Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์ ครั้งที่ 5

วิทยาศาสตร์ ครั้งที่ 5

Description: วิทยาศาสตร์ ครั้งที่ 5

Search

Read the Text Version

เรื่องท่ี 1 ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานวทิ ยาศาสตร์เป็ นกิจกรรมเก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซ่ึงเป็ นกิจกรรมท่ีตอ้ ง ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการศึกษาคน้ ควา้ โดยผเู้ รียนจะเป็ นผดู้ าเนินการดว้ ยตนเองท้งั หมด ต้งั แตเ่ ร่ิมวางแผนในการศึกษาคน้ ควา้ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล จนถึงเรื่องการแปลผล สรุปผล และเสนอ ผลการศึกษา โดยมีผชู้ านาญการเป็นผใู้ หค้ าปรึกษา ลกั ษณะและประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จาแนกไดเ้ ป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1. โครงงานประเภทสารวจ เป็นโครงงานที่มีลกั ษณะเป็ นการศึกษาเชิงสารวจ รวบรวมขอ้ มูล แลว้ นาขอ้ มูลเหล่าน้นั มาจดั กระทาและนาเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ดงั น้นั ลกั ษณะสาคญั ของ โครงงานประเภทน้ีคือ ไมม่ ีการจดั ทาหรือกาหนดตวั แปรอิสระท่ีตอ้ งการศึกษา 2. โครงงานประเภททดลอง เป็นโครงงานที่มีลกั ษณะกิจกรรมท่ีเป็ นการศึกษาหาคาตอบของ ปัญหาใดปัญหาหน่ึงด้วยวิธีการทดลอง ลักษณะสาคัญของโครงงานน้ีคือ ต้องมีการ ออกแบบการทดลองและดาเนินการทดลองเพ่ือหาคาตอบของปัญหาที่ตอ้ งการทราบหรือ เพอ่ื ตรวจสอบสมมติฐานที่ต้งั ไว้ โดยมีการจดั กระทากบั ตวั แปรตน้ หรือตวั แปรอิสระ เพื่อดู ผลท่ีเกิดข้ึนกบั ตวั แปรตาม และมีการควบคุมตวั แปรอ่ืน ๆ ท่ีไม่ตอ้ งการศึกษา 3. โครงงานประเภทการพฒั นาหรือประดิษฐ์ เป็ นโครงงานที่มีลักษณะกิจกรรมท่ีเป็ น การศึกษาเกี่ยวกับการประยุกต์ ทฤษฎี หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อประดิษฐ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์เพ่ือประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ ซ่ึงอาจเป็ นการประดิษฐ์ ของใหม่ ๆ หรือปรับปรุงของเดิมที่มีอยใู่ หม้ ีประสิทธิภาพสูงข้ึน ซ่ึงจะรวมไปถึงการสร้าง แบบจาลองเพื่ออธิบายแนวคิด 4. โครงงานประเภทการสร้างทฤษฎีหรืออธิบาย เป็ นโครงงานที่มีลกั ษณะกิจกรรมท่ีผูท้ า จะตอ้ งเสนอแนวคิด หลกั การ หรือทฤษฎีใหม่ ๆ อย่างมีหลกั การทางวิทยาศาสตร์ในรูป ของสูตรสมการหรือคาอธิบายอาจเป็ นแนวคิดใหม่ที่ยงั ไม่เคยนาเสนอ หรืออาจเป็ นการ อธิบายปรากฏการณ์ในแนวใหม่ก็ได้ ลกั ษณะสาคญั ของโครงงานประเภทน้ี คือ ผูท้ า จะตอ้ งมีพ้ืนฐานความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์เป็ นอย่างดี ตอ้ งคน้ ควา้ ศึกษาเร่ืองราวที่เก่ียวขอ้ ง อยา่ งลึกซ้ึง จึงจะสามารถสร้างคาอธิบายหรือทฤษฎีได้

เร่ืองที่ 2 ข้นั ตอนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การทากิจกรรมโครงงานเป็ นการทากิจกรรมท่ีเกิดจากคาถามหรือความอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกบั เรื่องต่าง ๆ ดงั น้นั การทาโครงงานจึงมีข้นั ตอนดงั น้ี 1. ข้นั สารวจหรือตดั สินใจเลอื กเร่ืองที่จะทา การตดั สินใจเลือกเร่ืองที่จะทาโครงงานควรพิจารณาถึงความพร้อมในดา้ นต่าง ๆ เช่น แหล่งความรู้เพียงพอท่ีจะศึกษาหรือขอคาปรึกษา มีความรู้และทกั ษะในการใชเ้ คร่ืองมืออุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใชใ้ นการศึกษา มีผทู้ รงคุณวฒุ ิรับเป็นที่ปรึกษา มีเวลา และงบประมาณเพียงพอ 2. ข้นั ศึกษาข้อมูลทเ่ี กยี่ วข้องกบั เรื่องทตี่ ดั สินใจทา การศึกษาขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เรื่องที่ตดั สินใจทา จะช่วยให้ผูเ้ รียนได้แนวคิดที่จะ กาหนดขอบขา่ ยเร่ืองท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ ใหเ้ ฉพาะเจาะจงมากข้ึนและยงั ไดค้ วามรู้ เร่ืองท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมจนสามารถออกแบบการศึกษา ทดลอง และวางแผนดาเนินการทาโครงงานวิทยาศาสตร์อยา่ ง เหมาะสม 3. ข้นั วางแผนดาเนินการ การทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ไม่วา่ เร่ืองใดจะตอ้ งมีการวางแผนอยา่ งละเอียด รอบคอบ และมีการกาหนดข้นั ตอนในการดาเนินงานอยา่ งรัดกุม ท้งั น้ีเพื่อใหก้ ารดาเนินงานบรรลุจุดมุ่งหมายหรือ เป้ าหมายที่กาหนดไว้ ประเด็นท่ีตอ้ งร่วมกนั คิดวางแผนในการทาโครงงานมีดงั น้ี คือ ปัญหา สาเหตุ ของปัญหา แนวทาง และวิธีการแกป้ ัญหาที่สามารถปฏิบตั ิได้ การออกแบบการศึกษาทดลองโดย กาหนดและควบคุมตวั แปร วสั ดุอุปกรณ์และสารเคมี เวลา และสถานที่จะปฏิบตั ิงาน 4. ข้นั เขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์มีรายละเอียดดงั น้ี 4.1 ช่ือโครงงาน เป็ นขอ้ ความส้ัน ๆ กะทดั รัด ชดั เจน สื่อความหมายตรง และมีความ เฉพาะเจาะจงวา่ จะศึกษาเร่ืองใด 4.2 ช่ือผทู้ าโครงงาน เป็นผรู้ ับผดิ ชอบโครงงาน ซ่ึงอาจเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มกไ็ ด้ 4.3 ช่ือที่ปรึกษาโครงงาน ซ่ึงเป็นอาจารยห์ รือผทู้ รงคุณวฒุ ิกไ็ ด้ 4.4 ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน เป็ นการอธิบายเหตุผลที่เลือกทาโครงงานน้ี ความสาคญั ของโครงงาน แนวคิด หลกั การ หรือทฤษฎีท่ีเก่ียวกบั โครงงาน 4.5 วตั ถุประสงค์โครงงาน เป็ นการบอกจุดมุ่งหมายของงานที่จะทา ซ่ึงควรมีความ เฉพาะเจาะจงและเป็นสิ่งท่ีสามารถวดั และประเมินผลได้ 4.6 สมมติฐานของโครงงาน(ถา้ มี)สมมติฐานเป็ นคาอธิบายท่ีคาดไวล้ ่วงหนา้ ซ่ึงจะ ผดิ หรือถูกกไ็ ด้ สมมติฐานที่ดีควรมีเหตุผลรองรับ และสามารถทดสอบได้

4.7 วสั ดุอุปกรณ์และส่ิงท่ีต้องใช้ เป็ นการระบุวสั ดุอุปกรณ์ที่จาเป็ นใช้ในการ ดาเนินงานวา่ มีอะไรบา้ ง ไดม้ าจากไหน 4.8 วธิ ีดาเนินการ เป็นการอธิบายข้นั ตอนการดาเนินงานอยา่ งละเอียดทุกข้นั ตอน 4.9 แผนปฏิบตั ิการ เป็นการกาหนดเวลาเริ่มตน้ และเวลาเสร็จงานในแตล่ ะข้นั ตอน 4.10 ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ เป็ นการคาดการณ์ผลที่จะได้รับจากการดาเนินงานไว้ ล่วงหนา้ ซ่ึงอาจไดผ้ ลตามท่ีคาดไวห้ รือไมก่ ็ได้ 4.11 เอกสารอา้ งอิง เป็นการบอกแหล่งขอ้ มูลหรือเอกสารที่ใชใ้ นการศึกษาคน้ ควา้ 5. ข้นั ลงมอื ปฏิบตั ิ การลงมือปฏิบตั ิเป็ นข้นั ตอนท่ีสาคญั ตอนหน่ึงในการทาโครงงานเน่ืองจากเป็ นการลง มือปฏิบตั ิจริงตามแผนที่ไดก้ าหนดไวใ้ นเคา้ โครงของโครงงาน อย่างไรก็ตามการทาโครงงานาจะ สาเร็จไดด้ ว้ ยดี ผเู้ รียนจะตอ้ งคานึงถึงเรื่องความพร้อมของวสั ดุอุปกรณ์ และสิ่งอ่ืน ๆ เช่นสมุดบนั ทึก กิจกรรมประจาวนั ความละเอียดรอบคอบและความเป็ นระเบียบในการปฏิบตั ิงาน ความประหยดั และ ความปลอดภยั ในการปฏิบตั ิงาน ความน่าเช่ือถือของข้อมูลที่ได้จากการปฏิบตั ิงาน การเรียงลาดับ ก่อนหลงั ของงานส่วนย่อย ๆ ซ่ึงตอ้ งทาแต่ละส่วนให้เสร็จก่อนทาส่วนอื่นต่อไปในข้นั ลงมือปฏิบตั ิ จะตอ้ งมีการบนั ทึกผล การประเมินผล การวเิ คราะห์ และสรุปผลการปฏิบตั ิ 6. ข้นั เขียนรายงานโครงงาน การเขียนรายงานการดาเนินงานของโครงงาน ผเู้ รียนจะตอ้ งเขียนรายงานใหช้ ดั เจน ใช้ ศพั ทเ์ ทคนิคท่ีถูกตอ้ ง ใชภ้ าษากะทดั รัด ชดั เจน เขา้ ใจง่าย และตอ้ งครอบคลุมประเด็นสาคญั ๆ ท้งั หมด ของโครงงานไดแ้ ก่ ช่ือโครงงาน ชื่อผูท้ าโครงงาน ช่ือท่ีปรึกษา บทคดั ยอ่ ที่มาและความสาคญั ของ โครงงาน จุดหมาย สมมติฐาน วิธีดาเนินงาน ผลการศึกษาค้นควา้ ผลสรุปของโครงงาน ขอ้ เสนอแนะ คาขอบคุณบุคลากรหรือหน่วยงานและเอกสารอา้ งอิง 7. ข้นั เสนอผลงานและจัดแสดงผลงานโครงงาน หลงั จากทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์เสร็จแลว้ จะตอ้ งนาผลงานท่ีไดม้ าเสนอและจดั แสดง ซ่ึงอาจทาไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การจดั นิทรรศการ การประชุมทางวิชาการ เป็ นตน้ ในการเสนอผลงาน และจดั แสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ควรนาเสนอให้ครอบคลุมประเด็นสาคญั ๆ ท้งั หมดของ โครงงาน

เรื่องท่ี 3 การนาเสนอโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การแสดงผลงานเป็ นข้นั ตอนสาคญั อีกประการหน่ึงของการทาโครงงานเรียกไดว้ า่ เป็ นงานข้นั สุดทา้ ยของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็ นการแสดงผลิตผลของความคิด และการ ปฏิบตั ิการท้งั หมดที่ผูท้ าโครงงานไดท้ ุ่มเทเวลาไป และเป็ นวิธีการที่จะทาให้ผูอ้ ื่นรับรู้และเขา้ ใจถึง ผลงานน้นั ๆ มีผกู้ ล่าววา่ การวางแผนออกแบบเพ่ือจดั แสดงผลงานน้นั มีความสาคญั เท่า ๆ กบั การทา โครงงานน้นั เอง ผลงานที่ทาจะดียอดเย่ียมเพียงใด แต่ถา้ การจดั แสดงผลงานทาไดไ้ ม่ดี ก็เท่ากบั ไม่ได้ แสดงความดียอดเยย่ี มของผลงานน้นั นน่ั เอง การแสดงผลงานทาไดใ้ นรูปแบบต่าง ๆ กนั เช่น การแสดงในรูปนิทรรศการ ซ่ึงมีท้งั การาจดั แสดงและการอธิบายดว้ ยคาพดู หรือในรูปแบบของการจดั แสดงโดยไม่มีการอธิบายประกอบหรือใน รูปของการรายงานปากเปล่า ไม่ว่าการแสดงผลงานจะอยู่ในรูปแบบใด ควรจะจดั ให้ครอบคลุม ประเดน็ สาคญั ดงั ต่อไปน้ี 1. ช่ือโครงงาน ชื่อผทู้ าโครงงาน ช่ือที่ปรึกษา 2. คาอธิบายถึงเหตุจงู ใจในการทาโครงงาน และความสาคญั ของโครงงาน 3. วธิ ีการดาเนินการ โดยเลือกเฉพาะข้นั ตอนที่เด่นและสาคญั 4. การสาธิตหรือแสดงผลที่ไดจ้ ากการทดลอง 5. ผลการสงั เกตและขอ้ มลู เด่น ๆ ท่ีไดจ้ ากการทาโครงงาน การจดั นิทรรศการโครงงาน ควรคานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ต่อไปน้ี 1. ความปลอดภยั ของการจดั แสดง 2. ความเหมาะสมกบั เน้ือท่ีจดั แสดง 3. คาอธิบายท่ีเขียนแสดงควรเน้นประเด็นสาคญั และสิ่งท่ีน่าสนใจเท่าน้นั โดยใช้ ขอ้ ความกะทดั รัด ชดั เจน และเขา้ ใจง่าย 4. ดึงดูดความสนใจผเู้ ขา้ ชม โดยใชร้ ูปแบบการแสดงท่ีน่าสนใจ ใชส้ ีที่สดใส เนน้ จุด ท่ีสาคญั หรือใชว้ สั ดุต่างประเภทในการจดั แสดง 5. ใชต้ ารางและรูปภาพประกอบ โดยจดั วางอยา่ งเหมาะสม 6. สิ่งท่ีแสดงทุกอยา่ งตอ้ งถูกตอ้ ง ไมม่ ีการสะกดผดิ หรืออธิบายหลกั การที่ผดิ 7. ในกรณีที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ สิ่งน้นั ควรอยใู่ นสภาพท่ีทางานไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์

ในการแสดงผลงาน ถา้ ผนู้ าผลงานมาแสดงจะตอ้ งอธิบายหรือรายงานปากเปล่าหรือ ตอบคาถามตา่ ง ๆ จากผชู้ มหรือต่อกรรมการตดั สินโครงงาน การอธิบายตอบคาถาม หรือรายงานปากเปล่า น้นั ควรไดค้ านึงถึงสิ่งต่าง ๆ ตอ่ ไปน้ี 1. ตอ้ งทาความเขา้ ใจกบั สิ่งที่อธิบายเป็นอยา่ งดี 2. คานึงถึงความเหมาะสมของภาษาที่ใชก้ บั ระดบั ผฟู้ ัง ควรใหช้ ดั เจนและเขา้ ใจง่าย 3. ควรรายงานอยา่ งตรงไปตรงมา ไม่ออ้ มคอ้ ม 4. พยายามหลีกเลี่ยงการอ่านรายงาน แต่อาจจดหัวขอ้ สาคญั ๆ ไวเ้ พื่อช่วยให้การ รายงานเป็นไปตามข้นั ตอน 5. อยา่ ท่องจารายงานเพราะทาใหด้ ูไม่เป็นธรรมชาติ 6. ขณะท่ีรายงานควรมองตรงไปยงั ผฟู้ ัง 7. เตรียมตวั ตอบคาถามท่ีเกี่ยวกบั เร่ืองน้นั ๆ 8. ตอบคาถามอยา่ งตรงไปตรงมา ไม่จาเป็นตอ้ งกล่าวถึงส่ิงท่ีไมไ่ ดถ้ าม 9. หากติดขดั ในการอธิบาย ควรยอมรับโดยดี อยา่ กลบเกลื่อน หรือหาทางหลีกเลี่ยง เป็นอยา่ งอื่น 10. ควรรายงานใหเ้ สร็จภายในระยะเวลาท่ีกาหนด 11. หากเป็ นไปไดค้ วรใช้ส่ือประเภทโสตทศั นูปกรณ์ ประกอบการรายงานดว้ ย เช่น แผน่ ใส หรือสไลด์ เป็นตน้ ข้อควรพิจารณาและคานึงถึงประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวมาในการแสดงผลงานน้ัน จะ คลา้ ยคลึงกนั ในการแสดงผลงานทุกประเภท แต่อาจแตกต่างกนั ในรายละเอียดปลีกยอ่ ยเพียงเล็กนอ้ ย สิ่งสาคญั ก็คือ พยายามให้การแสดงผลงานน้นั ดึงดูดความสนใจผชู้ ม มีความชดั เจน เขา้ ใจง่าย และมี ความถูกตอ้ งในเน้ือหา การทาแผงสาหรับแสดงโครงงานใหใ้ ชไ้ มอ้ ดั มีขนาดดงั รูป 60 ซม. 60 ซม. 120 ซม. ติดบานพบั มีห่วงรับและขอสับทามุมฉากกบั ตวั แผงกลาง

ในการเขียนแบบโครงงานควรคานึงถึงสิ่งต่อไปน้ี 1. ตอ้ งประกอบดว้ ยชื่อโครงงาน ชื่อผทู้ าโครงงาน ช่ือท่ีปรึกษา คาอธิบายยอ่ ๆ ถึงเหตุจูงใจ ในการทาโครงงาน ความสาคญั ของโครงงาน วิธีดาเนินการเลือกเฉพาะข้นั ตอนที่สาคญั ผลท่ีได้จากการทดลองอาจแสดงเป็ นตาราง กราฟ หรือรูปภาพก็ได้ ประโยชน์ของ โครงงาน สรุปผล เอกสารอา้ งอิง 2. จดั เน้ือที่ใหเ้ หมาะสม ไม่แน่นจนเกินไปหรือนอ้ ยจนเกินไป 3. คาอธิบายความกะทดั รัด ชดั เจน เขา้ ใจง่าย 4. ใชส้ ีสดใส เนน้ จุดสาคญั เป็นการดึงดูดความสนใจ 5. อุปกรณ์ประเภทส่ิงประดิษฐค์ วรอยใู่ นสภาพท่ีทางานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook