Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารตุลาคม 2561

วารสารตุลาคม 2561

Description: วารสารตุลาคม 2561

Search

Read the Text Version

กศน.อ�ำเภอทับคล้อ วารสารประชาสัมพนั ธ์ กศน.อำ� เภอทบั คลอ้ ฉบบั ท่ี 1 เดือน ตุลาคม 2561 ปีงบประมาณ 2562

ค�ำนำ� วารสารประชาสมั พันธ์ ฉบับที่ ๑ ประจ�ำเดือน ตุลาคม ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ�ำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ได้เป็นส่ือกลางในการประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ ให้กับพี่น้องชาว กศน. โดยมีเร่ืองราวที่มีการด�ำเนินการจัดกิจกรรม ในเดือนตุลาคม ทหี่ ลากหลาย ขอเชญิ พวกเราชาว กศน. ไดต้ ดิ ตามเนอื้ หาภายในเลม่ ไปพรอ้ มๆ กนั เลยคะ่

บรรณาธกิ าร บรรณาธกิ าร ผอู้ ำ� นวยการ กศน.อำ� เภอทบั คล้อ นางสาวนภัสวรรณ อฤุ ทธ์ิ คณะผ้จู ดั ท�ำ ครูผู้ช่วย นางสาวสมฤทยั พงษ์จ�ำนงค์ ครูอาสาสมคั รฯ นางสาวอัจฉราวรรณ์ หมอกขุนทด ครอู าสาสมคั รฯ นางสาวปภากาญจน์ จนั ทรจ์ นิ ดา ครู กศน.ตำ� บลทับคล้อ นายเจตน์สฤษฎ์ิพงศ์ รัตนบวรกรกลู ครู กศน.ต�ำบลท้ายทุ่ง นางสาวนภัสร ออ่ นละมยั ครู กศน.ตำ� บลเขาทราย นางเกศกญั ญา ทาสีดา ครู กศน.ต�ำบลเขาเจด็ ลูก นายยุทธภูมิ ทองสรวง ครู ศรช. นางสาวเยาวดี โสดา ครู ศรช. นางสาวดรุณี คงวชิ า บรรณารกั ษ์ นายสมนกึ ดติ เหมาะ บรรณารักษ์ นางสาวศิริธร ดารานาถ นกั จัดการงานท่วั ไป นายสราวุฒิ สุขส�ำราญ ผู้เรียบเรียง/ออกแบบ ครผู ชู้ ว่ ย นางสาวสมฤทยั พงษ์จำ� นงค์

สารบญั

ถวายอาลยั ร.9 รว่ มรำ� ลึก 13 ตุลาคม 59 เทวดากลบั สฟู่ ้า 1 ปีท่พี อ่ จากไป ไมม่ วี ันไหนไมค่ ดิ ถงึ … 13 ตลุ าคม 2559 วันทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช เสดจ็ สวรรคต บนั ทกึ อกี หนา้ ท่ีคนไทยจะไมม่ วี นั ลืม วนั นี้ มชั รูมทราเวล ถวายอาลยั ร.9 ขอน้อมร�ำลกึ ถึงภาพเหตกุ ารณ์ ในวนั ท่ี 13 ตลุ าคม 2559 วันทพ่ี ่อจากไป… นึกถึงทไี รนำ้� ตาไหลทกุ ที เพราะวันนน้ั เป็นวนั ที่พวกเรา พน่ี ้องชาวไทยหวั ใจแตกสลาย เม่อื ได้ทราบขา่ วว่าพอ่ ของเรา จากไปแล้วตลอดกาล เสยี งร่�ำไหแ้ ซซ่ อ้ งไปทั่วท้งั แผน่ ดนิ คืนน้ัน เปน็ ค�่ำคืนที่หนกั หนว่ งเกนิ จะบรรยายออกมาเป็นคำ� พูดได้ ช่างทรมานบีบค้นั หวั ใจเหลอื เกนิ

ในวันน้นั ตลอดท้ังวนั ทอ้ งฟา้ อมึ ครึม แลดไู มส่ ดใสเหมือนทกุ วันที่ผ่านมา จนช่วงบา่ ยแก่ๆ เรมิ่ มี ปรากฎการณ์ธรรมชาติ เปน็ ภาพทอ้ งฟา้ เปิดทางทา่ มกลางเมฆมัวหมองสเี ทา ตีความจากภาพได้ว่าบนสวรรค์ คงกำ� ลังเตรยี มเฉลิมฉลองตอ้ นรบั การเสด็จฯ กลับของพระองค์อยเู่ ป็นแน่ ตอ่ มา ในคนื เดียวกันนนั้ เองไดม้ ีเหตุการณเ์ หนอื ธรรมชาตปิ รากฎข้ึนอกี เป็นภาพของ “หมอกธมุ เกต”ุ ซ่ึงตามพงศาวดารมีเรื่องเลา่ ว่าหมอกนี้จะปรากฎขึ้นก็ตอ่ เมือ่ มเี หตุสวรรคตของเจ้าฟา้ เจา้ แผน่ ดิน ซึ่งเหตกุ ารณ์แบบนเี้ คยเกิดข้นึ มาแล้วเมอื่ ครัน้ ร.5 ทรงสวรรคต

14 ตลุ าคม 2559 เรม่ิ เคล่ือนพระบรมศพ ช่วงเช้า ส�ำนกั พระราชวงั เปดิ ให้พสกนกิ รชาวไทย ถวายนำ้� สรงพระบรมศพ เบอื้ งหน้าพระบรม ฉายาลักษณ์ ซงึ่ ไดป้ ระดิษฐาน ณ ศาลาสหทยั สมาคม ในพระบรมมหาราชวงั ตัง้ แตเ่ วลา 08.30 – 14.00 น. และในช่วงบ่ายเริม่ เคลื่อนขบวนพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช

22 ตลุ าคม 2559 รวมพลงั ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี มหาชนคนไทยท่ัวประเทศนับแสนลน้ ทะลักไปทว่ั ท้องสนามหลวง ได้มารวมตวั รวมพลังกายใจแหง่ ความจงรกั ภักดี ร้องเพลงสรรเสรญิ พระบารมดี งั กึก้องไปทง้ั แผ่นดิน ก่อนจะร่วมจุดเทยี น ถวายอาลยั ร.9 ในช่วงค่ำ� เป็นการน้อมฯ รำ� ลกึ ในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 พ่อของแผ่นดินไทย

29 ตุลาคม 2559 เริ่มถวายสกั การะพระบรมศพ ส�ำนักพระราชวงั เร่มิ เปิดพระท่ีนง่ั ดุสติ มหาปราสาท เพ่ือให้ประชาชนทกุ คนสามารถถวายสักการะ พระบรมศพ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เบอ้ื งหน้าพระบรมโกศ ณ พระทีน่ งั่ ดุสิตมหา ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ประชาชนแห่แหนกนั ไปไม่เว้นแต่ละวนั บางคนเจบ็ ป่วยแคไ่ หน เดินทางไกล มากเท่าไหรไ่ ม่มหี วั่น จงึ เกดิ เป็นภาพแหง่ ความประทบั ใจหลากหลายภาพ ที่พ่ีน้องชาวไทย ช่วยเหลอื ซึ่งกัน และกัน นอกจากคนไทยแลว้ ยังมีผู้น�ำอกี หลายประเทศทว่ั โลกรว่ มถวายความอาลัยเช่นกัน ท่ีมา : https://www.mushroomtravel.com/page/king-of-thailand/

พระราชประวัติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช มหิตลาธเิ บศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธริ าช บรมนาถบพติ ร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระนาม เดิมว่า “ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช” ทรงเป็น พระราชโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมสังวาล (ต่อมาได้รับ การเฉลิมพระนามาภิไธย เป็นสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น ( MOUNT AUBURN) รัฐเมสสาชูเขตต์( MASSACHUSETTS) ประเทศสหรัฐอเมริกา เม่ือพระชนมายุได้ 5 พรรษา ทรงเข้ารับการศึกษาท่ีโรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นทรงเสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช้ันประถมศึกษา ท่ีโรงเรียนเมียร์มองต์ (MERRIMENT) เมืองโลซานน์ (LASAGNA) ในปี พ.ศ. 2478 ได้ทรงเข้าศึกษาต่อท่ี CEDE NOUBELLE DE LA SUES ROMANCE CHILLY ซ่ึงเป็นโรงเรียนเอกชนที่รับนักเรียนนานาชาติ ในระดับอุดมศึกษา ทรงเข้าศึกษาในแผนกวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมืองโลชานน์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2481 ได้เสด็จนิวัต กลับประเทศไทยพร้อมด้วยพระบรมเชษฐาธิราช พระบรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพ่ีนางเธอ

ครองราชย์ ข ณ ะ ที่ พ ร ะ เจ ้ า น ้ อ ง ย า เ ธ อ เจ ้ า ฟ ้ า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เดช พระชนมพรรษา 18 พรรษา รัฐบาลได้กราบบังคม ทูลอัญเชิญขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาล ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นั้น ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช และรัฐบาลได้แต่งตั้งผู้ส�ำเร็จราชการ บริหารราชการ แผ่นดินแทนพระองค์ เนื่องจากยังทรงพระเยาว์ และต้องทรง ศึกษาตอ่ ณ ตา่ งประเทศ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2489 ได้เสด็จพระราชด�ำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อ ณ กรุงโลซานน์ แม้พระองค์ จะทรงโปรดวชิ าวศิ วกรรมศาสตร์ แตเ่ พอ่ื ประโยชนใ์ นการปกครองประเทศไดท้ รงเปลยี่ นมาศกึ ษาวชิ าการปกครอง แทน เช่น วิชากฎหมาย อกั ษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ นอกจากนี้ ทรงศกึ ษา และฝกึ ฝน การดนตรีด้วยพระองค์เองด้วย ใน พ.ศ. 2491 ระหว่างทรงศึกษาอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงขับรถยนต์ไปทรงร่วมงานท่ีสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ได้ทรงพบและมีพระราชหฤทัยสนิทเสน่หาในหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ิ กิติยากร ธิดาของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กติ ิยากร เอกอคั รราชทูตไทยประจำ� กรงุ ปารสี ในปีเดียวกันน้ีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง ทรงบาดเจ็บท่ี พระพักตร์ พระเนตรขวา และพระเศียร ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมอร์เซส์ โปรดฯ ให้หม่อมราชวงศ์ สริ กิ ติ มิ์ าเฝา้ ฯ ถวายการดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ พระสมั พนั ธภาพจงึ แนน่ แฟน้ ขน้ึ และตอ่ มาไดท้ รงหมน้ั หมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ิ์ เมอ่ื วนั ที่ 12 สงิ หาคม 2492 โดยไดพ้ ระราชทานพระธำ� มรงคว์ งทสี่ มเดจ็ พระบรมราชชนกหมน้ั สมเดจ็ พระราชชนนี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงได้รับการอภิบาลอย่างดียิ่งจากสมเด็จพระราชชนนี จึงมีพระปรีชาสามารถปราดเปรื่องและมีพระจริยวัตรเปี่ยมด้วยคุณธรรมทุกประการ ซึ่งน้อมน�ำให้ พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงด�ำรงสิริราชสมบัติเพียบพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม จักรวรรดิวัตร ธรรม และราชสังคหวัตถุ ทรงเจริญด้วยพระเกียรติคุณบุญญาธิการเจิดจ�ำรัส ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ท้ังปวงเพื่อประโยชน์สุขของปวงชน เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญทุกทิศานุทิศในเวลาต่อมาตราบจนปัจจุบัน

พระราชพิธรี าชาภเิ ษกสมรส เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชด�ำเนิน กลับประเทศไทย โปรดเกล้าฯให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2493 และเม่ือวันท่ี 28 เมษายน 2493 ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกสมรส กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ที่วังสระปทุม โดยสมเด็จพระศรี สวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า พระราชทานหลั่งน�้ำพระมหาสังข์ ทรงจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายเช่นเดียวกับประชาชน และได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ิ ข้ึนเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิต์ิ หลังจากน้ัน ได้เสด็จไปประทับพักผ่อน ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน และท่ีนี่เป็นแหล่งเกิดโครงการ อันเนอื่ งมาจากพระราชด�ำรโิ ครงการแรกคือ พระราชทาน “ถนนสายหว้ ยมงคล” ให้แก่ “ลุงรวย” และชาวบ้าน ทม่ี าชว่ ยกนั เขน็ รถพระทนี่ งั่ ขน้ึ จากหลม่ ดนิ ทง้ั นเ้ี พราะแม้ “หว้ ยมงคล” จะอยหู่ า่ งอำ� เภอหวั หนิ เพยี ง 20 กโิ ลเมตร แตไ่ มม่ ถี นนหนทาง ชาวบา้ นไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นในการดำ� รงชวี ติ มาก ถนนสายหว้ ยมงคลนจ้ี งึ เปน็ ถนนสายสำ� คญั ทน่ี ำ� ไปสโู่ ครงการในพระราชดำ� ริ เพอื่ บำ� บดั ทกุ ข์ บำ� รงุ สขุ แกพ่ สกนกิ รอกี จำ� นวนมากกวา่ 2,000 โครงการในปจั จบุ นั

พระบรมราชาภิเษก วันท่ี 5 พฤษภาคม 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงประกอบพระราชพิธี บรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี ณ พระท่ีน่ังไพศาลทักษิณ ในพระมหาราชวัง เฉลิมพระ ปรมาภิไธยตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลา ธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” และได้พระราชทานพระปฐมบรม ราชโองการเปน็ สจั วาจาวา่ “เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรมเพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของมหาชนชาวสยาม” ในการนไ้ี ดท้ รง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ พระอัครมเหสีเป็น สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินี วันที่ 5 มิถุนายน 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ไปยังสวิตเซอร์แลนด์อีกคร้ังเพ่ือทรงรักษาพระสุขภาพ และเสด็จพระราช ด�ำเนินนวิ ตั ิพระนคร เมื่อ 2 ธนั วาคม 2494 ประทับ ณ พระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน และพระทีน่ ่งั อัมพรสถาน

ท้ังสองพระองคม์ ีพระราชธดิ า และพระราชโอรส ๔ พระองคด์ งั นี้ ๑. สมเดจ็ พระเจา้ ลูกเธอ เจา้ ฟ้าอุบลรตั นราชกญั ญา สริ วิ ฒั นาพรรณวดี ประสตู เิ ม่อื ๕ เมษายน ๒๔๙๔ ณ โรงพยาบาลมองซวั นี่ โลซานน์ ๒. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณฯ์ ประสตู เิ มอื่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๙๕ ณ พระทน่ี ง่ั อมั พรสถาน ต่อมา ทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมอื่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ๓. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลนโสภาคย์ ประสูติ เมื่อ ๒ เมษายน ๒๔๙๘ ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถาน ภายหลังทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๒๐ ๔.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเม่ือ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๐ ณ พระที่น่งั อมั พรสถาน

ทรงพระผนวช เมอ่ื วนั ที่ 22 ตุลาคม 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวไดท้ รงพระผนวช ณ วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ทรงจำ� พรรษา ณ พระต�ำหนกั ปั้นหย่า วัดบวรนเิ วศวิหาร ปฏบิ ตั ิพระศาสนกิจ เปน็ เวลา 15 วนั ระหวา่ งน้ี สมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิพระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ต่อมาจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลนี้ได้ทรงพระกรุณาสถาปนาพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมชนกนาถขึ้นเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงสถาปนา สมเดจ็ พระราชชนนี เปน็ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ทรงสถาปนาสมเดจ็ พระเจา้ พนี่ างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยา ณวิ ฒั นา เป็น สมเดจ็ พระเจ้าพ่นี างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณวิ ัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และทรงประกอบ พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลใหม่ เมอ่ื วนั ท่ี 8 มถิ นุ ายน 2539 เพอื่ ใหส้ มพระเกยี รตติ ามโบราณขตั ตยิ ราชประเพณี ทง้ั นดี้ ว้ ยพระจรยิ วตั รอนั เปย่ี มดว้ ย พระกตญั ญูกตเวทิตาธรรมอนั เปน็ ที่แซซ่ อ้ งสรรเสริญพระปรมาภไิ ธยใหมท่ ี่ทรงสถาปนาคือ

พระราชกรณียกจิ ต้ังแต่พุทธศักราช 2502 เป็นต้นมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงกระชับสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และ เอเชีย และได้เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทุกภาคทรงประจักษ์ ในปัญหาของราษฎรในชนบทที่ด�ำรงชีวิตด้วยความยากจน ล�ำเค็ญและด้อยโอกาส ได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะ หาทางแก้ปัญหาตลอดมาตราบจนปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า ทุกหนทุกแห่งบนผืนแผ่นดินไทยท่ีรอยพระบาท ไดป้ ระทบั ลง ไดท้ รงขจดั ทกุ ขย์ ากนำ� ความผาสกุ และทรงยกฐานะความเปน็ อยขู่ องราษฎร ใหด้ ขี นึ้ ดว้ ยพระบญุ ญา ธกิ ารและพระปรีชาสามารถปราดเปรอื่ ง พรอ้ มดว้ ยสายพระเนตรอนั ยาวไกล ทรงอทุ ศิ พระองคเ์ พอื่ ประโยชนส์ ุข ของราษฎร และเพื่อความเจริญพัฒนาของประเทศชาติตลอดระยะเวลาโดยมิได้ทรงค�ำนึงประโยชน์สุข สว่ นพระองค์เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 2,000 โครงการ ท้ังการ แพทย์สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพฒั นาที่ดนิ การศกึ ษา การพระศาสนา การสังคมวัฒนธรรม การคมนาคม ตลอดจนการเศรษฐกิจเพ่ือประโยชน์สุขของพสกนิกรในชนบท ท้ังยังทรงขจัดปัญหาทุกข์ยาก ของประชาชนในชุมชนเมือง เช่น ทรงแก้ปัญหาการจราจรอุทกภัยและปัญหาน�้ำเน่าเสียในปัจจุบัน ได้ทรง รเิ ร่มิ โครงการการชว่ ยสงเคราะห์ และอนุรักษ์ช้างของไทยอีกดว้ ย

พระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตร�ำพระวรกายทรงงานอย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อย แม้ในยาม ทรงพระประชวร ก็มิได้ทรงหยุดย้ังพระราชด�ำริเพ่ือขจัดความทุกข์ผดุงสุขแก่พสกนิกร กลางแดดแผดกล้า พระเสโทหลั่งชุ่มพระพักตร์ และพระวรกายหยาดตกต้องผืนปฐพีประดุจน้�ำทิพย์มนต์ชโลมแผ่นดินแล้งร้าง ให้กลับคนื ความอดุ มสมบูรณน์ บั แต่เสด็จเถลงิ ถวลั ยราชตราบจนปจั จบุ นั แม้ในยามประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจ ต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2539 เป็นตน้ มา กไ็ ดพ้ ระราชทานแนวทางดำ� รง ชีพแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ทฤษฎีใหม่” ให้ราษฎรได้พ่ึงตนเอง ใช้ผืนแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบอาชพี อยูก่ ินตามอตั ภาพซึ่งราษฎรไดย้ ดึ ถอื ปฏบิ ัตเิ ปน็ ผลดอี ยู่ในปจั จุบนั

พระอัจฉรยิ ภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ได้พระราชทานความรกั อันย่ิงใหญแ่ ก่อาณาประชาราษฎร์ พระราชภารกิจ อันหนักเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ ปรากฏเป็นท่ีประจักษ์เทิดทูนพระเกียรติคุณทั้งในหมู่ชาวไทย และชาวโลก จึงทรงได้รับการสดุดีและการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักด์ิเป็นจ�ำนวนมากทุกสาขาวิชาการ ทงั้ ยงั มพี ระอจั ฉรยิ ภาพดา้ นดนตรอี ยา่ งสงู สง่ ทรงพระราชนพิ นธเ์ พลงอนั ไพเราะนบั แตพ่ ระเยาวจ์ นถงึ ปจั จบุ นั รวม 47 เพลง ซึง่ นกั ดนตรีท้ังไทย และต่างประเทศน�ำไปบรรเลงอยา่ งแพรห่ ลาย เปน็ ทปี่ ระจักษใ์ นพระอัจฉริยภาพจน สถาบนั ดนตรใี นออสเตรเลยี ไดท้ ูลเกล้าฯ ถวายสมาชิกภาพกติ ตมิ ศักดแ์ิ ด่พระองค์ นอกจากน้นั ยังทรงเปน็ นักกฬี า ชนะเลิศรางวัลเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ทรงได้รับยกย่องเป็น “อัครศิลปิน” ของชาตินอกจากทรง พระปรีชาสามารถด้านดนตรีแล้วยังทรงสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและวรรณกรรมอันทรงคุณค่าไว้เป็นทรัพย์สิน ทางปัญญาของชาติ เช่น ทรงพระราชนิพนธ์ แปลเร่ือง ติโตนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระและพระราชนิพนธ์ เรื่องชาดกพระมหาชนก พระราชทานคติธรรมในการด�ำรงชีวิตด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทนจนพบความสำ� เร็จ แกพ่ สกนกิ รท้งั ปวง ทมี่ า : https://ka.mahidol.ac.th/king_9/history.html

วันปยิ มหาราช วั น ป ิ ย ม ห า ร า ช ต ร ง กั บ วั น ท่ี 2 3 ตุ ล า ค ม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ อ ย ่ า ง ล ้ น เ ห ลื อ ข อ ง พ ส ก นิ ก ร ทั้ ง ช า ว ไ ท ย แ ล ะ ช า ว ต ่ า ง ประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซ่ึงมีความหมายว่า “พระมหา กษัตริย์ที่ทรงเป็นท่ีรักยิ่งของปวงชน” ด้วยความส�ำนึก ในพระมหากรุณาธคิ ุณ รฐั บาลจงึ ไดป้ ระกาศให้วนั ที่ 23 ตุลาคม เปน็ “วันปิยมหาราช” พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ส่ี ในพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเม่ือวันอังคาร แรม ๓ ค่�ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๙๖ ณ พระต�ำหนักเดิมตรงพระท่ีน่ัง สมมติเทวราชอุบัติ ในหมู่หนึ่งของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงมีพระนามชั้นเดิมว่า ” เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ” ซ่งึ แปลวา่ เครื่องประดับผม หรือ พระเกีย้ ว ส�ำหรบั ประดบั หัวจุกของเด็กไทยโบราณี

การเลิกระบบไพร่ ค�ำว่า “ไพร่” คือ ค�ำท่ีใช้เรียกราษฎรสามัญท้ังหญิงและชายในสังคมมาแต่อดีต สถานะไพร่ เกิดข้ึนจากความจ�ำเป็นทางสังคมที่แรงงานมีความส�ำคัญ ท้ังทางเศรษฐกิจและเป็นก�ำลังให้กองทัพ ยามสงคราม รัฐไทยในสมัยก่อนจึงต้องมีนโยบายส่งเสริมให้คนเข้ามาต้ังบ้านเมือง และ หาวิธีควบคุมก�ำลังคนเหล่านั้น ระบบการควบคุมคนไทยในสังคมไทยคือ “ระบบมูลนายไพร่ ” สถานะของไพร่จึงเป็นสถานะที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยระเบียบของรัฐ ไม่มีอิสระในชีวิตจนสามารถพัฒนา ศกั ยภาพของตนเองได้ รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่ มไี พรห่ ลบหนกี ารใชแ้ รงงานเปน็ จำ� นวนมาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงตระหนกั ดีวา่ สถานะไพร่ เป็นแอกใหญ่ของสังคม ได้ทรง ปลดภาระน้ีด้วยการจัดระเบียบสังคมเสียใหม่ให้มีการใช้แรงงานจ้าง ทหารประจ�ำการหรือทหารอาชีพแทนการ เกณฑแ์ รงงาน* เร่ิมจากปี พ.ศ. ๒๔๒๕ มีการตราพระราชบัญญตั ทิ หารหลายฉบับ ใหเ้ ปน็ ทหารสมคั รกอ่ น จาก นัน้ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ จงึ ประกาศใช้ ” พระราชบญั ญัตลิ กั ษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ. ๑๒๔ ” เปล่ยี นจากทหารสมคั ร เปน็ ทหาร “เกณฑ์ ” โดยก�ำหนดให้ไพร่ท่ีมอี ายุ ๑๘ – ๒๐ ปีต้องเข้ารับการคดั เลอื กเปน็ ทหารและประจำ� การ มีก�ำหนดระยะเวลา ๒ ปี การประกาศใช้พระราชบัญญัติเกณฑ์ทหารนี้ นับเป็นการยกเลิกระบบไพร่อย่างเป็น ทางการ ไพรจ่ งึ มสี ถานะเปน็ คนสามญั เปน็ แรงงานอสิ ระทมี่ ศี กั ดศิ์ รแี ละเกยี รตภิ มู ใิ นฐานะมนษุ ยต์ ง้ั แตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา

การเลิกทาส เม่ือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบริหารราชการแผ่นดินโดยสิทธิขาด นับตั้งแต่ปี ๒๔๑๖ เปน็ ตน้ มา พระองคท์ รงมพี ระราชประสงคท์ ี่จะทะนุบำ� รุงบ้านเมืองใหเ้ จรญิ ยง่ิ ข้ึนไป และใหป้ ระชาราษฎร์ ได้อยู่เย็นเปน็ สขุ ถว้ นหนา้ กนั โดยทรงยึดหลกั วา่ ธรรมเนยี มใดเป็นการเจริญ มีคณุ ประโยชนเ์ ป็นยตุ ธิ รรมแลว้ ก็ ทรงทำ� นบุ ำ� รงุ ให้วฒั นาการย่งิ ข้ึนไป ธรรมเนยี มใดไม่เปน็ การเจริญแกป่ ระชาชน ไมเ่ ปน็ คุณประโยชน์ ไม่เป็นการ ยตุ ธิ รรมกท็ รงเลกิ เสยี นน่ั คอื การเลกิ ทาส ไดท้ รงพจิ ารณาทจ่ี ะเลกิ ทาสดว้ ยการลดราคาคา่ ทาสลง จำ� นวนทาสคอ่ ย ลดลงโดยลำ� ดบั จนหมดไปทงั้ พระราชอาณาเขต ทรงใชว้ ธิ กี ารอยา่ งละมนุ ละมอ่ มในการเลกิ ทาส มใิ หท้ ง้ั นายและตวั ทาสเองไดร้ บั ผลเสยี และไมพ่ งึ พอใจ ทรงดำ� เนนิ การเลกิ ทาสอยา่ งคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป โดยเรมิ่ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๔๑๗ จน กระทงั่ ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ จงึ เลกิ ระบบทาสไดส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ ง และไดอ้ อกเปน็ พระราชบญั ญตั ทิ าส รศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๔๘) การเลิกทาสเป็นเคร่ืองชี้ให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ ทรงพระ อตุ สาหะจดั การในเรอ่ื งนเี้ ปน็ เวลานานกวา่ สามสบิ ปี จนบรรลผุ ลสมดังพระราชประสงค์ โดยมไิ ดท้ รงทอ้ ถอย ทรง รอบคอบ เหน็ การณไ์ กลเปน็ เลศิ พระองคท์ รงด�ำเนินการได้เรียบร้อย โดยมิไดเ้ สยี เลอื ดเน้อื หรือเกิดการเดอื ดรอ้ น ประการใด เยย่ี งการเลกิ ทาสในนานาประเทศ พระมหากรณุ าธคิ ุณอันยิ่งใหญ่ของพระองคย์ ่อมยังประโยชนใ์ ห้แก่ ชาวไทยและประเทศชาตเิ ป็นอเนกประการ ทม่ี า : https://www.educatepark.com/วนั ปยิ มหาราช

วติ ามินยอดฮติ ใช้อย่างไรให้ถกู วธิ ี ? เมื่อพูดถึง “วิตามิน” คนส่วนใหญ่ มักนึกถึงสรรคุณทาง “ยา” ท่ีช่วยให้ร่างกายแข็ง แรง สดชื่น และสามารถรักษาโรคได้ ความเข้าใจดงั กลา่ วถูกต้องเพยี งบางส่วน แม้วา่ วติ ามนิ จะสามารถ ท�ำหน้าท่ีเสมือนยาแต่ถึงอย่างไรวิตามินก็ไม่ใช่ ยา เพราะความจริงแล้ววิตามินเป็นส่วนหน่ึงของ สารอาหารและสารอินทรีย์ท่ีจ�ำเป็นต่อการท�ำงาน ของรา่ งกาย เริม่ ตั้งแตก่ ารหายใจของเซลล์ การนำ� โปรตนี ไขมนั และคารโ์ บไฮเดรตไปใชใ้ นการสร้างเนื้อเยื่อ รวมถงึ การผลิตพลังงาน ซง่ึ โดยปกตแิ ล้ว ร่างกายของคนเราไมส่ ามารถสร้างหรอื สังเคราะห์วิตามนิ ขน้ึ ได้เอง เราจึงต้องไดร้ ับวิตามินทเี่ ปน็ สารสกดั จากส่งิ มี ชวี ติ (Organic) ผา่ นการกนิ อาหารเสริมเพ่ือเพ่มิ ประสิทธิภาพการทำ� งานของระบบต่างในรา่ งกาย วัตถปุ ระสงค์ และวธิ ีการกินวิตามิน รวมถงึ สารอาหารยอดฮติ ชนดิ ตา่ งๆ ใหถ้ กู ต้องและปลอดภัยควรท�ำอย่างไร ลองตามไปดู วิตามนิ ซี ในรูปแบบอาหารเสรมิ มที งั้ แบบเม็ดอัด แคปซูล ลกู อม ผสมน้�ำหวาน-เคร่ืองด่ืม หรือผงละลายน�้ำ รวมถึงการน�ำมาท�ำเป็น ซีรมั่ ครมี โลช่นั เพอื่ เปา้ หมายหลกั ในการบำ� รงุ ผวิ ให้ดขู าวใส เปรง่ ปรั่ง ลดความหมองคลำ�้ นอกจากนว้ี ติ ามนิ ซยี งั ชว่ ยเพมิ่ ภมู คิ มุ้ กนั ของรา่ งกาย สามารถป้องกันและรักษาโรคหวัด ทั้งยังมีส่วนช่วยลดการอักเสบจาก การติดเช้อื และระดบั คอเลสเตอรอลไดอ้ กี ด้วย ปัญหาการขาดวิตามินซีพบได้ในกลุ่มคนที่ควบคุมอาหารมากๆ เป็นมังสวิรัต สูบบุหร่ี รวมถึงผู้ท่ีมีโรค เก่ียวกับการดดู ซึม ท�ำใหม้ ีอาการออ่ นเพลยี เบ่ืออาหาร ปวดขอ้ เลือดออกตามไรฟัน แผลหายช้า และติดเช้ือง่าย ปริมาณวติ ามนิ ซที รี่ างกายตอ้ งการข้ันต�ำ่ ตอ่ วันคอื 60 มก. ในรายทข่ี าดวติ ามนิ ซแี พทยจ์ ะแนะนำ� ให้กินวันละไม่ เกิน 1000 มก. เพื่อประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระและเพ่ิมภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ในช่วงที่เป็นหวัด ควรกนิ วนั ละ 3000 มก. แบง่ เปน็ 3-6 เวลา ตลอดทง้ั วนั จะลดความรนุ แรงของหวดั ไดม้ ากท่สี ุด 85%

วิตามนิ บีรวม เปน็ กลมุ่ ของวติ ามนิ ทมี่ คี วาม จำ� เปน็ ตอ่ เสน้ ประสาทและความสมบรู ณข์ องอวยั วะ ต่าง ๆ ซึ่งประกอบดว้ ยวติ ามนิ บี 1, บี 2, ไนอะซีน, แพนโทธนี ิก แอซิด, บี 6, บี 12, โฟลกิ แอซิด, ไอโน ซิทอล และโคลนี วติ ามิน บี รวมนอกจากจะเหมาะ สำ� หรับการบำ� รงุ สุขภาพผิว ผม สายตา ยังมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาความผิดปกติของเส้นประสาทและคลายความเคร่งเครียดในชีวิต ประจ�ำวัน นอกจากนหี้ ลายคนไมร่ ้วู ่าวิตามินบยี งั ช่วยให้กระฉบั กระเฉง ดังนัน้ หากคณุ เป็นคนหนง่ึ ทน่ี อนดกึ หรือ นอนหลบั ยาก การกินวติ ามนิ บกี ่อนนอนอาจทำ� ให้คุณกลายร่างเปน็ นกฮกู ตาค้างไปท้ังคนื ส�ำหรับปรมิ าณในการ กินวติ ามนิ บเี พอ่ื เปน็ อาหารเสรมิ ควรอย่ทู ี่ประมาณ 3,000-5,000 มก. ตอ่ วัน น�ำ้ มันอฟี นง่ิ พรมิ โรส มีประโยชน์ช่วยต้านการ อกั เสบ เปน็ องคป์ ระกอบสำ� คญั ของเยอ่ื หมุ้ เซลล์ ชว่ ยปอ้ งกนั และยับยั้งการลุกลามของภาวะประสาทเส่ือมจากโรคเบา หวาน บำ� รงุ ผวิ พรรณ รกั ษาผวิ หนงั อกั เสบ นอกจากนยี้ งั พบ รายงานวิจยั บ่งชว้ี า่ การรับประทานนำ้� มนั อีฟนงิ พริมโรส มีผลในการรกั ษาภาวะประจำ� เดือนผดิ ปกติ คลายการเจบ็ เตา้ นมชว่ งก่อนมปี ระจำ� เดือน และช่วยบรรเทา อาการปวดบวมของข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ แม้อฟี นง่ิ พรมิ โรสจะถูกโฆษณาและโหมสรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะ ในเรือ่ งการบำ� รุงผวิ พรรณ แต่ทางทีด่ ีควรใชเ้ ทา่ ทจี่ ำ� เปน็ ไมเ่ กิน 3,000 มก. ตอ่ วนั สำ� หรบั ผลข้างเคียงอาจทำ� ให้มี อาการคล่นื ไส้ ปวดศรี ษะ ผืน่ แพ้และลมชักกำ� เริบ Zinc (สังกะสี) มปี ระโยชนช์ ่วยตา้ นการอกั เสบ เปน็ องคป์ ระกอบส�ำคัญ ของเยอื่ หุ้มเซลล์ ชว่ ยป้องกนั และยบั ยั้งการลุกลามของภาวะประสาทเสื่อมจาก โรคเบาหวาน บำ� รุงผิวพรรณ รกั ษาผวิ หนงั อักเสบ นอกจากนยี้ งั พบรายงานวจิ ยั บ่งชีว้ า่ การรบั ประทานนำ�้ มันอีฟนิงพรมิ โรส ที่มา : https://www.sanook.com/men/657/

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำ� เภอทับคลอ้ ส�ำนักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั พจิ ิตร ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook