Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore unit 8

unit 8

Published by vanich.bu, 2017-07-23 22:41:30

Description: unit 8

Search

Read the Text Version

67 หน่วยท่ี 8 การเพมิ่ ผลผลติ โดยใช้เทคโนโลยี (Productivity by Technology)สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยี 2. ข้นั ตอนการเพม่ิ ผลผลิตโดยใชเ้ ทคโนโลยี 3. การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยการปรบั ปรุงวธิ ีการทางาน 4. การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยการปรบั ปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์แบบงา่ ย ๆ 5. การเพม่ิ ผลผลิตดว้ ยเคร่ืองจกั รอตั โนมตั ิ 6. ประโยชน์และปัญหาการเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยีผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวงั 1. บอกความหมายของเทคโนโลยไี ด้ 2. อธิบายการเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยการปรับปรุงวธิ ีทางานได้ 3. อธิบายการเพม่ิ ผลผลิตดว้ ยการปรบั ปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์แบบง่าย ๆ 4. อธิบายการเพม่ิ ผลผลิตดว้ ยเคร่ืองจกั รอตั โนมตั ิได้ 5. อธิบายประโยชนแ์ ละปัญหาการเพม่ิ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยไี ด้ 6. รวบรวมรูปภาพเครื่องจกั รอตั โนมตั ิแลว้ อธิบายหนา้ ที่ของเคร่ืองจกั รเหล่าน้นั ได้1. ความหมาย เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การนาเอาความรู้ ความเขา้ ใจ ประสบการณ์เทคนิควธิ ีและอุปกรณ์ตา่ ง ๆ เขา้ มาช่วยในการดาเนินงานต่าง ๆ ใหม้ ีประสิทธิภาพ ถา้ เอาไปใช้ดา้ นไหนกจ็ ะเรียกเทคโนโลยที างดา้ นน้นั เช่น เทคโนโลยกี ารแพทย์ เทคโนโลยที างการศกึ ษาเทคโนโลยชี ีวภาพ เทคโนโลย-ี โทรคมนาคม เป็นตน้ เทคโนโลยอี าจแบ่งได้ 2 แบบ คอื 1. เทคโนโลยใี นรูปของเครื่องมือ เคร่ืองจกั รหรืออุปกรณ์ รวมท้งั ระบบการควบคุมเครื่องมือ เคร่ืองจกั ร เช่น เคร่ืองจกั รกล CNC เครื่องเลเซอร์ คอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ 2. เทคโนโลยใี นรูปของเทคนิควิธีการ เช่น ระบบสารสนเทศ (InformationTechnology) วธิ ีการรักษาทางการแพทย์ การตดั ต่อทางพนั ธุกรรม (GMO) วธิ ีการสอน วธิ ีการวจิ ยั เป็นตน้ ซ่ึงรูปแบบน้ี จะนาเอาเคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยมี าใชด้ ว้ ย2. ข้นั ตอนการเพม่ิ ผลผลติ โดยใช้เทคโนโลยี โดยปกตแิ ลว้ การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยจี ะมีข้นั ตอน ดงั น้ีการพฒั นางานดว้ ยระบบคุณภาพและการเพิ่มผลผลติ อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร

68 1) เนน้ การใชแ้ รงงานของคนก่อนโดยใชว้ ิธีการต่าง ๆ มาปรับปรุงการทางานของคน ซ่ึงเรียกวา่ ข้นั ปรบั ปรุงวธิ ีการทางาน (Method Improvement) 2) เร่ิมพฒั นาเคร่ืองจกั ร อุปกรณ์ทางานอยา่ งง่าย ๆ แลว้ นาเขา้ มาช่วยในการทางานระยะน้ีเป็นการเพมิ่ ผลผลิตทางเทคโนโลยี ซ่ึงเรียกกวา่ ข้นั ปรบั ปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์(Row Cost Automation) 3) นาเอาเครื่องจกั รอตั โนมตั ิ (Automation) และเทคโนโลยชี ้นั สูงเขา้ ใชใ้ นกระบวนการผลิต ซ่ึงจะไดส้ ินคา้ และบริการท่มี คี ุณภาพสูง เครื่องจกั รอตั โนมตั ิ ปรับปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์ ปรับปรุงวิธีการทางาน รูปท่ี 13.1 ข้นั ตอนการเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยี3. การเพิม่ ผลผลิตด้วยการปรับปรุงวิธีการทางาน การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยวธิ ีน้ี เป็นการพฒั นาเทคโนโลยที อี่ งคก์ รใชอ้ ยเู่ ดิมใหม้ ีประสิทธิภาพสูงข้นึ ซ่ึงมีเทคนิควธิ ีตา่ ง ๆ ดงั น้ี (ศุภชยั วสิ ุทธ์ิ, 2530 : 4) เทคนิคทาง วธิ ีการปรับปรุงเพอ่ื การเพม่ิ ผลผลิต วิศวกรรม (Improvement factors) อุตสาหการกิจกรรมเพอ่ื เพม่ิ ผลผลิตความปลอดภยั และสภาพแวดลอ้ ม ปัจจยั พ้นื ฐานในการเพมิ่ ผลผลิต (Hygiene factors) ระบบการซ่อมบารุงรักษาเคร่ืองจกั รกลและอุปกรณท์ ด่ี ี สุขลกั ษณะของสถานที่ทางาน (5 S)รูปท่ี 13.2 ลาดับข้ันการเพิ่มผลผลติ ด้วยการปรับปรุงวธิ ีการทางานการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพม่ิ ผลผลติ อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร

69 3.1 การสร้างสุขลกั ษณะของสถานที่ทางาน เป็นการจดั สถานทีท่ างานใหถ้ ูกสุขลกั ษณะซ่ึงถอื วา่ เป็นพ้นื ฐานสาคญั ในการเพม่ิ ผลผลิต กิจกรรมสาคญั ท่ใี ชใ้ นข้นั น้ี คอื กจิ กรรม 5 ส ไดแ้ ก่ สะสาง (SEIRI) สะดวก (SEITON) สะอาด (SEISO) สุขลกั ษณะ (SEIKETSU) สรา้ งนิสยั (SHITUKE) 3.2 ระบบการซ่อมบารุงรักษาเคร่ืองจักรและอปุ กรณ์ทีดี การดูแลรกั ษาเครื่องจกั รและอุปกรณ์ท่ีดียอ่ มทาใหก้ ารใชเ้ คร่ืองจกั รไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่แี ละต่อเน่ือง ไม่ตอ้ งหยดุ ซ่อมเมื่อไม่ถึงเวลาและลดความเสียหาย จากการสึกหรอของอะไหล่ตา่ ง ๆ ก่อนเวลา ในระบบบริหารคุณภาพISO 9000 มีขอ้ กาหนดให้ ปฏิบตั ิใน เร่ืองน้ีดว้ ย การซ่อมบารุงรกั ษาท่ใี ชใ้ นข้นั ตอนน้ี คือ การบารุงรักษาแบบทวีผล (Productivemaintenance) ซ่ึงใชว้ ธิ ีการบารุงรกั ษาหลาย ๆ แบบ ไดแ้ ก่ 1) การบารุงรักษาเชิงป้องกนั (Preventive Maintenance) เป็นการบารุงรักษาเครื่องจกั รก่อนเกิดการชารุดเสียหาย โดยการเปล่ียนช้ินส่วนเคร่ืองจกั ร เปลี่ยนน้ามนั เคร่ือง ก่อนหมดอายกุ ารใชง้ าน รวมท้งั การตรวจสภาพเครื่องจกั รก่อนทางานประจาวนั 2) การบารุงรักษาเชิงแก้ไข (Corrective Maintenance) เป็นการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงท้งั ชิ้นส่วนเครื่องจกั รกล เพอื่ เพมิ่ สมรรถนะของเครื่องจกั รดดั แปลง เพอื่ ป้องกนั หรือขจดั สาเหตทุ ที่ าใหเ้ ครื่องจกั รขดั ขอ้ ง ซ่ึงเคยเกิดข้นึ มาแลว้ หรือคาดวา่ จะเกิดข้ึน 3) การซ่อมบารุงเม่ือขัดข้อง (Breakdown Maintenance) เป็ นข้นั ท่ีเคร่ืองจกั รขดั ขอ้ งหรือชารุดไม่สามารถทางานไดแ้ ลว้ ซ่ึงจะตอ้ งหยดุ กระบวนการผลิตอาจจะชวั่ คราว หรือใชเ้ วลานานกข็ ้ึนอยู่ กบั การเตรียมสารองชิ้นส่วนและมีช่างซ่อมที่มีความชานาญเพยี งพอ ซ่ึงการขดั ขอ้ งแบบน้ีไม่ควรจะใหเ้ กิดข้นึ ในกระบวนการผลิต มิฉะน้นั จะเกิดความเสียหายเป็ นอยา่ งมากตอ่ กระบวนการผลิต นอกจากน้ี อฮูจา เคเค (Ahuja,K.K) (อา้ งอิงจากวฑิ ูรย์ สิมะโชคดีและวรี ะพงษ์เฉลิมจริ ะรตั น,์ 2544 : 194) ได้แบ่งงานซ่อมบารุงเป็ น 5 ประเภท ดงั น้ี 1) ผคู้ วบคุมเคร่ืองจกั รซ่อมเอง (Operator maintenance) เหมาะกบั โรงงานขนาดเลก็การพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพมิ่ ผลผลิต อ.วนิช บญุ ผอ่ งเสถียร

70 2) กลุ่มคนงานท่เี กี่ยวขอ้ งร่วมกนั ซ่อม (Break down maintenance) เม่ือเคร่ืองจกั รเกิดการชารุดกลุ่มคนงานทีเ่ ก่ียวขอ้ งคือช่างซ่อมจะช่วยกนั แซม 3) การเตรียมแผนการซ่อมบารุงล่วงหนา้ (Scheduled maintenance) เป็นการวางแผนการซ่อมบารุงไวล้ ่วงหนา้ โดยกลุ่มบคุ คลท่ีเกี่ยวขอ้ งโดยตรง มีการวางแผนการซ่อมบารุงล่วงหนา้ กาหนดวนั เวลาและจดุ ท่จี ะทาการซ่อมบารุง 4) การวางแผนการซ่อมบารุง (Planned maintenance) เป็นการวางแผนการซ่อมบารุงไวล้ ่วงหนา้ เช่นเดียวกบั วธิ ีที่ 3 แตจ่ ะเพ่ิมเติมวธิ ีการซ่อมบารุงและกาหนดบคุ คลทจี่ ะซ่อมบารุงดว้ ย 5) การซ่อมบารุงแบบป้องกนั (Preventive maintenance : PM) เป็นระบบการซ่อมบารุงท่ีสมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีการวางแผนการซ่อมบารุงท้งั ระยะส้นั ปานกลางและระยะยาว มีการศกึ ษาวจิ ยั การทดลองและปรบั ปรุงระบบการซ่อมบารุงใหม้ ีประสิทธิผลยา่ งข้นึ ในข้นั ตอนระบบการซ่อมบารุงรกั ษาเคร่ืองจกั รน้ี จะต้องจัดให้พนักงานทกุ ระดับมีส่วนร่วม ต้งั แต่ 1) พนกั งานทใ่ี ชเ้ คร่ืองจกั รตอ้ งมีความชานาญในการใชง้ านและสามารถดูแลบารุงรกั ษาตามคู่มือเครื่องจกั รได้ 2) พนกั งานซ่อมบารุงตอ้ งมีความรู้ ทกั ษะและความชานาญในการวเิ คราะห์และการซ่อมบารุงเคร่ืองจกั รน้นั เป็นอยา่ งดี 3) จดั ระบบการบารุงรกั ษาท้งั ดา้ นการเตรียมชิ้นส่วน เคร่ืองมือซ่อมบารุงช่างซ่อมบารุงและการหาวธิ ีการใหพ้ นกั งานทกุ ระดบั มีส่วนร่วมในการบารุงรกั ษาเคร่ืองจกั ร 3.3 ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน องคก์ รจะตอ้ งจดั ระบบความปลอดภยั ในการทางานใหก้ บั พนกั งานท้งั ดา้ นจดั หาอุปกรณ์ป้องกนั อุบตั เิ หตุส่วนบุคคล อุปกรณ์ป้องกนั ภยั ประจาเคร่ืองจกั ร ความมนั่ คงแขง็ แรงของเครื่องจกั ร อาคารสถานท่แี ละจดั ใหม้ ีคระกรรมการความปลอดภยั ตามทก่ี ฎหมายกาหนด เพราะเมื่อพนกั งานมีความมนั่ ใจในการทางานแลว้ยอ่ มจะทางานเตม็ ความสามารถและมีประสิทธิภาพ การจดั สภาพแวดลอ้ มในการทางานภายในโรงงานไดแ้ ก่การจดั สภาพแสง เสียงอุณหภูมิ ฝ่นุ สารเคมี การระบายอากาศ เป็นตน้ ใหม้ ีระดบั ที่เหมาะสมกบั สภาพของพนกั งานหรือคนทจี่ ะสามารถทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และอยา่ งต่าที่ สุดตอ้ งอยใู่ นระดบั ที่กฎหมายกาหนด อปุ กรณ์ป้องกนั อุบตั เิ หตสุ ่วนบุคคลท่จี ะต้องจัดหาให้กบั พนักงาน ไดแ้ ก่ (1) หมวกนิรภยั (Helmets)การพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพิม่ ผลผลิต อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร

71 (2) แวน่ ตานิรภยั (Eyes Protection) (3) อุปกรณ์ป้องกนั หู เช่น ทค่ี รอบหู (ear muffs) ปลกั๊ เสียบหู (4) อุปกรณ์ป้องกนั ใบหนา้ (Face Protection) เช่น หมวกครอบหนา้ (5) ผา้ กนั เป้ื อน ใชป้ กคลุมส่วนบนหรือส่วนล่างของร่างกาย ท้งั ทที่ าจากผา้หนงั ใยสงั เคราะห์ ท้งั น้ีแลว้ แตล่ กั ษณะของงานท่ีตอ้ งการป้องกนั (6) เคร่ืองแตง่ กายทเี่ หมาะสมกบั ลกั ษณะงาน ทต่ี อ้ งรดั กมุ ป้องกนั อนั ตรายได้ (7) อุปกรณ์ป้องกนั ระบบหายใจ เพอ่ื ป้องกนั ฝ่ นุ ละออง ควนั พษิ สารเคมีเช่น หนา้ กากกรองอากาศ ผา้ ปิ ดจมูก (8) อุปกรณ์ป้องกนั มือ ขา และเทา้ เช่น ถุงมือ ท้งั ที่ทาจากผา้ หนงั ยางใยสงั เคราะห์ รองเทา้ ท้งั ทท่ี าจากหนงั ยาง ไม้ หรือหนงั ท่ีปลายหุม้ ดว้ ยโลหะ อุปกรณ์ป้องกนัส่วนขาหรือแขน เช่น ปลอกแขนหรือขาที่ทาจากหนงั เขม็ ขดั นิรภยั (safety belt) สายช่วยชีวติ (lifeline) สภาพแวดล้อมท่จี าเป็ นในการทางาน ไดแ้ ก่ (1) การจัดโต๊ะทางาน การติดต้งั เคร่ืองจกั ร ท่เี หมาะสมกบั ขนาดร่างกายของพนกั งานโดยเฉลี่ย เพอื่ ใหก้ ารทางานของพนกั งานไม่เมอ่ื ยลา้ เร็ว หรือเกิด การเจบ็ ป่ วยจากการนง่ัหรือยนื ทางาน (2) การกาหนดขนาดทางเดินของพนักงาน หรือระหวา่ งเคร่ืองจกั รเพอื่ ให้การเดิน การขนยา้ ยวตั ถุดิบ บริเวณทางาน มีความเหมาะสม สะดวกและปลอดภยั ในการทางาน (3) แสงสว่าง บริเวณทางาน องคก์ รจะตอ้ งจดั หาแสงสวา่ งใหม้ ีความเขม้ ของการส่องสวา่ งให้เพยี งพอกบั ลกั ษณะงานที่ปฏบิ ตั ิ ต้งั แต่แสงสวา่ งรอบโรงงาน และบริเวณปฏิบตั งิ านต้งั แต่ การทางานอยา่ งหยาบไปจนถึงการทางานอยา่ งละเอียด ซ่ึงจะตอ้ งใชค้ วามเขม้ของการส่องสวา่ งตา่ งกนั ต้งั แต่ 20 –1000 ลกั ซ์ (LUX) ท้งั น้ีจะตอ้ งเป็ นไปตามท่ีกฎหมายกาหนด (4) การระบายอากาศ (Ventilation) เป็ นการถ่ายเทอากาศ การกาจดั กล่ินควนัหรือไอพษิ จากภายในโรงงาน รวมท้งั เป็ นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนใหเ้ พยี งพอกบั ปริมาณที่พนกั งานตอ้ งการและยงั เป็นการระบายความรอ้ นจากตวั พนกั งานในขณะทางานอีกดว้ ย ซ่ึงจะทาให้พนกั งานมีความรูส้ ึกสดชื่น ไม่เหน่ือยง่ายและสุขภาพดี สาหรับประเทศไทยเป็ นประเทศที่มีความช้ืนสมั พทั ธส์ ูงและมีอุณหภูมิอากาศสูง ดงั น้นั ปริมาณอากาศทจ่ี ะตอ้ งระบายออกท้งั จากหอ้ งหรือบริเวณปฏิบตั ิงานนาทลี ะ 40 ลูกบาศก์ ฟตุ ต่อนาที ต่อ 1 คน แตถ่ า้ เป็ นพนกั งานหญงิ และไม่สูบบุหร่ีรวมท้งั การทางานทีไ่ ม่หนกั มากนกั ปริมาณอากาศถา่ ยเทอาจจะลดเหลือ 12 ลูกบาศฟ์ ตุ ต่อนาทีต่อ 1 คนการพฒั นางานดว้ ยระบบคุณภาพและการเพ่มิ ผลผลิต อ.วนิช บญุ ผอ่ งเสถียร

72 (5) อุณหภูมิ (Temperature) อุณหภูมิในหอ้ งทางานหรือบริเวณทางานหรือในโรงงาน รวมท้งั สภาพความช่ืนสมั พทั ธข์ องอากาศและกระแสลม จะมีผลกระทบต่อสภาพร่างกายของพนกั งานเป็นอยา่ งมาก ถา้ ทางานหนกั และตวั งานมีอุณหภมู ิสูงคนงานจะเหน่ือยงา่ ย แต่ถา้ทางานในสภาพอุณหภูมิท่ีต่าเกินไปคนงานจะราคาญ กระวนกระวาย เกิดอาการสนั่ เสียสมาธิดงั น้นั อุณหภูมิที่รู้สึก สบายสาหรับคนไทยมีดงั น้ีนอกจากน้ี (วฑิ รู ย์ สิมะโชคดีและ วรี ะพงษ์ เฉลิมจิระรัตน,์ 2544 : 156) - ทางานนงั่ โตะ๊ ใชส้ มอง อุณหภมู ิท่เี หมาะสม 20-23 องศาเซลเซียส - ทางานนง่ั โตะ๊ ใชแ้ รงบา้ ง อุณหภูมิท่ีเหมาะสม 19 องศาเซลเซียส - ทางานยนื งานเบา อุณหภมู ิที่เหมาะสม 18 องศาเซลเซียส - ทางานยนื งานหนกั ปานกลาง อุณหภูมิทเี่ หมาะสม 17 องศาเซลเซียส - ทางานยนื งานหนกั อุณหภมู ิทเ่ี หมาะสม 10-15 องศาเซลเซียส ถา้ พนกั งานทางานในสภาพบรรยากาศที่มีอุณหภมู ิสูงกวา่ 30 องศาเซลเซียสจะตอ้ งจากดั เวลาในการทางานและมีอุปกรณ์ป้องกนั ความร้อนดว้ ย (6) เสียง (Noise) เสียงท่ีเกิดจากการทางานหรือสภาพแวดลอ้ มในโรงงานจะตอ้ งไม่ดงั เกินกวา่ 90 dBA (เดซิเบล เอ) เพราะจะทาใหป้ ระสาทหูของคนงานเสื่อมและเป็นโรคที่เกี่ยวเน่ืองกบั เสียง ดงั น้นั จะตอ้ งจดั หาอุปกรณ์ป้องกนั เสียง เช่น ทคี่ รอบหู หรือปลก๊ั เสียบหูใหก้ บัคนงาน หรือปรบั ปรุงตน้ เหตุของการเกิดเสียง หรือจบั ยดึ เครื่องจกั รกกลท่เี กิดเสียงใหแ้ น่นเสียงท่ีจะเกิดอนั ตรายตอ่ ประสาทหูมีดงั น้ี - 85-100 dBA เป็ นเวลานาน จะทาอนั ตรายแก่ประสาทหูทีบ่ อบบาง - 100-200 dBA จะทาอนั ตรายแก่ประสาทหูของคนส่วนใหญ่ - ระดบั เสียงเกิน 120 dBA ทาใหผ้ รู้ ับเสียงราคาญ และเป็นอนั ตรายต่อประสาทหู แมว้ า่ จะไดร้ ับเพยี งช่วงส้นั ๆ - ถา้ เกิน 130 dBA จะทาให้ผฟู้ ังเกิดความเจบ็ ปวดภายในประสาทหูทนั ที ดงั น้นั โรงงานจะตอ้ งหาวธิ ีการควบคุมตน้ เหตุที่ทาใหเ้ กิดเสียงดงั เกินกวา่ ที่กฎหมายกาหนดดว้ ย (7) ความส่ันสะเทือน (Vibration) ในการทางานบางลกั ษณะ เช่น การใช้สวา่ นมือเคร่ืองขดั หิน สวา่ นลม หรือเคร่ืองกระแทก หรือทางานกบั เคร่ืองจกั รทจ่ี บั ยดึ ไม่แน่นจะทาใหเ้ กิดการสนั่ สะเทอื น ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดอนั ตรายกบั กลา้ มเน้ือของคนงานและกลายเป็ นโรคเก่ียวกบัการสนั่ สะเทือน ถา้ การทางานทมี่ ีความสนั่ สะเทอื นมีช่วงความถี่ระหวา่ ง 10-20 Hz (Hz = 1 คร้ังต่อการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพิม่ ผลผลิต อ.วนิช บุญผอ่ งเสถียร

73วนิ าท)ี จะเกิดอนั ตรายตอ่ คนงาน ดงั น้นั จะตอ้ งหาวธิ ีการป้องกนั การสนั่ สะเทอื น เช่น ยดึ เครื่องจกั รใหแ้ น่น มีแผน่ รองระหวา่ งเคร่ืองจกั รกบั พ้นื คนงานสวม ถุงมือเพอ่ื ลดความสน่ั สะเทือน เป็ นตน้ 3.4 กิจกรรมเพ่ือเพิ่มผลผลติ เป็ นกิจกรรมพฒั นาบุคลากรขององคก์ รทกุ ระดบัใหม้ ีความรู้ ความสามารถและมีทศั นคติทดี่ ีตอ่ การทางาน มีส่วนร่วมในการปรุงงานให้สะดวกสบายข้ึน เช่น (1) กิจกรรม 5 ส (2) กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ (QCC) (3) การทางานเป็นทีม (Team work) (4) ระบบขอ้ เสนอแนะ (Suggestion scheme : SS) (5) การบริหารงานคุณภาพทว่ั ท้งั องคก์ ร (Total Quality Management :TQM) หรือ TQC (ชื่อของประเทศญป่ี ่ นุ ) เป็ นการบริหารท่ีเนน้ เร่ืองคุณภาพโดยอาศยั การมีส่วนร่วมของสมาชิกทุกคน และมีเป้าหมายในความสาเร็จระยะยาว เพอื่ ความพงึ พอใจของลูกคา้ และประโยชน์ต่อสมาชิกในองคก์ รและสงั คม ซ่ึงหวั ใจของกิจกรรม TQM คือ คุณภาพ (quality) ทดี่ ีที่สุด ตน้ ทนุ การผลิต (cost) ที่ต่า การส่งมอบ (delivery) ที่ทนั เวลา ความปลอดภยั (safety) ในการบริโภคและขวญั และกาลงั ใจของพนกั งาน (moral) (6) ระบบบริหารคุณภาพ ISO 9000 (7) กิจกรรมความปลอดภยั เป็ นกิจกรรมทปี่ ้องกนั ไม่ใหเ้ กิดอุบตั เิ หตุภายในองคก์ ร โดยยดึ หลกั การ 3 E คอื * หลกั วิศวกรรม (Engineering) คือการใชค้ วามรู้ทางวชิ าการ ดา้ นวศิ วกรรมศาสตร์ในการคานวณและออกแบบเครื่องจกั ร เคร่ืองมือท่มี ีสภาพการใชง้ านทีป่ ลอดภยัท่สี ุด * หลักการศึกษา (Education) คือการใหก้ ารศกึ ษา การฝึกอบรมและแนะนาแก่คนงานทกุ ระดบั เพอื่ ป้องกนั อุบตั ิเหตุและเสริมสรา้ งความปลอดภยั ในองคก์ ร * หลักการออกกฎข้อบงั คบั (Enforcement) คือการกาหนดวธิ ีการทางานที่ปลอดภยั และมีมาตรการในการบงั คบั ใหค้ นทกุ คนในองคก์ รไดป้ ฏิบตั ติ ามกฎเหล่าน้นั อยา่ งเคร่งครัด นอกจากน้ียงั มี การจดั องคก์ รความปลอดภยั ในระดบั ตา่ ง ๆ ภายในองคก์ ร ไดแ้ ก่คณะกรรมการฝ่ายบริหารเพอื่ ความปลอดภยั คณะกรรมการดาเนินการเพอ่ื ความปลอดภยั และเจา้ หนา้ ท่ีความปลอดภยั โดยมีคนงานเขา้ มามีส่วนร่วมในทกุ คณะกรรมการ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่าน้ีจะตอ้ งเร่ิมมาจากความมุ่งมน่ั ของผบู้ ริหารระดบั สูงขององคก์ ร การใหค้ วามรูค้ วามเขา้ ใจในเน้ือหาของกจิ กรรมแก่พนกั งานทกุ ระดบั การจดั หาทรพั ยากรการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพมิ่ ผลผลิต อ.วนิช บญุ ผอ่ งเสถยี ร

74ในการดาเนินงานท่ีเพยี งพอ การดาเนินการอยา่ งเป็นระบบตามวธิ ีการของกิจกรรมน้นั ๆ การให้ขวญั และกาลงั ใจแก่พนกั งาน และการติดตามประเมินผลการดาเนินงานและปรับปรุงการกิจกรรมน้นั ๆ อยา่ งตอ่ เนื่อง 3.5 เทคนิคทางวิศวกรรมอตุ สาหการ เป็นเทคนิคการปรับปรุงกระบวนการผลิตใหม้ ีประสิทธิภาพ เพม่ิ คุณภาพสินคา้ และเพม่ิ ผลผลิตโดยใชต้ น้ ทนุ และคา่ ใชจ้ ่ายต่า เช่น 1) การวางผงั โรงงาน (Plant layout) เป็ นการวางแผนการติดต้งั เครื่องจกั รกลวตั ถุดิบกระบวนการผลิต การจดั เก็บผลิตภณั ฑท์ ผี่ ลิตแลว้ การจดั ทางเดิน เป็ นตน้ เพอื่ ใหส้ ามารถใช้พน้ื ท่ีโรงงานท่มี ีอยอู่ ยา่ งจากดั และมีตน้ ทุนทีส่ ูงไดใ้ ชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ที่ อนั จะทาใหก้ ระบวนการผลิตเป็นไปอยา่ งรวดเร็ว ตอ่ เน่ือง ไม่สูญเสียระหวา่ งการผลิต ไม่เสียคา่ ใชจ้ า่ ยสูงเกินไปสาหรับการเคลื่อนยา้ ยวตั ถุดิบ มีความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิงาน ขจดั สิ่งรบกวนต่าง ๆ ทอี่ าจจะเกิดข้นึ ในกระบวนการผลิต 2) การวางแผนการผลติ (Production Planning) เป็นการวางแผนการผลิตสินคา้ แตล่ ะชนิดต้งั แต่การจดั หาปัจจยั การผลิต การออกแบบกระบวนการผลิต การทาการผลิต การควบคุมการผลิต การวจิ ยั และพฒั นาเพอื่ ใหก้ ารผลิตสินคา้ มีคุณภาพตามท่อี อกแบบไว้ ถา้ มกี ารวางแผนการผลิตท่ดี ีจะทาใหก้ ารผลิตเสร็จทนั เวลา ลดความสูญเสียอนั เกิดจากระบวนการผลิตให้เหลือนอ้ ยทสี่ ุด ไม่มีสินคา้ หรือวตั ถุดิบรอหรือคา้ งในสินคา้ คงคลงั มากเกินไป 3) การศึกษางาน (Work study) เป็ นการศึกษาเก่ียวกบั ช่วงเวลาท่แี น่นอนท่ีใชป้ ฏิบตั งิ านหน่ึง ๆโดยการบนั ทกึ รายละเอียดต่าง ๆในการปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ศกึ ษาหาขอ้ มูลเกี่ยวกบัเวลาทใ่ี ชใ้ นการปฏิบตั ิงานจริง เช่น เวลาที่เครื่องจกั รกาลงั ทางาน เวลาขนถ่ายวตั ถุดิบ เวลาตรวจวดัเป็นตน้ กบั เวลาท่ไี ม่ใชใ้ นการทางาน เช่น เวลารอเครื่องจกั ร เวลาทเ่ี คร่ืองหยดุ ทางาน เวลาส่วนตวัของคนงาน เป็นตน้ ผลของการศกึ ษางาน จะนามาจดั ทามาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน การปรบั ปรุงเคร่ืองมือและอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงาน 4) การวเิ คราะห์ข่ายงาน (Network analysis) เป็ นกิจกรรมวางแผนการจดั ลาดบั งานสาหรับโครงการใหญ่ท่มี ีความยงุ่ ยาก ซบั ซอ้ น โดยแยกงานออกเป็ นงานยอ่ ย ๆ แลว้ จดัเรียงลาดบั ก่อนหลงั ลงในแผนภูมิ เพอื่ ใชใ้ นการวางแผนงานการจดั ตารางงานและการควบคุมการทางานในข้นั ตอนต่าง ๆ ใหบ้ รรลุผลตามเป้าหมาย การวเิ คราะห์ข่ายงานนิยมใช้ แผนภูมิ PERT และCPM ซ่ึงท้งั สองวธิ ีน้ีจะมีแผนภมู ิเช่นเดียวกนั ตา่ งกนั เพยี งช่องเวลาท่ีอยเู่ หนือกิจกรรม (1) PERT (Program Evaluation and Review Technique) เป็นแผนภูมิที่ใชก้ บั โครงการใหม่ ๆ ทไ่ี ม่เคยทามาก่อน ดงั น้นั เวลาท่ใี ชใ้ นแต่ละกิจกรรมจะมาจากการเฉล่ียจากเวลาท่คี าดวา่ จะเสร็จเร็วสุดและเสร็จชา้ สุดการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพมิ่ ผลผลิต อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร

75 (2) CPM (Critical Parth Method) เป็ นแผนภมู ิท่ใี ชก้ บั การโครงการท่ีเคยดาเนินการมาแลว้ ดงั น้นั จะสามารถกาหนดเวลาเริ่มตน้ และสิ้นสุดไดใ้ กลเ้ คียงทสี่ ุด จึงเกิดความผดิ พลาดในการบริหารโครงการนอ้ ยกวา่4. การเพ่มิ ผลผลติ ด้วยการปรับปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์แบบง่าย ๆ ใช้เงนิ ลงทุนน้อย การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยขี ้นั ตอนน้ีเป็นการปรบั ปรุงเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์ที่มีอยใู่ หม้ ีประสิทธิภาพในการทางานสูงข้นึ มีความละเอียดและเท่ียงตรงสูงข้นึ โดยใชเ้ งนิ ลงทุนไม่มากนกั เช่น จดั ซ้ืออุปกรณ์อตั โนมตั มิ าประกอบกบั เครื่องจกั รเดิม หรือนาระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบคอมพวิ เตอร์มาควบคุมการทางานของเคร่ืองจกั ร หรือปรับปรุงเครื่องจกั รการผลิตใหม้ ีประสิทธิภาพสูงข้นึ เป็นตน้ ตัวอย่าง การปรับปรุงอุปกรณ์การจบั งาน(Jig & fixture) ในการผลิต รูเจาะ รูปท่ี 13.4 ช้ินงานเจาะรู ตามตวั อยา่ งงานน้ี การทางานแบบเดิมช่างจะเจาะรูดว้ ยเครื่องเจาะ โดยการจบั งานคร้งั ละชิ้น ซ่ึงจะตอ้ งใชเ้ วลาในการจบั งานบนเครื่องเจาะและหาศนู ยก์ ลางงานคอ่ นขา้ งจะนานในการเจาะแตล่ ะช้ิน เมื่อวศิ วกรอุตสาหการไดค้ ดิ และประดิษฐ์อปุ กรณ์สาหรับการจบั งานเพื่อเจาะแลว้ ช่างที่ทางานน้ีจะเพยี งวางช้ินงานลงในอุปกรณ์จบั แลว้ จบั ชิ้นงานใหแ้ น่นจากน้นั ก็ทางานเจา้ ได้ทนั ท่ี โดยไม่ตอ้ งมาหาศูนยห์ กลางงานเช่นเม่ือกอ่ น งา น ที่ เจาะออกมากไ็ ดข้ นาดและศูนยก์ ลางงานเช่นกนั5. การเพม่ิ ผลผลิตด้วยระบบเครื่องจักรอัตโนมตั ิ ระบบการผลิตสมยั ใหม่จะเป็นการผลิตโดยอตั โนมตั ิ ดว้ ยเครื่องจกั รอตั โนมตั ิต้งั แตต่ น้ จนจบ จงึ ทาใหไ้ ดผ้ ลผลิตท่ีมีคุณภาพคงที่ มีปริมาณการผลิตสูง แมแ้ ตธ่ ุรกิจบริการยงั ได้นาเอาระบบอตั โนมตั ิเขา้ มาใชใ้ นการทางานดว้ ย โดยเฉพาะระบบคอมพวิ เตอร์หรือเคร่ืองใช้สานกั งานอตั โนมตั ิ เช่น เครื่องรบั โทรศพั ทอ์ ตั โนมตั ิระบบเคร่ืองจกั รอตั โนมตั ิ ท่ีนามาใชใ้ นการผลิตสินคา้ และบริการจาแนกไดด้ งั น้ีการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพ่ิมผลผลติ อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร

76 5.1 ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) นามาใชใ้ นงานต่าง ๆ ดงั น้ี 1) ใชใ้ นงานสานกั งาน เช่น เกบ็ ขอ้ มูล วเิ คราะห์ขอ้ มูล คานวณจดั พมิ พร์ ายงาน เชื่อมโยงการส่ือสารในหน่วยงาน (Intranet) หรือเช่ือมโยงขอ้ มูลกบั หน่วยงานภายนอก (Internet) เป็นตน้ 2) ใชใ้ นการออกแบบผลิตภณั ฑ์ หรือ CAD (Computer Aid Design)ปัจจบุ นั มีโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยออกแบบมากมาย เช่น ออกแบบผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม(ชิ้นส่วนเครื่องจกั รกล รถยนต์ งานพลาสติก อิเลก็ ทรอนิกส)์ ออกแบบงานก่อสร้าง ออกแบบงานโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ ออกแบบ ภมู ิทศั น์ เป็นตน้ 3) ใชใ้ นการควบคุมการผลิต หรือ CAM (Computer AideManufacturing) เป็นโปรแกรมท่คี วบคุมใหเ้ ครื่องจกั รอตั โนมตั ิ เช่น เครื่องกลึง CNC ทางานตามลาดบั ข้นั จนเสร็จสิ้นเป็นผลิตภณั ฑต์ ามที่ CAD ออกแบบไว้ 4) ใชค้ วบคุมระบบการผลิตโดยรวม หรือ CIM (Computer IntegratedManufacturing) เป็ นระบบคอมพวิ เตอร์ทเี่ ช่ือมโยงระหวา่ ง CAD/CAM รวมท้งั ขอ้ มูลดา้ นการตลาด การผลิต การส่งมอบ หรือต้งั แตก่ ารรบั คาสง่ั ซ่ึงจนถึงการส่งมอบสินคา้ ใหล้ ูกคา้ CIMจะช่วยลดความผดิ พลาดและ การสูญเสียในการทางานจะไดเ้ ป็นอยา่ งมาก 5.2 การใช้เคร่ืองจักรอตั โนมตั ใิ นการทางาน ไดแ้ ก่ เครื่องจกั รกล CNC (ComputerNumerical Control) เป็นเคร่ืองจกั รกลท่ที างานโดยอตั โนมตั ิ มีความเที่ยงตรงสูง ผลิตช้ินงานได้จานวนมากภายในเวลาอนั ส้นั ซ่ึงปัจจุบนั นิยมใชใ้ นโรงงานต่าง ๆ แมต้ น้ ทนุ ของเครื่องจกั รและการบารุงรักษาจะสูงก็ตาม 5.3 การใช้หุ่นยนต์ (Robotics) ทางาน หุ่นยนตเ์ ป็นเทคโนโลยชี ้นั สูงท่ใี ช้ วศิ วกรรมหลายสาขาสรา้ งข้ึน ใชใ้ นกระบวนการผลิตท่ีตอ้ งการความเท่ียงตรงสูง เสี่ยงอนั ตรายและทางานได้ตลอดเวลา ซ่ึงพนกั งานทาเช่นน้นั ไมไ่ ด้ เช่น อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมหลอมโลหะ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นตน้6. ประโยชน์และปัญหาการเพ่มิ ผลผลติ ด้วยเทคโนโลยี ประโยชน์การเพมิ่ ผลผลิตดว้ ยเทคโนโลยมี ีไดด้ งั น้ี 1. เพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางาน เช่น การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยในการควบคุมเครื่องจกั ร จะทาใหก้ ารทางาน สะดวก รวดเร็ว มีความผดิ พลาดนอ้ ย หรือใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์มาช่วยในการทางาน เช่นการพมิ พ์ การเกบ็ ขอ้ มูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูล จะทาใหก้ ารทางานรวดเร็ว ถูกตอ้ ง และทาซ้า ๆ ไดโ้ ดยไม่มีความ ผดิ พลาดการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพ่ิมผลผลติ อ.วนิช บญุ ผอ่ งเสถยี ร

77 2. ใชใ้ นการวางแผน ควบคุมการผลิต การควบคุมคุณภาพและกิจกรรมอื่นๆในการผลิตสินคา้ และบริการเป็ นไปอยา่ งรวดเร็ว ถูกตอ้ ง ถา้ เกิดความผดิ พลาดสามารถแกไ้ ขไดท้ นั ที 3. เพมิ่ คุณค่าของผลิตภณั ฑ์ เพราะเทคโนโลยี เช่น ระบบคอมพวิ เตอร์สามารถออกแบบงานและผลิตชิ้นงานไดม้ ีความละเอียดสวยงาม จึงทาใหส้ ินคา้ เป็ นทีต่ อ้ งการของผบู้ ริโภคมากข้ึน 4. เพมิ่ ความสะดวก สบายและความปลอดภยั ใหก้ บั พนกั งาน เพราะพนกั งานจะเป็นผคู้ วบคุมระบบการสง่ั การมากกวา่ การควบคุมเคร่ืองจกั รโดยตรง เช่น หุ่นยนต์ เคร่ืองจกั รกลCNC 5. สภาพแวดลอ้ มเป็ นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม บรรยากาศดีข้ึน เพราะกระบวนการผลิตจะ ไม่มีของเสียหรือเศษโลหะเกิดข้นึ ในระหวา่ งการผลิต เช่นการใชเ้ คร่ืองกดัWire Cut เคร่ืองตดั แบบเลเซอร์ เป็นตน้ 6. ทาใหล้ ดค่าใชจ้ า่ ยในการจา้ งบุคลากร เพราะเทคโนโลยหี รือเครื่องจกั รอตั โนมตั ิ ทางานแทนบุคลากรไดห้ ลายอยา่ งหรือพนกั งานพ้ ยี งคนเดียวสามารถควลบคุมการทางานของเครื่องจกั รไดห้ ลายเครื่อง 7. ผลิตภณั ฑไ์ ดร้ บั ความเช่ือมน่ั จากลูกคา้ มากข้นึ วา่ จะไดส้ ินคา้ หรือบริการมีคุณภาพและมีความสม่าเสมอในการผลิตและบริการ แต่ปัญหาการเพ่ิมผลผลติ ด้วยเทคโนโลยกี ม็ ดี ้วยเช่นกนั ดงั นี้ 1. ตน้ ทนุ ของเทคโนโลยสี ูง โดยเฉพาะเครื่องจกั รอตั โนมตั ิหรือเทคโนโลยชี ้นั สูงท่ีตอ้ งสง่ั เขา้ จากตา่ งประเทศ เช่น เคร่ืองจกั รกล CNC เคร่ืองแสงเลเซอร์ ระบบคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ และเทคโนโลยมี ีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ถา้ วางแผนการลงทุนไมถ่ ูกตอ้ งอาจจะได้เทคโนโลยที ลี่ า้ สมยั เร็ว หรือผลิตไม่ไดต้ ามเป้าหมายทเ่ี ปลี่ยนแปลงไป ทาใหต้ อ้ งขาดทนุ ในการดาเนินการ 2. ขาดแคลนบคุ ลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี จนตอ้ งเกิดการแยง่ ตวั จากองคก์ รอื่น หรือไม่สามารถใชเ้ คร่ืองจกั รอตั โนมตั ิไดเ้ ตม็ ความสามารถของเคร่ืองจกั ร โดยเฉพาะเทคโนโลยชี ้นั สูง เช่น เครื่องจกั รกล CNC เคร่ืองเลเซอร์ หรือระบบคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ 3. ขาดความเชี่ยวชาญในการซ่อมบารุง ชิ้นส่วนมีราคาแพง หาบุคลากรทมี่ ีความรู้ ความเช่ียวชาญในการซ่อมบารุงยาก ทาใหเ้ ครื่องจกั รอตั โนมตั ิอาจจะมีอายกุ ารใชง้ านส้นัลง มีประสิทธิภาพในการผลิต ลดลง ไม่คุม้ กบั ตน้ ทนุ ท่ีซ้ือมาการพฒั นางานดว้ ยระบบคณุ ภาพและการเพ่ิมผลผลติ อ.วนิช บุญผอ่ งเสถยี ร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook