นางสาว ธนาวดี เพิ่มสา สาขา เทคโนโลยีสารสนเทศ 006 ปวช.2
1 คืนก่อนวันปีใหม่จีน คือวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้น ที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความ สามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหารชนแก้วอวยพรปี ใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอ ถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ก็จะ ปั้ นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไปชิมไป ทานไปครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะตื่นแต่เช้าเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงเพื่ออวยพรปีใหม่ ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน วันตรุษจีน นั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอย ของประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานาน กว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดู ว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร
ตรุษจีนนั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดู ใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลอง ส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของ ประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้าน เรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวัน ก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้าน ยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมี การขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูก ประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วย หิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะ สามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดู ใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า \"วันตรุษจีน\"
ประเพณีตรุษจีน ซึ่งตรงกับเดือน 1 ของจีน เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่ชาว จีน ซึ่งในอดีตชาวจีนหยุดงานเฉลิมฉลองกันตั้งแต่วัน 1 ค่ำ เดือน 1 จนถึง 15 ค่ำ เดือน 1 (ตามปฏิทินจีน) เป็นเวลา 15 วัน เพื่อจัดเตรียม สิ่งของและเยี่ยมเยียนญาติ เนื่องจากสังคมในอดีต มีการพึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ต้องแข่งขันหรือเร่งรีบทำมาหากิน อีกทั้ง จำนวนประชากรมีไม่มากนัก ทรัพยากรที่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตยัง คงมีเพียงพอ และถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นสิริมงคล และถือ ประเพณีตรุษจีนเป็นวันหยุดพักผ่อนแห่งปีด้วย ซึ่งวันงานแท้ ๆ มีอยู่ 3 วัน คือ วันที่ 29 , 30 ของเดือน 12 และวันที่ 1 ทั้ง 3 วัน เป็นวันแห่ง พิธีต้อนรับปีใหม่ วันที่ 29 เรียกว่า วันจ่าย วันที่ 30 เรียกว่าวันไหว้ มี การไหว้ เทพเจ้า ไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ตอนเช้าไหว้เทพเจ้า ตอนสายไหว้บรรพบุรุษ ตอนบ่ายไหว้วิญญาณเร่ร่อน ส่วนวันที่ 1 เป็นวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ชาวจีนจะไม่ทำงานอะไร แต่จะ ออกไปเยี่ยมญาติ มีกิจกรรมแจกซองแดง (อังเปา) และส่งของกำนัล แก่กันในหมู่วงศ์ญาติ เป็นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อกันในระหว่างเครือญาติ และ เพื่อนสนิทมิตรสหาย ก่อนวันตรุษจีนสมาชิกภายในครอบครัว แม่บ้าน และลูก ๆ จะร่วมกันทำความสะอาด และตกแต่งบ้านเรือนด้วย กระดาษสีแดง ผู้เป็นพ่อแม่จะบอกเล่าความสำคัญ และความหมาย ของการทำความสะอาด และใช้กระดาษสีแดงให้ ลูก ๆ ฟัง
ชาวจีนถือว่าสีแดง เป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล และมีการเขียนคำ มงคลในกระดาษแดง เป็นการช่วยให้กำลังใจว่า ความยากลำบากในปีที่ ผ่านมาได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับนำมาปะตามขอบประตู หน้าต่าง และ ตู้เก็บของ มีการคาดผ้าแดงที่ขอบประตูด้านบน เรียกว่า ผ้าฉาย มีผ้า คาดโต๊ะพระที่มีลวดลายสวยงามเรียกว่า โต๊ะอุ๋ย เพื่อต้อนรับความเป็น มงคลให้แก่ตน และบ้านเรือนที่ตนอาศัยและการทำความสะอาดบ้าน เรือนเพื่อเป็นการต้อนรับเทพเจ้าและสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาหาในปีใหม่ หาก ไม่ได้ปฏิบัติสิ่งดี ๆ จะไม่เข้ามาเพราะบ้านเรือนสกปรก ในช่วงวันดัง กล่าวจะไม่มีการปฏิบัติงาน ไม่เช่นนั้นชีวิตของคนคนนั้นจะมีแต่ความ ลำบาก ต้องทำงานหนักไปตลอดทั้งปี ชาวบ้านมีความเชื่อในเรื่องเคล็ด ในวันเที่ยว (โช้ยอิด) ของเทศกาลตรุษจีน ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงที่ไม่ ทำงานได้ในวันนี้ ทุกคนก็หยุดทำงานในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากถ้า หากปฏิบัติงานในวันนี้ เป็นตัวบ่งชี้ว่าในปีนี้ทั้งปี ต้องทำงานหนัก ไป ตลอดปี และการมีบุญวาสนาขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนในวันตรุษจีน ดัง คำเปรียบเทียบว่า “วันมงคล เริ่มปีใหม่วันแรก ยังต้องทำงานหนักเสีย แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องทำงานหนักตลอดทั้งปีแน่
การประกอบพิธีกรรมในช่วงตรุษจีน เริ่มมีการปฏิบัติก่อนวัน 1 ค่ำ เดือน 1 เล็กน้อย มีการส่งเทพเจ้าประจำบ้านขึ้นสวรรค์ เรียกว่า “จั๊บยี่ โง้ยยี่สี่ส้างซิ๋น” โดยสมาชิกในบ้านร่วมกันทำความสะอาดบ้านก่อน พอรุ่งเช้าก็จะเตรียมสิ่งของเครื่องสักการะต่าง ๆ แล้วนำมาเซ่นไหว้ เทพเจ้าประจำบ้าน หรือเทพเจ้าเตา เพื่อส่งขึ้นไปประชุมบนสวรรค์ ให้ เทพเจ้าขึ้นไปรายงานความประพฤติ ของมนุษย์ต่อองค์เง็กเซียน ฮ่องเต้ ว่าในรอบปีหนึ่งโลกมนุษย์มีใครปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่างไร ชาวจีนจะนำเครื่องบูชาที่ประกอบด้วย ไก่ทั้งตัว หมู และบะหมี่ รวม ทั้งขนมหวาน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมแล้วนำเครื่องบูชามา วางไว้ที่หน้าพระประจำบ้าน ในตอนเช้า และในวันสิ้นปี คือ วันที่ 29 หรือ 30 ค่ำ เดือน 12 มีการนำเครื่องบูชามาไหว้พระอีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วนำ เครื่องบูชาเหล่านั้นไปประกอบอาหารเพื่อนำมา เซ่นไหว้ วิญญาณของสหายภราดร (โฮ้เฮี่ยตี๋ หรือวิญญาณเร่ร่อน) บริเวณภายนอกบ้านในตอนเย็น และค่ำวันนั้นเป็นวันรวมญาติ ของ ชาวจีน มีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมาร่วมกันรับประทาน อาหารพร้อมๆ กัน เป็นการส่งท้ายปีเก่า ซึ่งขณะรับประทาน อาหาร ก็มักจะพูดคุยกัน แต่สิ่งดีๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการประกอบ ธุรกิจ ความเป็นอยู่ ของ แต่ละคนพิธีกรรม เช่น เรื่องพิธีกรรมการไหว้ตรุษจีนมาจากไหน ทำไม ต้องทำ ทำแล้วเป็นอย่างไร เป็นต้น
อาหารวันตรุษจีน ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุก อย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบด้วยอาหาร ทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร
อาหารไหว้เจ้าวันตรุษจีน ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อ ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวัน ตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่ นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็ เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วย ความร่ำรวย และ ความสุข หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไป ด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้ เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการ ไว้ทุกข์ ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและความอุดม-สมบรูณ์ ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและ เท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: