Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Published by Nuttaboot, 2018-01-30 23:42:04

Description: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Keywords: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

1ความรเู้ บอื้ งต้นเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์

2 คู่มือผู้เรียน ความรู้เบือ้ งต้นเกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์

3ความรู้เบอื้ งต้นเกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ คือ เคร่ืองมือที่มนุษยส์ ร้างข้ึนมาจากอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ตา่ ง ๆ ซ่ึงมีความสามารถในการรับโปรแกรมและขอ้ มูลเขา้ มาในรูปแบบที่เครื่องสามารถรับได้ แลว้ นาไปทาการคานวณ ประมวลผลขอ้ มูลจนกระทงั่ ไดเ้ ป็นผลลพั ธ์ออกมา จากน้นั ก็นาผลลพั ธ์ท่ีไดไ้ ปแสดงผลท่ีอุปกรณ์แสดงผล เช่น จอภาพ เครื่องพมิ พ์ และลาโพง เป็นตน้ โดยทว่ั ไปแลว้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์จะมีข้นั ตอนการทางานดงั ภาพInput Unit Process Unit Output Unitภาพท่ี 1-1 แสดงข้นั ตอนการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) การที่ระบบคอมพิวเตอร์จะทางานไดน้ ้นั จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท่ีมาประกอบกนั เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ซ่ึงจะประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบดว้ ยกนั คือ 1. Hardware 2. Software 3. Peopleware Hardware คือ ตวั เคร่ืองและอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ ที่สามารถมองเห็นและจบั ตอ้ งได้ เช่นจอภาพ ชุดซีพยี ู แป้ นพมิ พ์ เมาส์ ลาโพง เป็นตน้ Software คือ ขอ้ มลู คาสั่ง หรือโปรแกรมท่ีใชใ้ นการส่ังงานใหค้ อมพิวเตอร์ทางานตามท่ีผใู้ ชง้ านตอ้ งการได้ เช่น Microsoft Windows, Microsoft Office, Photoshop เป็นตน้ Peopleware คือบุคลากรที่ทางานเกี่ยวขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์ และระบบคอมพวิ เตอร์ เช่น ผใู้ ช้คอมพวิ เตอร์ทว่ั ไป โปรแกรมเมอร์ นกั วเิ คราะห์ระบบ เป็นตน้

4 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ฮาร์ดแวร์ คือ ตวั เครื่องและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ท่ีสามารถมองเห็นและจบั ตอ้ งได้ สาหรับในส่วนของตวั เครื่องและอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ท่ีสามารถมองเห็นและจบั ตอ้ งไดน้ ้นั ซ่ึงแบ่งประเภทตามขนาดของตวั เครื่องไดด้ งั น้ี Super Computer เป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง ที่เกิดจากการนาเอาหน่วยประมวลผลหลายตวั มาทางานและประมวลผลขอ้ มูลร่วมกนั ทาให้สามารถประมวลขอ้ มูลจานวนมาก ๆ ไดด้ ว้ ยข้นั ตอนอนั รวดเร็ว ซ่ึงระบบคอมพิวเตอร์แบบน้ีอาจพบเห็นไดใ้ นระบบ Cluster และParallel Computer เป็นตน้ Mainframe เป็ นเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมีขีดความสามารถสูงสุด มีหน่วยความจาขนาดใหญ่มากและมีความเร็วในการทางานสูง เหมาะสาหรับการใชง้ านในบริษทั หรื อหน่วยงานที่ตอ้ งการทางานกบั ขอ้ มูลจานวนมาก ไดแ้ ก่ เครื่องในตระกลู IBM เป็นตน้ Mini Computer เป็ นเคร่ื องคอมพิวเตอร์ที่มีขีดความสามารถในการทางานและหน่วยความจาลดลงมาจากคอมพิวเตอร์แบบ Mainframe เหมาะสาหรับการใช้งานในหน่วยงานขนาดกลางท่ีมีขอ้ มูลไมม่ ากนกั ไดแ้ ก่ เครื่อง IBM และ SUN เป็นตน้ Micro Computer หรือ Personal Computer: PC เป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดของตวั เคร่ืองและหน่วยความจาขนาดเล็ก ในปัจจุบนั ความสามารถในการทางานไดใ้ กลเ้ คียงกบั เครื่องMini Computer แลว้ และมีหลายขนาด หลายรูปแบบให้ไดเ้ ลือกใชง้ าน บางรู ปแบบขนาดเล็กจนสามารถพกพาติดตวั ไดเ้ หมือนเครื่องคิดเลขในสมยั ก่อนบางชนิดเหมือนกบั โทรศพั ทม์ ือถือสามารถพกพาไปไดท้ ุกที่ แต่สาหรับในท่ีน้ีจะขอกล่าวถึงเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ท่ีมีใช้งานอยู่โดยทว่ั ไป ซ่ึงความสามารถในการทางานและวิธีการใช้งานจะเหมือนกันท้งั หมด และเคร่ืองคอมพิวเตอร์พีซีท่ีใชง้ านกนั อยกู่ ็มีอยหู่ ลายรูปแบบดว้ ยกนั ไดแ้ ก่  Desktop

5 Notebook/Desk book Pocket PC/Palm/Tablet PC ภาพที่ 1-2 แสดงรูปแบบของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบต่าง ๆ ส่วนประกอบของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ส่วนประกอบสาคญั ของคอมพิวเตอร์จะแบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ าน และหนา้ ที่การทางานซ่ึงจะแบง่ เป็น 3 ส่วน ดงั ภาพInput Unit Process Unit Output Unit CPU Memoryภาพที่ 1-3 แสดงบลอ็ กไดอะแกรมของเคร่ืองคอมพิวเตอร์

6 ภาพที่ 1-4 แสดงส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีใชง้ านจริง1. หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit) เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ท่ีใชส้ าหรับติดต่อกบั ผใู้ ช้ เพ่ือรับขอ้ มูลเขา้ มาสู่ระบบ ในรูปแบบต่างๆ เช่น แป้ นพมิ พ์ ไมโครโฟน เมาส์ สแกนเนอร์ เป็ นตน้ เพ่ือที่จะส่งต่อขอ้ มูลไปยงั ส่วนที่ทาหนา้ ที่ประมวลผลต่อไป2. หน่วยประมวลผลข้อมูล (Process Unit) เป็ นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ท่ีทาหนา้ ท่ีในการประมวลผลขอ้ มูลท่ีรับเขา้ มา โดยการทางานของส่วนน้ีจะประกอบดว้ ย 2 หน่วยประกอบยอ่ ย ไดแ้ ก่ ซีพียู (Central Processing Unit / Micro Processor) หรือ หน่วยประมวลผลกลางส่วนน้ีจะทาหนา้ ที่ในการคานวณ ประมวลตา่ ง ๆ รวมท้งั การควบคุมทางานของระบบท้งั หมด หน่วยความจา (Memory) ทาหนา้ ที่เก็บพกั ขอ้ มูลในระหวา่ งการประมวลผลขอ้ มูล รวมท้งัการจดั เก็บขอ้ มูลไวใ้ ชใ้ นโอกาสต่อไปอนาคตดว้ ย โดยแบ่งชนิดของหน่วย ความจาของเครื่องของคอมพวิ เตอร์ออกเป็น 2 ชนิด คือ หน่วยความจาหลกั และหน่วยความจาสารอง3. หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit) เป็ นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ที่ใช้สาหรับติดต่อกับผูใ้ ช้ เพื่อนาขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการประมวลผล มาเปลี่ยนให้อยูใ่ นรูปแบบท่ีเหมาะสมแลว้ แสดงผลออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีมนุษย์สามารถเขา้ ใจได้ เช่น จอภาพ เคร่ืองพิมพ์ ลาโพง เป็นตน้

7 ที่กล่าวมาแล้ว คือการมองอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามหน้าที่ และลักษณะการทางานของคอมพิวเตอร์ แต่ถา้ จะมองส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถมองเห็นเป็ นรูปธรรมน้นัสามารถแบง่ ส่วนประกอบหลกั ของเครื่องคอมพิวเตอร์ออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. จอภาพ (Monitor) 2. ชุดซีพยี ู (CPU Set) 3. แป้ นพมิ พ์ (Keyboard) จอภาพ (Monitor) จอภาพเป็นอุปกรณ์แสดงผลคลา้ ยกบั จอโทรทศั น์ จะต่างกนั ก็ตรงท่ีไมม่ ีภาครับสัญญาณ และความละเอียดที่แตกต่างกนั เท่าน้นั นอกจากน้นั โดยหลกั การแล้วก็จะเหมือนกนั มีส่วนประกอบหลกั ดงั ตอ่ ไปน้ี  ป่ ุมสวติ ชเ์ ปิ ด-ปิ ด (On-Off Switch)  ป่ ุมปรับแตกตา่ งหรือความคมชดั ของภาพ (Contrast)  ป่ ุมปรับความเขม้ ของแสง (Brightness)  ป่ ุมปรับขนาดความกวา้ งของจอ (Horizontal & Vertical Size)  ป่ ุมปรับตาแหน่งจอภาพ ซา้ ย ขวา บน ล่าง (Position)  ป่ ุมปรับพิเศษอื่น ๆ  สายนาสญั ญาณภาพ  สายไฟเล้ียง AC 220 V จอภาพที่ใช้กบั คอมพิวเตอร์โดยทว่ั ไปจะมีอยูม่ ากมายหลายแบบ โดยในที่น้ีจะแบ่งชนิดของจอภาพออกเป็น 2 ชนิดดว้ ยกนั คือ จอที่มีสีเดียว กบั จอที่แสดงผลไดห้ ลายสี 1. Mono คือ จอภาพท่ีแสดงผลไดเ้ พยี งสีเดียว o Monochrome o VGA Mono 2. Color คือ จอภาพที่สามารถแสดงผลไดห้ ลายสี o VGA (Video Graphics Array) o SVGA (Super Video Graphics Array) สามารถแสดงสีไดต้ ้งั แต่ 16 สี -16.7 ลา้ นสี o LCD (Liquid Crystal Display) จอภาพสีท่ีเป็ นผลึกเหลว

8 ภาพที่ 1-5 แสดงตวั อยา่ งของจอภาพที่ใชง้ านในปัจจุบนั ชุดซีพยี ู (CPU Set) ภายในกล่องของชุดซีพียจู ะประกอบไปดว้ ยอุปกรณ์หลกั ต่าง ๆ ไดแ้ ก่ แผงวงจรหลกั (MainCircuit Board) แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) ตวั ขบั จานแผน่ แม่เล็ก (Disk Drive) และแผงวงจรเช่ือมระหวา่ งแผงวงจรหลกั กบั อุปกรณ์เช่ือมต่อภายนอก (Interface Card) เป็นตน้ แผงวงจรหลกั (Main Circuit Board/Main Board) ถา้ ถามวา่ ในคอมพิวเตอร์มีส่วนประกอบอะไรสาคญั ที่สุด คาตอบท่ีออกมาเป็ นเสียงเดียวกนัก็คือ ซีพียู รองลงมาคือ หน่วยความจาหลกั จะมีสักกี่คนท่ีนึกถึงความสาคญั ของเมนบอร์ดกนั บา้ งสายใยสัมพนั ธ์แห่งครอบครัวท่ีร้อยรัดอยไู่ ดม้ ิใช่เพราะมี \"บา้ น\" หรอกหรือครับ ลาพงั ซีพียอู ยา่ งเดียวจะไปทาอะไรได้ แผงวงจรหลกั หรือที่เรียกกนั ว่าเมนบอร์ดเมนบอร์ดน้นั เป็ นส่วนประกอบพ้ืนฐานท่ีสาคญั มากตวั หน่ึงของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซ่ึงจะทาหน้าที่เป็ นส่วนท่ีจะรองรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อ่ืน ๆ ที่จะมาประกอบกนั เป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยส่วนประกอบภายในของเมนบอร์ดจะเป็นแผงรวมวงจรอิเล็กทรอนิกส์ตา่ งๆ สาหรับควบคุมการทางานของระบบและรองรับส่วนประกอบอื่น ๆ ท่ีจะนามาเชื่อมต่อกบั ส่วนประกอบหลกั ๆ ท่ีมีอยู่ภายในเมนบอร์ด ไดแ้ ก่ระบบบสั แบบต่าง ๆ ชิพเซ็ต ซีพียู ซ็อคเก็ตแบบต่าง ๆ หน่วยความจาหลกั หน่วยความจาสารองการ์ดสาหรับเชื่อมตอ่ กบั อุปกรณ์ภายนอก รวมท้งั คอนโทรลเลอร์แบบตา่ ง ๆ เป็นตน้

9ภาพท่ี 1-6 แสดงตวั อยา่ งแผงวงจรหลกั (Main Board)ภาพที่ 1-7 แสดงโครงสร้างของแผงวงจรหลกั ทวั่ ไป

10 ระบบเส้นทางเดินสัญญาณและข้อมูล (BUS System) ระบบ BUS ทาหนา้ ท่ี เป็ นเส้นทางเดินของสัญญาณท่ีใชส้ าหรับการติดต่อและส่งผา่ นขอ้ มูลระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เพราะในการทางานต่าง ๆ ซีพียูจะตอ้ งมีการติดต่อและส่งผ่านสัญญาณรวมท้งั ขอ้ มูลกบั อุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะน้นั เส้นทางเดินของขอ้ มูลและสัญญาณดงั กล่าวเรียกวา่ “ระบบบสั ” ซ่ึงภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีบสั อยหู่ ลายชนิดดว้ ยกนั ซ่ึงก็ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของอุปกรณ์ท่ีจะติดต่อ เช่น Data Bus, Address Bus, Memory Bus เป็ นตน้ เม่ือซีพยี ตู อ้ งการเรียกขอ้ มูลท่ีอยใู่ นหน่วยความจา ซีพียจู าเป็นตอ้ งทราบตาแหน่งที่อยขู่ องขอ้ มูล(เหมือนกบั การส่งจดหมายซ่ึงผสู้ ่งตอ้ งทราบที่อยขู่ องผรู้ ับจึงจะส่งจดหมายไดถ้ ูกตอ้ ง) คอมพิวเตอร์เองก็จาเป็ นตอ้ งมีการระบุตาแหน่งของขอ้ มูลดว้ ยเช่นกนั ซ่ึงเรียกบสั ชนิดน้ีวา่ แอดเดรส (Address)โดยขอ้ มูลท่ีเก็บอยใู่ นหน่วยความจาจะมีท่ีอยทู่ ่ีไมซ่ ้ากนั ในการอา่ นหรือเก็บขอ้ มูลลงหน่วยความจาน้นั ซีพียจู ะใช้ Address Bus เป็ นตวั เลือกตาแหน่งของขอ้ มูลในหน่วยความจาก่อน จากน้นั จึงจะมีการดึงขอ้ มูลผา่ นทาง Data Bus ซ่ึงในการส่งสัญญาณหรือขอ้ มูลระหวา่ งอุปกรณ์ต่าง ๆ น้นั จะถูกควบคุมโดยซีพียผู า่ นทาง Control Bus อีกทีหน่ึง และในการท่ีจะส่งผา่ นขอ้ มูลไดด้ ีน้นั จะข้ึนอยกู่ บั2 ปัจจยั หลกั นน่ั คือ จานวนเส้นทางเดินของขอ้ มูลหรือขนาดความกวา้ งของ Data Bus (บิต) และความถ่ีของบสั ขอ้ มูล (MHz) ถา้ เปรียบกบั ถนนจานวนเส้นทางของบสั ขอ้ มูลก็เปรียบเสมือนจานวนเลนที่ใหร้ ถวง่ิ ยิง่ มีจานวนบิตมากเท่าใด ก็สามารถที่จะส่งขอ้ มูลไดม้ ากข้ึนเท่าน้นั ส่วนความถี่ของบสั ขอ้ มูลก็คือ จานวนรอบในการรับ-ส่งขอ้ มูลของบสั ท่ีสามารถทาไดต้ ่อ 1 วนิ าที เพราะฉะน้นั ถา้นาเอาขนาดของ Data Bus มาคูณกบั ความถี่ของบสั ขอ้ มูล ก็จะไดค้ ่าของอตั ราการรับ-ส่งขอ้ มูลสูงสุดออกมา เช่น ซีพยี ู Pentium 4 มีขนาดความกวา้ งของ Data Bus จานวน 64 บิต และความถ่ีของData Bus เท่ากบั 800 MHz ก็จะไดค้ า่ ของอตั ราการรับ-ส่งขอ้ มูลสูงสุดเท่ากบั 64 บิต * 800 MHz =5.12 GB/Sสรุป Address Bus คือ เส้นทางท่ีใชอ้ า้ งอิงตาแหน่งท่ีเกบ็ ขอ้ มูลในหน่วยความจา Data Bus คือ เส้นทางที่ใชร้ ับ-ส่งขอ้ มลู ระหวา่ งซีพียกู บั หน่วยความจา Control Bus คือ เส้นทางที่ซีพยี ใู ชส้ ่งสญั ญาณเพื่อการควบคุมการทางานอุปกรณ์ตา่ ง ๆ

11 ชิพเซ็ต (Chipset) Chipset ทาหน้าที่ควบคุมการทางาน และกรรมวิธีในการทางานของอุปกรณ์ทุกส่วนที่เช่ือมต่ออยกู่ บั เมนบอร์ดท้งั หมดในคอมพิวเตอร์ โปรเซสเซอร์ถือเป็ นหวั ใจหลกั ในการประมวลผลแต่ซีพียจู ะประมวลผลไดน้ ้นั ตอ้ งมีการรับ-ส่งขอ้ มูลจากหน่วยความจาหลกั จากอุปกรณ์รับเขา้ -ส่งออก (Input-Output) จากอุปกรณ์ต่อพว่ งต่าง ๆ ซ่ึงการควบคุมการทางาน กลวิธีในการต่อเชื่อมการรับ-ส่งขอ้ มูลเหล่าน้นั ถูกควบคุมโดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีโครงสร้างคลา้ ยซีพียู ซ่ึงเรียกวา่“ชิปเซ็ต” งานทุกอยา่ งที่ซีพียไู ม่ไดก้ ระทาจะถูกทาโดยชิปเซ็ตไดแ้ ก่ การควบคุมและเป็ นทางผา่ นของขอ้ มลู จากอุปกรณ์ตา่ ง ๆ เช่น การส่งขอ้ มูลจากหน่วยความจาหลกั ไปยงั ซีพียู การส่งผา่ นขอ้ มูลจากฮาร์ดดิสก์ จากไดร์ฟซีดี-รอม รวมถึงการส่งขอ้ มูลของแผงวงจร (Card) ต่าง ๆ เช่น VGA Card,AGP Card, Sound Card งานเหล่าน้ีเกิดข้ึนโดยการควบคุมของ Chipset ท้งั สิ้น จะเห็นไดว้ า่ ขอ้ มูลท้งั หมดที่ผา่ นเขา้ ออกจากซีพียจู ะตอ้ งผา่ น Chipset ให้ Chipset เป็ นผจู้ ดั การท้งั สิ้น โดยทว่ั ไปแลว้Chipset บนเมนบอร์ดจะมีอยู่ 2 ตวั คือ Northern Bridge หรือ Chipset หลกั ทาหนา้ ที่ควบคุมการทางานของอุปกรณ์ท่ีทางานดว้ ยความเร็วสูง เช่น ซีพยี ู หน่วยความจา RAM และการ์ดจอแบบ AGPเป็ นตน้ และ Chipset อีกตวั หน่ึงเรียกวา่ Southern Bridge หรือ Chipset รองทาหนา้ ท่ีควบคุมการทางานของอุปกรณ์ที่ทางานดว้ ยความเร็วต่า เช่น การ์ดต่างๆ ท่ีติดต้งั บน PCI Slot, Hard disk, CD-ROM รวมท้งั อุปกรณ์ต่อพว่ งอื่น ๆ ปัจจุบนั มีผผู้ ลิต Chipset หลายรายดว้ ยกนั รายใหญ่ที่สุดคือIntel รายยอ่ ยๆ ลงไปไดแ้ ก่ VIA, SiS, Nvidia ผผู้ ลิตแต่ละรายต่างก็พยายามพฒั นาให้ Chipset ของตวั เองทางานไดด้ ีท่ีสุด ผนวกเอาเทคโนโลยใี หม่ ๆ เขา้ มาไวใ้ หม้ ากท่ีสุด ภาพท่ี 1-8 แสดงตวั อยา่ งของ Chipset

12 ภาพที่ 1-9 แสดงหนา้ ท่ีการทางานควบคุมองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของ Chipset สลอ็ ตขยาย (Expansion Slot) Expansion Slot หรือ สล็อตขยาย ทาหน้าที่เป็ นช่องเสียบสาหรับการ์ดขยายเพิ่มเติม สืบเน่ืองมาจาก ความตอ้ งการของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในยุคเพนเทียมตน้ ๆ มาตรฐานของคอมพิวเตอร์ คือ เมนบอร์ด ซีพียู การ์ด I/O ฮาร์ดดิสก์ ฟล็อปป้ี ดิสกไ์ ดรฟ์ การ์ดแสดงผล ทาให้ผูผ้ ลิตเล็งเห็นวา่ เพ่ือลดตน้ ทุนการผลิต จึงออกแบบเมนบอร์ดที่มีสล๊อตขยาย เพ่ือให้ผใู้ ช้งานมีโอกาสที่จะเลือกอุปกรณ์สาหรับคอมพิวเตอร์ของตนเองได้ และอีกประการหน่ึงคือ เพ่ือเป็ นการลดตน้ ทุนของคอมพิวเตอร์ท้งั ชุดลงไป สล๊อตขยายจึงได้ถูกออกแบบมาเพ่ือรองรับวตั ถุประสงค์ดงั กล่าว หนา้ ตาของสลอ็ ตขยายจะมีลกั ษณะเป็นช่องสาหรับติดต้งั อุปกรณ์ท่ีแตกตา่ งกนั ออกไปตามมาตรฐานของการ์ดที่จะนามาเสียบ ซ่ึงมาตรฐานของสล๊อตขยายที่มีใช้กนั อยู่ในปัจจุบนั ได้แก่มาตรฐานแบบ ISA มาตรฐานแบบ PCI มาตรฐานแบบ AGP และมาตรฐานแบบ CNR โดยการการพฒั นาระบบบสั จะเร่ิมตน้ มาจากระบบบสั แบบ ISA (Industry Standard Architecture) ท่ีมีขนาดบสั เท่ากบั 16 บิต มีความเร็ว 8 MHz และต่อมาไดม้ ีการพฒั นาระบบบสั ข้ึนมาใหม่ช่ือว่า MCA(Micro Channel Architecture), EISA (Extend Industry Standard), VESA (Video ElectronicsStandard Association) และ VL-bus ตามลาดบั แต่ ไม่ค่อยไดร้ ับความนิยม ต่อมาบริษทั Intel ได้นาเสนอบสั แบบ PCI (Peripheral Connection Interface) ที่มีการเพ่ิมความเร็วในการติดต่อระหวา่ งซีพียูกบั อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สูงข้ึนและยงั สามารถยงั ใช้งานร่วมกบั การ์ดท่ีเป็ น 64 บิตไดด้ ้วย และปัจจุบนั ยงั คงเป็ นท่ีนิยมใชใ้ นเคร่ือง Pentium และ Apple ซ่ึงจะนิยมใชก้ บั การ์ดโดยทว่ั ไป แต่ PCIจะมีปัญหาคือยงั ไม่สามารถแสดงผลทางกราฟิ กท่ีสามารถสนบั สนุนกบั ความเร็วของซีพียไู ดด้ ีพอ

13ดงั น้นั อินเทลจึงไดพ้ ฒั นาใหม้ ีระบบบสั แบบ AGP (Accelerated Graphics Port) สาหรับเร่งความเร็วในการแสดงผลกราฟิ กใหด้ ียง่ิ ข้ึน เพอ่ื ใหส้ ามารถทางานร่วมกบั ซีพียทู ่ีมีความเร็วสูงได้ Bus Type Data Bus(Bit) Bus Frequency(MHz)PCI Express 64 250 – 4GB AGP 64/128 66/133/266/333/400 PCI 32 / 64 33 ISA 8 16ตารางเปรียบเทียบจานวน Data Bus และความถี่ของ Bus แต่ละชนิด สาหรับในปัจจุบนั ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่จะมีสล็อตแบบพิเศษเขา้ มา โดยสล็อตชนิดน้ีจะเป็ นสล็อตพิเศษสาหรับเสียบต่ออุปกรณ์เฉพาะ เช่น การ์ด LAN หรือโมเด็มแบบที่ติดต่อกบั ชิปเซ็ตโดยตรง ช่ือวา่ สล็อต CNR (Communication Network Riser) AGP Slot PCI Slot ISA Slot ภาพที่ 1-10 แสดงตวั อยา่ งของสลอ็ ตแบบต่างๆ Socket หรือ Slot สาหรับหน่วยความจา Socket หรือ SlRotAสMาหรับเสียบหน่วยความจา RAM เป็นสล็อตสาหรับรองรับหน่วยความจาชนิด RAM ซ่ึงจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ SIMM และ แบบ DIMMภาพที่ 1-11 แสดง Socket สาหรับเสียบหน่วยความจา RAM แบบ DIMM

14 IDE Controller (IDE1, IDE2) IDE Controller เป็ นจุดสาหรับใชใ้ นการเชื่อมต่อ CD-ROM, CD-RW, DVD คาวา่ IDE ยอ่มาจาก Integrated Drive Electronics หรือบางทีเขาก็เรียกกนั วา่ ATA (AT Attachment) เป็ นแบบมาตรฐานถูกกาหนดข้ึนมาใชใ้ นการเคลื่อนยา้ ยขอ้ มูลระหวา่ งหน่วยความจาดิสกท์ ี่เช่ือมต่อกบั IDEController ซ่ึงเป็ นท่ีนิยมใชก้ นั มานานแลว้ โดยวงจรควบคุมท้งั หมดจะอยบู่ นตวั ไดร์ฟ เพียงแต่ต่อสัญญาณท่ีจาเป็นออกมาจากบสั ISA เท่าน้นั ซ่ึงสัญญาณที่ต่อออกแต่ละชุดหรือแชนเนล (Channel)จะใชค้ วบคุมอุปกรณ์ เช่น ฮาร์ดดิสกไ์ ดร์ฟหรือไดร์ฟซีดีรอมได้ 2 ตวั โดยตวั แรกเรียกวา่ Master ตวัท่ีสองเรียกวา่ Slave (มีจม๊ั เปอร์เป็ นตวั แบ่ง) โดยทวั่ ไปแลว้ เมนบอร์ดทวั่ ไปหน่ึงตวั จะมีสัญญาณต่ออกมาได้ 2 แชนแนล คือ IDE1 และ IDE2 ซ่ึงดิสก์ที่อยูใ่ นแชนแนลเดียวกนั จะทางานพร้อมกนัไม่ได้ ตอ้ งทาทีละตวั จึงเป็ นสาเหตุใหม้ ีการแบ่งแยกเป็ น Master และ Slave โดยจะทางานรับส่งขอ้ มูลในโหมดความเร็วระดบั เดียวกนั สาหรับปัจจุบนั รูปแบบการอินเตอร์เฟสที่ใช้งานกนั อยู่จะเรียกวา่ Enhanced IDE (ในฮาร์ดดิสกบ์ างรุ่นเรียกวา่ ATA-2 หรือ Fast ATA) ซ่ึงสามารถใชก้ บัฮาร์ดดิสกข์ นาดใหญ่ข้ึนเป็นหลายกิกะไบต์ และมีความเร็วในการรับส่งขอ้ มูลสูงข้ึน ส่วนรุ่นท่ีนิยมกนั ในปัจจุบนั คือ  Ultra ATA/33  Ultra ATA/66  Ultra ATA/100/133/150 IDE2 IDE1 ภาพท่ี 1-12 แสดงจุดเช่ือม IDE Controller

15 ภาพที่ 1-13 แสดงรูปแบบการเช่ือมต่อฮาร์ดดิสกแ์ ละซีดีรอม FDD Controller FDD Controller เป็ นคอนโทรลเลอร์สาหรับใช้เชื่อมต่อกบั ฟล็อปป้ี ดิสก์ไดร์ฟ สามารถเชื่อมต่อกบั กบั ฟล็อปป้ี ดิสกไ์ ดร์ฟได้ 2 ไดร์ฟดว้ ยกนั แตป่ ัจจุบนั ใชง้ านแคเ่ พยี งไดร์ฟเดียว คือไดร์ฟA ซ่ึงเป็นแบบ 3.5 นิ้ว ความจุ 1.44 MB พอร์ต (Port) Port พอร์ต เป็นคาทบั ศพั ทใ์ นทางคอมพิวเตอร์ เพราะเรียกกนั จนเคยชิน พอร์ตขนาน พอร์ตอนุกรม ขอ้ เทจ็ จริงมาจาก ในเมนบอร์ดน้นั ถูกสร้างดว้ ยสถาปัตยกรรมเรียกวา่ BUS เป็ นเมนบอร์ดBUS แบบไหน PCI /ISA BUS ก็คือ ช่องทางเดินของขอ้ มูล เพราะสัญญาณหรือขอ้ มูลจะวง่ิ ผา่ นลายทองแดงตลอดเวลา แตเ่ มื่อไรก็ตามท่ีขอ้ มลู เหล่าน้นั วงิ่ ไปสุดถนน หรือสุดชายฝั่ง จะตอ้ งมี \"ท่า\"เช่น \"ท่ารถ\" \"ท่าเรือ\" สาหรับขนส่งโดยอุปกรณ์ชนิดอื่นต่อไป เช่นไปท่ี \"Air Port\" ท่าอากาศยานเพอื่ ส่งไปทางเครื่องบิน ในคอมพวิ เตอร์ก็เช่นเดียวกนั ขอ้ มลู ที่จะตอ้ งถูกลาเลียงออกโดยเคร่ืองพิมพ์จะตอ้ งถูกส่งไปท่ี Parallel Port หรือ Printer Port หรือขอ้ มูลท่ีจะตอ้ งถูกนาไปยงั ปลายทางโดยทาง

16โมเดม็ ก็จะตอ้ งถูกส่งไปที่ Communication Port (หรือเรียกกนั วา่ COM Port ความหมายที่แทจ้ ริงคือพอร์ตสื่อสาร) o Serial Port เป็ นพอร์ตท่ีรับส่งขอ้ มูลทีละบิตเรียงกนั ไป จึงเรียกวา่ “พอร์ตอนุกรม”เป็ นไปตามมาตรฐาน 232 ต่อสายยาวได้ถึง 100 ฟุต ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลประมาณ 10กิโลไบตต์ ่อวนิ าที ใชก้ บั โมเดม็ และเมาส์ o Parallel Port เป็ นพอร์ตที่รับส่งขอ้ มูลไดท้ ีละ 8 บิตพร้อม ๆ กนั จึงเรียกวา่ “พอร์ตขนาน” รับ-ส่งขอ้ มูลได้แบบ 2 ทิศทาง ไม่ควร ต่อสายยาวเกิน 3- 5เมตร ความเร็วในการรับ-ส่งขอ้ มูลไดเ้ กิน 100 กิโลไบตต์ ่อวนิ าที ใชก้ บั เครื่องพิมพ์ และแล็บลิงค์ o PS/2 เป็ นพอร์ตอนุกรมท่ีทามาใชก้ บั เคร่ือง PS/2 ของ IBM ปัจจุบนั พฒั นามาใชก้ บัเมาส์และคียบ์ อร์ดในเครื่องคอมพวิ เตอร์พซี ี o USB(Universal Serial Bus ) เป็นพอร์ตอนุกรมความเร็วสูงแบบใหม่ท่ีกาลงั เขา้ มามีบทบาทมากข้ึนในการต่อกบั อุปกรณ์ที่มีขอ้ มูลมากๆ เช่น กลอ้ งดิจิตอล เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์รวมท้งั สามารถเช่ือมต่ออุปกรณ์ไดห้ ลายตวั ผา่ น USB HUB ความเร็วในการรับ - ส่งขอ้ มูลไดต้ ้งั แต่12 เมกกะบิตต่อวนิ าที จนถึงหลายร้อยเมกกะบิตตอ่ วนิ าที o o ภาพที่ 1-14 แสดงตวั อยา่ งของพอร์ตแบบตา่ ง ๆ ซพี ยี ู (Central Processing Unit) ซีพียู หรือไมโครโปรเซสเซอร์ คือ หน่วยประมวลผลกลางซ่ึงถือเป็ นหัวใจหลกั ในการประมวลผลของคอมพวิ เตอร์ โดยพ้นื ฐานแลว้ ซีพียทู าหนา้ ท่ีประมวลผลขอ้ มูลทางคณิตศาสตร์ และขอ้ มูลเชิงตรรกะ รวมท้งั ควบคุมการทางานท้งั หมดของระบบ ปัจจุบนั ผูพ้ ฒั นาซีพียูต่างก็มีการพฒั นาซีพียกู นั อยา่ งไม่หยุดหยอ่ น ไม่วา่ จะเป็ น Intel, AMD ต่างก็มีการประกาศตวั ซีพียใู หม่ๆ และชิงกนั พฒั นาเทคโนโลยีการประมวลผลใหม่ ๆ เสมอ การแข่งขนั กนั ดา้ น ซีพียู น้นั เพิ่มข้ึนเรื่อย ๆท้งั ในดา้ นของราคา ประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถท่ีเพม่ิ เติมเขา้ มาใหม่ ๆ ทาใหเ้ กิดการแข่งขนั

17เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดน้นั รุนแรงข้ึนทุก ๆ วนั ซ่ึงเม่ือก่อนน้นั ก็ตอ้ งยกให้ Intel เป็ นเจา้ ผคู้ รองตลาด ซีพียู แทบจะผกู ขาดแต่เพียงผเู้ ดียว แต่เม่ือไม่นานมาน้ี บริษทั ที่แยกตวั ออกมาจาก Intel และทาการผลิต ซีพียู ของตนเอง ใชช้ ื่อบริษทั วา่ AMD (Advance Micro Device) โดยแรก ๆ น้นั ก็อาศยัแต่เพียงชื่อเสียงและสถาปัตยกรรมของ Intel เพ่ือขอมีส่วนแบ่งในตลาดบา้ งเท่าน้นั แต่ต่อ ๆ มาก็กลบั คิดและออกแบบสถาปัตยกรรมของตนข้ึนมาเพื่อลบลา้ งคากล่าวท่ีวา่ ลอกเลียนแบบ Intel และยงั มีประสิทธิภาพที่สูง รวมถึงราคาน้นั ก็ต่ากวา่ ซีพียู ของ Intel ในรุ่นเดียวกนั อีก จนกระทง่ั ปัจจุบนัน้นั ก็ไดม้ ีส่วนแบ่งในตลาด ซีพยี ู ท่ีสูงทดั เทียมกบั ทาง Intel แลว้ AMD จะสามารถเทียบรอยเทา้ ของIntel ท้งั ในดา้ นของประสิทธิภาพและส่วนแบ่งตลาด ปัจจุบนั น้ี ซีพียู รุ่นล่าสุดจากท้งั 2 ตระกูลตระกลู ไหนดี มีประสิทธิภาพต่อราคาท่ีสูงท่ีสุด คือสิ่งจาเป็ นที่ผบู้ ริโภคจะตอ้ งรู้เร่ืองเหล่าน้ีดว้ ย ซ่ึงซีพียขู องแต่ละตระกูลน้นั ก็มีจุดเด่น จุดดอ้ ย ที่ต่างกนั และมีความสามารถที่เด่น ๆ ต่างกนั ดงั น้นัผูบ้ ริโภคก็ย่อมจะเลือกในสิ่งท่ีดีที่สุดและเหมาะสมท่ีสุดสาหรับการใช้งาน ในปัจจุบนั ซีพียูในทอ้ งตลาดของท้งั 2 ตระกูลยกั ษ์ใหญ่ ซ่ึงจะมีภาพรวมในการพฒั นาซีพียูเป็ นไปดงั แผนผงั ในรูปต่อไปน้ี Intel AMD Pentium AMD K6-X Pentium II Celeron Atlon Duron Celeron II AthlonPalomino Duron MorganPentiumIII Celeron 4 Athlon Barton Duron Appoloosa IIIPentium 4 ภาพท่ี 1-15 แสดงแผนผงั การพฒั นาซีพยี ขู อง 2 ตระกลู โดยปกติในการพิจารณาซีพียูจะพิจารณาจากความเร็วของซีพียู โดยยึดเอาความเร็วของสัญญาณนาฬิกาเป็ นตวั อา้ งอิง เช่น ซีพียู Pentium 4 – 2.4 GHz (GHz มีช่ือเรียกเตม็ วา่ Giga Hertzเป็นหน่วยวดั ความถ่ีที่เทา่ กบั หน่ึงพนั ลา้ นรอบ/วนิ าที) แตจ่ ริงๆ แลว้ คา่ ความเร็วของสัญญาณนาฬิกาที่ซีพียูใช้อยู่น้นั ไม่สามารถใช้เป็ นตวั อา้ งอิงได้เสมอไปว่าซีพียูตวั ใดจะเร็วกว่ากนั แต่จะตอ้ ง

18พิจารณาถึงสถาปัตยกรรมภายในของซีพียดู ว้ ยวา่ ซีพียแู ต่ละตวั ต่างกนั อยา่ งไร เช่น ขนาดของ DataBus ขนาดของหน่วยความจา Cache เป็นตน้ แต่สาหรับในปัจจุบนั ถา้ มองโดยภาพรวมแลว้ ซีพียทู ี่ใช้กบั เคร่ืองพีซีทวั่ ไปจะมีขนาดของ Data Bus อยทู่ ่ี 32 บิตเกือบท้งั หมด เพ่ิงจะมีการพฒั นาซีพียแู บบ64 บิต ออกมาบา้ ง เช่น AMD Athlon 64 เป็ นตน้ แต่ถือวา่ ยงั อยใู่ นระยะเริ่มตน้ เพราะฉะน้นั เวลาพิจารณาซีพยี จู ึงไมค่ ่อยไดพ้ ดู ถึงขนาดของ Data Bus มากนกั เพราะมีขนาดเท่ากนั อยแู่ ลว้ ส่วนขนาดของหน่วยความจา Cache ก็จะข้ึนอยกู่ บั รุ่นตา่ ง ๆ ของซีพียซู ีพีแต่ละตระกลู เม่ือพดู มาถึงจุดน้ีหลาย ๆ คนคงสงสยั ข้ึนมาทนั ทีเลยใช่ไหมครับวา่ หน่วยความจา Cache มนัคืออะไร และทาหน้าที่อะไรในเคร่ื องคอมพิวเตอร์ ก็จะถือโอกาสอธิบายน้ีอธิบายเรื่ องหน่วยความจา Cache เพ่ือความกระจ่างเสียเลยก็แลว้ กนั หน่วยความจา Cache คือ หน่วยความจาชนิดหน่ึง ซ่ึงจะมีความเร็วในการเขา้ ถึงและการถ่ายโอนขอ้ มูลที่สูงโดยจะมีหนา้ ท่ีในการเก็บ พกัขอ้ มูลที่มีการใชง้ านเสมอ ๆ (ขอ้ มูลที่ซีพียูมีการเรียกใช้งานส่าเสมอ) เพ่ือเวลาที่ซีพียูตอ้ งการใช้ขอ้ มูลน้นั ๆ จะไดค้ น้ หาไดเ้ ร็ว โดยไม่จาเป็ นที่จะตอ้ งไปคน้ หาขอ้ มูลท้งั หมดจากหน่วยความจาภายนอกผ่านระบบบสั อีก ซ่ึงจะช่วยลดเวลาในการทางานท่ีซ้าซ้อนลงนนั่ เอง เป็ นผลทาให้ซีพียูสามารถทางานไดเ้ ร็วยิ่งข้ึน โดยเขาจะออกแบบเอาหน่วยความจา Cache ใส่ไวใ้ นชิพซีพียู ซ่ึงจะทางานเป็นหน่วยความจาที่คนั่ กลางอยรู่ ะหวา่ งซีพียกู บั หน่วยความจา RAM ดงั รูป RAM DiskCPU Cache ภาพท่ี 1-16 แสดงหลกั การทางานของหน่วยความจา Cache ต้งั แต่อดีตจนมาถึงปัจจุบนั มีการพฒั นาซีพียอู ย่างต่อเนื่อง ต้งั แต่รุ่น 386 และ486 หลายรุ่นออกมา แตว่ า่ ซีพยี ทู ้งั สองรุ่นที่กล่าวมาน้นั ปัจจุบนั ไม่มีใหใ้ ชง้ านอีกแลว้ ในท่ีน้ีจึงไม่ขอกล่าวถึงในรายละเอียดแต่จะขอแนะนาเฉพาะรุ่นที่มีใชก้ นั อยใู่ นทอ้ งตลาด ไดแ้ ก่

19 ซีพยี ูตระกลู อนิ เทลPentium Pentium เป็ นซีพียูท่ีได้รับการพฒั นาต่อมาจากรุ่น 486 ให้มีความเร็วมากข้ึนอีกท้ังได้ปรับปรุงวิธีการประมวลผลในรูปแบบใหม่ คือ เพ่ิมประสิทธิภาพในการส่งผ่านขอ้ มูลด้วย DataBus ขนาด 64 บิต และแบง่ การประมวลผลออกเป็น 2 ส่วนให้ทางานพร้อมกนั โดยมีหน่วยความจาCache ขนาด 16 KB โดยแบ่งการทางานเป็ น 2 ส่วน คือ ใชป้ ระมวลผลคาสั่ง (Instruction Cache) 8KB และ ใชป้ ระมวลผลขอ้ มลู (Data Cache) อีก 8 KB จึงทาใหส้ ามารถประมวลผลคาสง่ั ไดม้ ากกวา่หน่ึงคาส่ังในเวลาเดียวกนั ภายในตวั ซีพียปู ระกอบดว้ ยทรานซิสเตอร์ประมาณ 3.1 ลา้ นตวั ใชบ้ นMain board แบบ PGA ซ่ึงมีจานวนช่องขาสาหรับใส่ pin ท้งั หมด 296 ขา หรือ ท่ีเรียกกนั จนติดปากวา่ เป็ น Socket 7 นนั่ เอง และไฟเล้ียงของ ซีพียู ก็เปลี่ยนมาเป็ น 5 Volt ใน Pentium รุ่นแรก ๆ(Pentium 60 และ Pentium 66) แต่ต่อมา3.3 Volt เพราะการใชไ้ ฟท่ี 5 Volt น้นั ทาให้ความร้อนที่เกิดข้ึนสูงมาก จึงไดล้ ดไฟเล้ียงลง รวมถึงเปลี่ยนมาใช้ ระบบ Front Side Bus ท่ี 50, 60 และ 66MHz ดว้ ยตามลาดบั ภาพที่ 1-17 แสดงตวั อยา่ งของซีพียู PentiumPentium Pro Pentium Pro เป็นซีพียทู ี่ไดร้ ับการพฒั นาตอ่ มาจากรุ่น Pentium เป็ นซีพียทู ี่ไดร้ ับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้สามารถทางานร่วมกบั ระบบปฏิบตั ิการและโปรแกรมแบบ 32 บิตโดยตรง และภายในตวั ชิพยงั มีหน่วยความจา Cache ระดบั ที่1 จานวน 8K+8K เท่ากบั รุ่น Pentium แต่ไดร้ วมเอาหน่วยความจา Cache ระดบั 2 ที่มีขนาด 256 KB, 512 KB หรือ 1MB มีการเพ่ิมชุด Pipeline เป็ น 3ชุด และแยกข้นั ตอนการทางานออกเป็ นถึง 14 ข้นั ตอน จึงทาให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเป็นไปไดส้ ูงข้ึน อีกส่ิงหน่ึงท่ีเปล่ียนไป ก็คือ Interface ที่ใช้ ซ่ึงจากเดิมใชบ้ น Socket 7 ก็หนั มาใชท้ ่ีSocket 8 แทน

20Pentium MMX Pentium MMX เป็ นซีพียทู ี่ไดเ้ พ่ิมขนาดหน่วยความจา Cache ระดบั ที่ 1 เป็ น Cacheสาหรับประมวลผลคาสัง่ และCacheสาหรับการจดั การขอ้ มูลอีก 16 KB+16 KB รวมเป็ น 32 KB พร้อมดว้ ยการรวมเอาชุดคาส่ังท่ีสนบั สนุนการทางานกบั ระบบมลั ติมิเดีย MMX (Multimedia extension) ไว้ภายในตวั ชิพที่เพิ่มเขา้ มาอีก 57 คาส่ัง เพื่อจดั การกบั งานในมลั ติมีเดีย โดยเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมทางานเกี่ยวกบั ระบบเสียง (Audio) ภาพกราฟิ ก 2 มิติ (2D) ภาพกราฟิ ก 3 มิติ (3D)ภาพเคล่ือนไหวต่าง ๆ และรวมไปถึงระบบการวเิ คราะห์และจดจาเสียงพดู (Voice Recognition)และการสื่อสารผา่ นโมเดม็ จึงสามารถเพ่มิ ความเร็วในการทางานสาหรับโปรแกรมทวั่ ๆ ไปข้ึน 10-20% เม่ือเทียบกบั Pentium ธรรมดาที่มีความถ่ีสญั ญาณนาฬิกาเดียวกนัPentium II (Klamath, Deschutes) Pentium II Klamath เป็ นซีพียทู ่ีไดพ้ ฒั นาและปรับปรุงเอาคุณสมบตั ิของ Pentium Pro ที่มีความเร็วในการประมวลผล รวมเขา้ กบั เทคโนโลยี MMX ท่ีมีความโดดเด่นในด้านมลั ติมีเดียสนบั สนุนระบบการเล่นวีดีโอแบบเตม็ จอภาพ และสนบั สนุนภาพเคล่ือนไหวท่ีสมบูรณ์แบบ และแสดงภาพกราฟิ ก 3 มิติไดอ้ ย่างสมจริง อีกท้งั มีการปรับปรุงความสามารถดา้ นการสื่อสารขอ้ มูลผา่ นทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดย Pentium II ซ่ึงใชเ้ ทคโนโลยีการผลิตขนาด 0.35 ไมครอน มีการเพิ่ม Cache ระดบั 1 เป็ น 32 KB แบ่งเป็ น Cacheสาหรับประมวลผลคาสั่ง และ Cacheสาหรับการจดั การขอ้ มูลอย่างละ 16 KB และมีการเพิ่มขนาดหน่วยความจา Cache ระดบั ที่ 2 เพ่ือช่วยเพ่ิมความเร็วในการดึงขอ้ มูลให้เร็วย่ิงข้ึนถึง 512 KB อยใู่ นบรรจุภณั ฑเ์ ดียวกนั CPU โดยอยบู่ นแผงPCB (Print Circuit Board) เดียวกนั ไม่ไดร้ วมเขา้ ไวก้ บั Core CPU เหมือนกบั Pentium Pro ทาให้Cache ระดบั 2 น้ี ทางานดว้ ยความเร็วเป็ นคร่ึงหน่ึงของ CPU ดว้ ยคุณสมบตั ิเหล่าน้ีที่มารวมกนั ได้ทาให้ Pentium II เป็นซีพียทู ่ีมีประสิทธิภาพท้งั ในงานการประมวลผลขอ้ มูล งานดา้ นมลั ติมิเดีย งานดา้ นเครือข่ายสาหรับเป็ นเซิร์ฟเวอร์ และเวริ ์กสเตชนั่ ในระดบั มาตรฐาน และไดเ้ ปล่ียนรูปแบบการInterface ที่เชื่อมต่อระหวา่ งซีพียกู บั Main board เป็นแบบใหม่ที่เรียกวา่ Slot-1 (สล็อตวนั ) ภาพที่ 1-18 แสดงตวั อยา่ งของซีพยี ู Pentium IIPentium II Deschutes

21 เป็ น Pentium II ตวั ถดั มาซ่ึงไดพ้ ฒั นาข้ึนจาก Klamath เดิมโดยลดขนาดเทคโนโลยีการผลิตลงมาเหลือเพียง 0.25 ไมครอนและใชไ้ ฟเล้ียง 2.0 Volt มีรุ่นความเร็วต้งั แต่ 266 MHz ถึง 450MHz ใช้ FSB 66 MHz (สาหรับรุ่น 266, 300, 333 MHz) และ FSB 100 MHz (สาหรับรุ่น 350, 400,450 MHz) มี Cache ระดบั 1 ขนาด 32 K และ Cache ระดบั 2 ขนาด 512K เหมือน ๆ กบั รุ่นKlamath และยงั คงใชง้ านบน Interface แบบ Slot-1เหมือนเดิมโดยเริ่มวางตลาด เมื่อ 26 มกราคม ปีค.ศ. 1998 โดยรุ่นน้ีจะมี Code Name วา่ DeschutesIntel Celeron Intel Celeron (SEPP / PPGA 370) ถึงแมว้ า่ Intel Pentium II ที่ออกมาน้นั จะมีประสิทธิภาพที่ดูแลว้ เด่นและน่าสนใจมาก ๆ แต่ก็ติดปัญหาที่ราคาซ่ึงจดั วา่ สูงมาก ทาใหไ้ ม่สามารถเขา้ มามีส่วนแบ่งในตลาดระดบั ล่างได้ ทาง Intelจึงไดเ้ ปิ ดตวั Celeron ข้ึน โดยใชส้ ถาปัตยกรรมภายในเดียวกนั กบั Intel Pentium II โดยมีหน่วยจาCache L1 จานวน 32 KB เท่าเดิมแต่ไดต้ ดั เอาหน่วยความจา Cache ระดบั 2 ออกไป และไดผ้ ลิตออกมา 2 รุ่นคือ ที่ความเร็ว 266 และ 300 MHz ซ่ึงราคาถูกกวา่ Pentium II ท่ีความเร็วเท่า ๆ กนัเกือบคร่ึงเลยทีเดียว และใชก้ าร Interface กบั Mainboard โดยใช้ Slot-1 เหมือน Pentium II แต่ดูเหมือนวา่ การตดั Cache ระดบั 2 ออกไปน้นั มีผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมเป็ นอยา่ งมากและย่ิงเป็ นจุดที่ทาใหค้ ู่แข่งไดม้ ีโอกาสซ้าเติมตรงน้ีและใชข้ อ้ บกพร่องตรงน้ีของ Celeron มาพฒั นาซีพียขู องตนใหเ้ ป็ นจุดเด่นแทน ก็เลยทาให้ทาง Intel ตดั สินใจใส่ Cache ระดบั 2 เขา้ ไปดว้ ย แต่ไม่ไดเ้ อาไปไวบ้ นชิพโดยตรงอยา่ ง Pentium II หากแต่นาไปวางไวบ้ นแผน่ Siligon เดียวกนั กบั ซีพียู เลยทาให้Cache ระดบั 2 ที่เพิ่มเขา้ ไปน้นั ทางานดว้ ยความเร็ว เท่ากนั กบั ซีพียเู ลยทีเดียว แต่ขนาดของ Cacheระดบั 2 ที่เพม่ิ เขา้ ไปน้นั จะมีเพียงแค่ 128K หรือเป็ น 1/4 ของขนาดของ Cache ระดบั 2 ใน PentiumII เท่าน้นั ภาพที่ 1-19 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพยี ู Celeron แบบ SEPPและ PPGA 370

22Intel Pentium II Xeon Pentium II Xeon เป็ นซีพียทู ี่ถูกพฒั นาเพ่ิมสูงข้ึนจาก Pentium II คือมี Cache ระดบั 1 อยใู่ นตวั ชิพแบ่งเป็ น Cacheสาหรับประมวลผลคาสั่ง 16 KB และ Cacheสาหรับการจดั การขอ้ มูลอีก 16KB รวมเป็ น 32 KB แต่การเพิ่มขนาดหน่วยความจา Cache ระดบั ท่ี 2 เป็ น 512 KB, 1MB, 2 MBเพื่อช่วยเพ่ิมความเร็วในการดึงขอ้ มูลให้เร็วยิ่งข้ึน และเปลี่ยนการInterface แบบใหม่เป็ น Slot-2(สล็อตทู) และไม่สามารถใชด้ ว้ ยกนั ไดก้ บั Slot-1 เหมาะสาหรับงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เป็ นเซิร์ฟเวอร์และเวริ ์คสเตชนั่ ในระดบั กลางและระดบั สูงIntel Pentium III (Katmai) ก่อนหนา้ น้นั Intel ไดป้ ระกาศวา่ Pentium III น้นั จะใชเ้ ทคโนโลยีขนาด 0.18 Micron ใช้ไฟเล้ียง 1.8 Volt และมี Cache ระดบั 1 ขนาด 64 K ดว้ ย แต่เม่ือถึงเวลาจริง ๆ น้นั ปรากฏวา่ ยงั คงเป็ นเทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron ใชไ้ ฟเล้ียง 2.0 Volt และยงั คงมี Cache ระดบั 1 เพียง 32 KBเช่นเดียวกบั Pentium II เลย จากขอ้ มูลหลาย ๆ แหล่ง กล่าววา่ Pentium III น้นั ใช้ สถาปัตยกรรมแกนหลกั (Core) เดียวกนั กบั Pentium II นนั่ ก็คือใช้ Deschute Core เช่นเดิมเพียงแต่ไดเ้ พิ่มเติมประสิทธิภาพอยา่ งอื่นเขา้ ไปแทน อาทิ ชุดคาส่ัง SSE (Streaming SIMD Extension) ซ่ึงเป็ นคาสั่งพิเศษสาหรับช่วยจดั การงานดา้ น Multimedia, Internet และ Graphics 3D อีก 70 คาสั่ง และอีกส่วนที่เพิ่มเขา้ ไปคือ Processor Serial Number ซ่ึงจะช่วยดา้ น Internet Security โดยเรียก Core ใหม่น้ีวา่Katmai Core ซ่ึงถา้ หากตดั ความสามารถท้งั 2 อย่างน้ีออกแลว้ ละก็ Pentium III ก็ไม่ต่างจากPentium II เลยทีเดียว ปัญหาหน่ึงที่น่าจะเกิดข้ึนกบั Pentium III หนกั กวา่ Pentium II น้นั ก็คือเรื่องปัญหาดา้ นความร้อนเนื่องจาก Pentium III น้นั มีจานวนทรานซิสเตอร์อดั แน่นอยภู่ ายในซีพียู กวา่9.5 ลา้ นตวั ซ่ึงมากกวา่ Pentium II ถึง 2 ลา้ นตวั และอดั กนั อยบู่ นแผน่ เวเฟอร์ ขนาด 0.25 Micron ผลก็คือความร้อนท่ีเกิดข้ึนกบั ตวั ซีพียนู ้นั สูงกวา่ Pentium II แน่นอน ใชร้ ะบบ FSB ที่ 100 MHz และยงั ใช้การ Interface กบั เมนบอร์ดโดยใช้ Slot-1 เช่นเคย ซ่ึงซีพียรู ุ่นน้ีจะมีความเร็วอยใู่ นช่วง 450MHz – 600 MHzIntel Pentium III (Coppermine) Intel ไดป้ ล่อยตวั ซีพียู Pentium III รุ่นใหม่ที่เรียกวา่ Pentium III Coppermine โดยมีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในอีกไม่นอ้ ย เพ่ือเป็ นการแกต้ วั จากการท่ีรีบปล่อย Pentium III Katmaiออกมาเร็วเกินไปจนทาให้ซีพียู Katmai ท่ีออกมาผิดจากสเปคเดิมที่เคยกล่าวไวบ้ า้ งพอสมควรจุดเด่นต่าง ๆ ของ Pentium III Coppermine ท่ีใชเ้ ทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 ไมครอนมีดงั น้ี มีการลดขนาดของช่องทางการเช่ือมต่อระหวา่ งทรานซิสเตอร์ภายในใหน้ อ้ ยลง ทาให้ติดต่อกนั ไดเ้ ร็ว

23ข้ึน มี Cache ระดบั 2 ขนาด 512 KB ที่อยบู่ นซีพียซู ่ึงสามารถทางานดว้ ยความเร็วเดียวกนั กบั ซีพียูทางานดว้ ยศกั ยไ์ ฟฟ้ าต่าลง คือลดลงมาอยใู่ นระดบั 1.1 - 1.7 Volt กินไฟต่า (ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้ าต่า)ทาให้เกิดความร้อนนอ้ ย แต่ภายในตวั ซีพียบู รรจุทรานซิสเตอร์มากข้ึนเป็ น 28.1 ลา้ นตวั มี Cacheระดบั 2 ท่ีอยบู่ นตวั ซีพียขู นาด 256 KB (Integrated On-Die L2 Cache) ดว้ ยเทคโนโลยใี หม่ที่เพิ่มข้ึนมาน้ี ทาง Intel ก็ไดอ้ า้ งวา่ มนั จะทาให้ Pentium III ท่ีใช้ Coppermine Core มีประสิทธิภาพที่เหนือกวา่ Katmai Core อยถู่ ึง 20% นอกจากน้ี ทาง Intel ยงั ไดเ้ ปล่ียนบรรจุภณั ฑ์แบบใหม่ของPentium III คือ FC-PGA หรือ Flip-Chip Pin Grid Array ซ่ึงใชก้ บั Socket แบบ Socket 370 ไดอ้ ีกดว้ ย โดยบอกวา่ เป็นการลดขนาดของ CPU เพื่อให้ต่อ ๆ ไปผผู้ ลิต PC สามารถออกแบบ Case หรือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้มีรูปทรงกะทดั รัดหรือแปลกใหม่ไดง้ ่ายข้ึน จากการท่ี CPU Pentium III รุ่นใหม่ที่เปิ ดตวั ข้ึนมาน้ีบางรุ่นก็มีระดบั ความเร็วท่ีเท่ากบั รุ่นเดิม (Katmai) ซ่ึงก็อาจสร้างความสับสนให้กบั ท้งั ผซู้ ้ือและผขู้ ายไดด้ งั น้นั ทาง Intel จึงไดก้ าหนดใหใ้ ชต้ วั อกั ษร E และ B กากบั ไวห้ ลงัตวั เลขแสดงความเร็วเพอื่ บง่ บอกถึงคุณสมบตั ิเหล่าน้ี ดงั น้ี ตวั อกั ษร E หมายถึง CPU Pentium III ที่ใชเ้ ทคโนโลยใี นการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน และมี Cache ระดบั 2 อยบู่ น Die เดียวกนั กบั CPUทางานดว้ ยความเร็วเท่ากนั กบั CPU และตวั อกั ษร B หมายถึง CPU Pentium III รุ่นที่ใช้ FSB เป็ น133 MHz เพราะฉะน้นั รุ่นที่มีท้งั ตวั E และ ตวั B ก็จะหมายถึง CPU Pentium III Coppermine ที่ใช้เทคโนโลยกี ารผลิตแบบ 0.18 มี On-Die Full Speed L2 Cache และใช้ FSB 133 MHz ส่วนรุ่นที่มีความเร็วมากกวา่ 650 MHz ข้ึนไป จะใชก้ ารผลิตแบบ 0.18 ไมครอน มี On-Die Full Speed L2Cache และมี FSB 133 MHz ท้งั หมด ดงั น้นั จึงไม่จาเป็ น ตอ้ งมีตวั อกั ษร E หรือ B กากบั ไว้ โดยความเร็วของซีพยี รู ุ่นน้ีจะเริ่มที่ 600 MHz ถึง 1GHz ภาพที่ 1-20 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู Pentium III ท้งั 2 แบบIntel Pentium III (Tualatin) ยงั คงเป็ น Pentium III อีกเช่นเคยหากแต่เปลี่ยนเทคโนโลยกี ารผลิตลดขนาดมาเหลือ 0.13ไมครอน โดยทาง Intel จะออกรุ่นน้ีมาเป็ นตวั ช่วยลดช่องวา่ งระหวา่ ง Pentium III Coppermine กบัPentium4 Willamette นน่ั เอง โดยจะมีท้งั รุ่นท่ีใชก้ บั Desktop PC (รุ่น 1.13 และ 1.2 GHz) ออกสู่

24ทอ้ งตลาดในช่วงไตรมาสท่ี 3 ของปี ค.ศ. 2001 โดยเจา้ Tualatin ในรุ่นน้ีน้นั นอกจากขนาดของเทคโนโลยกี ารผลิตท่ีเลก็ ลงแลว้ กแ็ ทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไปจาก Coppermine เดิมเลย ภาพท่ี 1-21 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพยี ู Pentium III TualatinIntel Celeron II (Celeron Tualatin) เป็ นชื่อของซีพียูตระกูล Celeron รุ่นใหม่ที่ลดขนาดของเทคโนโลยกี ารผลิตเหลือเพียง 0.13ไมครอน โดยใชส้ ถาปัตยกรรมแกนหลกั ของ Pentium III Tualatin นน่ั เอง ภายในซีพยี ปู ระกอบดว้ ยทรานซิสเตอร์ท้งั หมด 28 ลา้ นตวั โดยซีพียรู ุ่นน้ีจะใช้ FSB เป็ น 100 MHz (แต่เดิมน้นั Celeron ใช้FSB 66 MHz) และไดเ้ พิ่มขนาดของ Cache ระดบั 2 ใหใ้ หญ่ข้ึนกวา่ เดิม คือ 128, 256 KB อีกดว้ ยสาหรับซีพียรู ุ่นน้ีจะมีความเร็วเริ่มตน้ กนั ท่ีระดบั 800 MHz เลยทีเดียว เจา้ CPU ตวั น้ีบา้ งก็มองวา่จริง ๆ แลว้ ก็คือ Pentium III Tualatin ท่ีทาง Intel เขี่ยมาเล่นในตลาดระดบั ล่างแทน เพ่ือยกตลาดระดบั กลางและสูงใหก้ บั Pentium4 ต่อไปนนั่ เอง ภาพที่ 1-22 แสดงภาพดา้ นล่างของซีพยี ู Celeron TualatinPentium 4 Willamette สาหรับ Pentium 4 ตวั แรกจะเป็ น CPU ที่พฒั นาต่อจาก Coppermine โดยยงั คงเป็ น CPU ในสถาปัตยกรรมแบบ IA-32 อยู่เช่นเคยมีการใช้ System Bus แบบใหม่ท่ีเรียกวา่ Quad Pumpedกล่าวคือแมจ้ ะใชค้ วามเร็วบสั ของระบบเป็ น 100 MHz เท่าเดิมแต่วา่ ความเร็วบสั ภายในของ CPUจะเป็นถึง 400 MHz Willamette น้ีแรกเร่ิมเดิมทีก็วา่ จะมาพร้อมๆ กบั Cache ระดบั 1 ขนาด 256 KBและมี Cache ระดบั 2 ในระดบั 1024 KB หรือน้อยกว่า แต่พอเปิ ดตวั มาจริง ๆ ภายใตช้ ่ือของPentium 4 Willamette ก็กลบั หนั มาใช้ Cache ระดบั 1 ขนาด 64 KB และมี Cache ระดบั 2 เพียง 256

25KB เกือบ ๆ จะเหมือนกบั Pentium III เลยดว้ ยซ้า นอกจากน้ีทาง Intel ก็ยงั ไดท้ าการปรับปรุงในส่วนของการประมวลผลต่าง ๆ ด้วย ท้งั การเพิ่ม Buffer หรือ เพ่ิมหน่วยการถอดรหสั เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพใหย้ งิ่ ข้ึนไปอีก หรือเป็ นการปรับปรุงชุดคาสั่ง Streaming SIMD extension หรือ SSEซะใหม่ เป็นรุ่นที่ 2 หรือ SSE2 โดยในรุ่นแรก ๆ น้นั ทาง Intel จะยงั คงใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตขนาด0.18 ไมครอนแต่ในรุ่นถดั ไปน้นั จะลดขนาดลงมาอีก ให้เหลือเพียง 0.13 ไมครอนเท่าน้ัน ซ่ึงความเร็วเร่ิมตน้ ของมนั จะเร่ิมกนั ท่ี 1 GHz หรือมากกวา่ และใชง้ านบน Interface ใหม่ที่ เรียกวา่ เป็ นSocket 423 ส่วนกาหนดการวางตลาดน้นั เริ่มวางตลาดต้งั แต่ไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2001 โดยเริ่มตน้ ความเร็วกนั ที่ 1.3 GHz และรุ่นน้ีทาง Intel จะใหห้ มดท่ีความเร็ว 1.8 GHz ภาพที่ 1-23 แสดงภาพดา้ นบนและล่างของซีพียู Pentium 4 (423)Pentium 4 Northwood เป็ น Pentium4 ในรุ่นที่ 2 ท่ีเร่ิมออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ค.ศ. 2001 โดยเป็ นCPU ท่ีใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตดว้ ยขนาด 0.13 ไมครอน มีการเพิ่มขนาดของ Cache ระดบั 2 ใหใ้ หญ่ข้ึนเป็ น 512 KB และหนั ไปใช้ Interface ใหม่อีกท่ีเรียกวา่ Socket 478 มีความเร็วเร่ิมตน้ กนั ที่ 1.5GHz CPU ตวั น้ีใชร้ ะบบ FSB ที่ 400 MHz, 533 MHz และ 800 MHz ซ่ึงก็เป็ นซีพียทู ีวางขายในทอ้ งตลาดปัจจุบนั โดยช่วงความเร็วของซีพียปู ัจจุบนั อยทู่ ี่ 1.5 GHz – 3.06 GHz และปัจจุบนั ทางไมโครซอฟตไ์ ดอ้ อกซีพยี ู Pentium 4 ตวั ใหม่ ออกมาสาหรับซ่ึงใชเ้ ทคโนโลยี ภาพท่ี 1-24 แสดงภาพดา้ นบนและล่างของซีพยี ู Pentium 4 (478)Intel Pentium 4 Extreme Edition

26 นอ้ ยคร้ังมากท่ี Intel จะพลาดพล้งั และตกเป็ นรองในเร่ืองเทคโนโลยดี า้ นโพรเซสเซอร์ แต่เมื่อเร็ว ๆ มาน้ี Intel ก็ถูก AMD ตียบั แบบเสียหนา้ กระเจิงดว้ ยการออก Athlon 64 ซีพียมู าสู่ตลาดก่อนท่ี Intel จะทนั ทาอะไรแบบไม่เห็นฝ่ ุน ซ่ึงซีพียู AMD Athlon 64 เป็ นซีพียูที่มีเทคโนโลยีกา้ วหนา้ กวา่ ระบบ x86 ค่อนขา้ งมาก อินเทลเองก็ไม่ไดอ้ ยเู่ ฉย และกลบั บอกวา่ ซีพียแู บบ64 บิตน้นัยงั ไม่จาเป็ นในตอนน้ี อยา่ งไรก็ตาม Intel ก็ไม่ยอมที่จะให้ AMD ออก Athlon 64 มาหยามไดน้ าน มากนกั ทาง Intel กไ็ ดเ้ ปิ ดตวั Pentium 4 ประสิทธิภาพสูงท่ีชื่อ Pentium 4 HT Extreme Edition ออกมา โดยอินเทลไดบ้ อกว่าเจา้ Pentium 4 Extreme Edition น้ีน้นั มีประสิทธิภาพสูงมากและเหมาะสาหรับนกั เล่นเกม มากกว่า Athlon 64 FX-51 เสียอีก เพราะฉะน้นั จุดขายของ Pentium 4 HT จึงอยูท่ ี่นกั เล่นเกมมากกวา่ การเอาซีพียเู ร็ว ๆ ไปรัน Office หรือ Internet Browser สาหรับเจา้ Pentium 4HT จะไม่เหมือนกบั Athlon 64 FX-51 ก็ตรงที่เจา้ Pentium 4 HT น้ีไม่ไดม้ ีฐานมาจากระบบแกนหลกั ใหม่ท้งั หมดเหมือน Athlon 64 FX-51 เพราะฉะน้นั คุณสามารถใชเ้ จา้ Pentium 4 ExtremeEdition น้ีกบั เมนบอร์ด Pentium 4 ตวั เก่าของคุณไดเ้ ลย อินเทลไดช้ ยั เหนือคู่แข่งตรงน้ีแหละครับตรงท่ีไม่ตอ้ งเปล่ียนเมนบอร์ดใหม่ หรือหน่วยความจาแรมใหม่ ซ้ือแต่ซีพียูไปใส่อย่างเดียวประหยดั ค่าใชจ้ า่ ยไปไดอ้ ีกเยอะ นอกจากน้นั Intel ยงั ไดใ้ ส่หน่วยความจาของซีพียู (Cache) จากเดิมมีอยขู่ อง P4 3.2 GHz จาก 512 KB ไปเป็ น 2 MB เพ่ิมข้ึนอีกส่ีเท่าจากของเดิม อินเทลไดส้ ร้างPentium 4 Extreme Edtion (P4 EE) เป็นซีพียยู ทู ี่ไม่ไดท้ าข้ึนมาใหม่ แตเ่ ป็นอีกซีรีส์หน่ึงของ P4 เท่าน้นั เอง โดยความเร็วเร่ิมตน้ ของมนั น้นั คือ 3.2 GHz เท่ากบั P4 ท่ีมีอยใู่ นตลาดตอนน้ีเลยCeleron 4 Willamette (Socket 478) หลงั จากที่ Intel เพลี่ยงพล้าต่อ AMD ในตลาด CPU ระดบั ล่างหรือระดบั ผใู้ ชต้ ามบา้ นทว่ั ไปมาคราวน้ี Intel ไดเ้ ผยโฉมอาวุธลบั ตวั ใหม่เพ่ือมาต่อกรกบั Duron Processors จาก AMD โดยการนา Pentium4 ที่ใช้ Core Willamette มาแต่งองคท์ รงเคร่ืองใหม่โดยการลด Cache ระดบั 2 คร่ึงหน่ึงแลว้ เปลี่ยนชื่อเป็น Celeron งานน้ี AMD คงจะหนาว ๆ ร้อนเป็ นแน่ ถา้ ยงั ไม่ออกอาวธุ ตวั ใหม่มาแก้ลากบั Intel ส่วนประสิทธิภาพของ Celeron ตวั ใหม่น้ีจะมีประสิทธิภาพยอดเย่ียมหรือไม่น้นั ตอ้ งมาดูที่สเปคโดยคร่าว ๆ ของ Celeron 4 Processor กนั เลย โดยตวั ซีพียูน้ีจะใช้ Core เดียวกนั กบัPentium4 Willamette โดยใช้ Code name ในการพฒั นาวา่ Willamette - 128 ใชก้ ระบวนการผลิตแบบ 0.18 micron โดยมี Cache ระดบั ท่ี 2 128 KB และ Cache ระดบั ท่ี 1 ขนาด 8 KB โดย Run ท่ีspeed เดียวกบั CPU ใชร้ ะบบบสั ท่ี 400MHz (Quad Pumped) ใช้อินเตอร์เฟซกบั Socket 478รองรับคาส่ังแบบ MMX, SSE และ SSE2 instructions สาหรับในทอ้ งตลาดตอนน้ี ความเร็วในตอนน้ีคือ 1.7GHz , 1.8GHz , 2 GHz, 2.8 GHz และ 3.0 GHz

27 ภาพที่ 1-25 แสดงภาพตวั อยา่ งดา้ นล่างของซีพยี ู Celeron 4 (478) ซีพยี ูตระกูลเอเอม็ ดี (AMD) เป็นคู่รักคู่แคน้ ตลอดกาลกบั ทางอินเทล จนแทบจะเรียกไดว้ า่ เจา้ อื่น ๆ จะเป็นอยา่ งไรจะนาไปเทา่ ไรขา้ ไมว่ า่ อยา่ ใหเ้ ป็ น Intel นาเป็นพอ สาหรับท่ีจะแนะนาต่อไปน้ีจะเริ่มจากAMD K5 หลงั จากที่ทางบริษทั Intel น้นั ไดเ้ ปลี่ยนรูปแบบของช่ือมาใช้แบบท่ีไม่เป็ นตวั เลขหรือรุ่นPentium แลว้ ทาง AMD ก็เอาบา้ ง โดยออกมาเป็ นเจา้ K5 ตวั น้ีทาง AMD ก็กะจะเอามาชนกนั กบัIntel Pentium ซ่ึงซีพยี รู ุ่นน้ีก็มีความเร็วต้งั แต่รุ่น 75 ถึง 166 MHz ใชค้ วามเร็วบสั ของระบบที่ 50-66MHz โดย K5 น้ีก็จะมีอยดู่ ว้ ยกนั ถึง 4 Version แตกต่างกนั นิด ๆ หน่อย โดย Version แรกจะใช้เทคโนโลยีการผลิตดว้ ยขนาด 0.6 ไมครอน ก็คือ K5-75, 90,100 Version ที่ 2 จะใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตขนาด 0.35 ไมครอน ไดแ้ ก่ K5-100 ส่วน Version ถดั มาน้นั ไดม้ ีการปรับปรุง Core ใหม่อีกเล็กนอ้ ย คือรุ่น K5-PR120 และ PR133 ส่วน Version สุดทา้ ยก็คือ K5-PR166 ซ่ึงใชต้ วั คูณที่แปลกแหวกแนวจากชาวบา้ นเขาคือคูณดว้ ย 1.75 ใชง้ านบน FSB 66 MHzAMD K6 เป็ นซีพียใู นรุ่นที่ 6 ของทาง AMD ซ่ึงชิงเกิดก่อน Pentium II ของทาง Intel เพียงเดือนเดียวคือเริ่มวางจาหน่ายในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1997 ใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตขนาด 0.35 ไมครอน เร่ิมตน้ดว้ ยความเร็ว 166 MHz จนถึง 233 MHz ซ่ึงรุ่นหลงั น้ีก็ไดล้ ดขนาดการผลิตเหลือเพียง 0.25ไมครอนดว้ ย โดย K6 น้ี ใชโ้ ครงสร้างสถาปัตยกรรมของ Nx686 ของทาง NexGen ซ่ึงทาง AMDซ้ือบริษทั น้ีเขา้ ไวต้ ้งั แต่ก่อนออก K5 เสียอีก มีขนาดของ Cache ระดบั 1 ที่มากกวา่ Intel PentiumMMX เป็ นอีก 1 เท่าตวั คือมีถึง 64K (Instruction Cache 32K และ Data Cache อีก 32K) นอกจากน้ียงั ไดร้ วมเอาชุดคาสั่ง MMX ของทาง AMD เองเขา้ ไวด้ ว้ ย ส่วนสถาปัตยกรรมโครงสร้างภายในน้นัก็จะเป็ นในรูปแบบของ RISC CPU (Reduced Instruction Set Computer) ใชง้ านบน Socket 7

28นอกเหนือไปจากน้นั ก็มี CPU ในสายน้ีแต่เป็ น CPU สาหรับ Mobile PC น้นั คือ K6 Model 7 ที่มีระดบั ความเร็ว 266 และ 300 MHz ใช้ FSB 66 MHz ดว้ ยเทคโนโลยกี ารผลิตขนาด 0.25 ไมครอน ภาพที่ 1-26 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD K6AMD K6-2 เป็น CPU ตวั ใหม่ที่อยใู่ นสายพนั ธุ์ที่ 6 เช่นเดิม เปิ ดตวั ในราว ๆ พฤษภาคม ค.ศ. 1998 ซ่ึงโดยสถาปัตยกรรมหลกั ๆ แลว้ ก็จะยงั คงคลา้ ย ๆ กบั ทาง K6 เดิมเพียงแต่ไดม้ ีการเพิ่มชุดคาสั่งที่ช่วยในการประมวลผลดา้ น Graphic 3 มิติ ที่เรียกวา่ 3DNow! เขา้ ไวด้ ว้ ย โดย CPU รุ่นน้ียงั คงใช้ Cacheระดบั 2 ท่ีอยบู่ น Main board เช่นเคย ทางานท่ีความเร็วเท่าๆ กบั FSB และมีขนาดต้งั แต่ 512Kจนถึง 2MB สาหรับซีพียรู ุ่นน้ีมีความเร็วเร่ิมตน้ ท่ี 266 MHz ใช้ FSB 66 MHz ส่วนรุ่นความเร็วถดัมา 300 MHz น้นั จะใช้ FSB เป็ น 100 MHz สาหรับCPU K6-2 น้ีมีอยดู่ ว้ ยกนั 2 Version คือVersion แรกอยทู่ ่ีความเร็ว 266 (66x4), 300 (100x3), 333 (95x3.5), 350 (100x3.5) และ 366(66x5.5) MHz ซ่ึงเป็ น Original Version เลย ส่วน Version ถดั มาน้นั ทาง AMD ไดท้ าการปรับปรุงสถาปัตยกรรมแกนหลกั ของ CPU ใหม่ โดยเฉพาะตรงส่วนของการจดั การกบั Cache เรียกวา่ CXTCore ซ่ึงก็ใชใ้ น K6-2 รุ่นความเร็วต้งั แต่ 380 MHz เป็นตน้ มาจนกระทง่ั ถึงระดบั ความเร็ว 550 MHz ภาพที่ 1-27 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพยี ู AMD K6-2

29K6-III (Sharptooth) ก็เป็นรุ่นที่มีการพฒั นาต่อจาก K6-2 อีกทีหน่ึง โดยมาคราวน้ี ทาง AMD ไดจ้ ดั การเอา Cacheระดบั 2 รวมเขา้ ไวใ้ นตวั CPU เลย ดว้ ยขนาด 256 K ท่ีทางานดว้ ยความเร็วเดียวกนั กบั CPU และยงั คงใชไ้ ดก้ บั Interface แบบ Socket 7 เดิม เพราะฉะน้นั จึงมอง Cache ที่อยบู่ น Mainboard เป็ นCache ระดบั 3 ออกสู่ทอ้ งตลาดเม่ือกุมภาพนั ธ์ ปี ค.ศ. 1999 มีออกมาจาหน่ายเพียง 2 รุ่น คือ 400และ 450 MHz และปัจจุบนั ไดย้ กเลิกสายการผลิต CPU Sharptooth น้ีแลว้ ภาพที่ 1-28 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD K6-IIIK7 / Athlon เป็น CPU ตวั แรกของทาง AMD ท่ีพฒั นาข้ึนโดยใชส้ ถาปัตยกรรมของตวั เองท้งั สิ้น เพื่อแยง้ขอ้ ครหาที่วา่ พฒั นา CPU ตามหลงั Intel มาตลอด โดยเจา้ Athlon น้ีเป็ น CPU ที่มีขนาดของ Cacheระดบั 1 ท่ีมากท่ีสุดในทอ้ งตลาดนน่ั ก็คือ 128 K ( Instruction 64K และ Data 64K ) มี Cache ระดบั2 อยใู่ น Package เดียวกนั กบั CPU ทางานดว้ ยความเร็วเป็ นคร่ึงหน่ึง ของความเร็วของ CPU มีการนาเอาระบบบสั แบบ EV6 Bus มาใชซ้ ่ึงใชง้ านบนบสั ของระบบ (FSB) ที่ความเร็ว 100 MHz แต่ดว้ ยคุณสมบตั ิของ EV6 Bus ก็จะทาให้ระบบบสั ภายในของ CPU น้นั เป็ นเท่าตวั ของบสั ของระบบคือเป็ น 200 MHz และคาดวา่ ต่อไปจะทาไดส้ ูงถึง 400 MHz หรือมากกวา่ น้ีอีกดว้ ย ซีพียู Athlon จะมาพร้อม ๆ กบั ชุดคาส่ัง MMX และ 3DNow! รุ่นพฒั นา (เรียกวา่ Enhance 3DNow!) ใชง้ านบนInterface ใหม่ของทาง AMD เอง ซ่ึงเรียกวา่ Slot-A สาหรับซีพยี รู ุ่นน้ีมีความเร็วเร่ิมตน้ ท่ี 500 MHz ภาพท่ี 1-29 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD Athlon (K7)

30AMD Thunderbird Thunderbird หรือ เดิมมีชื่อเรียกวา่ \"Professional Athlon\" เป็ น CPU ท่ีใชเ้ ทคโนโลยีการผลิตขนาด 0.18 ไมครอน โดยจะมี Cache ระดบั 2 แบบ On-Chip ทางานดว้ ยความเร็วเดียวกนั กบัCPU ที่ขนาด 512 KB และเจา้ Thunderbird น้ีเป็น CPU ตวั สุดทา้ ยท่ีใชง้ านบน Slot-A โดยรุ่นแรกๆน้นั จะยงั คงใชง้ านบน Slot-A แต่รุ่นต่อ ๆ มาจะหนั มาใชง้ านบน Socket A ซ่ึงเป็ น Interface ใหม่ของทาง AMD โดยความเร็วเริ่มตน้ ของซีพียทู ี่ Interface บน Socket-A จะเร่ิมที่ความเร็ว1.1 GHzและเร่ิมการจาหน่ายในช่วงไตรมาสท่ี 2 ของปี ค.ศ. 2000 ในรุ่นแรกท่ีวางตลาดน้นั จะมี Cacheระดบั 2 เพียง 256K และมี Cache ระดบั 1 ท่ีขนาด 128KBโดยซีพียู Thunderbird น้ีจะมีท้งั รุ่นที่ใช้งานกบั Slot-A และกบั Socket A แตท่ ่ีเห็นในทอ้ งตลาดจะเห็นเฉพาะท่ีใชก้ บั Socket A ภาพท่ี 1-30 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD Athlon ThunderbirdPalomino XP (Athlon) เป็ นซีพียู Athlon รุ่นใหม่ (Socket A) ท่ียงั คงใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลิตดว้ ยขนาด 0.18 ไมครอนใชท้ องแดงเป็ นตวั เช่ือมต่อภายใน (Copper Interconnect) แต่จะมีความเร็วเริ่มตน้ ท่ี 1.4 GHz และหนั มาใช้ FSB เป็น 266 MHz (DDR) นอกจากน้ีกย็ งั ไดพ้ ฒั นาและปรับปรุงข้ึนจาก Thunderbird อีกมากมายท้งั เร่ืองของ Branch Prediction หรือเร่ืองของความร้อนในขณะทางานท่ีลดนอ้ ยลงกวา่ เดิมหรือเร่ืองของ Hardware Prefects นอกจากน้ีก็ยงั ไดท้ าการ Optimize ในส่วนของแกนหลกั ท้งัพฒั นาในส่วนของ FPU (หน่วยประมวลผลเชิงทศนิยม) และ ALU (หน่วยประมวลผลเชิงตรรกะ)อีกดว้ ย เร่ิมตน้ ผลิตในตน้ ปี ค.ศ. 2002 และเร่ิมจาหน่ายจริงในไตรมาสถดั ไป แต่ส่ิงที่น่าประหลาดใจมากๆ ก็คงไม่พน้ คือเจา้ Palomino น้ี จะเป็ น CPU ของ AMD ตวั แรก ท่ีเอาชุดคาส่ังของ IntelSSE หรือ Streaming SIMD Extension (Katmai) มาใช้ โดยที่ไดท้ ราบกนั ดีอยู่แลว้ วา่ ชุดคาส่ังดงั กล่าวเป็นชุดคาสัง่ ที่ทาง Intel ไดจ้ ดลิขสิทธ์ิเอาไวแ้ ลว้ ถา้ AMD จะมาใชก้ ต็ อ้ งเสียค่าหวั คิวให้กบัทาง Intel แลว้ AMD น้นั เป็นคู่แข่งกบั Intel อยา่ งน้ีกย็ งิ่ น่าสนใจ

31 ภาพท่ี 1-31 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD Athlon Palomino XPThoroughbred (Athlon) เป็ นซีพียู Athlon ในรุ่นถดั มาจาก Palomino (Socket A) ที่ลดขนาดของเทคโนโลยีการผลิตลงมาเหลือเพียง 0.13 ไมครอน และใช้ทองแดงเป็ นตัวเช่ือมต่อภายในตวั ชิฟเช่นเดิม (CopperInterconnect) และมีความเร็วเริ่มตน้ กนั ท่ี 1.73 GHz เริ่มตน้ สุ่มตวั อยา่ งผลิตในราวไตรมาสสุดทา้ ยของปี ค.ศ. 2001 และ ผลิตเป็น Production จริง ๆ ในไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2002 ภาพท่ี 1-32 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพยี ู AMD Athlon ThoroughbredBarton (Athlon) Barton น้ี เป็ น Athlon ในรุ่นถดั จาก Thoroughbred จะใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.13ไมครอน พร้อมดว้ ยเทคโนโลยีใหม่ SOI (Silicon On Inulator) ซ่ึงจะช่วยเพ่ิมความเร็วของ CPUข้ึนมาอีก 20% แลว้ ยงั จะช่วยลดความร้อนลงไดอ้ ีกDuron (Spitfire) เป็ นซีพียทู ่ีใชส้ ถาปัตยกรรมเดียวกนั กบั Athlon รุ่นที่ใช้ Socket A (Socket-462) แต่เป็ นรุ่นราคาต่าเพราะมีขนาดของ Cache ระดบั 2 (L2) ท่ีนอ้ ยกวา่ Thunderbird เหลือประมาณคร่ึงหน่ึง ใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 0.18 ไมครอน เช่นเคย คาดวา่ จะมีจาหน่ายในราว ปลาย ๆ ไตรมาสแรกหรือตน้ ๆ ไตรมาสท่ี 2 ของปี ค.ศ. 2000 ท้งั Spitfire และ Thunderbird ในรุ่นแรกน้ียงั คงผลิตดว้ ยAluminium และยงั คงใช้ Aluminium สาหรับทาหนา้ ท่ีเป็ นตวั Interconnect ดว้ ยแต่ Thunderbird รุ่น

32ใหม่ท่ีจะหนั ไปใชง้ านบน Socket A น้นั จะใช้ Copper (ทองแดง) เป็ นตวั ต่อเช่ือมภายในที่เรียกวา่Copper-Interconnect แลว้ ภาพที่ 1-33 แสดงภาพตวั อยา่ งของซีพียู AMD DuronDuron Morgan เป็ นซีพียู Duron ใน Generation ท่ี 2 (Socket A) มีความเร็วเร่ิมตน้ ท่ี 900 MHz ยงั คงใช้เทคโนโลยีการผลิตดว้ ยขนาด 0.18 ไมครอน ยงั คงมี Cache ระดบั 1 ขนาด 128KB และ Cacheระดบั 2 ขนาด 64 KB แต่อาจปรับไปใช้ FSB 266 MHz (DDR) แทน คือ ใชส้ ถาปัตยกรรมแกนหลกั เดียวกนั กบั Palomino นนั่ เอง แต่จุดต่างกนั อีกจุดหน่ึง ก็คือยงั คงใชอ้ ลูมิเนี่ยมเป็ นตวั เช่ือมต่อภายใน (Aluminum Interconnect) เช่นเดิม เร่ิมสุ่มตวั อยา่ งผลิตในไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2002 และเริ่มส่งจาหน่ายจริงในไตรมาสถดั ไปDuron Appoloosa เป็ นซีพียู Duron ใน Generation ท่ี 3 (Socket A) มีความเร็วเร่ิมตน้ ท่ี 1 GHz และหนั มาใช้เทคโนโลยีการผลิตลดลงดว้ ยขนาด 0.13 ไมครอน และใชส้ ถาปัตยกรรมแกนหลกั เดียวกบั AthlonThroughbred ตา่ งกนั แคข่ นาดของ Cache ระดบั 2 เทา่ น้นั โดยจะเริ่มผลิตหลงั จาก Morgan ไม่นานSledgeHammer SledgeHammer หรือ K8 ซีพียู 64 Bit ในสาย x86 ตวั แรกของทาง AMD ท่ีเรียกวา่ x86-64เป็ น CPU ที่เนน้ สาหรับใชง้ านดา้ น Server / Workstation ใชเ้ ทคโนโลยีการผลิตดว้ ยขนาด 0.13ไมครอน รองรับการใชง้ านแบบ 4-8 way Multi Processorz นอกจากน้ี ก็ยงั มีการใชง้ านระบบบสัแบบใหม่ ท่ีเรียกวา่ Lighting Data Transport หรือ LDT ซ่ึงจะมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ EV6และ/หรือ EV7 Bus ผนวกกบั เทคโนโลยี SOI หรือ Silicon On Inulator ซ่ึงจะช่วยเพิ่มความเร็วของCPU ข้ึนมาอีก 20% แลว้ ยงั จะช่วยลดความร้อนลงไดอ้ ีกไม่นอ้ ย เริ่มตน้ สุ่มตวั อยา่ งทดสอบในไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2002 และเริ่มผลิตเป็น Production ในไตรมาสถดั ไป

33AMD Athlon 64 สาหรับซีพียยู ี่ห้อ AMD Athlon 64 ซ่ึงเป็ นซีพียทู ่ีทางานแบบ 64 บิตสาหรับเคร่ืองเดสทอ๊ ปซ่ึงทางเอเอ็มดีไดอ้ อกแบบซีพียตู วั น้ีมาโดยใชอ้ ินเตอร์เฟสแบบ Socket 754 pin ที่ความเร็ว 2 GHz หรือ 3200+ สาหรับในรุ่นสาหรับเคร่ือง High-end น้นั จะออกมาโดยใชอ้ ินเตอร์เฟส แบบ Socket 940 pin ซ่ึงจะเรียกซีพียรู ุ่นน้ีวา่ Athlon FX-51 ซ่ึงมีรูปแบบค่อนขา้ ง เหมือนกนั กบั ตวั Opteron ในเร่ืองของประสิทธิภาพน้นั รุ่น 3200+ ของ Athlon 64สามารถท่ีจะนาไปเทียบเคียงไดก้ บั รุ่น AthlonXP และ P4 3.2GHz หน่วยความจา (Memory) Carบd)นเมนบอร์ดของเคร่ืองคอมพิวเตอร์จะมีหน่วยความจาซ่ึงเป็ นแหล่งสาหรับเก็บ และพกัขอ้ มูลการทางานของคอมพิวเตอร์ หน่วยความจาที่ว่าน้ีก็คือหน่วยความจาหลักน่ันเอง ซ่ึงหน่วยความจาหลกั จะประกอบดว้ ย ROM และ RAM โดยท่ี  ROM (Read Only Memory) หรือ หน่วยความจาถาวร จะเป็ นหน่วยความจาที่สามารถอ่านขอ้ มูลไดเ้ พียงอยา่ งเดียว (แต่ปัจจุบนั สามารถแกไ้ ขไดด้ ว้ ย: CMOS) หน่วยความจาส่วนน้ีจะทาหนา้ ที่เก็บขอ้ มูลพ้ืนฐานของเคร่ืองเอาไว้ สามารถเก็บรักษาขอ้ มูลได้ ถึงจะแมจ้ ะไม่มีเล้ียง ซ่ึงตวั ท่ีอยบู่ นเมนบอร์ด คือ ROM BIOS ซ่ึงเก็บขอ้ มูลพ้นื ฐานของเคร่ืองเอาไว้ ภาพที่ 1-34 แสดงตวั อยา่ งของหน่วยความจา ROM  RAM (Random Access Memory) หรือ หน่วยความจาชว่ั คราว ที่สามารถอ่านและเขียนขอ้ มูลได้ แต่จะเก็บรักษาขอ้ มูลไดเ้ ฉพาะตอนท่ีมีไฟเล้ียงเท่าน้ัน จะใช้ในการเก็บ และพกั ขอ้ มูลรวมท้งั โปรแกรม ในขณะท่ีทางานกบั เครื่องคอมพิวเตอร์ ซ่ึงปัจจุบนั ก็มีอยหู่ ลายชนิดหลายรูปแบบเช่น SDRAM, DDRSDRAM และ RDRAM เป็นตน้ ภาพที่ 1-35 แสดงตวั อยา่ งของหน่วยความจา RAM

34 การ์ดสาหรับเช่ือมต่ออปุ กรณ์ภายนอก (Interface) Card)การ์ดแสดงผล (VGA Card) การ์ดแสดงผล (Video Card/Display Adapter) เป็ นอุปกรณ์ที่ใชแ้ ปลงสัญญาณทางดิจิตอลที่ซีพียูประมวลผลเสร็จแล้วให้เป็ นสัญญาณภาพท่ีแสดงผลผ่านจอคอมพิวเตอร์ ชนิดของการ์ดแสดงผลจะเป็ นตวั กาหนดความเร็วในการประมวลผล ความละเอียด และ ความคมชัดของภาพกราฟิ ก รวมท้งั จานวนสีที่สามารถแสดงผลดว้ ยการ์ดแสดงผลที่ทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพอนั เน่ืองมาจากการมีหน่วยประมวลผลขอ้ มูลกราฟิ ก (Graphics Processor Unit : GPU) และหน่วยความจาสาหรับพกั ข้อมูลที่อยู่บนการ์ดแสดงผล โดยการ์ดท่ีมีชิพ GPU สาหรับเร่งการแสดงผล สามารถที่จะเพ่ิมประสิทธิภาพให้กบั ซีพียู ในการวาดรูปทรงเรขาคณิต ภาพเคล่ือนไหวและภาพ 3 มิติ ทาให้ภาพท่ีแสดงออกมาสมบูรณ์ยิ่งข้ึน ซ่ึงการ์ดแสดงผลแบบน้ีบางทีเรียกว่าAccelerated Card ซ่ึงถูกออกแบบให้ใช้งานอยู่บน AGP Slot ซ่ึงเป็ นระบบบัสที่มีความเร็วสูงฉะน้นั เวลาท่ีจะพจิ ารณาซ้ือการ์ดแสดงผล ส่ิงที่จะตอ้ งพิจารณา ไดแ้ ก่ คุณสมบตั ิความสามารถของชิพ GPU หน่วยความจา ความละเอียดในการแสดงผล อตั ราการรีเฟรชหน้าจอ ปัจจุบนั อาจจะรวมถึง TV OUT ดว้ ย สาหรับชิพ GPU ท่ีนิยมในทอ้ งตลาดไดแ้ ก่ GeForce , SIS, NVIDIA, ADiเป็ นตน้ ภาพที่ 1-36 แสดงตวั อยา่ งของการ์ดแสดงผลการ์ดเสียง (Sound Card) การ์ดเสียง (Sound Card) ป็ นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการสร้างและจดั การระบบเสียงท่ีไดจ้ ากการประมวลผลของซีพียูออกทางลาโพง (Speakers) ถือเป็ นส่วนประกอบของระบบมลั ติมีเดียในคอมพิวเตอร์ ซ่ึงหากไม่มีแลว้ ก็เหมือนรับชมหนงั ใบท้ ่ีมีแต่ภาพแต่ไม่มีเสียง ปัจจุบนั สามารถจดั แบง่ การ์ดเสียงออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นน่ั คือ

35 o ประเภท Sound on board เป็ นชิพประมวลผลเสียง ที่ติดต้งั มาพร้อมกบั เมนบอร์ดและChipset ที่ใช้งาน (ฝังตวั อยู่บนเมนบอร์ด) ซ่ึงแบบน้ีมีข้อดีตรงท่ีราคาถูกและประหยดั แต่ประสิทธิภาพในการทางานไมด่ ีนกั เพราะจะทางานไดใ้ นระดบั พ้นื ฐานเท่าน้นั o ประเภทที่แยกเป็ น Card แยกออกมาต่างหาก จะดูเป็ นทางเลือกที่ดีกว่า ซ่ึงการ์ดเสียงแบบน้ีจะใหป้ ระสิทธิภาพในการทางานที่ดีกวา่ และผใู้ ชส้ ามารถจะเลือกไดต้ ามความตอ้ งการของผใู้ ชเ้ อง หากคุณกาลงั มองหาการ์ดเสียงมาใชง้ านสักตวั หน่ึงกม็ ีเทคนิค เล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ท่ีควรพิจารณานน่ั คือ พิจารณาเทคโนโลยที ี่สนบั สนุน เน่ืองจากมาตรฐานของเทคโนโลยีทางดา้ นการ สังเคราะห์เสียงไดพ้ ฒั นาไปมากปัจจุบนั จะเนน้ ระบบเสียง 3 มิติและใหเ้ สียงที่สมจริง เพ่ืออรรถรสในการเล่นเกม และดูหนงั ฟังเพลง นนั่ ก็คือ รองรับมาตรฐาน Direct Sound 3D หรือไม่ คุณภาพการสังเคราะห์เสียง สาหรับการ์ดเสียงในทอ้ งตลาดมีอยมู่ ากมายหลายบริษทั ยกตวั อยา่ ง เช่น Creative เป็นตน้ ภาพที่ 1-37 แสดงภาพตวั อยา่ งของการ์ดเสียง โมเดม็ (MODEM) โมเด็ม (Modulator/Demodulator) เป็ นอุปกรณ์ท่ีทาหนา้ ท่ีแปลงสัญญาณจากอนาล็อกเป็ นดิจิตอลและดิจิตอลเป็ นอนาล็อก เป็ นอุปกรณ์ที่ทาใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์สามารถติดต่อ ส่ือสารกบัระบบคอมพิวเตอร์อ่ืน ๆ ผา่ นทางเครือข่ายสายโทรศพั ทไ์ ด้ มาตรฐานของโมเด็มที่ใชใ้ นปัจจุบนั จะมีมาตรฐาน V.90 และ V.92 ของ ITU ท่ีใหค้ วามเร็วในการทางานรับ-ส่งขอ้ มูลสูงสุด 56 กิโลบิตต่อวินาที เวลาจะซ้ือโมเด็มจะตอ้ งคิดให้รอบคอบ ว่าตอ้ งการโมเด็มแบบไหน ความเร็วเท่าไหร่เทคโนโลยอี ะไร เป็นตน้ ปัจจุบันความเร็วของโมเด็มธรรมดา จะมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล 56 kbps (แต่ขอ้ เท็จจริงคือความเร็วในการรับ-ส่ง สูงสุดจะอยแู่ ค่ 52-53 kbps) ในเรื่องของความเร็วน้นั จะทาให้

36การต่ออินเทอร์เน็ตทาได้เร็วข้ึนนั่นก็ถูกตอ้ ง แต่ไม่ท้งั หมดเพราะยงั มีอีกหลายปัจจยั ท่ีมีผลต่อความเร็วในการเชื่อมต่อ เช่น สายโทรศพั ทท์ ่ีใช้ แบนดว์ ธิ ของไอเอสพที ี่ใชบ้ ริการอยู่ เป็นตน้ รูปแบบการติดต้งั ขอ้ พิจารณาหน่ึงท่ีควรพิจารณาในการเลือกซ้ือโมเด็มก็คือจะใชโ้ มเด็มแบบติดต้งั ภายใน (Internal) หรือติดต้งั ภายนอก (External) ซ่ึงท้งั สองแบบจะแตกต่างกนั ดว้ ยเหตุผลดงั ต่อไปน้ี o แบบติดต้ังภายใน จุดเด่นของโมเด็มแบบติดต้งั ภายในประกอบด้วย ราคาถูกกว่าไม่เปลืองพ้นื ที่ใชส้ อยเพราะโมเดม็ จะถูกติดต้งั ไวใ้ นตวั เครื่อง กินไฟนอ้ ย สาหรับโมเด็มแบบน้ีรุ่นใหม่จะติดต้งั ง่ายมากดว้ ยระบบ plug & play และอีกส่วนหน่ึงท่ีคิดวา่ เป็ นจุดเด่นซ่ึงหลายคนยงั ไม่รู้ก็คือโมเด็มแบบติดต้งั ภายในจะมีความเร็วในการติดต่อสูงกวา่ โมเด็มแบบติดต้งั ภายนอก เพราะขอ้ มูลไม่ตอ้ งเดินทางผา่ นสายทาให้ขอ้ มูลท่ีไดส้ ่งเขา้ ตวั เครื่องไดท้ นั ที สาหรับจุดดอ้ ยของโมเด็มประเภทน้ีคือ เม่ือทางานไปนาน ๆ จะเกิดความร้อนสะสมภายในเครื่อง แถมยงั กินไฟจากเพาเวอร์ซพั พลายดว้ ย และยงั มีปัญหาการมี IRQ ท่ีขดั แยง้ กบั อุปกรณ์เช่ือมต่อบางตวั ท่ีติดต้งั ภายนอกเคร่ือง o แบบติดต้ังภายนอก จุดเด่นขอ้ แรกของโมเด็มประเภทน้ีคือ ติดต้งั ง่าย เพียงทาตามคู่มือท้งั การต่อพอร์ต และการลงไดรเวอร์ จุดเด่นขอ้ ต่อมาคือ สามารถเคล่ือนยา้ ยโมเด็มไปติดต้งั กบัคอมพวิ เตอร์เคร่ืองไหนก็ได้ ไม่ตอ้ งเปิ ดเครื่องแกะฝาออกมาใหย้ งุ่ ยาก เวลาเครื่องทางานก็มีแผงไฟแสดงสถานะการทางานของโมเด็มให้ผใู้ ชท้ ราบตลอดเวลา สาหรับขอ้ ดอ้ ยของโมเด็มประเภทน้ีก็คือมีราคาแพง และตอ้ งมีพ้ืนที่สาหรับวางโมเด็ม ซ่ึงก็จะทาให้สิ้นเปลืองพ้ืนที่ในการทางานส่วนหน่ึงไป แตก่ ็ไมม่ ากนกั เพราะโมเดม็ แบบติดต้งั ภายนอกสมยั น้ีมีขนาดเลก็ ลงมากเมื่อเทียบกบั รุ่นเก่า ภาพท่ี 1-38 แสดงตวั อยา่ งของโมเดม็ แบบติดต้งั ภายในและภายนอกDSL Modem (Digital Subscriber Line) เป็ นเทคโนโลยีที่จะแปลงสายโทรศพั ท์ธรรมดาให้สามารถ รับส่งข้อมูล อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไดโ้ มเด็ม DSL สามารถ ทางานไดเ้ ร็วกวา่ โมเด็มอนาล็อก ในปัจจุบนั (56 Kbps) ถึง 20เทา่ ตวั และเป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่พร้อมใชง้ าน ตลอด 24 ชวั่ โมง โดยไม่ตอ้ งเสียเวลาหมุนต่อเลข

37หมายผา่ นโมเด็มหากแต่ เสียค่าใชจ้ ่าย เฉพาะเม่ือมี การใชง้ านจริงเท่าน้นั นอกจากน้ี DSL ยงั เป็ นเทคโนโลยที ่ีช่วยใหค้ ุณใชโ้ ทรศพั ทไ์ ดใ้ นขณะใชง้ านอินเทอร์เน็ต ไดอ้ ีกดว้ ยลกั ษณะเฉพาะของ DSL โมเดม็ DSL ทางานไดเ้ ร็วกวา่ โมเด็มแบบอนาล็อก ดว้ ยความเร็วสูงสุดในการดาวน์สตรีมได้ถึง 8 Mbps และ อพั สตรีมที่ 1 Mbps โดยเร็วกวา่ โมเดม็ 56 kbps ในปัจจุบนั ถึงเกือบ 100 เท่าตวั เช่นขอ้ มูลขนาด 10 MB โมเด็มปัจจุบนั ใชเ้ วลาในการดาวน์โหลดถึง 30 นาที แต่ดว้ ยเทคโนโลยีความเร็วสูงของ DSL จึงใชเ้ วลาเพียงแค่ 15 วินาที เท่าน้นั ดว้ ยความเร็วที่มากเป็ นพิเศษน้ีเอง คุณจึงสามารถส่งสญั ญาณเสียง ขอ้ มลู แมก้ ระทง่ั วดิ ีโอ ผา่ นสายโทรศพั ทธ์ รรมดาไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน ซ่ึงขอ้ จากดั ของความเร็วในการทางานของ DSL น้นั อยู่ที่ระยะระหวา่ ง DSL โมเด็มกบัชุมสายโทรศพั ทแ์ ละคุณภาพของสายโทรศพั ท์ DSL แยกการทางานเป็นอิสระจากโทรศพั ท์ - ท่านสามารถใชอ้ ินเทอร์เน็ตและใชโ้ ทรศพั ท์ไดใ้ นเวลาเดียวกนั โดยโมเด็มพิเศษน้ี จะทาหนา้ ที่แยกสัญญาณโทรศพั ทอ์ อกเป็ น ระดบั ความถี่ต่างๆ คือ ความถี่ระดบั ต่าใชส้ ่งสัญญาณเสียง (Voice) ส่วนความถี่ระดบั สูงใชส้ ่งขอ้ มูล (Data) คุณจึงไม่พลาดการรับสายเรียกเขา้ อีกต่อไป หมดปัญหาในการตอ้ งหยุด ใช้อินเทอร์เน็ตเพ่ือท่ีจะใช้โทรศพั ท์ DSL เป็ นระบบ Always On - DSL เป็ นระบบที่เชื่อมต่อกบั อินเทอร์เน็ตอยตู่ ลอดเวลาพร้อมใช้งาน 24 ชัว่ โมงโดยท่ีคุณไม่จาเป็ นตอ้ งหมุนหมายเลขเพื่อต่อเขา้ ระบบ ในทุกๆคร้ังท่ีตอ้ งการใชอ้ ินเทอร์เน็ต ซ่ึงผใู้ ช้ส่วนใหญ่มกั ประสบปัญหาสายของผใู้ ห้บริการ อินเทอร์เน็ต (ISP)ไมว่ า่ งหรือตอ้ งรอนาน โดยเฉพาะอาการ \"สายหลุด\" ระหวา่ งการใชง้ าน ทาให้ตอ้ งต่อสายเช่ือมต่อเพ่ือเร่ิม ดาวน์โหลด ข้อมูลใหม่ และต่อไปน้ีคุณก็สามารถเช็ค e-mail ได้ง่ายๆ เพียงแค่ให้คอมพวิ เตอร์แจง้ คุณ เมื่อมี mail ใหมเ่ ขา้ มา แทนการท่ีคุณจะตอ้ ง Login เขา้ ระบบเพ่ือเช็คเอง แต่ละคร้ัง นบั จากวนั น้ีเพียงแค่คลิกเดียวที่บราวเซอร์ คุณก็เขา้ ไปอยใู่ นโลกของอินเทอร์เน็ต เพราะดว้ ยDSL คุณ Always Online DSL เป็ นระบบท่ีเช่ือถือได้ เนื่องจาก DSL ใชเ้ ครือข่ายร่วมกบั เครือข่ายโทรศพั ท์ ซ่ึงเป็ นเครือข่ายท่ีมีขนาดใหญ่ มนั่ คง และมีความสาคญั จนกลายเป็ น 1 ในเครือข่ายที่เชื่อถือไดด้ ีท่ีสุดในโลก การส่ือสารขอ้ มลู จึงมีประสิทธิภาพและไวว้ างใจได้

38ประโยชน์ของ DSL โลกในปัจจุบนั มีการเปล่ียนแปลงอยา่ งมากในดา้ นธุรกิจและเทคโนโลยี โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการเจริญเติบโต ของอินเทอร์เน็ตกาลงั จะทาให้รูปแบบการดาเนินธุรกิจเปล่ียนแปลงไป ความรวดเร็วในการรับส่งขอ้ มูลข่าวสาร กลายเป็ นกลไกสาคญั ในการดาเนินธุรกิจ DSL เป็ นเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารแบบ \"ready to go\" โดยใชส้ ายโทรศพั ทธ์ รรมดาที่มีอยู่ โดยท่ีไม่ตอ้ งเสียเวลาหมุนเลขหมายเพื่อต่อโมเด็มอีกต่อไป เพียงแค่คลิกเดียวท่ีบราวเซอร์ก็สามารถเขา้ ไปอยู่ในโลกของอินเทอร์เน็ต ดว้ ยความเร็วในการดาวน์สตรีมสูงสุดถึง 8 Mbps และอพั สตรีมสูงสุดท่ี 1 Mbpsตอ่ ไปน้ีการส่ือสารทางอินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) แหล่งจ่ายไฟ หรือท่ีเรียกกนั ติดปากว่าเพาเวอร์ซัพพลาย ทาหน้าที่แปลงไฟกระแสสลับแรงดนั สูงท่ีอาจจะข้ึน ๆ ลง ๆ ไม่แน่นอนและมีหลายระดบั แรงดนั ใหเ้ ป็ นไฟกระแส ตรงแรงดนั ต่าที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ตอ้ งการรวมท้งั จะตอ้ งมีไฟพิเศษและสัญญาณต่าง ๆ อีกมากมายที่จาเป็นสาหรับเครื่องคอมพวิ เตอร์ในปัจจุบนั เพาเวอร์ซพั พลายเป็ นส่วนประกอบท่ีสาคญั ส่วนหน่ึงที่หลาย ๆ อาจคนมองขา้ มไป เน่ืองจากว่ามาตรฐานของเพาเวอร์ซัพพลายจะแน่นอนและตายตวัเพราะฉะน้นั เม่ือนามาประกอบเป็ นเคร่ืองคอมพิวเตอร์แลว้ สามารถทางานไดด้ ีอยา่ งไม่มีปัญหาก็มกั จะไมม่ ีคนสนใจและถูกละเลยไป และอีกประการหน่ึงก็คือเพาเวอร์ซพั พลายจะถูกขายมาพร้อมกบั เคสอยแู่ ลว้ เพราะฉะน้นั เขาจะเน้นไปท่ีการเลือกเคสให้เหมาะสมไปกบั เคร่ืองที่ซ้ือมากกวา่ กนัมากกว่า ประเด็นหลักในการเลือกเพาเวอร์ซัพพลายไม่ว่าจะซ้ือมาพร้อมเครื่องหรือซ้ือเฉพาะเพาเวอร์ซัพพลาย ส่ิงท่ีจะตอ้ งพิจารณามีอยู่ 2 เร่ือง คือ ประเภทและขนาดของเพาเวอร์ซัพพลายโดยจะแบ่งประเภทของเพาเวอร์ซพั พลายเป็น 2 ประเภท คือ แบบAT และ แบบ ATX  แบบ AT จะเป็นเพาเวอร์ซพั พลายที่ใชก้ บั เครื่องรุ่นเก่า โดยจะใชค้ ู่กบั เมนบอร์ดแบบ ATซ่ึงจะมีข้วั ต่อสาหรับเสียบเขา้ กบั เมนบอร์ดจานวน 2 ชุด คือ หวั ต่อ P8 และ P9 และจะตอ้ งเลือกให้ตรงกบั เมนบอร์ดท่ีใชด้ ว้ ย ส่วนชุดจ่ายไฟในส่วนที่จ่ายให้กบั Disk Drive ต่าง ๆ จะมีอยู่ 2 แบบดว้ ยกนั คือ ข้วั ต่อแบบ MOLEX สาหรับไดร์ฟ CD-ROM, DVD และ Harddisk ส่วนข้วั ต่อแบบBERGจะใชจ้ ่ายไฟใหก้ บั Floppy Disk Drive ซ่ึงเหมือนกนั กบั เพาเวอร์ซัพพลายแบบ ATX ทุกประการ

39  แบบ ATX เป็นเพาเวอร์ซพั พลายท่ีใหม่กวา่ และกาลงั เขา้ มาแทนที่เพาเวอร์ซพั พลายแบบAT เกือบหมดแลว้ เพาเวอร์ซพั พลายแบบ ATX จะมีข้วั ต่อสาหรับเสียบเขา้ กบั เมนบอร์ดแค่ชุดเดียวใชก้ บั เมนบอร์ดแบบ ATX ส่วนชุดจ่ายไฟในส่วนที่จ่ายให้กบั Disk Drive ต่าง ๆ จะเหมือนกนั กบัเพาเวอร์ซพั พลายแบบ AT ทุกประการ แต่ข้วั ต่อจะมากกว่าแบบ AT และจะรองรับอุปกรณ์ได้มากกวา่ ตามขนาดของเพาเวอร์ซพั พลาย ส่วนในกรณีของขนาดน้นั ไม่ไดห้ มายถึงขนาดเล็กหรือใหญ่ของตวั เพาเวอร์ซพั พลาย แต่จะวดั กนั ที่กาลงั ไฟฟ้ าสูงสุดท่ีเพาเวอร์ซพั พลายน้นั สามารถจา่ ยได้ ซ่ึงกาลงั ไฟฟ้ าจะวดั เป็ นวตั ต์ (Watt)ถา้ หากไปเดินซ้ือหากนั ในทอ้ งตลาดปัจจุบนั จะมีอยปู่ ระมาณ 5 ขนาด ไดแ้ ก่ 230 W, 250 W, 300W, 350 W และ 400 W แต่ถา้ เป็ นคอมพิวเตอร์แบรนดเ์ นมอาจจะมีขนาดแตกต่างกนั บา้ งตามขนาดและยหี่ อ้ ภาพท่ี 1-39 แสดงตวั อยา่ งของ Power Supplyตัวถังเคร่ือง (Case) ตวั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ (Case) เป็ นส่วนประกอบแรกที่จะมองเห็นจากภายนอก ซ่ึงมีรูปแบบแตกต่างกัน ท้งั การจัดวางอุปกรณ์ภายในและการออกแบบเพื่อความสวยงามน่าใช้ ลักษณะโดยทวั่ ไปของเคส (Case) ที่มีขายกนั โดยทวั่ ไปจะแบง่ เป็น  แบบ Tower มีขนาดสูงใหญ่เตม็ ที่ เพอ่ื ใหส้ ามารถใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ดีวดี ีรอม ไดห้ ลายๆ ตวั ซ่ึงเม่ือต้งั อยบู่ นพ้นื แลว้ จะดูสูงมาก  แบบ Mini Tower มีลกั ษณะเหมือน Tower แตจ่ ะตดั ให้เต้ียลง ซ่ึงเมื่อต้งั บนพ้ืนแลว้ จะไม่ สูงมากนกั แต่สามารถใส่อุปกรณ์ไดน้ อ้ ยลง  แบบกล่องวางนอน เป็นแบบท่ีนิยมกนั มากในอดีต แตป่ ัจจุบนั ไม่ค่อยเห็นนกั จะนิยมใชก้ บั เคร่ืองแบรนดเ์ นมบางยห่ี อ้  แบบพิเศษ เป็ นพวกท่ีใชก้ บั เมนบอร์ด flexATX, LPX ซ่ึงเร่ิมไดร้ ับความนิยมมากข้ึน เพราะมีขนาดเล็กกะทดั รัด ทาให้ประหยดั พ้ืนท่ี แต่ควรพิจารณาเรื่องการระบายอากาศ

40 ภายในดว้ ยแตไ่ ม่วา่ จะเลือกใชเ้ คสแบบใดก็ตอ้ งเลือกชนิดของ Power Supply (ซ่ึงมกั ติดมา กบั เคส อยแู่ ลว้ ) ใหถ้ ูกตอ้ งตามเมนบอร์ดที่จะใชด้ ว้ ยวา่ จะเป็ น AT หรือ ATX หากเป็ นรุ่นท่ี ใชก้ บั ซีพียคู วามถี่สูง ๆ หรือมีการ Over Clock ก็ตอ้ งระวงั เร่ืองการระบายความร้อนจาก ภายในเคสดว้ ยเช่นกนั โดยการเพิ่มพดั ลมเขา้ ไปอีก 1- 2 ตวั ภาพที่ 1-40 แสดงตวั อยา่ งเคสแบบต่าง ๆ Floppy Disk Drive ฟล็อปป้ี ดิสก์ไดรฟเป็ นอุปกรณ์เก่าแก่ที่ควรมีไวป้ ระจาทุกเครื่อง เพื่อใช้อ่านและบนั ทึกขอ้ มูลเล็กๆ นอ้ ยๆ จากแผน่ ดิสเก็ตต์ 3.5 นิ้ว หรืออาจใชส้ าหรับอ่านแผน่ บูต๊ ในยามฉุกเฉิน เช่น ในกรณีท่ีวินโดวม์ ีปัญหาหรือถูกไวรัสโจมตี ราคาของฟล็อปป้ี ดิสก์ไดรฟ์ จะอยทู่ ่ีประมาณ 350 - 500บาทเท่าน้นั และจะต่อเขา้ กบั คอนเน็คเตอร์ของฟล็อบป้ี ดิสก์ (Floppy Disk Drive Controller) ท่ีอยู่บนเมนบอร์ด ฟล็อปป้ี ดิสกไ์ ดร์ฟท่ีใชอ้ ยู่โดยทว่ั ไปในปัจจุบนั จะใชก้ บั แผน่ ดิสเก็ตตข์ นาด 3.5 นิ้วและมีความจุ 1.44 MB ส่วนเรื่องคุณสมบตั ิของแต่ละย่หี ้อแทบจะไม่ต่างกนั รวมท้งั สามารถอ่านและบนั ทึกแผ่นดิสเก็ตต์ 3.5 นิ้ว ความจุ 720 KB ไดเ้ หมือนกนั และมีท้งั แบบติดต้งั ภายในและเช่ือมตอ่ ภายนอก ภาพที่ 1-41 แสดงตวั อยา่ งของฟลอ็ ปป้ี ดิสกไ์ ดร์ฟ

41 Hard Disk Drive ฮาร์ดดิสก์เป็ นอุปกรณ์หลกั สาหรับการจดั เก็บขอ้ มูลหลกั โดยคอมพิวเตอร์จะตอ้ งอ่านและเขียนฮาร์ดดิสก์อยู่เสมอ ดงั น้นั ความเร็วในการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยรวมจะข้ึนอยกู่ บัความเร็วในการอ่านหรือเขียนขอ้ มลู ลงในฮาร์ดดิสกด์ ว้ ย ค่าที่บอกถึงความเร็วของฮาร์ดดิสก์จะมีอยู่หลายปัจจยั เช่น อตั ราการส่งผา่ นขอ้ มูล ความเร็วในการหมุน กลไกภายใน ความจุขอ้ มูล ชนิดของอินเตอร์เฟส ขนาดของบฟั เฟอร์ เป็ นตน้ ฮาร์ดดิสก์ที่มีกลไกที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดเพียงอย่างเดียวอาจจะไมใ่ ช่ฮาร์ดดิสกท์ ่ีมีประสิทธิภาพดีท่ีสุดก็ได้  อัตราการส่งผ่านข้อมูล (Transfer Rate) คือ ปริมาณขอ้ มูลท่ีถูกส่งผา่ นภายใน 1 วินาทีโดยจะนบั เป็นบิตต่อวนิ าที ซ่ึงจะมีผลมาจากปัจจยั อ่ืนท่ีจะกล่าวถึงในหวั ขอ้ ต่อไป  เวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลีย่ (Average Access Time/ Seek Time) เป็ นระยะเวลาที่แกนยืดหวั อ่าน-เขียน Hard Disk เคล่ือนหวั อ่านเขียนไประหวา่ งแทร็คของขอ้ มูลบน Hard Disk ซ่ึงในปัจจุบนั Hard Disk จะมีแทร็คขอ้ มลู อยปู่ ระมาณ 3,000 แทร็คในแต่ละดา้ นของแพล็ตเตอร์ขนาด3.5 นิ้ว ความสามารถในการเคลื่อนที่จากแทร็คที่อยู่ไปยงั ขอ้ มูลในบิตต่อไป อาจเป็ นการยา้ ยตาแหน่งไปเพียงอีกแทร็คเดียว หรืออาจยา้ ยตาแหน่งไปมากกวา่ 2,999 แทร็คก็เป็ นได้ Seek time จะวดั โดยใชห้ น่วยเวลาเป็นมิลลิวนิ าที (ms) คา่ ของ Seek time ของการยา้ ยตาแหน่งของแขนยดึ หวั อ่านเขียน ไปในแทร็คถดั ไปในแทร็คที่อยตู่ ิดๆกนั อาจใชเ้ วลาเพียง 2 ms ในขณะที่การยา้ ยตาแหน่งจากแทร็คท่ีอยนู่ อกสุดไปหาแทร็คท่ีอยใู่ นสุด หรือ ตรงกนั ขา้ มจะตอ้ งใช้เวลามากถึงประมาณ 20 msส่วน Average seek time จะเป็ นค่าระยะเวลาเฉลี่ยในการยา้ ยตาแหน่งของหวั เขียน-อ่านไปมาแบบสุ่ม (Random) ในปัจจุบนั ค่า Average seek time ของ Hard Disk จะอยใู่ นช่วงต้งั แต่ 8 ถึง 14 msแมว้ า่ ค่า seek จะระบุเฉพาะคุณสมบตั ิในการทางานเพียง ดา้ นกวา้ งและยาวของแผ่นดิสก์ แต่ค่าSeek time มกั จะถูกใชใ้ นการเปรียบเทียบ คุณสมบตั ิทางดา้ นความเร็วของ Hard Disk ปกติจะเรียกรุ่นของ Hard Disk ตามระดบั ความเร็ว Seek ค่า Seek time ยงั ไม่สามารถแสดงให้ประสิทธิภาพท้งั หมดของ Hard Disk ได้ จะแสดงให้เห็นเพียงแต่การคน้ หาขอ้ มูลในแบบสุ่ม ของตวั Driveเท่าน้นั ไม่ไดแ้ สดงในแง่ของ การอ่านขอ้ มูลแบบเรียงลาดบั (Sequential) สรุปก็คือ ยง่ิ ถา้ อตั ราของAverage Access Time/ Seek Time ยง่ิ นอ้ ยเทา่ ใด ความเร็วของฮาร์ดดิสกจ์ ะเร็วมากข้ึนเท่าน้นั  ความเร็วในการหมุนของฮาร์ดดิสก์ ความเร็วในการหมุนของดิสก์ เป็ นส่ิงที่มีผลกบัความเร็วในการอ่านและบนั ทึกขอ้ มูลมากทีเดียว ฮาร์ดดิสก์ทวั่ ไป ถา้ เป็ นรุ่นธรรมดาจะหมุนอยู่ท่ีความเร็วประมาณ 5,400 รอบต่อนาที (rpm) ส่วนรุ่นที่เร็วหน่อยก็จะเพ่ิมเป็ น 7,200 รอบต่อนาที ซ่ึง

42ถือเป็ นมาตรฐาน อยใู่ นขณะน้ีและถา้ เป็ นรุ่นใหญ่หรือพวก SCSI ในปัจจุบนั ก็อาจถึง 10,000 รอบหรือมากกวา่ น้นั ฮาร์ดดิสกท์ ี่หมุนเร็วก็จะสามารถ อ่านขอ้ มูลในแต่ละเซ็คเตอร์ไดเ้ ร็วกวา่ ตามไปดว้ ย ทาให้ความเร็วในการรับส่งขอ้ มูลภายในมีค่าสูงกวา่ ฮาร์ดดิสกท์ ่ีหมุนดว้ ยความเร็วรอบต่ากว่าแต่อาจมีเสียงดงั ร้อน และสึกหรอมากกวา่ แต่โดยรวมทว่ั ไปแลว้ หากราคาไม่เป็ นขอ้ จากดั ก็ควรเลือกฮาร์ดดิสกท์ ่ีหมุนเร็ว ๆ ไวก้ ่อน  อินเตอร์เฟสของฮาร์ดดิสก์ ดงั ที่อธิบายแลว้ วา่ ฮาร์ดดิสก์อินเตอร์เฟสท่ีนิยมใช้งานกนัมากที่สุดสาหรับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั ไดแ้ ก่ แบบ ATA -100, ATA133 S-ATA และSerial ATA/150 ซ่ึงมีอตั ราการรับส่งขอ้ มูลท่ีสูงกวา่ แบบเก่า หากตอ้ งการอตั ราการรับส่งขอ้ มูลท่ีเร็วกวา่ น้ี ก็ตอ้ งเลือกอินเตอร์เฟสแบบ SCSI(Small Computer System Interface) ซ่ึงจะมีขอ้ ดีคือ มีความเร็วสูงกวา่ แบบ EIDE มากและยงั สามารถต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ไดถ้ ึง 7 ตวั ดว้ ยกนั โดยท่ีราคาก็ยงั คงจะแพงกวา่ แบบ EIDE ดว้ ย จะเหมาะสาหรับงานที่ตอ้ งใชค้ วามเร็วสูงเช่น Server ของระบบLAN เป็นตน้  หน่วยความจาแคช หรือบัฟเฟอร์ทใ่ี ช้ อีกวธิ ีท่ีผผู้ ลิตฮาร์ดดิสก์ใชเ้ พิ่มประสิทธิภาพการทางานของฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบนั คือการใชห้ น่วยความจาแคชหรือบฟั เฟอร์ (Buffer) เพื่อเป็ นที่พกัขอ้ มูลก่อนท่ีจะส่งไปยงั คอนโทรลเลอร์บนการ์ด หรือเมนบอร์ด แคชที่ว่าน้ีจะทางานร่วมกับฮาร์ดดิสก์ โดยในกรณีอ่านขอ้ มูลก็จะอ่านขอ้ มูลจากฮาร์ดดิสก์ ในส่วนที่คาดวา่ จะถูกใชง้ านต่อไปมาเกบ็ ไวล้ ่วงหนา้ (คาดการณ์ล่วงหนา้ ) ส่วนในกรณีบนั ทึกขอ้ มูลก็จะรับขอ้ มูลมาก่อนเพ่ือเตรียมท่ีจะเขียนลงไปทนั ทีท่ีฮาร์ดดิสกว์ า่ ง แต่ท้งั หมดน้ีจะทาอยภู่ ายในตวั ฮาร์ดดิสกเ์ อง โดยไม่เกี่ยวขอ้ งกบัซีพียหู รือแรมแตอ่ ยา่ งใด แคชหรือบพั เฟอร์น้ีในฮาร์ดดิสกร์ ุ่นราคาถูกจะมีขนาดเลก็ เช่น 2 MB แต่ถา้ เป็ นรุ่นท่ีราคาสูงข้ึนมา จะมีการเพ่ิมจานวนหน่วยความจาน้ีไปจนถึง 8 MB เลยทีเดียว ซ่ึงจากการทดสอบพบวา่ มีส่วนช่วย ใหก้ ารทางานกบั ฮาร์ดดิสก์น้นั เร็วข้ึนมาก ถึงแมก้ ลไกการทางานของฮาร์ดดิสก์รุ่นน้นั ๆจะชา้ กวา่ กต็ าม แต่ท้งั น้ีกข็ ้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะการทางานของโปรแกรมดว้ ยปัจจัยอน่ื ๆ ในการเลอื กซื้อฮาร์ดดิสก์ หลงั จากท่ีไดร้ ู้จกั กบั ฮาร์ดดิสก์แบบต่าง ๆ แลว้ หากตอ้ งการซ้ือฮาร์ดดิสก์ท่ีจะนามาใชง้ านนอกจากปัจจยั ต่าง ๆ ท่ีกล่าวมาแลว้ น่าจะเป็ นปัจจยั หลกั ในการกาหนดรุ่นและย่หี อ้ ของฮาร์ดดิสก์ที่จะซ้ือได้ แต่ท้งั น้ีไม่ควรท่ีจะมองขา้ มปัจจยั อ่ืน ๆ เหล่าน้ีไปดว้ ย

43  ความจุของข้อมูล ย่ิงฮาร์ดดิสก์มีความจุมาก ราคาก็จะแพงข้ึนไป เพราะฉะน้ันตอ้ งเลือกให้พอดีกบั ความตอ้ งการแต่ควรจะไปเนน้ เรื่องความเร็วดีกวา่ เช่น หากมีขนาด 40 GB 7,200 rpm กบั 40 GB5,400 rpm ท่ีราคาใกลเ้ คียงกนั แต่น่าจะเลือกตวั 40 GB 7,200 rpm ดีกวา่  ความทนทานและการรับประกนั อย่าลืมวา่ ฮาร์ดดิสก์เป็ นอุปกรณ์ที่ตอ้ งทางานตลอดเวลามีการเคลื่อนไหวต่าง ๆ มากมายอยู่ภายในและโอกาสที่จะเสียหายมีไดม้ าก โดยเฉพาะเร่ืองของความร้อนและการระบายความร้อนที่ไม่ดีในเคร่ือง ก็เป็ นสาเหตุสาคญั ของการเสียหายได้ นอกจากน้ีการเกิดแรงกระแทกแรง ๆ ก็เป็ นสาเหตุหลกั ของการเสียหายท่ีพบไดเ้ สมอ ดงั น้นั ปัจจยั ท่ีค่อนขา้ งสาคญั ในการเลือกซ้ือฮาร์ดดิสก์ คือเรื่องระยะเวลาในการรับประกนั สินคา้ และระยะเวลาในการส่งเคลมวา่ จะชา้ หรือเร็วกวา่ จะไดข้ องกลบั คืนมาใชง้ าน รวมท้งั ร้านคา้ ที่ไปซ้ือดว้ ยที่ในบางคร้ังเวลาซ้ือสินคา้ จะบอกวา่ เปล่ียนไดเ้ ร็ว แต่เวลาที่มีปัญหาจริง ๆ กจ็ ะไม่ค่อยยอมเปลี่ยนสินคา้ ใหง้ ่าย ๆ ท่ีนิยมใชส้ ่วนมากจะนิยมซ้ือยหี่ อ้ IBM,Maxtorและ Seagate ท้งั น้ีกค็ งจะข้ึนอยกู่ บั ราคา ความร้อน เสียง ความเร็ว และความชอบของแต่ละคนกนั ครับ ท่ีสาคญั คือเร่ืองของความเร็วตา่ ง ๆ กเ็ ลือกกนั แน่นอน ภาพที่ 1-42 แสดงภาพตวั อยา่ งของฮาร์ดดิสก์ CD-ROM Drive/ DVD Drive ปัจจุบนั โปรแกรมท่ีใชง้ านส่วนจะถูกบรรจุอยใู่ นแผน่ ซีดีรอม ไม่วา่ จะเป็ นระบบปฏิบตั ิ การวินโดวส์ ME/XP หรือแมแ้ ต่โปรแกรมประยุกตต์ ่าง ๆ ก็ล้วนแต่บรรจุอยู่ในแผ่นซีดีรอมท้งั สิ้นเพราะฉะน้ันเคร่ืองที่ใช้งานจึงจาเป็ นตอ้ งติดต้งั ไดร์ฟซีดีรอมด้วย โดยซีดีรอมท่ีติดต้งั ควรจะมีความเร็วอยา่ งนอ้ ย 40 X (40เท่า) และเนื่องจากในปัจจุบนั ไดรฟ์ สาหรับอ่านเขียนแผน่ CD หรือCD-RW ราคาถูกลงมาก และเหมาะมากสาหรับการทาแผน่ ซีดีเพลงหรือการแบค็ อพั ขอ้ มูลจานวนมากๆ แต่ถา้ หากตอ้ งการใชส้ ่ือบนั ทึกขอ้ มูลท่ีมีขนาดความจุมากข้ึน ก็ควรจะเลือกใชไ้ ดรฟ์ DVD

44(Digital Versatile Disc) เพราะ ไมเ่ พยี งแตค่ ุณจะสามารถสารองขอ้ มลู ท่ีความจุสูงมากข้ึนเท่าน้นั แต่ยงั สามารถเกบ็ บนั ทึกโฮมวดิ ีโอไดเ้ ป็นเรื่อง ๆ เลย ราคาของไดรฟ์ CD-RW อยทู่ ี่ประมาณ 2 พนั บาทตน้ ๆ ส่วนไดรฟ์ DVD ท่ีสามารถเขียนแผน่ ซีดีไดด้ ว้ ยจะแพงกวา่ อยทู่ ี่ประมาณหม่ืนบาท ภาพที่ 1-43 แสดงภาพตวั อยา่ งของ CD-ROM Drive แป้ นพมิ พ์ (Keyboard) แป้ นพมิ พห์ รือคียบ์ อร์ด เป็นอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการสัง่ งานคาส่งั ไปยงั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ จะเป็ นสื่อกลางท่ีจะทาให้มนุษยก์ บั คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อกนั ได้ แป้ นพิมพ์มีการพฒั นาพร้อมกบัเคร่ืองคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ เพ่ืออานวยความสะดวกและใชง้ านไดง้ ่ายท่ีสุด ต้งั แต่ยคุ แรก ๆ ท่ีมี 84Keys, 101-102 Keys และ 108-109 Keys ในปัจจุบนั ภาพที่ 1-44 แสดงภาพตวั อยา่ งของคียบ์ อร์ดสาหรับงานมลั ติมีเดียการใช้งานแป้ นพมิ พ์ สาหรับการใชง้ านแป้ นพิมพส์ าหรับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีโดยทว่ั ไปแลว้ สามารถแบง่ กลุ่มของแป้ นพิมพต์ ่าง ๆ ที่อยบู่ นคียบ์ อร์ดออกเป็น 3 กลุ่มดว้ ยกนั คือ 1. Character Keys 2. Numeric Keys 3. Special Keys

45Character Keys เป็นแป้ นพมิ พห์ รือคียท์ ี่ใชส้ าหรับพิมพต์ วั อกั ษร ตวั เลข สญั ลกั ษณ์และอกั ขระใด ๆ ซ่ึงคีย์กลุ่มน้ีจะเป็นกลุ่มคียก์ ลุ่มใหญท่ ่ีสุดบนคียบ์ อร์ดNumeric Keys เป็นกลุ่มคียท์ ่ีใชส้ าหรับพิมพต์ วั เลขและเครื่องหมายท่ีใชใ้ นการคานวณ โดยจะมีป่ ุม NumLock เป็นตวั ควบคุมการทางานของคียก์ ลุ่มน้ีSpecial Keysเป็นกลุ่มคียพ์ ิเศษที่ใชใ้ นการส่ังงาน เพอ่ื อานวยความสะดวกในการใชง้ านคาส่งั ไดแ้ ก่คยี ์พเิ ศษ ความหมายEsc (Escape) ใชส้ าหรับยกเลิกคาส่งั ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั โปรแกรมท่ีใช้F1-F10 เป็นฟังกช์ นั่ คียใ์ ชส้ าหรับอานวยความสะดวกในการสัง่ งานคาสง่ั ซ่ึงคาส่งั จะ เปล่ียน แปลงไปตามโปรแกรมท่ีใชง้ าน~ (Grave Accent) ใชส้ าหรับสลบั โหมดของภาษาระหวา่ งภาษาไทยและองั กฤษCap Lock ใชส้ าหรับเปล่ียนโหมดตวั พิมพร์ ะหวา่ งตวั พิมพเ์ ล็กกบั ตวั พมิ พใ์ หญ่Tab ใชส้ าหรับเล่ือน Cursor ไปทางขวาคร้ังละ 1 ยอ่ หนา้ หรือ 1 ช่องตารางหรือ ข้ึนอยกู่ บั โปรแกรมใชง้ านShift ใชส้ าหรับพิมพอ์ กั ษรแถวบนสาหรับภาษาไทย และเปล่ียนโหมดภาษา ระหวา่ ง ตวั พิมพเ์ ล็กและตวั พมิ พใ์ หญ่ในภาษาองั กฤษCtrl (Control) ใชร้ ่วมกบั คียอ์ ื่น ๆ เพ่ือใชเ้ ป็ นคียล์ ดั ในการสง่ั งานคาส่งั เช่น Ctrl+A, Ctrl+ZAlt (Alternate) ใชร้ ่วมกบั คียอ์ ่ืน ๆ เพื่อใชเ้ ป็ นคียล์ ดั ในการสงั่ งานคาสงั่ เช่น Alt+F4, Alt+F10 ใชร้ ่วมกบั คียอ์ ่ืน ๆ เพ่ือใชเ้ ป็ นคียล์ ดั ในการสั่งงานคาสงั่ สาหรับโปรแกรมใน วนิ โดวร์ ุ่นใหม่Space Bar ใชส้ าหรับเวน้ วรรคหรือพมิ พช์ ่องวา่ ง,,, ใชส้ าหรับเล่ือนเคอร์เซอร์ไปตามทิศทางของลูกศร(Arrow Keys)Enter ใชส้ าหรับรับคาสง่ั หรือใหป้ ฏิบตั ิตามคาสั่ง และใชข้ ้ึนยอ่ หนา้ ใหม่ ซ่ึงก็ข้ึนอยู่ กบั โปรแกรมท่ีใชง้ าน ใชส้ าหรับลบตวั อกั ษรในตาแหน่งที่อยหู่ นา้ เคอร์เซอร์ (Backspace)Delete ใชส้ าหรับลบตวั อกั ษรในตาแหน่งท่ีเคอร์เซอร์ อยู่ (หลงั เคอร์เซอร์)

46 ความหมาย ใชส้ าหรับเลื่อนเคอร์เซอร์ไปยงั ตาแหน่งแรกซ่ึงข้ึนอยกู่ บั โปรแกรมท่ีใชง้ าน คีย์พเิ ศษ ใชส้ าหรับเลื่อนเคอร์เซอร์ไปยงั ตาแหน่งทา้ ยสุดซ่ึงข้ึนอยกู่ บั โปรแกรมท่ีใชง้ านHome ใชส้ าหรับเลื่อนเคอร์เซอร์ข้ึนคร้ังละ 1 หนา้ จอEnd ใชส้ าหรับเลื่อนเคอร์เซอร์ลงคร้ังละ 1 หนา้ จอPageUp ใชส้ าหรับสู่โหมดพิมพแ์ ทรกหรือพิมพท์ บัPageDown ใชส้ าหรับคดั ลอกหนา้ จอปัจจุบนั ที่กาลงั เปิ ดใชง้ านอยู่Insert การทางานข้ึนอยกู่ บั โปรแกรมที่ใชง้ าน เช่น Ctrl+Scrollock ใชส้ าหรับการPrintScreen เล่ือนหนา้ จอเหมือนการเลื่อนโดยใช้ ScrollbarScrollLock ใชส้ าหรับหยดุ การทางานของโปรแกรมชวั่ คราว ใชส้ าหรับการเปิ ด-ปิ ดเครื่องคอมพวิ เตอร์ผา่ นคียบ์ อร์ดซ่ึงใชก้ บั เครื่องที่ใช้Pause/Break เคส ATX และ Main board รุ่นใหม่Power ใชส้ าหรับเปล่ียนเขา้ สู่โหมดประหยดั พลงั งาน หรือ Stand By ใชส้ าหรับเปลี่ยนโหมดการทางานของเคร่ืองจากโหมดประหยดั พลงั งานเขา้ สู่Sleep โหมดการทางานปกติWake Up เมาส์ (Mouse) เมาส์หรืออุปกรณ์ช้ีตาแหน่ง ท่ีช่วยใหส้ ามารถใชง้ านโปรแกรมต่าง ๆ ไดส้ ะดวกมากข้ึน โดยเพียงแต่ช้ีไปยงั ตาแหน่งที่ตอ้ งการแลว้ กดป่ ุมเมาส์ซ่ึงเรียกวา่ “คลิก” ในการเลือกใชเ้ มาส์ท่ีมีป่ ุม และมีลกั ษณะท่ีเหมาะมือและมีลอ้ อยตู่ รงกลาง ภาพที่ 1-45 แสดงภาพตวั อยา่ งของเมาส์

47 อปุ กรณ์ต่อพ่วงPrinter เคร่ืองพิมพ์เป็ นอุปกรณ์แสดงผลท่ีเช่ือมต่อเขา้ กบั คอมพิวเตอร์ เพ่ือใช้พิมพ์งานเอกสารจดหมาย หรือแม่แต่รูปภาพให้ปรากฏลงบนกระดาษ หรือวสั ดุอ่ืน ๆ ซ่ึงก็ข้ึนอยู่กบั ความสามารถของเคร่ืองพิมพแ์ ต่ละรุ่น และในปัจจุบนั เคร่ืองพิมพท์ ี่นิยมใช้งานกบั เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่1. เครื่องพมิ พ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer) เคร่ืองพิมพด์ อตแมทริกซ์เป็ นเคร่ืองพิมพท์ ่ีนิยมใชง้ านกนั แพร่หลายมากในยคุ แรก ๆ จนถึงปัจจุบนั เน่ืองจากราคาและคุณภาพการพมิ พอ์ ยใู่ นระดบั ที่เหมาะสม การทางานของเคร่ืองพิมพช์ นิดน้ีใชห้ ลกั การสร้างจุดลงบนกระดาษโดยตรง หัวพิมพข์ องเคร่ืองพิมพม์ ีลกั ษณะเป็ นหวั เข็ม (pin)เม่ือตอ้ งการพิมพส์ ่ิงใดลงบนกระดาษ หวั เข็มท่ีอยใู่ นตาแหน่งท่ีประกอบกนั เป็ นขอ้ มูลดงั กล่าวจะยื่นล้าหน้าหัวเข็มอื่นออกมา เพื่อไปกระแทกผ่านผา้ หมึกลงบนกระดาษ ก็จะทาให้เกิดจุดข้ึนมาเคร่ืองพมิ พแ์ บบน้ีเวลาพิมพแ์ บบน้ีจะมีเสียงดงั พอสมควร ความคมชดั ของขอ้ มูลบนกระดาษข้ึนอยู่กบั จานวนจุด ถา้ จานวนจุดยิ่งมากขอ้ มูลท่ีพิมพล์ งบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากข้ึน ความเร็วของเครื่องพิมพด์ อตแมทริกซ์จะอยรู่ ะหวา่ ง 200 ถึง 300 ตวั อกั ษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าตอ่ นาที เครื่องพมิ พด์ อตแมทริกซ์เหมาะสาหรับงานพิมพพ์ วกแบบฟอร์มที่ตอ้ งการซอ้ นแผน่ ก๊อปป้ีหลาย ๆ ช้นั เคร่ืองพิมพช์ นิดน้ี ส่วนมากจะใชก้ ระดาษตอ่ เนื่องในการพิมพ์ ซ่ึงกระดาษประเภทน้ีจะมีรูอยทู่ างดา้ นขา้ งของกระดาษท้งั สอง และที่ตวั เคร่ืองพิมพจ์ ะมีป่ ุมหนามเตยสาหรับเลื่อนกระดาษ ภาพที่ 1-46 แสดงเคร่ืองพมิ พด์ อตเมตริกซ์2. เครื่องพมิ พ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer) เคร่ืองพมิ พพ์ น่ หมึกเป็นเคร่ืองพมิ พท์ ่ีมีคุณภาพการพิมพท์ ่ีดีกวา่ เครื่องพิมพแ์ บบดอตเมทริกซ์โดยสามารถพิมพต์ วั อกั ษรที่มีรูปแบบและขนาดท่ีแตกแต่งกนั มาก ๆ รวมไปถึง สามารถพิมพง์ านกราฟิ กท่ีให้ผลลพั ธ์คมชดั วา่ เครื่องพิมพแ์ บบดอตแมทริกซ์ เทคโนโลยที ี่เครื่องพิมพพ์ น่ หมึกใชใ้ น

48การพิมพก์ ็คือการพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ ซ่ึงหยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตาแหน่งท่ีเมื่อประกอบกนั แลว้ เป็ นตวั อกั ษรหรือรูปภาพตามความตอ้ งการ เคร่ืองพิมพพ์ น่ หมึกจะมีความเร็วในการพิมพม์ ากวา่ แบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวดั ความเร็วเป็ นในการพิมพเ์ ป็ น PPM(Page per Minute) ซ่ึงเร็วกวา่ เครื่องพิมพด์ อตแมทริกซ์มาก กระดาษท่ีใชก้ บั เครื่องพิมพพ์ น่ หมึกจะเป็นขนาด 8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4 ซ่ึงสามารถพิมพไ์ ดท้ ้งั แนวต้งั และแนวนอน โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซอ้ นกนั อยใู่ นถาด และจะถูกป้ อนเขา้ ไปในเครื่องพิมพท์ ี่ละแผน่ เหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร ภาพที่ 1-47 แสดงเคร่ืองพมิ พแ์ บบพน่ หมึก3. เครื่องพมิ พ์เลเซอร์ (Laser Printer) เครื่องพิมพ์เลเซอร์เป็ นเครื่องที่มีคุณสมบตั ิคลา้ ยกบั เครื่องพิมพแ์ บบพ่นหมึก แต่สามารถทางานไดเ้ ร็วกว่า โดยเคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์สามารถพิมพต์ วั อกั ษรไดท้ ุกรูปแบบและทุกขนาดรวมท้งัสามารถพิมพง์ านกราฟิ กท่ีคมชดั ไดด้ ว้ ย เคร่ืองเลเซอร์ใชเ้ ทคโนโลยีเดียวกบั เครื่องถ่ายเอกสาร คือยงิ เลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตวั อกั ษรบนกระดาษ หน่วยวดั ความเร็วของเครื่องพิมพเ์ ลเซอร์จะเป็ น PPM เช่นเดียวกบั เคร่ืองพิมพพ์ ่นหมึก ในปัจจุบนั ความสามารถในการพิมพข์ องเครื่องพิมพเ์ ลเซอร์จะมีคุณภาพสูง สามารถพิมพไ์ ดห้ ลายหน้าต่อนาที ซ่ึงเหมาะกบังานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนาไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเคร่ืองจะวดั ดว้ ยความละเอียดในการสร้างจุดลงในต่อ 1 ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดท่ี 600 dpi,1200 dpi หรือมากกวา่ น้ี เคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์ที่นิยมใชใ้ นปัจจุบนั ก็จะมีท้งั เคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์แบบขาวดา และเคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมากแต่งานพิมพท์ ี่ไดอ้ อกมาก็จะมีคุณภาพสูงตามไปดว้ ย ภาพที่ 1-48 แสดงเคร่ืองพมิ พแ์ บบเลเซอร์

494. พลอ็ ตเตอร์ (Plotter) พล็อตเตอร์เป็ นเครื่องพิมพช์ นิดที่ใชป้ ากกาในการเขียนขอ้ มูลต่าง ๆ ลงบนกระดาษ เหมาะสาหรับงานเกี่ยวกบั การเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข) และงานตกแต่งภายในสาหรับวิศวกรรมและสถาปนิก พล็อตเตอร์ทางานโดยใช้วิธีการเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาไดถ้ ึง 6-8 สี ความเร็วในการทางานของพล็อตเตอร์มีหน่วยวดั เป็ นนิ้วต่อวนิ าที (Inches perSecond หรือที่เรียกวา่ IPS) ซ่ึงหมายถึงจานวนนิ้วท่ีพล็อตเตอร์สามารถเลื่อนปากกาวาดลงไปบนกระดาษนน่ั เอง ภาพท่ี 1-49 แสดงเคร่ืองพิมพแ์ บบพลอ็ ตเตอร์ ซอฟต์แวร์ (Software) Software คือ ขอ้ มลู คาสง่ั หรือโปรแกรมที่ใชใ้ นการสง่ั งานใหค้ อมพวิ เตอร์ทางานตามที่ตอ้ งการได้ เช่น Microsoft Windows, Microsoft Office, Adobe Photoshop เป็นตน้ เมื่อกล่าวถึงซอฟตแ์ วร์สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 2 ประเภทหลกั คือ  System Software หรือ โปรแกรมสาหรับใชใ้ นการจดั การระบบ  Application Software หรือ โปรแกรมประยกุ ต์ System Software คือโปรแกรมสาหรับการใช้ในการจดั การระบบคอมพิวเตอร์ ทาหนา้ ท่ีในการควบคุมการทางานของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ภายในเครื่อง เช่น การอ่าน และเขียนขอ้ มูลในแผน่ ดิสก์ รวมท้งัการอานวยความสะดวกให้สามารถใชง้ านโปรแกรมไดอ้ ยา่ งราบรื่นยิ่งข้ึนโดยจะแบ่งประเภทของซอฟตแ์ วร์จดั การระบบออกเป็น 2 ส่วนดว้ ยกนั คือ

50  Operating System หรือ โปรแกรมระบบปฏิบตั ิการ ทาหนา้ ท่ี เป็ นโปรแกรมหลกั ที่ใชใ้ นการทางานของเครื่องต่าง ๆ เช่น คียบ์ อร์ด การแสดงผลบนจอภาพ การอ่านและบนั ทึกขอ้ มูลเมื่อใชง้ านโปรแกรมตา่ ง ๆ โดยภาพรวมแลว้ โปรแกรมระบบปฏิบตั ิการจะทาหนา้ ที่ o เป็นตวั กลางในการติดต่อและควบคุมระหวา่ งตวั เคร่ืองคอมพิวเตอร์กบั ผใู้ ชง้ าน o ควบคุมและจดั สรรการใชท้ รัพยากรของระบบอยา่ งมีประสิทธิภาพ o ควบคุมการทางานของโปรแกรมประยกุ ตท์ ่ีทางานอยบู่ นเครื่อง สาหรับโปรแกรมระบบปฏิบตั ิการนิยมใชก้ นั ต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ไดแ้ ก่ระบบปฏิบตั ิ การDOS, Windows, Linux, UNIX, MacOS, PalmOS เป็นตน้DOS (Disk Operating System) เป็ นระบบปฏิบตั ิการตวั แรกที่ออกมาพร้อมกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์พีซี นสมยั แรกเริ่ม การใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ระบบปฏิบตั ิการดอส (DOS) โดยส่วนใหญ่แลว้ การสั่งงานและการแสดงผลจะอยใู่ นรูปของ Text Mode โดยการส่ังงานคาสั่งทีละบรรทดั ผา่ นระบบ Command Lineเช่น เม่ือตอ้ งการคดั ลอกไฟลก์ ็จะตอ้ งส่ังวา่ copy file1.txt file2 txt เป็ นตน้ ในส่วนของการใชง้ านระบบปฏิบตั ิการ DOS น้นั มีการพฒั นามาเร่ือย ๆ จนสุดทา้ ยที่เห็นก็คือ DOS Version 6.xx โดยท่ีได้ทาการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงการทางานมาตลอดเวลา ในดา้ นการเพิ่มความสามารถต่าง ๆ เช่น การรองรับกบั การจดั การหน่วยความจาที่มากข้ึน การรองรับฮาร์ดดิสก์ท่ีมีความจุมากข้ึน ความเร็วในการเขา้ ถึงขอ้ มลู และอื่น ๆ แต่ DOS จะมีความไมส่ ะดวกตรงที่สามารถเปิ ดใชง้ านโปรแกรมไดค้ ร้ังละ 1 โปรแกรมและไม่สะดวกในการใชง้ านเพราะอยใู่ นแบบ Text Mode จึงมีการพฒั นามาเป็ นระบบปฏิบตั ิการ Windows ในเวลาตอ่ มาWindows 1.X-3.11 (ระบบปฏบิ ตั กิ ารแบบ 16 บติ ) จากขอ้ จากดั ของระบบปฏิบตั ิการ DOS ต่อมาไดม้ ีการพฒั นาเป็ นโปรแกรมสาเร็จรูป เพ่ือให้สามารถใชง้ านไดง้ ่ายข้ึนในโหมดกราฟิ ก เรียกวา่ “วินโดว์ (Windows)” ซ่ึงในวินโดวร์ ุ่นแรก ๆ ต้งัแตเ่ วอร์ชนั่ 1 เป็นตน้ มาจะเป็นการทางานแบบ 16 บิต และมีการพฒั นาต่อมาเรื่อย ๆ โดยรุ่นสุดทา้ ยมีช่ือเรียกวา่ Windows 3.11 ซ่ึงจะยงั มีการทางานในลกั ษณะที่ตอ้ งใช้ DOS เป็ นระบบปฏิบตั ิการอยู่เช่นเดิมแต่ตวั Windows 3.11จะรันบน DOS อีกต่อหน่ึง การใช้งานต่าง ๆ ก็จะดูง่ายข้ึน และสามารถรองรับการทางานแบบ Multitasking ได้ (เป็ นการทางานหลาย ๆ อยา่ งในเวลาเดียวกนั )Windows 3.11 น้ีเป็ นที่นิยมใช้งานกันมากในสมัยน้ัน เพราะเป็ นคร้ังแรกท่ีมีการใช้งาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook