หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการจัดการการศกึ ษา ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพื้นฐานพทุ ธศักราช 2551 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอทบั คล้อ สำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั พจิ ติ ร สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธิการ
หลกั เกณฑ์และวิธกี ารจัดการการศกึ ษา ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานพุทธศักราช 2551 ความนำ การพัฒนาประเทศในปัจจุบันท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเกินกว่า จคาดการณ์ได้แน่นอนทั้งภาคเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม และวัฒนธรรมล้วนส่งผลกระทบ ตอ่ ความเป็นอยขู่ องประชาชนทงั้ มวล ประเทศตา่ งๆ พยายามท่ีจะปฏริ ูปหรือปรับเปล่ียนระบบหรือกลไกทาง สังคมต่างๆ เพื่อรับรองความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ ให้นำพาสังคมไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืน สำหรับประเทศไทย การพัฒนาประเทศทุกขั้นตอนต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบเป็นไปตามลำดับขั้นตอน และความสอดคล้องกบั วถิ ีชีวิตของสังคมไทย รวมทั้งการเสริมสร้างศีลธรรมและสำนักในคุณธรรม จริยธรรม ในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินชีวิตด้วยความเพียร อันจะเป็นภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีที่สุด ให้พร้อมเผชิญ กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ดั้งนั้น จะเห็นว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในระยะหลังๆ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในสังคมและมุ่งให้ “ คนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา ” ปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาแบบแยกส่วนมาเป็น แบบบรู ณการแบบองค์รวม เพือ่ ใหเ้ กิดความสมดุลระหว่างการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง การปกครอง และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนา ประเทศเปน็ ไปในทิศทางเดียวกนั ต้องอาศยั ความรว่ มมอื กันของหน่วยงานต่างๆ กระทรวงศกึ ษาธิการมหี น้าท่จี ัดการศกึ ษาให้กับประชาชน โดยเฉพาะการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานซ่ึงกำหนด ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 49 ว่า บุคคลยินยอมมีสิทธิเสมอกัน ในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีท่ีรัฐจะต้องจดั ให้อยา่ งถั่วถึงและมีคุณภาพและมาตรา 80 ได้กำหนด เป็นนโยบายดา้ นการศกึ ษาว่า ต้องดำเนินการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจดั การศึกษาในทุกระดับและ ทุกรูปแบบ ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม จัดให้มีแผนการศึกษาแห่งชาติ กฎหมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาของชาติ ซึ่งกฎหมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาของชาติกำหนดให้มีการ สง่ เสริมการศึกษาในระบบการศกึ ษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศยั การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ตลอด ชีวิต วิทยาลัยชุมชน หรือ รูปแบบอื่น รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายเพื่อกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ การจัดการ ศึกษาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบการศึกษาทุกระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน และพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 มาตรา 15 กำหนดนิยาม การศึกษานอกระบบว่าเป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่น ในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและ หลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม การศึกษานอกระบบได้กล่าวถึงการแบ่งระดับไว้ในมาตรา 16 วรรคท้าย ว่าให้เป็นไปตามที่กำหนดใน กฎกระทรวง ทั้งนี้ กฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดบั และการเทียบระดับการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย พ.ศ. 2546 ได้กำหนดให้มีการแบ่งระดับเช่นเดียวกันกับการแบ่งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และยงั ได้กำหนดใหก้ ารศกึ ษานอกระบบที่มรี ะดับเดยี วกนั กับการศกึ ษาในระบบให้ถือว่า มีมาตรฐานการศึกษา เทา่ เทยี มกนั เมื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จึงเห็นสมควรพัฒนาหลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่มีความเหมาะสมสอดคล้อง กับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลที่อยู่นอกระบบโรงเรียนซึ่งเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ จากการทำงาน และการประกอบอาชีพ โดยการกำหนดสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการ เรียนรู้ การวัดและประเมินผล ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ด้านจิตใจ ให้มีคุณธรรม ควบคู่ไป กับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมคุ้มกันสมารถจัดการกับองค์ความรู้ ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงรวมทง้ั คำนงึ ถงึ ธรรมชาตกิ ารเรยี นรู้ของผู้ทอี่ ยนู่ อกระบบ และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง การปกครอง ความเจริญกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีและการสอื่ สาร คณุ ธรรม 11 ประการ คณุ ธรรมเพ่ือพฒั นาตนเอง 1. สะอาด 2. สภุ าพ 3. ความกตัญญูกตเวที คณุ ธรรมเพื่อการพัฒนาการทำงาน 4. ขยนั 5. ความประหยดั 6. ความซือ่ สัตยส์ ุจริต คณุ ธรรมเพื่อพัฒนาสงั คม 7. ความสามัคคี 8. ความมนี ำ้ ใจ 9. ความมีวินัย คณุ ธรรมเพอ่ื พฒั นาประเทศชาติ 10. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ฯ 11. ยึดมนั่ ในวิถีชีวิตฯ ** ปรัชญาสถานศึกษา** “พัฒนาคนให้มคี ุณภาพ ด้วยงานการศกึ ษานอกโรงเรียน”
** วสิ ยั ทศั น์** ประชาชนในอำเภอทับคล้อ ได้รับโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ สามารถดำรงชวี ติ ทเ่ี หมาะสมกบั ชว่ งวัยสอดคล้องกบั หลักปรัชญาของศรษฐกจิ พอเพียง ** พันธกจิ ** 1. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศกึ ษาตอ่ เนื่องและการศึกษาตามอัธยาศัยให้มคี ุณภาพอยา่ งท่ัวถึงและเทา่ เทยี ม 2. จัดกิจกรรมและส่งเสริมให้ผู้เรียน/ผู้รับบริการมีความรู้คู่คุณธรรมและมีทักษะการดำรงชีวิตบน พืน้ ฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัย 4. สร้างระบบประกันคุณภาพการศึกษา และระบบการให้บริการที่มีคุณภาพ โดยยึดผู้เรียน / ผรู้ ับบรกิ ารเปน็ สำคัญ 5. พัฒนาระบบบริหารจัดการให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการใช้กลยุทธ์ และการบรหิ ารจดั การเชิงรกุ จดุ หมาย หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราชการ 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรยี น มีคุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้อย่าง ตอ่ เนือ่ ง ซ่งึ เปน็ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ท่ตี อ้ งการ จึงกำหนดจดุ หมายดงั ต่อไปนี้ 1. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมท่ดี ีงาม และสามารถอยู่รวมกนั ในสงั คมอย่างสันติสุข 2. มคี วามรู้พ้ืนฐานสำหรับการดำรงชวี ิต และการเรยี นรู้อย่างต่อเนื่อง 3. มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด และตามทัน ความเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คม และกาเมือง 4. มีทักษะการดำเนินชีวิตที่ดี และสามารถจัดการการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุข ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 5. มีความเข้าใจประวัติศาสตรช์ าติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษาไทย ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนายึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข 6. มจี ิตสำนึกในการอนุรกั ษ์ และการพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม 7. เปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเขา้ ถงึ แหล่งเรียนรแู้ ละบูรณาการ ความรู้มาใชใ้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ระดับการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดบั การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น โครงสรา้ ง เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามหลักการ จุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้ ที่กำหนดไว้ให้ สถานศึกษาและภาคเี ครือขา่ ยมีแนวปฏิบตั ิในการจัดหลกั สูตรสถานศึกษา จงึ ได้กำหนดโครงสรา้ งของหลักสูตร การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไว้ดังน้ี 1. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ 2. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ประกอบดว้ ย 5 สาระ ดงั น้ี 2.1 สาระทักษะการเรียนรู้ เป็นสาระเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ การจัดการความรู้ การคดิ เปน็ และการวิจยั อยา่ งง่าย 2.2 สาระความรู้พื้นฐาน เป็นสาระเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 2.3 สาระการประกอบอาชีพ เป็นสาระเกีย่ วกบั การมองเหน็ ชอ่ งทาง และการตัดสนิ ใจประกอบ อาชีพ ทกั ษะในอาชพี การจัดการอาชพี อยา่ งมีคุณธรรม และการพัฒนาอาชพี ให้มคี วามมนั่ คง 2.4 สาระทกั ษะการดำเนินชวี ิต เปน็ สาระเก่ยี วกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง สขุ ศกึ ษา พลศึกษา และศิลปศึกษา 2.5 สาระการพัฒนาสังคม เป็นสาระเก่ยี วกับภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี หน้าทีพ่ ลเมอื ง และการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม 3. กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ เปน็ กจิ กรรมท่จี ดั ข้ึนเพือ่ ให้ผเู้ รยี นพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม 4. มาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดมาตรฐาน การเรียนรู้ ตามสาระการเรียนรู้ทง้ั 5 สาระ ที่เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผเู้ รยี น ดังนี้ 4.1 มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นมาตรฐานการ เรียนรู้ในแต่ละสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนจบหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 4.2 มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั เปน็ มาตรฐานการเรียนรู้ในแตล่ ะสาระการเรียนรูเ้ มอ่ื ผ้เู รยี นเรียนจบ ในแตล่ ะระดบั ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
5. เวลาเรียน ในแต่ละระดับใชเ้ วลาเรยี น 4 ภาคเรยี น ยกเวน้ กรณที ี่มกี ารเทียบโอนผลการเรียน ทั้งนี้ผูเ้ รียนตอ้ ง ลงทะเบยี นเรยี นในสถานศึกษาอย่างน้อย 1 ภาคเรียน 6. หนว่ ยกิต ใช้เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง มคี ่าเท่ากบั 1 หน่วยกติ โครงสรา้ งหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 จำนวนหน่วยกติ ท่ี สาระการเรยี นรู้ มัธยมศึกษาตอนต้น 1 ทกั ษะการเรียนรู้ วชิ าบงั คับ วชิ าเลอื ก 2 ความรูพ้ ืน้ ฐาน 3 การประกอบอาชีพ 5 4 ทักษะการดำเนินชวี ิต 5 การพัฒนาสงั คม 16 รวม 8 กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ 5 6 40 16 56 หนว่ ยกิต 200 ชัว่ โมง หมายเหตุ วิชาเลือกในแต่ละระดับ สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการทำโครงงาน จำนวนอยา่ งนอ้ ย 3 หน่วยกติ
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระและมาตรฐานการเรียนรูต้ ามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ประกอบดว้ ยสาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ดงั นี้ 1. สาระทกั ษะการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคติทด่ี ีต่อการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง มาตรฐานที่ 1.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 1.3 มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคติทดี่ ีต่อการจัดการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 1.4 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ด่ี ีต่อการคิดเปน็ มาตรฐานท่ี 1.5 มคี วามรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ี่ดตี ่อการวจิ ัยอย่างง่าย 2. สาระความรูพ้ นื้ ฐาน ประกอบดว้ ย 2 มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานที่ 2.1 มคี วามรู้ความเข้าใจ ทกั ษะพื้นฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานที่ 2.2 มคี วามรคู้ วามเข้าใจ ทักษะพื้นฐานเกย่ี วกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชพี ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ 3.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดีในงานอาชพี มองเห็นช่องทาง และการตดั สนิ ใจประกอบอาชพี ไดต้ ามความตอ้ งการ และศักยภาพของ ตนเอง มาตรฐานที่ 3.2 มคี วามรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ีตดั สนิ ใจเลือก มาตรฐานท่ี 3.3 มคี วามรคู้ วามเข้าใจ ในการจัดการอาชพี อย่างมคี ุณธรรม มาตรฐานท่ี 3.4 มีความรู้ความเข้าใจ ในการพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามม่ันคง 4. สาระทักษะการดำเนนิ ชวี ิต ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐาน ดังน้ี มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะ เจตคติทีด่ เี ก่ียวกับปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง และสามารถประยกุ ต์ใชใ้ นการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานที่ 4.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติที่ดีเกีย่ วกบั การดแู ล สง่ เสริมสขุ ภาพ อนามัย และความปลอดภัยในการดำเนนิ ชีวิต มาตรฐานที่ 4.3 มคี วามรู้ความเข้าใจ และเจตคตทิ ่ดี ีเกยี่ วกบั ศิลปะและสนุ ทรยี ภาพ 5. สาระการพัฒนาสังคม ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดงั นี้ มาตรฐานที่ 5.1 มคี วามร้คู วามเข้าใจ และตระหนกั ถึงความสำคัญเก่ียวกบั ภมู ศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนำมาปรับใช้ ในการดำรงชีวิต มาตรฐานที่ 5.2 มีความรู้ความเข้าใจ เห็นคณุ คา่ และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี เพื่อการอย่รู ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ
มาตรฐานที่ 5.3 ปฏิบัตติ นเปน็ พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธปิ ไตย มจี ิตสาธารณะเพ่ือความสงบ มาตรฐานท่ี 5.4 สขุ ของสังคม มีความรู้ความเข้าใจ เหน็ ความสำคัญของหลกั การพฒั นา และสามารถ พฒั นาตนเอง ครอบ ครวั ชุมชน/สังคม หมายเหตุ สาระการเรียนรู้ความรู้พื้นฐาน มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ความเข้าใจทักษะพื้นฐาน เก่ียวกับภาษาและการสอื่ สาร ซ่ึงภาษาในมาตรฐานนี้หมายถงึ ภาษาไทย และภาษาตา่ งประเทศ รปู แบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ การศกึ ษานอกระบบการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานมีวิธกี ารจัดการเรยี นรูท้ ห่ี ลากหลาย ไดแ้ ก่ 1. การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดให้ผู้เรียนมาพบกันโดยมีครูเป็น ผู้ดำเนินการให้เกิดกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้มีการอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และหาข้อสรุปร่วมกันโดยมีครู เปน็ ทปี่ รกึ ษาและให้คำแนะนำในการศึกษาหาความรดู้ ้วยตนเองจากภมู ปิ ญั ญา ผู้รู้ และส่อื ต่างๆ 2. การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) เป็นวิธีการจัดการเรยี นรูท้ ีผ่ ู้เรียนกำหนดแผนการเรียนรู้ของตนเอง ตามรายวิชาทล่ี งทะเบยี นเรยี น 3. การเรียนรู้โดยการสอนเสรมิ (สส.) เปน็ วธิ ีการจัดการเรียนรจู้ ากวทิ ยากรทมี่ ีความรู้ความสามารถ เฉพาะวิชาครแู ละผู้เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์เน้ือหาวิชาแลว้ เห็นวา่ ยากมาก ไม่เหมาะทีจ่ ะนำมาเรียนรู้โดยวิธีการ พบกล่มุ หรอื เรยี นรู้ด้วยตนเองได้ ตอ้ งจัดหาวทิ ยากรท่ีเช่ยี วชาญมาสอนเสรมิ 4. การเรียนรู้แบบโดยวิธีการทำโครงการ เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนและครรู ว่ มกันพิจารณา วา่ ควรมกี ารพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีความรู้ความสามารถเพ่ิมเตมิ เรื่องใด การจัดการเรียนรู้ โดยวิธีการทำโครงการ อาจพจิ ารณาจากนโยบาย และสภาพปญั หาทเี่ กิดขนึ้ ปจั จุบัน 5. การเรียนรู้จากการทำโครงงาน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนกำหนดเรื่องโดยสมัครใจ ตามความสนใจ ความต้องการ หรือสภาพปัญหา ที่จะนำไปสู่การศึกษาค้นคว้า ทดลอง ลงมือปฏิบัติจริง และมีการสรุปผลการดำเนินงานตามโครงงาน โดยมีครูเป็นผูใ้ ห้คำปรึกษา แนะนำอำนวยความสะดวกในการ เรยี นรู้ และกระตนุ้ เสรมิ แรงให้เกิดการเรยี นรู้ 6. การเรียนรู้รูปแบบอื่นๆ สถานศึกษาสามารถออกแบบวิธีการเรียนรู้ในรูปแบบอื่นๆได้ ตามความต้องการของผูเ้ รยี น วธิ ีการจดั การเรยี นร้ดู งั กล่าวข้างต้น สถานศึกษาและผูเ้ รียนรว่ มกันกำหนดวิธกี ารเรียนโดยเลือกเรียน วธิ ใี ดวธิ หี น่งึ หรือหลายวิธกี ็ไดข้ ึน้ อยู่กับความยากง่ายของเนื้อหา และสอดคลอ้ งกับวถิ ีชวี ติ และการทำงานของ ผู้เรียน โดยขณะเดียวกันสถานศึกษาสามารถจัดให้มีการสอนเสริมได้ทกุ วธิ ีเรียน เพื่อเติมเต็มความรู้ให้บรรลุ มาตรฐานการเรียนรู้
การจัดกระบวนการเรยี นรตู้ ามหลักสูตรสถานศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้ ตามปรัชญาพื้นฐานของการศึกษานอกโรงเรียน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้และสร้างองค์ประกอบสำหรับตนเอง และชมุ ชน สังคม ซง่ึ กำหนดรปู แบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ ดังนี้ 1. กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม ให้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร โดยผู้เรียนทำความเข้าใจกับสภาพปัญหาความต้องการ นัน้ ๆ แล้วกำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ และการวางแผนการเรยี นรขู้ องตนเองเพื่อนำไปสกู่ ารปฏบิ ัตติ อ่ ไป 2. แสวงหาข้อมูลและการจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดยศึกษา ค้นคว้า หา ความรู้ รวบรวม ข้อมูลของตนเอง ชมุ ชน สังคม และวิชาการ จากสือ่ แหล่งเรยี นรทู้ ี่หลากหลายมีการสะท้อน ความคดิ ระดมความคดิ เห็น อภปิ ราย วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มลู และสรุปเปน็ ความรู้ 3. ปฏิบัติ โดยให้ความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เหมาะสมกับสังคมและ วัฒนธรรม 4. ประมวลผลการเรยี นรู้ โดยใหม้ ีการประเมิน ทบทวนแก้ไขข้อบกพร่อง และตรวจสอบผลการเรียนรู้ ใหบ้ รรลุเป้าหมายการเรยี นรทู้ ีว่ างไว้ สอื่ การเรียนรู้ ในการจัดการเรยี นรู้เนน้ ให้ผเู้ รียนแสวงหาความรไู้ ด้ด้วยตนเอง โดยการใชส้ อื่ การเรียนรู้ที่หลากหลาย ไดแ้ ก่ สอื่ ส่งิ พมิ พ์ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอื่ บุคคล ภูมปิ ญั ญา แหลง่ เรยี นรูท้ มี่ อี ยูใ่ นท้องถิ่น ชมุ ชน และแหลง่ เรยี นรู้ อื่นๆ ผู้เรียน ครู สามารถพัฒนาสื่อการเรียนรู้ขึ้นเอง หรือนำสื่อต่างๆ ที่มีอยู่ใกล้ตัว และข้อมูลสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการเรียนรู้ โดยใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้สื่อต่างๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การเรียนรู้ เปน็ ไปอยา่ งคุ้มคา่ น่าสนใจ ชวนคดิ ชวนติดตาม เขา้ ใจงา่ ย เปน็ การกระตุน้ ใหผ้ เู้ รยี นรู้จกั วธิ กี ารแสวงหาความรู้ เกดิ การเรียนรู้อยา่ งกวา้ งขวาง ลึกซง้ึ และตอ่ เนอื่ งตลอดเวลา การเทียบโอน สถานศึกษาต้องจัดให้มีการเทียบโอนผลการเรยี นหรือเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ของผูเ้ รยี น ให้เป็นส่วนหนึ่งของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยสถานศึกษาตอ้ งจัดทำระเบยี บหรือแนวปฏิบตั กิ ารเทียบโอนใหส้ อดคลอ้ งกับแนวทางการเทียบโอนที่ สำนกั งาน กศน. กำหนด
การวดั ผลและประเมนิ ผล การวัดและการประเมินผลการเรียน เป็นกระบวนการที่ให้ได้มาซึ่งข้อมูลสารสนเทศที่แสดงถึงการ พัฒนา ความก้าวหน้า ความสำเร็จ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน และข้อมูลที่จะเป็นประโยชนต์ ่อการ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและการเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ เกิดทักษะกระบวนการและค่านิยมที่พึง ประสงค์ ซ่ึงสถานศกึ ษาในฐานะเป็นผ้รู ับผิดชอบการจดั การศึกษา จะต้องจัดทำระเบยี บ และแนวทางปฏบิ ัติ ในการวดั และประเมินผลกาเรยี นของสถานศกึ ษา เพื่อใหบ้ ุคลากรท่ีเกย่ี วข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติร่วมกัน และเปน็ ไปในมาตรฐานเดยี วกนั 1. การวัดและประเมินผลรายวิชา เป็นการประเมินการเรียนรายวิชา สถานศึกษาต้องดำเนินการ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผูเ้ รยี น เพือ่ ให้ทราบว่าผู้เรียนมกี ้าวหน้าทั้งทางด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ อันเป็นผลเนื่องมาจากการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เพียงใด และต้องมีการประเมินผลรวม เพื่อทราบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ หรือไม่อย่างไร ดังนั้น การวัดและประเมนิ ผลจงึ ต้องใช้เคร่ืองมือละวิธกี ารที่หลากหลายให้สอดคล้องกับสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั 2. การประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการประเมินสิ่งที่ผู้เรียนปฏิบัติ เพื่อการพัฒนา ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม โดยพจิ ารณาท้งั เวลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏิบตั กิ จิ กรรม และผลจากการ ปฏิบตั ิกิจกรรมของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด 3. การประเมินคุณธรรม เป็นการประเมินสิ่งที่ต้องการปลูกฝังในตัวผู้เรียนปฏิบัติ โดยประเมิน จากกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งทางดานการพัฒนาตนเอง การพัฒนางาน การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิต การเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้รายวิชาต่างๆ และกิจกรรมในลักษณะอื่นๆท่ี สถานศกึ ษาจัดขน้ึ เพอ่ื เสริมสรา้ งคุณธรรมให้เกิดขน้ึ กบั ผู้เรียน 4. การประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนเข้ารับการ ประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ ในภาคเรียนสดุ ทา้ ยของทุกระดับการศึกษาในสาระการเรียนรู้ ที่สำนกั งาน กศน. กำหนดการประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติมวี ัตถุประสงค์เพื่อทราบผลการ เรียนของผู้เรียนสำหรับนำไปใช้ในการวางแผนปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบต่อไป การ ประเมนิ ดงั กลา่ วทผ่ี ลไดห้ รอื ตกของผเู้ รยี น
การจบหลักสตู ร ผจู้ บการศึกษาตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานพุทธศกั ราช 2551 ในแต่ ละระดบั การศกึ ษาตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารจบหลกั สตู รดงั นี้ 1. ผ่านการประเมินและไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากำหนด ทั้ง 5 สาระ การเรยี นรู้และได้ตามจำนวนหนว่ ยกิจที่กำหนดตามโครงสรา้ งหลกั สูตร 2. ผ่านกระบวนการประเมินกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิตไม่นอ้ ยกว่า 200 ชว่ั โมง 3. ผ่านกระบวนการประเมินคุณธรรม 4. เขา้ รับการประเมินคณุ ภาพการศกึ ษานอกระบบระดบั ชาติ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษาให้เป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด สถานศึกษาทุกแห่ง ต้องใช้เอกสารหลักฐานการศกึ ษาเหมอื นกัน เพอ่ื ประโยชน์ในการสอ่ื ความเข้าใจทตี่ รงกนั และการสง่ ต่อ ได้แก่ 1. ระเบียนแสดงผลการเรียน 2. หลักฐานแสดงวฒุ ิการศึกษา(ประกาศนียบัตร) 3. แบบรายงานผู้สำเรจ็ การศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษาอื่นๆ สถานศึกษาต้องพิจารณาจัดเพ่ือใช้ประกอบการจัดการศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตามที่เห็นสมควร เชน่ แบบประเมนิ ผลกิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต วิธีการสรา้ งหนว่ ยการเรยี นรแู้ บบบูรณาการ ขัน้ ท่ี 1 วเิ คราะห์สภาพปญั หาความตอ้ งการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน / ชมุ ชน สังคม ข้นั ที่ 2 จัดกลุ่มสภาพปัญหา ความต้องการของผเู้ รียนและตัง้ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 3 วิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบของหลกั สูตรและจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 4 วเิ คราะห์สาระและมาตรฐานของหลักสูตรในหมวดวชิ าที่ลงทะเบยี นเรยี น ขั้นท่ี 5 ดึงเนอื้ หาสาระที่คล้ายคลึงกันและสอดคล้องกับชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ ขั้นท่ี 6 คิดประเดน็ / ปัญหา จากเนอื้ หาสาระ ขั้นที่ 7 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 8 นำหน่วยการเรียนรู้ไปจัดทำแผนการเรียนรู้รายภาค อย่างน้อย 18 ครง้ั ข้ันที่ 9 สาระทีเ่ หลือจากการทำหน่วยการเรยี นรู้ นำมาจัดทำแผนการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง แผนการ เรียนรู้ด้วยการสอนเสรมิ แผนการเรียนรโู้ ดยการทำโครงงาน แผนการเรียนรูโ้ ดยการทำโครงการ ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: