Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผลการดำเนินนวัตกรรมการอ่านออกเขียนได้_โรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่

รายงานผลการดำเนินนวัตกรรมการอ่านออกเขียนได้_โรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่

Published by Tanapat Issarangkul Na Ayutthaya, 2021-07-22 08:18:34

Description: รายงานผลการดำเนินนวัตกรรมการอ่านออกเขียนได้_โรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่

Search

Read the Text Version

รายงานผลการดําเนนิ นวัตกรรมการอ่านออก เขยี นไดค้ ิดเปนและกลา้ แสดงออก นวตั กรรม \"โรงเรยี นเล็กในโรงเรยี นใหญ่\" โรงเรยนราชประชานุเคราะห์ 31 อาํ เภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชียงใหม่ สังกัดสํานักบรหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ



1 บทที่ ๑ บทนำ ภมู หิ ลัง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานได้ตระหนักถึงภารกิจท่ีสำคัญในการพัฒนา ประชากร ของชาติให้เป็น “คนไทยในอนาคตจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการ ที่ดีรอบด้านและ มีสุขภาวะท่ีดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อ่ืน มัธยัสถ์ อด ออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษา ศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะท่ี จำเป็นในศตวรรษท่ี 21 มีทกั ษะสือ่ สาร ภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 และอนุรกั ษภ์ าษาท้องถิ่น มนี สิ ัย รักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง ตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทย ท่ีมีทักษะสูง เป็น นวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอ่ืน ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง” นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยทำการศึกษา วิเคราะห์ นโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของรัฐบาลจากยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) ซ่ึงจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติเพ่ือให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความม่ันคง มั่งค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” แผนพัฒนา เศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2565) ได้กำหนดทิศทางของแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในระยะ 5 ปี ด้านการศึกษาไว้ ดังน้ี 1) ให้มีการยกระดับคุณภาพ การศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียม และท่ัวถึง 2) การพัฒนาศักยภาพคนในทุกช่วงวัยให้ สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศ และ 3) การพัฒนาผลิต ภาพแรงงาน เป็นการสร้างความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนากำลังคนและแรงงาน แผนการ ศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ซึ่งแนวคิดการจัดการศึกษา โดยยึดหลักสำคัญในการจัดการศึกษา ประกอบด้วย หลักการจัดการศึกษาเพอื่ ปวงชน (Education for All) หลักการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและ ทั่วถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) และ หลักการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วนของสังคม (All for Education) อีกท้ังยึดตามเป้าหมายโลกเพื่อ การพัฒนาที่ย่ังยืน (Sustainable Development Goals: SDGs, 2030) ประเด็นภายในประเทศ (Local Issues) เช่น คุณภาพของคนทุกช่วงวัย การเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศ ความเหล่ือมล้ำของการกระจายรายได้ และวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม โดยนำยทุ ธศาสตร์ชาติ (National Strategy) และมุ่งพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 มีความเป็นเลิศ ด้านวิชาการ ดังนี้ 1) ร้อยละของผู้เรียนระดับปฐมวัย ได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และมีความพร้อมท่ีจะเข้ารับการศึกษาในระดับท่ีสูงข้ึน 2) ร้อยละของผู้เรียน ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานได้รับการพัฒนาร่างกายจิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มี พฒั นาการทดี่ ีรอบดา้ น 3) รอ้ ยละของผเู้ รียนที่อา่ นออกเขียนได้ คิดเลขเปน็ และมีนิสยั รักการอา่ น 4) ร้อยละของผู้เรียนที่มีทักษะการคิด วิเคราะห์ 5) ร้อยละของผู้เรียนที่ผ่านการประเมินสมรรถนะท่ี จำเป็นด้านการรเู้ รอ่ื งการอา่ น (Reading Literacy) 6) รอ้ ยละของผู้เรยี นทผ่ี า่ นการประเมนิ สมรรถนะ ทจ่ี ำเปน็ ด้านการรเู้ ร่ืองคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy)

2 7) ร้อยละของผู้เรียนท่ีผ่านการประเมินสมรรถนะท่ีจำเป็นด้านการรู้เร่ืองวิทยาศาสตร์(Scientific Literacy) 8) ร้อยละของผู้เรยี นทม่ี ีทกั ษะสอ่ื สารอังกฤษ และสื่อสารภาษาที่ 3 ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 9) ร้อยละของผู้เรียนท่ีมีทักษะด้าน Digital Literacy ในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 10) ร้อย ละของผู้เรียนท่ีมีความรู้และทักษะในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่11) ร้อยละของ ผู้เรียนท่ีมคี ะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขัน้ พื้นฐาน (O-NET) มากกว่าร้อยละ 50 ใน แต่ละวิชาเพิ่มขึ้นจากปีการศึกษาที่ผ่านมา 12) ร้อยละ 60 ของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมี สมรรถนะการเรียนรู้เรื่องการอ่านตั้งแต่ระดับขั้นพื้นฐานขึ้นไป (ระดับ 2) ตามแนวทางการประเมิน PISA13) ร้อยละ 80 ของผู้เรียนท้ังหมดได้รับการประเมินทักษะการคิดแก้ปัญหาตามแนวทางการ ประเมนิ PISA จากท่ีกล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันต้องอาศัยทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท่ีมีความเป็นเลิศ ต้องมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น คดิ วิเคราะหไ์ ด้และกล้าแสดงออก ดังนั้นภารกิจของครูก็คือการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียน เป็นสำคัญสอนให้นักเรียนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาท่ีเรียน คือ ครูต้อง เตรียมการสอนทั้งเน้ือหาและวิธีการ ต้องจัดสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศท่ีปลุกเร้าจูงใจ และเสริมแรง ใหผ้ ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้ เอาใจใสผ่ ู้เรียนเปน็ รายบคุ คล และแสดงความเมตตาตอ่ ผเู้ รียนอย่างท่ัวถงึ จัด กิจกรรมและสถานการณ์เพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงออกและคิดอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียน ฝกึ คิด ฝกึ ทำ และฝกึ ปรับปรุงตนเอง ส่งเสริมกิจกรรมแลกเปล่ยี นเรียนรจู้ ากกลุ่ม พรอ้ มท้งั สงั เกตสว่ น ดีและปรับปรุงสว่ นดอ้ ยของผู้เรียน ใช้สอื่ การสอนเพื่อฝึกการคิด การแก้ปัญหา และการคน้ พบความรู้ ใช้แหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เชื่อมประสบการณ์กับชีวิตจริง ฝึกฝนกิริยามารยาทและวินัยตามวิถี วัฒนธรรมไทย สังเกตและประเมินพัฒนาการของผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง (สำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาแหง่ ชาติ, 2543 : 29 -31) ดงั น้ันจะเห็นได้ว่าทักษะการเรียนรู้ในเร่ืองการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น คิดวิเคราะห์ได้ และกล้าแสดงน้ันมีความสำคัญและถือว่าเปน็ ปัญหาหลักท่ีเกิดข้นึ กับนกั เรยี นระดับชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1-6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากนักเรยี นส่วนใหญ่ เป็นชนชาติพันธ์ุชนเผ่า ประกอบกับนักเรียนท่ีเข้ามาเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ไม่ได้ผ่านการ เรียนในระดับปฐมวัยซึ่งเป็นระดับเตรียมการเรียนรู้ท่ีสำคัญ ทำให้การเรียนรู้ค่อนข้างช้าในระยะ เร่ิมแรก และหากอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ การดำเนินการในเร่ืองของการคิดเลขเป็นและคิดวิเคราะห์ก็ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อทักษะในเรื่องความกล้าแสดงออกและความเช่ือมั่นใน ตนเองของผูเ้ รียนด้วย จากปัญหาที่เกิดขึ้นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการสร้าง นวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1- 6 โดยใช้โมเดล การจดั การเรียนรู้ในรูปแบบโรงเรยี นเลก็ ในโรงเรยี นใหญ่ 3R2A เพ่ือแกไ้ ขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นคิดวิเคราะห์ได้และกล้าแสดงออก ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ทำให้การจัดการเรียนการสอน ในการแกป้ ัญหาข้างตน้ พัฒนาก้าวกระโดดในปีการศกึ ษา 2562 ที่ผา่ นมา

3 วตั ถุประสงค์การวจิ ัย 1. เพ่ือแก้ไขปัญหาการอา่ นออกเขยี นได้ คิดเลขเป็น คิดวเิ คราะห์ได้และกลา้ แสดงออกของ นักเรยี นระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 –6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 2. เพ่อื ยกผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นและยกระดับผลการทดสอบมาตรฐาน ระดับชาติ การประเมนิ ความสามารถดา้ นการอ่านของผู้เรยี นระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ความสามารถด้านภาษาไทยระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 และผลการ ทดสอบ O-net ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ประโยชนข์ องการวิจัย การศึกษาคร้งั นี้มีประโยชน์ดังนี้ 1. ประโยชนต์ อ่ นกั เรยี น ประกอบด้วย 1.1 มที ักษะการอ่านออกเขียนไดท้ ี่พฒั นาข้นึ 1.2 สามารถคดิ เลขเป็นและคดิ วิเคราะห์ตามสถานการณ์ต่างๆทหี่ ลากหลายและ สรา้ งสรรค์จินตนาการอย่างสมเหตุสมผลไดด้ ีข้ึน 1.3 มีความความกลา้ แสดงออกและเชอ่ื มน่ั ในตนเองสงู ข้ึน 1.4. พฒั นาผลการทดสอบในรดบั ชาติของระดับชัน้ ประถมศกึ ษาทส่ี ูงขน้ึ 2. ประโยชน์ต่อครู ประกอบด้วย 2.1 เกดิ ทกั ษะในกระบวนการเรียนการสอนเพื่อแกไ้ ขปญั หาการอา่ นออกเขยี นได้คิด เลขเปน็ คิดวเิ คราะหไ์ ด้และกล้าแสดงออก 2.2 ได้แลกเปล่ยี นเรียนร้กู ารทำ PLC ในกระบวนการสอนรว่ มกนั 2.3 เกิดสื่อ เคร่อื งมือ นวัตกรรมเพ่ือใช้การจดั การเรียนการสอนและการวิจยั ในช้ัน เรยี นที่มคี ณุ ภาพ ขอบเขตของการวจิ ัย การวจิ ัยคร้งั น้ผี ้วู จิ ยั มีการดำเนนิ การวจิ ัยภายใต้ข้อจำกดั ดงั นี้ 1. การวิจัยครั้งนี้ ดำเนินการสร้างนวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โดยใชโ้ มเดลการจัดการเรียนรูใ้ นรูปแบบโรงเรยี นเล็กในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นคิดวิเคราะห์ได้และกล้าแสดงออกโดยมีกลุ่ม ตวั อย่างที่ใช้ในกระบวนการวจิ ัยและพฒั นาเปน็ นกั เรียนระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่1-6 ของโรงเรยี นราช ประชานเุ คราะห์ 31 อำเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชยี งใหม่ สำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ จำนวน 87คน 2. ตัวแปรทีศ่ ึกษา 3.1 ตวั แปรอิสระ ได้แก่ นวัตกรรมการพฒั นาการจดั การเรียนการสอนนักเรยี น ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โดยใช้โมเดลการจดั การเรียนรใู้ นรปู แบบโรงเรียนเลก็ ในโรงเรยี นใหญ่ 3R2A เพ่ือแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คดิ เลขเป็นคิดวิเคราะหไ์ ดแ้ ละกล้าแสดงออก

4 3.2 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ 3.2.1 ผลการพฒั นาการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น คดิ วเิ คราะห์ได้และกลา้ แสดงออกของนักเรยี นระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 –6 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 3.2.2 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรยี น ผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติ การประเมินความสามารถด้านการอา่ นของผ้เู รียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ความสามารถด้าน คณิตศาสตร์ ความสามารถดา้ นภาษาไทยระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 และผลการทดสอบ O-net ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 นิยามศัพท์เฉพาะ 1. นวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้โมเดลการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนเล็ก ในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพ่ือแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นคิดวิเคราะห์ได้และกล้า แสดงออก ได้แก่ 3R คือ Reading-อ่านออก, (W)Riting-เขียนได้, (A)Rithenmatics-คิดเลขเป็น 2Aคอื Analytical-คิดวเิ คราะห์ Assertive-กล้าแสดงออก โดยReading-อ่านออก (W)Riting-เขยี น ได้ ดำเนนิ ด้วยกิจกรรม ครดู ีมีสระ ภาษาไทยวันละคำ อาขยานพาเพลนิ เล่าข่าวประจำวนั เขยี นตาม คำบอก มุมกล้องเล่าเร่ือง (A)Rithenmatics-คิดเลขเป็นได้ดำเนินกิจกรรม ปิงโกสูตรคูณ ตลาดนัด จัดเลข เกมคณิตคิดเร็ว Analytical-คิดวิเคราะห์ ได้ดำเนินกิจกรรม จำลอง ประลองคิด Class Project และAssertive-กลา้ แสดงออกไดด้ ำเนนิ กจิ กรรมภาษาวนั ละคำ คุยผา่ นกลอ้ ง ทีมAcademy 2. เกณฑ์ประสิทธิภาพ E1 / E2 หมายถึง ค่าตัวเลขท่ีใช้เพ่ือเป็นตัวบ่งชี้ถึงค่าของ ประสิทธิภาพของนวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1- 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31จงั หวัดเชยี งใหม่ ดังนี้ E1 หมายถงึ ร้อยละของการประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน การประเมิน ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน การประเมนิ ความกล้าแสดงออก(ทกั ษะการดำรงชวี ติ สนุ ทรียภาพ)และผล การทดสอบระดับชาติ RT NT O-net ปีการศึกษา 2561 E2 หมายถงึ ร้อยละของการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน การประเมิน ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน การประเมินความกลา้ แสดงออก(ทักษะการดำรงชีวติ สุนทรยี ภาพ)และผล การทดสอบระดับชาติ RT NT O-net ปกี ารศึกษา 2562

5 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยท่เี กยี่ วข้อง ในการวิจัยเรื่อง นวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 1- 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31จังหวดั เชยี งใหม่ โดยใชโ้ มเดลการจดั การเรยี น การสอนโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพ่ือแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นคิด วิเคราะห์ไดแ้ ละกล้าแสดงออก ผวู้ จิ ัยได้ศกึ ษาเอกสารและงานวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง ดังนี้ 1.นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2562 การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน มุ่งเน้นพัฒนาประชากรวัยเรียนทุกคนและทุกกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงหมาย รวมถึง กลุ่ม ผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ กลุ่มชาติพันธ์ุ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มที่อยู่ในพ้ืนที่ห่างไกล ทุรกันดาร ในทุกมิติโดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ผู้เรียนมีความรักในสถาบันหลักของชาติ ยึดม่ันการ ปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง เปน็ พลเมืองดขี องชาตแิ ละเปน็ พลโลกทด่ี ี มีคุณธรรม จริยธรรม มีทกั ษะที่จ าเปน็ ในศตวรรษที่ 21 มี ความเป็นเลิศทางวิชาการ มีทักษะวิชาชีพ และมี ทักษะชีวิตที่เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน โดยการพัฒนาระบบการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงใน ศตวรรษท่ี 21 โดยมีประเด็นกล ยุทธ์ดังนี้ 1) ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรทุกระดับการศึกษาให้เอ้ือต่อการพัฒนา สมรรถนะผู้เรียน เป็นรายบุคคล มีทักษะท่ีจำเป็นในศตวรรษท่ี 21 นำไปสู่การจัดการศึกษาเพื่อการมีงานทำ (Career Education) 2) พัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความรักในสถาบันหลักของชาติยึดม่ันการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข มีทัศนคตทิ ี่ดีต่อบ้านเมือง มีหลักคิดทีถ่ ูกตอ้ ง เป็น พลเมืองดีของชาติและเป็นพลเมืองโลกที่ดีมีคุณธรรม จริยธรรม 3) พัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ให้มี ทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 มีความเป็นเลิศด้านวิชาการ นำไปสู่การสร้างขีดความสามารถใน การแข่งขัน 4) พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะอาชีพและทักษะชีวิต มีสุขภาวะท่ีดีสามารถดำรงชีวิตอยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข 5) การจัดการศึกษาเพ่ือการบรรลุเป้าหมายโลกเพ่ือการพัฒนาอย่างย่ังยืน (SDGs) เพ่ือสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6) พัฒนาคุณภาพผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 7) นำ Digital Technology มาใช้ในการ จัดการเรียนรู้ให้แกผ่ ู้เรียนเป็นรายบุคคลตามสมรรถนะ ความต้องการ และความถนัด สร้างสังคมแห่ง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต และเป้าประสงค์ 1. ผู้เรียนทุกคนมีความรักในสถาบันหลักของ ชาติและยึดม่ันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติท่ี ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีหลักคิดที่ถูกต้องและเป็นพลเมืองดีของชาติและการพลเมืองโลกท่ีดี(Global Citizen) 2. ผู้เรียนทุกคนมีคุณธรรม จริยธรรม มีค่านิยมที่พึงประสงค์มีจิตสาธารณะรับผิดชอบต่อ สงั คมและผู้อ่ืน มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม 3. ผู้เรียนทุกคนได้รับการพัฒนา และสรา้ งเสริมศกั ยภาพในแต่ละช่วงวัยอยา่ งมีคุณภาพมีทักษะ ท่จี ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 มีความเป็น เลิศทางด้านวิชาการมีทักษะส่ือสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนา ตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชวี ิตและมที ักษะอาชีพตามความต้องการและความถนัด 4. ผู้เรยี นที่มีความ ต้องการจำเป็นพิเศษมีพัฒนาการตามศักยภาพของแต่ละบุคคลทั้งในด้านท่ีมีพัฒนาการปกติและด้าน

6 ท่ีมีความบกพร่องหรือความแตกต่างทางการเรียนรู้หรือความสามารถพิเศษตามที่ระบุไว้ในแผนการ จัดการศึกษาเฉพาะบุคคลหรือแผนการให้บริการช่วยเหลือเฉพาะครอบครัวซ่ึงจัดทำข้ึนบนพ้ืนฐาน ความต้องการจำเป็นเฉพาะของผู้เรียน 5. ผู้เรยี นท่ีมีความต้องการจำเป็นพิเศษมีความพร้อมสามารถ เขา้ สู่บรกิ ารช่วงเช่ือมต่อ (Transitional Services) หรอื การส่งต่อ (Referral) เข้าสู่การศึกษาในระดับ เดียวกันและท่ีสูงขึ้นหรือการอาชีพหรือการดำเนินชีวิตในสังคมได้ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล 6. ผู้เรียนทุกคนมีทักษะชีวิตมีสุขภาวะที่เหมาะสมตามวัยมีความเข้มแข็งอดทนและสามารถพ่ึงตนเองได้ ในสังคมอนาคตทีซ่ ับซ้อนและการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามรปู แบบใหมส่ ามารถป้องกันตนเองจาก ปัญหายาเสพติดได้ 3. ประเดน็ กลยทุ ธ์ 3.1 ปรับปรุง และพัฒนาหลักสตู รทุกระดับการศึกษา ใหเ้ อื้อ ต่อการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเป็นรายบุคคลมีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 นำไปสู่การจัด การศึกษาเพื่อการมีงานทำ(Career Education) 3.1.1 ตัวช้ีวัด (1) ร้อยละของสถานศึกษาพัฒนา หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานให้สอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 โดยเน้นการพัฒนา สมรรถนะผู้เรียนเป็นรายบุคค เพ่ือส่งเสริมให้ผเู้ รียนมีหลักคิดที่ถูกตอ้ งรักในสถาบนั หลักของชาติ และ ยดึ ม่ันการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงเป็นประมุข เปน็ พลเมืองดีของชาติ และพลเมืองโลกที่ดมี ีความเป็นเลิศ ทางด้านวิชาการ มีทักษะชีวิตและทักษะอาชีพตามความต้องการ และมีทักษะ ในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (2) ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการ พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของผู้เรยี นและพ้ืนที่ 3.1.2 แนวทางการดำ เนินการ (1) พฒั นาหลักสูตรระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ใหส้ อดคล้องกับทกั ษะการเรียนรู้ ในศตวรรษ ท่ี 21โดยเน้นการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพื่อสง่ เสริม ให้ผู้เรียนมีหลักคดิ ที่ถูกต้อง รัก ในสถาบันหลักของชาติ และยึดม่ันการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข และเป็นพลเมืองดี ของชาติและพลเมืองโลกทีดีมคี วามเป็นเลิศทางด้านวิชาการ มีทักษะชีวิต และทักษะอาชีพตามความต้องการได้และมีทักษะชีวิตในการป้องกันตนเอง จากภัยคุกคามรูปแบบ ใหม่ (2) ปรับปรุงหลักสูตรปฐมวัยเพ่ือให้เด็กได้รับการพัฒนา ทั้ง 4ด้าน สอดคล้องกับ ทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและ ปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนรู้ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนและบริบทของพื้นท่ี (4) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษา จัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลหรือ แผนการให้บริการ ช่วยเหลือเฉพาะครอบครัว ซ่ึงจัดทำขึ้นบนพ้ืนฐานความต้องการจำเป็นเฉพาะของผู้เรียนท่ีมีความ ต้องการจำเป็นพิเศษ หรือความสามารถพิเศษ 3.2 พัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีความรักในสถาบันหลัก ของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี ทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง มีหลักคิด ท่ีถูกต้อง เป็นพลเมืองดีของชาติและพลเมืองโลกท่ีดีมีคุณธรรม จริยธรรม 3.2.1 ตัวชี้วัด (1) ร้อยละของผู้เรียนที่มีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรักในสถาบันหลัก ของชาติ ยึดม่ันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (2) ร้อยละ ของผู้เรียนท่ีมีพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงการมีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมอื ง มีหลักคิดท่ีถูกต้อง เป็นพลเมือง ดีของชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม (3) ร้อยละของสถานศึกษาท่ีปรับปรุงหลักสูตร จัดบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม และจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนแสดงออกถึงความรักในสถาบันหลักของชาติ ยึดม่ัน การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง

7 มหี ลักคิดท่ีถูกต้อง เป็นพลเมืองดีของชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม (4) ร้อยละของสถานศึกษาท่ีน้อมนำ พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวง รัชกาลที่ 10 และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่ก าหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.2.2 แนว ทางการดำเนินการ (1) ส่งเสริม และสนับสนุนให้สถานศึกษาปรับปรุงหลักสูตรปรับปรุงหลกั สูตร จัด บรรยากาศส่ิงแวดล้อม และจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนแสดงออกถึง ความรักในสถาบันหลักของ ชาติ ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติที่ดีต่อ บ้านเมือง มีหลักคิดท่ีถูกต้อง เป็นพลเมืองดีของชาติ และพลเมืองโลกท่ีดี มีคุณธรรม จริยธรรม (2) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของ ในหลวงรัชกาลท่ี 10 และห ลักปรัชญ าของเศรษฐกิจพอเพี ยงไป บูรณ าการจัดกิจกรรมการเรียน รู้เพื่ อพั ฒ น าผู้เ รียนมี คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกำหนด 3.3 พัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ให้มีทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 มีความเป็นเลิศ ด้านวิชาการนำไปสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน 3.3.1 ตัวช้ีวัด (1) ด้านผู้เรียน 1) ร้อยละของผู้เรียนระดับปฐมวัย ได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และมีความพร้อมท่ีจะเข้ารับการศึกษา ในระดับที่สูงข้ึน 2) ร้อย ละของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน 3) ร้อยละของผู้เรียนที่อ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น และมีนิสัย รักการอ่าน 4) ร้อยละของผู้เรียนที่มีทักษะการคิด วิเคราะห์ 5) รอ้ ยละของผเู้ รียนท่ีผ่านการประเมิน สมรรถนะที่จ าเป็นด้านการรู้เร่ือง การอ่าน (Reading Literacy) 6) ร้อยละของผู้เรียนที่ผ่านการ ประเมินสมรรถนะท่ีจำเป็นด้านการรู้เร่ือง คณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) 7) ร้อยละของ ผู้เรียนท่ีผ่านการประเมินสมรรถนะที่จำเป็นด้านการรู้เร่ือง วิทยาศาสตร์(Scientific Literacy) 8) ร้อยละของผู้เรยี นที่มีทักษะส่อื สารอังกฤษ และสื่อสารภาษาท่ี 3 ได้อย่าง มีประสทิ ธิภาพ 9) ร้อย ละของผู้เรียนท่ีมีทักษะด้าน Digital Literacy ในการเรียนรไู้ ด้อย่าง มีประสิทธิภาพ 10) ร้อยละของ ผูเ้ รียนท่ีมีความรู้ และทักษะในการป้องกันตนเองจากภัย คุกคามรูปแบบใหม่ 11) ร้อยละของผู้เรียน ทีม่ ีคะแนนผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ ขั้นพ้นื ฐาน (O-NET) มากกว่าร้อยละ 50 ในแต่ละ วิชาเพ่ิมขึ้นจาก ปีการศึกษาที่ผ่านมา 12) ร้อยละ 60 ของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมี สมรรถนะการเรียนรู้ เรื่องการอ่านต้ังแต่ระดับข้ันพ้ืนฐานขึ้นไป (ระดับ 2) ตามแนวทางการ ประเมิน PISA 13) ร้อยละ 80 ของผู้เรียนทั้งหมดได้รับการประเมินทักษะการคิดแก้ปัญหา ตามแนวทางการ ประเมิน PISA (2) ด้านสถานศึกษา 1) ร้อยละของสถานศึกษาจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่าน กจิ กรรม การปฏิบัติจรงิ (Active Learning) 2) ร้อยละของสถานศกึ ษาที่มกี ารจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรยี น ในลักษณะของ STEM ศึกษา 3) ร้อยละของสถานศึกษาที่การจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการ 5 ขนั้ ตอน หรือบันได 5 ข้ัน (IS: Independent Study) 4) ร้อยละของสถานศึกษาที่จัดการเรียนรู้และ บรรยากาศส่ิงแวดล้อม ที่ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และฝึกทักษะด้านภาษาอังกฤษ และ ภาษาท่ี 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.3.2 แนวทางการดำเนินการ (1) พัฒนาผู้เรียนระดับปฐมวัยมี ความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา เพ่ือที่จะเข้ารับการพัฒนาการเรียนรู้ในระดับที่ สูงขึ้น (2) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดสภาพแวดล้อมท้ังในและนอกห้องเรียนให้ เอ้ือต่อการ พัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย (3) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ระดับปฐมวัยใน

8 รปู แบบท่ีหลากหลาย (4) ส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครองเก่ียวกับการเล้ียงดู เด็ก ปฐมวัยท่ีถูกต้องตามหลักจิตวิทยาพัฒนาการ (5) จัดให้มีโรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษา ปฐมวัย ให้สามารถพัฒนาเดก็ ก่อน ประถมให้มีพัฒนาการความพร้อม เพื่อเตรียมตัวไปสู่การเรียนรใู้ น ศตวรรษที่ 21 (6) พัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเน้นการพัฒนาสมรรถนะที่จ าเป็น 3 ด้าน 1) การรู้เรื่องการอ่าน (Reading Literacy) 2) การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) 3) การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์(Scientific Literacy) (7) พัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะด้าน ดิจิทัล (Digital Competence) และ สมรรถนะด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 3 (8) มี ความรู้ และทักษะในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (9) ส่งเสริม สนับสนุนให้ สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ท่ีให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่าน กิจกรรมการปฏิบัติจริง (Active Learning) (10) ส่งเสริม สนับสนุนสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนในลักษณะของ STEM ศึกษา (11) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการ 5 ขั้นตอน หรือบันได 5 ขั้น (IS: Independent Study) (12) ส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบมุ่งเน้นการใช้ ฐานความรู้ และระบบความคดิ ในลกั ษณะสหวิทยาการ เช่น 1) ความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ ละการตั้งคำ ถาม 2) ความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3) ความรู้ทางวิศวกรรม และการคิดเพ่ือ หาทางแก้ปัญหา 4) ความรู้และทักษะในด้านศิลปะ 5) ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ และระบบคิดของ เหตุผลและการหาความสัมพันธ์ (13) ส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาประเมินสมรรถนะตามแนว ทางการประเมิน PISA ด้วยระบบการสอบ แบบ Online ให้กับผู้เรียนทุกคนตั้งแต่ระดับช้ัน ประถมศึกษาตอนปลาย จนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น (14) ส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในทางการ ประเมินทักษะการคิดแก้ปัญหาตาม แนวทางการประเมิน PISA ให้แก่ศึกษานิเทศก์และครูผู้สอน (15) ให้บริการเคร่ืองมือการวัดและประเมินอิงสมรรถนะตามแนวทางการ ประเมินผลผู้เรียนร่วมกับ นานาชาติ (PISA) ด้วยระบบ Online Testing (16) ส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดหลักสูตรและแผนการ เรียนน าไปสู่ความเป็นเลิศ ในแต่ละด้าน (17) ส่งเสริมผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ ด้านศิลปะ ดนตรแี ละกฬี าโดยจัดเป็น ห้องเรียนเฉพาะด้าน (18) พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนตามความถนัด และ เป็นนวัตกร ผู้สร้างนวัตกรรม 3.4 พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะอาชีพและทักษะชีวิต มีสุขภาวะที่ดี สามารถด ารงชีวิตอยู่ใน สังคมได้อย่างมีความสุข 3.4.1 ตัวชี้วัด (1) ร้อยละของผู้เรียน มีID plan และ Portfolio เพ่ือการศึกษาต่อและการ ประกอบอาชีพ (2) ร้อยละของสถานศึกษาทจ่ี ัดการเรียนรู้ และบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่เอ้ือต่อ การพัฒนาทักษะอาชีพตามความถนัด (3) ร้อยละของผู้เรียนที่มี สุขภาวะท่ีดีทุกช่วงวัย (4) ร้อยละของสถานศึกษาที่มีระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาในสถานศึกษา 3.4.2 แนวทางการดำเนินการ (1) สร้างกลไกของระบบแนะแนวทางการศึกษาเพื่อส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ อิงสมรรถนะและเตรียมความพร้อมสู่การประกอบสัมมาอาชีพ (2) พัฒนา รายวิชาท่ีส่งเสริมการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ (3) ส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดหลักสูตรทักษะ อาชพี ควบคู่กับวชิ าสามัญ เชน่ ทวศิ กึ ษาหลักสูตรระยะสัน้ (4) ส่งเสริมสนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษาจดั การ เรียนรู้แก่ผู้เรียนตามความสนใจ ในทักษะอาชีพที่ตนเองถนัด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ ตลาดแรงงาน และการพัฒนาประเทศ (5) ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้รับประทานอาหารตามหลัก โภชนาการ และ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของอนามัย (6) ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาด้าน

9 อารมณ์ และสังคม (Social and Emotional Learning : SEL) ในทกุ ช่วงวัย (7) สถานศึกษามีระบบ การป้องกนั และแก้ไขปัญหาในสถานศึกษา 3.5 การจัดการศึกษาเพื่อการบรรลเุ ป้าหมายโลกเพอ่ื การ พฒั นาอย่างยั่งยนื (SDGs) เพื่อ สร้างเสริมคุณภาพชวี ิตท่ีเป็นมิตรกับสงิ่ แวดล้อม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 3.5.1 ตัวชี้วัด (1) รอ้ ยละของผเู้ รียนท่ีมีพฤติกรรมแสดงออกถึงการด าเนนิ ชีวิตที่ เป็นมิตรกับ ส่ิงแวดล้อม และการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) ร้อยละของ สถานศึกษาท่ีมีการจัดสภาพแวดล้อมท่ีสอดคล้องกับมาตรฐาน สิ่งแวดล้อม สงั คม และเศรษฐกิจ เพ่ือ การพัฒนาท่ียั่งยืน (Environmental Education Sustainable Development: EESD) (3) ทุก สถานศึกษาจัดการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโลก เพื่อการพัฒนา อย่างย่ังยืน (Global Goals for Sustainable Development) 3.5.2 แนวทางการด าเนินการ (1) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษา จัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรียนตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) ส่งเสริม สนับสนุนให้ สถานศึกษาการจัดการศึกษาเป้าหมายโลกเพื่อ การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Global Goals for Sustainable Development) (3) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาและหน่วยงานทุกสังกัดจัด สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับหลัก Zero waste และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม เพ่ือ การพัฒนาท่ีย่ังยืน(Environmental EducationSustainable Development: EESD) (4) ส่งเสริม สนับสนนุ ให้สถานศกึ ษาจัดกจิ กรรมการอนุรักษส์ ง่ิ แวดล้อม และการ ประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงอย่างต่อเนื่อง 3.6 พัฒนาคุณภาพผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ 3.6.1 ตัวชี้วัด (1) ร้อยละของผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ มีคุณภาพตามมาตรฐาน การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ของแต่ละระดับ (2) ร้อยละของผู้เรียนท่ีมีความต้องการจ าเป็นพิเศษ ได้รับการพัฒนาด้านทักษะ อาชีพ ทักษะการดำรงชีวิต มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และมีจิตสาธารณะ (3) ร้อยละของผู้เรียนท่ีมีความ ต้องการจำเป็นพิเศษ ได้รับการส่งเสริมให้มี ความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ อาทิ ดนตรี กีฬา ศิลปะ และเทคโนโลยีเป็นต้น 3.6.2 แนวทางการด าเนินการ (1) ให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (Early Intervention: EI) ที่ศูนย์การศึกษา พิเศษ หน่วยบริการและท่ีบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ (2) ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนท่ีมีความต้องการจำเป็นพิเศษด้วยระบบและ รปู แบบที่หลากหลาย (3) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาในโรงเรียนเรียนรวมและศูนย์การเรียน เฉพาะความพกิ าร (4) ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการวัดและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (5) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาทักษะการอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคิดคำนวณ การคิด วเิ คราะห์ และการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ (6) ส่งเสรมิ สนบั สนุน การจัดการเรยี นการสอนเพ่ือพัฒนา ทักษะอาชีพ ทักษะการดำรงชีวิต ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จิตสาธารณะและการดำรงชีวิตที่เป็น มิตรกับส่ิงแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (7) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนตามโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชด าริฯ (8) ส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้เรียนมที ัศนคติที่ถูกต้อง ต่อการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (9) ส่งเสริม สนับสนุน การใช้สื่อเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารอย่าง ถูกต้อง เหมาะสม และสร้างสรรค์ (10) ส่งเสริม สนับสนุน เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความ ช่วยเหลืออ่ืนใด ทางการศึกษา (11) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ท่ีมคี วามสามารถ พเิ ศษ ในด้านวิชาการ ดนตรี กีฬา ศิลปะ และอื่นๆ เพื่อยกระดับสู่ความเป็น เลิศพร้อมก้าวสู่สากล

10 (12) ส่งเสริม สนับสนุนการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการเรียน การสอน (13) จัดให้มีระบบการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลการจัดการศึกษาเชงิ บูรณาการ (14) จดั ให้มี กลุ่มงานระบบประกันคุณภาพในสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เพ่ือส่งเสริม สนับสนุนให้ สถานศึกษามีระบบประกันคุณภาพภายในท่ีเข้มแข็ง (15) ส่งเสริม สนับสนุนให้หน่วยงานและ สถานศึกษาจัดทำ รวบรวม ผลิต พัฒนา และเผยแพร่ สื่อ นวัตกรรม งานวิจัยทางการศึกษา (16) สำรวจสภาพอาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษา จัดทำผังบริเวณ จัดทำแบบรูปและ รายการส่ิงก่อสร้าง (17) ส่งเสริม สนับสนุนให้มีแนวทางปฏิบัติ และมาตรการรักษาความปลอดภัย ของ สถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ (18) ส่งเสริม สนับสนุนให้เครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพและ กลุ่มสถานศึกษา ขับเคล่ือนการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ (19) ส่งเสริม สนับสนุน การ ดำเนินงานของคณะอนุกรรรมการส่งเสริมการจัด การศึกษาสำหรับคนพิการจังหวัด (20) ส่งเสริม สนับสนุนสถานศึกษาร่วมมือกับผปู้ กครอง ชุมชน และองค์กร ปกครองในพน้ื ท่ี พัฒนาระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียนและระบบแนะแนว ให้มีประสิทธิภาพ (21) ส่งเสริม สนับสนุนการจัด สภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัด การศึกษา 3.7 ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษา นำ Digital Technology มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้แก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามสมรรถนะ ความ ต้องการ และความถนัด สร้างสังคม ฐานความรู้(Knowledge-Based Society) เพ่ือการเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่องตลอดชีวิต 3.7.1 ตัวช้ีวัด (1) ร้อยละของผู้เรียนท่ีเรียนรู้ผ่าน Digital Platform (2) ร้อยละ ของสถานศึกษาที่จัดการเรียนรู้เพื่อให้พัฒนาตนเองผ่าน Digital Platform 3.7.2 แนวทางการ ดำเนินการ (1) พัฒนาระบบคลังข้อมูล องค์ความรู้ เพื่อให้บริการ Digital Textbook ตาม เนื้อหา หลักสูตรที่กับหนด ส่ือ วิดีโอ และองค์ความรู้ประเภทต่าง ๆ และ ให้บริการแก่ผู้เรียนให้การพัฒนา ตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (2) พฒั นา Digital Platform เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรียน เป็นรายบุคคล (3) สถานศึกษาสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองผ่าน Digital Platform ความเป็นมานโยบายการอา่ นออกเขียนได้ ปัญหาการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ของเด็กไทยนับวันจะถึงระดับขั้นท่ีน่าเป็นห่วงมาก ยิ่งข้ึน ซ่ึงตา่ งคนตา่ งคิด ต่างคนต่างมอง และวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า สาเหตุของปัญหาน้ันมีต้น ตอมาจากโน่น นี่ น่ันมากมาย บ้างก็บอกมาจากตัวเด็กเองท่ีขาดความสนใจใฝ่เรียนรู้ อาจจะ เนื่องมาจากส่ือและสิ่งแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไป บ้างก็บอกปัญหาน้ันมาจากครูผู้สอนในระดับ ประถมศึกษาท่ีสอนไม่เป็น ไม่มีหลักการ ขาดเทคนิควิธีการสอนท่ีน่าสนใจ เน่ืองจากไม่ได้จบตรง วิชาเอกภาษาไทย บ้างก็บอกครูผู้สอนไม่สนใจงานสอน ปล่อยปละละเลยเด็ก บ้างกบ็ อกโรงเรียนไม่มี ระบบรองรับที่จะช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาด้านการอ่านออกเขียนได้โดยเฉพาะ บ้างก็บอกหนังสือ เรยี นและส่ือการเรยี นรภู้ าษาไทยที่ยงั ไมด่ ีเท่าที่ควร บ้างก็บอกพ่อแมผ่ ู้ปกครองไม่มเี วลาใส่ใจดูแลบตุ ร หลานให้อ่านหนังสือหรือทำการบ้าน ซึ่งเหล่าน้ีเป็นการมองต่างมุมและคิดต่างมิติตามประสบการณ์ ของแต่ละคนน่ันเอง แต่สิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ น่ันคือ การอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนไม่ได้ของ นกั เรยี นน้ันถือเป็นปัญหาสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติคุณภาพการศกึ ษาของประเทศ ซ่ึงปจั จุบันยัง มีนักเรยี นท่ีมปี ัญหาอ่านไม่ออกและเขียนไมไ่ ด้อยู่อีกเปน็ จำนวนมาก เชอื่ วา่ ทุกท่านคงเห็นพอ้ งต้องกัน

11 ว่าการอ่านออกเขียนไดน้ ั้นถือว่าเป็นพื้นฐานและหัวใจสำคัญในการเรียนรู้ในทุกๆ วิชา ซึ่งหากเด็กคน ใดอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ยอ่ มเป็นอปุ สรรคสำคัญย่งิ ตอ่ การพัฒนาตนเอง และส่งผลถึงการเรียนรใู้ นวิชา อ่ืนๆ ให้มีปัญหาตามไปด้วย สิ่งท่ีต้องคิดและลงมือทำอย่างเร่งด่วน นั่นคือ ทำอย่างไรที่จะให้เด็กทุก คนท่ีอยู่ในระบบการศึกษาสามารถอ่านออกเขียนได้ มีความเข้าใจในส่ิงท่ีอ่านและเขียน ซ่ึงเป็นหัวใจ สำของการศกึ ษาในระดับข้ันพ้ืนฐาน เม่ือช่วงต้นปีทีผ่ ่านมาเราได้เห็นกระทรวงศกึ ษาธิการ นำโดย พล เรอื เอก ณรงค์ พิพัฒนาศยั รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ ไดป้ ระกาศนโยบาย “ปี 2558 เป็นปี ปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้” ท่ีกำหนดจุดมุ่งหมายสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของชาติ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้สามารถคิดวิเคราะห์ เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลัก ค่านิยม 12 ประการ และมีทักษะท่ีจำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตาม ในการพัฒนา คุณลักษณะของผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมายได้น้ัน ประเด็นสำคัญในเบ้ืองต้นที่ต้องให้ความสำคัญ คือ “การอ่านออกเขียนได้” เพราะถือว่าเป็นหัวใจสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและน าไปสู่การเรียนรู้ ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป ด้วยนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญต่อ การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของนักเรียนต้ังแต่วัย เร่ิมเรียน น่ันคือ การประกาศให้ปี การศึกษา 2558 “เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อจบ ป.1 ต้องอ่านออกเขียนได้ และมี มาตรการประเมินผลให้เป็นรูปธรรม” เพื่อนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติท่ีเป็นรูปธรรมท่ีชัดเจนตาม เจตนารมณข์ องรัฐบาลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน (สพฐ.) ซ่ึงเป็นหนว่ ยงานหลักใน การจัดการศึกษา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เร่งรัด และพัฒนาการจัดการศึกษาของทุกภาคส่วนท่ี เกี่ยวข้อง ได้เน้นคุณภาพผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยก าหนดเป้าหมายให้นักเรียนทุกระดับช้ันอ่านออก เขยี นได้ อ่านคลอ่ งเขียนคลอ่ งและส่ือสารได้ เพ่อื เป็นการวางรากฐานสำคัญในการเรียนรู้ในระดบั ชั้นท่ี สูงข้ึน ท้ังน้ี เห็นว่าวิธีการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องปรับ โครงสร้างการบริหารจัดการ ตั้งแต่สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน จัดบรรยากาศการเรียนการสอนที่ กระต้นุ ใหน้ ักเรียนสนใจใครเ่ รียนรู้ รวมถงึ การใช้สอ่ื นวตั กรรม และวิธีจัดการเรียนการสอนของครูดว้ ย จึงได้ดำเนินโครงการ “พลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี”การดำเนินโครงการมี เป้าหมายให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องร่วมกันตระหนักและรับผิดชอบการด าเนินงานตามนโยบาย โดย การคัดเลือกโรงเรียนแกนน าพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี ตามแนวทางการ พัฒนาการทางสมอง (Brain - Based - Learning) ร้อยละ 6 ของจำนวนโรงเรียนในแต่ละเขตพ้ืนที่ การศึกษาซึ่งกำหนดเกณฑ์ว่าต้องเป็นโรงเรียนที่ต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการและพร้อมท่ีจะ ดำเนินการตามแนวทางท่ีกำหนด ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่จะ ปรับเปลยี่ นโรงเรียนตามแนวทางพัฒนาการทางสมอง อยา่ งไม่มเี ง่อื นไข และขยายผลการด าเนนิ งาน ให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนในเขตพ้ืนที่การศึกษาสำหรับกิจกรรมการด าเนินงานมที ั้งการอบรมวทิ ยากร แกนนำการอบรมทางไกล ผ่านระบบ DLTV และ DLIT มีการติดตามประเมินผล และการส่งเสริม สนับสนนุ งบประมาณ ส่ือและอปุ กรณ์ทจ่ี ะดำเนินการตามแนวทางพลกิ โฉมโรงเรยี นสำหรับการอบรม วิทยากรแกนนำพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปีนั้น กำหนดจัดประชุม 4 ภูมิภาค 5 จุด ครอบคลมุ ทวั่ ประเทศ เป็นการอบรมการจดั การเรยี นรู้โดยใช้แนวทางพัฒนาการทางสมอง และ จัดนิทรรศการ “กุญแจ 5 ดอก สู่การพลิกโฉมโรงเรียน” ได้แก่ สนามเด็กเล่น ห้องเรียนเปลี่ยนสมอง

12 พลิกกระบวนการเรียนรู้ หนังสือเรียนและใบงาน สื่อและนวัตกรรมการเรียนรู้ “สำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาประถมศึกษาและโรงเรียนดำเนินการพฒั นานกั เรยี น ป.1 ทุกคน ให้อา่ นออกเขียนได้เม่ือจบ ปีการศึกษา และโรงเรียนแกนนำพลิกโฉมโรงเรียน ป.1 อ่านออกเขียนได้ใน 1 ปี สามารถขยายผลได้ ครอบคลุมในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา” นั่นคือเป้าหมายความสำเร็จของโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การพลิกโฉมโรงเรียนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ซ่ึงผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคนจ าเป็นต้อง เปลี่ยนความคิดและจับมือก้าวเดินไปพร้อมกัน ด้วยแรงขับเคลื่อนสร้างพลังความร่วมมือจากภาคี เครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อน าไปสู่ความสำเร็จ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้น้ีจะสามารถ ขจัดปัญหาเด็กไทยอา่ นหนังสือไม่ออกและเขยี นไม่ได้ให้หมดตอ่ มาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศจุดเน้นสำคัญท่ีเก่ียวเน่ืองกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของปี การศึกษา 2560 ไว้ 2 ประการ คือ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 3 และนักเรยี นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกคนต้องอ่านออกเขียนได้ ส่วนระดับชั้นประถมศึกษาปี ท่ี 2 ข้นึ ไปอา่ นคล่องเขยี นคลอ่ งโครงการอบรมครูสอนภาษาไทยระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 เรื่องการ สอนแจกลกู สะกดคำ เพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอนภาษาไทยปี 2560 โดยการจัด 3 กิจกรรม ไดแ้ ก่ กิจกรรมการอบรมครสู อนภาษาไทยระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เรือ่ งการสอนแจกลกู สะกดคำ กจิ กรรมการอบรมครสู อนภาษาไทยระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 ด้านการออกแบบทดสอบตามแนว ปิซา (PISA) และกิจกรรมการนิเทศติดตามผลการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้ อ่านออกเขียนได้ อ่านคล่องเขียนคล่องการดำเนินงานในเร่ืองการสอนแจกลูกสะกดคำ ได้คัดเลือก โรงเรียนท่ีมีปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาทักษะการสอนให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ และเพ่ือเพ่ิมจำนวนโรงเรียนปลอดนักเรียนอ่านไม่ ออกเขียนไม่ได้สำหรับการจดั อบรมครูสอนภาษาไทยระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 ไดค้ ดั เลือกครูผู้สอน มาจากโรงเรียน ซ่ึงยังคงมีนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ท่ีมีปัญหาการอ่านการเขียนมาก น้อยตามลำดับ ครผู ู้สอนที่เขา้ อบรมจะได้นำวธิ ีการสอนแจกลูกสะกดคำไปใชเ้ ป็นทางเลือก เปน็ กลวิธี หน่ึงท่ีจะสร้างเคร่ืองมือการอ่านคำสำหรับนักเรียนเพ่ือต่อยอดการอ่านคำใหม่ๆ ที่นักเรียนต้องการ เรียนรู้ ซึ่งทุกรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการอ่านการเขียนของผู้เรียน การน าวิธีการแจกลูกสะกด คำมาใช้เป็นเครื่องมือในการอ่านการเขียนทำให้นักเรียนรู้วิธีการอ่านที่สามารถต่อยอดการอ่านได้ ยั่งยืนขึ้น และนกั เรียนสามารถท่ีจะอ่านคำ เขียนคำ ได้ดว้ ยตนเองมากยงิ่ ข้ึน บันได 6 ข้ัน แก้ปญั หา”เด็กอา่ นไมอ่ อก-เขยี นไมไ่ ด้ ขั้นท่ี 1 ฝึกอ่านทุกวันในช่วงพักกลางวันเพื่อความต่อเน่ือง โดยใช้หนังสือเรียน นิทาน คำ อกั ษรไทย ขนั้ ท่ี 2 ฝกึ การอ่านควบคู่กับการเขียน โดยใชอ้ กั ษรไทย คำ ประโยค นิทาน ขัน้ ที่ 3 การฝกึ คดั ลายมือ นอกจากทำให้ลายมือสวยงามแลว้ ยังเปน็ การช่วยในการจดจำรูป คำตา่ งๆ ไดม้ ากข้นึ ด้วย ขั้นที่ 4 การวาดรูปประกอบคำ ด้วยความคิดริเริม่ สร้างสรรค์และสนุกไปกับงาน โดยมีการ จำแนกคำออกมาเพ่ือใหน้ กั เรยี นเข้าใจการผสมคำมากข้นึ

13 ขั้นท่ี 5 การนำคำมาแตง่ เปน็ ประโยคส่ือสารรปู หรือเหตกุ ารณจ์ ริง เช่น ใคร+ทำอะไร, ใคร+ ทำอะไร+กบั ใคร ข้ันท่ี 6 การเขียนคำตามภาพวาดโดยให้นักเรียนมีอิสระตามความคิดของนักเรียนเอง โดย กระบวนการ 6 ขนั้ น้ี เด็กๆ จะต้องผ่านไปทีละข้ันโดยมีนักเรียนอาสาและครูตุ้มคอยช่วยกัน และเม่ือ ครบ 6 ขั้นแล้ว ก็เร่ิมสอนขั้นท่ี 1-6 ใหม่ขยับจากยากข้ึนมาทีละน้อยๆ ทำอย่างน้ีทำให้เห็นผลงานที่ ออกมามองเหน็ เดก็ มีความภมู ิใจในตัวเองเพราะการอา่ นออกเขียนได้ ความหมายของผลสมั ฤทธ์ิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นความสามารถของนักเรียนในด้านต่างๆ ซ่ึงเกิดจากนักเรียนได้รับ ประสบการณ์จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทางในการวัดและ ประเมินผล การสร้างเคร่ืองมือวัดให้มีคุณภาพน้ัน ได้มีผู้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไว้ ดังน้ี สมพร เช้ือพันธ์ (2547, หน้า 53) สรุปว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ หมายถึงความสามารถ ความสำเรจ็ และสมรรถภาพด้านต่างๆของผู้เรยี นท่ีได้จากการเรียนรอู้ ันเป็นผล มาจากการเรียนการสอน การฝึกฝนหรือประสบการณ์ของแต่ละบุคคลซึ่งสามารถวัดได้จากการ ทดสอบด้วยวิธีการตา่ งๆ พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข (2548, หน้า 125) กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนหมายถงึ ขนาดของความสำเร็จที่ไดจ้ ากกระบวนการเรียนการสอน ปราณี กองจินดา (2549,หน้า 42) กล่าว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ความสามารถหรือผลสำเร็จที่ไดร้ ับจากกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและ ประสบการณ์เรียนรู้ทางด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย และยังได้จำแนกผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนไว้ตามลกั ษณะของวตั ถุประสงค์ของการเรยี นการสอนที่แตกตา่ งกัน ดงั นั้นจึงสรปุ ไดว้ ่าผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ผลที่เกิดจากกระบวนการเรยี นการสอนท่ี จะทำให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และสามารถวัดได้โดยการแสดงออกมาท้ัง 3 ด้าน คอื ด้านพทุ ธพิ ิสยั ด้านจิตพสิ ยั และดา้ นทักษะพสิ ัย เหตุผลและความสำคัญในการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนระดับช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี 1 การศึกษาเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประชากรของประเทศให้มีคุณภาพ อันจะ นำไปสู่การพัฒนาประเทศให้มีความเข้มแข็งในทุกด้าน กระทรวงศึกษาธิการจึงกำหนดให้มีการปฏิรูป การศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2562) โดยกำหนดจุดเน้นการพัฒนาผู้เรียนที่คลอบคลุม ท้ังด้าน ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์สำหรับใช้เป็นกลไกขับเคลื่อน เพ่ือยกระดับ คุณภาพผู้เรียน ให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนต้ังแต่วัยเริ่มต้น และการจัดการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน โดยเฉพาะ ระดับช้ันประถมศึกษาจึงได้กำหนดนโยบาย “ปีการศึกษา 2558 เป็นปีปลอด

14 นักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้” และนักเรียนเม่ือจบช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ต้องอ่านออกเขียนได้ และมีมาตรการการประเมินผล ที่เป็นรูปธรรม ดงั น้ัน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเน้นให้ผู้เรียน มีความสามารถในการอ่านและ การเขียนตามเกณฑ์มาตรฐาน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน จึงได้เน้นย้ำให้โรงเรียน ปรับปรุงวิธีการจัดการเรียนการสอน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การสอนแบบแจกลูกสะกดคำโดยใช้ แนวการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการสมอง (BBL) เป็นต้น และได้ก าหนดเป้าหมายคุณภาพ ผู้เรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ต้องอ่านออกเขียนได้ ช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 2 ข้ึนไปต้องอ่านคล่องเขียนคล่อง ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ ในปี การศึกษา 2562 สำนักทดสอบทางการศึกษา ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการสร้าง เครื่องมือประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งคณะผู้เนินการ สร้างเคร่ืองมือประเมิน ประกอบด้วย กลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านจิตวิทยา พัฒนาการ จิตวิทยาการเรียนรู้ ครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ด้านการสอนภาษาไทยมากกว่า 5 ปีขน้ึ ไป ผู้เชยี่ วชาญ ด้านการวัดและประเมินผล โดยพิจารณากรอบแนวทางในการสร้างเครื่องมือจากการวิเคราะห์ มาตรฐานและตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามระดับชั้นของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 การวิเคราะห์ระดับพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน และการวิเคราะห์ กระบวนการเรยี นรู้ภาษาไทยทถ่ี ูกต้องตามหลักภาษา และใชก้ รอบคำศัพทใ์ นบญั ชีคำพนื้ ฐาน เพ่ือเป็น ตัวช้ีวัดผลสำเร็จในการดำเนินงานตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จุดเน้น ยุทธศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการ และจุดเน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานอันจะ นำไปสกู่ ารกำหนด นโยบายการศึกษา การนำไปใช้วนิ ิจฉัยข้อบกพร่องความสามารถด้านการอ่านของ ผู้เรียนได้ตรงประเด็น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึงได้จัดทำคู่มือการประเมิน ความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ขึ้น เพื่อให้ หน่วยงานที่เก่ียวข้องดำเนินการเป็นไปในทิศทางและมาตรฐานเดียวกัน และผลที่ได้จากการประเมิน จะเป็นข้อมูลสำคัญท่ีสะท้อนคุณภาพผู้เรียน คุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และของสำ นกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษารวมทงั้ เป็นเคร่ืองบง่ ช้คี ุณภาพผ้เู รียนในระดับประเทศต่อไป นิยามศัพท์เฉพาะการดำเนินการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียนช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 1 ได้กำหนดนิยามไว้ ดังนี้ อ่านออกเสียง หมายถึง การอ่านคำประโยค หรือ ขอ้ ความสั้น ๆ ท่ีเป็นคำในคำศัพท์ ในระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทั้งที่เป็นคำท่ีมีความหมายโดยตรง หรือคำที่มีความหมายโดยนัยที่ใช้ ในชีวิตประจำวัน โดยวิธีการอ่านออกเสียง อ่านรู้เรื่อง หมายถึง การอ่านคำประโยค หรือข้อความส้ัน ๆ ที่เป็นคำในคำศัพท์ ในระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ทั้งที่เป็น คำที่มีความหมายโดยตรงหรือคำที่มีความหมายโดยนัย ท่ีใช้ในชีวิตประจำวนั โดยสามารถบอกข้อคิด ท่ีได้จากการอ่านร้อยแก้ว ร้อยกรองสำหรับเด็ก (เป็นข้อความงา่ ย ๆ) จบั ใจความจากเรื่องท่ีอ่าน ตอบ คำถามจากเร่ืองทอ่ี ่าน บอกความหมายของเคร่ืองหมายสัญลักษณ์ท่ีสำคัญ ท่ีพบเห็นในชวี ิตประจำวัน คาดคะเนจากเร่ืองท่ีอ่าน สรุปความรู้ข้อคิดจากเร่ืองที่อ่านได้อย่างสมเหตุสมผล แปลความและ สร้างสรรค์จากภาพ

15 กลมุ่ เปา้ หมายในการทดสอบ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานดำเนินการจัดสอบให้กับผู้เรียนท่ีกำลังศึกษา อยู่ในช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 ทกุ คนของโรงเรยี นจากทุกสงั กดั ดังน้ี 1. สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 2. สำนักงานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน 3. สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 4. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดสำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ 5. กรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่นิ 6. สำนกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 7. สำนักการศกึ ษากรุงเทพมหานคร 8. สำนกั การศึกษาเมอื งพัทยา 9. การจัดการศึกษาโดยครอบครวั (Home school) เหตุผลและความสำคัญในการทดสอบความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ความสามารถด้าน ภาษาไทยระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 สถานการณ์โลกปัจจุบันมีการเปลีย่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา เชน่ เดยี วกับระบบการศึกษาต้องมี การพัฒนาเพ่ือให้สอดคล้องกับสภาวะความเป็นจริงแนวคิดเรื่อง \"ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21\" ท่ีมุ่งเน้นทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3Rs 4Cs ซ่ึงมีองค์ประกอบ ดังน้ี 3Rs ได้แก่ การอ่าน (Reading) การเขียน (Writing) และคณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ 4Cs ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) การส่ือสาร (Communication) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และการรว่ มมือ (Collaboration) โดยเฉพาะผู้เรยี นในระดับกำรศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานจะต้อง มีทักษะอ่ืนอีกหลายด้าน เช่น ทักษะการสื่อสาร และทักษะการคิดคำนวณ เป็นต้น เพื่อให้อยู่ในโลก แห่งการแข่งขันได้อย่างปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดนโยบายและ จุดเน้น เพ่ือให้การบรหิ ารจัดการศกึ ษาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มคี วามสอดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ ชาติ เป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติวัตถุประสงค์ของแผนการปฏิรูปประเทศด้าน การศึกษาและนโยบายของรัฐบาล เรื่องการเตรียมคนในศตวรรษท่ี 21 ในระดับประถมศึกษามุ่ง คำนึงถึงพหุปัญญาของผู้เรียนรำยบุคคลท่ีหลำกหลำย ตำมศักยภาพ โดยเฉพำะกำรเรียนภาษาไทย เนน้ เพ่ือใช้เป็นเครอ่ื งมือในกำรเรยี นรู้วิชาอ่ืน รวมถึงนโยบาย การพัฒนาและส่งเสริมให้นักเรียนระดับ ประถมศึกษาคิดเลขเป็น พร้อมกับสร้างเด็กให้เกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ รวมถึงการคิด วิเคราะห์เพ่ือให้แก้ปัญหาได้ ในปีการศึกษา 2562 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ร่วมกับสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาและหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งดำเนินกำรประเมนิ คุณภาพผูเ้ รยี น (NT) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ทุกคนจากโรงเรียนในทุกสังกัด โดยประเมินความสามารถพ้ืนฐานของผู้เรียน 2 ด้าน คือ ความสามารถด้านภาษาไทยและความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ซ่ึงได้ระดมสมอง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เช่ียวชาญและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ ท้ังในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคเข้าประชุมระดมความคิดเพื่อกำหนดกรอบโครงสร้างของเคร่ืองมือประเมินคุณภาพ ผู้เรียนท้ัง 2 ด้ำน ซ่ึงกรอบโครงสร้างน้ีนอกจากจะใช้เพ่ือการสร้างเครื่องมือประเมินคุณภาพผู้เรียน

16 แล้ว โรงเรียนยังสำมารถใช้นิยามและตัวช้ีวัดท่ีร่วมกันกำหนดข้ึนน้ี ไปวางแผนการจัดการเรียนรู้ที่ สอดคล้องกับการประเมินเพ่ือรองรับกำรประกันคุณภาพการศึกษาได้เป็นอย่างดี 1.2 วัตถุประสงค์ เพื่อตรวจสอบและประเมินคุณภาพผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 1.3 กลุ่มเป้าหมายในปีกำรศึกษา 2562 สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานจัดประเมินให้กับผู้เรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทุกคนของ โรงเรียนจากทุกสังกัด ดังนี้ 1.1.1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน 1.1.2 สำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 1.1.3 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 1.1.4 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1.1.5 กรมส่งเสริมการ ปกครองท้องถิ่น 1.1.6 สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร 1.1.7 สำนักการศึกษาเมืองพัทยา 1.1.8 การจัดการศึกษาโดยครอบครัว (Homeschool 2.1 แนวคิดเกี่ยวกับความสามารถพื้นฐานของ ผู้เรียน (Primary Capability) ความสามารถพื้นฐานที่ใช้เป็นกรอบในการประเมินคุณภาพผู้เรียนนี้ เป็นความสามารถท่ีวิเคราะห์มาจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 กำหนดแนวทางในการประเมินคุณภาพผู้เรียนว่าเป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐาน การเรียนรู้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551) สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้น ประถมศึกษาปที ่ี 3 เขา้ รับการประเมนิ รวมทั้งแนวคิดในกำรจัดกำรเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท่กี ล่าวว่า ความสามารถพื้นฐานเปรียบเสมือนเคร่ืองมือในการเรียนรู้เน้ือหาความร้เู ชิงบูรณาการโดยในศตวรรษ ที่ 21 ได้ระบุสมรรถนะพ้ืนฐานท่ีจำเป็นในการเรียนรู้ 3 ด้าน (3Rs) ได้แก่ การอ่าน (Reading) การ เขียน (Writing) และคณิตศาสตร์ (Arithmetic) ดังภาพ 10 ดังนั้น ความสามารถพื้นฐานของผู้เรียน (Primary Capability) ท่ีใช้เป็นกรอบในกำรประเมิน คุณภาพผู้เรียน (NT) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 จึง ประกอบด้วยความสามารถตามกรอบตัวช้ีวัดในหลักสตู ร แกนกลำงกำรศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และผลลัพธ์ท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียน (Student Outcomes) จำกแนวคิดในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ความสามารถด้านภาษาไทย และความสามารถด้านคณิตศาสตร์โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1) ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ความสามารถดา้ นคณิตศาสตรห์ มายถงึ ความสามารถของบคุ คลในการ ตีความและแปลงจากสถานการณ์ปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆในบริบทของชีวิตจริง (Problem in context) ให้เป็นปัญหาเชิงคณิตศาสตร์ (Mathematical problem) การใช้ทักษะการคิดคำนวณ การแกป้ ัญหาการเช่ือมโยงการส่อื สารและสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์การคิดสรา้ งสรรค์และการให้ เหตุผลโดยอาศัยข้อเท็จจริงความคิดรวบยอดหลักการหรือทฤษฎีทางคณิตศาสตร์มีการพิจารณา ไตร่ตรองอย่างรอบคอบประเมินและตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผลและสร้างสรรค์โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมและความเป็นพลเมืองดีของประชาคมโลกเพ่ือนำไปสู่การหาผลลัพธ์และการอธิบาย/ คาดการณ์/พยากรณ์สถานการณ์ปัญหาหรือปรากฎการณ์ต่างๆดังน้ี สาระที่ 1 จำนวนและการ ดำเนินการ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจำนวนและกำรใช้จำนวน ใน ชีวิตจริง มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจถึงผลท่ีเกิดขึ้นจำกกำรดำเนินการของจำนวนและความสัมพันธ์ ระหว่างการดำเนินการต่าง ๆ และใช้การดำเนินการในการแก้ปัญหา สาระท่ี 2 การวัด มาตรฐาน ค 2.2 แก้ปัญหาเกี่ยวกับการวัด สาระที่ 3 เรขาคณิต มาตรฐาน ค 3.1 อธิบายและวิเคราะห์รูป เรขาคณิตสองมิติและสามมิติ มาตรฐาน ค 3.2 ใช้การนึกภาพ (visualization) ใช้เหตุผลเกี่ยวกับ

17 ปริภมู ิ (spatial reasoning) และใช้แบบจำลองทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแก้ปัญหา สาระที่ 4 พีชคณิต มาตรฐาน ค 4.1 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป (pattern) ความสัมพันธ์ และ ฟงั ก์ชัน สาระท่ี 5 การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค 5.1 เข้าใจและใช้วิธีการทาง สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล 2) ความสามารถด้านภาษาไทย ความสามารถด้านภาษาไทย หมายถึง ความสามารถดา้ นการใชภ้ าษาไทยเพื่อการส่อื สารในยุคเทคโนโลยสี ารสนเทศโดยใชท้ ักษะการฟงั การ ดู การพูด การอ่าน การเขียน และกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณในการใช้ภาษาไทยเป็น เคร่ืองมือสื่อสารเพื่อสรุปความ สืบค้น แสวงหาความรู้ อย่างต่อเน่ืองนำเสนออย่างสร้างสรรค์ ประเมินและตัดสินข้อมูลสำรสนเทศ เพื่อนำไปแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและรู้เท่าทันสื่อ ตลอดจน สามารถใช้ภาษาแสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติเพ่ือสร้าง ความเข้าใจอันดีในสังคม โดยมี ตัวชี้วดั ดังนี้ สำระที่ 1 การอ่าน มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน สาระท่ี 2 การเขียน มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ เขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษา ค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพูด มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดง ความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ สาระที่ 4 หลัก กำรใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจำรณ์วรรณคดี และ วรรณกรรมไทย อย่างเห็นคุณค่าและนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ๑.๑ ความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษา นวัตกรรม หมายถึง สิ่งใหม่ที่เกิดจากการความรู้และความคิด โดยออกมาเป็น แนวคิด กระบวนการ หรือส่ิงประดิษฐ์ตา่ ง ๆ ที่ถูกพัฒนาข้ึนมาใหม่ หรือพัฒนาจากของเดิมให้มีความ แตกต่าง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษาเพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Rogers, 1995; Oslo Manual, 2005; Baregheh, Rowley & Sambrook, 2009 ; พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน, 2542; สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, 2553; วรรัตน์ ปทุมเจริญวัฒนา, 2561 ฉนั ทนา เชาวป์ รชี า, 2562) 1.2 คณุ สมบตั ขิ องนวัตกรรมทางการศกึ ษา นวัตกรรมมีคุณสมบัติคือ นวัตกรรมเป็นสิ่งใหม่ท่ีเก่ียวกับการเรียนการสอน ท้ังหมด เป็นส่ิงใหม่เพียงบางส่วนหรือเป็นสิ่งใหม่ที่อยู่ในกระบวนการพิสูจน์ซึ่งได้รับการยอมรับ และ การนำไปใช้เพื่อหาประสิทธิภาพและนำไปเผยแพร่ในท่ีสุด (สุคนธ์ สินธพานนท์, 2551; ทิศนา แขม มณ,ี 2558) 1.3 ลกั ษณะของนวตั กรรมทางการศกึ ษา ลักษณะของนวัตกรรมทางการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญช่วยให้เกิดความสนใจใน นวัตกรรมน้ัน ๆ และนำไปสู่การยอมรับนวัตกรรม และนำไปใช้อย่างแพร่หลาย โดยลักษณะของ นวัตกรรมท่ีมักได้รับความสนใจและยอมรับนำไปใช้ คือ 1) เป็นนวัตกรรมท่ีไม่ซับซ้อนหรือยาก จนเกนิ ไป และใช้งานง่าย 2) เป็นนวัตกรรมที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายแพงจนเกนิ ไป เนื่องจากผู้ใช้งานจำนวน มากอาจมีข้อจำกัดด้านงบประมาณทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ 3) เป็นนวัตกรรมที่สำเร็จรูป อำนวย

18 ความสะดวกในการใช้งาน 4) เป็นนวัตกรรมท่ีไม่กระทบกระเทือนต่อบริบทเดิมมากนักเน่ืองจากต้อง ปรับเปล่ียนบริบทให้เข้ากับนวัตกรรมใหม่ 5) เป็นนวัตกรรมที่มีคนเก่ียวข้องไม่มากนักเพื่อสะดวกใน การใช้ และ6) เปน็ นวัตกรรมที่ให้ผลชดั เจนเปน็ รปู ธรรม (ทิศนา แขมมณ,ี 2558; ฉนั ทนา เชาวป์ รีชา , 2562) ๑.4 ประเภทของนวัตกรรมทางการศกึ ษา นวัตกรรมท่ีนามาใช้ในทางการศึกษา ท้ังการกระทำใหม่ใด ๆ การสร้างส่ิงใหม่ๆ รวมทง้ั การพฒั นาดัดแปลงจากสิ่งใด ๆ เพ่ือใช้ในการเรียนการสอน แบ่งเปน็ ๕ ประเภท คอื 1.4.1 นวัตกรรมทางด้านหลักสูตร เป็นการใช้วิธีการใหม่ๆในการพัฒนา หลักสตู รให้สอดคล้องกับสภาพแวดลอ้ มในท้องถ่ิน และตอบสนองความต้องการสอนบุคคลให้มากข้ึน เนื่องจากหลักสูตรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพ่ือให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยี เศรษฐกิจและสังคมของประเทศและของโลก นวตั กรรมทางด้านหลักสูตรไดแ้ ก่ การพฒั นา หลกั สูตรบูรณาการ หลกั สูตรรายบคุ คล หลกั สูตรกจิ กรรมและประสบการณ์ และหลักสูตรท้องถน่ิ 1.4.2 นวตั กรรมการเรยี นการสอน เป็นการใชว้ ิธีระบบในการปรับปรงุ และ คิดค้นพัฒนาวิธีสอนแบบใหม่ ๆ ท่ีสามารถตอบสนองการเรียนรายบุคคล การสอนแบบผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง การเรียนแบบมีส่วนร่วม การเรียนรู้แบบแก้ปัญหา การพัฒนาวิธีสอนจำเป็นต้องอาศัย วธิ ีการและเทคโนโลยใี หม่ ๆ เขา้ มาจดั การและสนบั สนุนการเรียนการสอน 1.4.3 นวัตกรรมสื่อการสอน เน่ืองจากมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครือข่ายและเทคโนโลยีโทรคมนาคม ทำให้นักการศึกษาพยายามนำ ศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่าน้ีมาใช้ในการผลิตส่ือการเรียนการสอนใหม่ ๆ จำนวนมากมาย ท้ังการ เรียนด้วยตนเอง การเรียนเป็นกลุ่ม และการเรียนแบบมวลชน ตลอดจนสื่อที่ใช้เพื่อสนับสนุนการ ฝกึ อบรมผา่ นเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 1.4.4 นวตั กรรมทางด้านการประเมินผล เป็นนวัตกรรมที่ใช้เป็นเคร่ืองมือ เพ่ือการวัดผลและประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการวิจัยทาง การศึกษา การวิจัยสถาบัน ด้วยการประยุกต์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาสนับสนุนการวัดผล ประเมินผลของสถานศึกษา ครู อาจารย์ 1.4.5 นวตั กรรมการบริหารจัดการ เปน็ การใช้นวตั กรรมท่เี กี่ยวข้องกบั การ ใช้สารสนเทศมาช่วยในการบริหารจัดการ เพื่อการตัดสินใจของผู้บริหารการศึกษา ให้มีความรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ทันต่อการเปล่ียนแปลงของโลก นวัตกรรมการศึกษาที่นำมาใช้ทางด้านการบริหารจะ เก่ยี วข้องกับระบบการจัดการฐานขอ้ มูลในหนว่ ยงานสถานศกึ ษา ๑.5 กระบวนการพฒั นานวัตกรรมทางการศึกษา กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 1) ระยะท่ี 1 ระยะก่อนสร้างและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย การศึกษาและวิเคราะห์ ปัญหา ศึกษาเอกสารแนวคิด วางแผนและออกแบบ 2) ระยะที่ 2 การสร้างและพัฒนา ประกอบด้วย การ สร้าง นวัตกรรม หาประสิทธิภาพ ทดลองใช้ปรับปรุง น าไปใช้และประเมินผล 3) ระยะที่ 3 ระยะ หลังสร้างและ พัฒนา ประกอบด้วย รายงานผล และน าไปเผยแพร่ ทัง้ น้ีสามารถสรปุ เปน็ แผนภาพได้ ดังน้ี (Inbar , 1996; Unicef, 2017; ศรีน้อย ลาวงั , 2552; ทศิ นา แขมมณ,ี 2558)

19 ภาพท่ี 1 กระบวนการพฒั นานวตั กรรมการสอน (ศรนี ้อย ลาวงั , 2552) จากกระบวนการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเบ้ืองต้นผู้ศึกษาได้นำกระบวนการพัฒนา นวัตกรรมของ ทิศนา แขมมณี (2558) มาประยุกต์ใช้ซึ่งประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ 1) การระบุ ปัญหา 2) การกำหนดจุดมุ่งหมาย 3) การศึกษาข้อจำกัดต่าง ๆ ของปัญหา 4) การประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรม 5) การทดลองใช้ และ6) การเผยแพร่ จากการค้นคว้าศึกษาข้อมูลเก่ียวกับการพัฒนานวัตกรรม เพื่อใช้เป็นแนวคิดพ้ืนฐานในการ ออกแบบนวัตกรรมของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวดั เชียงใหม่ ไดส้ ร้างรูปแบบการบริหาร จัดการสถานศึกษาโดยใช้ TEAM+ Model ร่วมกับ 3School Model ที่ส่งเสริมความสุขทั้ง 5 ด้าน ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จังหวดั เชียงใหม่

20 บทที่ 3 การวจิ ยั และพัฒนานวัตกรรม การวิจยั ครั้งนี้ ผวู้ จิ ัยใชแ้ นวทางการวิจยั และพฒั นานวัตกรรม (Research and Development) เป็นการกำหนดลำดบั ข้ันการปฏบิ ัติการวจิ ัย ซ่ึงมกี ารกำหนดลำดบั ข้ันตอนการวจิ ัย และการพัฒนานวัตกรรม ดงั น้ี ขั้นท่ี 1 การศึกษาคน้ ควา้ และการสังเคราะห์ขอ้ มลู ท่ีเก่ียวข้อง ขั้นที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1- 6 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31จังหวดั เชียงใหม่ โดยใช้โมเดลการจัดการเรยี นการสอนโรงเรยี นเลก็ ในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขยี นได้ คดิ เลขเป็นคดิ วิเคราะห์ไดแ้ ละกล้า แสดงออกดังนี้ 3R คือ Reading-อา่ นออก, (W)Riting-เขียนได้, (A)Rithenmatics-คิดเลขเปน็ Reading-อา่ นออก (W)Riting-เขียนได้ ประกอบด้วยกจิ กรรม ครดู ีมสี ระ เป็นกจิ กรรมทคี่ ณะครูกลมุ่ บริหารงานประถม ทกุ คนจำนวน 12 คนจะดำเนินการเปน็ ครูสระ ภาษาไทยในการได้รบั มอบหมายในการนำสระ ไปประสมกบั พยญั ชนะ วรรณยกุ ตต์ า่ งๆในการ ฝกึ นักเรยี นท่ีมีปัญหาอ่านออกเขยี นได้ โดยใน 3 เดือนแรกจะมีการประเมินนักเรยี น 1 ครงั้ อันจะทำใหค้ ณะครูและนักเรียนตั้งใจในการ ดำเนินการเรียนรู้ร่วมกนั ทุกสัปดาหจ์ ะมกี ารทำ PLC ร่วมกนั ของคณะครเู พ่ือหาขอแกไ้ ข ปรบั ปรุงอกี ครงั้ กจิ กรรมภาษาไทยวันละคำ เป็นกิจกรรมท่ีอาศัยทักษะการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน มีความสำคัญอย่างย่ิงใน การเรียนรู้ ซ่ึงหากนักเรียนไม่มีทักษะในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ไม่เป็นและไม่ถูกต้อง นักเรียนจะไม่ประสบผลสำเร็จในการเรียน ซ่ึงจะส่งผลไปถึง การประกอบอาชีพในอนาคตจึงได้ดำเนินการจัดกิจกรรม “ ภาษาไทยวันละคำ ” ข้ึนมาให้กับนักเรียนทุกคนทุกช้ันเรียน ได้เกิดการเรยี นร้อู ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

21 วตั ถปุ ระสงค์ ๑.เพือ่ ให้นักเรียนมีทักษะในการฟงั พดู อา่ น เขยี น ภาษาไทย ๒. เพื่อส่งเสรมิ ให้นักเรยี นมคี วามมน่ั ใจในการใช้ภาษาไทย ๓. เพ่ือให้นกั เรยี นรู้จกั ความหมายของคำศัพท์ภาษาไทยมากข้นึ และนำความรทู้ ี่ได้รบั ไป ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างถูกต้อง เปา้ หมาย นกั เรียนระดับช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1- 6 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 วธิ ีดำเนินการ ๑. ดำเนนิ การจัดกิจกรรมภาษาไทยวนั ละคำ ดังน้ี ๑.๑ ครแู ละนกั เรยี นท่เี ป็นผนู้ ำดา้ นการอา่ นจัดเตรียม คำศัพทท์ จ่ี ะนำเสนอ ๑.๒ นกั เรยี นท่เี ป็นผู้นำด้านการอา่ นนำเสนอคำศัพท์หลัง กิจกรรมหน้าเสาธงของทุกวัน ๑.๓ ครูที่รับผดิ ชอบกิจกรรมอธิบายความรู้เพมิ่ เติม ๒. นักเรยี นเขียนคำศัพท์ท่ีนำเสนอลงในสมดุ ๓. ครูประจำช้ันตรวจสอบความถกู ต้อง ตวั ชีว้ ัดความสำเรจ็ ๑. นกั เรียนรอ้ ยละ ๗๐ มีทักษะในการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย ๒. นกั เรยี นร้อยละ ๗๐ มีความมนั่ ใจในการใช้ภาษาไทย ๓. นักเรยี นรอ้ ยละ ๗๐ ร้คู วามหมายของคำศัพท์ภาษาไทยและความรทู้ ่ีได้รับไปประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจำวันได้ถกู ตอ้ ง อาขยานพาเพลิน กิจกรรมน้ีเป็นกิจกรรมท่ีต้องดำเนินการตามบทท่องจำการเล่า กาสวด เรื่อง นิทาน ซ่ึง- เป็นการท่องจำข้อความหรือคำประพันธ์ท่ีชอบ บทร้องกรองท่ีไพเราะ โดยอาจตัดตอนมาจาก หนงั สือวรรณคดเี พือ่ ให้ผทู้ อ่ งจำได้ และเหน็ ความงามของบทร้อยกรอง ท้ังในดา้ นวรรณศลิ ป์ การใช้ ภาษา เนื้อหา และวิธีการประพันธ์ สามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการแต่งบทร้อยกรอง หรือ นำไปใช้เป็นข้อมูล ในการอ้างอิงในการพูดและการเขียนได้เป็น อย่างดี หลกั การท่องบทอาขยาน การท่องบทอาขยานส่วนใหญเ่ ปน็ การท่องออก เสยี ง คอื นักเรียนต้องท่องเปลง่ เสยี งออกมาดังๆ ในขณะท่ีใช้ สายตากวาดไปตามตัวอักษร ยดึ หลกั การออกเสียงเหมือน หลักการอ่านท่วั ไป เพ่ือให้การออกเสียงมปี ระสทิ ธิภาพ นักเรียน

22 ต้องฝกึ ฝนดงั นี้ ๑. ฝึกเปลง่ เสยี งใหด้ งั พอประมาณ ไมต่ ะโกน ควรบังคับเสียง เน้นเสียง ปรับระดับเสยี งสูง - ตำ่ ให้สอดคล้องกบั จังหวะลลี า ทว่ งทำนอง และความหมายของเน้ือหาที่อา่ น ๒. ทอ่ ง ด้วยเสยี งท่ีชดั เจน แจม่ ใส ไพเราะ มีกระแสเสยี งเดียว ไมแ่ ตกพรา่ เปล่งเสียงจาก ลำคอโดยตรงด้วยความมน่ั ใจ ๓. ท่อง ออกเสยี งใหถ้ ูกอักขรวิธีหรือความนยิ ม และต้องเข้าใจเน้ือหาของบทอาขยานน้ีกอ่ น ๔. ออกเสียง ร ล คำควบกล้ำ ใหถ้ ูกตอ้ งชัดเจน ๕. ทอ่ ง ให้ถูกจงั หวะและวรรคตอน ๖. ท่องใหไ้ ด้อารมณ์และความรู้สกึ ตามเนื้อหา การท่องบทอาขยานเป็นทำนองเสนาะ การทอ่ งบทอาขยานเปน็ ทำนองเสนาะช่วยให้บท อาขยานนน้ั มีความไพเราะ ผู้ทอ่ ง เกิดความสนใจจดจำบทอาขยาน ได้ดี และสนุกสนานยง่ิ ข้นึ การฝกึ อ่านทำนองเสนาะมีขัน้ ตอนดงั น้ี ๑. ท่อง เปน็ รอ้ ยแก้วธรรมดาให้ถูกต้องชดั เจน ตาม อกั ขรวธิ กี ่อน ท้งั ร , ล ตัวควบกลำ้ อ่านออกเสียงใหต้ รงตามเสียง วรรณยุกต์ ๒. ท่องใหถ้ กู จังหวะวรรคตอน การอา่ นผดิ วรรคตอนทำใหเ้ สียความ ๓. ท่องใหส้ ัมผัสคลอ้ งจองกันเพ่ือความไพเราะ ๔. ท่องใหถ้ กู ทำนองและลลี าของคำประพันธแ์ ต่ละชนิด คำประพันธแ์ ต่ละชนิดจะมีบงั คับ จำนวนคำสัมผสั หรอื คำเอก คำโท แตกตา่ งกัน การอา่ นทำนองเสนาะจึงตอ้ งอา่ นใหถ้ กู ท่วงทำนอง และลีลาของคำประพันธแ์ ตล่ ะชนิด ๕. ท่องโดยใช้น้ำเสียงให้เหมาะสมกับเนื้อหาและอ่านพยางคส์ ดุ ท้ายของวรรคด้วยการ ทอดเสยี ง แลว้ ปลอ่ ยให้หางเสียงผวนข้ึนจมูก ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของการท่องบทอาขยาน ๑. ฝกึ ความจำ ซ่งึ เป็นสงิ่ สำคัญย่ิง เพราะมนุษย์ต้องอาศัยความจำ เพื่อเป็นเครื่องมือในการ คิดวเิ คราะห์คดิ สังเคราะห์ ๒. เป็นการฝกึ วินัย เพราะการจะทอ่ งใหจ้ ำไดต้ อ้ งมวี ินยั หมน่ั ฝกึ หมน่ั ท่องอยู่เสมอ ๓. เปน็ การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ๔. อนุรักษว์ ัฒนธรรมไทย ทางดา้ นภาษาใหค้ งอยู่ตลอดไป ๕. ไดร้ บั คตสิ อนใจจาก บทคำประพันธ์ต่างๆ ที่ทอ่ ง ๖. ทำใหเ้ ป็นคนอารมณด์ ี จากความงามของบทประพันธ์ที่ท่อง ๗. เพ่อื ตระหนักในคณุ ค่าของภาษาไทย และซาบซงึ้ ในความไพเราะของบทร้อยกรอง ๘. เพ่ือใหเ้ กดิ ความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย

23 ๙. เพอื่ เปน็ พน้ื ฐานในการแตง่ คำประพันธ์ ๑๐. เพ่อื ใช้เปน็ ส่ือถ่ายทอดคณุ ธรรมจริยธรรม และนำข้อคิดที่เป็นประโยชนไ์ ปใช้ใน เรื่องเลา่ เช้าน้ี กิจกรรม เร่ืองเล่าเช้านี้ นักเรียนระดับช้ัน ป. 1 – ป.6ดำเนินการหมุนเวียนในการเล่า เรื่องราวทุกวนั พฤหสั บดี ปกี ารศกึ ษา 2562 โดยมีวัตถปุ ระสงค์ ดังน้ี ๑. ฝึกทกั ษะการอ่านออกเสยี ง ๒. นักเรียนสามารถเล่าเรื่องราวและเหตุการณ์ ใน ชีวิตประจำวัน ทั้งที่เป็นความรู้ และความบันเทิง ที่เกิดข้ึนในท้องถ่ิน ประเทศ อาเซียน และสากลได้ ๓. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ วิจารณ์เรื่องราวท่ีฟังและดูได้ อย่างมีเหตุผล เพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ใน การดำเนินชีวิต กลุ่มเปา้ หมาย นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1-6 วธิ ีดำเนนิ กจิ กรรม ๑. ประชุมคณะครู ภ า ย ใ น โ ร ง เรี ย น ชี้ แ จ ง รายละเอียดเกี่ยวกับ แผนงาน /โครงการและกำหนดครู ท่ีรบั ผดิ ชอบกิจกรรม ๒ . นักข่าวรุ่น เยาว์แต่ละชั้น ดำเนิน การเล่า เหตุการณ์วันละ 2 คนก่อนเข้าเรียนชั่วโมงเรียนแรก โดย เร่ืองราวต้องระบุว่า ใคร+ทำอะไร+ท่ีไหน+เม่ือไร+อย่างไร+ ๓. นักเรียนและคณะครูรว่ มกนั วิพากษ์ในเรอื่ งราวน้ันๆ เขียนตามคำบอก กิจกรรม การเขยี นตามคำบอกชว่ ยทำใหค้ วามจำในระยะเวลาสน้ั ๆ ได้ดขี ้ึน ช่วยในการ เพม่ิ ทักษะการฟงั ซง่ึ แบบฝกึ หัดการ เขียนตามคำบอกช่วยใหผ้ ู้เรียนมที ักษะ กอ่ นการเรียนเขียนตามคำบอกได้ และ การแก้ไขคำผดิ จากแบบฝกึ หัดท่เี ขียนตาม คำบอกเป็นการตรวจความเข้าใจในเนอ้ื เรื่องท่เี ขียนได้ดีขนึ้ โดยการตรวจสอบ การเขยี นดว้ ยตนเองโดยมคี ณะครเู ป็นผู้ ตรวจสอบร่วมดว้ ย

24 มมุ กลอ้ งเล่าเรือ่ ง เปน็ กจิ กรรมการนำคำมาแต่งเป็นประโยคส่ือสารรปู หรือเหตกุ ารณจ์ ริง เชน่ ใคร+ทำอะไร+ท่ีไหน+เมื่อไร+อย่างไร+ผลเปน็ อย่างไร โดยการถา่ ยภาพตามจดุ ตา่ งๆในโรงเรียนและชุมชนแลว้ นำมาเขียนเปน็ เรอื่ งราวรว่ มกนั ฝกึ ให้นักเรียน สามารถเรียบเรยี งและเขยี น เรียงความเร่อื งราวตา่ งๆได้อย่าง สมเหตุสมผล (A)Rithenmatics-คิดเลขเปน็ ประกอบดว้ ย กิจกรรมปิงโกสตู รคูณ เป็นกิจกรรมที่สรา้ งแรงบนั ดาลใจในการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ที่สนุกสนาน โดยนักเรยี นมี ความสุขในการท่องสตู รคูณทุกวันหลัง เลกิ เรยี น ในรูปแบบท่หี ลากหลายอาทิ เช่นทองรายบุคคลจบั คบู่ ัดดี้ใช้ตาราง สตู รคณู หรรษาในการท่องสตู รคูณ ตลาดนดั จัดเลข เม่ือนักเรียนเกิดแรงบันดาลใจ ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์แล้ว ได้ตั้ง ฐานสถานการณ์จำลองให้ผู้เรียนฝกึ แตง่ โจทยป์ ัญหาและวิเคราะหโ์ จทย์ปัญหาในรปู แบบตลาดนัดโดย มีการใช้ส่ือธนาบัตรและเหรียญกษาปณ์ ในการดำเนินการซ้ือขายแลกเปลี่ยนจริงซึ่งกิจกรรมน้ีทำให้ นกั เรียนสามารถกำหนดโจทย์และวางแผนหาคำตอบ ได้ด้วยตนเอง ครูผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยการ กิจกรรมและร่วมสรุปผลในวิธีการเขียนตอบในรูป ประโยคสัญลักษณ์ใด คำตอบท่ีได้คืออะไร พร้อมกับ รูปแบบและวิธีการในการตรวจคำตอบและมีการให้ นักเรียนจับคู่การต้ังโจทย์ปัญหาและค้นหาคำตอบ จากโปรชัวรก์ ารขายสินคา้ ต่างๆด้วย

25 เกมคณติ คิดเร็ว ครผู ้สู อนเตรียมแบบฝกึ ทักษะคิดเลขเร็ว เกย่ี วกับการบวกการลบการคูณและการหารตาม ระดบั ช้ันตามความสามารถของกลมุ่ ผู้เรยี น ให้ ผู้เรียนฝกึ ทำโจทย์วันละอยา่ งนอ้ ย 10 ข้อโดยมีการ จบั เวลา ครูผสู้ อนต้องตรวจสอบความถูกต้องตาม เวลาท่กี ำหนด ซึ่งวิธีน้ีทำให้นักเรยี นมกี ารฝึกความ แม่นยำในการคำนวณและช่นื ชอบในการเรียนวชิ า คณติ ศาสตร์ 2A คอื Analytical-คิดวิเคราะห์ Assertive-กลา้ แสดงออก Analytical-คดิ วเิ คราะห์ กิจกรรม จำลอง ประลองคิด เป็นกิจกรรมที่นำมาเป็นวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องการคิดวิเคราะห์และใช้เป็นกิจกรรมการ จดั การเรียนการสอนหลักในระดับชั้นประถมศกึ ษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้ให้ความสำคัญกับการให้นักเรียนคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมีเทคนิควิธีการ ดังน้ี 1. ระบุปญั หาหรอื ขอ้ มูลท่ีต้องการวิเคราะห์ใหช้ ัดเจน ระบุปัญหา ต่างๆร่วมกันโดยให้ นักเรียน ฝึกสังเกตในเหตุการณ์ต่างๆร่วมกัน ให้ ระบุปัญหาที่เกิดข้ึน โดยใช้ระบบของทีม เพ่ือให้ เกดิ การยอมรับแลกเปลยี่ นเรยี นรู้รว่ มกนั 2. รวบรวมและประมวลผลข้อมูล เมอื่ ทำการระบปุ ญั หาเรยี บร้อย แล้ว จะเขา้ สูก่ ารรวบรวมและการประมวลผลใน การคิดวิเคราะห์เรยี งลำดับปัญหาทสี่ ำคญั อนั จะเกดิ ผลกระทบ ท่แี ตกตา่ งกนั ไป 3. พัฒนาแนวทางการแก้ปัญหาทเ่ี ปน็ ไปได้ เม่ือรวบรวมและประมวลผลเรยี บรอ้ ยแลว้ เข้าสู่การหารปู แบบและวิธีการแก้ไขปญั หา ร่วมกันในทศิ ทางท่ีจะเป็นไปได้ โดยให้นักเรียนทุกคน มี บทบาทมสี ่วนร่วม เท่าเทียมกัน 4. นำแนวทางการแกป้ ัญหาไปทดสอบ นำแนวทางท่ีไดไ้ ปทดสอบในการแก้ไข ปัญหาแก้ไข โจทยป์ ัญหาต่างๆ รวมกนั 5. เลือกแนวทางท่ีดที ส่ี ุดไปดำเนนิ การใช้

26 ใช้ระบบทีม ในการ คิดวิเคราะห์ ในการเลือกวธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาท่ีดีทสี่ ุด ทีเ่ กิด ประสิทธภิ าพในการทำงานมากทีส่ ดุ กจิ กรรม Class Project คือกระบวนการเรียนการสอนในรูปของโครงงานไม่ว่าจะ เป็นโครงงานคุณ ธรรม โครงงานห้องเรียนสีขาว โครงงาน วิทยาศาสตร์ โครงงานอาชีพ โดยให้นักเรียนได้เกิดการวางแผน PDCA จ น ส า ม า ร ถ ค้ น พ บ วิธีการดำเนินงานท่ีดีท่ีสุดด้วย ตนเอง มีการทดลองผิดถูก มีการปรึกษาหารือ การเป็นผู้นำและ ผู้ตามที่ดี จนสามารถเข้าใจที่ไปท่ีมาของปัญหาและแก้ไขใน ปญั หานัน้ ๆได้ Assertive-กลา้ แสดงออก กิจกรรม คยุ ผา่ นเลนส์ เป็นกจิ กรรมในการฝึกใหน้ ักเรยี นกลา้ คิดกลา้ ทำ ในรูปแบบพธิ กี รและการนำเสนอเรือ่ งราวตา่ งๆผา่ นทาง รปู แบบวที อี าร์และคลปิ สั้นๆเพือ่ ให้นักเรยี นได้ฝึกความ กลา้ แสดงออกและการตัดสินใจเฉพาะหน้าในการนำเสนอ เรื่องราวตา่ งๆ โดยนกั เรียนทุกคนไดไ้ ด้นำเสนอเร่ืองราว และประชาสมั พันธเ์ รอ่ื งราวของตนผ่านเพจโรงเรยี น ประถมศกึ ษา กจิ กรรรมทีมAcademy เป็นกิจกรรมท่ีสร้างความท้าทายปลูกพลังในตัวนักเรียน โดยที่ให้ คณะครูคอื ครูฝึกในเร่อื งกิจกรรมกล้าแสดงออกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การเต้น ดนตรี กีฬา ดรัมเมเยอเป็นต้นซึ่งนักเรียนจะเป็นผู้เลือกครูฝึกในการ ดำเนินกิจกรรมค่ายพัฒนาความ กล้าแสดงออก ซ่ึงครูฝึกเป็นผู้ ป ร ะ เมิ น ว่ า นั ก เรี ย น คื อ ที ม Academy ของครูฝึกโดยการโหวต ให้กลับสู่ในทีมของตน หรือครูฝึกท่านอื่นสนใจสามารถ โหวตเข้าทีมของตนได้ ซึ่งวิธีน้ีนักเรียนจะสามารถพลิก แรงกดดันเป็นความพยายามในการต้ังใจเพ่ือให้ได้กลับ เข้าทมี อกี คร้งั

27 เครอ่ื งมอื การประเมนิ ผลนวัตกรรม การหาค่าประสทิ ธภิ าพของนวัตกรรม โดยใช้สตู ร E1/E2 (ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ 2521) ซ่งึ คำนวณจากสูตรดังนี้ (1) การคำนวณหาคา่ ประสิทธิภาพผลลพั ธ์ที่เกิดข้นึ ก่อนการใชน้ วัตกรรม E1 =  100  เมื่อ E1 หมายถึง คา่ ประสิทธภิ าพผลลพั ธ์ท่ีเกดิ ขนึ้ ก่อนการใชน้ วตั กรรม  หมายถงึ คะแนนสอบทีเ่ กดิ ขึ้นกอ่ นการใชน้ วัตกรรม A หมายถงึ คะแนนเต็มก่อนการใชน้ วัตกรรม (2) การคำนวณหาคา่ ประสทิ ธภิ าพผลลัพธ์ทเี่ กิดขน้ึ หลงั การใช้นวตั กรรม E2 = F 100 เมื่อ E2 หมายถึงP ค่าประสิทธภิ าพผลลัพธ์ทเี่ กิดข้ึนหลังการใชน้ วตั กรรม หมายถึง คะแนนสอบทเ่ี กดิ ข้ึนหลังการใชน้ วัตกรรม F หมายถงึ คะแนนเต็มหลังการใช้นวตั กรรม P ข้นั ที่ 10 การเผยแพร่ผลการวิจัยและพัฒนาสื่อ การเผยแพร่ผลงานวิจยั และพัฒนาสอื่ ครงั้ น้จี ะดำเนนิ การดังนี้ (1) การนำเสนอในรูปของบทความวิจยั แล้วนำเสนอเผยแพรใ่ นวารสารทางวชิ าการ (2) การนำเสนอโดยการเสนอผลงานวิจัยในการประชุมผลงานวิจัยทหี่ น่วยงานตา่ ง ๆ จดั ขึ้น

28 บทที่ 4 ผลการวิจัย จากการดำเนินการพัฒนา นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียน ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้โมเดลการ จัดการเรียนการสอนโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพ่ือแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิด เลขเป็นคิดวิเคราะห์ได้และกล้าแสดงออก การดำเนินการนำเสนอผลการวิจัยคร้ังน้ี ผู้วิจัยจะใช้ สญั ลกั ษณต์ อ่ ไปนี้ ประกอบการนำเสนอ จงึ ให้ความหมายของสญั ลักษณ์ที่จะใช้ ดงั น้ี การหาค่าประสิทธิภาพของนวัตกรรม โดยใชส้ ตู ร E1/E2 (ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ 2521) ซงึ่ คำนวณ จากสตู รดังนี้ (1) การคำนวณหาคา่ ประสทิ ธภิ าพผลลพั ธ์ที่เกิดข้ึนก่อนการใชน้ วตั กรรม ปีการศึกษา 2561 E1 =  100  เมอ่ื E1 หมายถึง คา่ ประสิทธิภาพผลลพั ธ์ท่ีเกดิ ขน้ึ ก่อนการใช้นวตั กรรม  หมายถงึ คะแนนสอบท่เี กดิ ข้ึนกอ่ นการใชน้ วตั กรรม A หมายถึง คะแนนเตม็ ก่อนการใชน้ วตั กรรม (2) การคำนวณหาค่าประสิทธภิ าพผลลัพธ์ท่ีเกดิ ขึน้ หลังการใช้นวตั กรรม ปีการศึกษา 2562 E2 = F 100 เมือ่ E2 หมายถึงP ค่าประสทิ ธิภาพผลลัพธ์ทเี่ กิดขึ้นหลังการใชน้ วัตกรรม หมายถงึ คะแนนสอบท่ีเกิดข้ึนหลังการใช้นวตั กรรม F หมายถึง คะแนนเต็มหลังการใช้นวตั กรรม P

29 จากการดำเนินการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้โมเดลการ จัดการเรียนการสอนโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ คิด เลขเปน็ คดิ วเิ คราะห์ไดแ้ ละกล้าแสดงออกปรากฎผลดงั น้ี ตอนท่ี 1 ผลการเปรียบเทียบรอ้ ยละผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นแต่ละรายวิชาในระดับดีข้ึนไประดับช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 1-6ระหวา่ ง ปีการศกึ ษา 2561กบั ปกี ารศึกษา 2562 รายงานผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละรายวิชา ในระดับดีขึ้นไประดับช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 ศกึ ษาปีที่ 6 เปรียบเทียบระหว่างปีการศึกษา 2561 กับปีการศึกษา 2562 ดังนี้ ปีการศึกษา 2561 สาระภาษาไทยร้อยละ 57.26 สาระคณิตศาสตร์ ร้อยละ 40.1 7 สาระ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร้อยละ 58.12 สาระสังคมศึกษา ร้อยละ 52.99 สุขศึกษาพลศึกษาร้อย ละ 51.28 สาระศิลปะร้อยละ 75.21 สาระการงานอาชีพร้อยละ64.96 สาระภาษาต่างประเทศร้อย ละ 47.01 ปกี ารศึกษา 2562 สาระภาษาไทย 64.37 สาระคณิตศาสตร์ 58.62 สาระวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี 87.36 สาระสังคมศึกษา 91.95 สาระสุขศึกษาพลศึกษา 91.95 สาระศิลปะ 88.51 สาระ การงานอาชีพ 86.21 สาระภาษาต่างประเทศ 81.6ร้อยละผลต่าง ความก้าวหน้า ของผลสัมฤทธ์ิ หลงั จากใช้นวตั กรรมปรากฏดังน้ี สาระภาษาไทยร้อยละ 7.11 สาระคณิตศาสตร์ ร้อยละ 18.45 สาระ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร้อยละ 29.24 สาระสังคมศึกษา ร้อยละ 35.96 สุขศึกษาและพลศึกษา ร้อยละ 40.67 สาระศิลปะร้อยละ 13.30 สาระการงานอาชีพร้อยละ 21.25 สาระภาษาต่างประเทศ รอ้ ยละ 34.60

30 ตอนที่ 2 ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 -6 ปกี ารศกึ ษา 2561 เทียบกบั ปีการศึกษา 2562 รายงานผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึง ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ปีการศึกษา 2561 เปรียบเทียบกบั ปีการศึกษา 2562 ดังนี้ ปีการศึกษา 2561 ความสามารถทางการอ่านร้อยละ 86.70 ความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ร้อยละ 82.26 ความสามารถทางการเขียนร้อยละ 86.59 ปีการศึกษา 2562 ความสามารถทางการอ่านร้อยละ 90.20 ความสามารถในการวิเคราะห์ 85.96 ความสามารถทางการเขียน 87.48 ร้อยละผลต่าง ความก้าวหน้าของความสามารถทางการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียนหลังจากใช้นวัตกรรม ปรากฏดังน้ี ความสามารถทางการอ่านเพ่ิมข้ึนร้อยละ 3.50 ความสามารถการคิดวิเคราะห์เพ่ิมข้ึนร้อยละ 3.70 ความเขียนเพ่มิ ข้ึนร้อยละ 0.89 ตอนที่ 3 ผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติความสามารถการอ่าน ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ่1ี ปกี ารศึกษา 2561 เทยี บกบั ปกี ารศึกษา 2562

31 รายงานผลการทดสอบระดับชาติความสามารถการอ่านระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2561 เทยี บกบั ปีการศึกษา 2562 ปีการศกึ ษา 2561 การอา่ นออกเสยี ง ร้อยละ 47. 75 การอา่ นรู้เรื่อง รอ้ ยละ 47.33 รวม 2 สมรรถนะ รอ้ ยละ 47.54 ปีการศึกษา 2562 การอา่ น ออกเสียงร้อยละ 75.78 การอ่านรู้เร่ืองร้อยละ 67.62 รวม 2 สมรรถนะร้อยละ 71.70 ร้อยละ ผลต่าง ความกา้ วหน้าของความสามารถทางการอ่าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 หลังจากใช้ นวัตกรรม ปรากฏดังนี้ ความสามารถทางการอ่านออกเสียงเพ่ิมข้ึนร้อยละ 28.03 ความสามารถ ทางการอ่านรู้เรื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.29 รวม2 สมรรถนะสูงกว่าระดับสังกัดร้อยละ 1.70 สูงกว่า ระดบั ประเทศรอ้ ยละ 1.04 ตอนท่ี 4 ผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติความสามารถด้านคณิตศาสตร์และ ความสามารถด้านภาษาไทยระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 เทียบกับปีการศึกษา 2562 ความสามารถด้าน 2561 2562 สังกัด ประเทศ ด้านภาษา 37.9 47.16 ด้านคำนวณ 24.28 53.66 ดา้ นเหตุผล 33.33 - รวม 31.83 50.41 45.82 45.70 ร าย งาน ผ ล ค ว าม ส าม า ร ถ ก าร ท ด ส อ บ ร ะ ดั บ ช าติ ค ว าม ส าม าร ถ ท างค ณิ ต ศ าส ต ร์ แ ล ะ ความสามารถทางภาษาไทย ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เปรยี บเทียบปีการศึกษา 2561 และ ปีการศึกษา 2562 ดังน้ีปีการศึกษา 2561 ความสามารถด้านภาษาร้อยละ 37.90 ความสามารถด้าน คำนวณร้อยละ 24.28 ความสามารถดา้ นเหตุผลร้อยละ 33.33 ปกี ารศึกษา 2562 ความสามารถด้าน คณิตศาสตร์รอ้ ยละ 47.16 ความสามารถด้านภาษาไทยร้อยละ 53.66 ร้อยละผลต่างความก้าวหน้า

32 ของความสามารถด้านคณิตศาสตรร์ ้อยละ 29.38 และความสามารถด้านภาษาไทยร้อยละ 9.26 รอ้ ย ละความกา้ วหน้าท้งั 2 ดา้ น สงู กว่าระดบั สังกัดร้อยละ 4.59 สงู กวา่ ระดับประเทศร้อยละ 4.71 ตอนท่ี 5 ผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติO-net ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2561 เทียบกบั ปีการศกึ ษา 2562 รายงานผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติO-net ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ปีการศึกษา 2561 เทียบกับปีการศึกษา 2562 ดังน้ี วิชาคณิตศาสตร์ปีการศึกษา 2561 สูงกว่าปีการศึกษา 2562 ร้อยละ 4.56 ปีการศึกษา 2562 สูงกว่าระดับสังกัด ดังนี้ รายวิชาภาษาไทยสูงกว่าร้อยละ 0.74 รายวิชาคณิตศาสตร์สูงกว่าร้อยละ 3.65 รายวิชาวิทยาศาสตร์สูงกว่าร้อยละ 4.08 รายวิชา ภาษาองั กฤษสูงกว่าร้อยละ 0.04

33 บทที่ 5 สรปุ ผลการศึกษา อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ การสร้างนวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6 โดยใช้โมเดลการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบโรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่ 3R2A เพ่ือแก้ไขปัญหา การอา่ นออกเขยี นได้ คดิ เลขเปน็ คดิ วิเคราะหไ์ ด้และกล้าแสดงออก ดงั ตอ่ ไปนี้ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1-6 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2558 จำนวน 97 คน วธิ ีดำเนนิ การศึกษา ผศู้ ึกษาได้ศกึ ษาเชงิ ทดลอง โดยทำการทดสอบกอ่ นเรยี น (Pre – test) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้ดำเนินการทดลอง ดำเนินการสอน และทำการ ทดสอบหลังเรียน (Post-test) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ฉบับเดิมกับท่ีใช้ทดสอบ กอ่ นเรยี น เคร่ืองมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ การทำกิจกรรมของนักเรียนระหว่างเรียนโดยใช้ชุด กจิ กรรมการเรยี นรู้การอา่ นออกเขยี นได้ คดิ เลขเป็นคดิ วเิ คราะหไ์ ด้และกล้าแสดงออก สรปุ ผลการศึกษา ผลการศกึ ษาสรุปได้ดังน้ี นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็นคิดวิเคราะห์ได้และกล้า แสดงออกโดยนวัตกรรมการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1- 6 โดยใช้โมเดลการจัดการเรยี นรู้ในรูปแบบโรงเรียนเล็กในโรงเรยี นใหญ่ 3R2A อภิปรายผล จากผลการศึกษาครงั้ น้พี บว่า การแกป้ ัญหาการอา่ นออกเขยี นได้ คิดเลขเปน็ คดิ วเิ คราะห์ได้และกลา้ แสดงออกของ นักเรียนระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 –6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 มีพฒั นาการสูงข้นึ รวมถงึ สมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรยี นและยกระดบั ผลการทดสอบมาตรฐานระดับชาติ การประเมิน ความสามารถด้านการอา่ นของผู้เรยี นระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ ความสามารถด้านภาษาไทยระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 และผลการทดสอบ O-net ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 สูงขึน้ ขอ้ เสนอแนะการศึกษาครัง้ ตอ่ ไป 1. ควรพฒั นากจิ กรรมต่างๆเพิ่มขึ้นตามทักษะและกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน

34 บรรณานกุ รม กมลรตั น์ หล้าสุวงษ.์ จติ วิทยาการศึกษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ ใหม่). พิมพค์ รง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : ภาควชิ าการแนะแนวและจิตวิทยาการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, 2540. กรมวชิ าการ. การจดั การเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, 2546. ________. การวจิ ยั เพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ตามหลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน. กรุงเทพมหานคร : ครุ สุ ภาลาดพร้าว, 2545. กรมสามัญศึกษา. หนว่ ยศึกษานิเทศก์ เขตการศกึ ษา 10. การเรียนการสอนแบบโครงงาน เอกสาร ประกอบการอบรม. อุบลราชธานี : หนว่ ยศึกษานิเทศก์ เขตการศึกษา 10, 2544. ________. หนว่ ยศึกษานิเทศก์ เขตการศกึ ษา 11. การสร้างชุดการสอน. กรงุ เทพมหานคร : การศาสนา, 2544. ________. หน่วยศกึ ษานิเทศก์. คู่มอื การจัดกิจกรรมนักเรยี นชุมนมุ วทิ ยาศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : สำนกั งานศึกษาธกิ ารเขต, 2526. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หลกั สูตรการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2544. กรงุ เทพมหานคร : องคก์ ารรับสง่ สินคา้ และพัสดภุ ัณฑ์(ร.ส.พ.), 2546. กฤษณา พรหมวงษ.์ ผลการใชแ้ บบฝึกเพอื่ ส่งเสริมความคิดสรา้ งสรรค์ทางวทิ ยาศาสตร์และ คุณภาพโครงงานวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี นมัธยมศกึ ษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวทิ ยาลยั เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่, 2545. กฤษณา ศกั ด์ิศร.ี จติ วทิ ยาการศกึ ษา. กรุงเทพมหานคร : บำรงุ สาสน์ , 2540. กฤษณา สงิ โตแกว้ . ความคิดเหน็ ที่มีต่อการเรยี นการสอน สาขางานการบญั ชี ของนักเรยี น ระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ โรงเรยี นพณิชยการเพชรบุรี .สารนพิ นธ์ กศ.ม (ธุรกิจศึกษา) กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ, 2551. กวิสรา สวุ รรณบุตร. การศึกษาความคิดเห็นของผ้บู ริหารสถานศึกษาในการบริหารงาน สง่ เสรมิ การศกึ ษาขององค์การบริหารส่วนทอ้ งถ่ิน อำเภอเลิงนกทา จงั หวัดยโสธร. สารนพิ นธ์ กศ.ม.(การบริหารการศกึ ษา). กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ, 2551. เกรยี งศักด์ิ จติ เนอื่ ง. ความคิดเหน็ ของผูบ้ ริหารและครูท่ีมตี ่อการเรยี นการสอนกลุ่มสาระสขุ ศึกษา และพลศกึ ษาในสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนการกศุ ลของวดั ในพระพุทธศาสนาเขต ที่ 2. ปรญิ ญานพิ นธ์ กศ.ม (สาขาวิชาพลศึกษา) กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ, 2550. กุญชรี ค้าขาย. จิตวิทยาการเรียนการสอน . กรุงเทพมหานคร : สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา, 2540. ขวญั ชัย ภู่เฉลมิ . การสร้างชดุ การสอน รายวชิ าชีววทิ ยา ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เร่อื ง อาณาจักรพืช. วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ คณะศึกษาศาสตร์ ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 2545. คณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาต,ิ สำนกั งาน. การพัฒนาหลักสตู รตามความต้องการ ของท้องถ่ิน. กรุงเทพมหานคร : คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2544. . ปฏริ ูปการเรยี นรู้ ผู้เรียนสำคญั ทส่ี ุด. กรงุ เทพมหานคร : คุรสุ ภาลาดพร้าว, 2543.

35 . แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยโครงงานวิทยาศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : ครุ สุ ภาลาดพร้าว, 2542. จำเรยี น อุดมชัย. การประเมินการสอนสิง่ แวดล้อมศกึ ษาดว้ ยกจิ กรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ใน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 โรงเรยี นอนบุ าลแม่เมาะ จังหวัดลำปาง. การศึกษา คน้ คว้าอสิ ระ ศลิ ปศาสตร์มหาบัณฑติ เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, 2543. จิรพรรณ์ ทะเขยี ว. การเปรยี บเทียบทักษะภาคปฏิบัติทางวทิ ยาสตร์และผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน วชิ าวิทยาศาสตรข์ องนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้ชุดกจิ กรรม อุปกรณ์ วทิ ยาศาสตรก์ ับการสอนตามคู่มอื คร.ู วทิ ยานพิ นธ์การศึกษามหาบัณฑติ (การมัธยมศกึ ษา) กรงุ เทพมหานคร : บณั ฑิตมหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, 2543. จฑุ ามาศ สขุ เกษม. รายงานโครงการพัฒนาการเรยี นการสอน กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ ชวี ิตโดยใช้โครงงานวิทยาศาสตร์. สงขลา : โรงเรียนวัดมว่ งค่อม จังหวดั สงขลา, 2542. ไฉน ไชยมงคล. รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรูท้ างวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง การดำรงชวี ิต ของพืช ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4. พะเยา : โรงเรยี นบา้ นยางขาม จงั หวดั พะเยา, 2552. ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ เกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพบทเรียนสำเรจ็ รปู . กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช, 2545. ชยั วฒั น์ สุทธริ ตั น.์ คมู่ อื ปฏบิ ัตกิ ารพฒั นานวตั กรรม ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.ท., 2550. เชดิ ศักด์ิ โฆวาสนิ ธ์ุ. การวดั ผลทางการศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : สำนกั ทดสอบทางการศึกษาและ จิตวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. 2540. ฐติ นิ ันท์ โจณะสทิ ธ์ิ. การศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ ความสามารถในการแกป้ ัญหา เรือ่ ง แรงและการเคลื่อนท่ี โดยใช้กิจกรรมโครงงาน วทิ ยาศาสตร.์ วิทยานพิ นธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต (วทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา) ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , 2549. ณัฐพงศ์ ฉลาดแย้ม. การพฒั นากิจกรรมโครงง านวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือส่งเสริมความคดิ สรา้ งสรรคข์ อง นักเรียนในชว่ งช้ันที่ 3 โรงเรียนในอำเภอศรบี ุญเรอื ง สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา หนองบัวลำภเู ขต 1. วทิ ยานพิ นธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ (หลักสูตรและการสอน) ขอนแกน่ : มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , 2547. ดารารัตน์ นกขนุ ทอง. ผลการใชช้ ดุ กิจกรรมวิทยาศาสตรเ์ รอื่ งชีวิตกับสิง่ แวดล้อม ตามแนวคิด วงจรการเรียนรทู้ ีม่ ีต่อความเข้าใจมโนทศั น์ และการให้เหตุผลเชิง วิทยาศาสตรข์ อง นักเรยี น ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรียนปากช่อง จงั หวัดนครราชสมี า. วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญา ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ( หลกั สูตรและการสอน ) กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2546. เตมิ ศกั ดิ์ เศรษฐวัชราวณชิ . วทิ ยาศาสตรพ์ ัฒนาชีวิต. ภาควชิ าชวี วิทยา คณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลย.ี พมิ พ์คร้ังท่ี 2. กรงุ เทพมหานคร : สถาบันราชภัฏสวนดสุ ิต, 2540. เตอื นใจ ไชยโย. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละความสามารถในการทำโครงงานของ นกั เรยี นที่ได้รบั การสอนโดยเสรมิ การใช้แบบฝึกคิดหัวข้อและวางแผนการทำโครงงาน วิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1. วทิ ยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิต

36 วทิ ยาลยั เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2545. ถวลั ย์ มาศจรัส และ มณี เรืองขำ. แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน (Project) เพื่อพัฒนา การเรยี นรผู้ เู้ รยี น. กรุงเทพมหานคร : ธารอักษร จำกดั , 2549. ทวีศกั ด์ิ ไชยมาโย. การพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวิทยาศาสตรทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรและความคงทนในการเรียนรู. นครพนม : หนวยศึกษานเิ ทศก สํานักงาน การประถมศึกษาจังหวัดนครพนม, 2540. ธรี นันท์ ตานนท์. การพัฒนาทกั ษะการเรยี นร้ภู าษาองั กฤษของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 โดยโครงงาน. รอ้ ยเอ็ด : โรงเรยี นบ้านไคน่ ุน่ อำเภอเสลภมู ิ จังหวดั รอ้ ยเอด็ , 2542. ธรี ะชัย ปรู ณโชต.ิ การสอนกิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ คูม่ อื สำหรับคร.ู พมิ พ์คร้ังที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั , 2531. ________. กรณีศกึ ษาการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร.์ กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2531. นงนุช ภัทราคร. สถิติการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สุวรี ิยาสาสน์ , 2538. นทั วัล แต่งงาม. การสรา้ งชุดกิจกรรมฝกึ ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษา ปีที่ 1. วทิ ยานิพนธ์ ศศ.ม. (หลักสตู รและการสอน). ชลบรุ ี : มหาวทิ ยาลัยบรู พา, 2551. นติ ยา เมอื งม่ิง. ศกึ ษาความสามารถในการเขียนพยัญชนะไทยของเดก็ ที่มีความบกพร่องทาง สตปิ ัญญาโดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะ. สำงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ : ศูนยก์ ารศกึ ษาพิเศษ ประจำจังหวัดเลย, 2550. นศุ รา ทองนุน่ . ความสามารถในการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่ืองวัสดุและสมบตั ิของวสั ดุ ท่ีไดร้ ับการสอนแบบ กระบวนการวิจัย โดยเนน้ โครงงาน. วทิ ยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต (หลักสตู ร และการสอน) ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 2549. บญั ญัติ ชํานาญกจิ . กระบวนการแสวงหาความรูทางวิทยาศาสตร. นครสวรรค : คณะครศุ าสตร สถาบันราชภัฏนครสวรรค, 2542. บุญเกื้อ ควรหาเวช. นวตั กรรมการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : เจรญิ วิทยาการพิมพ์, 2545. บุญชม ศรีสะอาด. การวจิ ัยเบอื้ งตน้ . พมิ พค์ ร้ังท่ี 7. กรุงเทพมหานคร : สุวรี ยิ าสาสน์ , 2545. . พฒั นาหลกั สตู รและการสอน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ มหาสารคาม, 2528. บรู ชยั ศิรมิ หาสาคร. การทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : บุค๊ พอยท,์ 2548. เบญจพร ศรสี ุวรมาศ. โครงงานวทิ ยาศาสตรก์ จิ กรรมทีค่ วรสง่ เสริม. สถาบันส่งเสรมิ การสอน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี 3(16), 2531 : 24-27. ประดษิ ฐ์ เหลา่ เนตร.์ เทคนิคการสอนและการทำโครงงานวิทยาศาสตรร์ ะดับประถมศึกษา และมธั ยมศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัทเซน็ เตอร์ ดสี คฟั เวอรี จำกดั , 2542. ประภาพร สุขพลู . การพฒั นากิจกรรมการเรยี นรูก้ ลมุ่ การงานพนื้ ฐานอาชีพ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 เรือ่ งการประดษิ ฐ์ โดยใชโ้ ครงงาน. รายงานการศกึ ษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2545. ประภาพรรณ เสง็ วงศ.์ การพฒั นานวัตกรรมการเรยี นรดู้ ้วยวิธีการวิจยั ในชั้นเรียน. กรุงเทพมหานคร : อ.ี เค. บ๊คุ ส์, 2550. ปราณี รามสูต. จิตวทิ ยาการศกึ ษา. พมิ พค์ รง้ั ที่ 3. กรงุ เทพมหานคร : ภาควชิ าจิตวทิ ยาและ การแนะแนว คณะวชิ าครุศาสตร์ สถาบนั ราชภฏั ธนบรุ ี, 2549.

37 พรนิภา ยศบญุ เรอื ง. ผลการใชช้ ุดกิจกรรม เรือ่ ง สงิ่ แวดลอ้ มในท้องถ่ิน เพ่ือพัฒนาเจตคติ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม ในท้องถิน่ ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 จังหวดั ลำปาง. วทิ ยานิพนธ์ ปริญญา ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสตู รและการสอน) กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2544. พรรณี เจนจติ . จิตวิทยาการเรยี นการสอน. พมิ พ์ครั้งท่ี 4. กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัย ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, 2540. พวงรัตน์ ทวรี ตั น.์ การสรา้ งและการพัฒนาแบบทดสอบผลสมั ฤทธิ.์ กรุงเทพมหานคร : สำนกั ทดสอบทางการศึกษาและจติ วทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร, 2540. เพ็ญศรี สร้อยเพชร. ชุดการเรยี นการสอน. คณะครุศาสตร์ : สถาบันราชภัฏนครปฐม, 2542. ภพ เลาหไพบูลย์. แนวการสอนวทิ ยาศาสตร์. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3. กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช, 2542. มะลวิ ัลย์ หาญชนะ. ผลการใชก้ จิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตรป์ ระกอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์. การศกึ ษาอสิ ระ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ (วทิ ยาศาสตร์ศกึ ษา) ขอนแกน่ : มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , 2546. ยุพิน ศรฉัตรารกั ษ.์ การพฒั นาแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนแบบโครงงาน เรือ่ ง มรรยาทชาวพุทธ ทม่ี ีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น และความพึงพอใจในการเรียนของนกั เรยี น กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคม ศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3. การศึกษาค้นควา้ แบบอสิ ระการศกึ ษา มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2550. ยพุ ิน พิพิธกลุ . การนเิ ทศการสอนคณิตศาสตร.์ กรุงเทพมหานคร : ภาคมัธยมศกึ ษา คณะครศุ าสตร จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2541. ยนื ยง ราชวงษ์. คู่มือชดุ ฝึกอบรมการวจิ ัยในชัน้ เรยี นด้วยตนเองเลม่ ที่ 1 เอกสารอันดบั ท่ี 5/2546 จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา. หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ สำนักงานการประถมศึกษา, เอกสาร อดั สำเนา, 2546. รวีวรรณ อังคนรุ ักษพ์ ันธุ.์ การพฒั นาสมรรถภาพการอ่านเร็วในวิชาภาษาไทยของนักเรียน ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2535 โรงเรียนคอนสารวทิ ยาคม อำเภอคอนสาร จงั หวัดชัยภูมิ. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบณั ฑติ (การสอนภาษาไทย) มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมติ ร กรุงเทพมหานคร : บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมติ ร, 2539. รักพงษ์ วงษธ์ านี. เปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นความคงทนในการเรียนและความพึงพอใจ ในการเรียนโดยการใช้โปรแกรมบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ สำหรับ นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ที่มผี ลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นและวธิ เี รียนต่างกนั . วิทยานพิ นธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 2546. รัชนีย์ ดวงประทมุ . การเปรยี บผลการเรียน ความคงทน ความพึงพอใจ และทกั ษะชีวิตกล่มุ สาระ การเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง น้ำ ฟา้ และดวงดาว ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 ระหว่าง การเรยี นด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์กับการเรยี นแบบร่วมมอื . วทิ ยานพิ นธ์การศกึ ษา มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2548. โรงเรียนอนุบาลภกู ามยาม รายงานประเมินตนเอง (SAR) ปกี ารศึกษา 2553. พะเยา : โรงเรียนฯ, 2553. ________.รายงานประเมนิ ตนเอง (SAR) ปีการศกึ ษา 2554. พะเยา : โรงเรียนฯ, 2554.

38 ล้วน สายยศ และ องั คณา สายยศ. การวดั ด้านจิตพิสัย. กรงุ เทพมหานคร : สุวรี ิยาสาส์น, 2542. ________.เทคนคิ การวดั ผลการเรียนร.ู้ กรงุ เทพมหานคร : สุวีรยิ าสาส์น, 2539. ลัดดา ภู่เกียรติ. การสอนแบบโครงงานและการสอนแบบใช้วจิ ัยเปน็ ฐาน : งานทีค่ รูประถมทำได้. กรุงเทพมหานคร : สาฮะแอนดซ์ ันพริน้ ตงิ้ , 2552. ________.โครงงานเพื่อการเรยี นรูห้ ลักและแนวทางการจดั กจิ กรรม. กรุงเทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2544. วรกติ วัดเข้าหลาม. หลกั การ ทฤษฎแี ละแนวปฏิบตั ิ การผลิตและการใช้ชุดการสอน. ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , 2540. วรพงษ์ กาแกว้ . การสรา้ งแบบทดสอบวัดทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 อำเภอพบพระ จงั หวัดตาก. อุตรดติ ถ์ : ปริญญานิพนธ์ สาขาวจิ ยั และประเมินผลการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ,์ 2548. วรลักษณ์ จันทนผ์ า. ปจั จยั ที่สง่ ผลต่อการทำโครงงานวิทยาศาสตร.์ วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์ มหาบณั ฑิต บัณฑิตวทิ ยาลัย กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์, 2545. วรทิ ธิน์ นั ท์ จันทร์ส.ี ผลการใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 อาหารและสารเสพติดสำหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 พะเยา : โรงเรียนบ้านดอนไชยป่าแขมจงั หวัดพะเยา, 2554. วาโร เพง็ สวสั ด.ิ์ วิธวี ทิ ยาการวิจัย. กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาสน์ , 2551. วิชยั วงษ์ใหญ.่ การพฒั นาหลักสตู รและการสอน – มติ ใิ หม.่ กรุงเทพมหานคร :โอเดยี นสโตร์, 2554. วิมลศรี สุวรรณรัตน์. กระบวนการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์. สารปฏิรูปปีท่ี 2 ฉบบั ท่ี 15 (มถิ นุ ายน), 2542. ________. เอกสารเสรมิ ความรกู้ ารจัดการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : คุรุสภาลาดพร้าว, 2541. วริ ัช วรรณรัตน์. การวัดและประเมินผลการศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : สำนักทดสอบทางการศกึ ษา และจิตวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร, 2539. ศกั ด์ิ สุนทรเสณี. เจตคติ. กรงุ เทพมหานคร : รุ่นวฒั นา, 2539. ศึกษาธิการ, กระทรวง. พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ ก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 พร้อมกฎกระทรวงท่เี ก่ียวขอ้ ง และพระราชบัญญัติ การศึกษา ภาคบงั คับ พ.ศ. 2545. กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่งสินค้าและพสั ดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ.), 2546. สมนึก ภทั ทิยธน.ี การวัดผลการศกึ ษา. (พมิ พ์ครั้งที่ 3). กาฬสินธ์ : ประสานการพิมพ์, 2544. สมศักด์ิ ภู่วิภาดาวรรธน.์ การยดึ ผ้เู รียนเป็นศนู ยก์ ลางและการประเมนิ ตามสภาพจรงิ . เชยี งใหม่ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด เชียงใหม่แสงศลิ ป์, 2544. สมศักด์ิ สินธรุ ะเวชญ์. “แนวคิดในการพฒั นาคนและกระบวนการเรียนรู้”. วารสารข้าราชการครู. (สิงหาคม – กนั ยายน), 19(6), 2542 : 13. สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี. การจดั สาระการเรียนรู้ กลุม่ วิทยาศาสตร์ หลกั สตู รการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน. กรุงเทพมหานคร : สถาบันฯ, 2546. ________. ค่มู อื การทำและการจัดแสดงโครงงานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. กรงุ เทพมหานคร: ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว, 2545. ________. คูม่ ือวดั ผลประเมินผล. กรงุ เทพมหานคร : ชวนพมิ พ,์ 2548.

39 ________. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร. กรุงเทพมหานคร : ชวนพมิ พ, 2525. ________. ว 017 โครงงานวิทยาศาสตรก์ ับคุณภาพชีวติ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรงุ เทพมหานคร: ครุ สุ ภาลาดพร้าว, 2536. สุชา จันทรเ์ อม. จิตวิทยาวัยรุ่น. กรุงเทพมหานคร : แพร่วิทยา, 2541. สุวจี ทีทา. การเปรียบเทยี บความคิดสร้างสรรค์ ความพึงพอใจต่อวิธีสอนและผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ของนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 ท่ไี ด้รบั การสอนดว้ ยกจิ กรรมการเรียนรู้แบบโครงงานกบั การสอนแบบปกติ. วิทยานพิ นธ์ การศกึ ษามหาบัณฑติ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 2549. สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ. แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้โครงงาน. กรุงเทพมหานคร : ครุ ุสภาลาดพรา้ ว, 2542. สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. ปฏริ ปู การเรียนรูผ้ เู้ รียนสำคญั ท่ีสดุ . กรงุ เทพมหานคร : พิมพ์ด,ี 2543. ________. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 และที่แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545. กรุงเทพมหานคร : พริกหวานกราฟฟิค, 2546. สำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา.มาตรฐานตวั ชี้วดั กรงุ เทพมหานคร:คุรุสภาลาดพรา้ ว, 2551. สำนวน ตาละลักษณ์. ไดศ้ กึ ษาการพัฒนาชุดกจิ กรรมฝึกทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สำหรบั เด็กปฐมวัย จังหวัดเพชรบรุ .ี วิทยานิพนธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต แขนงวชิ าหลกั สูตรและการสอน สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย สโุ ขทัยธรรมาธิราช, 2547. สุนันทา สุนทรประเสรฐิ . การผลติ นวัตกรรมการเรยี นการสอน การสรา้ งแบบฝกึ . ชัยนาท : ชมรมพฒั นาความรูด้ ้านระเบียบกฎหมาย, 2545. สนุ ีย์ ด้วงมาก. การพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรข์ องนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใชร้ ูปแบบการสอนเพ่ือพัฒนา การคิดและการทำโครงงาน. วทิ ยานิพนธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ (ประถมศึกษา) ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, 2547. สุภาวดี จนั ทะด.ี การสอนแบบโครงงานสู่การปฏิบัตจิ ริงดว้ ยวิธี “ยั่วให้นกึ ฝึกให้คดิ . กรงุ เทพมหานคร : วรานนท์ เอนเตอร์ไพรซ์ , 2544. สรุ ภี ฤทธิวงศ์. แบบฝกึ ซ่อมเสรมิ วิชาคณิตศาสตรเ์ รอ่ื ง การแกโ้ จทย์ปัญหาร้อยละระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2. วิทยานพิ นธ์ สาขาวชิ าการมธั ยมศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ, 2549. สวุ ฒั น นิยมคา. ทฤษฎีและการปฏบิ ตั ิในการสอนวทิ ยาศาสตร แบบสืบเสาะหาความรู เลม 1– 2. กรงุ เทพมหานคร : เจเนอรัลบุคสเซนเตอร์, 2531. สวุ ทิ ย์ มลู คำ และ อรทัย มูลคำ. 20 วิธจี ดั การเรียนรู้. กรงุ เทพมหานคร : ภาพพิมพ,์ 2545. หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์ กรมสามัญศกึ ษาเขตการศึกษา เขตการศึกษา 10. การเรียนการสอน แบบโครงงาน เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการ. อุบลราชธานี : 2544. อานนท์ กระบอกโท. ความพงึ พอใจของนกั ศึกษาวิชาทหารท่ีมตี ่อการฝึกทหารในหน่วยฝกึ นักศึกษาวิชาทหาร จังหวัดทหารบกสกลนคร ปีการศึกษา 2542. วทิ ยานิพนธก์ ารศึกษา มหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2543. อาทติ ย์ ภมู สิ วัสด.ิ์ ความคิดเหน็ ของเจา้ หน้าที่ศนู ยส์ ุขภาพชุมชนต่อการดำเนนิ งานรว่ มกับ โรงพยาบาลคูส่ ญั ญาหลักจังหวัดนครศรีธรรมราช. วทิ ยานิพนธ์ สาธารณสขุ ศาสตร์



40 มหาบณั ฑิต (บรหิ ารสาธารณสขุ )กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช, 2548. อุดมพร กนั ทะใจ. การพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 โดยใชก้ จิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์: กรณศี ึกษาโรงเรียนหนองโนประชาสรรค์ จงั หวดั ขอนแก่น. วทิ ยานพิ นธ์ ศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ (หลักสูตรและการสอน) ขอนแก่น : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 2546. อุทมุ พร วรรณะศิลปิน. ผลการใช้แบบฝกึ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณในการทำโครงงาน วทิ ยาศาสตรส์ ิง่ แวดลอ้ ม. วทิ ยานพิ นธ์ ศกึ ษาศาสตร์มหาบัณฑติ เชยี งใหม่ : มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2542. (อดั สำเนา). อุไรวรรณ เสาร์เกดิ . รายงานการพฒั นาชุดกิจกรรมการเรียนร้ตู ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ เรอ่ื ง แมเ่ หลก็ และไฟฟ้า กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นบา้ นม่วง อำเภอปง จงั หวดั พะเยา. พะเยา : โรงเรยี นบา้ นม่วง สำนักงานเขต พนื้ ท่ีการศึกษาพะเยา เขต 2, 2550.