Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Gestalt-Theory-1

Gestalt-Theory-1

Published by thidarat.wongpitakmatcha, 2021-07-17 03:58:21

Description: Gestalt-Theory-1

Search

Read the Text Version

PSY1G1 Gestalt Theory

ประวตั คิ วามเปนมา ไดเ้ รมิ ขนึ เมอื เวอรไ์ ธเมอร์ กําลังโดยสารรถไฟเพอื จะไปพกั ผอ่ นทีที แควน้ ไรน์ และไดส้ งั เกตเหน็ หลอดไฟ 2 ดวง ซงึ แต่ละดวงจะกระ พรบิ สลับกัน (คือในขณะทีดวงหนงึ สวา่ ง อีกดวงหนงึ จะดบั ) แต่ การรบั รขู้ องเวอรไ์ ธเมอรน์ นั หาไดเ้ หน็ แสงแต่ละตัวดบั และสวา่ ง หรอื สวา่ งแล้วก็ดบั เวอรไ์ ธเมอรก์ ล่าววา่ การรบั รใู้ นขณะนนั คือ แสงไฟจะเคลือนทีกลับไปกลับมาระหวา่ งหลอดไฟ 2 ดวงนแี ทน เวอรไ์ ธเมอรเ์ รยี กปรากฏการณน์ วี า่ ปรากฎการณไ์ ฟ (Phi-Phenomenon)

ดว้ ยเหตนุ นี กั จติ วทิ ยากล่มุ เกสตัลท์ จงึ เชอื วา่ ถึงแมป้ ระสบการณ์ ทางจติ จะเกิดขนึ กับการสมั ผสั องค์ประกอบยอ่ ย ๆ แต่ผลจากการ รบั รจู้ ะแตกต่างออกจากองค์ประกอบยอ่ ย ๆ ทีเรารบั รเู้ ขา้ ไป เชน่ ปรากฎการณไ์ ฟ นนั จะเกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ คือหลอดไฟ แต่ละดวง แต่เราไมส่ ามารถเขา้ ใจปรากฎการณน์ ไี ดจ้ ากการ วเิ คราะหอ์ งค์ประกอบสว่ นยอ่ ย ๆ ของปรากฎการณ์ นนั แสดงวา่ ปรากฎการณก์ ารต่างๆทีปรากฏ จะมคี ณุ สมบตั ิเฉพาะซงึ แตกต่าง จากสว่ นประกอบยอ่ ย ๆ ทีก่อใหเ้ กิดปรากฎการณน์ นั “กล่มุ จติ วทิ ยาเกสตัลท์นีจงึ มแี นวคิดวา่ การเรยี นรูเ้ กิดจากการ จกั สงิ เรา้ ต่าง ๆ มารวมกันเรมิ ต้นด้วยการ รบั รูโ้ ดยสว่ นรวม ก่อนแล้ว จงึ จะสามารถวเิ คราะห์เรอื งการเรยี นรูส้ ว่ นยอ่ ยทีละ สว่ นต่อไป”

นกั จติ วทิ ยาทสี าํ คญั 01 Max Wertheimer ชาวเยอรมนั เปนผนู้ าํ ในการค้นควา้ วจิ ยั เกียวกับพุธปิ ญญา 02 Kurt Koffka แนวคิดหลักทีสาํ คัญ การมองโลกแบบองค์รวมและตอบสนองต่อสงิ เรา้ ในลักษณะเดยี วกัน 03 Wolfgang Kohler หนงึ ในบุคคลทีสาํ คัญในการ พฒั นาโรงเรยี น Gestalt เกิดทีประเทศเอสโตเนยี ผลงานทีสาํ คัญทีสดุ ของโคหเ์ ลอรค์ ือ ทฤษฎีเกียว กับการเรยี นรจู้ ากการทดลองชมิ แปนซี

Max Wertheimer Kurt Koffka Wolfgang Kohler

มมุ มองความเชอื ตอ่ ธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ มดี งั นี ...

1.นษุ ยม์ จี ติ ใจ ต้องการความรกั ความอบอุ่น ความเขา้ ใจ ทังยงั มขี ดี ความสามารถเฉพาะตัว ไมใ่ ชจ่ ะกําหนดใหเ้ ปนอะไรก็ไดต้ ามใจชอบของคนอืน ซงึ ตรงขา้ มกับแนวคิดของกล่มุ พฤติกรรมทีเหน็ วา่ เราสามารถกําหนดพฤติกรรมของมนษุ ยด์ ว้ ยกันได้ 2. มนษุ ยแ์ ต่ละคนเปนผซู้ งึ พยายามทีจะรจู้ กั เขา้ ใจตนเอง และต้องการบรรลศุ ักยภาพสงู สดุ ของตน (self acturalization) จงึ ไมย่ ากนกั ทีจะเสรมิ สรา้ งใหบ้ ุคคลคิดวเิ คราะห์ เขา้ ใจตน และนาํ จุดดมี าใชป้ ระโยชนเ์ พอื พฒั นาเอง 3.ขอ้ บงั คับและระเบยี บวนิ ยั ไมส่ จู้ าํ เปนนกั สาํ หรบั ผพู้ ฒั นาแล้ว ทกุ คนต่างมุง่ สรา้ งความเปนมนษุ ย์ ทีสมบูรณใ์ หแ้ ก่ตนถ้าเขาไดร้ บั การยอมรบั ดงั นนั จุดเรมิ ต้นของการพฒั นาตนจงึ อยูท่ ีการยอมรบั ตนเองและผอู้ ืนใหไ้ ดก้ ่อน 4. บุคคลทีพรอ้ มต่อการปรบั ปรงุ ตนเองควรจะไดม้ สี ทิ ธเิ ลือกการกระทําเลือกประสบการณ์ กําหนดความต้องการ และตัดสนิ ใจเรอื งราวต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง (self mastery) เปนการ ออกแบบชวี ติ ทีเหมาะสมตามทิศทางของเขา 5.วธิ กี ารแสวงหาความรหู้ รอื ขอ้ เท็จจรงิ สาํ คัญกวา่ ตัวความรหู้ รอื ตัวขอ้ เท็จจรงิ เพราะโลกมกี ารเปลียนแปลง อยูเ่ สมอ ตัวของความรหู้ รอื ตัวขอ้ เท็จจรงิ จะไมใ่ ชส่ งิ ตายตัว ดงั นนั สงิ ทีเปนประโยชนต์ ่ออนาคตของบุคคล มากทีสดุ ก็คือกรรมวธิ ใี นการเสาะแสวงหาความรู้ ไมใ่ ชเ่ นน้ ทีตัวความรเู้ พยี งอยา่ งเดยี ว

วธิ กี ารศึกษา เนน้ การเรยี นรทู้ ีสว่ นรวมมากกวา่ สว่ นยอ่ ย ซงึ จะเกิดขนึ จาก ประสบการณแ์ ละการเรยี นรเู้ กิดขนึ จาก 2 ลักษณะ คือ

1. การรบั รู้ (Perception) เปนการแปรความหมายจากการสมั ผสั ดว้ ยอวยั วะสมั ผสั ทัง 5 สว่ นคือ หู ตา จมูก ลินและผวิ หนงั การรบั รทู้ างสายตาจะประมาณรอ้ ยละ 75 ของการรบั รทู้ ังหมด ดงั นนั กล่มุ ของเกสตัลท์จงึ จดั ระเบยี บการรบั รโู้ ดยแบง่ เปนกฎ 4 ขอ้ เรยี กวา่ กฎแหง่ การจดั ระเบยี บ คือ 1.1 กฎแห่งความชดั เจน (Clearness) การเรยี นรทู้ ีดตี ้องมคี วามชดั เจนและแนน่ อน เพราะผเู้ รยี นมปี ระสบการณเ์ ดมิ แตกต่างกัน 1.2 กฎแห่งความคล้ายคลึง (Law of Similarity) เปนการวางหลักการรบั รใู้ นสงิ ทีคล้ายคลึงกันเพอื จะไดร้ วู้ า่ สามารถจดั เขา้ กล่มุ เดยี วกัน 1.3 กฎแห่งความใกล้ชดิ (Law of Proximity) เปนการกล่างถึงวา่ ถ้าสงิ ใดหรอื สถานการณใ์ ดทีมคี วามใกล้ชดิ กัน ผเู้ รยี นมแี นวโนม้ ทีจะรบั รสู้ งิ นนั ไวแ้ บบเดยี วกัน 1.4 กฎแห่งความต่อเนอื ง (Law of Continuity) สงิ เรา้ ทีมที ิศทางในแนวเดยี วกัน ซงึ ผเู้ รยี นจะรบั รวู้ า่ เปนพวกเดยี วกัน 1.5 กฎแห่งความสมบูรณ์ (Law of Closer) สงิ เรา้ ทีขาดหายไปผเู้ รยี นสามารถรบั รใู้ หเ้ ปนภาพ สมบูรณไ์ ดโ้ ดยอาศัยประสบการณเ์ ดมิ 2. การหยงั เห็น (Insight) หมายถึง การเกิดความคิดแวบขนึ มาทันทีทันใด ในขณะทีประสบปญหาโดยมองเหน็ แนวทางในการแก้ ปญหาตังแต่เรมิ แรกเปนขนั ตอนจนสามารถแก้ปญหาได้ เปนการมองเหน็ สถานการณใ์ นแนวทางใหม่ ๆ ขนึ โดยเกิดจากความเขา้ ใจ และความรสู้ กึ ทีมตี ่อสถานการณว์ า่ ไดย้ นิ ไดค้ ้นพบแล้ว ผเู้ รยี นจะมองเหน็ ชอ่ งทางการแก้ปญหาขนึ ไดใ้ นทันทีทันใด

องคค์ วามรแู้ ละ ทฤษฎที สี าํ คญั การเรยี นรเู้ ปนกระบวนการทางความคิดซงึ เปนกระบวนการ ภายในตัวมนษุ ย์ บุคคลจะเรยี นรูจ้ ากสงิ เรา้ ทีเปนสว่ นรวมได้ ดีกวา่ สว่ นยอ่ ย หลักการจดั การเรยี นการสอนตามทฤษฏีนี จะเนน้ กระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการ เสนอสว่ นยอ่ ย สง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นมปี ระสบการณม์ ากและหลาก หลายซงึ จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นสามรถคิดแก้ปญหา คิดรเิ รมิ และเกิด การเรยี นรแู้ บบหยงั เหน็ ได้

การนาํ ไปใช้ ปจจุบนั ไดม้ ผี นู้ าํ เอาวธิ กี ารเรยี นรขู้ องกล่มุ เกสตัลท์มาใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวางโดยเหตทุ ีเขา เชอื ในผลการศึกษาค้นควา้ ที พบวา่ ถ้าใหเ้ ยาวชนไดเ้ รยี นรโู้ ดยหลักของเกสตัลท์ แล้วเขาเหล่านนั จะมสี ติปญญาและความคิด สรา้ งสรรค์และความรวดเรว็ ในการเรยี นรูเ้ พมิ ขนึ

Thank you


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook