Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ความรู้

องค์ความรู้

Published by ศักดิ์ชริน อาจหาญ, 2021-09-16 08:18:52

Description: องค์ความรู้

Search

Read the Text Version

แนวทางการจดั การเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 1 1. กรอบแนวคิด การจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รกุ Active Learning เป็นการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนทเ่ี น้นพัฒนากระบวนการ เรียนรู้ ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นประยกุ ตใ์ ช้ทกั ษะและเชอื่ มโยงองคค์ วามรู้ นาไปปฏิบตั ิ เพือ่ แก้ไขปัญหาหรือประกอบอาชีพใน อนาคต โดยมหี ลกั การจัดการเรยี นการสอนท่ี สง่ เสรมิ หรือกระตนุ้ ให้ผเู้ รยี นมสี ่วนรว่ มในช้ันเรียน มีปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ ง ครผู ู้สอนกับนักเรียน ดว้ ยเทคนคิ วธิ กี ารที่หลากหลายในการออกแบบกจิ รรมการสอนหรอื กิจกรรมต่างๆ ครูผูส้ อนมี บทบาทอานวยความสะดวกและจดั สภาพแวดลอ้ มท่เี อ้ือให้นกั เรยี นสร้างความรู้ด้วยตนเอง จนเกิดเปน็ การเรียนรู้อย่างมี ความหมาย (Meaningful Learning) ทงั้ นี้ กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ทาให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ให้อยู่คงทนได้มาก และนานกว่ากระบวนการเรียนรู้ Passive Learning เพราะกระบวนการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สอดคล้องกับ การทางานของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจา โดยสามารถเก็บและจาส่ิงท่ีผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์ กับ เพ่ือน ผู้สอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง จะสามารถเก็บจาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory) ทาให้ผลการเรียนรู้ ยังคงอยไู่ ดใ้ นปรมิ าณทม่ี ากกวา่ ระยะยาวกว่า ลักษณะของ Active Learning (อา้ งองิ จาก :ไชยยศ เรอื งสุวรรณ) - เป็นการเรยี นการสอนท่ีพฒั นาศักยภาพทางสมอง ไดแ้ ก่ การคิด การแกป้ ญั หา การนาความรไู้ ป ประยกุ ตใ์ ช้ - เป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนมีส่วนรว่ มในการเรยี นรู้ - ผเู้ รยี นสร้างองค์ความรู้และจัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง - ผ้เู รียนมสี ่วนรว่ มในการเรยี นการสอน มกี ารสรา้ งองค์ความรู้ การสรา้ งปฎิสัมพันธ์รว่ มกนั และรว่ มมือกนั มากกวา่ การแข่งขนั - ผ้เู รยี นได้เรียนรูค้ วามรบั ผิดชอบรว่ มกนั การมีวนิ ัยในการทางาน และการแบง่ หน้าทค่ี วามรับผดิ ชอบ - เป็นกระบวนการสรา้ งสถานการณใ์ ห้ผูเ้ รยี นอา่ น พูด ฟัง คดิ - เปน็ กจิ กรรมการเรียนการสอนเน้นทกั ษะการคิดขน้ั สูง - เปน็ กจิ กรรมท่ีเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนบูรณาการขอ้ มูล ข่าวสาร สารสนเทศ และหลักการสูก่ ารสร้างความคดิ รวบยอด - ผู้สอนจะเป็นผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ เพ่ือให้ผเู้ รียนเป็นผปู้ ฏิบตั ิด้วยตนเอง - ความรเู้ กดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรปุ ทบทวนของผ้เู รยี น บทบาทของครู กับ Active Learning ณัชนัน แกว้ ชยั เจริญกจิ (2550) - จดั ใหผ้ ู้เรยี นเปน็ ศูนยก์ ลางของการเรยี นการสอน กจิ กรรมต้องสะท้อนความตอ้ งการในการพัฒนาผเู้ รยี น และเนน้ การนาไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตจริงของผเู้ รียน

2 - สร้างบรรยากาศของการมสี ว่ นรว่ ม และการเจรจาโตต้ อบทส่ี ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนมีปฏสิ มั พนั ธ์ทีด่ ีกับผู้สอนและ เพื่อนในชัน้ เรยี น - จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหเ้ ป็นพลวัต สง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมในทกุ กจิ กรรมรวมทัง้ กระตนุ้ ให้ ผู้เรยี นประสบความสาเรจ็ ในการเรยี นรู้ - จัดสภาพการเรียนรแู้ บบรว่ มมอื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การรว่ มมือในกลุม่ ผู้เรียน - จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และใหโ้ อกาสผเู้ รยี นได้รับวธิ กี ารสอนท่ีหลากหลาย - วางแผนเกย่ี วกบั เวลาในจัดการเรยี นการสอนอย่างชดั เจน ทัง้ ในส่วนของเนอื้ หา และกจิ กรรม - ครูผู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออก และความคิดของผู้เรยี น 2. วัตถุประสงค์ของการนิเทศ 2.1 เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ เกย่ี วกบั การจัดการเรยี นร้แู บบเชิงรกุ Active Learning 2.2 เพอ่ื ให้สามารถนาการจัดการเรียนรู้แบบเชงิ รกุ Active Learning ไปใชใ้ นการจดั การเรยี นสอนใน ห้องชน้ั เรียนได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 3. ประเด็นการนเิ ทศ 3.1 การคน้ หาแนวทางการออกแบบการเรียนรู้ 3.1.1 การเลือกกิจกรรม รปู แบบ วิธกี ารทีส่ ง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นร้แู บบ Active Learning เพื่อ บรู ณการในแผนการเรยี นรู้สาหรบั ผ้เู รียน โดยใช้ ส่ือ เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นทห่ี ลากหลาย เพ่อื กระตุ้นผเู้ รียนอยา่ ง เหมาะสม รปู แบบ วธิ กี ารจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การจดั การเรยี นรู้ที่เน้นบทบาทและการมีสว่ นรว่ มของผู้เรียน (Active Learning) ครอบคลุมวธิ ี การจัดการเรยี นรหู้ ลากหลายวธิ ี เช่น - การเรยี นร้โู ดยใช้กจิ กรรมเป็นฐาน (Activity-Based Learning) - การเรยี นรเู้ ชงิ ประสบการณ์ (Experiential Learning) - การเรยี นรโู้ ดยใช้ปญั หาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) - การเรียนรู้โดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project-Based Learning) - การเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ทกั ษะกระบวนการคิด (Thinking Based Learning) - การเรยี นรู้การบริการ (Service Learning) - การเรยี นรจู้ ากการสืบค้น (Inquiry-Based Learning) - การเรียนรดู้ ้วยการค้นพบ (Discovery Learning) เป็นตน้ 3.1.2 การเสริมสร้างสมรรถนะและทักษะ ที่จาเปน็ สาหรบั ผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking) ผเู้ รยี นสามารถคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมลู สารสนเทศตา่ ง ๆ สามารถประเมนิ ผลและประยุกต์ใช้ขอ้ มูลสารสนเทศและความรูต้ า่ ง ๆ ได้อยา่ งมีเหตุมผี ล

3 ทกั ษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill) ผู้เรยี นสามารถทางานรว่ มกับผ้อู น่ื ได้อยา่ งมี ความสขุ มคี วามเปน็ ผู้นา เป็นผตู้ าม สามารถแสดงความคิดเหน็ และยอมรับความคิดเห็นของผู้อน่ื ได้อย่างเหมาะสม ทาให้ งานของสว่ นรวมประสบความสาเร็จ บรรลุเปา้ หมายทก่ี าหนดไวไ้ ด้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill) ผเู้ รียนสามารถส่ือสารกบั เพื่อน ครผู ู้สอน และบุคคล อืน่ ๆ ในการทางานร่วมกนั การสือ่ สารเพื่อแลกเปล่ยี นข้อมูลความรู้ ความคิดเหน็ ระหวา่ งกันได้ รวมถึงสามารถอธิบาย และนาเสนอขอ้ มลู ข่าวสารให้ผอู้ นื่ รับรู้โดยใช้ภาษาท่ีถูกต้องและสือ่ สารได้อยา่ งชดั เจน เข้าใจได้งา่ ย ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ผูเ้ รียนในศตวรรษท่ี 21 ตอ้ งมีความคิดสรา้ งสรรค์ ในการทางาน ในการเรยี นรู้ การประยุกต์ความรูไ้ ปใช้อย่างสร้างสรรค์ รวมถึงสามารถสร้างสรรค์ความร้ใู หม่ ส่ิงประดิษฐ์ เทคนิค วธิ กี าร และ/หรือกระบวนการตา่ ง ๆ ทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คมได้ ทักษะทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ (Digital Skill) ผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ต้องมคี วามรเู้ ก่ียวกบั การ ใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การค้นคว้า การเรียนรู้ การแลกเปล่ียน และการแบ่งปันความรู้ร่วมกับผูอ้ ่ืนได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม สามารถคดั กรองข้อมลู วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินข้อมูลได้อยา่ งเหมาะสม สามารถแก้ปญั หาทเี่ กีย่ วกับการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ มจี รยิ ธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ทาผดิ กฎหมายเกย่ี วกับการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร ทกั ษะทางอาชพี และการใช้ชีวิต (Career Skill & Life Skill) ได้แก่รู้จกั ปรับตัวเพื่อรับกับการ เปลย่ี นแปลงทง้ั บทบาทหน้าท่ี บรบิ ท สภาพแวดลอ้ ม และสถานภาพท่ีได้รบั มีความยดื หยุ่นในการทางานและการ ดารงชวี ิตมีความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์และเปน็ ผูน้ ามีความเปน็ ตัวของตวั เองทีม่ ีศกั ยภาพและความสามารถหลากหลาย สามารถทางานได้หลายหนา้ ท่ี และจัดสรรแบง่ เวลาได้เหมาะสมระหว่างการทางานและการใชช้ วี ิต รวมถึงสามารถจดั การ กับปญั หาตา่ ง ๆ ในท่ที างานและในการใช้ชีวิตได้อย่างมีเหตุมผี ลทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ มีภาวะผ้นู า และมีความรับผดิ ชอบประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นอยู่ในศีลธรรม จรรยา และยดึ ถือจรรยาบรรณในวิชาชพี ของตนอย่างเคร่งครัด 3.1.3 การวดั และประเมินผล • ทุกคนควรมโี อกาสในการประเมนิ เชน่ ครูประเมนิ ผเู้ รยี น ผู้เรยี น ประเมนิ เพ่ือน ผเู้ รยี นประเมิน ตนเอง • ควรใหผ้ เู้ รียนไดส้ ะท้อนประสบการณ์การเรียนรู้และนามาแลกเปล่ียนกัน • ผเู้ รียนควรไดร้ บั ผลปอ้ นกลับเพ่ือเกิดการพฒั นา • ควรใชว้ ธิ กี ารประเมินทห่ี ลากหลายวธิ แี ละเนน้ การปฏิบัตจิ รงิ • ควรมเี กณฑ์ในการวัดและประเมนิ ผลชัดเจน • การประเมินควรสอดคล้องกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ • ควรมวี ธิ กี ารประเมนิ ถูกต้องเหมาะสมกบั ทักษะทตี่ ้องการประเมิน • ผเู้ รยี นควรมีสว่ นร่วมในการกาหนดการวัดและประเมินผล • ควรมีแบบประเมนิ ตามกจิ กรรมที่กาหนด • ครคู วรสังเกตนักเรียนระหว่างทากจิ กรรม

4 3.2 การออกแบบหรอื การทาแผนการจัดการเรียนรู้ มขี ้นั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้ 1) กาหนดเปา้ หมายการเรยี นรู้ ตามท่ีกาหนดตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ดั หรือผลการเรยี นรู้ รวมท้ังสมรรถนะสาคัญ และคณุ ลกั ษณะอันพงั ประสงค์ทต่ี ้องการให้เกิดขนึ้ กับผเู้ รยี น 2) กาหนดร่องรอยหลักฐานการเรียนรู้ ทสี่ อดคลอ้ งกับเปา้ หมายการเรียนรู้ - ภาระงาน/ชิ้นงาน - การวัดและประเมนิ ผล 3) ออกแบบหรือทาแผนกิจกรรมการเรยี นรู้ ซึง่ เน้นกจิ กรรม 4 องค์ประกอบ ดงั น้ี 3.1) การแลกเปล่ียนประสบการณเ์ รียนรู้ หมายถึง การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ีกระต้นุ ให้ ผ้เู รียนดงึ ประสบการณเ์ ดมิ ของตนเองออกมาเช่ือมโยง หรอื อธบิ ายปญั หาใหม่ท่ีพบเพ่ือนาไปสู่การสรา้ งองค์ความรู้ หรือ ขอ้ สรปุ การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรยี นร้ปู ระสบการณ์นี้ ครูอาจใช้สอ่ื แผ่นใส วีดีทศั น์ สถานการณ์จาลอง ตั้ง คาถาม หรือส่อื กิจกรรมอนื่ ๆ ก็ได้ 3.2) การสรา้ งองค์ความรรู้ ว่ มกัน โดยการตง้ั ประเด็นปัญหาหรอื คาถามใหผ้ เู้ รยี นได้คดิ วเิ คราะห์ และสร้างสรรค์มวลประสบการณ์รว่ มกนั อาจใชค้ าถามหรือสถานการณจ์ าลองท่ที ้าทายอารมณ์ ความรสู้ กึ ของ ผ้เู รยี น เช่น ความรกั อมตะ มีจริงหรอื รักและเมตตา ตา่ งกันอย่างไร เป็นต้น 3.3) การนาเสนอความรู้ หมายถึง การหลอมรวมแนวคดิ ที่ได้จากการอภปิ รายกลุ่มเข้ากับ หลักการ ทฤษฎีท่คี รจู ดั เตรยี มให้ หรอื ค้นคว้ามาจากแหลง่ เรียนรู้ มาสังเคราะห์ภายในกลมุ่ ผู้เรยี นจนเกดิ ความเชือ่ ม่ัน ยอมรับว่าเปน็ ข้อเท็จจริง เชน่ การนาปญั หา โทษภยั จากการสบู บุหรี่หรอื สงิ่ เสพติดทุกชนดิ ล้วนเกดิ โทษภยั ตอ่ ตนเอง สังคม และประเทศชาติโดยรวมจนผ้เู รียนยอมรบั 3.4) การประยกุ ตใ์ ช้ นาเสนอหรอื ลงมอื ปฏิบัติ หมายถึง การนาเสนอความรูน้ น้ั ต่อกล่มุ ใน หอ้ งเรยี น การนาเสนอตอ่ สาธารณะในลักษณะ ป้ายนิเทศ ปา้ ยโฆษณา หรอื การเผยแพร่ทางสื่อมวลชน และหากผ้เู รยี น สามารถนาไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ เช่น การลด และเลิกการสบู บุหรสี่ ิ่งเสพติด เพราะตระหนักและเชือ่ ในสงิ่ ที่พบ ถือว่าเป็นผล การเรียนรทู้ ม่ี ีคุณค่าสงู สดุ 4. ข้ันตอนการนิเทศ 4.1 วางแผนการนเิ ทศ (Planning-P) ผูบ้ ริหาร ผู้นิเทศและผรู้ ับการนิเทศ ประชุมปรึกษาหารือเพ่ือ ใหไ้ ด้มาซ่งึ ปญั หาและความต้องการจาเป็นทจี่ ะต้องมกี ารนิเทศ รวมท้ังวางแผนถึงข้ันตอนการปฏิบตั งิ านเกย่ี วกบั การ จดั การเรยี นร้เู ชิงรกุ Active Learning 4.2 ให้ความรู้ในส่งิ ทีจ่ ะนิเทศ (Informing-I) เก่ยี วกับแนวทางการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุก Active Learning 4.3 ลงมือปฏบิ ตั งิ าน (Doing-D) ตามแนวทางการจัดการเรียนร้เู ชงิ รกุ Active Learning 4.3.1 ผู้รบั การนิเทศลงมือปฏิบัตงิ านตามความรคู้ วามสามารถทไี่ ดร้ ับมาจากดาเนินการในขนั้ ที่ 4.2 4.3.2 ผ้ใู ห้การนเิ ทศทาการนเิ ทศและควบคมุ คุณภาพให้งานสาเร็จออกมาตามทีป่ ระชุมไดร้ ่วม การวางแผนไว้

5 4.3.3 ผู้สนบั สนนุ การนเิ ทศ ผู้บริหารให้บรกิ ารสนับสนนุ ในเรือ่ งวัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเครอ่ื งใช้ ต่าง ๆ ท่ีจะชว่ ยใหก้ ารปฏบิ ัติงานเป็นไปอย่างไดผ้ ล 4.4 สร้างเสริมกาลังใจ (Reinforcing-R) เสรมิ กาลงั ใจให้ทั้งผบู้ ริหารและผู้รับการนเิ ทศมีความ มนั่ ใจ เกิดความพงึ พอใจการปฏิบตั ิงานขั้นน้อี าจจะดาเนินการไปพรอ้ ม ๆ กนั กบั ผู้ทีร่ บั การนิเทศกาลงั ปฏิบตั ิงานหรือการ ปฏิบัตงิ านได้เสรจ็ สนิ้ ลงไป แลว้ กไ็ ด้ 4.5 ประเมนิ การนเิ ทศ (Evaluating-E) ผู้นเิ ทศทาการประเมนิ ผลการดาเนนิ การว่าเปน็ อย่างไร หลงั จากการประเมนิ ผลการนิเทศ หากพบว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคอย่างหนึ่งอย่างใด ทที่ าให้การดาเนินงานไม่ไดผ้ ล ก็ สมควรจะต้องทาการปรบั ปรุงแกไ้ ข ซง่ึ การปรับปรงุ แก้ไขอาจจะทาไดโ้ ดยการให้ความรใู้ นส่งิ ทที่ าใหม่อีกครงั้ หนึ่ง ถา้ หาก การประเมินผลได้พบวา่ ประสบผลสาเร็จตามท่ไี ด้ตั้งไว้ หากจะดาเนินการนเิ ทศต่อไปกส็ ามารถทาไปได้เลยโดยไม่ต้องให้ ความร้ใู นเรื่องน้นั อีก 5. ส่อื /เครื่องมือในการนเิ ทศ 5.1 แบบ นเิ ทศ ตดิ ตาม การจัดทาหน่วยการเรยี นรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) 5.2 แบบนิเทศ ตดิ ตามการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) 5.3 แบบการสงั เกตชนั้ เรยี นการจดั การเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning)

องคป์ ระกอบของหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้เู รอื่ ง.......................................................................กลุ่มสาระ.......................................... รหัสวิชา/รายวชิ า..................................... ชั้น................................................... เวลาเรยี น.......................ช่วั โมง ภาคเรยี นท่ี .............................. 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชวี้ ัด (ถา้ เปน็ รายวิชาเพม่ิ เตมิ : ผลการเรยี นร้)ู 2. สาระสาคญั / ความคดิ รวบยอด (ต้องวเิ คราะห์หา คาสาคัญในตวั ช้วี ดั หรอื ผลการเรยี นรู้ วา่ ต้องการใหน้ กั เรยี นรู้อะไร ทาอะไรได้ แล้วทาการสงั เคราะห์ เป็นแกน่ ความรู/้ เรยี กวา่ (สาระสาคัญ)) 3. สาระการเรยี นรู้ - สาระแกนกลาง - สาระท้องถิน่ (ถ้าม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6. ชนิ้ งาน / ภาระงาน (กาหนดชนิ้ งานและภาระงานรวบยอดทเี่ ปน็ หลกั ฐานหรือร่องรอย เพื่อแสดงวา่ ผูเ้ รียนไดบ้ รรลุตามมาตรฐานตวั ช้ีวดั หรอื ผลการเรียนรู้ทร่ี ะบุไวใ้ นหน่วย สะท้อนให้เห็นระดับความรู้ ความเขา้ ใจ เจตคติ และความสามารถของผู้เรยี นแต่ ละคน) 7. การวดั และประเมินผล (ประกอบด้วยการประเมนิ ผลชิ้นงาน ภาระงานรวบยอด การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และการประเมินตนเองของผู้เรียน) 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ (ประกอบดว้ ยกจิ กรรมนาสู่การเรียน กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู้ และกิจกรรมรวบยอด หรอื ผสู้ อนอาจ จดั กจิ กรรม ตามรปู แบบทฤษฎีการเรียนรู้/ วธิ ีสอน /กระบวนการจัดการเรยี นร้/ู เทคนิคการสอน/เทคนคิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม ซ่ึงวิธีการดังกล่าวน้นั สามารถทาใหผ้ เู้ รียนบรรลุมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วัดที่ กาหนดไว้) 9. สื่อและแหลง่ เรียนรู้ (สื่อและแหลง่ เรียนรู้ต้องสอดคล้องและสง่ เสรมิ สนบั สนุนกจิ กรรมการเรยี นรู้) 10. เวลาเรียน / จานวนชัว่ โมง (เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ จะตอ้ งวเิ คราะหค์ วามเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรใู้ ห้ สอดคลอ้ งกับจานวนมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัดหรือผลการเรยี นรู้ทีป่ รากฏในหนว่ ยการเรียนรูจ้ ากโครงสรา้ งรายวิชา) หมายเหตุ ถ้าหน่วยการเรียนรเู้ ปน็ รายวิชาเพ่ิมเติม (มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด) จะเป็นผลการเรยี นรู

แบบบันทกึ การนเิ ทศ ติดตามการจดั ทาหนว่ ยการเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) ขอ้ รายการ บันทึกผลการนิเทศ ที่ 1. หนว่ ยการเรียนรู้ออกแบบได้ครอบคลมุ มาตรฐานฯ และตวั ชี้วัด หรอื ผลการเรียนรู้ 2. ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ กะทัดรดั ชดั เจน ครอบคลมุ เน้ือหาสาระ น่าสนใจ 3. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชว้ี ัดหรอื ผลการเรยี นรู้มีการเชื่อมโยงกนั อย่างเหมาะสม 4. ความสอดคล้องของสาระสาคัญ กับมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด หรือผลการเรียนรู้ 5. ความครอบคลุมของสาระสาคัญกบั ตัวชวี้ ดั หรือผลการเรยี นรูทง้ั หมด ของหน่วยการเรยี นรู้ 6. ชนิ้ งาน/ภาระงานสอดคล้องกับเปา้ หมายของหนว่ ยการเรียนรู้ 7. ความเหมาะสมของหลักฐานผลการเรียนร้กู ับเปา้ หมายของหน่วยฯ 8. ความครบถ้วนของสาระการเรยี นรกู้ บั ตัวชีว้ ัดหรือผลการเรียนรู้ 9. ความครบถว้ นของทักษะ/กระบวนการกบั ตัวชวี้ ดั หรือผลการเรยี นรู้ 10. ความครบถ้วนของคุณลักษณะกับตวั ชีว้ ัดหรอื ผลการเรยี นรู้ 11. ความเหมาะสมของการวดั และประเมนิ ตามสภาพจริง 12. กิจกรรมการเรียนรู้ สามารถทาให้ผเู้ รยี นมีความรู้ ทักษะ/กระบวนการ และคุณลักษณะครบตามตัวช้ีวดั ของหน่วยการเรยี นรู้ และเนน้ สมรรถนะสาคัญท่หี ลักสูตรแกนกลางกาหนด และมีออกแบบกิจกรรม เชิงรกุ ดงั น้ี - การออกแบบการเรยี นการสอนท่พี ัฒนาศกั ยภาพทางสมอง - เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ - ผูเ้ รยี นสร้างองคค์ วามรู้และจดั ระบบการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง - ผเู้ รยี นมีส่วนรว่ มในการเรยี นการสอน - มีการสร้างองคค์ วามรู้ การสร้างปฎสิ ัมพันธร์ ่วมกนั และรว่ มมือ กันมากกวา่ การแข่งขัน - ผู้เรยี นได้เรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวนิ ยั ในการทางาน และการแบง่ หน้าท่ีความรบั ผิดชอบ - เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณใ์ ห้ผเู้ รยี นอ่าน พดู ฟัง คิด - เปน็ กิจกรรมการเรียนการสอนเน้นทกั ษะการคดิ ขน้ั สูง - เปน็ กิจกรรมทเ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ และหลกั การสู่การสร้างความคดิ รวบยอด

- ผู้สอนจะเป็นผูอ้ านวยความสะดวกในการจดั การเรยี นรู้ เพื่อให้ ผเู้ รียนเปน็ ผ้ปู ฏิบัติดว้ ยตนเอง - ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ การสรา้ งองค์ความรู้ และการสรุป ทบทวนของผูเ้ รยี น 13. ความเหมาะสมของจานวนชว่ั โมง 14. ความเหมาะสมของสอ่ื อปุ กรณแ์ ละแหลง่ การเรียนรู้ 15. ความเหมาะสมของวธิ ีการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 16. ความเหมาะสมของเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 17. ความเหมาะสมของเกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 18. หน่วยการเรยี นรจู้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ได้ครอบคลุมเป้าหมายของ หนว่ ยฯ 19. หน่วยการเรยี นรู้จัดลาดับขัน้ ตอนการเรียนรใู้ ห้บรรลเุ ปา้ หมายได้ 20. หนว่ ยการเรยี นรสู้ ามารถนาไปจดั การเรยี นรใู้ ห้กบั ผ้เู รียนได้จรงิ องคป์ ระกอบของการเขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่.ี ..... กลมุ่ สาระการเรยี นรู้....................................รายวชิ า.................................................................................... รหสั วิชา.......................... ชนั้ ........................................................................................... หนว่ ยการเรยี นรู้ท.่ี ...................เร่อื ง..................................................................................เวลาเรยี น................ 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั หรอื ผลการเรียนรู้ - มาตรฐานการเรียนรู้ เขียนข้อความทง้ั หมด - ตวั ชวี้ ัด เขยี นขอ้ ความทงั้ หมด 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ต้องวเิ คราะหห์ า คาสาคญั ในตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ว่าตอ้ งการใหน้ กั เรียนรู้อะไร ทาอะไรได้ แลว้ ทาการสงั เคราะห์ เป็นแก่นความรู/้ เรียกว่า(สาระสาคญั ) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - การเขียนจุดประสงค์การเรยี นรูต้ ้องมาจากตัวชี้วดั หรือผลการเรยี นรู้ - การเขยี นจดุ ประสงค์การเรยี นรูร้ ะบุพฤติกรรมชัดเจน สามารถวัดได้ 4. สมรรถนะสาคญั - เลือกสมรรถนะท่สี อดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 5.คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (เลือกคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ทสี่ อดคล้องกับกจิ กรรมได้ออกแบบใหผ้ เู้ รยี นมี ซึ่งอาจไมค่ รบทัง้ ๘ ประการ )

6. กระบวนการจดั การเรียนรู้ - กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ประกอบด้วยกจิ กรรมนาส่กู ารเรยี น (ขัน้ นา) กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ (ข้ันสอน) และ กิจกรรมรวบยอด (ขน้ั สรปุ ) หรอื ผ้สู อนอาจจัดกจิ กรรมตามรปู แบบทฤษฎีการเรียนร้/ู วิธสี อน /กระบวนการจดั การ เรียนรู/้ เทคนิคการสอน/เทคนคิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม ซ่ึงวธิ ีการดงั กลา่ วนน้ั สามารถทาให้ผูเ้ รยี นบรรลมุ าตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวดั ท่กี าหนดไว)้ - การออกแบบการเรียนรเู้ พื่อให้ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรู้ ตามเปา้ หมายการเรยี นรู้ สามารถสรา้ งช้ินงาน/ภาระงานตามที่ กาหนด ซึ่งเปน็ ขน้ั ตอนสาคัญทจ่ี ะนาผู้เรยี นใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย และสะท้อนให้เหน็ วา่ ผู้เรยี นเกิดคณุ ภาพที่กาหนดไวต้ าม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐ - ทงั้ นี้การออกแบบกิจกรรมเปน็ การพฒั นาคุณลักษณะตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานกาหนด สมรรถนะ สาคัญ และมีคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ดว้ ย 7. การวดั และประเมินผล (ประกอบด้วยการประเมนิ ผลชนิ้ งาน ภาระงานรวบยอด การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ และการประเมนิ ตนเองของผเู้ รยี น) - การวดั และประเมินผลท่ีอย่ใู นกระบวนการจดั การเรยี นรู้ เป็นการประเมินเพ่ือการพัฒนา ซ่งึ ผู้สอนประเมินผลการ เรยี นรู้ตามตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรทู้ ่กี าหนดเปน็ เป้าหมายในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การซักถาม การ สังเกต การตรวจการบ้าน การแสดงออกในการปฎิบัตผิ ลงาน การแสดงกิรยิ าอาการตา่ งๆ ของผเู้ รียน โดยมี เกณฑต์ ่างๆที่ใชใ้ นพัฒนา 8. วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือ และแหล่งเรยี นรู้ - การกาหนดวสั ดุ อปุ กรณ์ สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้ที่สอดคลอ้ งกบั ตวั ชวี้ ดั และกิจกรรมการเรยี นรู้ 9.บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 3 ส่วน - ผลการจดั กิจกรรม - ปญั หาทพ่ี บ - ขอ้ เสนอแนะและแนวทาการแก้ปญั หา 10.ความคดิ เห็นของผบู้ ริหาร

แบบนเิ ทศ ติดตามการจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ (Active Learning) ท่ี รายการ บนั ทึกผลการนิเทศ 1. แผนการจดั การเรียนรู้สอดคล้องสัมพันธ์กบั หน่วยการเรยี นร้ทู ่กี าหนดไว้ 2 แผนการจดั การเรยี นรู้มีองคป์ ระกอบสาคญั ครบถ้วนร้อยรดั สมั พนั ธ์กนั 3 การเขยี นสาระสาคญั ในแผนถูกต้อง 4 จดุ ประสงค์การเรยี นรมู้ คี วามชดั เจนครอบคลุมเน้ือหาสาระ 5 จดุ ประสงค์การเรยี นรูพ้ ฒั นานักเรียนด้านความรู้ทักษะกระบวนการและ เจตคติ 6 จุดประสงค์การเรียนรเู้ รยี งลาดับพฤติกรรมจากงา่ ยไปยาก 7 กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะสมกับคาบเวลา 8 กิจกรรมการเรยี นรู้สอดคล้องกับจดุ ประสงคแ์ ละเน้ือหาสาระ 9 กจิ กรรมการเรยี นรู้สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์และระดับชนั้ ของนกั เรยี น 10 กจิ กรรมการเรยี นร้มู ีความหลากหลายและสามารถปฏบิ ัติได้จรงิ 11 กิจกรรมการเรยี นรเู้ ป็นกจิ กรรมทสี่ ง่ เสรมิ กระบวนการคิดของนักเรียน 12 กิจกรรมเนน้ ให้นักเรียนเรยี นรู้จากการปฏบิ ตั จิ รงิ 13 กิจกรรมการเรียนรูส้ อดคล้องแทรกคุณธรรมและคา่ นยิ มทีด่ ีงาม 14 วัสดอุ ุปกรณ์ สื่อและแหล่งเรียนรู้มคี วามหลากหลาย 15 วัสดุอุปกรณ์ สอื่ และแหล่งเรยี นรเู้ หมาะสมกับเนอ้ื หาสาระ 16 นักเรยี นไดใ้ ช้สอ่ื และแหลง่ เรยี นรูด้ ้วยตนเอง 17 นกั เรยี นทาชิ้นงานท่ีได้ใช้ความรู้ ความคิดมากกว่าการทาตามทีค่ รู กาหนดหรอื การทาแบบฝกึ หัดท่ัวไป 18 มกี ารวดั และประเมินผลทส่ี อดคล้องกับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 19 นกั เรยี นได้มีส่วนร่วมในการวดั และประเมนิ ผล

แบบสังเกตการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) ท่ี รายการนิเทศ บันทกึ การนิเทศการสอน ดา้ นครผู ูส้ อน 1 สร้างบรรยากาศการเรียนร้แู บบมสี ว่ นร่วม 2 สรา้ งแรงจูงใจจากตวั อย่าง เหตกุ ารณ์ และสถานการณท์ ี่ นา่ สนใจ 3 สร้างแรงจูงใจให้ผ้เู รยี นไดเ้ รยี นรูจ้ ากการลงมือปฏบิ ัติจรงิ 4 ฝึกใหม้ กี ารนาเสนอผลงาน และยอมรบั แนวคิดจากผู้อื่น 5 แบง่ กลมุ่ การทางาน หรือฝกึ ให้ทางานเปน็ ทีม 6 จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทส่ี อดคลอ้ งกับมาตรฐาน และตวั ชี้วัด หรือผลการเรยี นรู้ 7 สร้างแรงจูงใจ และแรงบนั ดาลใจแก่ผเู้ รยี น โดยการกาหนด โจทย์ เงือ่ นไข สถานการณ์ ท่ีน่าสนใจและท้าทาย 8 ฝกึ ใหผ้ ้เู รยี นได้ปฏิบตั งิ านจากสถานการณ์จาลองและ สถานการณจ์ รงิ 9 มีการวัดประเมินผลในรปู แบบที่หลากหลาย ทั้งก่อนเรยี น ระหวา่ งเรียน และหลงั เรียน 10 มกี ารประยุกต์ใชส้ ื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี กบั การจดั กิจกรรมเพอ่ื กระตุ้นความความสามารถและสรา้ งทักษะแก่ ผเู้ รยี น 11 ใจกว้าง ยอมรับในความสามารถ การแสดงออก และความ คิดเหน็ ของที่ผู้เรยี น 12 วางแผนเก่ียวกับเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรอู้ ยา่ ง ชดั เจน ท้งั ในสว่ นของเน้ือหา และกจิ กรรม ด้านผเู้ รียน 13 ผู้เรยี นสรา้ งองค์ความรู้และจัดระบบการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง 14 ผ้เู รยี นมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรียนการสอน 15 ผู้เรยี นมคี วามกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 16 ผู้เรียนมปี ฏิสมั พนั ธ์ทีด่ กี ับผ้สู อนและเพื่อนในช้ันเรยี น 17 ผู้เรียนกล้านาเสนอและแสดงความคดิ เห็น และโตแ้ ย้งอย่างมี เหตผุ ล 18 ผเู้ รียนมีความรับผิดชอบ สามารถทากิจกรรมจนสาเร็จลลุ ่วง 19 ผูเ้ รียนร่วมกนั จัดเก็บ ทาความสะอาดอุปกรณ์และสถานที่หลัง การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดา้ นกระบวนการ

20 เป็นกิจกรรมที่ใหผ้ ู้เรยี นมีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ 21 เปน็ กิจกรรมการเรยี นรู้ทเ่ี น้นใหผ้ ู้เรยี นฝกึ ทกั ษะการอ่าน การ ฟัง การพดู และการคิด เชน่ การคดิ วเิ คราะห์ คิดสงั เคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ 22 เปน็ กิจกรรมท่สี รา้ งสถานการณใ์ หผ้ ้เู รียนได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ 23 เปน็ กิจกรรมท่ีเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนบรู ณาการข้อมลู , ขา่ วสาร, สารสนเทศ, และหลกั การสู่การสรา้ งความคดิ รวบยอด 24 เปน็ กิจกรรมท่ีมีการสร้างองค์ความรู้ ทง้ั จากการปฏบิ ัติ จาก ประสบการณ์ และจากการสรุปทบทวนของผู้เรียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook