คำนำ รำยงำนเล่มน้ีจดั ทำข้ึนเพอ่ื เป็นส่วนหน่ึงของวชิ ำพระพทุ ธศำสนำช้นั ประถมศึกษำปี ท่ี 5เพ่ือใหไ้ ด้ ศึกษำหำควำมรู้ในเรื่อง ศำสนพิธีของศำสนำพทุ ธและไดศ้ ึกษำอยำ่ งเขำ้ ใจเพื่อเป็นประโยชน์กบั กำร เรียน ผจู้ ดั ทำหวงั วำ่ รำยงำนเลม่ น้ีจะเป็นประโยชน์กบั ผอู้ ่ำน หรือนกั เรียน นกั ศึกษำ ที่กำลงั หำขอ้ มูล เรื่องน้ีอยหู่ ำกมีขอ้ แนะนำหรือขอ้ ผดิ พลำดประกำรใด ผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มำณ ท่ีน้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทำ นำงสำวพิชชำภำ เพญ็ ธง
สำรบญั เรื่อง หนำ้ คำนำ ก ข สำรบญั 1 ควำมหมำยของศำสนพธิ ี 3 พิธีถวำยสงั ฆทำน 4 พธิ ีมงคลทำบุญอำยุ 5 บวชนำค 9 พธิ ีกำรทำข้ึนบำ้ นใหม่ 11 แต่งงำน 13 วสิ ำขบชู ำ 14 เขำ้ พรรษำ 16 ออกพรรษำ 18 ทอดกฐิน 20 วนั มำฆบูชำ 22 ทำบุญหนำ้ ศพ 24 งำนทำบุญอฐั 25 สรุป
วชิ ำ พระพทุ ธศำสนำ เร่ือง ศำสนพธิ ีของศำสนุทธ ครูผสู้ อน นำงสำวพิชชำภำ เพญ็ ธง กลุ่มสำระ สงั คมศึกษำศำสนำ และวฒั นธรรม
หมำยถึง ระเบียบแบบแผนหรือแบบอยำ่ งทถ่ี ือปฎิบตั ิในศำสนำ เมื่อนำมำใชใ้ นพระพุทธศำสนำ จึงหมำยถึงระเบียบแบบแผนหรือแบบอยำ่ งท่ีพึงปฎิบตั ิในพระพุทธศำสนำ ศำสนพิธีต่ำงๆ ช่วยทำ ใหค้ วำมศรัทธำต่อพระพุทธศำสนิกชนมีควำมแน่นแฟ้นยิ่งข้ึนเป็นสิ่งตอกย้ำใจใหร้ ะลึกถึงคุณของ พระรัตนตรัยไดอ้ ยำ่ งดีเยยี่ ม กำรตกั บำตร จดั เป็นศำสนพธิ ีอยำ่ งหน่ึง กำรถวำยภตั ตำหำรแก่คณะสงฆเ์ ป็นศำสนพธิ ีทำง พระพทุ ธศำสนำอยำ่ งหน่ึงอยำ่ งหน่ึง
ศาสนพิธี เป็ นพิธีกรรมทำงศำสนำซ่ึงถือปฏิบตั ิเป็ นแบบอย่ำง เป็ นธรรมเนียมสืบต่อกนั มำ เพื่อควำมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงำมเป็นแบบเดียวกนั เหตุใหเ้ กิดศำสนพิธีน้ีคือควำมนิยม ทำบุญ พุทธศำสนิกชนซ่ึงไม่ว่ำจะปรำรภเหตุอะไรทำกนั ก็มกั จะให้ตรงและครบตำม หลกั วธิ ีทำบุญในทำงพระพทุ ธศำสนำ ซ่ึงพระสมั มำสมั พทุ ธเจำ้ ทรงแนะแนวไว้ 3 หลกั คือ 1ทำน กำรบริจำควตั ถุส่ิงขอ 2. ศีล กำรรักษำกำยวำจำใหส้ งบเรียบร้อย 3.ภำวนำ กำรยกระดบั จิตใหส้ ูงข้ึนดว้ ยกำรอบรมใหส้ งบน่ิงและใหเ้ กิดปัญญำ
ศำสนพิธีของศำสนำพทุ ธ พิธีถวำยสงั ฆทำน พิธีถวำยสังฆทำน ถวำยสงั ฆทำน คือกำรถวำยวตั ถุท่ีควรเป็นทำนแก่สงฆ์ มิไดเ้ จำะจงแก่ภิกษุรูปใดรูปหน่ึง หำกถวำย เจำะจงเฉพำะรูป เรียกวำ่ \"ปำฏิบุคลิกทำน\" ไม่ตอ้ งมีพธิ ีกรรมอะไรในกำรถวำย ส่วนสงั ฆทำนน้นั เป็น กำรถวำยกลำง ๆ ใหส้ งฆ์ เฉล่ียกนั ใชส้ อย จึงมีพธิ ีกรรมเขำ้ มำเก่ียวขอ้ งดว้ ย โดยเฉพำะกำรถวำยและ กำรอนุโมทนำของสงฆ์
กำรอำรำธนำศีลและสมำทำนศีล เบ้ืองตน้ ของกำรบำเพญ็ กศุ ลของพุทธศำสนิกชน ตอ้ งมีพิธีรับสรณคมน์และศีลก่อน แลว้ จึงค่อยอำรำธนำพระปริตรถำ้ บำเพญ็ บุญเกี่ยวกบั กำรเทศน์จึงจะอำรำธนำธรรม กำรที่ขอเบญจศีลก่อนเสมอไปทุกพิธีน้นั เพ่ือชำระจิตใหบ้ ริสุทธ์ิ ให้เป็นผมู้ ีศีลสมควร แก่กำรรองรับพระธรรมสรณคมน์ หมำยควำมวำ่ ขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็ นที่พ่ึงก่อนอำรำธนำควรกรำบพระพุทธรูป ที่โต๊ะหมู่บูชำและบูชำพระก่อนแลว้ จึงกลำ่ วคำอำรำธนำตำมดว้ ยกำรสมำทำนศีล
บุญในพธิ ีกรรมมงคลต่ำง ๆ พธิ ีมงคลทำบุญอำยุ กำรทำบุญอำยุน้ัน มกั นิยมทำกนั ในเม่ืออำยุครบ 25 ปี เรียกว่ำวยั เบญจเพสคร้ัง หน่ึง กบั เมื่ออำยุครบ 50 ปี กบั เม่ืออำยุครบ 50 ปี ซ่ึงจดั ว่ำมีอำยุมำไดค้ ร่ึงหน่ึงของ อำยขุ ยั อีกคร้ังหน่ึง นอกจำกน้ีอำจจะมีกำรทำบุญครบบอบของอำยใุ นรอบต่ำง ๆ ได้ อีก และโดยทว่ั ไปมีสิ่งอนั พงึ ตอ้ งปฏิบตั ิ ดงั ตอ่ ไปน้ี
กำรบวชนำค 1.โกนผมนำค เริ่มโดยพอ่ แม่และญำติผใู้ หญ่ หรือผูท้ ่ีมำร่วมบุญงำนบวชพระในคร้ังน้ี ทำกำรขลิบผม ให้นำคเป็ นปฐมฤกษ์ จำกน้นั พระสงฆจ์ ะทำกำรโกนผมให้นำค ตำมประเพณีกำรบวชพระที่ ปฏิบตั ิโดยทวั่ กนั น้นั ผมนำคท่ีโกนแลว้ จะห่อดว้ ยใบบวั แลว้ นำไปลอยทแ่ี ม่น้ำหรือวำงไวใ้ ต้ ร่มโพธ์ิ โดยเช่ือวำ่ จะทำให้เกิดควำมร่มเยน็ เป็ นสุข ในกำรปลงผมน้นั จะปลงที่บำ้ นหรือท่ี วดั กไ็ ดแ้ ลว้ แต่ควำมสะดวก แตโ่ ดยทว่ั ไปนิยมปลงผมท่ีวดั มำกกวำ่ เน่ืองจำกญำติหรือแขกผู้ มีเกียรติที่มำร่วมงำนจะไดม้ ีโอกำสร่วมพิธีตดั ผมนำค อีกท้งั ยงั เป็ นกำรประหยดั เวลำของ เจำ้ ภำพและแขกที่มำร่วมงำนอีกดว้ ย เพรำะเมื่อปลงผมเสร็จจะไดท้ ำพิธีเวียนประทกั ษิณรอบ สีมำ และเขำ้ อุโบสถประกอบพธิ ีอุปสมบทต่อไป
2.แต่งตวั นำค กำรแต่งตวั นำคน้นั ควรแต่งดว้ ยชุดขำวท้งั หมด ซ่ึงจะบ่งบอกถึงควำมสะอำดบริสุทธ์ิ ท้งั กำย วำจำ ใจ ของผทู้ ี่จะบวช กำรแตง่ ตวั นำค ไม่ควรมีเครื่องประดบั ประดำมำกจนเกินไป โดยขอ แนะนำเคร่ืองแตง่ ตวั นำคตำมประเพณีนิยมดงั น้ี 1. เส้ือเชิ้ตแขนยำวสีขำว 2. สบงขำว 3. องั สะขำว 4. เขม็ ขดั หรือสำยรัดสำหรับรัดสบง ในส่วนเขม็ ขดั น้ี ใชส้ ำหรับรัดสบงขำว ซ่ึงส่วน ใหญ่จะนิยมใชเ้ ขม็ ขดั นำค ในกรณีที่ไม่มีเขม็ ขดั นำคจะใชเ้ ขม็ ขดั อยำ่ งอ่ืนหรือสำยรัดแทนกไ็ ด้ ไม่ใช่ขอ้ กำหนดตำยตวั แตก่ ำรใชเ้ ขม็ ขดั นำคเป็นกำรปฏิบตั ิตำมประเพณีกำรบวชพระที่นิยม เพื่อให้ สอดคลอ้ งกบั คำวำ่ \"นำค\" ซ่ึงเป็นชื่อเรียกผทู้ ่ีจะบวชในพระพทุ ธศำสนำเท่ำน้นั 5. เส้ือคลุมนำค 6. สร้อยคอ หำกมีสร้อยคอจะสวมใหน้ ำคกไ็ ด้ หรือไม่สวมกไ็ ด้ แตไ่ ม่ควรคลอ้ งพวงมำลยั ใหน้ ำค เพรำะจำกนำคจะกลำยเป็นนกั ร้องแทน 3.กำรเดินประทกั ษิณเวียนขวำรอบสีมำ กำรเวียนประทกั ษิณในทำงพระพุทธศำสนำ คือ กำร กระทำท่ีสุจริตถูกตอ้ งชอบธรรมท้งั ทำงกำย ทำงวำจำ และทำงใจ กำรหมุนไปทำงขวำ คือกำรหมุน ไปสู่ควำมดีท้งั ทำงกำย วำจำ และใจ ตรงกนั ขำ้ มกบั กำรหมุนไปดำ้ นซ้ำยเป็ นกำรหมุนทวนควำมดี คือ กำรกระทำที่เป็ นทุจริตทำงกำย วำ และใจ กำรทำประทกั ษิณเวียนขวำรอบสีมำก่อนเขำ้ อุโบสถ ของผทู้ ี่จะบวชพระน้ี นอกจำกจะเป็นกำรแสดงควำมเคำรพตำมธรรมเนียมโบรำณแลว้ ยงั เป็ นอุบำย ที่คนโบรำณสอนใหร้ ู้วำ่ ส่ิงท่ีจะทำต่อไปน้ีเป็นกำรกระทำท่ีสุจริตถกู ตอ้ งชอบธรรมท้งั ทำงกำย ทำง วำจำ และทำงใจ
4. กำรบรรพชำ (บวชสำมเณร) เมื่อนำคไดเ้ ขำ้ ไปในอุโบสถแลว้ นำคจะวนั ทำพระประธำนอีก คร้ังดว้ ยวิธีอยำ่ งเดียวกนั กบั วนั ทำสีมำ จำกน้นั กลบั ไปนงั่ ณ สถำนที่ท่ีจดั เตรียมไวส้ ำหรับนำค บิดำ มำรดำ (หรือญำติผใู้ หญ่)มอบผำ้ ไตรให้นำค นำคคุกเข่ำกรำบ 3 หน ยนื่ แขนประณมมือรับ ผำ้ ไตร จำกน้นั ประณมมือประคองผำ้ ไตรเขำ้ ไปหำพระอุปัชฌำย์ เม่ือถึงแนวพระสงฆ์ใหค้ ุกเข่ำ ลงแลว้ คลำนเข่ำเขำ้ ไปถวำยผำ้ ไตรน้นั แก่ท่ำน รับดอกไม้ ธูปเทียนแพเคร่ืองสักกำระ (มีผสู้ ่งให้ ข้ำงหลัง) ถวำยพระอุปัชฌำย์ กรำบลง 3 หน พระอุปัชฌำย์มอบผำ้ ไตรคืนให้ ประณมมือ ประคองผำ้ ไตร กล่ำวคำ ขอบรรพชำ นำคโนม้ ตวั เขำ้ ไปใกลๆ้ พระอุปัชฌำยเ์ พ่ือคลอ้ งผำ้ องั สะ ให้ จำกน้นั นงั่ พบั เพียบลงประณมมือ ต้งั ใจฟังโอวำทของพระอุปัชฌำย์ 5. กำรอุปสมบท (กำรบวชพระ) กำรอุปสมบทบวชเป็ นพระภิกษุน้ี มีขอ้ ที่ควรทำควำม เขำ้ ใจ คือ ถึงแมจ้ ะบวชเป็นพระภิกษุ แตก่ ต็ อ้ งเริ่มตน้ ดว้ ยกำรบวชเป็นสำมเณรก่อนทุกคร้ัง ผทู้ ี่ จะบวชเป็ นพระภิกษุตอ้ งขอนิสัยจำกพระอุปัชฌำย์ กำรจะอุปสมบทบวชเป็ นพระภิกษุ บริขำร ตอ้ งครบทุกอย่ำงที่เรียกว่ำบริขำร 8 จึงจะสำมำรถบวชได้ สำมเณรรับบำตรจำกบิดำมำรดำที่ นำมำประเคนเดินดว้ ยเขำ่ เขำ้ ไปหำพระอุปัชฌำย์ นอ้ มบำตรถวำยท่ำน กรำบลง 3 หน แลว้ ยนื ข้ึน กลำ่ วคำขออุปสมบท
6. การซักซ้อมอนั ตริยกธรรม อนั ตริยกธรรม แปลวำ่ ธรรมท่ีเป็นอนั ตรำยต่อกำรบวช กำร ซักซ้อมอนั ตริยกธรรม หมำยถึง กำรซักซ้อมสอบถำมส่ิงท่ีเป็ นขอ้ ห้ำมสำหรับผูท้ ่ีจะบวช เป็ นพระภิกษุ เช่น ไม่เป็ นโรคน่ำรังเกียจ ไม่ทุพลภำพจนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่มี หน้ีสินติดตวั มีอำยคุ รบ 20 ปี บริบูรณ์ เป็นตน้ กำรซกั ซอ้ มอนั ตรำยกิ ธรรมเป็นกำรทำควำม เขำ้ ใจระหว่ำงพระคู่สวดกบั ผูท้ ่ีขอ บวชเป็ นพระภิกษุวำ่ หำกมีขอ้ ห้ำมเหล่ำน้ีแลว้ บวชเป็ น ภิกษุไม่ได้ ซ่ึงผูข้ อบวชจะตอ้ งตอบคำถำมเหล่ำน้ีตำมควำมเป็ นจริง ท่ำมกลำงสงฆ์ จำกน้นั ฟังสวดญตั ติจตุตถกรรมวำจำเพื่อยกสำมเณรข้ึนเป็ นพระภิกษุในพระพุทธศำสนำ ถือวำ่ เป็ น ช่วงท่ีสำคัญที่สุด เสร็จแล้วกรำบ 3 หน ประณมมือคลำนเข่ำถอยหลังออกไป พอพน้ พระสงฆแ์ ลว้ ลุกข้ึนไปยนื อยทู่ ี่เดิม ในกรณีที่พระอุปัชฌำยไ์ ม่บอกอนุศำสน์เอง ท่ำนจะมอบ ให้พระคู่สวดเป็ นผู้บอกอนุศำสน์ พระคู่สวดเดินตำมไปยืนบนอำสนะสวดบอก อนุศำสน์ กำรสวดบอกอนุสำสน์ท่ำนจะบอกเป็ นภำษำบำลีไวก้ ่อนพระใหม่ฟังสวด อนุศำสน์ไปจนจบ เมื่อกลบั ถึงที่พกั แลว้ พระอำจำรยห์ รือพระพี่เล้ียงจะแนะนำรำยละเอียด เกี่ยวกบั อนุศำสนอ์ ีกคร้ัง 7. การกรวดนา้ อทุ ศิ ส่วนบุญส่วนกศุ ล 1. ควรเตรียมน้ำสะอำดใส่ภำชนะที่ง่ำยแก่กำรหลง่ั ริน 2. มือขวำใชจ้ บั มือซำ้ ยประคองหลง่ั น้ำ 3. เม่ือพระสงฆเ์ ริ่มอนุโมทนำบท “ยะถำ วำริวหำ ปูรำ” ใหเ้ ริ่มกรวดน้ำ 4. น้ำที่กรวดควรใหไ้ หลติดตอ่ กนั ไม่ขำดสำยไม่หลงั่ น้ำลงบนฝ่ ำมือหรือใชน้ ิ้วรองน้ำ 5. ต้งั ใจอุทิศส่วนบุญในใจไปจนจบหรือกล่ำวคำอุทิศส่วนบุญวำ่ “อิทงั เม ญำตินงั โห ตุ” ขอบุญกศุ ลน้ี จงสำเร็จประโยชนแ์ ก่ญำติท้งั หลำยของ ขำ้ พเจำ้ ดว้ ยเถิด 6. เม่ือพระสวดถึงตอนที่วำ่ “มะณิ โชติระโส ยะถำ” ควรหลง่ั น้ำที่มีอยใู่ หห้ มดแลว้ ประนมมือ รับพรจำกพระ
พิธีกำรทำบุญข้ึนบำ้ นใหม่ พิธีกำรทำบุญข้ึนบำ้ นใหม่เพื่อควำมสุขสวสั ด์ิมงคลของผูเ้ ขำ้ ไปอยูอ่ ำศยั มีควำมสงบสุข ร่มเยน็ มี ควำมเจริญรุ่งเรืองและป้องกนั สรรพอนั ตรำยท้งั หลำยท้งั ปวง ขบั ไล่สิ่งเลวร้ำยไม่ใหก้ ล้ำกลำยเขำ้ มำ ตลอดจนปรำศจำกโรคำพยำธิท้งั ปวง พธิ ีการ ๑. แบบด้งั เดิมนิมนตพ์ ระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนตใ์ นตอนเยน็ รุ่งข้ึนฉนั เชำ้ หรือเพล ๒. ปัจจุบนั นิมนตพ์ ระสงฆส์ วดมนตแ์ ละฉนั เพล ๓. กำรมงคลยกศำลพระภูมิโดยหมอพ้นื บำ้ น
ข้นั ตอนกำรปฏิบตั ิ ๑. นิมนตพ์ ระสงฆก์ ่อนวนั ทำบุญ ๑-๕ วนั จำนวน ๕-๗-๙ รูป ๒. จดั เตรียมสถำนท่ีประกอบพิธี ประกอบดว้ ย โตะ๊ หมู่บูชำ ๕, ๗, ๙ แลว้ แต่ควำมเหมำะสมกบั พ้ืนที่ พร้อมอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ พระพุทธรูป ผำ้ ขำว แจกนั คู่ ดอกไม้ ธูปเทียน กระถำงธูป เชิงเทียนคู่กำรจดั วำง ให้โต๊ะหมู่อยูด่ ำ้ นขวำมือของพระสงฆ์ และให้ต้งั พระพุทธรูปหันหนำ้ ไปทำงทิศตะวนั ออกหรือทิศ เหนือดำ้ นขวำมือของพระสงฆ์ กำรจดั อำสน์สงฆใ์ หพ้ ระสงฆอ์ ยสู่ ูงกวำ่ ฆรำวำสและจดั เตรียมกระโถน แกว้ น้ำ และของถวำยพระ ดอกไม้ ธูปเทียนและของปัจจยั (เงิน) กำรลอ้ มสำยสิญจน์
แต่งงำน ข้นั ตอนพิธีกรรมเน่ืองในงำนมงคล งำนมงคล ไดแ้ ก่ กำรทำบุญ เพ่อื ควำมสุขควำมเจริญ โดยปรำรภเหตุดี เช่น ทำบุญวนั เกิด ทำบุญ ฉลองอำยคุ รบ ทำบุญข้ึนบำ้ นใหม่ ทำบุญเนื่องในงำนมงคลสมรส ทำบุญฉลองเกียรติยศ เหล่ำน้ีเป็นตน้ ในงำนมงคลมีวธิ ีปฎิบตั ิดงั น้ี 1. อำรำธนำพระสงฆ์ เม่ือกำหนดวนั งำนท่ีแน่นอนแลว้ ไปอำรำธนำพระตำมจำนวนที่ตอ้ งกำรก่อนถึง วนั งำนอยำ่ งนอ้ ย 3 ถึง 7 วนั กำรอำรำธนำน้นั ถำ้ สำมำรถเขียนหรือพิมพเ์ ป็นฎีกำนิมนตไ์ ด้ เป็นกำรดีท่ีสุด โดยบอกกำหนด วนั เดือน ปี เวลำ และงำนใหล้ ะเอียด 2. จำนวนพระที่นิมนต์ ตำมปกติจำนวนน้ีคือ 5 รูป 7 รูป 9 รูป แต่ส่วนมำกนิยมนิมนต์ 9 รูป ถือกนั วำ่ เลข 9 เป็ นเลขมงคลขลงั ดี งำนน้ันจะไดเ้ จริญกำ้ วหน้ำยิ่งๆ ข้ึนไป ถำ้ เป็ นงำนมงคลสมรสนิยมนิมนต์ จำนวนคู่คือ 6 รูป 8 รูป 10 รูป ส่วนมำกงำนมงคลสมรสนิยม 8 รูป ถำ้ เป็ นพระรำชพิธีนิยม 10 รูป เป็ น อยำ่ งนอ้ ย
จำกน้นั เจำ้ พิธีจะอำรำธนำพระปริตร หมำยถึง กำรขอใหพ้ ระสงฆเ์ จริญสูตรที่เป็นมงคล เพอื่ กำจดั ทุกขแ์ ละโรคภยั ไขเ้ จบ็ เม่ือพระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนตไ์ ปจนถึงบทมงคลสูตร เจำ้ พธิ ีจะจุดเทียน ชนวนสำหรับใหค้ ู่บ่ำวสำวจุดเทียนน้ำมนต์ เป็นกำรขอใหพ้ ระสงฆท์ ำน้ำพระพทุ ธมนต์ น้ำมนตท์ ่ี เกิดจำกกำรสวดพระปริตรน้ี ถือวำ่ เป็นน้ำมนตศ์ กั ด์ิสิทธ์ิใชใ้ นกำลมงคล หรือจะนำมำเป็นน้ำสังข์ สำหรับพธิ ีหลง่ั น้ำพระพทุ ธมนตแ์ ละประสำทพรต่อไป ต่อมำจะเป็ นกำรถวำยภตั ตำหำรเพล โดยเร่ิมจำกกำรถวำยอำหำรแด่พระพุทธ แลว้ จึงประเคนคำว หวำนแด่พระสงฆ์ หรืออำจจดั เป็ นปิ่ นโตมีอำหำรคำวหวำน ถวำยพร้อมดอกไม้ ธูป เทียน ปัจจัย เคร่ืองไทยธรรมก็ไดเ้ ช่นกนั และหลงั จำกถวำยของ พระสงฆอ์ นุโมทนำและข้ึนบทสวด \"ยะถำ....\" คู่ บ่ำวสำวจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล จำกน้นั จะถึงพิธีในข้นั สุดทำ้ ย พระสงฆจ์ ะเจริญชยั มงคล คำถำพร้อมประพรมน้ำมนตใ์ ห้ เพื่อเป็นศิริมงคลจึงเป็นอนั เสร็จพิธี
พิธีวสิ ำขบูชำ ตรงกบั วนั ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวนั ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพำนของพระสัมมำสัมพทุ ธเจำ้ ประชำชน จะพำกนั ทำบุญตกั บำตร ฟังพระธรรมเทศนำตอนเชำ้ คร้ันตอนยำ่ ค่ำ ต่ำงพำกนั นำดอกไมธ้ ูปเทียน เครื่องสกั กำระไปพร้อมกนั ที่วดั เพ่อื เวยี นเทียน โดยยนื เบ้ืองหนำ้ พระพทุ ธปฏิมำกร กลำ่ วคำบูชำ และ เดินเวยี นเทียน ทำวตั รสวดมนต์ และฟังพระธรรมเทศนำตอ่ ไปจนเสร็จพธิ ี ควำมหมำย คำวำ่ \"วิสำขบูชำ\" หมำยถึงกำรบูชำในวนั เพญ็ เดือน ๖ วสิ ำขบูชำ ยอ่ มำจำก \" วิสำขปุรณมี บูชำ \" แปลวำ่ \" กำรบูชำในวนั เพญ็ เดือนวิสำขะ \" ถำ้ ปี ใดมีอธิกมำส คือ มีเดือน ๘ สองหน กเ็ ล่ือนไปเป็น กลำงเดือน ๗ ควำมสำคญั วนั วสิ าขบูชา เป็นวนั สำคญั ยงิ่ ทำงพระพุทธศำสนำ เพรำะเป็นวนั ที่พระพทุ ธเจำ้ ประสูติ คือ เกิด ไดต้ รัสรู้ คือสำเร็จ ไดป้ รินิพพำน คือ ดบั เกิดข้ึนตรงกนั ท้งั ๓ ครำวคือ ๑. เม่ือเจำ้ ชำยสิทธตั ถะประสูติท่ีพระรำชอุทยำนลุมพินีวนั ระหวำ่ งกรุงกบิลพสั ดุก์ บั เทวทหะ เม่ือเชำ้ วนั ศุกร์ ข้ึน ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี จอ ก่อนพทุ ธศกั รำช ๘๐ ปี ๒. เม่ือเจำ้ ชำยสิทธตั ถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจำ้ เม่ือพระชนมำยุ ๓๕ พรรษำ ณ ใตร้ ่มไมศ้ รีมหำโพธ์ิ ฝ่ัง แม่น้ำเนรัญชรำ ตำบลอุรุเวลำเสนำนิคม ในตอนเชำ้ มืดวนั พธุ ข้ึน ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี ระกำ ก่อน พทุ ธศกั รำช ๔๕ ปี หลงั จำกออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบนั สถำนท่ีตรัสรู้แห่งน้ีเรียกวำ่ พทุ ธคยำ เป็นตำบล หน่ึงของเมืองคยำ แห่งรัฐพิหำรของอินเดีย ๓. หลงั จำกตรัสรู้แลว้ ไดป้ ระกำศพระศำสนำ และโปรดเวไนยสตั ว์ ๔๕ ปี พระชนมำยไุ ด้ ๘๐ พรรษำ ก็ เสดจ็ ดบั ขนั ธปรินิพพำน เม่ือวนั องั คำร ข้ึน ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี มะเส็ง ณ สำลวโนทยำน ของมลั ลกษตั ริย์ เมืองกสุ ินำรำ แควน้ มลั ละ (ปัจจุบนั อยใู่ นเมืองกสุ ีนคระ แควน้ อุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย)
พธิ ีเขำ้ พรรษำและออกพรรษำ พิธีเขำ้ พรรษำและออกพรรษำ ปฐมเหตุท่ีจะมีประเพณีเขำ้ พรรษำในพระพทุ ธศำสนำน้นั ปรำรภเหตุจำก สมยั หน่ึงพระพทุ ธองคป์ ระทบั อยู่ ร กรุงรำชคฤห์ ในขณะน้นั ยงั ไม่มีกำรอนุญำตเร่ืองจำพรรษำ พระภิกษุสงฆจ์ ึงนำเที่ยวจำริกไปตลอด ฤดูกำลแมแ้ ต่ในฤดูฝนกย็ งั เที่ยวสัญจรไปมำ ทำใหไ้ ปเหยยี บยำ่ ขำ้ วกลำ้ ในนำของชำวเมืองจนเสียหำย ประชำชนพำกนั ติเตียน พระพทุ ธองคจ์ ึงทรงบญั ญตั ิเป็นธรรมเนียมใหพ้ ระภิกษุสงฆต์ อ้ งอยจู่ ำพรรษำ 3 เดือน นบั ต้งั แต่แรม 1 ค่ำเดือน 8 จนถึงกลำงเดือน 11 หำ้ มมิใหไ้ ปพกั คำ้ ง ณ ที่อ่ืน ยกเวน้ มีเหตุจำเป็น
ถือกนั ว่ำเป็ นวนั พิเศษในพระพุทธศำสนำ พุทธศำสนิกชนขะมกั เขมน้ ในกำรบุญกุศลย่ิงกว่ำ ธรรมดำบำงคนรักษำศีลอุโบสถตลอด 3 เดือน (ไตรมำส) บำงคนไปวดั ฟังเทศน์ท้งั 3 เดือน บำง คนต้งั ใจงดเวน้ บำปท้งั ปวงเขำ้ พรรษำ พระภิกษุอยจู่ ำพรรษำ บำเพญ็ สมณธรรมใหย้ ง่ิ ๆ ข้ึนไป พระภิกษุสงฆเ์ ม่ือใกลถ้ ึงวนั เขำ้ พรรษำกป็ ัดกวำดเสนำสนะต้งั ใจบำเพญ็ สมณธรรมยง่ิ ๆ ข้ึนไป ส่วนพระภิกษุสงฆ์ เม่ือใกลถ้ ึงวนั เขำ้ พรรษำ ก็ปัดกวำดเสนำสนะ ต้งั ใจบำเพญ็ สมณธรรมย่ิงๆ ข้ึนไปในวนั เขำ้ พรรษำ จะประชุมกนั ในพระอุโบสถ ไหวพ้ ระ สวดมนต์ ทำพิธีเขำ้ พรรษำ (อธิษฐำนพรรษำ) แลว้ ขอขมำต่อกนั และกนั คร้ันในวนั ถดั ไปก็เอำดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมำ พระเถรำนุเถระตำ่ งวดั ซ่ึงเป็นที่เคำรพนบั ถือ
วนั ออกพรรษำ พระภิกษุสงฆจ์ ะทำกำรปวำรณำแทนกำรทำอุโบสถ คือ เปิ ดโอกำสใหว้ ำ่ กล่ำวตกั เตือนกนั ไดแ้ ละเมื่อออก พรรษำแลว้ พระภิกษุจะไปคำ้ งแรมท่ีใดๆ ก็ไดต้ ำมพุทธำนุญำต สำหรับพุทธศำสนิกชนเม่ือถึงวนั ออก พรรษำตำ่ งพำกนั ไปทำบุญตกั บำตร รักษำศีล เจริญภำวนำ ฟังเทศนต์ ำวดั วำอำรำมต่ำงๆ ในวนั ออกพรรษำน้ีกิจท่ีชำวบำ้ นมกั จะกระทำก็คือ กำรบำเพญ็ กุศล เช่น ทำบุญตกั บำตร จดั ดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชำพระที่วดั และฟังพระธรรมเทศนำ ของที่ชำวพุทธนิยมนำไปใส่บำตรในวนั น้ีก็คือ ขำ้ วตม้ มดั ไต้ และข้ำวต้มลูกโยน และกำรร่วมกุศลกรรมกำร \"ตักบาตรเทโว\" คาว่า \"เทโว\" ย่อมาจาก\"เทโวโร หน\" แปลวำ่ กำรเสด็จจำกเทวโลกกำรตกั บำตรเทโว จึงเป็ นกำรระลึกถึงวนั ท่ี พระพุทธองคเ์ สด็จกลบั จำก กำรโปรด พระพทุ ธมำรดำในเทวโลก
ประเพณีกำรทำบุญกุศลเนื่องในวนั ออกพรรษำน้ี ทุกวดั ในประเทศไทยก็มีพิธีเหมือนกนั หมด จะผิดกนั ก็ เพยี งแตส่ ถำนท่ีที่สมมติวำ่ เป็นสวรรคช์ ้นั ดำวดึงส์เท่ำน้นั กิจกรรมต่ำงๆ ท่ีควรปฏิบตั ิในวนั ออกพรรษำ ๑. ทำบุญตกั บำตรอุทิศส่วนกศุ ลใหแ้ ก่ญำติผลู้ ่วงลบั ๒. ไปวดั เพือ่ ปฏิบตั ิธรรม ฟังพระธรรมเทศนำ ๓. ร่วมกศุ ลธรรม \"ตกั บำตรเทโว“ ๔. ปัดกวำดบำ้ นเรือนให้สะอำด ประดบั ธงชำติตำมอำคำรบำ้ นเรือนและสถำนท่ีรำชกำรและ ประดบั ธง ชำติและธงธรรมจกั รตำมวดั และสถำนท่ีสำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ ๕. ตำมสถำนท่ีรำชกำร สถำนท่ีศึกษำและที่วดั ควรจดั ให้มีนิทรรศกำร กำรบรรยำย หรือ บรรยำยธรรม เก่ียวกบั วนั ออกพรรษำฯลฯ เพอ่ื ใหค้ วำมรู้แก่ประชำชนและผสู้ นใจทวั่ ไป
พธิ ีทอดกฐิน กำรทอดกฐิน เป็ นประเพณีท่ีสำคญั ของพุทธศำสนิกชนอยำ่ งหน่ึง นิยมทำกนั ต้งั แต่วนั แรมค่ำเดือนสิบเอด็ ไปจนถึงกลำงเดือนสิบสอง คำวำ่ กฐิน แปลวำ่ ไมส้ ะดึง คือกรอบไมช้ นิดหน่ึงสำหรับขึงผำ้ ใหต้ ึง สะดวกแก่กำรเยบ็ ในสมยั โบรำณเยบ็ ผำ้ ตอ้ งเอำไมส้ ะดึงมำขึงผำ้ ให้ตึงเสียก่อน แลว้ จึงเยบ็ เพรำะช่ำงยงั ไม่มีควำมชำนำญเหม่ือนสมยั ปัจจุบนั น้ี และ เครื่องมือในกำรเยบ็ กย็ งั ไม่เพียงพอ เหมือนจกั รเยบ็ ผำ้ ในปัจจุบนั กำรทำจีวรในสมยั โบรำณจะเป็นผำ้ กฐินหรือ แมแ้ ตจ่ ีวรอนั มิใช่ผำ้ กฐิน ถำ้ ภิกษุทำเอง กจ็ ดั เป็นงำนเอิกเกริกทีเดียว เช่นตำนำนกล่ำวไวว้ ำ่ กำรเยบ็ จีวรน้นั พระ เถรำนุเถระต่ำงมำช่วยกนั เป็นตน้ วำ่ พระสำรีบุตร พระมหำโมคคลั ลำนะ พระมหำกสั สปะ แมส้ มเดจ็ พระบรม ศำสดำก็เสด็จลงมำช่วย ภิกษุสำมเณรอ่ืน ๆ ก็ช่วยขวนขวำยในกำรเยบ็ จีวร อุบำสกอุบำสิกำก็จดั หำน้ำด่ืมเป็ น ตน้ มำถวำยพระภิกษุสงฆ์ มีองคพ์ ระสัมมำสัมพุทธะเป็ นประธำน โดยนยั น้ี กำรเยบ็ จีวรแมโ้ ดยธรรมดำ กเ็ ป็ น กำรตอ้ งช่วยกนั ทำหลำยผหู้ ลำยองค์ (ไม่เหมือนในปัจจุบนั ซ่ึงมีจีวรสำเร็จรูปแลว้ )
กำรทอดกฐิน คือ กำรนำผำ้ กฐินไปวำงไวต้ ่อหนำ้ พระสงฆอ์ ยำ่ งต่ำหำ้ รูป แลว้ ใหพ้ ระสงฆ์รูปใดรูปหน่ึงท่ี ไดร้ ับมอบหมำย จำกคณะสงฆท์ ้งั น้นั เป็นเอกฉนั ทใ์ หเ้ ป็นผรู้ ับกฐินน้นั เขตกำหนดทอดกฐิน กำรทอดกฐินเป็นกำลทำน ตำมพระวนิ ยั กำหนดกำลไว้ คือ ต้งั แต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวนั ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 12 ผูม้ ีจิตศรัทธำเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐิน ก็ให้ทอดไดใ้ นระหว่ำงระยะเวลำน้ี จะทอดก่อนหรือทอดหลงั กำหนดน้ี กไ็ ม่เป็นกำรทอดกฐิน แต่มีขอ้ ยกเวน้ พิเศษวำ่ ถำ้ ทำยกผจู้ ะทอดกฐินน้นั มีกิจจำเป็น เช่นจะตอ้ งไป ในทัพ ไม่สำมำรถจะอยู่ทอดกฐินตำมกำหนดน้ันได้ จะทอดกฐินก่อนกำหนดดังกล่ำวแลว้ พระสัมมำ สัมพทุ ธะ ทรงอนุญำตใหภ้ ิกษะรับไวก้ ่อนได้ การทอดกฐินในปัจจุบัน ถือว่าเป็ นทานพเิ ศษ กาหนดเวลาปี หนึ่งทอดถวายได้เพียงคร้ังเดียว ตำมอรรถกถำ ฎีกำตำ่ ง ๆ พอกำหนดไดว้ ำ่ ชนิดของกฐินมีสองลกั ษณะ คือ จลุ กฐิน กำรทำจีวร พระพทุ ธเจำ้ ทรงบญั ญตั ิสิกขำบท ทุกฝ่ ำยตอ้ งช่วยกนั ทำใหเ้ สร็จภำยในกำหนดหน่ึงวนั ทำฝ้ำย ป่ัน กรอ ตดั เยบ็ ยอ้ ม ทำใหเ้ ป็นขนั ธ์ไดข้ นำดตำมพระวนิ ยั แลว้ ทอดถวำยใหเ้ สร็จในวนั น้นั มหากฐิน คืออำศยั ปัจจยั ไทยทำนบริวำรเคร่ืองกฐินจำนวนมำกไม่รีบด่วน เพื่อจะไดม้ ีส่วนหน่ึงเป็ นทุน บำรุงวดั คือทำนวกรรมบำ้ ง ซ่อมแซมบูรณของเก่ำบำ้ ง ปัจจุบนั นิยมเรียกกนั วำ่ กฐินสำมคั คี
วนั มำฆบูชำ คำวำ่ \"มาฆะ\" น้นั เป็นชื่อของเดือน 3 ยอ่ มำจำกคำวำ่ \"มาฆบุรณม\"ี หมำยถึง กำรบูชำ พระในวนั เพญ็ กลำงเดือนมำฆะ ตำมปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 การกาหนดวนั มาฆบูชา กำรกำหนดวนั มำฆบูชำตำมปฏิทินจนั ทรคติของไทยน้นั จะตรงกบั วนั ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถำ้ ปี ใดมีเดือนอธิกมำส คือมีเดือน 8 สองคร้ัง วนั มำฆบูชำกจ็ ะเลื่อนไปเป็นวนั ข้ึน 15 ค่ำ เดือน 4 และมกั ตรงกบั เดือนกมุ ภำพนั ธ์หรือมีนำคม
ควำมสำคญั ของวนั มำฆบูชำ คือเป็นวนั ที่พระสัมมำสัมพทุ ธเจำ้ ทรงแสดง \"โอวาทปาติโมกข์\" แก่พระสงฆ์ เป็นคร้ังแรก หลงั จำกตรัสรู้มำแลว้ เป็ นเวลำ 9 เดือน ซ่ึงหลกั คำสอนน้ีเป็นหลกั กำร และวิธีกำรปฏิบตั ิต่ำง ๆ หำก สรุปเป็นใจควำมสำคญั จะมีเน้ือหำวำ่ \"ทำควำมดี ละเวน้ ควำมชวั่ ทำจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ\" กิจกรรมวนั มำฆบูชำที่ควรปฏิบตั ิ กำรปฏิบตั ิตนสำหรับพุทธศำสนิกชนในวนั มำฆบูชำ คือ ในตอนเช้ำ ควรไปทำบุญตกั บำตร ไปวดั เพื่อฟัง พระธรรมเทศนำ หรือจดั สำรับคำวหวำนไปทำบุญถวำยภตั ตำหำร ช่วงบ่ำย ฟังพระแสดงพระธรรมเทศนำ เจริญ สมำธิภำวนำ เม่ือถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูป เทียนไปเวยี นเทียน 3 รอบท่ีพระอุโบสถ โดยกำรเวยี นเทียนน้นั จะเวยี น ขวำ จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลำที่เดินอยู่น้ันให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจำกน้ี พุทธศำสนิกชนควรบำเพญ็ สำธำรณประโยชน์ตำมสถำนที่ต่ำง ๆ และรักษำศีล สำหรับตำมบำ้ นเรือน สถำนที่ รำชกำร จะมีกำรประดบั ธงชำติ ธงธรรมจกั ร เพอื่ ระลึกถึงวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ
การสวดพระพุทธมนต์ กค็ ือ กำรท่ีพระสงฆส์ วดมนตใ์ นงำนอวมงคลหรืองำนปรำรภเหตุเกี่ยวกบั กำรตำย เป็น งำนทาบุญหน้าศพ ๑.อำรำธนำพระสงฆม์ ำสวดพระพทุ ธมนต์ นิยมจำนวนคู่ คือ ๔ - ๘ รูป ๒.ไม่ตอ้ งต้งั ภำชนะน้ำมนต์ ไม่วงดำ้ ยสำยสิญจน์ (ไม่มีกำรทำน้ำมนต)์
3.เตรียมสำยโยงหรือภูษำโยงต่อจำกศพเอำไว้ สำยโยง คือ ดำ้ ยสำยสิญจน์นน่ั เองแต่มี 3 เส้น (งำนมงคล ใช้ 9 เส้น) ภูษำโยง คือ แผ่นผำ้ กวำ้ งประมำณ 4 นิ้ว ยำวให้พอต้งั แต่พระองค์แรกตน้ แถวจนถึงพระองค์ สุดทำ้ ยปลำยแถว และตอ้ งมีสำยโยงจำกศพมำเชื่อมต่อกบั ภูษำโยงอีก (ควรระวงั เร่ืองกำรเดินสำยโยง อยำ่ ให้ สูงกวำ่ พระพทุ ธรูปในพธิ ี และอยำ่ ใหต้ ่ำกวำ่ ที่คนนง่ั อยำ่ ขำ้ มสำยโยงหรือภูษำโยง เพรำะต่อเน่ืองกบั ศพ มีไว้ สำหรับพระจบั เพ่ือบงั สุกุล กำรปฏิบตั ิกิจในพิธี เมื่อพระสงฆ์นงั่ ประจำที่แลว้ เจำ้ ภำพจุดธูปเทียนบูชำพระ รัตนตรัยก่อน แลว้ จุดธูปเทียนที่หนำ้ ศพทีหลงั (แต่บำงแห่งนิยมจุดที่หนำ้ ศพก่อน เสร็จแลว้ จุดท่ีโตะ๊ หมู่บูชำ พระรัตนตรัยทีหลงั ดว้ ยใหเ้ หตุผลวำ่ เพื่อใหผ้ ูต้ ำยไดบ้ ูชำพระรัตนตรัยร่วมกนั ขอ้ เทจ็ จริงเป็ นอยำ่ งไรขอให้ ผรู้ ู้ควรวินิจฉยั เองเถิด) เสร็จแลว้ กล่ำวคำบูชำพระรัตนตรัย อำรำธนำศีล - รับศีล - อำรำธนำศีล (บำงแห่งไม่ ตอ้ อำรำธนำ พระสงฆส์ วดเลยกม็ ี) ถำ้ มีกำรเล้ียงพระดว้ ย พอพระฉนั เสร็จพิธีกรหรือเจำ้ ภำพคล่ีสำยโยง หรือภูษำโยงต้งั แต่พระองคแ์ รกตน้ แถว จนถึงพระองคส์ ุดทำ้ ยปลำยแถว เจำ้ ภำพและญำติพี่นอ้ งทอดผำ้ บงั สุกุลบนสำยโยงหรือภูษำโยงท่ีคลี่ทอดยำว ไวแ้ ลว้ ถำ้ มีถวำยไทยธรรมจะถวำยพระดว้ ยนิยมกลดั ติดไวก้ บั ผำ้ สบง จีวร หรือที่เรียกกนั วำ่ ผำ้ บงั สุกลุ ที่วำง จะทอดน้นั แลว้ นง่ั ประจำท่ี พอพระสงฆท์ ่ำนชกั บงั สุกุลเจำ้ ภำพและผูม้ ีเกียรติที่มำร่วมงำนทุกท่ำนประนม มือต้งั ใจฟังจนจบ เมื่อพระสงฆอ์ นุโมทนำเริ่มบทวำ่ “ยถำ วำริวหำ……” เจำ้ ภำพพึงกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลที่ไดบ้ ำเพญ็ แลว้ ใหแ้ ก่ผูล้ ่วงลบั ไปแลว้ เม่ือพระสงฆร์ ับพร้อม ๆ กนั วำ่ “สัพพีติโย…” พึงประนม มือรับพรไปจนจบ แลว้ กรำบพระ ๓ คร้ัง
งานทาบุญอฐั ิ พธิ ีฝ่ ำยเจำ้ ภำพ พึงจดั ตระเตียมทำนองเดียวกบั งำนทำบุญหนำ้ ศพที่กล่ำวแลว้ ทุกประกำร ต่ำงแต่เพียงงำน น้ีเป็ นงำนทำบุญหนำ้ อฐั ิหรือรูปท่ีระลึกของผูท้ ่ีล่วงลบั เป็ นตน้ เจำ้ ภำพตอ้ งเตรีมที่ต้งั อฐั ิหรือท่ีต้งั รูประลึก น้นั ๆ ต่ำงหำกจำกโต๊ะบูชำ จะใชโ้ ต๊ะหมู่หรือโต๊ะอื่นใด ที่สมควรก็ได้ ให้มีออกไมต้ ้งั หรือประดบั พองำม ตำมแต่จะพึงจดั ได้ และต้งั กระถำงธูปกบั เชิงเทียน ๑ คู่ ท่ีหนำ้ โตะ๊ อฐั ิหรือรูปน้นั ดว้ ยเพื่อบูชำ จะใชพ้ ำนหรือ กระบะเคร่ืองหำ้ สำหรับบูชำแทนกไ็ ด้ ขอ้ สำคญั ใหด้ ูงำมเด่นพอควร เป็นใชไ้ ด้ พิธีฝ่ ำยภิกษุสงฆ์ ส่วนใหญ่ก็พึงปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั งำนทำบุญหน้ำศพ ต่ำงแต่ กำรสวดมนต์ นิยมใช้ สูตรอืท่นจำกอนตั ตลกั ขณสูตร อำทิตตปริยำยสูตร และธรรมนิยำมสูตร ท่ีใชส้ ำหรรับงำนทำบุญศพ ๗ วนั ๕๐ วนั ๑๐๐ วนั หรือหน้ำวนั ปลงศพดังกล่ำวแลว้ (ในปัจจุบัน สวดธรรมนิยำมสูตรก็มี) ท้งั น้ีแลว้ แต่ หวั หนำ้ สงฆ์ จะกะนดั หมำย หรือเจำ้ ภำพจำนง หมำย เช่น สติปัฏฐำนปำฐะ เป็นตน้
สรุป ศาสนพธิ ีของศาสนาพทุ ธ • ศำสนพิธีต่ำง ๆ ช่วยทำใหค้ วำมศรัทธำต่อพุทธศำสนำของพุทธศำสนิกชนมีควำมแน่น แฟ้นยิ่งข้ึน เป็ นส่ิงตอกย้ำใจให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยได้อย่ำงดีเย่ียมจึงเป็ น ระเบียบแบบแผนอนั ดีงำมท่ีควรรักษำ ไวค้ ู่กบั พระพทุ ธศำสนำตลอดไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: