Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่-1-2-3

บทที่-1-2-3

Published by tipsuwan43, 2020-07-11 23:57:09

Description: บทที่-1-2-3

Keywords: วิจัย

Search

Read the Text Version

ก อาจารยท์ ่ีปรึกษา คณะกรรมการสอบ และประธานประจาสาขาวิชาภาษาไทย ไดพ้ จิ ารณารายงาน การศึกษาคน้ ควา้ อิสระเรอ่ื ง “วเิ คราะหค์ วามเชื่อตน้ ไมม้ งคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดกลา้ ตาบลชมพู อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง” ของ นางสาวทิพย์สุวรณ มนิลทิพย์ ฉบบั นีแ้ ลว้ อนมุ ตั ใิ หร้ บั เปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตรปรญิ ญาศลิ ปศาสตรบณั ทติ สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาปางได้ …………………………………………… ประธานสาขาวชิ าภาษาไทย (อาจารย์ณฐั นรนิ ทร์ เมธวี ฒุ ินันทน์ ภาณภุ ัทรธนวฒั น์ , ศศ.ม. ) วันท่ี………….เดือน……………………….พ.ศ………….. คณะกรรมการสอบ …………………………………………… ประธานกรรมการ (อาจารยณ์ ัฐนรินทร์ เมธีวุฒนิ นั ทน์ ภาณภุ ทั รธนวัฒน์ , ศศ.ม. ) …………………………………………… อาจารย์ทป่ี รึกษา ( อาจารย์อรทยั สุขจ๊ะ , ศศ.ม. ) …………………………………………… กรรมการ ( รองศาสตราจารย์ ดร. บญุ เหลือ ใจมโน , ปร.ด. ) …………………………………………… กรรมการ ( ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ขนิษฐา ใจมโน , ปร.ด. ) …………………………………………… กรรมการ (ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. Truong Thi Hang , ศศ.ด. ) …………………………………………… กรรมการ (อาจารยว์ ไิ ลวรรณ เข้มขัน , ศศ.ม. )

ข ช่ือ – สกลุ นางสาวทพิ ย์สวุ รรณ มนิลทิพย์ ช่ือเร่อื ง วิเคราะห์ความเช่ือตน้ ไม้มงคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า ตาบลชมพู อาเภอเมือง จงั หวัดลาปาง ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ปริญญา ศลิ ปศาสตรบณั ทติ สาขาวิชา ภาษาไทย คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ลาปาง อาจารยท์ ี่ปรึกษา อาจารยอ์ รทยั สุขจะ๊ บทคดั ย่อ การศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาความเช่ือต้นไม้มงคลและอวมงคล ของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า ตาบลชมพู อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลลง พื้นที่ภาคสนามโดยการสัมภาษณ์ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านศรีหมวดเกล้า ตาบลชมพู อาเภอ เมอื ง จงั หวัดลาปาง จานวนท้ังหมด ๒๐ คน ผลการศกึ ษาพบวา่ ชาวบา้ นศรีหมวดเกล้ามีวถิ ีชวี ิตผูกพนั กับธรรมชาตมิ าช้านาน โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ คอื ตน้ ไม้ ชาวบ้านในอดีตจนกระท่ังปจั จุบันเรียนรู้ท่ีจะใช้ประโยชน์จากต้นไม้มากมาย อีกทั้ง ยังมีความเชื่อเก่ียวกับต้นไม้อีกหลายปัจจัย ในการศึกษาความเชื่อเก่ียวกับต้นไม้มงคลและอวมงคล ของชาวบ้านศรีหมวดเกล้าพบว่า มีความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้มงคลท้ังหมด ๔ ความเชื่อ ประกอบด้วย มงคลด้านความสุข มงคลด้านความเจริญ มงคลด้านความปลอดภัย และมงคลด้านโชคลาภ อีกท้ัง พบความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้อวมงคลทั้งหมด ๔ ความเช่ือ ประกอบด้วย อวมงคลทาให้เกิดทุกข์ อวมงคลด้านความเจริญ อวมงคลด้านความปลอดภัยหรือเป็นพิษ และอวมงคลด้านไสยศาสตร์ ชาวบ้านจึงยึดถือเอาต้นไม้เป็นส่ือสัญลักษณ์เช่ือมโยงความรัก ความสุข และความทุกข์ เป็นธรรม เนียมความเช่ือที่อยู่ในวิถีชีวิตของชาวบ้านศรีหมวดเกล้ามาโดยตลอด เร่ืองของไม้มงคล และไม้ ต้องห้ามนานาชนดิ ยงั สืบทอดจากอดีตถงึ ปจั จบุ นั

ค Researcher Miss. Tipsuwan Manintip IS Title A study on the analysis of beliefs in sacred trees and forbidden trees of Si Muat Klao villagers, Chomphu, Mueang, Academic Year Lampang Degree 2019 Major Bachelor of Arts University Thai Advisor Lampang Rajabhat University Mrs. Orathai Sukjha, M.A. Abstract The objective of the independent study was to study the beliefs in sacred trees and forbidden trees of Si Muat Klao villagers, Chomphu, Mueang, Lampang. The data were collected by interviewing 20 villagers living in Si Muat Klao Village, Chomphu, Mueang, Lampang. The findings showed that Si Muat Klao villagers had a long way of living with nature, especially they had a bond with the trees. In the past until present, villagers have learned to make good use of many trees. There were also many beliefs about trees. A study on the analysis of beliefs in sacred trees and forbidden trees of Si Muat Klao villagers found that there were four beliefs about sacred trees namely happiness, prosperity, safety and fortune. In addition, there were four beliefs about the forbidden trees namely suffering, prosperity, safety or toxic and superstition. Therefore, the villagers considered the trees to be a symbol associated with love, happiness and suffering. In addition, it was also a belief that was in the way of life of the Si Muat Klao villagers all the time. The beliefs in sacred trees and forbidden trees have been passed down from the past to the present.

ง กติ ติกรรมประกาศ การวิจัยครัง้ น้ี มิอาจจะสาเร็จลงได้ หากไมไ่ ด้รบั ความอนุเคราะห์จาก อาจารย์อรทัย สุขจ๊ะ ท่กี รุณาให้คาชแี้ นะ ตรวจแก้ไข และให้แนวทางในการเรียบเรียงรายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับ นี้จนเสรจ็ สมบรู ณ์ ผู้วจิ ยั จงึ ขอขอบพระคณุ อาจารย์ทง้ั สองทา่ นไว้ ณ ทนี่ ้ี ขอขอบพระคุณ คณะกรรมการสอบปากเปล่ารายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระทุกท่านท่ีมี ส่วนช่วยเหลือ แนะนา และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ จึงทาให้รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระฉบับน้ีมี ความถูกต้องทางวิชาการอย่างย่ิง โดยเฉพาะอาจารย์ณัฐนรินทร์ เมธีวุฒินันทน์ ภาณุภัทรธนวัฒน์ ประธานกรรมการ และขอขอบพระคุณ รศ. บุญเหลือ ใจมโน ผศ. ขนิษฐา ใจมโน ที่ถ่ายทอดองค์ ความรแู้ ละประสบการณอ์ นั เป็นประโยชน์เพอื่ ใชศ้ ึกษาค้นคว้าเพิม่ เติม ขอขอบพระคุณบิดา-มารดา และคณาญาติสาหรับการสนับสนุนและคอยช่วยเหลือ ทั้งยัง ทุ่มเทกาลงั แรงกายและแรงใจ ใหผ้ วู้ ิจยั เสมอมา ซ่ึงการวจิ ยั คร้ังน้ีจะไม่สามารถบรรลุผลสาเร็จได้หาก ขาดบคุ คลเหล่านี้ ขอขอบคุณปราชญ์ชาวบ้านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าเพ่ือให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามการ ลงพ้ืนที่ภาคสนามมีความลาบาก แต่ด้วยอัธยาศัยและไมตรี จึงทาให้การศึกษาครั้งน้ีบรรลุตาม วัตถุประสงคเ์ ป้าหมาย ขอขอบคณุ กัลยาณมิตร พ่ีน้องผองเพ่ือน เจ้าหน้าที่ท่ีเก่ยี วข้อง ผคู้ อยรับฟังและให้คาปรึกษา ให้ความชว่ ยเหลอื เป็นอย่างดี ทงั้ ในชว่ งเวลาทท่ี กุ ขย์ ากหรอื ชว่ งเวลาที่เปน็ สุข ผศู้ ึกษาวจิ ยั ขอขอบคุณ ในความกรณุ าของทกุ ท่าน สุดท้ายนี้ประโยชน์อันใดท่ีเกิดจากการทาวิจัยครั้งน้ีย่อมเป็นผลมาจากความกรุณาของท่าน ดงั กล่าวขา้ งต้น ผู้วจิ ัยรสู้ ึกซาบซงึ้ ในนา้ ใจ จึงขอกราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ทิพย์สวุ รรณ มนิลทิพย์

บทท่ี ๑ บทนา ๑.๑ ภมู ิหลังและความเปน็ มาของปัญหา ความเชื่อเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์มีท่ีมาจากความไม่รู้ ความกลัว ความไม่เข้าใจ จึงคิดหาวิธีป้องกันซ่ึงมีการอบรมส่ังสอน หรือการบอกเล่าต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นระเบียบแบบ แผนของสังคมไทย เป็นเหตุหนึ่งที่กาหนดวิถีชีวิตกันมาจากคนรุ่นหน่ึง ไปยังอีกรุ่นหน่ึง อาจมีการ เปล่ียนแปลงไปตามสงิ่ แวดลอ้ มท่ีต่างกัน ดังที่ มณี พยอมยงค์ (๒๕๓๖ : ๖๙) ได้ให้ความหมายความ เชื่อไว้ว่า ความเชื่อเป็นธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นกับมนุษย์ และถือว่าเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์อย่างหน่ึง การดารงชีวิตของมนุษย์ในสมัยอดีตท่ีมีความเจริญทางด้านวิชาการน้อย ความเชื่อจึงเกิดจากการ เกดิ ข้ึน และการเปล่ียนแปลงของธรรมชาติท่ีมนุษย์เช่ือว่าเป็นการบันดาลให้เกิดขึ้นจาก อานาจของ เทวดา หรือภูตผีปีศาจ ดังนั้นเม่ือเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ขึ้น เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย และวาตภัย ต่างๆ ข้ึน ล้วนเป็นส่ิงท่ีมีอิทธิพลต่อชีวิตหรือความเป็นอยู่ของ มนุษย์ ซ่งึ ยากทีจ่ ะป้องกนั หรอื แก้ไขได้ดว้ ยตวั เอง บางอย่างเปน็ เหตุการณ์ที่อานวยประโยชน์ แต่บาง เหตกุ ารณ์กเ็ ป็นอนั ตรายตอ่ ชีวติ และความเป็นอยู่ของมนุษย์ มนุษย์จึงพยายามท่ีจะคิดหาวิธีการที่จะ ก่อให้เกิดผลในทางท่ีดี และเกิดความสุขให้กับตนเอง เพ่ือกระทาต่อส่ิงที่มีอานาจเหนือธรรมชาติ เหลา่ น้นั ทาใหเ้ กิดเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิทีเ่ ปน็ พธิ กี รรม หรือศาสนาเกิดขน้ึ ฉวงี าม มาเจริญ (๒๕๓๘ : ๑) ได้กลา่ ววา่ ความเชือ่ ของคนส่วนใหญม่ คี วามคดิ หลากหลาย แงม่ มุ ไม่วา่ จะเปน็ ความเช่อื เรือ่ งบาปบญุ ความเชอ่ื เร่ืองการเซ่นไหว้บชู าสิ่งศกั ด์สิ ทิ ธ์ ความเช่ือเรื่อง เทพเจ้า รวมไปถงึ ความเชือ่ เคร่อื งรางของขลัง นอกจากน้ียังมีความเช่อื เรื่องต้นไม้ทเ่ี ป็นมงคลและ อวมงคลในหลากหลายมมุ มอง ซงึ่ ตน้ ไม้บางชนดิ บางคนเชอ่ื ว่าปลูกไวใ้ นบา้ นเป็นสง่ิ ทไี่ ม่ดี จะมีแตส่ ง่ิ ที่ไม่ดีเข้ามาในบา้ น บางคนเช่อื ว่าตน้ ไม้บางชนิดปลูกไว้ในบ้านจะเพ่ิมความร่มเยน็ ใหแ้ ก่บ้าน ทาให้ บ้านมแี ตค่ วามสุขและเงินทองไหลมาเทมา เพราะคนส่วนใหญ่ให้ความสาคญั แกช่ ือ่ พันธไุ์ ม้ที่จะ นาไปสคู่ วามสุขและความเจรญิ แลว้ ต้นไมบ้ างชนิดสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายชนิด ประโยชน์ท่วี า่ เปน็ ยา อาหาร และสามารถนามาประกอบพิธีเกยี่ วกับชีวิต กรองแกว้ ฉายสภาวธรรม (๒๕๓๗ : ๕-๖) ได้กล่าวว่า การปลูกต้นไม้มงคลเป็นการส่งเสริม คุณค่าทางด้านจิตใจและสร้างขวัญกาลังใจในการดาเนินชีวิต ในสมัยก่อนนิยมปลูกต้นไม้เพื่อบูชา และทาประโยชนใ์ นพธิ ีต่างๆ ตามพระพุทธศาสนา แต่ต่อมาปลูกเพ่ือให้โชคลาภจนคนส่วนใหญ่นิยม กนั อย่างแพร่หลาย ต้นไม้ท่ีคนส่วนใหญ่ปลูกไว้ในบ้านเรือนและเชื่อว่าเป็นการนาเงินทองเข้ามาและ ทาให้บ้านร่มเย็น ได้แก่ ต้นแก้ว เปรียบเหมือนคนรักด่ังแก้วตา ต้นโกศลชื่อพ้องกับ กุศล หมายถึง

๒ การสรา้ งบุญ ตน้ กวนอิม เปน็ ชอ่ื ใกล้เคยี งกับเทพเจ้าชาวจีน ต้นกระดังงา ปลูกไว้จะมีคนนับหน้าถือ ตา ต้นมะยม เช่ือว่าทาให้คนนิยมชมชอบ ไม่มีคนคิดร้าย ต้นบานไม่รู้โรย ต้นน้ีจะเสริมเรื่องความรัก ให้ผูกพันม่ันคงต่อกัน ต้นดาวเรือง เป็นสีเหลืองมงคลเสริมความเจริญก้าวหน้า ต้นวาสนา เช่ือว่ามี โชคและบุญวาสนาดี มีความสุข สมหวัง ต้นกล้วยไม้ เช่ือกันว่าคนในบ้านมีคุณธรรมที่ดีงาม ต้นพุด ส่งผลใหม้ ีความเจริญ ม่นั คง ตน้ พญายอ เชือ่ วา่ จะทาให้ดาเนนิ ชีวิตราบรน่ื ต้นจาปา เรือ่ งนาโชค ต้น ชบา ให้คุณค่าด้านการงานเจริญก้าวหน้า ต้นราชพฤกษ์หรือคูน ช่วยให้มีเกียรติและศักด์ิศรี ต้น โป๊ยเซียน จะเป็นมงคลและโชคลาภ ต้นเข็ม จะทาให้สมองปลอดโปร่ง ความคิดดี ต้นมะลิ ส่งเสริม สร้างสิรมิ งคล ต้นกระบองเพชร ทาให้การงานก้าวหน้า ตน้ นางกวกั กวักเงนิ กวักทอง ต้นไผ่ ทาให้คน ในครอบครัวเกิดความปรองดอง สามัคคี ส่วนต้นไม้ที่อวมงคลถือเป็นต้นไม้ท่ีคนทั่วไปไม่นิยมปลูก ตามบ้านเรือน เพราะมีความเช่ือว่าการปลูกต้นไม้อวมงคลไว้ท่ีบ้านจะทาให้บ้านไม่เกิดความ เจริญรุ่งเรือง ต้นไม้อวมงคลได้แก่ ชบา ไม่นิยมปลูกไว้ในบริเวณบ้าน เพราะดอกชบานั้นถูกไปใช้ใน เรอ่ื งร้ายๆ กลว้ ยตานี ถอื วา่ มีนางตานี ปีศาจรา้ ยอาศยั อยู่ คนสว่ นใหญไ่ มน่ ยิ มปลกู ในบ้าน ต้นสน ต้น รัก ตน้ รักในความเชือ่ ต้ังแต่โบราณถ้าปลูกไว้ในบริเวณบ้านจะทาให้ความรักยุ่งยากข้ึน ต้นไผ เชื่อกัน ว่าหนุ่มสาวไม่ควรปลูกเพราะลาต้นไผ่ใช้คานสาหรับหามโลงหรือผีปังในป่าช้า ต้นมะละกอ บางคน เช่ือว่ามะละกอเหมือนกับการแตกออกเป็น กอ หรือ “ละ”ส่งผลให้คนในบ้านไม่มีความสุข ต้น มะเฟือง ช่ือไม่เป็นมงคล คาว่าเฟือง ไปคล้องจองกับคาว่าเคือง ทาอะไรแล้วจะฝืดเคือง ไม่ก้าวหน้า ต้นลน่ั ทม ปลกู ไวใ้ นบ้านไมด่ เี พราะจะทาให้ความสุขกลายเป็นทุกข์ คู่ครองจะหา่ ง การปลูกต้นไม้ถือเป็นความเชื่อของคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ขนบธรรมเนียม ประเพณีต่างๆทป่ี ฏบิ ัติ และ สบื ทอดกันต่อมา บางอย่างมีหลักเกณฑ์ และเหตุผลท่ีชัดเจน บางอย่าง เป็นเพียงความเชื่อ ท่ีไม่สามารถพิสูจน์ได้ การยึดถือเอาพันธ์ุไม้ เป็นส่ือ เป็นสัญลักษณ์เช่ือมโยงกับ ความรัก ความสุข ความทุกข์ ความสูญเสีย และการ พลัดพราก เพราะช่ือของพันธุ์ไม้บ้าง เพราะ ลักษณะของพนั ธไุ์ มบ้ ้าง เป็นธรรมเนียมความเชื่อทอ่ี ยใู่ นวิถชี วี ติ ของคนไทยมาโดยตลอด เน่ืองจากคนในหมู่บ้านศรีหมวดเกล้า ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลาปางได้มีความเช่ือเกี่ยวกับต้นไม้ มงคลและอวมงคลหลากหลายชนดิ ที่แตกตา่ งกันออกไป วา่ ต้นไมเ้ ป็นสง่ิ ท่อี ยกู่ ับคนไทยมาต้งั แต่ ช้านาน แต่เดิมการปลูกต้นไม้ส่วนใหญ่ปลูกไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจพิธีและใช้ในพิธีเก่ียวกับชีวิต หรอื ใช้ประโยชนเ์ ปน็ อาหารและยา ต่อมาไดเ้ กิดความนิยมปลูกต้นไม้เพื่อผลในทางโชคลาภ และช่วย สร้างขวัญและกาลังใจ ซึ่งบางคนเชื่อว่าบางต้นควรปลูกในบ้านและภายในอาคารเพ่ิมสิริมงคลให้เก่ บ้าน ทาให้บ้านร่มเย็น มีแต่ความเจริญเข้ามาในบ้าน บางคนในหมู่บ้านเชื่อว่าบางต้นไม่ควรนามา ปลูกภายในบ้าน แต่สามารถแก้เคล็ดนาไปปลูกที่อ่ืนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทาให้ผู้วิจัยมีความสนใจใน

๓ การวเิ คราะห์ความเชอื่ ของชาวบา้ นจะศึกษาความเชื่อเกีย่ วกับต้นไม้เมอื งมงคลและอวมงคล ดังกล่าว ข้างตน้ ๑.๒ วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย เพอื่ ศึกษาความเชื่อเก่ียวกับต้นไม้มงคลและอวมงคลในหมู่บา้ นศรหี มวดเกล้า ต.ชมพู อ. เมอื ง จ.ลาปาง ๑.๓ ประโยชนค์ าดวา่ จะได้รบั ๑.เพื่อเปน็ การให้คนในชมุ ชนรถู้ ึงความเชือ่ เก่ยี วกับตน้ ไม้มงคลและอวมงคล ๒.เพื่อใหช้ าวบ้านรูจ้ ักถึงคณุ ค่าตน้ ไม้มากข้ึน ๑.๔ ขอบเขตของการวิจัย ในการศึกษาความเชือ่ เก่ยี วกับตน้ ไม้มงคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า ตาบล ชมพู อาเภอเมอื ง จงั หวดั ลาปาง ผวู้ ิจยั ได้กาหนดขอบเขตออกเป็น ๒ ส่วน คอื ๑.๔.๑ ขอบเขตด้านเน้อื หา ผู้วิจัยได้กาหนดขอบเขตด้านเนอื้ หาในเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกยี่ วกับความเชือ่ ต้นไม้มงคล และอวมงคล ดังนี้ ๑.๔.๑.๑ เอกสารและงานวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อ ๑.๔.๑.๒ เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวกบั ตน้ ไม้มงคล ๑.๔.๑.๓ เอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วกับตน้ ไม้อวมงคล ๑.๔.๒ ขอบเขตด้านพื้นที่ การศึกษาวิจัยในคร้ังนี้รวบรวมข้อมูลมาจากผู้ท่ีรู้เกี่ยวกับความเชื่อของต้นไม้มงคลและ อวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า โดยข้อมูลท้ังหมดมาจากการสัมภาษณ์จากประชากรในหมู่บ้าน ศรีหมวดเกล้า ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลาปาง จานวน ๒๐ คน ท่ีมีอายุเกินกว่า ๖๐ ปขี ึ้นไป ดังน้ี ผ้ชู ายทมี่ อี ายเุ กินกวา่ ๖๐ ปขี ึ้นไป จานวน ๑๐ คน ผหู้ ญิงทีม่ ีอายเุ กนิ กวา่ ๖๐ ปีขนึ้ ไป จานวน ๑๐ คน

๔ ๑.๕ นิยามศพั ท์เฉพาะ ความเช่ือ หมายถึง การยอมรับที่ถอื วา่ เป็นมงคลและอวมงคลเกยี่ วกบั ตน้ ไม้ของชาวบา้ นศรี หมวดเกลา้ ต.ชมพู อ.เมอื ง จ.ลาปาง ซึ่งยึดสบื ต่อกนั เป็นชา้ นานจนเป็นวัฒนธรรมความเช่อื อย่าง หนึ่งของหมู่บ้านน้ี ความเช่ือท่ีเป็นมงคล หมายถึง ความชอ่ื ที่ถือกนั ว่ามีความหมายไปในทางที่ดี ทท่ี าให้ชวี ิตมี ความสขุ ความเจริญ ได้เรอ่ื งโชคลาภเงนิ ทอง หรอื พบเจอแตส่ ่ิงท่ปี ระสบความสาเร็จในทุกด้าน ความเชื่อที่เป็นอวมงคล หมายถึง ความชอ่ื ท่ีถือกันว่ามีความหมายไปในทางทไ่ี มด่ ี ทที่ าให้ ชีวิตมีแตค่ วามทุกข์ ความไม่เจริญในหน้าท่ีการการหรอื ในดา้ นตา่ งๆ หรอื ไมป่ ระสบความสาเรจ็ ตน้ ไม้มงคล คือ ต้นไม้ท่ีปลูกไวภ้ ายในบา้ นเรอื นเพ่ือเป็นสริ ิมงคล ต้นไม้อวมงคล คือ ต้นไม้ทน่ี ามาปลูกในบา้ นหรือภายในอาคารจะไดร้ ับความอนั ตราย ทั้ง กลวั จะล้มมาทับบ้าน หรอื พิษท่เี กิดจากต้นไม้

บทท่ี ๒ แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ในการศึกษาความเช่ือเกี่ยวกับต้นไม้มงคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า ตาบล ชมพู อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด เอกสารงานและงานวิจัยที่เก่ียวข้องเพ่ือเป็น แนวทางในการศกึ ษาวิจัย โดยจดั หมวดหมู่ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๒.๑ แนวคดิ ทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ ง ๒.๑.๑ แนวคิดเกยี่ วกบั ความเช่ือ ๒.๑.๑.๑ ความหมายของความเชอ่ื ๒.๑.๑.๒ สาเหตกุ ารเกิดของความเช่อื ๒.๑.๑.๓ ประเภทของความเชื่อ ๒.๑.๑.๔ ประโยชนข์ องความเชือ่ ๒.๑.๒ แนวคิดเกี่ยวกับความเช่อื ต้นไม้ ๒.๑.๒.๑ ความเชื่อตน้ ไม้มงคล ๒.๑.๒.๒ ความเชือ่ ตน้ ไม้อวมงคล ๒.๒ บรบิ ทชมุ บ้านศรีหมวดเกล้า ตาบลชมพู อาเภอเมือง จงั หวดั ลาปาง ๒.๓ งานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง ๒.๑ แนวคิดท่ใี ชใ้ นการศึกษา ๒.๑.๑ แนวคดิ เกยี่ วกบั ความเชอ่ื ๒.๑.๑.๑ ความหมายของความเช่อื ทศั นยี ์ ทานตวณิช (๒๕๑๓ : ๔) ให้ความหมายของ “ความเชอื่ คือการยอมรบั นับถือว่าเปน็ ความจรงิ หรอื มีอย่จู รงิ การยอมรับหรือการยึดมั่นนี้ อาจมีหลักฐานเพียงพอท่จี ะพสิ จู น์ ได้หรืออาจไม่มหี ลกั ฐานทจ่ี ะพสิ ูจน์สงิ่ นั้นใหเ้ หน็ จรงิ ได้” เชน่ เดยี วกับ สุนทรี โคมิน ( ๒๕๔๒ :๔ ) ได้นยิ ามความหมายว่า “ความเชื่อเปน็ ความนกึ คิดยึดถือ โดยที่เจา้ ตวั จะรูต้ ัวหรือไม่กต็ าม เปน็ สิง่ ทส่ี ามารถจะศึกษาและวดั ได้จากคาพดู และการกระทาของคน” รวมไปถงึ ฐาปนี (๒๕๔๙ : ๑๗-๑๘) ได้ให้ความหมายของความเชือ่ ไวว้ า่ ความเช่ือ หมายถึง ความเหน็ จริงด้วยในแง่พระพุทธศาสนาซ่งึ เป็นศาสนาท่เี น้นหนกั ในเร่ืองการใชส้ ติปัญญาใน

๖ การดาเนนิ ชวี ติ ใหร้ ู้จักกาจัดความทุกขเ์ ดือดร้อนด้วยการพิจารณาใหเ้ หน็ ต้นเหตุของความทกุ ข์แลว้ แก้ไขให้ถูกทางไม่ใชเ่ ช่ือถืออย่างงมงายไรเ้ หตผุ ล และ ธวชั ปุณโณทก (๒๕๒๘ : ๓) ได้ให้ความหมายของความเชื่อไว้ว่า “ความเชื่อ หมายถึง การยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสานึกของมนุษย์ ต่อพลังอานาจเหนือธรรมชาติที่เป็นผลดีหรือ ร้ายตอมนุษย์หรือสังคม แม้ว่าพลังอานาจเหนือธรรมชาติเหล่าน้ีไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความ จรงิ แต่มนษุ ยใ์ นสังคมยอมรบั และใหค้ วามเคารพ” จากการศึกษาจะเห็นได้ว่านักวิชาการหลายท่านกล่าวถึงความเช่ือว่า ความเชื่อเป็น การยอมรับนบั ถือหรือความคิด ความเข้าใจและการยอมรบั นับถือ เชือ่ มนั่ ในส่ิงหน่ึงสิ่งใดโดยไม่ต้องมี เหตุผลใดมาสนับสนุนหรือพิสูจน์ ทั้งน้ีบางอย่างอาจมีหลักฐานอย่างเพียงพอท่ีจะพิสูจน์ได้ หรือ อาจจะไม่มีหลักฐานทีจ่ ะนามาใช้พิสจู นใ์ ห้เห็นจรงิ เก่ียวกบั ส่ิงนนั้ ก็ได้ ในขณะที่นักวิชาการบางกลุ่มได้ กล่าวว่า ความเช่ือคือการยอมรับที่เกิดจากสติปัญญา หรือจิตใต้สานึกของมนุษย์ท่ีเคารพและเกรง กลัวตอ่ พลังอานาจเหนือธรรมชาติ ๒.๑.๑.๒ สาเหตุการเกิดความเช่อื ฉวงี าม มาเจริญ (๒๕๒๘ : ๑) ไดก้ ลา่ วสาเหตุของความเชอ่ื ไดว้ ่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ อุบัติภัย โรคภัยไข้เจ็บ ความสมหวัง หรือความล้มเหลวในชีวิตก็เป็นตัวการสาคัญท่ีทาให้มนุษย์ นาเอาเร่ืองราวต่าง ๆ ท่ีได้พบแต่ส่ิงดี ปราศจากเภทภัย ตลอดจนความพิเศษเหนือปกติธรรมดาข้ึน ไปอกี ในขณะที่ มณี พะยอมยงค์ (๒๕๓๖ : ๖๙) ได้กล่าวถึงสาเหตุของความเช่ือไว้ว่า การสร้าง ความเช่อื ของมนุษย์เกิดข้ึนจากความไม่รู้เป็นประการสาคัญท่ีพระพุทธเจ้าเรียกว่า “อวิชชา” เม่ือได พบเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่าคนตาย แผ่นดินถล่ม เป็นต้น ก็เกิดความคิดว่าจะต้องมีสิ่งใด ส่งิ หน่งึ อยเู่ บ้ืองหลังเสมอ นอกจากนี้ ดนยั ไชยโยธา (๒๕๓๖ : ๖๙) ไดก้ ล่าวถงึ สาเหตุของความเช่ือไว้ว่า ความเชื่อเกิด จากสิ่งที่มีอานาจเหนือมนุษย์ เช่น อานาจของดินฟ้าอากาศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ธรรมดาวา่ มนุษยย์ ่อมเกลียดทุกข์ และรักสุข ดังนั้นเมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้นจึงวิงวอนขอความช่วยเหลือ ต่อสิง่ ทต่ี นเช่ือว่าจะช่วยไดเ้ ละเป็นท่พี ึ่งได้ จากการศกึ ษาแนวคิดของนกั วิชาการหลายท่าน ท่ีกลา่ วถึงการเกดิ ความเชื่อสรุปได้ว่า ความ เช่ือเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น คือความไม่รู้ในปรากฏท่ีเกิดขึ้นเละเกินความสามารถของมนุษย์ ธรรมดาที่จะแก้ไข้ได้ ถึงแม้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าแล้วก็ตาม มนุษย์ยังแสดงออกทางความเช่ือใน ชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไรก็ตาม มนุษยจ์ ึงพยายามหาเครอื่ งยึดเหนย่ี วทางจิตใจ โดยการแสดงพฤติกรรม ต่าง ๆ ซึ่งข้นึ อยกู่ ับความเชื่อนน้ั ๆ

๗ ๒.๑.๑.๓ ประเภทของความเช่อื จรัส พยัคฆราชศกั ด์ิ (๒๕๓๙ : ๓๕) ได้จัดประเภทความเชือ่ ไวด้ ังต่อไปน้ี ๑. ความเชื่อท่มี ากจากศาสนาพราหมณ์ ๒. ความเช่อื ท่มี ากจากพทุ ธศาสนา ๓. ความเชื่อเรือ่ งสวรรคแ์ ละนรก ๔. ความเชอื่ ผีสางนางไม้ ๕. ความเช่ือโหราศาสตร์ ๖. ความเช่ือทางไสยศาสตร์ ๗. ความเชือ่ สงิ่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ผู้วเิ ศษ และของวิเศษ ๘.ความเชอ่ื เกี่ยวกับประเพณแี ละพิธกี รรม ผาสุก มทุ ธเมธา (๒๕๔๐ : ๓๐-๓๑) ไดจ้ ดั แบง่ ประเภทความเช่ือไวด้ ังนี้ ๑. ความเชื่อเรื่องธรรมชาติ เชน่ ดนิ ต้นไทร กลว้ ยตานมี ีผีสิง เปน็ ต้น ๒. ความเชอื่ เรื่องความเป็นความตาย เช่น นกแสกบินผ่านใกล้บริเวณบ้านจะเกิดความตาย ขึ้น ๓. ความเชื่อเร่ืองทานายทายทัก เช่น จ้ิงจกทัก ตุ๊กแกร้อง ฤกษ์ยาม เสี่ยงทาย ความฝัน ต่าง ๆ ๔. ความเชอ่ื เร่อื งคาถาอาคม เชน่ เครอื่ งราง เวทมนตไ์ สยศาสตร์ ๕. ความเชื่อเรื่องกสิกรรม เชน่ พิธีแรกนา พิธพี ชื มงคล พธิ แี ห่นางแมว ๖. ความเชอ่ื เรื่องครอบครวั เชน่ ห้ามพีน่ ้องแตง่ งานกนั เอง หา้ มรอ้ งเพลงในครัวจะได้ผัวแก่ ๗. ความเชอ่ื เก่ียวกับยากลางบา้ น เช่น ใบแคกินแกล้ ม ยอดชุมเห็ดเป็นยาระบาย มีดบาดใช้ อยากใหญใ่ นครวั ทอ่ี ยู่เหนือเตาหงุ ขา้ วมาพนั แผล ๘. ความเชื่อเกี่ยวกับโหราศาสตร์ หมอดูดวงชะตา จักรราศีและอิทธิพลของดวงดาวอิทธิพล ของพระศกุ ร์ พระเสาร์ พระราหู ฯลฯ ท้ังน้ี มารยาท กิจสุวรรณ (๒๕๒๖ : ๑๔-๒๐) ที่ได้ศึกษาความเช่ือด้ังเดิมของคนไทย พบว่า คนไทยดงั้ เดิมเช่อื ในสงิ่ เหนอื ธรรมชาติ ซ่ึงมีอานาจเหนือมนุษย์สมารถบันดาลให้ดีให้ร้ายได้ แยกเป็น ๒ ประเภท คือ ความเช่อื เกี่ยวกับสวสั ดิภาพและความปลอดภยั เชน่ เรื่องผีสางเทวดา เครื่องรางของ ขลงั คาถาอาคม เป็นต้น และความเชื่อเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพ บรุ ษุ เชน่ เรือ่ งไสยศาสตร์ ยากลางบา้ น และปรากฏการณธ์ รรมชาติ เปน็ ตน้

๘ นอกจากแนวคดิ ผาสกุ มุทธเมธา และมารยาท กจิ สุวรรณ แล้วยงั มแี นวคิดของ อภิศักด์ิ โสม อินทร์ (๒๕๓๗ : ๑๕) ได้จาแนกประเภทความเชื่อออกเป็น ๓ ลักษณะ คือ หนึ่งความเช่ือที่พิสูจน์ แล้วตรงกับความเปน็ จริง เชน่ ไฟร้อน น้าแข็งเยน็ เป็นต้น สองความเช่ือที่พิสูจน์แล้วไม่ตรงกับความ เป็นจริง เช่น เชื่อว่าโลกแบน เป็นต้น และสามความเช่ือที่ตรวจสอบหรือพิสูจน์ไม่ได้ เช่น เรื่องไสย ศาสตร์ ยาลางบ้าน และปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นตน้ จากท่ีกล่าวมาข้างต้นแล้ว มณี พะยอมยงค์ (๒๕๓๖ : ๖๙) ยังจัดประเภทความเช่ือไว้ ๑๑ ประการดงั น้ี ๑. ความเชื่อเกีย่ วกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ ๒. ความเชือ่ ยากลางบา้ น ๓. ความเชื่อเรื่องโชคลาภ ๔. ความเชือ่ เกยี่ วกบั ฤกษ์ยาม นิมิต ฝนั ๕. เช่อื เร่ืองไสยศาสตร์ ๖. ความเชือ่ ลกั ษณะของคนและสตั ว์ ๗. ความเชอ่ื อันเนอื่ งมาแตศ่ าสนา ๘. ความเช่ือเกย่ี วกบั การทามาหากนิ และอาชพี ๙. ความเชือ่ เกยี่ วกับประเพณี ๑๐.ความเชื่อเรื่องเคลด็ และการแกเ้ คลด็ ๑๑.ความเชื่อเกย่ี วกบั นรก สวรรค์ ชาติ ภพ จากการศึกษาประเภทของความเชื่อ มีนักวิชาการหลายท่านแบ่งประเภทของความเช่ือไว้ หลายประเภทของความเชื่อหลายลักษณะด้วย เชน่ ความเชื่อที่มากจากศาสนาพราหมณ์ ความเช่ือท่ี มากจากพุทธศาสนา ความเชื่อเรื่องสวรรค์และนรก ความเช่ือผีสางนางไม้ ความเชื่อโหราศาสตร์ ความเชื่อทางไสยศาสตร์ ความเช่ือส่ิงศักดิ์สิทธิ์ ผู้วิเศษ และของวิเศษ ความเช่ือเกี่ยวกับประเพณี และพธิ ีกรรมเป็นต้น นอกจากน้ียังมีนักวิชาการบางกลุ่มได้แบ่งประเภทของความเชื่อจากอดีตจนถึง ปัจจุบันไว้ ดังนี้ ความเชื่อที่พิสูจน์แล้วตรงกับความเป็นจริง เช่น ไฟร้อน น้าแข็งเย็น เป็นต้น สอง ความเชื่อที่พิสูจน์แล้วไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น เชื่อว่าโลกแบน เป็นต้น และสามความเช่ือที่ ตรวจสอบหรือพิสูจนไ์ มไ่ ด้ เช่น เร่ืองไสยศาสตร์ ยาลางบา้ น และปรากฏการณธ์ รรมชาติ จะเห็นได้ว่า การแบง่ ประเภทความเชือ่ ข้นึ อยู่กับสภาพสงั คม และแบ่งตามการเปลยี่ นแปลงของกาลเวลา

๙ ๒.๑.๑.๔ ประโยชน์ของความเชอื่ สุทธิวงค์ พงษ์ไพบูลย์ (๒๔๔ : ๒๓๘) กล่าวว่าวัฒนธรรมด้านความเช่ือเป็นตัวสังสรรค์ ค่านิยม ขนบนิยม ปทัสสถาน รูปแบบของประดิษฐ์กรรมและอุดมการณ์ทั้งมวล แม้กระท่ังนิสัยแห่ง การผลิตเละบริโภคทรัพยากรหรือแต่แต่วัฒนธรรมการเมือง ความเชื่อก็มีส่วนผลักดันและเหน่ียวรั้ง เป็นสิ่งท่ียึดถือและปฏิบัติร่วมกันในสังคม เป็นตัวกาหนดพฤติกรรมของบุคคลในสังคมให้อยู่ร่วมกัน ด้วยดเี ปน็ ปกตสิ ุข ความเชอ่ื บางอยา่ งชว่ ยสรา้ งกาลังใจและเป็นเครื่องเตือนใจให้บุคคลประมาท เช่น การฝันดีหรือการเสกแป้งผัดหน้าจะช่วยให้มีขวัญกาลังใจและเกิดความเช่ือม่ันในตัวเองยิ่งข้ึน ด้วย เหตุผลน้ีเองความเชื่อจงึ เปน็ ปจั จยั หนง่ึ สาคญั และมีอิทธิพลต่อการดารงชีวติ ของมนษุ ย์ทกุ ยุคทุกสมัย ความเชื่อล้วนให้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดขึ้นกับตนเองและ ส่วนรวม ท้ังนี้ บปุ ผา ทวสี ขุ (๒๕๒๐ : ๒๓๔) ก็ได้ใหป้ ระโยชน์ของความเช่ือท่ีมีคณุ ค่าต่าง ๆกัน เช่น ๑.เพ่ือใหส้ ังคมเป็นระเบยี บเป็นการวางกฏเกณฑ์ทางสงั คม ๒.เพ่อื ใหผ้ ูย้ ดึ ถือมมี ารยาท ประณีต รอบคอบ ๓.เพือ่ รกั ษาสขุ ภาพ อนามัย การรักษาความปลอดภัย ๔.เพื่อให้มีกาลังใจ มคี วามหวงั จากการศึกษาประโยชน์ของความเช่ือ สรุปได้ดังน้ี ความเช่ือเป็นสิ่งท่ียึดถือและปฏิบัติ รว่ มกันในสังคม ซ่ึงเป็นตัวกาหนดพฤตกิ รรมของคนในสังคม ให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นปกติสุข อีกทั้งยัง ชว่ ยสร้างกาลงั ใจ ทาใหเ้ กิดความเชื่อม่ัน เกิดพลัง เกิดการสร้างสรรค์ เกิดปัญญา ความสามัคคี และ เปน็ เครอ่ื งเตอื นใจไมใ่ หป้ ระมาท ๒.๑.๒ แนวคิดเกี่ยวกบั ความเช่ือตน้ ไม้ ฉวีงาม มาเจริญ (๒๕๓๘ : ๔) ได้กล่าวถึงที่มาของความเชื่อที่เป็นมงคลเก่ียวกับต้นไม้ สรุป ไดว้ ่า เดมิ ไมม้ งคลจะนามาเปน็ ส่วนหน่ึงในการประกอบพิธีเก่ียวกับชีวิตและปลูกในบริเวณบ้าน ปลูก ตามไรน่ าเพือ่ นามาใช้ประโยชนใ์ นกิจพิธี หรือใช้ประโยชน์เป็นอาหารและยา ต่อมานิยมปลูกเพื่อเกิด โชคลาภ เมตตาหานิยม ป้องกันภยั ตา่ ง ๆ อีกท้ัง วิริยะ สิริสิงห (๒๕๔๙ : ๑๑) ได้กล่าวสรุปได้ว่า มีไม้ที่นามเป็นมงคลหลายชนิด เช่น วาสนา ชวนชม ขนุน สนวัตร สักฉัตร สักทอง ทองอุไร ใบเงิน ใบทอง ใบนาค เป็นต้น ต้นไม้เหล่านี้ มักนิยมปลูกเพราะนอกจากมีนามเป็นมงคลแล้ว ยังสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้อีกหลายประการ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงไม้มงคลท่ีมีความหมายเป็นมงคล ได้แก่ โป๊ยเซียน หมายถึง ความร่ารวย เฟือง ช่วยเสริมความรุ่งเรือง เข็ม ช่วยเสริมพลังความฉลาด กล้วยไม้ ช่วยเสริมเรื่องจริยธรรม โมก ชว่ ยเสรมิ ความสุขสดใส ฯลฯ

๑๐ ยังมี กล่ิน คงเมืองเพชร (๒๕๔๐ : ๖๘) ได้กล่าวถึงไม้มงคลที่ปลูกเพ่ือเอาชื่อมาเป็นเคล็ด ไว้ ว่า “ไม้มงคลส่วนใหญ่จะยึดถือเอาช่ือมาเป็นเคล็ด เช่น ไผ่สีสุก เชื่อว่าช่วยให้เกิดความสุข ไม้รักไม้ ยม ไมย้ อ เช่ือวา่ เจา้ ของจะเป็นทรี่ ักใคร่ของคนอน่ื ” และ จติ อรุณ (๒๕๕๐ : ๕๑-๗๙) กล่าวถงึ ความเชื่อท่ีเกิดขึ้นสืบเน่ืองมาจากการถือเอาเคล็ด จากชื่อของพันธุ์ไม้ สรุปได้ว่า การปลูกต้นไม้มีการถือเอาเคล็ดในการปลูกแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น การปลูกใบเงิน ใบทอง และในนาค ควรปลูกไว้ร่วมกันท้ังสามชนิด จะช่วยเสริมโชคลาภทาง การเงนิ ฐานะร่ารวย เคล็ดการปลูกควรปลูกในวันอังคาร ทางทิศใต้ หรือทิศตะวันออกของบ้านเป็น ตน้ วงเดือน คัยนันทน์ (๒๕๔๙ : ๑๔๔-๑๗๐) ได้จาแนกความเช่ือที่เป็นมงคลเก่ียวกับพันธุ์ไม้ ประเภทวา่ นและโป๊ยเซยี น โดยแบ่งเปน็ ๒ หัวข้อใหญ่ ๆ ได้ดงั นี้ ๑.ความหมายของช่ือพันธุ์ไม้มงคล ซึ่งแบ่งไม้ที่มีความหมายเป็นมงคลจะนาความสุข ความ สมบูรณ์ผู้ครอบครองทาให้พบแต่สิ่งท่ีดีและเป็นมงคล เช่น ความหมายมงคลเกี่ยวกับความเจริญ ความหมายมงคลเกีย่ วกบั ความสขุ ความหมายมงคลเกีย่ วกับความปลอดภัยเปน็ ต้น ๒.ความเช่ือท่ีสะท้อนจากชื่อพันธ์ุไม้ เป็นความเช่ือท่ีสะท้อนถึงวิถีปฏิบัติของคนไทย เช่น ความเชื่อในลัทธิศาสนา ความเช่ือเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ความเชื่อเก่ียวกับสัตว์ ความเช่ือเก่ียว กับ โหราศาสตร์ ความเชื่อเก่ียวกบั ขวญั เป็นตน้ จากการศึกษาความเชื่อของต้นไม้มงคล สรุปได้ว่า ไม้มงคลเป็นส่วนหน่ึงในการประกอบ พธิ กี รรมเก่ียวกบั ชวี ติ หรือปลูกไวใ้ ชป้ ระโยชน์ แต่ต่อมาการปลูกเพ่ือโชคลาภ ป้องกันภัยต่าง ๆ และ ยังเก่ียวเน่ืองความเช่ือจากช่ือพันธุ์ไม้ที่สะท้อนถึงวิถีปฏิบัติของคนไทยมาช้านานต้ังแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน ดังน้ัน ในการศึกษาคร้ังน้ี ผู้วิจัยจะยึดหลักแนวคิดของ ฉวีงาม มาเจริญ (๒๕๓๘ : ๑) มาใช้ ในการวิเคราะห์ ๒.๑.๒.๒ ความเชือ่ ต้นไมอ้ วมงคล สมบัติ พลายน้อย (๒๕๔๐ : ๕๗-๗๙) ได้กล่าวถึงต้นไม้ที่เป็นอวมงคลท่ีมีพิษต่อร่างกายว่า ต้นไม้หลายชนิดไม่นิยมปลูกในบ้านเพราะเกรงอันตรายจากต้นไม้ ทั้งกลัวจะล้มทับบ้าน หรือพิษที่ เกิดจากต้นไม้ คือ ชวนชมไม่นิยมปลูกเพราะเชื่อว่าอาจเนื่องมาจากยางเป็นพิษ มีอันตรายต่อเด็ก และคนท่ไี มท่ ราบดว้ ย สดุ สวาท ศรีสถาปัตย์ (๒๕๔๗ : ๖-๕๑) กลา่ วว่า ความเช่ือท่ีเป็นมงคลและอวมงคลเก่ียวกับ ต้นไม้มีหลายประการความเชื่อไปในทางที่ไม่ดี ท่ีทาให้ชีวิตมีความทุกข์ ความไม่เจริญ ความ ปลอดภยั หรือเปน็ พษิ หรือประสบความสาเรจ็ ในเรื่องต่าง ๆ

๑๑ ดนยั ไชยโยธา (๒๕๓๘ : ๑๕๐-๑๕๒) กลา่ วถงึ ความเชือ่ ท่เี ป็นอวมงคลทางด้านไสยศาสตร์ท่ี เก่ียวข้องกับต้นไม้ได้ว่า ความเชื่อทางไสยศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกลับเป็นการใช้เวทมนตร์ในการทา เคร่ืองของขลัง นอกจากมีคุณในเรื่องเมตตามานิยมแล้วยังมีโทษอีก คือ การทามบด้วยมะนาวเป็น การทาคุณไสยโดยใช้ในโอกาสที่มีการแข่งขันหรือมีการแสดงโนราหรือหนังตะลุง เพื่อทาลายคู่ต่อสู้ คณะท่ีถูกมบหรือถูกกระทาจะมีอันเป็นไป ทาให้เสียเลวลงเร่ือย ๆ จนผู้ชมทนไม่ได้ลุกไปชมการ แสดงของฝา่ ยอ่นื จนหมด จากการศึกษาความเช่ือท่ีเป็นอวมงคลเก่ียวกับต้นไม้ สรุปได้ว่า ความเช่ืออวมงคลเก่ียวกับ ต้นไม้มีหลายประการเป็นความเชื่อที่ถือกันว่ามีความหลายในทางท่ีไม่ดี ท่ีทาให้ชีวิตมีความทุกข์ ความไม่เจรญิ ไมไ่ ดโ้ ชคลาภ หรือไม่ประสบความสาเร็จในหนา้ ทก่ี ารงานหรือในด้านต่าง ๆ ๒.๒ บริบทชุม เดมิ หมูบ่ า้ นศรหี มวดกลา้ เปน็ หย่อมของบ้านหนองยางทหี่ ่างจากท่ตี ้ังหมู่บ้าน ๕๐๐ เมตร เน่อื งจากบ้านหนองยางเริ่มมีประชากรเพ่ิมขนึ้ จงึ เร่ิมแยกออกมาเป็นหม่บู ้านศรหี มวดเกล้า ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ทีช่ าวบ้านเรยี กวา่ บา้ นศรหี มวดเกลา้ ชาวบ้านเรยี กตามชอื่ วัด เพราะท่วี ัดมีต้นโพธท์ิ ่ี แตกหน่อขนึ้ มาขมวดรอบต้นคล้ายผู้หญิงเกลา้ ผม เป็นส่ิงมหศั จรรย์และแปลกประหลาด ชาวบา้ นจงึ นับถือและตง้ั ชื่อว่าบา้ นศรหี มวดเกล้าต้งั แต่บดั นัน้ มา จานวนประชากร มจี านวน ๓๐๐ ครัวเรอื น ทิศเหนือ ตดิ กับ บา้ นร้องต้นธง ทิศตะวันออก ตดิ กับ บ้านดอนตัน ทศิ ตะวนั ตก ติดกับ หมู่บ้านจันสรรกนกวิมาน ทิศใต้ ติดกับ บา้ นหนองยาง ๒.๓ งานวิจัยท่เี กี่ยวข้อง จากการศึกษาค้นคว้างานวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง ผู้วจิ ัยพบผลงานวจิ ัยดังต่อไปนี้ เสาวลักษณ์ อนันตศานต์ (๒๕๔๖) ไดศ้ ึกษา ความรเู้ ก่ยี วกับความเช่อื สาเหตขุ องการเกดิ ความเชื่อ ความหมาย การจาแนกประเภทของความเชื่อ ความเชือ่ เกี่ยวกับพืช มนษุ ย์ได้อาศัยในการ ใชช้ วี ิตมาตัง้ แตส่ มัยโบราณ คือ พืชบางอยา่ งใชเ้ ป็นอาหาร ตน้ ไม้ใชเ้ ปน็ ที่กาบังแดดฝน ในการค้นหา พืชผักและผลไม้ที่กินได้ มนุษย์ตอ้ งไดพ้ บร้จู ักและค้นุ เคยกับสมบัตขิ องพืชหลายชนดิ มนุษย์จงึ มี ความรสู้ ุกวา่ พชื เปน็ สิง่ เร้นลับ แตข่ ณะทีใ่ นใจของมนุษย์มคี วามกลัวอยู่ ก็มีความต้องการในการปลกู พืชนั้นดว้ ย เป็นเหตุให้เกิดเร่ืองเลา่ ปรมั ปรา และการปฏิบัติพิธีกรรมขึน้ มาอย่างหลีกเลยี่ งไมไ่ ด้

๑๒ และยังเหน็ งาวจิ ยั ของ กฤษณา เสนาวงษ์ (๒๕๔๔) ไดศ้ ึกษาวิจัยเรื่อง พืชทใี่ ช้ในพิธกี รรม ของบ้านนาใย จังหวัดมหาสารคามพบว่า การใช้พชื มาเปน็ สว่ นประกอบในพธิ ีกรรมตา่ ง ๆ จะมี ลกั ษณะประเภทที่คลา้ ยกนั ถ้าเป็นงานมงคล งานบุญประเพณี เล้ยี งผตี า่ ง ๆ จะใชไ้ ม้ทีม่ ีชื่อมงคล แต่ ถ้าเปน็ งานอปั มงคลจะใช้พืชท่ีมีลักษณะความเช่ือในทางตรงขา้ ม เช่น งานศพ เป็นตน้ และผล การศึกษาดังกล่าวมคี วามสอดคล้องกับแนวทางของ สนุ ทร ปณุ โณทก (ม.ป.ป.) ท่วี า่ ไมม้ งคล หมายถงึ ต้นไม้ทปี่ ลูกไวใ้ นบริเวณบ้าน เพือ่ ประโยชนใ์ ช้สอยในครวั เรอื น และเอาเคลด็ จากชื่อในการ เรียกขาน หรือมีผทู้ กั ให้เสยี งท่ีเปล่งออกมาเปน็ สริ ิมงคลแก่ตน ผู้เป็นเจ้าของและครอบครวั ให้ปลกู ไผ่ สสี กุ ปลูกต้นกมุ่ ตน้ มะพร้าว เป็นตน้ การปลูกตน้ ไม้เราสามารถแบ่งเปน็ ชนิด เรียนรู้ประโยชน์ และ สรรพคณุ ของตน้ ไม้ อนั เปน็ ปัจจยั ในการดารงชวี ิตนาไปใช้ทางคงกระพนั ชาตรี ทางโชคลาภให้คนรกั เป็นสริ มิ งคล ทาให้ตนเอง และครอบครัวมีความสขุ ร่มเย็น ทงั้ นี้ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ (๒๕๔๑) ได้แสนองานวจิ ยั เกีย่ วกบั ตน้ ไม้พุทธประวตั เิ ปน็ งาน เขยี นที่ให้ความรถู้ งึ ชือ่ และประวตั ิของต้นไมใ้ นพุทธในพุทธประวัตชิ าวพุทธจกั ตน้ ไมท้ ่ีเกี่ยวกับพระ พุทธไม่กีช่ นิดโดยมากรจู้ ักแต่ ต้นไมศ้ รีมหาโพธหิ์ ากศึกษาถึง พุทธจริยาตั้งแต่เสดจ็ ออกผนวชจนเสร็จ ดับขนั ธป์ รินิพพานทาให้พบความเก่ียวขอ้ งกับตน้ ไมห้ ลายชนดิ ต่อมาชาวพุทธนิยมนามาปลูกเพื่อเป็น พทุ ธบชู า ตน้ ไมส้ าคญั ที่เกีย่ วขอ้ งกับตอนประสตู ิ ตรัสรู้ และเขา้ สู่ปรินิพพาน คอื ๑.ต้นสาละเป็น ไม้ที่เกี่ยวข้องกบั พระพุทธเจา้ โดยตรงทง้ั ตอนประสตู ิ ตรัสรู้ ปรนิ พิ าน ๒.ตน้ โพธิ (โพ-ธ)ิ เปน็ ไม้ท่ีมีความเกย่ี วขอ้ งกบั พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ในระหวา่ งบาเพญ็ พรตได้ ประทบั น่งั ที่โคนตน้ โพธิ (โพ-ธ)ิ จนกระทั่งตรสั รู้พระสมั มาสัมโพธิญาณ ๓.ต้นนิโครธ หรือไทรนโิ คธร ตามพระพุทธประวตั กิ ลา่ วถึง ตอนที่พระพุทธเจา้ ทรงรับข้าว มธุปายาสจากนางสุชาดาขณะทีป่ ระทบั นัง่ ที่โคนต้นไมน้ โิ คธร ๔.ตน้ ตะเคยี น ตามพระพทุ ะประวัตกิ ล่าวว่า พระพุทธเจ้าจะทายมกปาฏิหาริย์ ณ เมอื งสา วดั ถี ฝ่ายเดยี รถยี ์จะทาแขง่ บ้างโดยเตรียมมณฑลมเี สาซงึ่ ทาดว้ ยไมต้ ะเคยี นหลงั มุงด้วยดอกนิลอุบล เมือ่ พระพุทธเจา้ ดาเนนิ ไปทีป่ ากหลุมไฟก็มีดอกบวั มารองรับพระบาทจงึ มิได้รบั อันตราย ๕.ตน้ ปาริฉัตร ฮินดู เรยี กวา่ มงั การา ในพุทธประวตั กิ ลา่ วว่า พระพุทธองค์เสรจ็ ไปถึง ดาวดงึ ส์เทวโลกไดน้ าเอาปาริฉตั รพฤกษชาติกลบั มาด้วย ๖.ต้นตาล ตามพทุ ธประวัติกลา่ วไว้วา่ ในพรรษาที่ ๒ หลังจากท่ีพระพุทธองคส์ าเร็จสมั มา สัมโพธญิ าณได้ไปประทับ ณ วนอทุ ยานทเี่ ป็น สวนตาลหนุ่ม เพื่อโปรดให้พระเจ้าพิมพิสารราชแห่ง แคว้นมคธ เข้าเฝ้า ๗.ตน้ ไผ่ ไผม่ ีความสาคัญในพระพทุ ธประวัติมาก เพราะเป็นพระอารามแห่งแรกใน พระพุทธศาสนาเรยี ก เวฬวนาราม

๑๓ หลกั ฐานความสมั พันธร์ ะหวา่ งมนุษยก์ ับตน้ ไมม้ มี านานควบคู่กับการท่ีมนุษยใ์ ชพ้ ชื ในการ ดารงชีวติ ซ่ึง พ.สวุ รรณ (๒๕๔๓) ไดร้ วบรวมไว้ในงานเขียนดงั นี้ หลกั ฐานความสัมพันธ์ระหวา่ ง มนษุ ย์กบั ตน้ ไม้ปรากฏตามประวัตศิ าสตร์ของชนชาตติ ่าง ๆ อาทิ สวนสมุนไพรของราชินอี ัตเซฟซตุ ในสมยั อยี ปิ ตด์ ึกบรรพส์ วนสอยแห่งบาบโิ ลน ของกษัตริยเ์ นบคู ตุ เนสซารเ์ มื่อ ๖๐๐ ปกี ่อนศริสต์กาล สาหรับไทยเรานยิ มปลูกต้นไม้มาตงั้ แต่สมยั สุโขทยั ในสมัยกรงุ ศรีอยุธยามีการสรางสวนป่า เช่น ปา่ มะมว่ ง ปา่ หมาก กลางกรุงสุโขทยั ในสมยั กรุงศรีอยุธยามกี ารสรา้ งสวนไว้ ดังทีป่ รากฏในจดหมาย เหตขุ องลาลแู บร์ บันทึกไวว้ ่ามีสวนน้อยหนา่ ทีล่ พบรุ ี มีสวนทุเรียน มงั คุด ลิน้ จ่ี ท่ธี นบรุ ี สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ มีการสรา้ งสวนในพระบรมมหาราชวังกนั มาก โยเฉพาะในรชั สมัย พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงนาพนั ธุ์ไม้ตา่ งประเทศ และของไทยมาปลูกริมถนน นอกจากนนั้ ทรงสร้างสวนตามวังต่าง ๆ ทรงสร้างพระราชอทุ ยานสราญยรมย์ สร้างสวนดุสติ เขาดนิ วนา พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอย่หู ัวทรงสนพระทยั ในเร่ืองตน้ ไมเ้ นื่องจากองค์ไดเ้ สร็จ ประพาสต่างประเทศ ทอดพระเนตรเหน็ ภูมปิ ระเทศบา้ นเมืองต่าง ๆ โดยเฉพาะเมืองในยุโรปเตม็ ไป ด้วยสวนดอกไม้ท่ปี ลกู ตกแต่งงดงาม ดว้ ยเหตนุ ้ีเหตเุ องพระองคจ์ งึ โปรดเกลา้ ฯ ให้ปลูกต้นไม้ ๒ ขา้ ง ทางตามแบบอยา่ งในตา่ งประเทศ เช่น ปลูกตน้ มะขาม รอบท้องสนามหลวง ถนนราชดาเนนิ ในและ ถนนพระราม ๕ นอกจากนยี้ ังโปรดเกลา้ ฯ ให้ปลกู ต้นมะฮอกกานีที่ถนนพระราม ๖ ถนนนครไชยศรี และถนนราชวถิ ี ส่วนพระราชวังสวน พระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ลกู ตน้ ไมท้ ้ังไม้ดอกผล แล้ว พระราชทานนามวา่ “สวนดุสติ ” ต่อมารชั กาลท่ี ๖ ไดโ้ ปรดเล้าฯ ใหเ้ ปน็ พระราชวงั พระราชทาน นามว่า “พระราชวงั สวนดุสิต” ในรัชสมัยสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงสนพระทัยในเรื่อง ต้นไมเ้ ชน่ กนั ทรงอุทิศท่ีดิน ๓๖๐ ไร่ เพอื่ สรา้ งสวนสาธารณะแก่ราษฏร โดยพระราชทานนามวา่ “สวนลุมพนิ ี” ยงั มีงานของ พิษณุเพทางค์ (๒๕๓๑) ผู้รวบรวมตาราพรหมชาตแิ ละเสนองานขยี นทีใ่ ห้ ความรูเ้ กย่ี วกบั ตาราปลกู บา้ นเพื่อให้อยูเ่ ย็นเป็นสุข ใหเ้ กอสวัสดีและเป็นมงคลแก่ ผ้อู าศยั ควรปลูก ต้นไม้ต่อไปน้ี จะเกดิ สิริมงคลแก่บ้านเรือน ทิศอุดร (เหนือ) ใหป้ ลกู ต้นพุทราและหัวห่าน ทิศทักษิณ (ใต้) ปลูกต้นมะม่วง ตน้ พลับ ทิศบรู พา (ตะวันออก) ควรปลกู ต้นไผ่ ต้มกุม่ และต้นมะพร้าว ทิศประจิม (ตะวันตก) ปลกู ตน้ มะขาม และต้นมะยม ทิศอิสาน (ตะวันออกเฉียงเหนอื ) ปลูกตน้ ทุเรียน ทิศอาคเนย์ (ตะวนั ออกเฉียงใต้) ปลกู ต้นยอ และตน้ สารภี ทศิ พายัพ (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ปลกู ตน้ มะกรดู ต้นส้มป่อย

๑๔ ทิศหรดี (ตะวันออกเฉียงใต้) ปลูกต้นชัยพฤกษ์ สะเดา ขนุน พกิ ลุ ถา้ ผูใ้ ดปลกู ตน้ ไม้ดงั กลา่ วจะอยู่เปน็ สขุ มที รัพย์สนิ เงนิ ทอง จะเสรมิ ดวงให้เจรญิ ก้าวหนา้ มี วาสนาบารมี ปกป้องให้ปลอดภยั ในขณะเดียวกัน วงเดือน คัยนันทน์(๒๕๔๗) ศึกษาการต้ังชื่อพันธุ์ไม้มงคลในภาษาไทยใน ด้านลักษณะโครงสร้างของชื่อ ความหมาย และความเชื่อของการตั้งชื่อพันธ์ุไม้มงคล ข้อมูลที่ใช้ใน การศกึ ษาเปน็ ชื่อพนั ธุ์ไม้มงคลประเภทว่านจานวน ๓๔๕ ช่ือ และชื่อพันธ์ุไม้มงคลประเภทโป๊ยเซียน จานวน ๑,๒๗๕ ช่ือ รวมท้ังหมด ๑,๖๒๐ ช่ือ ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะโครงสร้างของชื่อพันธ์ุไม้ มงคลมี ๓ ลักษณะ คือ ลักษณะท่ีเป็นคาลักษณะท่ีเป็นวลีและกลุ่มคา และลักษณะท่ีเป็นประโยค โดยปรากฏลักษณะที่เปน็ วลีและกลุม่ คามากทีส่ ุด รองลงมามีลกั ษณะเปน็ คา และประโยค ตามลาดับ ในด้านความหมายของช่ือพบว่า มีท้ังชื่อที่มีความหมายมงคล และช่ือที่มีความหมายอ่ืน ๆ โดย ปรากฏชื่อที่มีความหมายมงคลมากกว่าช่ือที่มีความหมายอ่ืน ๆ ชื่อที่มีความหมายมงคลแบ่งได้เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ คือ ๑) ความหมายมงคลเก่ยี วกบั ความเจริญ ๒) ความหมายมงคลเก่ียวกับความสุข และ ๓) ความหมายมงคลเกย่ี วกบั ความปลอดภัย ท้ังนี้พบว่าปรากฏความหมายมงคลเกี่ยวกับความเจริญ มากที่สุด ส่วนความหมายอน่ื ๆ แบ่งไดเ้ ป็น ๓ กลุม่ ใหญ่ คอื ๑) ความหมายที่ให้รายละเอียดเก่ียวกับ พันธุ์ไม้ ๒) ความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติส่ิงแวดล้อม และ ๓) ความหมายเก่ียวกับบุคคล ทั้งนี้ ปรากฏความหมายท่ีให้รายละเอียดเกี่ยวกับพันธุ์ไม้มากที่สุด ในส่วนของความเชื่อพบว่า ความเช่ือ ของพนั ธ์ไุ มม้ ีความสัมพนั ธ์กับการต้ังชื่อ และชื่อของพันธุ์ไม้ยังสะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนไทยใน ด้านต่าง ๆ ท้ังหมด ๘ ด้าน คือ ๑) ความเช่ือในลัทธิศาสนา ๒) ความเชื่อเก่ียวกับไสยศาสตร์ ๓) ความเช่ือเก่ียวกับสัตว์ ๔) ความเช่ือเกี่ยวกับอัญมณี ๕) ความเชื่อเกี่ยวกับจานวนและตัวเลข ๖) ความเชื่อเกยี่ วกับโหราศาสตร์ ๗) ความเช่ือเก่ียวกับสี และ ๘) ความเช่ือเกี่ยวกับขวัญ นอกจากน้ีช่ือ พันธ์ุไม้มงคลยังแสดงให้เห็นค่านิยมของคนไทยในการตั้งชื่อพันธ์ุที่นิยมตั้งให้มีความหมายมงคล ต้ัง ตามความเชื่อของพันธ์ุไม้ และตั้งตามลักษณะที่เกี่ยวข้องกับพันธ์ุไม้อีกทั้งชื่อพันธ์ุไม้มงคลยังสะท้อน ใหเ้ ห็นถงึ ค่านยิ มของคนไทยใน ๓ ด้าน คอื ๑) ค่านิยมเกีย่ วกับความม่ังคั่งร่ารวย ๒) ค่านิยมเก่ียวกับ ความปลอดภยั และ ๓) ค่านิยมเก่ยี วกบั การมีสุขภาพรา่ งกายทีแ่ ขง็ แรงและอายยุ นื และ วัฒนี อ่องแก้ว(๒๕๕๓) ศกึ ษาความเชือ่ ท่ีเปน็ มงคลและอวมงคลเกี่ยวกบั พชื และสัตว์ ของชาวบ้าน อาเภอสิงหนคร จงั หวัดสงขลา ผู้วิจยั ได้เกบ็ ข้อมลู เอกสาร ข้อมูลภาคสนาม โดยวธิ กี าร สัมภาษณ์ การสังเกต พร้อมทั้งเกบ็ ภาพประกอบ และเสนอผลงานวิจัยแบบพรรณนาวเิ คราะหส์ รุป ได้ดังนี้ ความเช่ือท่เี ปน็ มงคลและอวมงคลเกี่ยวกบั พชื และสตั ว์ของชาวบา้ นอาเภอสิงหนคร จงั หวัด สงขลา จากการศึกษาพบวา่ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเดน็ คือ

๑๕ ๑.ความเช่อื ท่เี ป็นมงคลและอวมงคลเกย่ี วกับพชื เละสตั ว์ ประการแรกความเช่ือที่เปน็ มงคล เกีย่ วกับพชื ๕ ด้าน คือ มงคลดา้ นความสขุ มงคลดา้ นความเจริญ มงคลดา้ นความปลอดภยั มงคล ดา้ นโชคลาภและให้คณุ ค่าต่างๆ และมงคลดา้ นไสยศาสตร์ ประการท่ี ๒ ความเชอ่ื ท่เี ป็นอวมงคล เกี่ยวกบั พชื มี ๔ ดา้ น คือ อวมงคลเพราะทาใหเ้ กดิ ความทุกข์ อวมงคลดา้ นความเจรญิ อวมงคลดา้ น ความปลอดภัยหรอื เปน็ พิษ และอวมงคลด้านไสยศาสตร์ ๒.ผลกระทบของความเชื่อที่เป็นมงคลและอวมงคลเก่ียวกับพืชและสัตว์ ได้แก่ ผลกระทบ ด้านจิตใจท่ีสาคัญ ๓ ประการ ทาให้เกิดความสุข ทาให้มีพลังและกาลังใจ และทาให้เกิดความมั่นใจ ผลกระทบด้านสังคมวัฒนธรรมท่ีสาคัญมี ๒ ประการ คือ ผลกระทบต่อการอนุรักษ์ทรัพยาการ ธรรมชาติและระบบนิเวศน์ในท้องถิ่น และผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ต่อทรัพยาการธรรมชาติ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่สาคัญ ๓ ประการ คือทาให้เกิดผลต่อการผลิต ทาให้เกิดผลต่อการ จาหน่าย และผลท่ีทาให้เกิดต่อการบริโภค ความเช่ือท่ีเป็นมงคลและอวมงคลเกี่ยวกับพืชและสัตว์ เหลา่ นีเ้ ปน็ ภาพสะท้อนทางสังคมที่สามารถมองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในแง่มุมของความเช่ือที่เป็น มงคลและอวมงคล ระบบความคิดและสภาพจติ ใจของชาวบ้านไดอ้ ย่างดี จากการศึกษาจะเห็นได้ว่าเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง ผู้วิจยั สว่ นใหญศ่ กึ ษาเก่ียวกับ ความเชอ่ื ในแงก่ ารต้ังช่อื พันธ์ุไม้ในการนามาประกอบในพธิ ีต่าง ๆ ในแต่ละพ้ืนท่ีจะมีวธิ ีการปฏิบัติ และความเช่ือท่แี ตกตา่ งกันออกไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถงึ วิถีชีวติ ของคนในพ้นื ท่ีนน้ั ๆ ท้งั นี้ ผวู้ ิจัยได้ พบวา่ ยงั ไมม่ ีวิจัยใดท่ีกาลงั ศึกษาความเช่อื ต้นไม้มงคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกลา้ ตาบล ชมพู อาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง จึงเปน็ เหตทุ าใหผ้ ้วู จิ ัยสนใจทีจ่ ะศึกษา เพื่อให้เห็นถงึ ความเชอื่ ต้นไม้ ท่มี ีอิทธิกบั ชาวบ้านตงั้ แต่อดตี จนปัจจบุ ัน

บทที่ ๓ วธิ ดี าเนินงานวจิ ยั การวิจัยเร่ือง “วิเคราะห์ความเชื่อต้นไม้มงคลและอวมงคลของชาวบ้านศรีหมวดเกล้า” ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์ สังเกต สารวจในภาคสนามและศึกษาจากเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง โดยผู้วิจัย ทาการศึกษาความเชื่อที่เป็นมงคลและอวมงคลเกี่ยวกับต้นไม้ของชาวบ้านศรีหมวดกล้าในการศึกษา ครั้งนี้ ผวู้ จิ ัยไดด้ าเนนิ การวจิ ยั ดงั น้ี ๓.๑ กลมุ่ ผบู้ อกขอ้ มูล การเลือกผบู้ อกข้อมลู โดยไดก้ าหนดเกณฑใ์ นการเลอื กผูบ้ อกข้อมูลดงั น้ี ๓.๑.๑ ชาวบา้ นในหมูบ่ ้านศรีหมวดเกล้า ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลาปาง จานวน ๒๐ คน ทีม่ ีอายเุ กินกวา่ ๖๐ ปีขน้ึ ไป ดังนี้ ผู้ชายที่มีอายเุ กินกวา่ ๖๐ ปขี ้นึ ไป จานวน ๑๐ คน ผู้หญิงทม่ี อี ายุเกนิ กวา่ ๖๐ ปขี นึ้ ไป จานวน ๑๐ คน ๓.๒ เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นในการรวบรวมข้อมลู ๓.๒.๑ แบบสอบถาม สาหรับผทู้ ีใ่ ห้ข้อมลู ๓.๒.๒ เครอ่ื งบันทึกเสยี ง ๓.๒.๓ โทรศัพทม์ ือถอื ๓.๓ วธิ ดี าเนินการรวบรวมขอ้ มลู ๓.๓.๑ ศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ องค์ความรู้ที่จะ ศึกษา ขอ้ มลู เบอ้ื งต้นเก่ียวกบั ความเชื่อ ตน้ ไมม้ งคลและอวมงคล ๓.๓.๒ ศึกษาและรวบรวมข้อมลู ภาคสนาม ในพ้นื ท่ีท่จี ะศึกษาเพ่อื รวบรวมขอ้ มูล ๓.๓.๒.๑ การสังเกตการณ์ โดยการลงพน้ื ทไ่ี ปสารวจตน้ ไม้ในรอบๆชมุ ชน ๓.๓.๓ นาข้อมูลมาวเิ คราะห์ ตามทฤษฎดี า้ นคติชนทเ่ี กย่ี วข้อง ๓.๓.๔ เรียบเรียงข้อมูลและสรปุ ผลการวิจัย

๑๗ ๓.๔ วธิ ีการจดั การกระทากับข้อมูล การวจิ ัยคร้งั นี้ผู้วิจยั นาขอ้ มูลทีไ่ ด้ไปวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผูว้ จิ ัยได้ดาเนินการดงั น้ี ๓.๔.๑ นาข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากการสัมภาษณ์ซ่ึงได้บันทึกไว้ในแถบ บันทึกเสียงมาถอดความโดยสรุปสระสาคัญตามขอบเขตดา้ นเนื้อหา ๓.๔.๒นาขอ้ มลู ทไี่ ด้บันทึกไว้ในแถบบันทึกเสียง รวมทั้งข้อมูลท่ีได้จดบันทึกไว้ จาก การสมั ภาษณ์มาตรวจสอบความสมบรู ณ์และเกบ็ ขอ้ มลู เพิม่ เติมในส่วนทข่ี าดความสมบรู ณ์ ๓.๔.๓ นาข้อมูลที่ได้ตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องแล้วท้ังหมดมาศึกษาตาม ประเด็นที่กาหนดไว้ในขอบเขตด้านเนือ้ หา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook