Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 03 หลักสูตรการศึกษาเพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปรับปรุง 2562)

03 หลักสูตรการศึกษาเพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปรับปรุง 2562)

Published by adisak ngum, 2019-12-21 18:27:11

Description: 03 หลักสูตรการศึกษาเพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปรับปรุง 2562)

Search

Read the Text Version

กิจกรรมการศึกษาตอ่ เน่ือง งานการศึกษาเพื่อเรยี นรูห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลักสูตรการศึกษาเพือ่ เรยี นรู้หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง (ปรบั ปรงุ 2562) เรือ่ ง การพฒั นาศนู ย์เรยี นรูเ้ ศรษฐกิจพอเพียงและเกษตร ทฤษฎีใหมร่ ะดับตาบล ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสงู สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดนครราชสมี า สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ เอกสารวิชาการหมายเลข........../2562

ประกาศศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสงู หลกั สตู รการศึกษาเพื่อเรียนรหู้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ปรบั ปรุง 2562) เรื่องการพฒั นาศูนย์เรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ระดับตาบล ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโนนสูง สืบเน่ืองจากการท่ีกระทรวงศึกษาธิการได้มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดการศึกษา ต่อเน่ือง พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศใช้ ณ วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และสานักงาน กศน. ได้มีการจัดทา คู่มือการจัดการศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง พ.ศ.๒๕๕๕ แนวทางการดาเนินงานโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน พ.ศ.๒๕๕๕ คู่มือการจัดการศึกษาต่อเน่ือง(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๙) และคู่มือการจัดกิจกรรมฝึกอบรมประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปแลว้ นน้ั ในการน้ี เพ่ือให้การดาเนนิ งานการจัดการศึกษาตอ่ เนื่องของหนว่ ยงาน สถานศกึ ษาในสังกัดสานักงาน กศน. เปน็ ไปในทิศทางเดียวกัน และมีความสอดคล้องกบั สภาวการณท์ างเศรษฐกิจในปัจจบุ ัน สานกั งาน กศน. จงึ ได้จัดทาเอกสารแนวทางการดาเนินงานการจดั การศึกษาตอ่ เน่ือง (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๑) ขนึ้ เพื่อใหบ้ ุคลากร สถานศึกษา กศน. และหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วข้อง ได้มีแนวทางในการจัดการศึกษาในพืน้ ที่ใหม้ ี ประสทิ ธภิ าพ และขอยกเลิกคู่มือฯ แนวทางตามที่ได้กล่าวข้างตน้ ทั้ง ๔ เลม่ โดยในเอกสารแนวทางการ ดาเนนิ งานการจัดการศึกษาต่อเนอ่ื ง (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๑) หน้า ๔๗ กาหนดแหล่งทีม่ าของหลกั สูตรการ จัดการศกึ ษาต่อเนอื่ ง ประกอบด้วย ๑. หลกั สูตรท่ีสถานศึกษาจัดทาข้นึ เอง ๒. หลกั สูตรกลางที่สานกั งาน กศน. จดั ทาขน้ึ ๓. หลักสตู รที่สถานศกึ ษาอน่ื ในสงั กัด สานักงาน กศน. จดั ทาข้นึ ๔. หลกั สตู รของสถานศกึ ษา หรอื หนว่ ยงานอ่นื นอกสังกัด โดยได้รับอนญุ าตจากสถานศึกษา/หน่วยงาน ดาเนินงานตามยทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ขอ้ ๒ วิสยั ทศั นป์ ระเทศไทย “ประเทศไทยมคี วามมน่ั คง ม่งั คงั่ ย่ังยืน เป็นประเทศ พัฒนาแล้ว ดว้ ยการพฒั นาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือเปน็ คติพจนป์ ระจาชาติวา่ “ม่ันคง มั่งคัง่ ย่งั ยนื ” เพื่อสนองตอบ ตอ่ ผลประโยชน์แห่งชาติ อันไดแ้ ก่ การมเี อกราช อธปิ ไตย การดารงอยูอ่ ย่าง มั่นคง และย่ังยนื ของ สถาบันหลักของชาติและประชาชนจากภยั คุกคามทุกรูปแบบ การอยรู่ ว่ มกันในชาติอยา่ ง สันติสุข เปน็ ปึกแผ่น มีความมั่นคงทางสังคมท่ามกลางพหสุ ังคมและการมีเกียรตแิ ละศักดิ์ศรีของความเป็น มนษุ ย์ ความเจรญิ เติบโตของชาติ ความเป็นธรรมและความอยู่ดมี สี ุขของประชาชน ความยั่งยนื ของฐาน ทรัพยากรธรรมชาตสิ ่ิงแวดล้อม ความมนั่ คงทางพลังงานและอาหาร ความสามารถในการรักษา ผลประโยชน์

ของชาติภายใต้การเปล่ียนแปลงของสภาวะแวดล้อมระหวา่ งประเทศ และการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสันตปิ ระสาน สอดคล้องกันดา้ นความมั่นคงในประชาคมอาเซยี นและประชาคมโลกอยา่ งมีเกียรติ และศักด์ศิ รี ดา้ นความมั่นคง หมายถึง การมีความมนั่ คงปลอดภยั จากภัยและการเปล่ยี นแปลงทัง้ ภายในประเทศ และ ภายนอกประเทศในทุกระดบั ทงั้ ระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครวั เรอื น และปจั เจกบุคคล และ มคี วามมั่นคง ในทุกมิติ ทง้ั มิติทางการทหาร เศรษฐกจิ สงั คม ส่งิ แวดล้อม และการเมือง เช่น ประเทศ มีความมน่ั คงในเอก ราชและอธิปไตย มีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยท่ีมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็น ประมุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มีความเขม้ แข็งเปน็ ศูนย์กลางและเปน็ ท่ียดึ เหนยี่ วจติ ใจ ของประชาชน มรี ะบบการเมอื งท่ี ม่ันคงเป็นกลไกทนี่ าไปสู่การบริหารประเทศทต่ี ่อเนอื่ งและโปรง่ ใสตาม หลักธรรมาภบิ าล สงั คมมีความปรองดองและความสามคั คี สามารถผนึกกาลังเพ่ือพัฒนาประเทศ ชมุ ชน มีความเขม้ แข็ง ครอบครวั มคี วามอบอนุ่ ประชาชนมคี วามมัน่ คงในชีวิต มีงานและรายได้ทมี่ ั่นคง พอเพยี ง กบั การดารงชีวติ มีการออมสาหรบั วยั เกษยี ณ ความม่ันคงของอาหาร พลังงาน และนา้ มที ี่อยู่อาศัย และความปลอดภัยในชวี ติ ทรัพย์สนิ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสูง ได้ดาเนินการพัฒนาการจดั การศกึ ษาต่อเน่อื งรปู แบบการฝกึ อบรมประชาชน หลักสูตรการศึกษาเพื่อเรยี นรู้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ปรับปรุง 2562) เรือ่ งการพัฒนาศนู ยเ์ รียนรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ระดบั ตาบล ขน้ึ โดยความรว่ มมือของผู้บรหิ าร คณะครู และคณะกรรมการสถานศกึ ษา ท้ังไดน้ ากรอบแนวทางการดาเนนิ งาน การจัดการศึกษาตอ่ เนื่อง (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๑) รวมทั้งบรบิ ทของพ้ืนที่ จังหวดั นครราชสมี า มาเป็น ข้อมูลในการพัฒนา และไดผ้ า่ นความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาแลว้ จึงประกาศใหใ้ ช้หลกั สตู ร การศึกษาเพอื่ เรียนรู้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (ปรับปรงุ 2562) เรื่องการพฒั นาศนู ยเ์ รยี นรู้เศรษฐกิจ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ระดบั ตาบล ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโนนสูง ตง้ั แต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ เป็นตน้ ไป แก่ผู้ข้นึ ทะเบยี นเป็นนกั ศึกษาการจดั การศึกษาต่อเน่ือง ของศนู ย์ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอโนนสงู ประกาศ ณ วันท่ี เดือน พฤศจิกายน พุทธศกั ราช ๒๕๖2 (นางวิไลลกั ษณ์ โรจนาศรรี ตั น)์ ผอู้ านวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสูง

ความเห็นชอบคณะกรรมการสถานศึกษา ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสูง เพอ่ื ให้หลกั สตู รการศกึ ษาเพ่ือเรยี นรหู้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปรับปรงุ 2562) เรอ่ื งการ พัฒนาศนู ย์เรียนรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมร่ ะดบั ตาบล การจดั การศึกษาต่อเนอื่ ง ของศนู ย์ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโนนสงู การจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ตู ามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ผา่ นกระบวนการเรียนร้ตู ลอดชวี ิต ในรปู แบบตา่ งๆ ให้กับประชาชน เพ่อื เสรมิ สรา้ ง ภมู คิ มุ้ กนั สามารถยืนหยัดอยู่ไดอ้ ย่างม่ันคง และมีการบรหิ าร จดั การความเสี่ยงอยา่ งเหมาะสม ตามทิศ ทางการพัฒนาประเทศสู่ความสมดลุ และยั่งยืน ตามพระราชบัญญัติส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศยั พ.ศ.๒๕๕๑ ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ ให้ผู้ที่มีส่วนเก่ีย วข้องสนับสนุน และประสานค วามร่วมมือใน ก ารจัดการศึกษ านอกระบบแล ะ การศึกษาตามอัธยาศัย ให้เป็นไปตามกรอบของหลักสูตรการศึกษาเพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง การจัดการศึกษาต่อเนื่อง เพ่อื พฒั นากลุ่มเป้าหมายให้มคี ณุ ภาพตอ่ ไป ท้งั น้ี ตง้ั แต่วนั ที่ เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖2 (นายนรินทร์ ฉตั รเวทนิ ) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษา ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโนนสงู

คานา ตามพระราชบญั ญัตสิ ง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.๒๕๕๑ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๙ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั ิฉบบั นี้คือ โดยท่ีกฎหมายวา่ ดว้ ย การศึกษาแห่งชาติมหี ลกั การจดั การศึกษาให้เป็นการศึกษาตลอดชวี ิตสาหรบั ประชาชน และให้ทุกภาคสว่ น ของสังคม ไดม้ ีสว่ นร่วมในการจดั การศึกษา รวมทัง้ สถานศึกษาอาจจดั การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ หรอื การศึกษาตามอธั ยาศยั รปู แบบใดรปู แบบหนึง่ หรือทัง้ สามรูปแบบก็ได้ โดยเป็นการผสมผสานระหวา่ ง การศึกษาทั้งสามรูปแบบ เพอ่ื ให้สามารถพัฒนาการศึกษาและคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างตอ่ เนื่อง แต่ เน่อื งจากกลไกและการดาเนินการเก่ยี วกบั การจดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ยงั ไม่มี กฎหมายเฉพาะรองรบั ดงั น้นั เพื่อใหเ้ ป็นไปตามแนวทางและเป้าหมายดังกล่าว จึงสมควรใหม้ ีกฎหมายเพ่ือ สง่ เสริมและสนบั สนนุ การจดั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ให้เปน็ ไปอย่างมีระบบและ ต่อเน่อื ง มีการบรหิ ารและจัดการศึกษาท่ีมปี ระสิทธิภาพเพ่ือทาใหป้ ระชาชนไดม้ โี อกาสเรียนรู้และสามารถ พัฒนาคุณภาพชวี ติ ของตนได้ตามศักยภาพเป็นสังคมแหง่ การเรียนรู้และภูมปิ ัญญาอนั จะมผี ลในการพฒั นา กาลังคนและประเทศชาตใิ หเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ตอ่ ไป กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ปรับปรงุ ระเบียบว่าดว้ ยการจัดการศกึ ษาต่อเนื่องพ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศ ณ วนั ที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการส่งเสริมและสนบั สนุนการศกึ ษาให้บุคคลได้รบั การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอย่างทวั่ ถงึ และมีคณุ ภาพตามกฎหมายวา่ ด้วยการศึกษาแห่งชาติ และ ทันต่อการเปลย่ี นแปลงของสังคมและเปน็ การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคคลไดร้ บั การศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวติ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติและภาคีเครือขา่ ยทุกภาคส่วนสังคมมสี ่วนร่วมในการจดั การศึกษาตาม พระราชบญั ญัติส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ อาศยั อานาจตามความ ในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ กระทรวงศึกษาธกิ ารจงึ วางระเบียบไว้ดังน้ี ระเบยี บนี้เรยี กว่า “ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการว่าดว้ ย การจัดการศึกษาตอ่ เนื่อง พ.ศ.๒๕๕๔” โดยได้กาหนดจดุ มุ่งหมายสาคัญในการพัฒนาคนไทยใหไ้ ดร้ ับการ เรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ประกอบกับการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์ปัจจบุ ันและอนาคตทั้งด้านประชากร การเมืองการปกครอง สงั คม เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และส่ิงแวดล้อมรวมทงั้ การเช่ือมโยงสังคม เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย ระดับภมู ิภาคและระดับโลก จึงจาเป็นท่ีจะต้องจัดการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ เพื่อให้ กล่มุ เปา้ หมายประชาชนได้รับการเรียนรทู้ ี่สอดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงของโลก ท้งั ดา้ นการพฒั นาอาชีพ การ พฒั นาทกั ษะชีวติ และการพัฒนาสงั คมและชุมชน การศกึ ษาเพื่อเรยี นรหู้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ซง่ึ จาเป็นตอ้ งใชว้ ธิ ีการและรูปแบบทีห่ ลากหลาย ตามความต้องการและความสนใจของประชาชนทกุ กลุ่ม ช่วงวัย โดยเน้นกระบวนการคดิ เพ่ือแกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั ตามหลักปรัชญาคดิ เปน็ และหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง สานักงาน กศน. จึงไดก้ าหนดเปน็ นโยบายดา้ น จดั การศกึ ษาต่อเน่ืองโดยมแี นวทางการดาเนินงาน การจดั การศึกษาตอ่ เน่ือง (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๑) 2เฉพาะในส่วนของหลักสตู รการศกึ ษาเพื่อเรียนรูห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อ ๑. เพื่อให้ประชาชนใช้ในชวี ติ ประจาวนั ตามหลักการของความพอเพียง ความพอดี สามารถลด รายจ่ายภายในครวั เรือน ๒. เพื่อใหป้ ระชาชนรหู้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓. เพ่ือขยายผลเศรษฐกิจพอเพียง สู่โอทอป นวตั วิถี 4. เพ่ือพัฒนาศูนยเ์ รียนรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจาตาบล โดยจัดกจิ กรรมการศึกษามงุ่ เนน้ ให้ผู้เรียน สามารถเรียนรหู้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการ ดาเนินชีวิต ตลอดจนการจดั การศกึ ษาต่อเนื่องหลกั สตู รเชิงบูรณาการ เพอ่ื การพฒั นาท่ียั่งยนื ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงและพัฒนาระบบคลังหลักสูตรการศึกษาตอ่ เนอ่ื งให้ได้มาตรฐาน และสะดวกต่อการใชง้ าน เพ่อื สนับสนนุ การจดั การศึกษาของสถานศึกษาและภาคเี ครือขา่ ย (นางสาววารุณี ยวงกลาง) ครู กศน.ตาบล วันที่ เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖2

สารบัญ หนา้ เร่อื ง คานา ๑ สารบัญ ๑ ความเปน็ มา ๒ หลกั การของหลักสูตร ๒ จุดหมาย ๒ เป้าหมาย ๓ ระยะเวลา ๔ สาระการเรียนรูท้ ี่ ๑ การเรยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์ของพระราชา ๔ สื่อการเรียนรู้ ๔ การวดั และประเมินผล ๕ เกณฑ์การจบหลักสตู ร ๖ สาระการเรยี นรู้ท่ี ๒ การศกึ ษาเพือ่ เรียนรหู้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ OTOP นวัตวิถี ๖ ส่ือการเรยี นรู้ ๖ การวัดและประเมนิ ผล 7 เกณฑ์การจบหลกั สตู ร 8 สาระการเรียนรทู้ ่ี 3 การพัฒนาศนู ยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจาตาบล 8 สอ่ื การเรียนรู้ 8 การวดั และประเมินผล เกณฑ์การจบหลักสตู ร ภาคผนวก - ใบความรู้ - ใบงาน เอกสารอา้ งองิ คณะผจู้ ดั ทา

บรรณานุกรม บรรณานกุ รม อา้ งอิงจากเวบ็ ไซต์ www.pantip.com www.google.com และ www.ebay.com อ้างองิ จากคู่มือแนวทางการดาเนนิ ชีวิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “สาหรับประชาชน” (วัชรินทร์ ศรณี ิบลู ย)์ บริษัทเบสท์มเี ดียเอ็ดดเู คชนั่ จากดั แนวทางการดาเนนิ งานโครงการ ชุมชนทอ่ งเท่ียว OTOP นวตั วิถี กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

ภาคผนวก

1 การจัดการศกึ ษาต่อเน่ือง รูปแบบการฝึกอบรมประชาชน หลักสูตรการศกึ ษาเพื่อเรยี นรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (ปรับปรุง 2562) เรอ่ื งการพฒั นาศนู ยเ์ รยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมร่ ะดับตาบล ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอโนนสงู ความเป็นมา คำวำ่ “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นปรชั ญำที่พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยูห่ ัวภมู พิ ลอดุลยเดชทรงมีพระรำชดำรัส ช้แี นะแนวทำงในกำรดำเนนิ ชีวิตให้แกพ่ สกนิกรชำวไทยมำโดยตลอดนำนกวำ่ 30 ปี เพ่ือนำไปปฏิบตั ิในกำรดำเนนิ ชีวิตใน ยำมท่ีประเทศประสบปญั หำวิกฤติทำงเศรษฐกิจใน พ.ศ.2540 ภำยหลังเม่อื ได้ทรงเนน้ ย้ำแนวทำงกำรแก้ไขเพอ่ื ให้ ประชำชนรอดพ้นและสำมำรถอยู่ได้อยำ่ งมนั่ คงและย่ังยนื ภำยใต้กระแสโลกำภวิ ฒั น์ จำกพระรำชดำรสั ของ พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช ในวันที่ 18 กรกฎำคม พ.ศ. 2517 ว่ำ“…กำรพฒั นำประเทศจำเปน็ ต้องทำ ตำมลำดบั ข้ัน ต้องสร้ำงพ้ืนฐำนคอื ควำมพอมี พอกิน พอใช้ ของประชำชนสว่ นใหญ่เบ้ืองตน้ กอ่ น โดยใช้วธิ ีกำรและ อุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตำมหลกั วิชำกำร เม่ือได้พ้ืนฐำนจำกม่ันคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติไดแ้ ล้ว จึงค่อยสร้ำง คอ่ ยเสรมิ ควำมเจริญ และฐำนะทำงเศรษฐกิจขนั้ ที่สงู โดยลำดบั ตอ่ ไป…”ใน พ.ศ. 2540 เกดิ ปญั หำวกิ ฤตกำรณเ์ ศรษฐกิจ พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยู่หวั ฯ พระรำชทำนพระรำชดำรัสเนอ่ื งในโอกำสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษำ วันที่ 4 ธนั วำคม พ.ศ. 2540 ณ ศำลำดสุ ิดำลัย สวนจิตรลดำ เร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงอีกครั้ง เพ่ือแนวทำงแก้ปัญหำให้กับประเทศ “…กำรเปน็ เสอื นั้นไม่สำคญั สำคัญอยู่ท่ีเรำมีเศรษฐกจิ แบบพอมีพอกนิ แบบพอมีพอกนิ นั้น หมำยควำมว่ำอุ้มชูตนเองได้ให้ มพี อเพยี งกบั ตนเอง อันนี้กเ็ คยบอกวำ่ ควำมพอเพยี งไม่ไดห้ มำยควำมวำ่ ทกุ ครอบครัวจะตอ้ งผลิตอำหำรของตวั จะต้อง ทอผำ้ ใส่เอง อยำ่ งน้ันมนั เกินไป แต่ว่ำในหมูบ่ ้ำนหรือในอำเภอจะต้องมีควำมพอเพียงพอสมควร บำงส่งิ บำงอย่ำงทผี่ ลิตได้ มำกกวำ่ ควำมต้องกำร กข็ ำยได้ แต่ขำยในที่ไม่ห่ำงไกลเท่ำไร ไมต่ อ้ งเสยี ค่ำขนส่งมำกนัก…” คำว่ำ “พอเพียง” จำกพระรำชดำรัสของพระบำทสมเด็จพระเต้ำอยู่หัวฯ เนื่องในโอกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ วันที่ 4 ธนั วำคม พ.ศ. 2541 ณ ศำลำดุสิตดำลยั สวนจติ รลดำ พระรำชทำนควำมหมำยของคำว่ำ “พอเพียง” ไว้วำ่ “…คำว่ำพอเพียงมคี วำมหมำยอกี อยำ่ งหนึง่ มีควำมหมำยกว้ำงออกไปอกี ไม่ไดห้ มำยถึงกำรมพี อสำหรบั ใช้เองเท่ำนนั้ แต่ มีควำมหมำยวำ่ พอมีพอกิน พอมีพอกนิ นีแ้ ผลวำ่ เศรษฐกจิ พอเพยี งนัน้ เอง…” หลักการของหลักสตู ร ตำมท่ีสำนักงำน กศน. ได้กำหนดเป็นประเด็นสำคัญในข้อยุทธศำสตร์และจุดเน้นกำรดำเนินงำนกำรสร้ำงกำร กระจำยโอกำสทำงกำรศึกษำ เพ่ือสร้ำงควำมเท่ำเทียมกันและควำมเสมอภำวะทำงกำรศึกษำให้กับกลุ่มเป้ำหมำย โดย สนบั สนุนกำรจดั กำรศึกษำตำมวัยและพฒั นำกำรอยำ่ งมีคุณภำพต้ังแต่ก่อนวัยเรียนจนจบกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำนและกำรจัด กำรศกึ ษำชุมชนเพื่อมงุ่ ให้เกดิ สังคมแหง่ กำรเรียนรู้และกำรศึกษำตลอดชีวิตทั้งจำกกำรในระบบ กำรศึกษำนอกระบบและ กำรศึกษำตำมอัธยำศัย ให้เป็นสังคมคุณธรรมและพร้อมรับมือกับควำมเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ โดยกำหนดจุดเน้นด้ำน ผลสัมฤทธิ์ ให้มีผู้สำเร็จหลักสูตรหรือร่วมกิจกรรมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย มีผลสัมฤทธ์ิท่ีมี คุณภำพ ตำมตรงจุดหมำยของหลักสูตรหรือกิจกรรมกำรศึกษำ กำรเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ สำมำรถนำควำมรู้และ

2 ประสบกำรณก์ ำรเรียนรทู้ ีไ่ ดร้ บั ประโยชนไ์ ดจ้ ริงกจิ กรรมกำรจัดกำรเรียนรู้ด้ำนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกำรจัดกิจกรรมเพื่อ พัฒนำผเู้ รยี นให้มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจ เรอื่ งปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล กำรมีภูมิคุ้มกันใน ตัวท่ีดี โดยอำศัยควำมรอบรู้และระมัดระวังในกำรนำควำมรู้มำใช้ในกำรวำงแผนดำเนินงำน กำรนำเศรษฐกิจพอเพียงมำ ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั คือกำรใชจ้ ำ่ ยในชวี ิตประจำวัน ไม่ใช้จ่ำยในเร่ืองที่เห็นว่ำไม่จำเป็นมีกำรจัดว่ำใช้จ่ำยในแต่ละวัน แบ่ง เงินส่วนหนง่ึ ไว้ใช้จ่ำยในยำมฉุกเฉินรวมถึงนำเงินท่ีเหลือที่ได้จำกค่ำขนมและค่ำใช้จ่ำยในแต่ละวันมำออมไว้ โดยมีกำรคิด คำนวณก่อนที่จะซ้ือของสิ่งหนึ่งว่ำมีส่ิงของน้ันสำมำรถใช้ได้นำนแค่ไหน คุ้มหรือไม่กับกำรซื้อในแต่ละคร้ัง กำรกระทำน้ี นอกจำกจะได้ของใช้ท่ีมีประสิทธิภำพแล้วยังเป็นกำรประหยัดเงิน และมีสำนึกในคุณธรรม ซ่ือสัตย์ สุจริต มีควำม ขยันหมนั่ เพยี ร มำนะอดทน ใชส้ ติปัญญำในกำรดำรงชีวิตดว้ ยควำมรอบครอบ โดยสำมำรถนำมำประยกุ ต์ให้เกิดผลในทำง ปฏิบัติในกำรดำรงชีวิต ประจำวันท้ังต่อตนเอง ครอบครัวชุมชน ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพและประสิทธิผล เพ่ือเร่งสนอง นโยบำย และพัฒนำคุณภำพกำรจัดกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย (กศน) ให้สำมำรถดำเนินกำร ขบั เคลื่อนตำมทิศทำง บทบำท ภำรกจิ ไดอ้ ยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ จุดมุ่งหมาย 1. เพอ่ื ให้ประชำชนใชใ้ นชวี ิตประจำวันตำมหลักกำรของควำมพอเพียง ควำมพอดี สำมำรถลดรำยจ่ำยภำยใน ครวั เรอื น 2. เพอ่ื ให้ประชำชนรูห้ ลักปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. เพือ่ ขยำยผลเศรษฐกิจพอเพียง สูโ่ อทอป นวัตวถิ ี 4. เพื่อพฒั นาศูนย์เรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหมป่ ระจาตาบล กลมุ่ เป้าหมาย ประชำชนในเขตพ้นื ท่ี อำเภอโนนสงู ระยะเวลา จัดอบรมสำระกำรเรยี นร้ลู ะ 1 วนั ๆละ 7 ช่ัวโมง สำระกำรเรียนรู้ กำรศกึ ษำเพ่ือเรียนรูห้ ลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ตำมศำสตร์ของพระรำชำ สำระกำรเรียนรู้ กำรศึกษำเพื่อเรียนร้หู ลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่ OTOP นวตั วถิ ี สำระกำรเรียนรู้ กำรพัฒนำศูนยเ์ รียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบล - ทฤษฎี 3 ชวั่ โมง - ปฏิบตั ิ 4 ช่วั โมง

3 สาระการเรยี นรู้ท่ี 1 การศึกษาเพือ่ เรยี นรูห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามศาสตร์ของ พระราชา โครงสร้างเนือ้ หา ที่ เรือ่ ง จดุ ประสงค์กำร เนอ้ื หำ กำรจัด จำนวนช่ัวโมง เรยี นรู้ กระบวนกำรเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ 1 1.เร่อื งควำมเป็นมำ 1.เพื่อให้ เรื่องควำมเป็นมำ -วิธสี อนแบบบรรยำย 1 ปรัชญำของเศรษฐกจิ ประชำชนใช้ ของปรชั ญำของ -กำรจัดกำรเรยี นรแู้ บบใช้ พอเพยี ง ชวี ติ ประจำวนั เศรษฐกิจพอเพียง คำถำม ตำมหลกั ของ -วิธีสอนแบบศึกษำด้วย ควำมพอเพียง ตนเอง ควำมพอดี กำร -วิธีสอนแบบแบง่ กลมุ่ ใช้ชีวิตอย่ำงรอบ ครอบ 2 2.เรอื่ ง กำรสอนทำบญั ชี 1.เพอ่ื ให้ เร่ืองกำรสอนทำ -วธิ สี อนแบบบรรยำย 3 ครวั เรือน ประชำชนรู้หลกั บัญชคี รวั เรือนกำร -กำรจัดกำรเรียนร้แู บบ กำรทำปยุ๋ หมักชีวภำพ ปรัชญำของ ทำปุ๋ยหมักชวี ภำพ ใช้คถำม เศรษฐกิจ -วธิ สี อนแบบศกึ ษำด้วย พอเพียง ตนเอง 2.เพ่ือให้ -วิธีสอนแบบแบง่ กล่มุ สำมำรถลด รำยจ่ำยภำยใน ครัวเรือน 3 3.กำรปลูกปำ่ 3 อย่ำง 1.เพื่อให้ กำรปลูกปำ่ 3 -วิธีสอนแบบบรรยำย 1 ประโยชน์ 4 อยำ่ งและ ประชำชนรู้ถงึ อย่ำง ประโยชน์ 4 -กำรจดั กำรเรียนรแู้ บบใช้ หลกั กำรทำเกษตรทฤษฎี ประโยชนก์ ำร อยำ่ งและหลักกำร คำถำม ใหม่ ปลกู ปำ่ 3 อย่ำง ทำเกษตรทฤษฎี -วธิ สี อนแบบศกึ ษำด้วย ประโยชน์ 4 ใหม่ ตนเอง อยำ่ งและ -วธิ สี อนแบบแบ่งกลุ่ม หลักกำรทำ เกษตรทฤษฎี ใหม่

4 4 กำรอภิปรำย เพื่อทบทวน แบ่งกลมุ่ ทำงำน -วิธีสอนแบบบรรยำย 2 และทรำบระดบั ตำมหน้ำท่ี ที่ได้รับ -กำรจัดกำรเรียนรแู้ บบใช้ ควำมเขำ้ ใจ มอบหมำย คำถำม -วิธีสอนแบบศกึ ษำดว้ ย ตนเอง -วธิ ีสอนแบบแบง่ กลุ่ม รวม 3 4 รวมท้งั สน้ิ 7 ชว่ั โมง สื่อการเรียนรู้ 1. สื่อเอกสำร 1.1 เอกสำรประกอบกำรเรียนรู้ 1.2 ใบงำน 1.3 ใบควำมรู้ 2. ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ - เว็บไซต์ 3. วิทยำกรแหล่งเรยี นรู้/ภูมปิ ัญญำ 4. สถำนทฝี่ ึกปฏิบัตจิ รงิ การวดั และประเมินผล กำรประเมินควำมรู้ภำคทฤษฎี และจำกกำรปฏบิ ัติระหวำ่ งเรยี น โดยกำรใชแ้ บบทดสอบ สังเกตพฤติกรรมกำรมี ส่วนร่วม กำรปฏิบัติ กำรซักถำม และบันทึกผลกำรเรยี นรู้ การจบหลักสูตร 1. มเี วลำเรียน ไมน่ อ้ ยกว่ำร้อยละ 80 2. มผี ลกำรประเมินตลอดหลกั สูตรไมน่ ้อยกว่ำรอ้ ยละ 60 3. มผี ลงำนท่มี คี ุณภำพ เอกสารหลักฐานการศึกษา 1. หลกั ฐำนกำรประเมินผล

5 สาระการเรยี นรู้ท่ี 2 การศกึ ษาเพื่อเรยี นรหู้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ OTOP นวัตวิถี โครงสร้างเนือ้ หา ที่ เรื่อง จุดประสงค์กำร เนอ้ื หำ กำรจัด จำนวนช่ัวโมง เรยี นรู้ กระบวนกำรเรียนรู้ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ 1 1.เรื่องควำมเปน็ มำของ 1. เพอื่ พัฒนำ ควำมสำคญั และ -วิธสี อนแบบบรรยำย 3 โครงกำร OTOP นวัตวถิ ี เศรษฐกจิ ฐำน ควำมเปน็ มำของ -กำรจดั กำรเรียนร้แู บบใช้ รำกให้เกดิ กำรพัฒนำ คำถำม รำยไดก้ บั ชมุ ชน เศรษฐกิจฐำนรำก -วธิ ีสอนแบบศกึ ษำดว้ ย 2.เพอื่ ยกระดบั เพื่อยกระดับกำร ตนเอง คุณภำพชีวิต พฒั นำคุณภำพชวี ติ -วธิ สี อนแบบแบง่ กลมุ่ ของประชำชน ของประชำชน อยำ่ ง ท่ัวถึง กระตุน้ เศรษฐกิจและ สงั คม ภำยในประเทศ ให้มีควำม เขม้ แข็ง 2 2.เรื่อง กำรนำหลัก 3.เพอื่ เช่ือมโยง กำรทำเศรษฐกจิ -วธิ สี อนแบบบรรยำย 4 ปรชั ญำของเศรษฐกจิ เส้นทำงในกำร พอเพยี ง ใหม้ ีควำม -กำรจดั กำรเรียนรแู้ บบใช้ พอเพียงสู่ OTOP นวัตวิถี ท่องเท่ยี ว (เมอื ง โดดเดน่ เหมำะแก่ คำถำม หลัก เมืองรอง กำรท่องเทย่ี ว ตำม -วิธีสอนแบบศึกษำดว้ ย ชมุ ชน) ใหม้ ี หลักปรชั ญำ ตนเอง ควำมโดดเด่น เศรษฐกจิ พอเพียง -วธิ สี อนแบบแบ่งกลมุ่ มีควำมพร้อม และสอดคลอ้ งกับ บนอตั ลกั ษณ์ อัตลักษณข์ อง ของชมุ ชน ชุมชน ท่องเทย่ี วOTOP นวตั วถิ ี รวม 3 4 รวมท้งั สิน้ 7 ชวั่ โมง

6 สื่อการเรียนรู้ 1. สื่อเอกสำร 1.1 เอกสำรประกอบกำรเรยี นรู้ 1.2 ใบงำน 1.3 ใบควำมรู้ 2. ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ - เวบ็ ไซต์ 3. วทิ ยำกรแหลง่ เรยี นร/ู้ ภูมิปญั ญำ 4. สถำนทีฝ่ กึ ปฏิบัตจิ ริง การวัดและประเมนิ ผล กำรประเมินควำมร้ภู ำคทฤษฎี และจำกกำรปฏิบัติระหว่ำงเรยี น โดยกำรใชแ้ บบทดสอบ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรมี สว่ นร่วม กำรปฏิบตั ิ กำรซักถำม และบนั ทึกผลกำรเรียนรู้ การจบหลกั สูตร 1. มีเวลำเรียน ไมน่ ้อยกวำ่ รอ้ ยละ 80 2. มีผลกำรประเมินตลอดหลกั สูตรไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ 60 3. มผี ลงำนทมี่ คี ุณภำพ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา 1. หลกั ฐำนกำรประเมินผล

7 สาระการเรยี นรูท้ ่ี 3 การพัฒนาศนู ย์เรียนรู้เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ประจาตาบล โครงสรา้ งเนื้อหา ท่ี เรอื่ ง จดุ ประสงค์กำร เนือ้ หำ กำรจดั จำนวนชว่ั โมง ทฤษฎี ปฏิบตั ิ เรียนรู้ กระบวนกำรเรียนรู้ 1 1 1.เร่อื งควำมเปน็ มำ 1.เพอ่ื ให้ เรือ่ งควำมเป็นมำ -วธิ ีสอนแบบบรรยำย 3 ปรัชญำของเศรษฐกิจ ประชำชนใช้ ของปรชั ญำของ -กำรจัดกำรเรียนรแู้ บบใช้ 1 พอเพยี ง ชวี ติ ประจำวัน เศรษฐกิจพอเพียง คำถำม 2 34 ตำมหลักของ -วธิ ีสอนแบบศึกษำดว้ ย 7 ช่ัวโมง ควำมพอเพยี ง ตนเอง ควำมพอดี กำร -วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่ม ใช้ชีวิตอยำ่ งรอบ ครอบ 2 2.เร่ือง กำรสอนทำบัญชี 1.เพ่ือให้ เรอื่ งกำรสอนทำ -วิธสี อนแบบบรรยำย ครวั เรอื น ประชำชนรู้หลกั บญั ชคี รวั เรือน -กำรจัดกำรเรียนรแู้ บบใช้ ปรชั ญำของ คำถำม เศรษฐกิจ -วิธสี อนแบบศกึ ษำด้วย พอเพียง ตนเอง 2.เพอ่ื ให้ -วิธีสอนแบบแบง่ กลมุ่ สำมำรถลด รำยจำ่ ยภำยใน ครัวเรือน 3 3.กำรทำทำเนียบภูมิ 1.เพอ่ื ให้ จดั ทำ ทำเนียบภูมิ -ศกึ ษำคน้ คว้ำข้อมูลภูมิ ปัญญำท้องถ่นิ ด้ำน ประชำชนทัว่ ได้ ปญั ญำท้องถิน่ ปัญญำ เศรษฐกจิ พอเพียงและด้ำน ไดเ้ รยี นรขู้ ้อมลู ระดับตำบล -วิธีสอนแบบศกึ ษำด้วย ตำ่ งๆ ของทำเนียบภมู ิ ตนเอง ปญั ญำท้องถนิ่ -วิธีสอนแบบแบง่ กลุ่ม ระดับตำบล 4 กำรอภปิ รำย เพ่ือทบทวน แบง่ กลมุ่ ทำงำน -ศกึ ษำค้นควำ้ ข้อมลู ภูมิ และทรำบระดบั ตำมหนำ้ ที่ ทไ่ี ด้รบั ปัญญำ ควำมเข้ำใจ มอบหมำย รวม รวมทั้งสิ้น

8 ส่ือการเรยี นรู้ 5. สือ่ เอกสำร 5.1 เอกสำรประกอบกำรเรียนรู้ 5.2 ใบงำน 5.3 ใบควำมรู้ 6. ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ - เวบ็ ไซต์ 7. วทิ ยำกรแหลง่ เรียนร/ู้ ภมู ิปญั ญำ 8. สถำนที่ฝึกปฏิบตั ิจริง การวัดและประเมนิ ผล กำรประเมินควำมรูภ้ ำคทฤษฎี และจำกกำรปฏิบัติระหว่ำงเรยี น โดยกำรใชแ้ บบทดสอบ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรมี สว่ นร่วม กำรปฏิบัติ กำรซกั ถำม และบนั ทึกผลกำรเรยี นรู้ การจบหลกั สูตร 4. มเี วลำเรียน ไมน่ ้อยกว่ำรอ้ ยละ 80 5. มผี ลกำรประเมินตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ 60 6. มีผลงำนทีม่ ีคุณภำพ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา 2. หลกั ฐำนกำรประเมนิ ผล

9 ใบความรู้ที่ 1 เศรษฐกจิ พอเพียง “ความหมาย เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญำท่ีช้ีแนวทำงกำรดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชำชนในทุกระดับ รวมถึงระดับ รัฐบำลในกำรพัฒนำและบริหำรประเทศ ให้ดำเนินไปในทำงสำยกลำง ที่พระบำทสมเด็จพระปรมินทร์มหำภูมิพลอดุลย เดช ทรงมีพระรำชดำรัส แก่พสกนิกรชำวไทยมำโดยตลอดต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ และภำยหลังวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้ทรงเน้นย้ำเป็นแนวทำงกำรแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสำมำรถดำรงอยู่ได้อย่ำงม่ันคงและยั่งยืนภำยใต้กระแส โลกำภิวตั น์ และควำมเปล่ียนแปลงตำ่ งๆ สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทำงเศรษฐกิจ และสำขำ อืน่ ๆ มำรว่ มกันประมวลและกล่นั กรองพระรำชดำรัส เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อบรรจุในแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ ฉบับท่ี ๙ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙) และไดจ้ ัดทำเป็นบทควำมเรอื่ ง \"ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง\" และได้นำควำม กรำบบังคลทลู พระกรุณำขอพระรำชทำนพระบรมรำชวินิจฉยั เมื่อวนั ท่ี ๒๒ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยทรงพระกรุณำปรับปรุงแกไ้ ขพระรำชทำน และทรงพระกรณุ ำโปรดเกล้ำฯ พระรำชทำนพระบรมรำชำนญุ ำต ใหน้ ำบทควำมท่ที รงแกไ้ ขแล้วไปเผยแพร่ เพอ่ื เปน็ แนวทำงปฏบิ ัติของสำนักงำนฯ และทุกฝ่ำยที่เกย่ี วข้อง ตลอดจน ประชำชนโดยท่วั ไปในท่ี ๒๑ พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๔๒ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง” เศรษฐกิจพอเพียงเปน็ ปรัชญำช้ีแนวทำงกำรดำรงอยู่และปฏิบัติของประชำชนใน ทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน ถงึ ระดบั รฐั ทัง้ ในกำรพัฒนำและบริหำรประเทศ ให้ดำเนินไปในทำงสำยกลำง มีควำมพอเพียง รวมถึงควำม จำเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีพอสมควร ต่อกำรมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงท้ังภำยนอก และภำยใน ซ่ึงจะต้องอำศัย ควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบ และควำมระมัดระวัง ในกำรนำวิชำต่ำงๆ มำใช้ในกำรวำงแผน และดำเนนิ กำรทุกขั้นตอน ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง ทท่ี รงพระกรณุ ำปรับปรงุ แกไ้ ขพระรำชทำนขำ้ งต้น เปน็ ทีม่ ำของ นิยำม \"๓ ห่วง ๒ เงอื่ นไข\" ท่ีคณะอนกุ รรมกำรขบั เคลื่อนเศรษฐกิจพอเพยี ง สำนกั งำนคณะกรรมกำรพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ นำมำใช้ในกำรรณรงค์เผยแพร่ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง ผ่ำนช่องทำงต่ำงๆ อยู่ในปัจจุบัน ซ่ึงประกอบด้วยควำม พอประมำณ มีเหตุผล มภี ูมคิ ้มุ กัน บนเงือ่ นไข ควำมรู้ และ คณุ ธรรม

10 ในวนั ที่ ๔ ธนั วำคม พ.ศ. ๒๕๔๐ พระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดลุ ยเดช ทรงมพี ระรำชดำรัสว่ำ \"การจะเป็นเสือน้ันมันไม่สาคัญ สาคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบ พอมีพอกิน หมายความว่า อ้มุ ชตู ัวเองได้ ใหม้ พี อเพยี งกับตวั เอง\" เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ แนวคิดที่ยดึ หลกั ทำงสำยกลำง คำวำ่ ควำมพอเพียง นนั้ หมำยถึงควำมพร้อมที่จะจดั กำร กบั ผลกระทบที่เกิดขน้ึ จำกทงั้ ภำยนอกและภำย ใน ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพยี ง ยังสำมำรถมองไดว้ ่ำเปน็ ปรัชญำในกำร ดำรงชวี ิตใหม้ ีควำมสขุ ที่จำเป็นตอ้ งใช้ท้ัง ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ ผนวกกับคณุ ธรรมในกำรดำเนินชีวิต เศรษฐกิจพอเพยี ง ไม่ใช่เพียงกำรประหยดั แตเ่ ป็นกำรดำเนนิ ชีวิตอย่ำงชำญฉลำด และสำมำรถอยู่ได้ แมน้ ในสภำพทม่ี กี ำรแขง่ ขนั และกำร ไหลบำ่ ของโลกำภิวตั นำสู่ ควำมสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ของ ชวี ติ เศรษฐกิจ และ หลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงมีชื่อ เล่นท่พี วกเรำเรยี นกัน คือ สำมห่วงสองเงื่อนไขหรือสำมห่วงกรอบควำมคิดและสองเงื่อนไขพนื้ ฐำนดงั ภำพประกอบ หลกั แนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพียง กำรพัฒนำตำมหลกั เศรษฐกิจพอเพียง คือกำรพฒั นำท่ีตั้งอยู่บนพ้ืนฐำนของทำงสำยกลำง และควำมไม่ประมำท โดย คำนึงถึง ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล กำรสร้ำงภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ควำมรู้ควำมรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบกำรวำงแผน กำรตัดสนิ ใจ และกำรกระทำ ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มีหลักพจิ ำรณำอยู่ 5 ส่วน ดงั น้ี 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญำท่ีช้ีแนะแนวทำงกำรดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทำงท่ีควรจะเป็น โดยมีพื้นฐำนมำจำก วิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สำมำรถนำมำประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลำ และเป็นกำรมองโลกเชิงระบบที่มีกำร เปลย่ี นแปลงอย่ตู ลอดเวลำ และเป็นกำรมองโลกเชิงระบบที่มีกำรเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลำ มุ่งเน้นกำรรอดพ้น จำกภัย และวกิ ฤต เพ่อื ควำมมั่นคง และควำมย่ังยืนของกำรพฒั นำ

11 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสำมำรถนำมำประยุกต์ใช้กับกำรปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นกำรปฏิบัติบน ทำงสำยกลำง และกำรพัฒนำอยำ่ งเป็นขน้ั ตอน 3. คานยิ าม ควำมพอเพยี งจะต้องประกอบดว้ ย 3 คุณลักษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดังนี้ 1. ความพอประมาณ หมำยถึง ควำมพอดีที่ไมน่ อ้ ยเกินไป และไม่มำกเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และ ผู้อน่ื เชน่ กำรผลติ และกำรบริโภคท่อี ยู่ในระดับพอประมำณ 2. ความมีเหตุผล หมำยถึง กำรตัดสินใจเก่ียวกับระดับของควำมพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่ำงมีเหตุผล โดยพิจำรณำจำกเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คำดว่ำจะเกิดข้ึนจำกกำรกระทำน้ัน ๆ อยำ่ งรอบคอบ 3. การมีภูมคิ มุ้ กันทดี่ ีในตวั หมำยถงึ กำรเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบ และกำรเปล่ียนแปลงด้ำนต่ำง ๆ ท่ีจะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงควำมเป็นไปได้ของสถำนกำรณ์ ต่ำง ๆ ที่คำดว่ำจะเกิดข้ึนในอนำคตท้ังใกล้ และไกล 4. เงื่อนไข กำรตัดสินใจและกำรดำเนินกิจกรรมต่ำง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอำศัยทั้งควำมรู้ และ คุณธรรมเปน็ พืน้ ฐำน กล่ำวคือ 1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ควำมรอบรู้เก่ียวกับวิชำกำรต่ำง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่ำงรอบด้ำน ควำม รอบคอบท่ีจะนำควำมรู้เหล่ำนั้นมำพิจำรณำให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบกำรวำงแผน และควำม ระมดั ระวังในขั้นปฏบิ ัติ 2. เงื่อนไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสริมสร้ำงประกอบด้วย มีควำมตระหนักในคุณธรรม มีควำมซ่ือสัตย์สุจริต และมีควำมอดทน มีควำมเพียร ใชส้ ติปัญญำในกำรดำเนินชีวติ 5. แนวทางปฏิบตั ิ / ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั จำกกำรนำปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งมำประยุกต์ใช้ คือ กำรพัฒนำที่ สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อกำรเปล่ียนแปลงในทุกด้ำน ท้ังด้ำนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ควำมรู้ และ เทคโนโลยี

12 “การนาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน” เศรษฐกจิ พอเพียงสำมำรถนำมำประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้หลำยอยำ่ ง ... จะขอยกตัวอย่ำงท่ีใกล้ตัวท่ีสุดก็คือ เร่ืองของกำรใช้จ่ำยอย่ำงฟุ่มเฟือยของนักศึกษำส่วนใหญ่ที่ใช้เงินอย่ำงฟุ่มเฟือยเกินตัว ซื้อส่ิงของท่ีไม่จำเป็น รำคำแพง มี ค่ำนิยมทำงวัตถุ เมื่อเรำศึกษำถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแล้วจะสอนให้รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ คือ กำรใช้เงินอย่ำง พอประมำณ สมเหตุสมผล รู้จักประมำณตนว่ำส่ิงไหนควรส่ิงไหนไม่ควรไม่ตำมค่ำนิยมจนเกิดไป ใช้สิ่งของที่มีอยู่ให้เกิด ประโยชน์สงู สุด และรูจ้ ักกำรเก็บออม นอกจำกน้ีสำมำรถนำปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียงมำใช้บริหำรกำรใชท้ รัพยำกรทม่ี อี ยู่ เช่นกำรประหยัดน้ำประหยัด ไฟฟ้ำ รวมถึงกำรนำทรัพยำกรท่ีมีอยู่กลับมำใช้ใหม่เพื่อประโยชน์สูงสุด เช่น กระดำษรีไซเคิล ถุงรีไซเคิล และสิ่งท่ีกล่ำว มำยังสำมำรถชว่ ยลดสภำวะเรือนกระจกท่เี ปน็ สำเหตุของภำวะโลกรอ้ น ดังคากลา่ วที่ว่า \"เศรษฐกิจพอเพียง\" จะสาเรจ็ ไดด้ ้วย \"ความพอดขี องตน\"

13 ใบงำนท่ี 1 เร่ือง แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง ชื่อ – นำมสกลุ ................................................................................................ #################################################################### ใหผ้ เู้ รียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นแนวคิดเก่ยี วกบั อะไร ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ 2. หวั ใจสำคัญของเศรษฐกจิ พอเพยี งคืออะไร ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ 3. ผู้เรียนจะปฏิบตั ิตนอย่ำงไรให้สมกบั คำว่ำ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ 4. ผ้เู รยี นสำมำรถนำหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในครอบครัวได้อย่ำงไร ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................

14 ใบความรทู้ ่ี 2 บทนำ บทนำเศรษฐกิจพอเพียง ในอดตี สังคมไทยเปน็ สงั คมเกษตรกรรม มีกำรเพำะปลกู เลี้ยงสัตว์ เปน็ อำชีพหลัก เป็นสงั คมแบบเอื้ออำรี มี กำรแลกเปล่ียนอำหำรกำรกนิ กัน โดยไมม่ ีกำรใช้เงนิ ตรำ ทำใหไ้ ม่มีหน้สี นิ ล้นพ้นตวั เหมอื นกับในยคุ ปจั จบุ ัน เน่ืองจำกกำร ท่ปี ระเทศไทยรบั เอำวฒั นธรรมของตำ่ งประเทศเข้ำมำ ทำให้คนไทยหลงค่ำนิยมเหล่ำน้ัน จนลืมรำกเหงำ้ ของควำมเป็น ไทย หลงวัตถุนิยม ทำให้ใชจ้ ่ำยอย่ำงส้ินเปลอื ง เมอ่ื เกิดวกิ ฤตกำรณ์ทำงเศรษฐกิจ ทำใหค้ นไทยพบกบั ปัญหำตำ่ งๆตำมมำ คณุ ภำพของคนไทยส่วนมำกต่ำลง แต่ยงั ดที ่ีเรำชำวไทยทม่ี ีพระมหำกษัตริย์ทรงเปน็ นักคิด นั่นก็คอื พระบำทสมเดจ็ พระ เจำ้ อยู่หวั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกำลท่ี 9 พระองคท์ รงตระหนักถงึ ปญั หำดงั กลำ่ ว ทำใหเ้ กดิ แนวคดิ ปรชั ญำเศรษฐกิจ พอเพียง ทำใหค้ นไทยหลำยๆหน่วยงำนได้นำปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียงมำปรบั ใชใ้ นหน่วยงำนของ ตนเอง จนสำมำร พง่ึ ตนเองได้ คนไทยในชนบทโดยเฉพำะเกษตรกรไทย ไดล้ องนำปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงมำใช้ มีกำรจดั กำรบริหำร ทรัพยำกรดินอย่ำงมหี ลักกำร สำมำรถวำงแผนปลูกพชื เล้ียงสัตว์ จนสำมำรถเล้ยี งตนเองได้ ผลิตผลทำงกำรเกษตรท่ีมี มำกพอกส็ ำมำรถนำมำจำหน่ำยและสร้ำงรำยไดใ้ ห้กับครวั เรอื น มีกำรทำบญั ชรี ำยรับรำยจ่ำย และวำงแผนครอบครวั ท่ดี ี ข้ึน ทำให้คุณภำพของคนไทยจำนวนมำกดีข้นึ สำมำรถพึ่งตนเองได้ และเป็นครอบครวั ท่ีมคี วำมสุข ศนู ย์เทคโนโลยที ี่เหมำะสม (ศทม.) กเ็ ปน็ หน่วยงำนหนง่ึ ของท้องถนิ่ ท่ีมุ่งเน้นกำรศึกษำและเผยแพร่องค์ ควำมรู้เกีย่ วกับเศรษฐกจิ พอเพียง เพื่อใหป้ ระชำชนในทอ้ งถิ่นจังหวัดสกลนคร และผ้ทู ส่ี นใจท่วั ไปได้มำศึกษำดงู ำน เพื่อนำ ควำมร้ดู ังกล่ำวไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน โดยนำหลกั กำร ทฤษฎีที่ไดจ้ ำกกำรศึกษำจำก ศทม. ไปทดลองจริง ดังน้ัน ทำง ศทม. จึงได้คดิ และออกแบบสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภณั ฑใ์ หม่ๆออกมำ เพื่อเป็นต้นแบบของผูท้ ่สี นใจต่อไป ความหมายของ เศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียง คืออะไร เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญำชี้ถงึ แนวกำรดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชำชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดับ ครอบครวั ระดับชุมชนจนถงึ ระดับรฐั ท้ังในกำรพัฒนำและกำรบรหิ ำรประเทศใหด้ ำเนนิ ไปในทำงสำยกลำง โดยเฉพำะ กำรพัฒนำเศรษฐกจิ เพอ่ื ให้ก้ำวทนั ต่อยุคโลกำภิวฒั นค์ วำมพอเพียง หมำยถึง ควำมพอประมำณ ควำมมเี หตุผล รวมถงึ ควำมจำเปน็ ท่ีจะตอ้ งมีระบบคุ้มกันในตวั ที่ดีพอสมควรต่อกำรมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจำกกำรเปลย่ี นแปลงทง้ั ภำยนอก และภำยในท้ังน้ี จะต้องอำศัยควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบ และควำมระมดั ระวัง อยำ่ งย่งิ ในกำรนำวิชำกำรต่ำง ๆ มำใช้ใน กำรวำงแผน และกำรดำเนนิ กำรทุกข้ันตอนและขณะเดียวกัน จะตอ้ งเสริมสรำ้ งพ้นื ฐำนจิตใจของคนในชำติ โดยเฉพำะ เจำ้ หนำ้ ทีข่ องรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกจิ ในทุกระดับให้มสี ำนกึ ในคุณธรรม ควำมซื่อสตั ย์สุจรติ และใหม้ ีควำมรอบรอบรู้ท่ี เหมำะสม ดำเนนิ ชีวติ ดว้ ยควำมอดทน มีควำมเพียรพยำยำมมสี ติปญั ญำ และควำมรอบคอบ เพ่ือใหส้ มดลุ และพร้อมต่อ

15 กำรรองรบั ควำมเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเรว็ และกว้ำงขวำงทั้งด้ำนวตั ถุ สงั คม สิง่ แวดล้อม และวฒั นธรรมจำกโลกภำยนอก ได้เป็นอย่ำงดี (เกษม วัฒนชัย,2548,หนำ้ 16-17) ความพอเพียง หมำยถงึ ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตผุ ล รวมถึงควำมจำเปน็ ที่จะต้องมีระบบภูมคิ ้มุ กันในตวั ท่ี ดพี อสมควรตอ่ กำรมีผล กระทบใดๆ อนั เกิดจำกกำรเปลย่ี นแปลงทง้ั ภำยนอก และภำยใน ทัง้ นจ้ี ะต้องอำศัยควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบและควำมระมัดระวังอยำ่ งย่ิงในกำรนำวิชำกำรตำ่ งๆ มำใชใ้ นกำรวำงแผน และกำรดำเนินกำรทุกขัน้ ตอน และขณะเดียวกนั จะต้องเสริมสร้ำงพื้นฐำนจิตใจของคนในชำติ โดยเฉพำะเจ้ำหนำ้ ทข่ี องรัฐ นกั ทฤษฎี และนักธรุ กิจในทุก ระดบั ให้มีสำนกึ ในคุณธรรม ควำมซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และให้มีควำมรอบรู้ทเี่ หมำะสม ดำเนินชีวติ ดว้ ยควำมอดทน ควำมเพียร มสี ติ ปัญญำ และควำมรอบคอบ เพื่อใหส้ มดุลและพร้อมต่อกำรรองรบั กำรเปล่ยี นแปลงอยำ่ งรวดเร็วและกว้ำงขวำง ทั้ง ดำ้ นวตั ถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม และวฒั นธรรมจำกโลกภำยนอกได้เป็นอยำ่ งดี แผนภาพแสดงหลกั การพอเพยี ง กจิ กรรมในชุมชนทีส่ อดคล้องกับ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผู้นำ ชุมชนไดใ้ ช้เวลำทบทวนและแลกเปลย่ี นประสบกำรณ์ตำ่ งๆ ท่เี ก่ยี วกับกิจกรรมท่ีทำในพืน้ ที่ของตน โดยเฉพำะกจิ กรรมทีเ่ ห็นวำ่ สอดคล้องกับปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยทยี่ ังไม่มกี ำรกลำ่ วถึงควำมหมำยของ

16 เศรษฐกิจพอเพียง ซึง่ เรำสำมำรถจัดประเภทของกิจกรรมที่ผู้นำชุมชนเสนอไดเ้ ป็น ๓ กลุ่มกิจกรรมหลัก ประกอบด้วย กจิ กรรมตำ่ งๆ ดงั นี้ กจิ กรรม กำรผลิต โดยเฉพำะในภำคกำรเกษตร ที่ไมท่ ำลำย ส่งิ แวดลอ้ มแต่ใชท้ รัพยำกรที่มีอย่ใู นชมุ ชนอยำ่ ง คุ้มค่ำ ดว้ ยกำรหมุนเวยี นทุนธรรมชำติภำยในพื้นที่ และดว้ ยวิธกี ำรทำเกษตร ท่ีเนน้ ปลกู เพือ่ กินเองก่อน ท่ผี ำ่ นมำชมุ ชนได้ ทำกิจกรรมตำ่ งๆ ทเ่ี ปน็ มติ รกับสงิ่ แวดลอ้ ม เช่น กิจกรรมกำรทำปุ๋ยชวี ภำพ กำรปลกู ผักและข้ำวทป่ี ลอดสำรพษิ กำรทำ สวนสมุนไพรของชมุ ชน กำรคิดคน้ สำรไลแ่ มลงสมนุ ไพร กำรทำถำ่ นชวี ภำพ กำรรวมกลุ่มขยำยพนั ธุ์ปลำ กำรแปรรูป ผลผลติ และกำรทำกำร เกษตรผสมผสำน เปน็ ต้น กำรรวม กล่มุ กันเพื่อทำกิจกรรมรว่ มกนั ของสมำชกิ ในชุมชน ดว้ ยทุนทำงสังคมทมี่ ีอยู่ ชุมชนได้รวมตัวกันทำ กจิ กรรมตำ่ งๆ ที่เกดิ จำกควำมรักและควำมเอ้ืออำทรของสมำชิกในชมุ ชน เช่น กจิ กรรมต่อต้ำนยำเสพตดิ กำรนมัสกำร พระให้มำช่วยสอนจริยธรรมและศลี ธรรมในโรงเรียนของชุมชน กจิ กรรมกำรรวมกลุ่มเพื่อเรียนรรู้ ่วมกนั ผำ่ นศนู ยก์ ำร เรียนรู้ หรอื โรงเรียนเกษตรกรในหมู่บำ้ น กำรร่วมมอื ร่วมใจของสมำชิกในชุมชนทำกจิ กรรมตำ่ งๆภำยในวดั กำรจดั ตั้ง รำ้ นคำ้ ทเี่ ป็นของชุมชนเอง กำรจัดทำแผนแม่บทชมุ ชน กำรจัดตง้ั กลมุ่ ออมทรพั ย์ กำรจัดต้งั กองทนุ สวสั ดิกำร กำร รวมกลมุ่ อนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ สง่ิ แวดล้อม และกิจกรรมกำรผลติ ของกลุม่ ต่ำงๆ เช่น กำรรวมกลุม่ ทำขนมของ แมบ่ ้ำน หรือรวมกลุ่มเพ่ือปลูกพืชผกั สวนครวั นอกจำกน้ชี ุมชน ยังได้ตง้ั กองทุนข้ำวสำรร่วมกบั ชุมชนอนื่ ๆในต่ำงภูมภิ ำค เพือ่ คำ้ ขำยหรือผลติ ระหว่ำงกัน รวมท้ังเพื่อกำรเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์และขยำยผลกำรพฒั นำไปยังเครือขำ่ ย ชมุ ชนอืน่ ๆ ด้วย กจิ กรรม ทส่ี ่งเสรมิ คณุ ธรรม จิตสำนึกทอ้ งถิ่น ส่งเสรมิ วิถชี ีวิต และวฒั นธรรมของเศรษฐกิจพอเพยี ง ชมุ ชนไดร้ ่ิ เร่มิ กิจกรรม ทม่ี ุง่ ปลกู ฝงั จริยธรรมควำมดีงำมและจิตสำนกึ รกั ทอ้ งถิน่ ให้เกิดข้นึ แก่ สมำชิกของชมุ ชน เชน่ กิจกรรมท่ี ปลกู ฝงั สมำชิกในชมุ ชนใหม้ ีควำมเอื้ออำทรตอ่ กนั มำกกวำ่ คำนงึ ถึงตวั เงนิ หรือวัตถเุ ปน็ พ้ืนฐำนควำมสมั พันธ์ กิจกรรมที่ สง่ เสริมให้สมำชกิ ทำบัญชีอย่ำงโปร่งใสและสจุ ริต กจิ กรรมกำรพัฒนำครใู นชุมชนให้มคี ณุ ภำพและมจี ิตผูกพนั กบั ท้องถ่ิน เปน็ สำคญั รวมทั้งกจิ กรรมทสี่ ่งเสรมิ ใหส้ มำชิกในชมุ ชนพงึ่ ตนเองก่อนท่จี ะพึ่งหรอื ขอ ควำมชว่ ยเหลอื จำกคนอื่น ความหมายเศรษฐกจิ พอเพียง จากมุมมองของชมุ ชน หลังจำก ท่ีผนู้ ำชุมชนไดท้ บทวนถึงกจิ กรรมทีต่ นเองทำอยู่ และคิดวำ่ สอดคล้องกับปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แลว้ ผูน้ ำชมุ ชน ยังได้รว่ มกนั คน้ หำควำมหมำยและให้คำนิยำมเก่ียวกับปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จำกประสบกำรณ์ ของแตล่ ะคน ซ่ึงอำจมีมุมมองท่ีแตกต่ำงกัน โดยสำมำรถสรุปและแบ่งแยกควำมหมำยของหลักปรัชญำดังกลำ่ ว ได้เป็น ๓ ระดบั คือ ระดบั จิตสำนกึ ระดับปฏิบัติ และระดับปฏิเวธ (ผลท่ีเกิดจำกำรปฏิบัติ) ดงั นี้คอื ระดบั จิตสานึก เกิดขึ้นจำกกำรทสี่ มำชิกในชมุ ชนแต่ละคนตระหนักถึงควำมสขุ และควำมพอใจในกำร ใช้ชวี ิต อยำ่ งพอดี (ควำมสนั โดษ) และรู้สกึ ถึงควำมพอเพียง คือดำเนินชีวิต ”อย่างสมถะ” ประกอบสัมมำอำชพี หำเลย้ี งตนเองได้อย่ำงถกู ต้อง ไม่ให้อดอยำก หรอื โลภแลว้ ตกั ตวงหรอื เบียดเบียนผู้อืน่ จนเกินควำมจำเป็น แตค่ ดิ เผ่อื แผ่แบง่ ปันไปยังสมำชิกคนอ่ืนๆในชมุ ชนด้วย อย่ำงไรก็ตำมแม้ว่ำระดับ ควำมพอเพียงของสมำชกิ แต่ละคนจะไมเ่ ท่ำเทียมกนั แต่สมำชิกทุกคนทีด่ ำเนินชีวิตตำมหลกั กำรเศรษฐกจิ พอเพียงเห็น สอดคล้องกนั ใน กำรยึดม่ันหลักกำร ๓ ประกำร คอื

17 การใชช้ ีวิตบนพื้นฐานของการรู้จกั ตนเอง รู้จักพฒั นำตนเองดว้ ยกำรพยำยำมทำจติ ใจให้ผอ่ งใส รวมทัง้ มีควำม เจริญและมีควำมเย็นในจติ ใจอยูเ่ ป็นประจำอยำ่ งต่อเนื่อง การคิดพง่ึ พาตนเองและพึ่งพาซึ่งกนั และกนั ใน กำรดำเนินกิจกรรมต่ำงๆ คือเม่ือมปี ัญหำจำกกำรดำเนนิ ชวี ิต ก็ ให้ใช้สติปัญญำไตร่ตรองหำสำเหตุของปัญหำและแก้ไขไป ตำมเหตุและปัจจัย ดว้ ยควำมสำมำรถและศักยภำพท่ีตนเองมี อยู่ ก่อนทจ่ี ะคิดพง่ึ ผู้อื่น และมีกำรปรกึ ษำหำรือ ถ้อยทถี ้อยอำศัย ช่วยเหลือซึ่งกนั และกันในชุมชน เปน็ ต้น การใช้ชวี ติ อย่างพอเพียง ร้จู กั ลดกิเลสและลดควำมตอ้ งกำรของตนเองลง เพอ่ื ให้เหลอื แรงและเวลำในกำร พฒั นำคุณภำพชีวติ ตลอดจนทำประโยชนใ์ ห้แกส่ ว่ นรวมได้มำกข้นึ หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง หลกั แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง กำร พัฒนำตำมหลกั เศรษฐกิจพอเพียง คือ กำรพัฒนำท่ีตั้งอยู่บนพ้นื ฐำนของทำงสำยกลำง และควำมไม่ ประมำท โดยคำนึงถงึ ควำมพอประมำณ ควำมมเี หตุผล กำรสร้ำงภูมคิ มุ้ กันท่ดี ีในตัว ตลอดจนใชค้ วำมรคู้ วำมรอบคอบ และคณุ ธรรม ประกอบกำรวำงแผน กำรตัดสินใจและกำรกระทำ “ทฤษฎใี หม่” กบั เศรษฐกิจพอเพียง จำกวำรสำร มูลนธิ ชิ ัยพฒั นำฉบบั เดือนธนั วำคม พ.ศ.2540 ได้กล่ำวถงึ กำรดำเนนิ กำรตำมแนวคดิ เศรษฐกิจ พอเพียงผ่ำนทฤษฎใี หม่ทั้งสำมขน้ั ตอน รวมทง้ั ควำมเกี่ยวพันกันระหวำ่ งทฤษฎีแต่ละขั้นอย่ำงละเอียดดังน้ี ทฤษฎีใหม่ ขนั้ ที่หนง่ึ (๑) ถำ้ พูดอยำ่ งสรุปทีส่ ดุ เปน็ วธิ ีปฏิบตั ขิ องเกษตรกร ทีเ่ ป็นเจำ้ ของที่ดินจำนวนน้อย แปลงเล็ก (ประมำณ ๑๕ ไร)่ (๒) หลกั สำคญั : ใหเ้ กษตรกรมีควำมพอเพยี ง โดยเล้ียงตัวได้ (Selfsufficiency) ในระดบั ชีวติ ทีป่ ระหยัดก่อน ท้ังน้ตี ้องมีควำมสำมัคคีในท้องถ่นิ (๓) มีกำรผลิตข้ำวบรโิ ภคพอเพียงประจำปี โดยถอื วำ่ ครอบครัวหนง่ึ ทำนำ ๕ ไร่จะมีข้ำวพอกินตลอดปี ข้อน้ีเป็น หลกั สำคัญของทฤษฎีน้ี (๔) เพ่ือกำรน้ี จะต้องใชห้ ลกั วำ่ ต้องมีนำ้ ๑,๐๐๐ ลูกบำศกเ์ มตรต่อไร่ ฉะนน้ั ๕ไรต่ อ้ งมี ๕,๐๐๐ ลกู บำศก์เมตร แต่ละแปลง (๑๕ ไร่) ทำนำ ๕ ไร่ ทำพืชไร่ หรอื ไม้ผล ฯลฯ ๕ ไร่ (= ๑๐ ไร)่ จะตอ้ งมีนำ้ ๑๐,๐๐๐ ลูกบำศก์เมตรต่อปี จงึ ไดต้ ั้งสตู รคร่ำวๆ วำ่ แต่ละแปลงประกอบดว้ ย นำ ๕ ไรแ่ ละพืชไร่และ สวน ๕ ไร่ สระน้ำ ๓ ไร่ ลึก ๔ เมตร จปุ ระมำณ ๑๙,๐๐๐ ลกู บำศกเ์ มตร (๑๙,๒๐๐) ทอี่ ยู่อำศยั และอนื่ ๆ ๒ ไร่ รวมทั้งหมด ๑๕ ไร่ (๕) อปุ สรรคสำคัญทส่ี ดุ คือ: อ่ำงเก็บน้ำหรือสระ ทีไ่ ดร้ ับน้ำให้เต็มเพียงปลี ะหน่ึงคร้ัง จะมีกำรระเหยวนั ละ ๑ เซนติเมตร โดยเฉล่ยี ในวันท่ีฝนไมต่ ก หมำยควำมว่ำ ในปีหนึ่งถำ้ นับวำ่ แหง้ ๓๐๐ วนั ระดบั น้ำของสระจะลดลง ๓ เมตร (ในกรณีน๓ี้ /๔ ของ ๑๙,๐๐๐ ลกู บำศก์เมตร นำ้ ทีใ่ ช้ไดจ้ ะเหลือ ๔,๗๕๐ ลกู บำศกเ์ มตร)จงึ จะต้องมีกำรเตมิ นำ้ เพื่อให้ เพยี งพอ มีควำมจำเป็นทจ่ี ะมีแหลง่ นำ้ เพมิ่ เตมิ สำหรับโครงกำรวดั มงคลชัยพฒั นำ ไดส้ รำ้ งอ่ำงเก็บน้ำจุ ๘๐๐,๐๐๐ ลูกบำศกเ์ มตร สำหรบั เล้ยี ง ๓,๐๐๐ ไร่ (๖) ลำพังอำ่ งเก็บน้ำจุ ๘๐๐,๐๐๐ ลกู บำศกเ์ มตร จะเลย้ี งได้ ๘๐๐ ไร่ (โครงกำรวัดมงคล มีพนื้ ท่ี ๓,๐๐๐ ไร่ แบง่ เปน็ ๒๐๐ แปลง) อ่ำงนี้จึงเลย้ี งได้ ๔ ไร่ ต่อแปลง ลำพังสระในแปลงเลย้ี งได้ ๔.๗๕ ไร่) จงึ เหน็ ไดว้ ำ่ หม่ินเหม่มำก

18 (๔.๗๕ไร่ + ๔.๐๐ ไร่ = ๘.๗๕ ไร่) ถ้ำคำนึงวำ่ ๘.๗๕ ไรน่ ้ัน จะทำเกษตรกรรมอยำ่ งสมบูรณไ์ ด้อกี ๖.๒๕ ไร่ จะต้องอำศยั เทวดำเล้ียง แตถ่ ้ำคำนึงว่ำในระยะทไี่ ม่มคี วำมจำเปน็ ที่จะใชน้ ำ้ หรอื มฝี นตก น้ำฝนทตี่ กมำจะเกบ็ ไว้ได้ในอำ่ งและในสระ สำรองไว้สำหรับเมื่อต้องกำร อำ่ งและสระจะทำหน้ำท่ีเฉล่ยี นำ้ ฝน (regulator)จงึ เข้ำใจวำ่ ในระบบนี้น้ำจะพอ (๗) ปญั หำใหญ่อกี ขอ้ หนงึ่ คือรำคำกำรลงทนุ ค่อนข้ำงสูง เกษตรกรจะต้องไดร้ บั ควำมช่วยเหลอื จำกภำยนอก (ทำงรำชกำร ทำงมลู นิธิและทำงเอกชน) แต่ค่ำดำเนินกำรไม่สิน้ เปลอื งสำหรบั เกษตรกร ทฤษฎีใหม่ ขัน้ ท่ีสอง เม่ือเกษตรกร เริม่ เขำ้ ใจวธิ กี ำร จึงขอใหด้ ำเนนิ กำรในทดี่ ินของตน เม่ือไดผ้ ลก็ต้องเร่มิ ขน้ั ท่ีสอง คือ ให้เกษตรกร รวมพลังกันในรปู กลุ่มหรอื สหกรณ์ ร่วมแรงใน (๑) กำรผลิต (พันธ์ุพชื เตรียมดนิ ชลประทำน ฯลฯ) (๒) กำรตลำด (ลำนตำกขำ้ ว ยุ้ง เครือ่ งสขี ้ำว กำรจำหนำ่ ยผลผลติ ) (๓) กำรเป็นอยู่ (กะปนิ ้ำปลำ อำหำร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ) (๔) สวัสดิกำร (สำธำรณสขุ เงินก)ู้ (๕) กำรศึกษำ (โรงเรยี น ทนุ กำรศกึ ษำ) (๖) สงั คมและศำสนำ ด้วยควำมร่วมมอื ของหนว่ ยรำชกำร มลู นธิ ิและเอกชน ทฤษฎีใหม่ ขนั้ ทีส่ าม ตดิ ต่อรว่ ม มอื กับแหล่งเงนิ (ธนำคำร) และกับแหล่งพลงั งำน (บริษัทนำ้ มนั ) ตง้ั และบริหำรโรงสี (ตำม วัตถปุ ระสงค์ของกำรรวมกลุ่มในทฤษฎใี หมข่ น้ั ที่ ๒ ลำดบั ท่ี ๒) ตงั้ และบรหิ ำรรำ้ นสหกรณ์ (ตำมวัตถุประสงค์ของกำร รวมกลุ่มในทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ ๒ ลำดับที่๑, ๓) ชว่ ยกำรลงทนุ (ตำมวัตถปุ ระสงค์ของกำรรวมกลมุ่ ในทฤษฎใี หมข่ ้ันที่ ๒ ลำดบั ที่๑, ๒) ช่วยพัฒนำคุณภำพชวี ติ (ตำมวัตถปุ ระสงคข์ องกำรรวมกลุม่ ในทฤษฎีใหม่ขั้นที่ ๒ลำดบั ที่ ๔, ๕, ๖) ท้งั นี้ ทั้ง ฝ่ำยเกษตรกร และฝ่ำยธนำคำรกับบริษัทจะได้รับประโยชน์ คอื - เกษตรกรขำยขำ้ วในรำคำสงู (ไมถ่ ูกกดรำคำ) ธนำคำรกับบรษิ ทั ซ้ือขำ้ วบริโภคในรำคำต่ำ (ซื้อข้ำวเปลอื กตรง จำกเกษตรกร และมำสีเอง) : (ตำมวัตถปุ ระสงค์ของกำรรวมกลุ่มในทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ ๒ ลำดับที่ ๒) - เกษตรกรซ้ือเคร่ืองอปุ โภค บรโิ ภคในรำคำตำ่ (เปน็ ร้ำนสหกรณ์รำคำขำยสง่ ) :(ตำมวัตถุประสงค์ของกำร รวมกลมุ่ ในทฤษฎีใหม่ขนั้ ที่ ๒ ลำดับที่ ๑, ๓) - ธนำคำรกับบริษัท จะสำมำรถกระจำยบุคลำกรหรือปรำกฎกำรยอ่ ควำมในหนงั สอื ที่บริษทั บำงจำกปโิ ตรเลยี ม พิมพ์แจกดังตอ่ ไปน้ี ทฤษฎใี หมข่ ั้นท่ี 1 : ผลติ อำหำรบริโภคเอง เหลอื ขำย ทำให้มีกินอิ่ม ไม่ตดิ หนม้ี ีเงนิ ออม ทฤษฎใี หมข่ ั้นที่ 2 : รวมตัวกันเปน็ องค์กรชุมชน ทำเศรษฐกจิ ชุมชนในรูปแบบตำ่ งๆ เช่น เกษตร หัตถกรรม อุตสำหกรรมแปรรูปอำหำร ทำธุรกจิ ปั๊มนำ้ มนั ขำยอำหำร ขำยสมุนไพร ต้งั ศูนย์กำรแพทย์แผนไทย จดั กำรทอ่ งเทย่ี ว ชุมชน มกี องทุนชุมชนหรือธนำคำรหมู่บ้ำน ทฤษฎใี หมข่ นั้ ที่ 3 : เชอื่ มโยงกับบริษัททำธรุ กจิ ขนำดใหญ่ รวมทัง้ กำรส่งออก ทฤษฎใี หมท่ ั้งสามขั้นตอนมีความสัมพันธ์เกีย่ วโยงกนั อย่างไร

19 เรำสำมำรถพิจำรณำได้จำกหลักสำคัญท่ีพระองค์อ่ำนทรงระบเุ องในทฤษฎใี หมข่ ้นั ที่หน่ึง คอื “ให้เกษตรกรมี ควำมพอเพยี ง โดยเลี้ยงตัวได้” สำมำรถสรปุ ได้ทฤษฎใี หม่ข้นั ทห่ี นงึ่ นำไปสูต่ ัวเองหรือครอบครวั พอเพียง ในทฤษฎขี ัน้ ทีส่ อง พระองค์ทรงระบุวำ่ ให้รวมกลุ่มกนั เพื่อดำเนนิ กำร 6 ดำ้ นดงั ท่ไี ด้ยกมำอ้ำงไวด้ ำ้ นบน แสดงถงึ กรอบคิดระดับกำรจดั กำรกลุ่มหรือชุมชน ใหเ้ กดิ กำรช่วยเหลอื กันจนสำมำรถจดั กำรคุณภำพชวี ติ ของกลุ่มหรอื ชมุ ชน และ ควำมม่นั คงทำงเศรษฐกจิ ของกลมุ่ หรอื ชมุ ชนได้อย่ำงพอเพียง ในทฤษฎีข้นั ทีส่ าม พระองค์ท่ำนได้กลำ่ วถึง “ควำมรว่ มมือ” จำกภำยนอกกลุม่ หรือชุมชนท้งั จำกภำคธรุ กิจ ภำค กำรเงนิ ภำครำชกำร ในลักษณะท่ีได้ประโยชน์ด้วยกนั ทุกฝ่ำยโดยควำมร่วมมือดังกล่ำวนั้นจะตอ้ งสอด คลอ้ งกลมกลืนกบั วัตถุประสงค์ 6 ด้ำนของกำรรวมกลุ่มกันตำมทฤษฎขี น้ั ทสี่ อง ท้งั นีเ้ รำจะเห็นไดว้ ่ำในขัน้ ตอนน้ี สำมำรถนำทฤษฎีใหม่และ แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เช่อื มโยงเขำ้ สูก่ ลไกกำรผลิตและกำรตลำดในปัจจบุ ัน หรือกล่ำวอีกนัยหนึ่งกค็ ือ กำร เช่ือมโยงเศรษฐกจิ พอเพยี งให้เป็นรปู ธรรมระดับสำกล หรอื ระดับภำพรวมในประเทศจะเหน็ ได้ว่ำทง้ั สำมขนั้ ตอนเป็น รปู ธรรมทส่ี ำมำรถ เชอ่ื มโยงกับนำมธรรมแนวคดิ “เศรษฐกิจพอเพียง” ไดอ้ ย่ำงสอดคล้องกลมกลืนคือ ครอบครัวพอเพียง (ขน้ั ที่ 1) ชมุ ชนพอเพยี ง (ขน้ั ท่ี 2) และเศรษฐกิจของชำติพอเพยี ง (ขั้นท่ี 3) ซึง่ จำกโครง สนั้ ๆ ของแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี งและทฤษฎีใหม่ 3 ขัน้ ตอนน้ี ต่อมำมีนักคิดนักพฒั นำจำนวนมำก ได้นำมำพฒั นำเนื้อหำรำยละเอียดออกไปอกี อย่ำงกว้ำงขวำงเปน็ กำรประยุกตต์ ำม ประสบกำรณ์ควำมคิดท่ีหลำกหลำย ดงั ทจ่ี ะได้กล่ำวถึงต่อไปพอสังเขป ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพจิ ำรณำอยู่ 5 ส่วน ดงั นี้ 1. กรอบแนวคดิ เปน็ ปรัชญำท่ชี แี้ นะแนวทำงกำรดำรงอยแู่ ละปฏบิ ัติตนในทำงที่ ควรจะเปน็ โดยมีพ้ืนฐำนมำ จำกวิถีชีวิตดง้ั เดมิ ของสงั คมไทย สำมำรถนำมำประยุกตใ์ ช้ได้ตลอดเวลำ และเป็นกำรมองโลกเชงิ ระบบทม่ี ีกำร เปล่ียนแปลงอย่ตู ลอดเวลำ มุ่งเน้นกำรรอดพ้นจำกภยั และวกิ ฤต เพ่ือ ควำมมัน่ คง และ ควำมยั่งยืน ของกำรพัฒนำ 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพยี งสำมำรถนำมำประยุกต์ใชก้ ับกำรปฏบิ ตั ติ นได้ในทุกระดับ โดยเนน้ กำรปฏิบตั ิ บนทำงสำยกลำง และกำรพฒั นำอยำ่ งเปน็ ขั้นตอน 3. คำนยิ ำม ควำมพอเพียงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดงั น้ี 3.1ควำมพอประมำณ หมำยถึง ควำมพอดีที่ไม่น้อยเกนิ ไปและไม่มำกเกินไปโดยไม่ เบียดเบียนตนเองและผู้อนื่ เชน่ กำรผลติ และกำรบรโิ ภคที่อยใู่ นระดบั พอประมำณ 3.2 ควำมมเี หตุผล หมำยถึง กำรตดั สนิ ใจเก่ยี วกับระดบั ของควำมพอเพียงนัน้ จะต้องเป็นไปอย่ำงมเี หตุผลโดย พิจำรณำจำกเหตปุ จั จยั ท่ีเก่ียวขอ้ งตลอดจนคำนึงถงึ ผลท่ีคำดว่ำจะเกิดข้ึนจำกกำรกระทำ นน้ั ๆ อย่ำงรอบคอบ 3.3กำรมีภูมคิ ุ้มกันท่ีดีในตัว หมำยถึง กำรเตรยี มตัวให้พร้อมรับผลกระทบและกำร เปล่ียนแปลงดำ้ นตำ่ ง ๆ ท่ีจะเกิดขนึ้ โดยคำนงึ ถงึ ควำมเปน็ ไปไดข้ องสถำนกำรณ์ ตำ่ ง ๆ ที่คำดวำ่ จะเกดิ ขึน้ ในอนำคตทัง้ ใกลแ้ ละไกล 4. เงอ่ื นไข กำรตัดสนิ ใจและกำรดำเนนิ กิจกรรมตำ่ ง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอำศัยทัง้ ควำมรู้ และคุณธรรมเป็นพืน้ ฐำน กลำ่ วคอื

20 4.1เง่อื นไขควำมรู้ ประกอบด้วย ควำมรอบรู้เกย่ี วกบั วชิ ำกำรตำ่ ง ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องอยำ่ งรอบ ดำ้ น ควำมรอบคอบที่จะนำควำมร้เู หล่ำน้นั มำพจิ ำรณำใหเ้ ชือ่ มโยงกัน เพ่ือประกอบกำรวำงแผน และควำมระมดั ระวังใน ข้ันปฏบิ ัติ 4.2เง่อื นไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสรมิ สร้ำงประกอบด้วย มคี วำมตระหนักในคุณธรรม มคี วำม ซื่อสัตยส์ จุ ริตและมีควำมอดทน มีควำมเพียร ใช้สตปิ ญั ญำในกำรดำเนินชีวติ 5. แนวทำงปฏบิ ตั ิ/ผลทคี่ ำดว่ำจะได้รับ จำกกำรนำปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียงมำประยุกตใ์ ช้ คอื กำรพัฒนำทส่ี มดุลและยั่งยนื พร้อมรับตอ่ กำรเปลยี่ นแปลงในทุกด้ำน ทง้ั ด้ำนเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดล้อม ควำมร้แู ละ เทคโนโลยี ประมวลคาในพระบรมราโชวาท ประมวลคาในพระบรมราโชวาท อนั น้เี คยบอกวำ่ ควำมพอเพียงน้ีไม่ได้หมำยควำมว่ำ ทกุ ครอบครัวจะต้องผลิตอำหำรของตวั จะต้องทอผำ้ ใสเ่ อง อย่ำงน้นั มนั เกนิ ไป แต่ว่ำในหมูบ่ ำ้ นหรือในอำเภอ จะตอ้ งมีควำมพอเพียงพอสมควร บำงสง่ิ บำงอยำ่ งที่ผลิตไดม้ ำกกว่ำ ควำมต้องกำร ก็ขำยได้ แตข่ ำยในท่ี ไมห่ ำ่ งไกลเทำ่ ไหร่ไม่ต้องเสียคำ่ ขนส่งมำกนกั (พระรำชดำรสั เนื่องในโอกำส วันเฉลิม พระชนมพรรษำ : ๔ ธนั วำคม ๒๕๔๐) คนอน่ื เขำต้องมีกำรเศรษฐกิจ ที่ต้องมกี ำรแลกเปลี่ยน เรยี กว่ำเป็นเศรษฐกิจกำรค้ำ ไมใ่ ชเ่ ศรษฐกจิ ควำมพอเพียง เลยรูส้ ึกวำ่ ไม่หรูหรำ แต่เมืองไทยเป็นประเทศทมี่ ีบญุ อยวู่ ำ่ ผลติ ใหพ้ อเพยี งได้ (พระรำชดำรสั เนอ่ื งในโอกำสวนั เฉลิมพระ ชนมพรรษำ : ๔ ธันวำคม ๒๕๔๐) เศรษฐกจิ แบบคำ้ ขำย ภำษำฝร่งั เขำเรยี กว่ำ “Trade Economy” ไมใ่ ช่ “แบบพอเพียง” ซ่งึ ฝร่ังเรียก “Self Sufficient Economy” คอื เศรษฐกิจแบบพอเพยี งกับตัวเอง เรำก็อยู่ได้ ไมต่ ้องเดือดร้อน (พระรำชดำรสั เน่ืองในโอกำส วนั เฉลมิ พระชนมพรรษำ : ๔ ธนั วำคม ๒๕๔๐) แนวทำงกำรทำกำรเกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพียง แนวทางการทาการเกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพียง เน้นหำขำ้ วหำปลำก่อนหำเงินหำทอง คือ ทำมำหำกนิ ก่อนทำมำค้ำขำย โดยกำรส่งเสรมิ กิจกรรมดงั ต่อไปน้ี

21 1. กำรทำไร่นำสวนผสมและกำรเกษตรผสมผสำน เพื่อใหเ้ กษตรกรพฒั นำตนเองแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. กำรปลกู พืชผักสวนครัวลดค่ำใชจ้ ่ำย

22 3. กำรทำปยุ๋ หมกั ปุ๋ยคอกและใช้วสั ดเุ หลือใช้เปน็ ปจั จยั กำรผลติ (ปุ๋ย) เพ่อื ลดคำ่ ใชจ้ ่ำยและบำรงุ ดิน 4. กำรเพำะเห็ดฟำงจำกวัสดเุ หลือใชใ้ นไรน่ ำ 5. กำรปลูกไมผ้ ลสวนหลงั บ้ำน และไม้ใชส้ อยในครวั เรือน

23 6. กำรปลูกพืชสมุนไพร ช่วยสง่ เสริมสขุ ภำพอนำมัย 7. กำรเลย้ี งปลำในรอ่ งสวน ในนำข้ำวและแหล่งนำ้ เพื่อเป็นอำหำรโปรตีนและรำยไดเ้ สริม 8. กำรเลีย้ งไก่พ้นื เมือง และไกไ่ ข่ ประมำณ 10-15 ตัวต่อครัวเรือน เพอื่ เป็นอำหำรในครัวเรือน โดยใชเ้ ศษ อำหำร รำ และปลำยขำ้ วจำกผลผลติ กำรทำนำ ขำ้ วโพดเล้ยี งสตั วจำกกำรปลกู พืชไร่ เป็นต้น 9.กำรทำกำ๊ ซชวี ภำพจำกมลู สัตว์ กำรปฏบิ ตั ติ ำมแนวทำงเศรษฐกจิ พอเพียง - ยดึ หลกั พออยู่ พอกิน พอใช้ - ยดึ ควำมประหยดั ตัดทอนค่ำใช้จำ่ ย ลดควำมฟุ่มเฟือย ในกำรดำรงชีพ \"ควำมเป็นอยู่ทตี่ อ้ งไม่ ฟุ่งเฟ้อต้องประหยัดไปในทำงท่ีถกู ต้อง\" - ยึดถือกำรประกอบอำชพี ด้วยควำมถูกต้องและสุจรติ \"ควำมเจรญิ ของคนทง้ั หลำยย่อมเกิดมำจำกกำรประพฤติชอบ และกำรหำเลยี้ งชีพชอบ เป็นสำคัญ\" - ละเลิกกำรแก่งแยง่ ผลประโยชนแ์ ละแขง่ ขนั ในกำรคำ้ ขำย ประกอบอำชพี แบบต่อสู้กนั อยำ่ งรุนแรง \"ควำมสขุ ควำม เจรญิ อันแท้จรงิ หมำยถึง ควำมสุข ควำมเจริญ ที่บุคคลแสวงหำมำได้ด้วยควำมเปน็ ธรรมท้งั ในเจตนำและกำรกระทำไม่ใช่ ได้มำด้วย ควำมบังเอิญหรือด้วยกำรแกง่ แย่งเบยี ดบงั จำกผู้อ่นื \" - มงุ่ เนน้ หำข้ำวหำปลำ กอ่ นม่งุ เนน้ หำเงนิ หำทอง - ทำมำหำกนิ ก่อนทำมำค้ำขำย - ภมู ปิ ัญญำชำวบำ้ นและทดี่ ินทำกนิ คือทนุ ทำงสังคม

24 - ตั้งสติทมี่ น่ั คง รำ่ งกำยทแ่ี ข็งแรงปัญญำท่ีเฉยี บแหลม นำควำมรคู้ วำมเข้ำใจอย่ำงลึกซ้ึงเพือ่ ปรบั วถิ ีชีวิตส่กู ำรพัฒนำที่ ยั่งยืน

25 ใบงำนที่ 2 สว่ นที่ 1 1. ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียง คือ ก. พอประมำณ สมดลุ มีเหตุผล ข. มีเหตุผล มีภูมคิ มุ้ กนั พอไปวัดไปวำ ค. พอประมำณ มีเหตุผล มภี มู ิค้มุ กนั ง. มีเหตุผล ม่นั คง ยืนไดด้ ว้ ยตนเอง 2. ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ แนวพระรำชดำรขิ องรัชกำลใด ก. รชั กำล ท่ี ๗ ข. รชั กำล ที่ ๘ ค. รัชกำล ท่ี ๙ ง. รัชกำล ท่ี ๑๐ 3. ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง มีเปำ้ หมำย คอื ก. ดำเนนิ ชวี ติ ไดท้ กุ สถำนกำรณ์ ข. ดำเนินชวี ติ ได้ทกุ ประเทศ ค. ดำเนินชีวิตได้ทุกวยั ง. ดำเนนิ ชีวติ ได้ทกุ สภำพอำกำศ 4. หลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี งให้ควำมสำคญั ในเรื่องใด ก.คน คุณค่ำคุณธรรม ข.คน คณุ ค่ำควำมเป็นคน ค.คน คุณคำ่ ควำมรู้ ง.คน คุณค่ำชุมชน

26 5. กำรปฏิบัตติ ำมหลักควำมพอเพียงควรเร่มิ จำกทใี่ ด ก. ตนเอง ข. เพ่อื น ค. ครอบครัว ง. ประเทศ 6. กำรดำเนินชวี ติ ใหส้ อดคล้องกับหลักปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียง ต้องใช้หลกั ธรรมทส่ี ำคญั ท่สี ุดคอื อะไร ก. อรยิ สัจ 4 พรหมวิหำร 4 ข. พรหมวหิ ำร 4 สงั คหวตั ถุ 4 ค. สงั คหวตั ถุ 4 อรยิ สัจ 4 ง. พรหมวิหำร 4 อิทธิบำท 4 7. ควำมมีภูมคิ ้มุ กนั ทดี่ ใี นตวั หมำยถงึ ขอ้ ใด ก. กล้ำเส่ียงในกำรลงทุน ข. ยอมรบั สภำพสังคมไดท้ ัง้ สภำพดแี ละไม่ดี ค. มีควำมพรอ้ มทจ่ี ะเผชญิ ต่อผลกระทบและกำรเปลีย่ นแปลง ง. ดูแลรักษำสขุ ภำพให้แข็งแรงอยเู่ สมอ 8. รัฐบำลในอดุ มคตขิ องยคุ เศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ อย่ำงไร ก. มวี สิ ัยทศั น์ ฉลำด กล้ำคิด กลำ้ ทำ ข. แกป้ ัญหำได้ โอบอุ้ม ชว่ ยเหลือ เจอื จนุ ค. มีวสิ ยั ทัศน์ มคี วำมรบั ผดิ ชอบ ซอื่ สัตยส์ จุ รติ ง. มคี วำมรู้ ฉลำด กล้ำลงทุน กลำ้ เสย่ี ง

27 9. ท่ำนเคยไดย้ นิ “หลัก 4 พ”กำรดำรงชีวติ ส่วนตัวและชวี ิตกำรงำนตำมรอยพระยคุ ลบำท ปรชั ญำ เศรษฐกจิ พอเพียงสำหรบั ขำ้ รำชกำร หรือไม่คอื อะไร ก. พง่ึ ตนเอง พอดี พอเพียง พอใจ ข. พอประมำณ พอดี พอเพียง พอใจ ค. พอทน พ่ึงตนเอง พอดี พอเพยี ง ง. พร้อมเพียง พอดี พอเพียง พอใจ 10. ทำงสำยกลำง หมำยถึง ก. พัฒนำปัญญำและควำมร้อู ย่ำงต่อเนื่อง ข. ทำทุกอยำ่ งแบบกลำงๆ ไมเ่ อียงไปด้ำนใดดำ้ นหน่ึง ค. ควำมพอดี พอเหมำะ มคี วำมหลำกหลำย และกลมกลนื ง. กำรตัง้ อยใู่ นควำมไม่ประมำทพ่ึงตนเองให้มำกข้ึน ในทกุ ระดับ

28 ส่วนท่ี 2 1. ทำ่ นคดิ ว่ำหำกทกุ คนน้อมนำหลกั ปรชั ญำมำใชจ้ ะทำให้ประเทศไทยเปน็ อยำ่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………….. 2.ท่ำนเห็นดว้ ยหรอื ไมว่ ำ่ เศรษฐกิจพอเพยี งจะช่วยส่งเสรมิ ให้ระบบเศรษฐกิจของชำติเตบิ โต ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………….. 3. ในฐำนะที่เปน็ คนไทยคนหน่งึ เรำต้องมจี ติ สำนกึ อะไรบ้ำง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………….. 4. แนวคดิ ของหลักเศรษฐกจิ พอเพียง คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………….. 5.หลัก ๓ ห่วง ๒ เง่ือนไข ตำมปรชั ญำเศรษฐกิจพอเพยี ง มอี งค์ประกอบอะไรบำ้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………..

29 ใบควำมรทู้ ่ี 3

30 ใบงำนท่ี 4 เรื่อง ศนู ยเ์ รียนรู้เศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบล ชอ่ื – นำมสกุล ................................................................................................ #################################################################### ใหผ้ เู้ รยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ควำมเปน็ มำปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ 2. เร่ืองกำรสอนทำบัญชคี รัวเรือน ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ 3. กำรทำทำเนยี บภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่ินด้ำนเศรษฐกจิ พอเพยี งและดำ้ นต่ำงๆ ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................ ………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………… ……………………………………...…………………………………………………………………………………………………................ …………………………………………………………………………………………………............................................................

ทปี่ รึกษา ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบ นางวิไลลักษณ์ โรจนาศรีรตั น์ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสูง ผ้สู นับสนุนข้อมูล นางสดุ ใจ วดั กลาง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น นายสมวงค์ ถ้ากลาง ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น นางสาวศริ ิวิมล โชคอนนั ตต์ ระกูล ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น ผรู้ วบรวมและเรยี บเรียง ครู กศน.ตาบลโตนด นางสาววารณุ ี ยวงกลาง บรรณาธกิ าร ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ นางวไิ ลลักษณ์ โรจนาศรีรัตน์ และการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโนนสูง ผพู้ ิมพแ์ ละจดั รูปเล่ม ครู กศน.ตาบลโตนด นางสาววารณุ ี ยวงกลาง