหนา้ ดิน 16) ชดุ ดินสนั ป่าตอง (Sp) การจาแนกดิน (USDA) Coarse-loamy, siliceous, semiactive, isohyperthermic Typic (Kandic) Paleustults สภาพพ้ืนที่ ลูกคลน่ื ลอนลาดเลก็ น้อย มีความลาดชนั 2-5% ภมู สิ ณั ฐาน ตะพักลานา้ วัตถุตน้ กาเนดิ ดิน ตะกอนน้าพา การระบายน้า ดี การซมึ ผา่ นได้ของน้า ปานกลางถงึ เร็ว การไหลบา่ ของนา้ บนผิวดนิ ชา้ ถงึ ปานกลาง ลักษณะสมบัติของดิน เป็นดินลกึ มาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือทรายปนดินร่วน สีน้าตาลเข้มหรือ น้าตาลปนเทาเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดิน ล่างเป็นดินร่วนปนทราย สีน้าตาลซีดหรือน้าตาลปนเหลืองอ่อน ปฏิกิริยาดินเป็น กรดจดั มากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5) ข้อจากดั ความอุดมสมบรู ณ์ต่า ข้อเสนอแนะ ใชอ้ ินทรยี วตั ถใุ นการปรบั สภาพดินให้รว่ นซุย ปรับปรุงบารุงดินอยู่เสมอ โดยเพ่ิม อินทรยี วตั ถแุ ละใช้ปยุ๋ อนิ ทรียร์ ว่ มกับปยุ๋ เคมเี พอื่ เพ่มิ ผลผลิตให้สูงข้นึ 17) ดนิ สนั ปา่ ตองทีม่ จี ดุ ประสีเทาและดินร่วนละเอยี ด (Sp-fl) การจาแนกดนิ (USDA) Fine-loamy, siliceous, semiactive, isohyperthermic Typic (Kandic) Paleustults สภาพพ้ืนที่ ลูกคลน่ื ลอนลาด มีความลาดชนั 5-12% ภูมิสณั ฐาน ตะพักลานา้ วตั ถตุ ้นกาเนิดดนิ ตะกอนน้าพา การระบายน้า ดี การซึมผ่านได้ของนา้ ปานกลางถงึ เร็ว การไหลบา่ ของน้าบนผิวดิน ชา้ ถึงปานกลาง ลกั ษณะสมบตั ขิ องดิน เป็นดนิ ลกึ มาก ดินบนเปน็ ดินร่วนปนทรายหรือทรายปนดินรว่ น สีน้าตาลเข้มหรือ น้าตาลปนเทาเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดิน ล่างเป็นดินร่วนปนทราย สีน้าตาลซีดหรือน้าตาลปนเหลืองอ่อน ปฏิกิริยาดินเป็น กรดจดั มากถงึ เป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5)

121 ข้อจากัด ความอดุ มสมบรู ณ์ต่า 18) ดินสนั ปา่ ตองท่มี ีจดุ ประสีเทาและดนิ รว่ นละเอียด (Sp-gm,fl) การจาแนกดิน (USDA) Fine-loamy, siliceous, semiactive, isohyperthermic Typic (Aquic) Paleustults สภาพพนื้ ที่ ราบเรยี บถึงลกู คลน่ื ลอนลาดเลก็ น้อย มีความลาดชนั 0-5% ภูมิสณั ฐาน ตะพกั ลานา้ วัตถตุ น้ กาเนดิ ดิน ตะกอนนา้ พา การระบายน้า ดี การซมึ ผา่ นไดข้ องนา้ ปานกลางถงึ เรว็ การไหลบ่าของน้าบนผิวดิน ชา้ ถงึ ปานกลาง ลักษณะสมบัติของดิน เป็นดนิ ลกึ มาก ดินบนเป็นดินร่วนปนทรายหรือทรายปนดินร่วน สีนา้ ตาลเข้มหรือ น้าตาลปนเทาเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย (pH 5.5-6.5) ดิน ล่างเป็นดินร่วนปนทราย สีน้าตาลซีดหรือน้าตาลปนเหลืองอ่อน ปฏิกิริยาดินเป็น กรดจดั มากถึงเป็นกรดจัด (pH 4.5-5.5) ข้อจากดั ความอุดมสมบรู ณ์ต่า 19) ดินตาคลที ี่มสี ีน้าตาลและลกึ ปานกลาง (Tk br,md) การจาแนกดิน (USDA) Loamy-skeletal, carbonatic, isohyperthermic Entic Haplustolls สภาพพื้นที่ ลูกคล่นื ลอนลาดเล็กน้อย ความลาดชัน 2-5% ภมู ิสัณฐาน ตะพักลานา้ วตั ถุตน้ กาเนิดดิน ตะกอนน้าพาทบั ถมอยู่บนลานตะพกั ปูนมาร์ล การระบายนา้ ดี การซมึ ผา่ นไดข้ องนา้ ปานกลางถึงเร็ว การไหลบ่าของนา้ บนผวิ ดิน ชา้ ถงึ ปานกลาง ลกั ษณะสมบัตขิ องดิน เป็นดินตื้นถึงช้ันปูนมาร์ลท่ีพบภายใน 50 ซม.จากผิวดิน ดินบนเป็นดินร่วนปน ดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทรายแป้ง สีดา สีเทาเข้มมาก สีน้าตาลปนเทาเข้ม มาก หรือสีน้าตาลเข้มมาก ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นด่างเล็กน้อย (pH 7.0- 8.0) ดนิ ล่างเป็นดินรว่ นปนดนิ เหนียวหรือดินรว่ นเหนยี วปนทรายแปง้ และมีเม็ด ปูนปน สีน้าตาลหรือสีน้าตาลเข้ม และมีสีขาวของผงปูนทุติยภูมิหรือปูนมาร์ล ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นด่างปานกลาง (pH 7.0-8.5) ใต้ชั้นดินลงไปเป็นช้ัน ปนู มารล์ สีขาวท้งั ทีเ่ ปน็ เม็ดและทเี่ ชอ่ื มต่อกันหนาแนน่ ข้อจากัด ดินตื้นถึงช้ันปูนมาร์ล ซึ่งจะมีผลกระทบทางกายภาพและทางเคมีตอ่ พืช ดินอาจ ขาดสมดลุ ธาตอุ าหารโดยเฉพาะการขาดฟอสฟอรสั และจุลธาตบุ างชนดิ 20) ชดุ ดินทา่ ยาง (Ty) การจาแนกดิน (USDA) Loamy-skeletal, siliceous, isohyperthermic Kanhaplic Haplustults

122 สภาพพนื้ ท่ี ลูกคล่นื ลอนลาดถึงเป็นเนนิ เขา มีความลาดชัน 5-35% ภมู ิสัณฐาน พนื้ ที่เหลือค้างจากการกัดกร่อน วัตถตุ ้นกาเนดิ ดนิ การสลายตัวผุพังอยู่กับท่ี และ/หรอื เคล่ือนยา้ ยมาในระยะทางไม่ไกลนักของหิน ตะกอนหรือหินแปรเน้ือหยาบ พวกหินทรายและหินควอร์ตไซต์ โดยรองรับด้วย หนิ ดนิ ดานและหนิ ฟิลไลท์ การระบายนา้ ดี การซึมผ่านได้ของนา้ ปานกลางถึงเรว็ การไหลบ่าของน้าบนผิวดนิ ปานกลางถงึ เรว็ ลกั ษณะสมบตั ขิ องดนิ เปน็ ดินตน้ื ถงึ ชั้นเศษหินและหินพ้นื ดินบนเป็นดินรว่ นปนเศษหินหรือดินร่วนปน ทรายปนเศษหิน สีน้าตาล สีน้าตาลปนเทาหรือสีน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดิน เป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดปานกลาง (pH 5.0-6.0) ดินลา่ งเปน็ ดินรว่ นปนทราย ปนเศษหิน พบก้อนกรวดเป็นพวกเศษหินควอร์ตไซต์ หินทราย หินฟิลไลท์และ หินดินดาน สีน้าตาลหรือสีน้าตาลปนแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็น กรดจดั (pH 4.5-5.0) ขอ้ จากดั ความอุดมสมบูรณ์ต่า เป็นดินตื้นและเนื้อดินปนเศษหิน เสี่ยงต่อการขาดแคลน น้าและการกดั กรอ่ นของดนิ เนอ่ื งจากพืน้ ทม่ี ีความลาดชนั สงู 21) ชดุ ดินวงั สะพุง (Ws) การจาแนกดิน (USDA) Fine, mixed, active, isohyperthermic Typic Haplustalfs สภาพพ้นื ท่ี ลกู คลนื่ ลอนลาด มีความลาดชัน 5-12% ภมู สิ ณั ฐาน ลานตะพกั เชิงเขา เนินเขา หรือบริเวณพ้นื ท่ีเหลือค้างจากการกัดกร่อน วัตถุต้นกาเนดิ ดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับท่ี และ/หรือ เคลื่อนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หนิ ตะกอนเนอ้ื ละเอยี ดหรอื หนิ ในกลุม่ และหนิ ทแี่ ปรสภาพ การระบายนา้ ดี การซมึ ผ่านได้ของนา้ ปานกลาง การไหลบ่าของน้าบนผิวดนิ ปานกลางถึงเร็ว ลักษณะสมบัตขิ องดนิ เปน็ ดนิ ลึกปานกลาง ดนิ บนเปน็ ดนิ ร่วน ดินร่วนปนดนิ เหนยี วหรือดนิ ร่วนเหนียว ปนทรายแป้ง สีน้าตาลเข้มถึงน้าตาลปนเทาเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลาง ถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดนิ ลา่ งตอนบนเป็นดนิ เหนยี ว สแี ดงปนเหลอื งถึงแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดปานกลาง (pH 5.5-6.0) ตอนล่างเป็นดิน เหนยี วมเี ศษหนิ ปะปนหนาแน่น และสว่ นใหญพ่ บช้ันหนิ พนื้ ภายในความลกึ 100 ซม. สีน้าตาลปนแดงหรือน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกลาง (pH 5.5-7.0)

123 ข้อจากัด เป็นดินลึกปานกลาง รากของพืชท่ีมีระบบรากลึกอาจถูกจากัดการเจริญเติบโต สภาพพนื้ ทีม่ ีความลาดชนั สงู ดนิ เกิดการชะลา้ งพงั ทลายไดง้ ่าย 22) ดินวงั สะพงุ ที่เป็นดนิ ลกึ มาก (Ws-vd) การจาแนกดิน (USDA) Fine, mixed, active, isohyperthermic Typic Paleustalfs สภาพพนื้ ท่ี ลูกคลน่ื ลอนลาด มคี วามลาดชนั 5-12% ภมู ิสัณฐาน ลานตะพัก เชิงเขา เนินเขา หรือบรเิ วณพ้นื ที่เหลอื คา้ งจากการกัดกร่อน วัตถตุ ้นกาเนิดดิน การผุพังสลายตัวอยู่กับที่ และ/หรือ เคล่ือนย้ายมาเป็นระยะทางไม่ไกลนักของ หนิ ตะกอนเน้อื ละเอียดหรือหนิ ในกลมุ่ และหนิ ทีแ่ ปรสภาพ การระบายนา้ ดี การซึมผ่านไดข้ องนา้ ปานกลาง การไหลบา่ ของนา้ บนผวิ ดิน ปานกลางถงึ เร็ว ลักษณะสมบตั ิของดนิ เปน็ ดนิ ลกึ ปานกลาง ดนิ บนเปน็ ดนิ รว่ น ดินรว่ นปนดนิ เหนียวหรือดินรว่ นเหนียว ปนทรายแป้ง สีน้าตาลเข้มถึงน้าตาลปนเทาเข้ม ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลาง ถึงเป็นกลาง (pH 6.0-7.0) ดินลา่ งตอนบนเปน็ ดนิ เหนยี ว สีแดงปนเหลืองถึงแดง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดปานกลาง (pH 5.5-6.0) ตอนล่างเป็นดิน เหนียวมีเศษหินปะปนหนาแน่น และส่วนใหญพ่ บชั้นหนิ พน้ื ภายในความลกึ 100 ซม. สีน้าตาลปนแดงหรือน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกลาง (pH 5.5-7.0)

124 ภาพภาคผนวกท่ี 2-1: การสารวจพ้นื ทแี่ ละการประชมุ เพื่อทาประชาพจิ ารณ์ คร้งั ท่ี 1

125 ภาพภาคผนวกท่ี 2-2 การสารวจพ้นื ทแ่ี ละการประชมุ เพื่อทาประชาพจิ ารณ์ คร้งั ท่ี 2

126 ภาพภาคผนวกที่ 2-3 การสารวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คม

127 )สำเนำ( คำส่งั กรมพฒั นำทดี่ นิ ท่ี 3482563/ เรื่อง แต่งตง้ั คณะทางานจัดทาแผนบริหารจัดการโครงการปอ้ งกนั การชะล้างพงั ทลายของดินและฟื้นฟูพน้ื ท่ี เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนรุ กั ษด์ นิ และนา้ ปี 2563 เพ่ือให้กำรดำเนินงำนในพ้ืนที่เป้ำหมำยระดับลุ่มน้ำสอดคล้องกับแผนปฏิบัติกำรโครงกำร ป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินและฟ้ืนฟูฟื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ระยะ 20 ปี และ เปน็ ไปตำมมำตรฐำนของตน้ แบบกำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรดนิ และน้ำเชิงบูรณำกำรทม่ี ีกำรทำงำนเชิงพ้นื ที่เป็น หลัก มีควำมถูกต้องตำมหลักวิชำกำร สำเร็จตำมเป้ำหมำย นำไปสู่กำรกำหนดพืน้ ที่ดำเนินกำรและมำตรกำรดำ้ น กำรอนุรักษ์ดินและน้ำในระดับพ้ืนที่ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ จึงแต่งต้ังคณะทำงำนจัดทำแผนบริหำรจัดกำร โครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดิน และฟื้นฟูฟ้ืนที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ปี 2563 โดยมีองค์ประกอบและหน้ำที่ ดงั นี้ 1 .องคป์ ระกอบ ท่ีปรึกษำ 1.1 นำยวุฒิชำติ ศริ ชิ ่วยชู ทีป่ รึกษำ 1.2 นำยวรี ะชยั กำญจนำลัย ประธำนคณะทำงำน 1.3 รองอธิบดกี รมพฒั นำท่ีดนิ ด้ำนวชิ ำกำร รองประธำนคณะทำงำน 1.4 ผ้อู ำนวยกำรกองวิจัยและพัฒนำกำรจัดกำรทีด่ ิน 1.5 ผู้เช่ยี วชำญด้ำนวำงระบบกำรพัฒนำที่ดนิ ทเี่ กีย่ วขอ้ ง คณะทำงำน 1.6 นำยรัตนชำติ ชว่ ยบุดดำ คณะทำงำน 1.7 นำยนันทพล หนองหำรพทิ กั ษ์ คณะทำงำน 1.8 นำยวรัญญู บัวขำว คณะทำงำน 1.9 นำยจตรุ งค์ ละออพนั ธ์สกุล 1.10 นำยวศิ ิษฐ์ งำมสม คณะทำงำน 1.11 นำยจักรกฤษณ์ มีใย คณะทำงำน 1.12 นำยกฤดโิ สภณ ดวงกมล คณะทำงำน 1.13 นำงสำวอมรรัตน์ สระเพช็ ร คณะทำงำน 1.14 นำงสำววนั ดี พงึ่ เจำะ 1.15 นำงสำวกรวรรณ อำจเลศิ คณะทำงำน 1.16 นำยอรรณพ พทุ ธโส คณะทำงำน คณะทำงำน 1.17 นำงสำวพยตั ติกำ พลสระคู คณะทำงำนและ 1.18 นำยธนกฤต ผลเกลี้ยง เลขำนกุ ำร คณะทำงำนและ 1.19 นำยอภชิ ำติ บุญเกษม เลขำนกุ ำรรว่ ม คณะทำงำนและ 1.20 นำยธงชยั คงหนองลำน ผู้ชว่ ยเลขำนกุ ำร คณะทำงำนและ ผู้ชว่ ยเลขำนกุ ำร คณะทำงำนและ \\ 2. หน้ำท่ี ...

128 ผชู้ ว่ ยเลขำนุกำร -2– 2. หน้ำที่ 2.1 จัดทำแผนบริหำรจัดกำรโครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินและฟ้ืนฟูพื้นท่ี เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ นิ และน้ำให้เกดิ ผลสำเรจ็ เปน็ รูปธรรม 2.2 กำหนดแนวทำงกำรดำเนินงำนโครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนท่ี เกษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และน้ำให้เกดิ ผลสำเร็จเป็นรปู ธรรม 2.3 จัดทำฐำนข้อมูลสถำนกำรณ์ทรัพยำกรดินและน้ำ เพ่ือติดตำมและประเมินผลกำรดำเนินงำน ภำยใต้แผนบริหำรจัดกำรโครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินและฟ้ืน ฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบ อนุรกั ษด์ ินและนำ้ ระดับพืน้ ที่ 2.4 ประสำนกำรดำเนนิ งำนกับคณะทำงำนขับเคลื่อนโครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดนิ และฟืน้ ฟพู นื้ ท่เี กษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษด์ ินและน้ำระดับพื้นท่ี สำนักงำนพัฒนำท่ีดินเขต 12-1 2.5 ปฏิบัตงิ ำนอนื่ ๆ ตำมท่ีไดร้ ับมอบหมำย ท้ังนี้ ต้ังแต่บดั นีเ้ ป็นต้นไป ส่ัง ณ วนั ที่ 8 เมษำยน พ.ศ. 2563 )ลงนำม( เบญจพร ชำครำนนท์ (นำงสำวเบญจพร ชำครำนนท(์ อธิบดกี รมพฒั นำทด่ี ิน สำเนำถกู ต้อง (นำยสนั ธษิ ณ์ ดษิ ฐ์อำไพ) นกั ทรัพยำกรบคุ คลปฏิบัตกิ ำร

129 )สำเนำ( คำส่งั กรมพฒั นำทีด่ นิ ที่ 2563/ เรอ่ื ง แต่งต้งั คณะทำงำนขบั เคลอ่ื นโครงกำรป้องกันกำรชะลำ้ งพงั ทลำยของดนิ และฟ้นื ฟพู น้ื ท่ีเกษตรกรรม ดว้ ยระบบอนุรกั ษด์ ินและนำ้ ระดบั พ้ืนท่ี สำนักงำนพัฒนำที่ดนิ เขต 12-1 เพอื่ ให้กำรขบั เคล่ือนกำรดำเนินงำนโครงกำรระดับพื้นท่ีสอดคลอ้ งตำมแผนปฏบิ ัตกิ ำรโครงกำร ป้องกนั กำรชะลำ้ งพังทลำยของดนิ และฟื้นฟูฟนื้ ท่เี กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรกั ษ์ดนิ และนำ้ ทีย่ ดึ กำรบูรณำกำรเชิง พื้นที่เป็นหลัก ประสานงานเชื่อมโยงการดาเนินการระหว่างส่วนกลางกับระดับพื้นท่ี และสนับสนุนกำรจัดทา แผนบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดิน และน้าให้บรรลุผลสำเร็จตำมเป้ำหมำยอย่ำงมีประสิทธิภำพอย่ำงเป็นรูปธรรม จึงแต่งต้ังคณะทำงำนขับเคลื่อน โครงกำรป้องกันกำรชะล้ำงพังทลำยของดินและฟ้ืนฟูฟื้นท่ีเกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ระดับพ้ืนที่ สำนักงำนพัฒนำท่ีดินเขต 12-1 โดยมอี งค์ประกอบและหน้ำท่ี ดงั น้ี 1 .องค์ประกอบ ประธำนคณะทำงำน 1.1 ผู้อำนวยกำรสำนกั งำนพฒั นำทด่ี ินเขต รองประธำนคณะทำงำน 1.2 ผู้เชย่ี วชำญดำ้ นวำงระบบกำรพัฒนำทด่ี นิ คณะทำงำน 1.3 ผู้อำนวยกำรสถำนพี ฒั นำท่ีดนิ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง คณะทำงำน 1.4 ผอู้ ำนวยกำรกลมุ่ วเิ ครำะห์ดนิ คณะทำงำน 1.5 ผอู้ ำนวยกำรกล่มุ วิชำกำรเพอื่ กำรพัฒนำท่ดี นิ คณะทำงำน 1.6 ผู้อำนวยกำรกลมุ่ สำรวจเพ่อื ทำแผนที่ คณะทำงำนและ 1.7 ผอู้ ำนวยกำรกล่มุ วำงแผนกำรใชท้ ีด่ ิน เลขำนกุ ำร คณะทำงำนและ 1.8 นกั วชิ ำกำรสงั กดั กลมุ่ วำงแผนกำรใชท้ ดี่ นิ ผูช้ ว่ ยเลขำนุกำร .2 หนำ้ ที่ 2.1 รวบรวมและจัดทำฐำนข้อมูลด้ำนทรัพยำกรดินและน้ำ กำรวำงแผนกำรใช้ที่ดินและ เศรษฐกจิ สังคม เพือ่ นำไปใชป้ ระกอบกำรดำเนินงำนของโครงกำร 2.2 ศึกษำและวิเครำะห์แนวทำงกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรดินและน้ำในระดับลุ่มน้ำเพื่อ กำหนดมำตรกำรดำ้ นกำรอนุรักษ์ดนิ และนำ้ และแผนงำนโครงกำรตำมภำรกิจของกรมพฒั นำทด่ี นิ ที่เกย่ี วข้องกับ กำรป้องกนั ชะล้ำงพงั ทลำยของดนิ และฟ้ืนฟทู รพั ยำกรดินตำมสภำพปญั หำ 2.3 ประสำนและเช่ือมโยงกำรดำเนินงำนระดับพ้ืนที่กับส่วนกลำงเพื่อสนับสนุนกำรจัดทา แผนบริหารจัดการโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษ์ดิน และนา้ 2.4 จัดทำแผนกำรบริหำรจัดกำรโครงกำรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟู พื้นทเ่ี กษตรกรรมด้วยระบบอนุรักษด์ ินและนา้ ระดับพืน้ ที่ เสนอคณะทางานจดั ทาแผนบริหารจัดการโครงการป้องกัน การชะลา้ งพังทลายของดินและฟน้ื ฟพู ืน้ ทีเ่ กษตรกรรมดว้ ยระบบอนุรักษด์ นิ และนา้ ปี 2563

130 -2– 2.5ปฏบิ ัติงำนอื่นๆ ตำมทีไ่ ดร้ บั มอบหมำย \\ 2.5ปฏิบตั งิ ำน ... ทง้ั น้ี ต้ังแตบ่ ดั นเ้ี ป็นตน้ ไป ส่ัง ณ วันที่ 8 เมษำยน พ.ศ. 2563 )ลงนำม( เบญจพร ชำครำนนท์ )นำงสำวเบญจพร ชำครำนนท(์ อธิบดกี รมพฒั นำที่ดนิ สำเนำถกู ตอ้ ง (นำยสนั ธษิ ณ์ ดิษฐ์อำไพ) นกั ทรัพยำกรบคุ คลปฏิบตั กิ ำร

131


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook