เร่อื งสัตวอ สรู ในเทพกรีก-โรมนั
สมาชิกกลมุ 1.นางสาว เขมมิกา รตั นงั เลขที่ 17 2.นางสาว ถนิมพร วงคษ าสุข เลขท่ี 18 3.นางสาว นมิ ติ ตา วรรณวงศ เลขที่ 20 4.นาย ภาวศุทธ์ิ ปก กํ่า เลขท่ี 22 5.นาย พีรพล จโิ นเขียว เลขท่ี 28 6.นางสาว ธนาภรณ วงศชยั วะ เลขท่ี 29 7.นางสาว สุนทรารัตน อัคคะ เลขท่ี 33
เรื่องราวเหลานก้ี ็เปนบทพิสูจนถ ึงคณุ คา และความหมายในเชิง นามธรรมของเร่ืองเลาดวยกนั แทบทั้งสิ้น ไมว าในเทพปกรณัมของชาตใิ ดใน โลก แนนอนท่ีสุดวา มักจะปรากฏเรือ่ งราวของบรรดาสตั วประหลาดที่มาใน รปู ของคน หรอื สัตวแ ทบท้ังสน้ิ สวนหน่งึ มองกนั วา สาเหตทุ ที่ าํ ใหค นเราจติ นาการเรอื่ งราวขึ้นมาน้ัน ก็ เพราะพ้ืนฐานของการไมรโู ดยเฉพาะในอดตี ท่ีรบั รูและเขาในทางชวี วิทยา ยังมนี อยและทง้ั การเรียนรูดา นภูมิศาสตรยังไมกวางขวาง ทําใหจ นิ ตนาการ ความแปลกและแตกตา งนน้ั ออกไปไกลเสียจนบางคร้ังยากท่จี ะเขา ใจได กระนน้ั ส่งิ ที่พสิ ูจนแ ละยอมรบั กันแลวก็คอื แทจริงเรือ่ งราวท่เี กิดขน้ึ ซง่ึ มัก จะเก่ยี วของกบั บรรดาเทพและตอ งมีสัตวประหลาดนน้ั มกั จะสามารถตคี วาม ไดต ามโครงเรื่องท่จี ะตองมีการแบง แยกคตู รงขามเอาไวอยา งชดั เจน เปนคตู รงขามท่ีเปน ความดกี ับความช่ัว เทพกับมาร ขาวกบั ดําหรือคนกับ สตั ว
อคี ิดนา (Echidna) อคี ิดนา (Echidna) ในตาํ นานของกรีกนน้ั เปน สตรีที่งดงาม แตทอนลางเปน งู ขนาดยกั ษ เปน ภรรยาของไทฟอน อีคดิ นาถกู ยกั ษร อ ยตาอารกสั ซ่งึ เปน ผูรบั ใช ของฮรี าสังหาร นางเปน อสรู กายท่ไี มคอ ยมีบทบาทมากนกั ในจํานวนอสรู กายท่อี อกอาละวาด ในยคุ ตํานานเทพกรีก แตสาเหตทุ ที่ าํ ใหช ่อื เสียงของอสูรกายตนน้เี ปนที่ปรากฏได หรือไดร ับการกลาวถงึ กเ็ พราะนางเปน มารดาผูใหก ําเนดิ อสรู กายทีโ่ ดงดังถึง 6 ตวั ไดแ ก มงั กรสองรอ ยตาลาดอน(Ladon) สฟงซ(Sphinx)อสูรคนครงึ่ นก ไฮดรา (Hidra)อสูรกาย 9 หัว อสูรกายราชสีหน เี มยี น(Nemean) คิเมรา(Chimera)อสรู ซ่งี มีหวั เปนสิงโต แพะ และงู เซอรเบอรัส(Cerberus)สุนัข 3 หัว
ไทฟอน (Typhon) ไทฟอน (Typhon) เปนอสูรกายยกั ษซ ่ึงไดเ กดิ มาจากพระแมธ รณีไกอา (บา งคมั ภีรบอก วาเปนเจอา ไกอา หรือไมอา) กบั ปศาจทารทารัสซ่งึ ถือกําเนดิ เปน ไทฟอน (ในหนงั สอื Mythology ของเฮดธิ แฮมิลตน อธบิ ายไวว าไทฟอนเปนอสุรกายรอ ยหวั ตาลุกไฟ และสามารถ พน ไฟได) บางก็วา รางกายเปนคน นํ้าตาเปนพิษ มหี วั รอยหัว ซงึ่ เจอาไดสง่ั ใหไ ทฟอนไปโคน เขา โอลิมปส พลังของไทฟอนรายกาจถงึ ขน้ั สามารถกางปก ปด โลกได เม่ือเคล่อื นไหวรางกายจะ กลายเปน พายุขนาดใหญ นอกจากนไ้ี ทฟอนยังเปน บิดาของปศ าจท้ังปวง สว นมารดาของปศ าจ ทงั้ ปวงนัน้ คอื อคี ิดนา และตอ มาผูคนทีเ่ คยเรยี กพายนุ วี้ า ไทฟอน กเ็ พ้ยี นมาเปน ไตฝ ุน จนถงึ ทุกวนั น้ี
ลาดอน[Ladon] ลาดอน มังกรรอยหัว[Ladon] เปน บุตรของไทฟอน(Typhon) และอคี ิดนา (Echidna) ลักษณะท่ีเหมือนๆกันในหลายตํานานคือ เปน มงั กร ทีม่ ีหวั ถึงหนึ่งรอย ฟหัว) มีหนาที่เฝาสวนแหง เทพธดิ าเฮสปร ดิ ีส(Hespirides) ธดิ าแหง รัตติกาล ท่ซี ึง่ วากันวา เปน ท่ีเกบ็ แอปเปลทองคาํ ซง่ึ สว นแหงน้ี มที ่ตี ้ังอยู ณ สุดขอบโลก มันมกั จะเลน ซอ นแอบกับเฮสปริดสิ อยูใ นสวนของนาง…
สฟงซ(sphinx) สฟงซข องกรีกเปน หน่ึงในลกู ๆ ของอคี ิดนาและไทฟอน สฟง ซมีใบหนาและทรวงอกของหญงิ สาว ทอนลางเปน สงิ โตและมีปกแบบนกอนิ ทรี มีลกั ษณะนิสยั ชอบทรยศหกั หลัง กาวรา วรนุ แรง และ กระหายเลือด และพวกนีย้ งั ชอบกินคนเปนอาหารดวย ลักษณะท่ีเดน ชดั ของสฟง ซ กรกี อกี อยา งหนง่ึ กค็ ือ ความคลา ยแมว หรือจะวา อกี ทีกค็ ลา ยผูหญิง ดว ย นน่ั คอื มนั จะพูด คุยหยอกเหยอ่ื ของมนั กอนทจ่ี ะกินเขาไป แตอยา งไรก็ตาม ถา หากเกิดเหยือ่ หนี รอดไปได สฟง ซจะบินดงิ่ ท้งิ ตัวกระแทกพื้นหรอื อะไรสักอยาง ดวยความโกรธเกรยี้ วจนตายไปเอง
ไฮดรา (Hydra) ไฮดรา (Hydra) เปนสัตวประหลาดในเทพปกรณัมกรีก มลี กั ษณะเดน คือ มหี ลายหวั แตละหวั คลา ยงู ไฮดรามหี วั ทงั้ หมด 9 หวั เมือ่ แตละหัวทถ่ี กู ตดั จะมีหวั งอกขน้ึ ใหมไ ดไมม ที ส่ี ิ้นสดุ บางปกรณัม กลาววา มี 100 หัว บางกว็ า ไฮดรามลี ําตวั คลายสุนัข รางกายปกคลมุ ดวยเกลด็ และมีหางเหมอื นมงั กร ลมหายใจของไฮดรา มีอนั ตรายถึงขนาดท่ีทําใหผทู เี่ ขาใกลถ งึ แกค วามตาย ไฮดราเปนทายาทของ ไทฟอนและอคี ิดนา ไฮดรา อาศัยอยูท่ีทะเลสาบเลอนา และถูกปราบโดยเฮราคลสี จัดเปนหนึง่ ในภารกิจ 12 ประการ ของเฮราคลสี
ราชสีหน ีเมยี น (Nemean) ราชสหี นเี มยี น Nemean เปนลกู ของอสูรกายไทฟอน และอสรู กายอคิ ิดนา มันคือหลานของ กี อา (Gaea) พระแมธรณีนั่นเอง นีเมียนอาศัยอยทู บี่ าน Nemea ลักษณะและอทิ ธฤิ ทธ์ิของอสกู ายนเี มยี น นเี มยี นเปนสงิ โตยกั ษ์หนังเหนยี ว อาวุธธรรมดาไมส ามารถทาํ อันตรายมนั ได เมอื่ เฮอรค วิ ลิส (Hercules) ซง่ึ เปนบุตรของเทพเจา ซอี สุ และเจา หญิงแอลคม ีนี (Alcmene) ไดรับคาํ ส่งั จาก ยูรทิ ูส (Eurytheus) กษัตรยิ แ หง ไมซนิ ี ซงึ่ เปนญาติแตไมคอยชอบหนาเฮอรค ิวลสิ เทา ใดนกั สง่ั ใหเขาทาํ งาน เส่ยี งอันตราย 12 อยาง เพอ่ื เปน การไถบาปตามคําทํานายของคนทรงจากเทวาลัยพยากรณ แหง เดลฟ งานช้นิ แรกยูรทิ สู ไดส ั่งใหเฮอรค ิวลสิ ไปจดั การ กบั เจา อสรู ากายราชสหี น ีเมียน
คเิ มยี รา (Chimera) คิเมยี รา (Chimera) เปนสตั วใ นเทพปกรณมั กรีก เปน ลูกของอคี ดิ นาและไทฟอน เปน พช่ี ายของ เซอรเบอรัส คิเมียรามรี า งกายกาํ ยาํ และเปนทร่ี วมของสัตวร าย 3 ชนดิ คอื สวนหวั ถึงหนา อกเปน สิงโต ลําตัวเปน แพะบ้ันทายเปนมังกรหรอื งู นอกจากนี้ ยังสามารถพน ไฟไดเหมอื นมังกรอีกดว ย คเิ มี ยราถูกวีรบรุ ุษเบลเลอโรฟอนผูขีม่ า บนิ เพกาซัสแทงตายดว ยหอก เพราะคเิ มียราประกอบดว ยสว นของสตั วร า ย 3 ชนดิ ท่ีไมน ารวมกันได ปจ จุบนั คาํ วา คิเมยี รา จึง เปนชอื่ เรียกส่งิ มีชีวติ รูปรา งแปลกประหลาดหลายชนิด เชน ปลาทะเลนํา้ ลึกกระดูกออนจําพวกหนึ่ง
เซอรเบอรสั (Cerberus) เซอรเบอรสั หรือ เครเ บรอส (Cerberus) ในเทพปกรณมั กรีกและโรมนั เปน หมาหลายหัว (ปกติมสี าม) มีหางอสรพษิ พงั พานงู และกรงเล็บสงิ โต มันเฝา ทางเขา โลกบาดาลเพอ่ื ปอ งกนั คนตายมิใหห ลบหนีและคนเปน มใิ หเ ขา เซอรเ บอรสั ปรากฏในวรรณกรรมกรกี และโรมนั โบราณหลายงาน และในงานศิลปะและสถาปตยกรรมทง้ั โบราณและสมัยใหม แมการ พรรณนาเซอรเบอรัสแตกตา งกนั แลวแตตีความ ความแตกตา งท่ีสาํ คัญท่สี ุด คอื จํานวนหวั แหลง ขอมลู สวนมากอธบิ ายหรอื บรรยายไวสามหัว แตแ หลงอื่นแสดงเซอรเ บอรัสมีสองหวั หรือหวั เดยี ว มแี หลงนอ ยกวา น้นั ทีแ่ สดงจาํ นวนตา ง ๆ บา งวาหา สิบหรอื กระทงั่ หน่งึ รอ ย
เพกาซัส (Pegasus) เพกาซสั หรอื เปกาซอส หมายถึง แข็งแรง เปน สัตวใ นเทพนยิ ายกรกี มีลกั ษณะเปน มา รางกํายําพวงพสี ีขาวบรสิ ุทธิ์ และมปี ก อนั กวา งสงางามเหมอื นนกพิราบ ประวัตขิ องเพกาซสั ตัวน้ีคอ นขางจะนาขนลุกอยูส ักหนอย เรือ่ งเรม่ิ มาจากนางการก อน เมดูซา ถกู วีรบรุ ุษเพอรซอี สุ ฟนคอขาดตาย ในขณะท่นี างส้นิ ใจตายนัน้ มีรา งของมา กํายํา พวงพี พรอมดวยปกอันกวางสงางามกระโจนออกมาจากลาํ คอของนาง มา ตวั นัน้ คอื เพกา ซสั น่นั เอง เม่อื ออกมาแลวมนั กแ็ ผลงฤทธ์ิ จนไมมีใครสามารถปราบได ทั้งที่เพกาซัสเปน ความหวงั ของใครหลายๆคน นอกจากความเกงกลา ในการวิ่งและบนิ แลว เพกาซัสยงั มคี วามสามารถอีก อยางคือตอนท่ีมันเกิดมาใหมๆและออกวิง่ อยา งคึกคะนองนั้น นา้ํ ทก่ี ระเซน็ จากรอยเทาที่มันวง่ิ กอ ใหเกดิ นาํ้ พสุ วยงามท่ีกวีและศิลปน ชนื่ ชมกันนักหนา คอื นํ้าพฮุ ปิ โปครีนี (Hippocrene) ท่ี
กรฟิ ฟน (griffin) กริฟฟอน หรอื กริฟฟน (griffin, gryphin, griffon หรอื gryphon) คอื สัตวใ นเทพนยิ ายรางกายเปนครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยสวนหวั ขาคูหนาและปก เปนนกอนิ ทรี สวนลาํ ตวั และขาคูหลงั เปนสงิ โต และมหี างเปนงู บางจาํ พวกกม็ ี หางของสิงโต ขนบนหลังเปน สีดาํ ขนทอี่ ยูขา งหนา เปนสีแดง สว นขนปก เปนสีขาว อาศยั อยใู นถ้ําตามภเู ขา ตามตาํ นานกรกี กริฟฟนเปนสัตวเทพผูพทิ ักษเ หมืองทองคาํ ของดนิ แดนไฮเปอรโบเรีย (ดนิ แดนในตํานานซง่ึ อยู ทางข้ัวโลกเหนือ มแี สงอาทติ ย และความอุดมสมบูรณต ลอดกาล) เปนรูปจําแลงของเทพีเนเมซสิ เทพแหง ความ พยาบาท ซึ่งทําหนา ที่หมนุ วงลอ แหงโชคชะตา, นอกจากนยี้ ังเปนผูลากรถมาของพระอาทติ ย (เทพอพอลโล) อีกดวย กริฟฟนน้ันเปนสัญลักษณข องพลังอาํ นาจ และบางคร้ังยังถือวากริฟฟน เปนสัญลักษณข องความหย่ิงยโสอกี ดวย
เมดูซา (Medusa) เมดูซาเปนสตั วประหลาด กอรกอน ท่วั ไปอธบิ ายวา มใี บหนามนุษย มีงูพิษเปนผม หากจองเธอโดยตรงจะถกู เปล่ยี นเปน หนิ แหลง ขอมลู สว นมากอธบิ ายวาเธอเปน ธิดาของฟอรซีสและซโี ต เมดซู าถูกวรี บรุ ษุ เพอรซิอุสตดั หวั จากนั้นเขาใชศรี ษะเธอเปนอาวุธ[1] กระทัง่ เขาถวายแดเ ทพีอะธนี าซึ่งนาํ ไป ติดบนโลข องพระนาง ในสมยั โบราณคลาสสิก ภาพศรี ษะเมดูซาปรากฏในอปุ กรณขับไลความช่ัวรา ย เรยี ก กอรกะ เนยี น
นมิ ฟ (nymph) นิมฟ (nymph) คือสตรีท่ีเปน รางตัวแทนของส่ิงตา งๆ ในธรรมชาติ ไมวาจะเปนรางที่ยดึ ติดกับสถานท่ีแหงใด แหงหนงึ่ หรือเปนผตู ดิ ตามของเหลาทวยเทพ ซึ่งโดยปกตแิ ลวมักจะตกเปน เปาหมายของเหลา ซาไทร (satyr) ตณั หาจัด วอลเตอร เบอรเ คิรต (Walter Burkert) กลา ววา \"ความคดิ ที่วา แมน ํา้ คอื เทพเจา และน้าํ พุคอื นมิ ฟนนั้ ไมได เปนแคค วามนกึ คดิ ของนักกวี หากแตยังเปนถงึ ความเช่ือและพธิ กี รรมอกี ดวย การบชู าเทพเจา เหลานี้ถูกจาํ กดั อยู เพียงสถานท่ีหนึ่งที่ใดทีพ่ วกเขาไมสามารถแยกออกจากสถานทแ่ี หง นน้ั ได\" นิมฟน บั เปน บุคคลาธิษฐานของการ สรรสรางของธรรมชาติ ซ่งึ บอยครัง้ มกั ใชเปนสญั ลกั ษณข องน้ําพุ
เซนทอร (centaur) เซนทอร (centaur) เปนสัตวช นดิ หน่งึ ในเทพปกรณมั กรกี มรี างสว นบนเปนมนษุ ยผ ชู าย แตสว นลาํ ตัวลงไป เปนมา หนมุ ท่มี กี ลามเนอ้ื เปน มัด ๆ สงางาม อาศัยอยูแถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ เซนทอรมสี องตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อนั ธพาลแหงสวรรคท ขี่ ้ึนชอื่ กบั อกี ตระกูลที่เกดิ จากโค รนสั ฝายหลังมอี ุปนิสัยดีแตกตา งจากฝายแรกมาก เซนทอรต ระกลู อคิ ซอน เกดิ จากอิคซอนกับเนฟลี มีพละกาํ ลงั มาก ชอบด่มื ไวนกับชอบไลค วาผหู ญิง ซํ้าชอบ ทะเลาะเวลาเมา เซนทอรจ งึ ถูกมองวาเปน พวกข้เี มาไมกลวั ใครทัง้ สน้ิ
ฟอน (faun ฟอน (faun) เปน สตั วใ นเทพปกรณัมโรมัน ทอนบนจากศรี ษะลงไปถึงเอวเปน มนษุ ยแตม เี ขาและหูของแพะ ทอ นลา งจากเอวถงึ เทา เปน แพะ อาศยั อยใู นปา มคี วามเก่ียวของกบั เซเทอรในเทพปกรณัมกรีก ฟอนสรา งความกลัวใหแ กมนษุ ยที่กําลงั เดินทางในสถานที่ทเ่ี ปลี่ยว และหางไกลจากเมือง แตส ามารถชว ย บอกทางใหแกม นษุ ยท กี่ าํ ลงั หลง สงิ่ น้พี บไดในนิทานเร่อื ง เซเทอรแ ละนกั เดนิ ทาง (The Satyr and the Traveller) ซื่งชื่อเรอ่ื งในภาษาละตินคอื เฟานุส (Faunus; แปลวา ฟอน ในภาษาละติน) เดิมที ฟอนกับเซ เทอรเปนสตั วท ตี่ างกันมาก คอื ฟอนเปน สตั วค รง่ึ มนษุ ยค รึง่ แพะ สว นเซเทอรเปนคนแคระทอ่ี ัปลักษณ อว น ลา่ํ สนั และมขี นมาก หรอื บางทีเช่ือวาเปน คนปา มหี ูและหางของมาหรือลา นอกจากน้ี เคยเช่อื กนั วา เซ เทอรมเี สนหกบั มนุษยเพศหญงิ มากกวาฟอน และฟอนไมฉลาดเหมือนเซเทอร
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: