Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore unit 6

unit 6

Published by vanich.bu, 2017-07-19 22:45:43

Description: unit 6

Search

Read the Text Version

65ต้นทุนหรอื คา่ ใช้จ่าย ในการผลติ ทางดา้ นการเกษตร ซงึ่ เป็นการผลิตพืชสัตวแ์ ละประมงตามฤดูกาล ซง่ึ คา่ ใช้จ่ายทจี่ ะเกิดขนึ้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท 1. คา่ ใช้จ่ายคงท่ี (Fixed Cost) 2. ค่าใชจ้ ่ายผนั แปร (Variable Cost) 1. ค่าใช้จา่ ยคงท่ี (Fixed Cost) คือ คา่ ใช้จ่ายในการผลติ ที่เกิดโดยไม่มกี ารเปลีย่ นแปลงหรือแปรไปตามปริมาณการ ผลติซ่ึงเปน็ การใช้ปจั จัยการผลิตทเี่ ปน็ ปจั จยั การผลิตที่เป็นปัจจัยคงท่ี เชน่ ค่าเช่าท่ดี ิน คา่ ภาษีทีด่ ิน ค่าเสอ่ื มราคาของโรงเรือนและอุปกรณ์การเกษตร เปน็ ตน้ ผู้ผลติ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปริมาณการใช้ได้ช่วงระยะเวลาการผลิตหนึง่ ๆ ค่าใช้จา่ ยคงที่ยงั สามารถแบ่งออกไดอ้ ีก 2 ลกั ษณะ กล่าวคอื 1.1 ค่าใช้จา่ ยคงทีท่ ่ีเปน็ เงินสด คอื คา่ ใช้จ่ายคงที่ท่ผี ู้ผลิตจะตอ้ งจา่ ยจรงิ เป็นเงนิ สด จานวนคงทใี่ นการผลติ เชน่ ค่าเช่าท่ดี นิ ค่าภาษีทด่ี นิ เปน็ ตน้ 1.2 คา่ ใช้จ่ายคงทีท่ ีไ่ ม่เปน็ เงนิ สด คือ คา่ ใช้จา่ ยคงท่ที ่ผี ู้ผลิตไมไ่ ด้จ่ายจริงเป็นเงนิ สด จานวนคงที่ในการผลติ เช่น คา่ เส่ือมราคาหรือสกึ หรอของโรงเรอื นและอปุ กรณ์การเกษตร ค่าใช้ที่ดินกรณีเป็นทดี่ นิ ของตนเอง แต่มกี ารประเมนิ อัตราค่าเช่าทีด่ นิ เป็นตน้

662. คา่ ใชจ้ า่ ยผันแปร (Variables Cost) คอื คา่ ใช้จ่ายในการผลิตท่ีเกิดโดยการเปล่ียนแปลงหรือแปรไปตามปริมาณการผลิต ซ่ึงเป็นการใช้ปัจจัยการผลิตทีเ่ ปน็ ปจั จัยผันแปร เช่น เมล็ดพนั ธ์พุ ชื พนั ธ์สุ ตั ว์ ปุ๋ยเคมี สารเคมี แรงงาน ค่าซอ่ มแซมของโรงเรอื นและอุปกรณก์ ารเกษตร คา่ เสยี โอกาส เงินลงทุน เปน็ ตน้ ผผู้ ลติ สามารถเปลี่ยนแปลงปรมิ าณการใช้ได้ในช่วงระยะเวลาการผลติ หน่ึง ๆ คา่ ใชจ้ ่ายผันแปรยังสามารถแบ่งออกได้อีก 2 ลกั ษณะ กลา่ วคอื 2.1 ค่าใช้จา่ ยผันแปรทีเ่ ปน็ เงนิ สด คือ ค่าใชจ้ า่ ยผันแปรท่ีผผู้ ลิตจะต้องจ่ายจริงเปน็ เงนิ สด ในการผลิตเช่น เมล็ดพันธุ์ พนั ธุส์ ตั ว์ ป๋ยุ เคมี แรงงานจา้ ง เป็นตน้ 2.2 คา่ ใช้จา่ ยผันแปรท่ีไม่เปน็ เงินสด คือ คา่ ใชจ้ ่ายผนั แปรทผ่ี ู้ผลติ ไม่ได้จา่ ยจริง เป็นเงินสดในการผลติ ซึ่งสามารถจัดหามาในรูปส่ิงของหรือดาเนินการเอง เช่น เมลด็ พนั ธ์ุพชื ทเ่ี ก็บไว้เอง พนั ธ์สุ ัตวท์ ่ีเกิดจากการขยายพนั ธุ์ แรงงานในครวั เรือน แรงงานแลกเปล่ียนทไ่ี มไ่ ด้คดิ เป็นเงินสด (ลงแขก) คา่ เสียโอกาสเงินลงทุนเป็นตน้ อยา่ งไรกต็ ามยงั มีค่าใชจ้ า่ ยบางอย่างงในภาคเกษตรท่ีไมไ่ ดค้ ดิ ให้กบั เกษตรกร เช่น ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทุน ค่าเส่ือม เป็นตน้ หากจะคิดสามารถดาเนนิ การได้ ดังนี้ คา่ เสียโอกาสเงนิ ลงทุน (Opportunity Cost) หมายถงึ ค่าใชจ้ า่ ยผันแปรท่ีเกิดขึน้ จากการผลติ โดยคิดอตั ราดอกเบ้ียและระยะเวลาในการผลิต เชน่ ค่าใช้จา่ ยผันแปร 1,000 บาท อตั ราดอกเบี้ย 12% ระยะเวลา 6 เดอื น ดงั น้นั คา่ เสียโอกาส เงนิ ลงทนุ เท่ากับ 60 บาท ค่าเสือ่ มราคา (Depreciation) หมายถึง คา่ ใช้จ่ายคงท่ที ่ีเกิดขน้ึ จากการใช้ในการผลติ สว่ นใหญจ่ ะคิดเป็นรายปีโดยคดิ แบบ Straight-line method ดังน้ี คา่ เสอ่ื มราคา = มลู ค่าซอ้ื ทรพั ย์สิน – มลู คา่ คงเหลือสดุ ท้าย อายกุ ารใชง้ านของทรพั ย์สนิ เชน่ รถไถเดินตามมูลคา่ ซอื้ มา 35,000 บาท อายุการใช้งานนาน 10 ปี และมูลคา่ คงเหลือ สุดท้าย 5,000 บาท คา่ เสอ่ื มราคา = 35,000 – 5,000 = 3,000 บาทตอ่ ปี 10สูตรการคิดคานวณ รายได้ รายจ่าย และกาไรของการทาฟาร์ม 1. รายได้ = ผลผลติ x ราคา

672. รายจา่ ย = คา่ ใช้จ่ายท่เี กิดจากการทากิจกรรม3. รายจ่ายทงั้ หมด = ค่าใชจ้ ่ายผนั แปร + ค่าใช้จ่ายคงท่ี4. กาไร = รายได้ – รายจา่ ย5. กาไรเบอื้ งตน้ (Gross Profit) = รายได้ – รายจ่ายผันแปร6. กาไรสทุ ธิ (Net Profit) = รายได้ – (รายจ่ายผนั แปร + รายจ่ายคงท)ี่ตารางที่ 7 ตวั อย่างต้นทนุ การผลติ ขา้ ว 1 ไร่ ต้นทุนคงที่ ต้นทุนผันแปร บาท/ไร่ - 200 ต้นทุนทงั้ หมด รายการ - 70- เตรยี มดิน (จา้ ง) - 200- เมล็ดพันธุ์ - 70- แรงงานในการปลูก -- แรงงานครวั เรอื น - 60 60- แรงงานจ้าง - 180 180- ปุย๋ เคมี - 210 210- สารเคมี - 100 100- แรงงานครวั เรือนทใ่ี ช้ปยุ๋ และสารเคมี - 60 60- แรงงานในการเก็บเกยี่ ว -- แรงงานครวั เรือน - 60 60- แรงงานจ้าง - 180 180- คา่ ซ่อมแซมโรงเรือนและอุปกรณก์ ารเกษตร 200 50 50- คา่ ขนส่ง 50 30 30- ค่าเช่าท่ดี นิ - - 200- ค่าเสอ่ื มราคาอุปกรณ์การเกษตร 250 - 50- ค่าเสียโอกาสเงินลงทุน (12% 6 เดอื น) 72 72 1,272 1,522 รวมผลผลติ = 800 กก.ราคา = 3.50 บาท/กก.ดงั น้นั : รายได้ขา้ ว 1 ไร่ = 800 กก. X 3.50 บาท = 2,800 บาทคา่ ใช้จ่ายผันแปร = 1,272 บาท 1,020 บาท - เงนิ สด =

68 - ไมเ่ ปน็ เงินสด = 252 บาท คา่ ใช้จา่ ยคงที่ = 250 บาท - เงนิ สด = 200 บาท - ไมเ่ ป็นเงินสด = 50 บาท ค่าใช้จ่ายท้งั หมด = 1,522 บาท กาไรเบ้อื งตน้ = รายได้ – รายจา่ ยผนั แปร = 2,800 – 1,272 = 1,528 บาท กาไรสทุ ธิ = รายได้ – รายจา่ ยผันแปร – รายจ่ายคงที่ = 2,800 – 1,272 - 250 = 1,278 บาทการวเิ คราะหเ์ งินทุนและผลตอบแทนการผลิตทเี่ กดิ จากปัจจยั การผลิต 1. อตั ราส่วนรายได้ตอ่ รายจ่ายต่อ 1 หน่วย (Benefit/Cost Ratio (B/C) 2. ต้นทุนการผลิตตอ่ 1 หนว่ ย (ราคาที่ขายค้มุ ทนุ ตอ่ หน่วย) 3. ผลผลิตท่คี ุม้ ทุนตอ่ 1 หน่วย 4. ผลตอบแทนค่าใช้จ่ายวสั ดุการเกษตรตอ่ 1 หน่วย 5. ผลตอบแทนค่าใช้จา่ ยแรงงานจา้ งต่อ 1 หน่วย 6. วเิ คราะห์ระบบการปลูกพืช (ใช้วิธกี าร Marginal Benefit Cost Ratio หรือ (MBCR) หรือวเิ คราะห์อตั ราส่วนรายได้เพมิ่ ตอ่ รายจา่ ยเพ่ิม จุดประสงค์ของการวเิ คราะหเ์ งนิ ทนุ และผลตอบแทนการผลิตท่ีเกิดจากปจั จัยการผลิต  อตั ราส่วนรายได้ต่อรายจา่ ยตอ่ 1 หน่วย เพื่อทราบถึงผลการลงทุนในการผลิตกิจ กรรมการเกษตรวา่ ลงทุน ไป 1 บาท จะได้ผลตอบแทนหรือรายได้เปน็ อตั ราสว่ นเทา่ ไร เช่น รายได้ 5,000 บาท รายจา่ ย 2,500 บาท อตั ราส่วนรายจ่าย (รายได้ 5,000/2,500 = 2) ซึ่งหมายถงึ ลงทนุ 1 บาท ไดผ้ ลตอบแทนหรอื รายได้ 2 บาทแสดงว่ากาไร 1 บาท การวิเคราะหเ์ ช่นนชี้ ่วยในการตัดสินใจและประเมนิ ผลดวู า่ ควรเลอื กทากิจกรรมใดบ้างที่ให้ผลตอบแทนสูงและลดความเสยี่ ง  ต้นทนุ การผลติ ตอ่ 1 หนว่ ย (ราคาทขี่ ายคุม้ ทุนต่อ 1 หน่วย) เพ่ือทราบตน้ ทุนการผลิตตอ่ 1 หน่วยว่าในการผลติ กจิ กรรมตา่ ง ๆ นน้ั มีตน้ ทนุ การผลิตหรือ ค่าใช้จ่ายต่อ 1 หน่วย เปน็ เงินเทา่ ไร เชน่ ผลผลิตข้าว 320 กก./ไร่ รายจา่ ยไร่ละ 832 บาท ดงั นัน้ตน้ ทนุ ต่อกโิ ลกรัมของข้าวเท่ากับ 2.60 บาท (รายจ่าย 832/ผลผลติ 320 = 2.6) ในเมอื่ ราคา ขา้ วกิโลกรัมละ 2 บาท แสดงวา่ ยังมีกาไรกโิ ลกรมั ละ 0.40 บาท (ในทางตรงกนั ขา้ ม ถ้าราคาขา้ ว กโิ ลกรัมละ 2.50

69บาท แสดงว่าขาดทนุ กิโลกรัมละ 0.10 บาท) นอกจากน้ีจะชว่ ยหาวิธีการท่ีจะลดต้นทุนการผลติ ได้ เมอื่ เราทราบวา่ ต้นทนุ การผลติ สูงและส่วนท่ีสูงเกิดจากอะไร เชน่ อาจจะคา่ ปุ๋ยเคมีหรอื อาจจะค่าสารเคมี หรอืค่าจ้างในการกาจัดวชั พชื และเกบ็ เกยี่ ว เป็นตน้  ผลผลิตทีค่ ุ้มลงทุนตอ่ 1 หนว่ ย เพื่อทราบถึงขีดระดบั ความสามารถในการผลติ และการลงทนุ ต่อ 1 หนว่ ย ว่าอยใู่ นระดบัใด ในขณะที่ราคาผลผลิตอยู่ในระดบั หน่งึ เช่นกัน ในการผลติ นน้ั จะตอ้ งวิเคราะห์วา่ ผลผลิตทีไ่ ด้คุ้มหรอื ไม่ควรจะเรง่ รดั เพม่ิ ผลผลิตเพ่ิมขึ้นอกี เทา่ ไรจึงจะค้มุ ทุน เช่น ผลผลิตที่ผลิตไดข้ องข้าวประมาณ 320 กโิ ลกรัมตอ่ไร่ แตใ่ นขณะน้ันราคาข้าวกิโลกรมั ละ 3 บาท และต้นทนุ การผลิต 832 บาท ดังนนั้ ผลผลิต ท่ีคุ้มทุน(รายจ่าย 832/ราคา 3 = 277.33) จะเทา่ กบั 277.33 กิโลกรัมต่อไร่ แสดงให้เหน็ วา่ ผลผลติ ไดส้ งู กว่าจดุ คุม้ ทนุ เท่ากับ 320 – 277 = 43 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ แต่ถา้ ผลผลิตที่ผลติ ได้ 250 กิโลกรัมต่อไร่ แสดงผลผลิตท่ผี ลติ ได้ต่ากว่าจดุ คุ้มทนุ เทา่ กับ 277 – 250 = 27 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ดังน้นั ควรจะเรง่ รดั เพม่ิ ผลผลติจาก 250 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ใหไ้ ด้อยา่ งน้อย 277 กโิ ลกรัมตอ่ ไรจ่ ึงจะคมุ้ ทนุ  ผลตอบแทนคา่ ใช้จ่ายวัสดุการเกษตรตอ่ 1 หน่วย เพื่อใหท้ ราบถึงการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายวัสดกุ ารเกษตรในการผลิตว่าเปน็ เทา่ ไร เมอ่ืเปรียบเทยี บกับรายได้ ซึ่งคา่ วสั ดุการเกษตร ได้แก่ พันธ์ุพืชและสัตว์ ปุ๋ยและอาหารสัตว์สารเคมแี ละวัคซีนตลอดจนอุปกรณก์ ารเกษตรในการผลติ เป็นตน้ เช่น ผลตอบแทนค่าวัสดุการเกษตรมคี ่าเท่ากบั 1.85 แสดงให้เห็นว่าลงทนุ ซ้อื วัสดกุ ารเกษตร 1 บาท ไดผ้ ลตอบแทนจากการลงทุนค่าวัสดุการเกษตร เทา่ กบั 1.85บาทข้อมลู ดังกล่าวจากการคานวณและการวิเคราะห์ถ้าเกนิ 1 แสดงวา่ เพยี งพอหรอื มีกาไร แต่ถา้ ตา่ กวา่ 1แสดงว่าไม่เพยี งพอหรือขาดทุนต่อ 1 หน่วยการลงทุนค่าวสั ดกุ ารเกษตร  ผลตอบแทนคา่ ใช้จ่ายแรงงานต่อ 1 หน่วย เพื่อใหท้ ราบถึงการลงทนุ หรอื ค่าใช้จา่ ยวัสดกุ ารเกษตรในการผลิตว่าเป็นเทา่ ไร เมอ่ืเปรยี บเทยี บกับรายได้ ซ่งึ คา่ แรงงานจา้ ง ได้แก่ ค่าจ้างเตรยี มดนิ ปลกู กาจดั วชั พืช เกบ็ เกีย่ ว เป็นตน้ผลตอบแทนค่าจ้างแรงงานมคี ่าเท่ากบั 1.65 แสดงให้เหน็ วา่ ลงทุนในการจ้างแรงงาน 1 บาท ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนจ้างเท่ากบั 1.65 บาท ข้อมูลดงั กลา่ วจากการคานวณและวิเคราะห์ ถา้ เกิน 1 แสดงวา่ พึงพอใจหรอื มีกาไร แต่ถ้าต่ากว่า 1 แสดงวา่ ไม่พึงพอใจหรือขาดทนุ ตอ่ 1 หน่วย การลงทุน คา่ แรงงานจ้าง  การวิเคราะห์ระบบการปลูกพืช ใชว้ ธิ กี าร MBCR เพ่ือใหทราบถึงผลตอบแทนแห่งการลงทุนวา่ ระบบการปลูกพชื แบบใดมีประสิทธิภาพสูงและลดความเสยี่ ง วธิ กี ารดงั กลา่ วเราเรียกวา่ วเิ คราะห์อัตราส่วน รายได้เพม่ิ ต่อรายจ่ายเพม่ิ หรอืMarginal Benefit Cost Ratio (MBCR) เช่น ระบบการปลกู พชื ข้าว – ข้าวโพดฝักออ่ นมคี า่ MBCR = 1.7แตร่ ะบบการปลูกพชื ขา้ ว – ถ่ัวเขียว – ข้าวโพดฝักออ่ นมคี า่ MBCR = 1.4 แสดงให้เห็นว่าระบบ การปลูกพืชแบบท่ี 1 (ขา้ ว – ขา้ วโพดฝกั อ่อน) ดีกวา่ ระบบการปลูกพืชแบบที่ 2 (ขา้ ว – ถัว่ เขียว – ขา้ วโพด

70ฝกั อ่อน) เพราะว่า ระบบการปลกู พชื แบบท่ี 1 มีค่า MBCR = 1.7 มีค่ามากกวา่ ระบบ การปลกู พชื แบบท่ี 2 ซง่ึ มีค่า MBCR = 1.4 โดยปกตแิ ล้วคา่ MBCR ต้ังแต่ 2 ขนึ้ ไปถอื วา่ มคี วาม เส่ียงนอ้ ย วธิ ีการวิเคราะห์ ขอ้ มูลที่สาคญั ในการวิเคราะหท์ างเศรษฐกจิ ได้แก่ 1. รายได้ = ผลผลิต x ราคา 2. รายจ่าย ค่าวัสดุ - พนั ธุ์พืชและพนั ธส์ุ ัตว์ - ปุ๋ยและอาหารสัตว์ - สารเคมีและวัคซนี - อปุ กรณต์ า่ ง ๆ เกีย่ วกบั การปลูกพชื เลยี้ งสตั ว์ และประมง - อื่น ๆ คา่ แรงงาน - ค่าจ้างเตรียมดนิ ขดุ หลุม ยกรอ่ ง ฯลฯ - ค่าจา้ งปลกู - ค่าจา้ งใส่ปยุ๋ กาจัดวชั พืช และพน่ สารเคมี - คา่ จา้ งเกบ็ เกีย่ ว - ค่าขนส่ง - ค่าจ้างอนื่ ๆ 3. กาไร หมายถึงรายได้ – รายจา่ ย 4. ผลผลิตต่อไร่ ผลผลิตต่อต้น ผลผลติ ตอ่ ตัว ผลผลิตตอ่ บ่อ 5. ราคาผลผลิตต่อหน่วย 6. อื่น ๆ1. วิธีการวิเคราะห์อตั ราส่วนรายไดต้ ่อรายจ่ายในการผลิตกิจกรรม รายได้ หรือ Benefit/Cost Ratio (B/C) รายจ่าย ขอ้ พิจารณาในการตัดสินใจค่าอัตราส่วนรายไดต้ อ่ รายจ่าย = รายได้ - รายจา่ ย ความหมายก. นอ้ ยกว่า 1 - รายได้น้อยกวา่ รายจา่ ย กิจกรรมที่จะดาเนนิ การนั้น ขาดทุนไมส่ มควรทาการผลิตข. เท่ากบั 1 - รายไดเ้ ท่ากับรายจา่ ย กิจกรรมท่จี ะดาเนนิ การน้นั

71 จะไม่มกี าไรและไม่ขาดทุน กลา่ วคือ เสมอทุนมีความ เส่ียงในการผลิตมาก ไมส่ มควรทาการผลิตคา่ อัตราส่วนรายได้ตอ่ รายจ่าย = รายได้ - รายจา่ ย ความหมายค. มากกวา่ 1 - รายได้มากกว่ารายจา่ ย กจิ กรรมที่จะดาเนินการนน้ั มีกาไร มีความเสี่ยงนอ้ ยสามารถทาการผลิตไดแ้ ต่ควร ระมัดระวงัง. เทา่ กบั 2 หรือมากกวา่ 2 - รายได้มากกว่ารายจ่าย กิจกรรมที่จะดาเนินการมี กาไร มีความเส่ียงน้อยมาก อยใู่ นขัน้ พึงพอใจสามารถ ตดั สินใจทาการผลติ ได้2. วธิ ีการวิเคราะห์ต้นทนุ การผลติ ต่อ 1 หน่วย (ราคาขายที่ค้มุ ทนุ ) รายได้ = ผลผลิต x ราคา จดุ คุ้มทุน ณ รายได้ = รายจ่าย ตน้ ทุนการผลติ (ราคาขายท่คี ุ้มทุน) = รายได้ ณ จุดเท่ากบั รายจ่าย จานวนผลผลิต ต้นทุนการผลติ (ราคาขายที่คุ้มทุน)= รายจา่ ย ผลผลิต3. วิธีการวเิ คราะหผ์ ลผลิตท่คี มุ้ กับการลงทุน (ผลผลติ ที่คมุ้ ทุน) รายได้ = ผลผลิต x ราคาจดุ คุ้มทุน ณ รายได้ = รายจา่ ยผลผลิตทค่ี มุ้ กบั การลงทนุ = รายได้ ณ จุดเท่ากับรายจ่าย ราคาผลผลติ ผลผลติ ทีค่ ุ้มกับการลงทุน = รายจ่าย ราคาผลผลิต4. วธิ ีการวิเคราะห์ผลตอบแทนค่าใชจ้ า่ ยวสั ดุ การหาผลตอบแทนค่าใช้จ่ายปัจจัย A = รายได้ – ค่าใช้จ่ายท้งั หมดที่ไม่ใช่ปัจจัย A ค่าใช้จ่ายปัจจยั Aดงั นั้น

72 ผลตอบแทนคา่ ใชจ้ ่ายคา่ วัสดุ = รายได้ – ค่าใช้จา่ ยท้ังหมดที่ไมใ่ ชค่ า่ วัสดุ คา่ ใช้จา่ ยค่าวสั ดุ5. วิธีการวเิ คราะห์ผลตอบแทนแรงงานจา้ ง ผลตอบแทนค่าใช้จ่ายแรงงานจ้าง = รายได้ – ค่าใช้จ่ายทัง้ หมดท่ไี มใ่ ช่คา่ แรงงานจา้ ง ค่าใช้จ่ายแรงงานจ้างเงนิ และมลู คา่ ใชป้ ระโยชน์ในการวิเคราะหก์ จิ กรรมระยะยาว เช่น ไม้ผล หรือการลงทุนในทรัพย์สนิ ถาวรมลู ค่าของเงินและอตั ราดอกเบีย้ปกติการคิดมูลค่าของเงนิ จะมปี จั จยั ที่เกยี่ วขอ้ ง 3 สว่ น ไดแ้ ก่1. เงินตน้ (Principal) =P2. ระยะเวลา (Period of time) = n3. อัตราดอกเบีย้ (Interest rate) = iมลู คา่ เงนิ ปจั จุบัน (Present Value) หรอื P.V.หมายถงึ มูลค่าเงินปจั จบุ นั ที่จะต้องฝาก เพือ่ ให้ได้จานวนเงนิ ในอนาคตสูตร P.V. = X [ 1 ] (1 + i)n 1 = F.V. factor (1 + i)n สมั ประสิทธ์มิ ลู ค่าเงินปจั จบุ นั ของเงินในอนาคต ระยะเวลา n period อตั ราดอกเบี้ย iมูลค่าเงนิ อนาคต (Future Value) หรอื F.V.สตู ร F.V. = X (1 = i)n (1 + i)n = F.V. factor = สมั ประสิทธ์ิมูลค่าเงนิ อนาคตของเงนิ ปัจจบุ นั หมายถงึ มูลค่าเงนิ X บาท ในระยะเวลา n period อตั ราดอกเบย้ี iตัวอยา่ งที่ 1 การหามลู คา่ เงนิ อนาคตเกษตรกรมเี งิน 150 บาท ในวันนี้ในอนาคต 3 ปขี า้ งหนา้ เงนิ ของเกษตรกรจะมีมลู คา่ เท่าใด ถ้าอัตราดอกเบีย้ = 7วธิ ีทา มลู คา่ เงนิ ปัจจบุ นั X = 150

73อตั ราดอกเบย้ี = 7%ระยะเวลา n =3จากสตู ร มูลค่าเงินอนาคต F.V. = X (1 + i)nสมั ประสิทธม์ิ ูลค่าเงนิ อนาคต (F.V.factor) = (1 + i)n = 1.225 F.V. = 150 x 1.225 = 183.75ตัวอยา่ งท่ี 2 การหามลู ค่าเงินปัจจบุ ันจงหามลู ค่าเงินปจั จบุ นั (P.V.) ของเงนิ 1,000 บาท ในอนาคต (ระยะเวลา 5ปี) ถ้าอัตราดอกเบ้ียเท่ากับ 5% ตอ่ ปีวิธีทา มูลค่าเงนิ อนาคต X = 1,000อัตราดอกเบย้ี i = 5%ระยะเวลา n = 5จากสูตร มลู ค่าเงนิ ปจั จบุ นั P.V. = X [ 1 ] (1 + i)nสมั ประสทิ ธ์มิ ูลคา่ เงนิ ปจั จุบัน (P.V.factor) = 1 (1+i)n = 0.7835 P.V. = 1,000 X 0.7835 = 783.5มลู ค่าเงนิ อนาคตของจานวนเงินงวด (Future Value of a uniform series)หมายถงึ จานวนของเงนิ ในอนาคตของเงนิ ฝากซงึ่ ฝากทุกปี ๆ ละเทา่ ๆ กนั ในระยะเวลา n ปีตวั อย่างที่ 3 การหามูลค่าเงินอนาคตของจานวนเงินงวดเกษตรกรวางแผนฝากเงนิ ไว้ซ้อื ปุ๋ยใน 4 ปีขา้ งหน้า โดยฝากทกุ ปี ๆ ละ 6,000 บาท เขาจะตอ้ งจา่ ยเงนิ ซ้อื ปยุ๋ เปน็ จานวนเทา่ ใด เมอ่ื ส้ินปีที่ 4 ถา้ อัตราดอกเบย้ี เงนิ ฝากเทา่ กับ 6% ต่อปีวิธีทา มลู คา่ เงนิ อนาคตของเงนิ งวด = Factor X เงินงวด (เงินฝากแต่ละปี)สตู ร f/a = Factor X aเงนิ งวด (เงนิ ฝากแตล่ ะป)ี a = 600อตั ราดอกเบ้ยี i = 6%จานวนปี n =4Factor (สัมประสทิ ธมิ์ ลู ค่าเงนิ อนาคตของเงนิ งวด) = 4.375 แทนค่า f/a = 4.375 X 600 = 2,625

74เกษตรกรต้องจ่ายเงินซ้ือปุ๋ย 2,625 บาท ใน 4 ปีข้างหน้าการใชส้ ตู ร การหามูลค่าเงินอนาคตของเงนิ งวด (1 + i)n- 1 สมั ประสทิ ธมิ์ ูลคา่ เงนิ อนาคตของเงนิ งวด = i ถ้า i = 6%สมั ประสทิ ธ์ิ n = 4 (Factor) = (1 + 0.06)4 - 1 = 0.06 4.375 ตน้ ทนุมลู ค่าเงนิ ปัจจบุ ันของเงินงวด (Present Value of Uniform Series) หมายถงึ มลู ค่าของเงินปจั จุบนั ซ่งึ มีมลู คา่ เท่ากบั ผลรวมของเงนิ งวด (งวดละเท่า ๆ กนั ) ใน n ปี เชน่มูลค่าของเงนิ ปัจจบุ ันเป็นเท่าไร ถ้ามีรายไดร้ ายปี ๆ ละเทา่ ๆ กนั ในระยะเวลา n ปีตวั อยา่ งท่ี 4 การหามูลค่าเงนิ ปัจจบุ นั ของเงินงวด

75เกษตรกรมรี ายไดร้ ายปีของการปลูกขา้ วโพดปลี ะ 1,400 บาท ในระยะเวลา 5 ปี อยากทราบวา่มลู คา่ เงนิ ปจั จุบนั ของรายได้ใน 5 ปี ดังกล่าวเปน็ เทา่ ใด ถ้าอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 7 %วธิ ีทา มลู คา่ เงนิ ปัจจุบันของเงินงวด = สัมประสิทธ์ิ (Factor) X รายไดร้ ายปี (Uniform sum) P/a = Factor X aUniform Sum = 1,400 n =5 i = 7%สมั ประสทิ ธ์มิ ลู ค่าเงนิ อนาคตของเงนิ งวด (Factor) = 4,100แทนค่า P/a = 4,100 X 1,400P/a = 5,740การแทนค่า โดยการใช้สตู รการหามูลค่าเงนิ ปจั จุบนั ของเงินงวด Factor = (1 + i)n - 1 I (1 +i)nถา้ i = 7%n=5Factor (สมั ประสทิ ธ)ิ์ = (1 + 0.07)5 - 1 0.07 (1 + 0.07)5 = (1.07)5 - 1 0.07 (1.07)5 = 4.100

76การจ่ายเงินตน้ และดอกเบยี้ คนื งวดละเทา่ ๆ กนั (Capital Recovery)หมายถงึ การจา่ ยเงินตน้ และดอกเบยี้ คืนงวดละเท่า ๆ กัน ในระยะเวลา n ปี ซง่ึ จะจ่ายคนื ครบท้งัเงนิ ตน้ และดอกเบีย้ หรือการส้ินสดุ การจ่ายเงนิ งวด ๆ ละเท่า ๆ กัน ซึง่ มมี ูลค่าเงินปจั จบุ ัน เทา่ กบั การลงทนุครั้งแรก เชน่ การกาหนดวงเงินกู้ 1,000 บาท อตั ราดอกเบ้ีย 15% ระยะเวลาสง่ คนื 5 ปี ใหห้ าเงินงวดท่ีตอ้ งจ่ายคนื (Capital Recovery)วิธีคดิ เงินตน้ 1,000 บาท เปิดตารางอตั ราดอกเบี้ย 15% ดชู ่อง Capital Recoveryตรงบรรทัดจานวนระยะเวลา 5 ปีคา่ Capital Recovery = 0.29832C.R. = X (Capital Recovery factor) = 1,000 X 0.29832 = 298.32 บาท/ปีหมายความว่า จะตอ้ งจ่ายคนื เงินตน้ พร้อมดอกเบี้ยงวดละ 298.32 บาท จนครบ 5 ปี เป็นเงิน = 298.32 X 5 = 1,491.60 บาทดังนั้น เม่ือจา่ ยเงินก้คู รบ5 ปี เงนิ ตน้ 1,000 บาท ดอกเบี้ย491.60 บาท

77การหาค่าสมั ประสทิ ธเ์ิ งินงวดของมลู คา่ เงินปัจจบุ ัน (C.R. Factor)โดยการใชส้ ตู ร C.R. Factor = i (1 + i)n (1 + i)n - 1ตัวอยา่ งที่ 5 การหาการจ่ายเงนิ ตน้ และดอกเบ้ียคืนงวดละเท่า ๆ กันเกษตรกรซอื้ เครื่องสบู นา้ ราคา 6,000 บาท โดยการกู้เงนิ ธนาคาร 6 ปี อัตราดอกเบยี้ 5% เกษตรกรตอ้ งจา่ ยคืนเงนิ ต้นพร้อมดอกเบีย้ (Capital Recovery) ปีละเทา่ ไรวธิ ีทา x = เงินกู้ 6,000i = 5%n=6สตู ร C.R. = X x C.R. FactorC.R. Factor = 0.19702 (เปิดตาราง)C.R. = 1,182.12 บาทตอ้ งจา่ ยคนื เงินกูพ้ ร้อมดอกเบีย้ ปีละ 1,182.12 บาท จานวน 6 ปีดังนน้ั ต้องจ่ายเงินทง้ั หมด 1,182.12 x 6 = 7,092.72เป็นเงนิ ตน้ = 6,000 บาทดอกเบี้ย = 1,092.72 บาทการลงทนุ ในระยะยาวและเกณฑก์ ารตัดสนิ ใจในกจิ กรรมระยะยาว ปกติในการลงทนุ กิจกรรม ซ่งึ ให้ผลตอบแทนในระยะยาว (มากกวา่ 1 ปี) เช่น การปลูกไม้ผล การทาฟาร์มปศสุ ัตว์ ฯลฯ ซึง่ ต้องลงทุนจานวนมากและต้องใช้เวลานาน ถงึ จะไดผ้ ลตอบแทนและผลตอบแทนทไ่ี ดม้ ีตดิ ต่อกนั ในระยะยาว ปจั จยั ท่ีเกย่ี วข้องซ่งึ จะตอ้ งนามาพิจารณาก่อนการตดั สนิ ใจเลือกกิจกรรมทจ่ี ะดาเนินการ ได้แก่ 1. ข้อมูลพื้นฐานท่ัวไป ประชากร สถานการณท์ างการเมืองสภาพดินฟ้าอากาศ 2. การศกึ ษาเรือ่ งตลาด ช่องทางในการจาหนา่ ยผลผลิต การแขง่ ขนั ด้านการตลาด 3. การวเิ คราะหด์ ้านเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ การลงทุนในระยะยาว รายได้ รายจ่าย ดอกเบ้ยี 4. การตัดสนิ ใจว่าจะลงทนุ ทากจิ กรรมระยะยาวนน้ั หรือไม่ สว่ นใหญก่ ารวเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปได้ของกจิ กรรมหรือโครงการใชเ้ กณฑใ์ นการตัดสินใจ ดงั นี้ 1. Net Present Value (NPV) 2. B/C ratio 3. Internal rate of return (IRP) ในท่ีน้จี ะอธบิ ายเฉพาะ NPV และ B/C ratio

78 ในการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ ปกติแบ่งเปน็ 2 ส่วน ไดแ้ ก่ รายได้ Receipts : ไดแ้ ก่ รายไดจ้ ากผลผลิต (Income from products) เงินกู้ ระยะสน้ั และระยะยาว (Loans short and long term) เงินทุนสนับสนนุ (Grants) มูลคา่ ซาก (Salvage value) รายจ่าย Expense : ได้แก่ เงนิ ลงทนุ ครง้ั แรก (Initial investment) ค่าใช้จ่ายระหวา่ งปี (Annual operating costs) การจา่ ยคนื เงนิ กู้ (Loan payments) ภาษีรายได้ (Income tax) 1. Net Present Value (NPV) มลู ค่าปัจจบุ ันสุทธิ ได้แก่ ผลรวมสุทธิของมูลคา่ เงนิ ปจั จบุ นั ของรายจา่ ยและรายได้ ซง่ึ เกดิ จากการดาเนนิ กิจกรรมระยะยาว ในการตัดสนิ ใจเลือกกิจกรรมใดกิจกรรมหน่งึ ปกติ ถา้ NPV > 0 กจิ กรรมน้นั จะมีกาไร ในการวเิ คราะห์ NPV ข้อมูลต้องประกอบดว้ ย 1. ผลตอบแทน (รายได้ในแต่ละปี) 2. คา่ ใช้จ่ายในแตล่ ะปี 3. ระยะเวลาสนิ้ สุดของกิจกรรม 4. อัตราดอกเบย้ี 5. สมั ประสิทธิม์ ูลค่าเงนิ ปจั จุบัน (PV factor) ตวั อยา่ งท่ี 6 การคานวณเรอ่ื ง NPV เกษตรกรลงทุนสรา้ งโรงเรอื นสาหรับปลูกไม้ดอก 50,000 บาท รายไดป้ ระจาปีเปน็ เงิน 20,000 บาทคา่ ใช้จา่ ยในการปลูกไม้ดอก ปลี ะ 5,000 บาท ระยะเวลาของการทาโครงการน้ี 4 ปี อตั ราดอกเบี้ย 5% ต่อปีจงหา NPV

79 วิธีทา Cash flow ของฟาร์มไม้ดอก Year 1 2 3 4 5 - - - -Investment -50,000 20,000 20,000 20,000 20,000Annual income - -5,000 -5,000 -5,000 -5,000 15,000 15,000 15,000 15,000Operating Expens 0.952 0.907 0.846 0.823 14,280 13,605 12,960 12,345Cashflo -50,000 -35,720 -22,115 -9,155 3,190P.V. Factor (50%) 1Present Valu -50,000Acc N.P.V -50,000 ตัวอยา่ งมลู คา่ ปัจจุบันสุทธเิ ปน็ บวกในปีท่ี 4 หรอื ดาเนินการอยา่ งนอ้ ย 4 ปี จงึ ได้กาาไรจากกจิ กรรมไมด้ อกตัวอย่างที่ 7 เกษตรกรทาฟาร์มเพาะเห็ด ในพืน้ ที่ 1งาน มรี ะยะเวลาดาเนินการ 5 ปี มกี ารลงทนุผลตอบแทนดังตารางข้างลา่ ง ถา้ อตั ราดอกเบ้ียเทา่ กบั 10% จงหา NPV ของการทากจิ กรรมนี้ วิธีทา Cash flow ของฟารม์ เหด็ Year ปที ่ี 1 ปีที่ 2 ปที ่ี 3 ปที ่ี 4 ปที ่ี 5ผลตอบแทน 3,000 3,500 4,000 4,500 5,000ค่าใช้จ่าย 5,000 3,000 2,000 2,000 2,000Cash flow -2,000 500 2,000 2,500 3,000P.V. Factor 10% 0.91 0.82 0.75 0.68 0.62มลู คา่ ปัจจบุ นั ของ Cash flow -1,999.09 410 1,500 1,700 1,860Acc N.P.V -50,000 -35,720 -22,115 -9,155 3,190

80 จากตัวอย่าง มลู คา่ ปัจจุบนั สุทธิ เปน็ บวก ในปที ่ี 4 หรือดาเนินการอยา่ งนอ้ ย 4 ปี จงึ จะได้กาไรจากกจิ กรรมการเพาะเห็ด การหามูลค่าปัจจุบนั สุทธิ อาจคานวณจากความแตกตา่ งระหวา่ งมลู คา่ ปัจจุบันของผลประโยชนข์ องโครงการกับมูลค่าปัจจุบันของรายจ่ายหรือเงนิ ลงทุนของโครงการ NPV = มูลค่าปัจจุบันของผลประโยชนข์ องโครงการ - มลู ค่าปจั จุบันของคา่ ใช้จา่ ย2. อตั ราผลตอบแทนต่อคา่ ใชจ้ ่าย (Benefit Cost ratio) หรอื B/C ratioเกณฑ์การตดั สนิ ใจนี้ แสดงถงึ อัตราส่วนระหว่างมลู ค่าปัจจบุ นั ของผลตอบแทนกับมูลค่าปจั จบุ ัน ของคา่ ใช้จา่ ยตลอดอายุของโครงการ คา่ ใช้จา่ ยนี้ คือค่าใช้จ่ายทง้ั ทางด้านเงนิ ลงทุน (Investment) และค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานและบารุงรกั ษา (Annual Operation cost) ในการวิเคราะหโ์ ครงการได้ เราจะตอ้ งมขี อ้ มลู ทีจ่ ะทาการวิเคราะห์ คอื1. ผลตอบแทน2. คา่ ใชจ้ า่ ย (เงนิ ลงทุนและคา่ ใช้จ่ายประจาป)ี3. อายุของโครงการ4. อัตราดอกเบีย้สูตรทีใ่ ชใ้ นการคานวณ คือ B/C = PV of benefit a PV of castsตวั อย่างท่ี 8 การคานวณอัตราผลตอบแทนต่อคา่ ใชจ้ า่ ยของโครงการ โครงการหน่ึง ดงั ตารางขา้ งล่าง จงหา B/C ratio รายการ ปีท่ี 1 ปที ่ี 2 ปที ่ี 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5 ปีท่ี 6ผลตอบแทน 3,000 3,500 4,000 4,500 5,000 20,000ค่าใช้จ่าย 5,000 3,000 2,000 2,000 2,000 14,000P.V. Factor 10% 0.91 0.82 0.75 0.68 0.62 -P.V. 10% ของผลตอบแทน 2,730 2,870 3,000 3,060 3,100 14,760P.V. 10% ของคา่ ใชจ้ า่ ย 4,550 2,460 1,500 1,360 1,240 11,110 B/C ratio = 14,760 = 1.3 11,110

81ตัวอยา่ งที่ 9 จงคานวณหาอตั ราผลตอบแทนตอ่ ค่าใช้จ่ายของโครงการ รายการ ปที ี่ 1 ปที ี่ 2 ปีที่ 3 ปที ี่ 4 ปีท่ี 5 ปีท่ี 6 900 3,500ผลตอบแทน 500 600 700 800 200 2,500 -ค่าใช้จา่ ย 1,700 200 200 200 0.681 2,734 613 2,187P.V. Factor 10% 0.925 0.857 0.794 0.735 136P.V. 10% ของผลตอบแทน 463 514 556 588P.V. 10% ของค่าใชจ้ า่ ย 1,574 171 159 147 B/C ratio = 2,734 = 1.25 2,187 เมอ่ื อัตราสว่ นผลประโยชน์ต่อต้นทุน (B/C ratio) มคี ่ามากกว่า 1 โครงการนน้ั ก็มีความเปน็ ไปไดใ้ นการลงทุน ณ อตั ราดอกเบี้ยท่ีใช้ ค่า B/C ratio จะเปล่ยี นไปตามคา่ ของอตั ราดอกเบย้ี ซึ่งคา่ อัตราดอกเบ้ียที่ใช้สูง ค่า B/C ratio ก็จะนอ้ ยลง และยงิ่ อตั ราดอกเบ้ยี มีค่ามากถึงระดับหน่ึง คา่ B/C ratio จะนอ้ ยกวา่ 1ซึง่ อตั ราดอกเบี้ยท่จี ะนามาพิจารณาในการคิดลด ควรจะเป็นค่าท่ีใกลเ้ คยี งกบั ตน้ ทุนของเงนิ ทุนหรอื ค่าเสยีโอกาสของเงนิ ทนุ ในระบบเศรษฐกิจ การใช้ B/C ratio ในการตดั สนิ ใจ อาจทาให้ไขวเ้ ขวได้ เช่น ถงึ แม้คา่ B/C ratio จะสูง แต่อาจตอ้ งลงทุนมาก ดังน้นั ในการวิเคราะหโ์ ครงการใด ๆ กต็ าม หากมีการใช้ B/C ratio วดั ค่าแล้ว ควรใชก้ ับวิธีอื่น ๆ ประกอบดว้ ย 3. IRR (Internal Rate of Return) ไดแ้ ก่ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งทาให้ Net present Value ของการลงทนุ มคี า่ เท่ากับ O (NPV=O) การใช้ IRR ในการพจิ ารณาผลกาไรของฟาร์มหรือโครงการ ถา้ I = อตั ราดอกเบ้ีย และ I < IRR ดงั นนั้ การลงทุนในโครงการน้ัน จะมีผลกาไร กระแสเงินสด (Cash Flow) กระแสเงินสด (Cash Flow) หมายถึง การสรปุ รายรบั และรายจา่ ยของกิจกรรมของทัง้ ฟาร์มในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนง่ึ ทเี่ ปน็ เงนิ สด โดยปกติมักจะทาเปน็ เดอื นหรอื เปน็ ปี ซง่ึ กระแส เงนิ สดจะเป็นการคาดคะเนความต้องการเงนิ ทุนและเงนิ กู้ ตลอดจนความสามารถในการจา่ ยคืนเงิน กขู้ องกิจกรรมการลงทนุนั้น ๆ โดยคิดเฉพาะการไหลเวียนของเงินสดท่ีเป็นค่าใช้จ่ายและรายได้ใน แต่ละเดือนหรอื ปีเท่าน้ัน รปู แบบของกระแสเงินสด สามารถแบง่ ตามขัน้ ตอนได้ดงั น้ี

82 รายรับเงินสด ซึ่งประกอบด้วยรายรับจากการขายผลผลิตในแต่ละกิจกรรม หรือของทั้งฟาร์มหรือรายรับอน่ื ๆ รายจา่ ยเงินสด ท่ีเป็นค่าใชจ้ ่ายผันแปรทีเ่ ก่ียวกับการดาเนินกจิ กรรมของฟาร์ม รวมทง้ั คา่ ชาระหน้ีเงนิ กทู้ ัง้ ตน้ และดอกเบ้ยี ดงั นัน้ กระแสเงนิ สดถอื เป็นเครอื่ งมือสาคัญในการวางแผนและงบประมาณฟารม์ หลงั จากที่ มีการทางบประมาณรายรบั และรายจ่ายของกิจกรรมการเกษตรแตล่ ะกิจกรรมหรอื ของท้งั ฟาร์มมาแล้ว กระแสเงินสด จะเป็นตัวบ่งบอกถงึ ความต้องการของเงินทนุ หรือเงินทต่ี ้องการกู้มาใชใ้ นการลงทุนเพอ่ื การผลิตตวั อย่างท่ี 10 ตารางกระแสเงนิ สดของการปลูกถ่ัวลิสงพ้นื ท่ี 1 ไร่ ได้มาจากการวางแผนและงบประมาณฟาร์มกจิ กรรม เดือน ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. รวม (บาท) 10,800 10,800รายได้ (บาท)รายจา่ ย 300 300เตรียมเมลด็ พนั ธุ์ 3,600 3,600สารเคมีดนิ เชอื้ ไรโซเบียม 50 50 100ปนู ขาวปยุ๋ เคมี 30 30กาจัดวัชพืชเก็บเกี่ยว - ขนย้าย 100 100รวมรายจ่าย (บาท) 200 200 150 150 800 800 4,030 400 50 800 5,280

83 การจดบันทึกและการทาบัญชีฟารม์ ประโยชนข์ องการจดบันทึกและการทาบญั ชฟี าร์ม การทาฟาร์ม เปน็ ธรุ กิจอยา่ งหน่ึงเชน่ เดยี วกบั ธุรกจิ การค้าหรอื ธุรกจิ อยา่ งอื่น ซ่งึ สว่ นใหญ่มีกาไรเปน็ เปา้ หมายที่สาคญั เป้าหมายทแี่ ท้จริงของเกษตรกรส่วนมากก็คือ การมีระดับความเปน็ อยูท่ ด่ี ี และครอบครัวมรี ายไดม้ ากขึน้ เกษตรกรจะตอ้ งเปน็ ผู้ทีม่ คี วามสนใจในการปรับปรุงแกไ้ ขการทาฟาร์มของตนเองและควรจะคานงึ ว่าตนเองทาหน้าท่ีเปน็ ผู้จัดการธุรกิจอยา่ งหน่ึงมหี น้าท่ีวางแผนและวินจิ ฉัยกิจการต่าง ๆภายในฟาร์มของตน แตล่ ะปวี ่าจะทาการผลิตอะไร จะปลูกพชื หรือเลี้ยงสัตว์ชนิดใดบ้าง ในท่ีดินแตล่ ะแห่งมีเครอ่ื งมอื อะไรบา้ งทตี่ ้องใช้ในการผลิต จะทาการผลติ โดยวธิ ีไหนและมีวธิ ีปฏบิ ัติอยา่ งไร เป็นจานวนเทา่ ใดควรจะทาการผลิตพืชหรือสัตว์ในช่วงเวลาไหนจึงสามารถขายผลิตผลให้ไดร้ าคาดแี ละทรพั ยากรตา่ ง ๆ ทม่ี ีอยู่ มีผลเพียงที่จะทาการผลิตตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หลังจากท่ีเกษตรกรได้ตดั สนิ ใจในปญั หาตา่ ง ๆพร้อมทั้งดาเนินการผลิตตามแผนทีว่ างไว้แล้วน้ัน เกษตรกรควรจะทาการสรุปผลการดาเนินธรุ กิจของฟารม์ ในรอบปวี ่าประสบผลมากหรือนอ้ ยเพียงไร มีปญั หาและอุปสรรคอย่างไร ควรจะปรบั ปรุงหรอื แกไ้ ขในสว่ นไหน เพอื่ จะได้หาทางวางแผนการปลูกพชื และเลีย้ งสัตว์ให้ดยี ิง่ ขึน้ ในปีตอ่ ไปได้ ปัญหาที่เกษตรกรประสบอยเู่ กยี่ วกับการวางแผนพัฒนาฟารม์ คือ การไม่มีข้อมลู ทถ่ี ูกต้อง อันเนือ่ งจากไมม่ กี ารจดบันทึกกจิ การและการลงบญั ชฟี ารม์ ท้งั น้เี น่ืองจากเกษตรกรสว่ นใหญ่มักจะอาศยั ความทรงจาและประสบการณ์ที่ผ่านมาชว่ ยในการวนิ ิจฉัย และตดั สนิ ใจในการผลิตพืชและสตั ว์ ในแตล่ ะปี ซึ่งการกระทาดังกล่าวอาจจะมขี อ้ ผิดพลาดในการวางแผนดาเนินธุรกจิ ฟาร์มได้ ทาาใหไ้ ม่ประสบผลเท่าที่ควร วิธีการที่จะชว่ ยให้เกษตรกรมขี ้อมูลท่ีเพยี งพอนั้น เกษตรกรควรจะต้องมีการลงบัญชีและบนั ทึกรายละเอียดของกิจการฟาร์มตา่ ง ๆ ไว้ เชน่ รายไดแ้ ละรายจา่ ย พ้นื ท่เี พาะปลกู ผลผลิต การใชแ้ รงงานในการผลติ พชื และสัตว์ตลอดจนทรพั ยส์ ินและหนสี้ ินของฟาร์ม เปน็ ต้น

84 การจดบนั ทึกและทาบญั ชฟี าร์มใหป้ ระโยชน์ ดงั นี้ 1. การจดบนั ทกึ รายการทางการเงินต่าง ๆ ไว้ ชว่ ยปอ้ งกนั การหลงลืม อันกอ่ ใหเ้ กิดความผิดพลาดในการดาเนินการได้ ทาใหร้ เู้ งินสดท่เี หลอื อยู่ ในมือนัน้ ได้มาจากทางไหนบ้าง เป็นเงินเทา่ ไร แลว้ ใช้จ่ายเปน็ ค่าอะไรบ้าง ฟ่มุ เฟอื ยเกินฐานะหรอื ใช้ไปในทางไมถ่ กู ไม่ควรหรือ ไม่ก็อาศัยตวั เลขข้อมูลทจ่ี ดไวน้ ัน้ เตอื นตัวเองให้รูจ้ ดั ใช้ เลิกใช้จา่ ยท่ีไร้ประโยชน์ เชน่ คา่ เหล้า บหุ ร่ี ค่าหวยบนดิน เป็นตน้ 2. ชว่ ยใหเ้ กษตรกรทราบถึงผลกาไรหรือขาดทุนในการดาเนินงาน การทาธรุ กิจอยา่ งใดอย่าง หรือประกอบอาชพี เกษตรกรรม ทา่ นก็ สามารถรวู้ า่ กิจกรรมที่ทาไปนน้ั มกี าไรหรือ โดยอาศยั การจดบันทึกค่าใช้จา่ ยต่าง ๆ เพอ่ื คน้ หาต้นทุนซึ่งจะนาไปหกั กับรายไดท้ ่จี ดไว้ กจ็ ะทราบผลว่าได้กาไรหรอื ขาดทนุ เทา่ ไรบา้ ง และมีสาเหตจุ ากด้านใด 3. ใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลยืนยันรายการของรายรบั – รายจ่ายต่าง ๆ ท่ีทา่ นจดไว้ สามารถใชเ้ ป็นหลกั ฐานยืนยัน ➢ คนในครอบครวั หรอื เพ่อื นบา้ นอยากรวู้ า่ ในปกี อ่ นแต่ละครอบครัวชว่ ยเหลืองาน ทอดกฐนิ ของหมูบ่ ้านคนละเท่าไร หรอื แต่ละครอบครวั ได้รบั เงนิ คา่ แรงจากโครงการช่วยเหลอื ของ ทางราชการอะไรบา้ งและเปน็ เงนิ เท่าไร ➢ เมือ่ เวลาสหกรณห์ รอื กลุม่ เกษตรกรพร้อมดว้ ยผตู้ รวจสอบบัญชอี อกมาพบทา่ น ซง่ึ เป็นสมาชกิเพือ่ ขอสอบถามหรอื ยนื ยันเกยี่ วกบั ค่าหนุ้ หนเี้ งนิ กู้คงเหลอื หนีก้ ารคา้ คงเหลอื เงิน รับฝากคงเหลือ ➢ ชแี้ จงกบั หนว่ ยราชการต่าง ๆ ที่ต้องการตวั เลขรายไดแ้ ละค่าใช้จ่ายหรือต้นทนุ ทาง การเกษตรของเกษตรกร เพ่ือทางราชการจะได้นาตัวเลขเหลา่ น้นั ไปประกอบการกาหนดนโยบายและแผนงานชว่ ยเหลือไดต้ รงเปา้ หมายยิ่งขึ้น และทาใหส้ ามารถพจิ ารณาการชว่ ยเหลือด้านเงินกู้ และแหล่งเงนิ ทุนไดเ้ หมาะสมย่ิงขนึ้ 4. ทาให้เกษตรกรทราบรายละเอียดเกีย่ วกับทรพั ยส์ นิ ตา่ ง ๆ ทม่ี ีอยแู่ ละใหข้ ้อมูลแกเ่ กษตรกรเพ่ือทาการตดั สินใจวางแผนและงบประมาณการดาเนินงานในปีต่อไป ประเภทของการจดบนั ทกึ กจิ การฟารม์ การบันทกึ กจิ การฟารม์ มีหลายประเภทด้วยกัน รูปแบบที่ใช้ในการบันทกึ และจานวนบันทึก ท่ตี อ้ งใช้นั้น ขึน้ อยูก่ ับประเภทของการทาฟาร์มและรายละเอียดปลีกย่อยของข้อมลู ท่ีต้องการ การบนั ทกึ กิจการฟาร์มที่จะกลา่ วถึงตอ่ ไปนีน้ บั ไดว้ ่าครอบคลมุ การบันทกึ ขอ้ มลู ท่ีจะใชใ้ นการวเิ คราะห์กิจการฟารม์ ทงั้ หมดโดยจาแนกออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1. การบนั ทกึ หนส้ี นิ และทรพั ย์สิน 2. การบันทึกขอ้ มูลในดา้ นการผลิต แบ่งออกเป็น 3 สว่ น คือ 1) การบนั ทกึ การผลิตพชื 2) การบันทกึ การผลิตสัตว์ 3) การบนั ทึกการใช้แรงงาน 3. การบนั ทึกรายรับและรายจ่ายของฟาร์ม

85วิธกี ารจดบนั ทึกฟาร์ม การบันทึกหนี้สนิ และทรัพยส์ นิ การกาหนดบนั ทกึ ทรัพยส์ ินฟารม์ น้ัน อาจทาได้2 ประเภท คอื 1. การกาหนดโดยการพิจารณาช่วงปดี าเนินการผลติ กล่าวคอื จัดเวลาบนั ทึกทรัพย์สินฟาร์มให้อยใู่ นระยะท่ีการดาเนินธรุ กจิ ฟารม์ มอี ย่นู ้อยหรอื สนิ้ สดุ แล้ว เชน่ ในท้องท่เี กษตรกรมีการทานาเปน็ หลกั การกาหนดวันบนั ทกึทรพั ยส์ นิ ฟาร์ม ควรจะอยูใ่ นช่วงท่เี กษตรกรเก็บเก่ียวข้าวเรียบร้อยแล้ว และมีการจาหน่ายผลผลิตฟารม์ สว่ นใหญ่ออกไปแล้ว 2. การกาหนดโดยการพิจารณาความสะดวกของเกษตรกรผูบ้ นั ทกึ เปน็ สาคญั กลา่ วคือ ผ้บู ันทกึสะดวกในช่วงใดก็บนั ทึกในช่วงน้นั รายละเอียดในการบนั ทึกทรัพยส์ นิ ฟาร์มอาจแยกออกได้เป็น 6 กลุม่ คอื 1. ท่ีดิน การบันทกึ ทรพั ยส์ ินท่ีเป็นทดี่ นิ จะแบ่งที่ดนิ ในฟาร์ม ออกเปน็ แปลงย่อยตามลักษณะของพื้นทแ่ี ละการใช้ที่ดินลกั ษณะการถือครอง โดยกาหนดมูลค่าของทด่ี นิ แต่ละแปลงตามราคาการซื้อและ ขายท่ดี นิ ในแตล่ ะปขี องทอ้ งท่ใี นชว่ งปดี าเนนิ การ ถา้ มกี ารซอ้ื ขาย เช่าที่ดิน ในระหว่างปตี อ้ งหมายเหตุไว้ดว้ ย 2. โรงเรือน ส่ิงกอ่ สรา้ งและเคร่ืองมอื เครื่องจกั รในการเกษตร หรือทรัพย์สนิ ถาวร การบนั ทกึ ทรัพยส์ ินประเภทน้ีควรจดบนั ทกึ มูลค่าในปีที่ซ้อื หรอื สรา้ งไวด้ ้วย เพราะทรัพย์สนิดงั กล่าวจะมีอายุการใชง้ านในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วหมดสภาพ ไมสา่ มารถนามาใช้งานได้อีก จงึ ตอ้ ง คิดค่าเสอ่ื มหรอื คา่ สึกหรอระหวา่ งปดี ้วย โดยการหาค่าเสื่อมหรอื ค่าสึกหรอแบบหาเฉลยี่ โดยตรง 3. จานวนและมูลคา่ พชื ผล เปน็ การบนั ทกึ ทรัพย์สนิ ที่เก่ยี วกับพชื ซงึ่ ไดแ้ ก่ จานวนและมลู ค่าของพชื ผลทีเ่ ป็นพืช อายุสั้นไมผ้ ล ไม้ยืนต้น สว่ นท่ีสาคัญในการคิดมูลค่าพชื ผลเหล่าน้วี ่า ควรมีมูลค่าเท่าใดในวนั ที่ทาการบนั ทึกรายละเอยี ดท่คี วรมใี นการบนั ทกึ เก่ยี วกบั พืชผลอายุส้นั คือ ชนดิ พืช จานวนและมลู คา่ ของพืชผลที่ยังไมไ่ ด้เกบ็เกยี่ ว (ทร่ี อจาหน่าย บริโภค หรือไว้ทาพันธุ์) สว่ นพืชผลประเภท ไม้ผล ไม้ยืนตน้ ต่าง ๆ จะมีรายละเอยี ดเป็นจานวนและมลู คา่ ท่ียังไม่ไดผ้ ล จานวนและมลู ค่าท่ีใหผ้ ลแลว้ เพ่อื จะได้ ประเมินมลู ค่าได้เหมาะสมใกลเ้ คียงความเปน็ จริง 4. จานวนและมูลคา่ สัตว์ การบนั ทึกทรัพย์สินทเ่ี กี่ยวกับสตั วแ์ ละผลิตผลจากสัตว์ ควรจะมีการบนั ทึกรายละเอยี ดเกยี่ วกับสตั ว์และผลิตผลไว้ให้ชัดเจน เชน่ โคเนื้อ โคงาน สกุ รแม่พนั ธ์ สุกรขุน ไก่เนอ้ื ไกไ่ ข่ ฯลฯ เพื่อจะได้ประเมินมลู ค่าไดเ้ หมาะสมยิ่งข้นึ การบนั ทึกจานวนและน้าหนักของสตั ว์ควรจะไดบ้ ันทกึ ให้ถถ่ี ว้ น เพ่อื จะได้

86เปน็ ข้อมูลในการคานวณผลผลติ และประสทิ ธภิ าพในการผลิตสัตวต์ ่อไป 5. อาหารสตั วแ์ ละปจั จยั คงเหลือเปน็ การบนั ทึกจานวนและมลู ค่าของอาหารสตั ว์และปจั จัยการผลติ อืน่ ๆ เชน่ ปุ๋ย ยาปราบศัตรพู ชื ท่ีคงเหลือ อยใู่ นวันทจี่ ดบนั ทกึ การ ประเมนิ มูลค่าอาจใชร้ าคาท่ี ซือ้ มาเพ่อื ขจัดปัญหาการ เพิ่มหรือลดลงของทรพั ย์สนิ เหลา่ น้ี ซง่ึ อาจเกิดข้ึน เน่อื งจากการเปล่ยี นแปลง 6. การบนั ทกึ รายการเจ้าหนล้ี ูกหนี้ การวเิ คราะหท์ างการเงนิ ของเกษตรกร ได้แก่ การบนั ทึกเก่ียวกบั เจ้าหนี้ ลกู หน้ี ตลอดจนเงนิ สดในมือ และในธนาคารท่มี อี ยใู่ นวันท่ีทาการสารวจและบนั ทึก เน่อื งจากเกษตรกรบางรายอาจมี การกยู้ มืเงินจากแหล่งสนิ เชอื่ ตา่ ง ๆ หรือเพื่อนบ้าน เพอื่ นาไปซอื้ ปจั จยั การผลิต และในบางกรณีอาจมลี ูกหนีม้ าขอกยู้ มืเงนิ จึงควรมกี ารจดบนั ทึกรายละเอียดไว้ให้ชัดเจน การบนั ทึกขอ้ มูลในดา้ นการผลติ การบนั ทกึ ขอ้ มลู ในการผลติ นับวา่ เปน็ ข้อมลู พ้นื ฐานอย่างหนึง่ ซง่ึ มคี วามสาคัญทจ่ี ะช่วย ตัดสนิ ใจเก่ยี วกับการวางแผนจัดระบบการปลกู พืชหรือเลยี้ งสตั ว์ภายในฟารม์ และการปรบั ปรุง ประสิทธภิ าพของการผลิตแต่ละกจิ กรรมใหด้ ยี ง่ิ ขึ้น การบนั ทึกข้อมลู การผลติ พืชและการผลิตสตั ว์ ส่วนใหญ่จะเป็นการบนั ทกึ ขอ้ มูลทเี่ ก่ียวข้อง ระยะเวลา จานวนวัสดุที่นามาใชใ้ นการผลิต พ้ืนที่การผลติ และผลผลติ รวมท้ังการใช้แรงงานของทงั้ ฟาร์ม 1. การบันทกึ การผลิตพืช เป็นการบันทึกสถิติและขอ้ มลู ในการผลติ พชื ผลตา่ ง ๆ เชน่ เน้อื ทเ่ี พาะปลกู การใชป้ ุ๋ยและสารปราบศัตรูพืชและผลผลิตของพืชแต่ละชนดิ และแตล่ ะแปลง รวมทั้งการสรุปการผลติ พชื ทัง้ หมดภายในฟาร์มเพ่อื ทราบรายไดท้ ั้งหมดจากการผลิตพชื ส่วนรายละเอียดในการบันทกึ น้ันย่อมแลว้ แตค่ วามประสงค์ของเกษตรกร

87 การบันทกึ ตน้ ทุนการผลิตพืช เปน็ การบนั ทึกข้อมูลค่าใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ ของการผลติ พืชแตล่ ะชนิด ตงั้ แต่เริม่ ปลูกจนถึงการเกบ็ เกย่ี วและการจาหนา่ ยในชว่ งระยะเวลา 1 รอบของการผลติ การบันทึกตน้ ทุนการผลิตพืชอาจจะแยกมาจากการบนั ทกึ ประจาวนั หรอื การบันทกึ รายยอ่ ยที่เกษตรกรจดไว้ ซึ่งจะเปน็ขอ้ มลู สาคญั ในการจดั ทางบประมาณและการวางแผนฟารม์ ตอ่ ไป การสรปกุ ารผลิตพืช เป็นการนาข้อมูลการผลิตพืชทั้งฟาร์มมาสรปุลงในตารางเพ่ือที่จะได้ทราบวา่ ผลผลิตทไ่ี ดร้ ับจากการปลูกพืชทกุ ชนิดมีมูลค่าเท่าใด และเน้ือทีเ่ พาะปลกู ทั้งหมดของฟาร์มในรอบปีน้ันจานวนกไ่ี ร่ การสรุปดงั กลา่ วนี้เปน็ สงิ่ ที่จาเป็น เพราะจะช่วยให้เกษตรกรคานวณมูลค่าผลผลติของพชื แต่ละชนดิ และของทงั้ ฟาร์มไดส้ ะดวกข้ึน และช่วยในการวเิ คราะห์ผลการดาเนนิ งานฟารม์ ในปี นั้น ๆ ดว้ ย สาหรบั การบนั ทึกขอ้ มูลเกย่ี วกบั เน้อื ทีเ่ พาะปลูกพืชแตล่ ะชนิดนน้ั ควรจะทาการบันทึกเมอ่ืได้ทาการเพาะปลูกพืชชนดิ นน้ั เสร็จส้นิ แลว้ สว่ นผลผลติ น้ันจะทาการบันทกึ หลงั การเกบ็ เกย่ี วหรอื นวดกย็ อ่ มแล้วแตช่ นิดของผลิตผลวา่ มีขน้ั ตอนการผลิตอย่างไรกอ่ นท่ีจะนาจาหน่าย หรือแปรรูป และการบนั ทึกช่อื พนั ธ์ุไว้ จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเปรียบเทียบผลผลตริ ะหวา่ งสายพนั ธ์ุเดยี วกนั หรอื ตา่ งสายพนั ธไุ์ ด้ 2. การบันทกึ การผลิตสัตว์ การบันทึกการผลติ สัตวแ์ ต่ละชนิดมีรปู แบบแตกต่างกนั ตามประเภทของสตั ว์ สาหรับฟารม์ทีม่ ีการเลี้ยงสัตว์เป็นกิจการหลัก อาจจาเป็นต้องมรี ายละเอยี ดของการบันทกึ มากกวา่ ฟารม์ ทมี่ ีการปลกู พชืเปน็ หลกั และมกี ารเลีย้ งสัตวไ์ ม่มาก นอกจากน้ันการบนั ทกึ บางอย่างอาจจาเปน็ สาหรับฟารม์ บางขนาดหรือบางประเภท เช่นการบนั ทึกการผสมเทยี ม เปน็ ต้น 3. การบนั ทกึ การใชแ้ รงงาน การบนั ทึกรายละเอียดเกย่ี วกบั การใชแ้ รงงานในฟาร์มนน้ั จะทาให้เกษตรกรได้ทราบถึงการใชแ้ รงงานในการปลกู พชื และเลยี้ งสัตวแ์ ต่ละชนดิ ในแต่ละช่วง เพ่ือท่จี ะไดใ้ ช้เปน็ พน้ื ฐานในการวางแผน การกระจายแรงงานใหเ้ หมาะสม และเพอ่ื ปอ้ งกนั ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางชว่ งของการ ผลติ ได้ การบนั ทึกการใชแ้ รงงานอาจแยกเป็น บันทึกการใชแ้ รงงานเก่ียวกบั พชื บนั ทึกการใชแ้ รงงาน เกี่ยวกบั สตั ว์ ซงึ่รวมถึงแรงงานประเภทต่าง ๆ คอื คน สตั ว์ และเคร่อื งจักรดว้ ย การบันทกึ รายรบั และรายจ่ายของฟาร์ม การบนั ทึก รายรับ และรายจ่ายของฟาร์ม มคี วามสาคญั มาก เน่ืองจากเป็นแหลง่ ขอ้ มูลส่วนใหญ่ ในการกาหนดรายได้ รายจ่าย และเป็นข้อมูลพื้นฐานในการทาแผนและงบประมาณฟารม์ด้วย ประเภทของการบันทึกรายรับและรายจา่ ย แยกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. บันทกึ รายรบั และรายจา่ ยจากพชื 2. บันทกึ รายรับและรายจ่ายจากสัตว์ 3. บนั ทกึ รายรับและรายจ่ายจากผลิตภัณฑ์สตั ว์ 4. บนั ทึกรายรบั และรายจ่ายจากรายการเบ็ดเตล็ด

88 รูปแบบของการบนั ทกึ รายรบั และรายจา่ ยของฟาร์มมัก จะมีลักษณะเดียวกนั คือ ประกอบด้วย ชอ่ งรายการ วนั เดือนปี ปรมิ าณ ราคา/หนว่ ย และมูลค่า การบันทึกรายรบั และรายจา่ ยของฟาร์มอาจจะแยกประเภทตามชนิดของกิจกรรมหรือจะบนั ทึกคละกันไปหลาย ๆ กิจกรรม แต่เม่อื ถึงสิ้นปหี รอื รอบการผลติจะตอ้ งจัดทาสรุป งบรายได้และรายจา่ ยของฟาร์มเป็นภาพรวม ดงั ตัวอย่างในตาราง

89 เมือ่ มีการจดบนั ทกึ ข้อมูลต่าง ๆ ของฟารม์ แลว้ ส่ิงที่จาเป็นทเ่ี กษตรกรตอ้ งทาคอื การทาบญั ชีฟาร์มมาประกอบการวางแผนการผลติ ในปีตอ่ ไป เพ่ือจะได้นาตวั เลขรายรบั รายจ่าย จากการทาบญั ชี ฟาร์มมาประกอบการวางแผนการผลิตในปีตอ่ ไป เพื่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรการผลิต คือ ทีด่ ิน ทนุ แรงงานตลอดจนปัจจัยการผลติ ต่าง ๆอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประโยชนข์ องการทาบญั ชีฟารม์ พอสรปุ ไดด้ งั นี้ 1. เป็นการเตอื นความจาว่ามีรายรับ รายจ่ายและกาไรจากกจิ กรรมในฟาร์มมากนอ้ ยเพียงใด กิจกรรมใดมีกาไร กจิ กรรมใดขาดทนุ ขาดทุนเพราะเหตุใด ควรจะปรับปรงุ แก้ไขอยา่ งไรเพ่อื ให้การ ผลิตมปี ระสทิ ธิภา 2. การทาบัญชฟี าร์มท่ีดีสามารถใช้เป็นหลักในการวเิ คราะห์กิจกรรมทั้งหมดของฟารม์ เพอื่ ปรับปรงุแกไ้ ขสงิ่ ทบี่ กพรอ่ ง 3. เพ่ือเปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐานในการทีจ่ ะปรบั ปรงุ และวางแผนฟารม์ ให้ดียงิ่ ขึน้ 4. การทาบญั ชีฟารม์ ท่ีถูกต้องจะเปน็ ข้อมลู ในเรอ่ื งตน้ ทุนการผลิตเพ่ือประโยชน์ในการอ้างองิ วางแผนนโยบาย 5. การทาบญั ชีช่วยในการแบ่งปันผลประโยชนใ์ นกรณีของการทาการผลิตแบบหุ้นสว่ น

90 บรรณานกุ รมกรมตรวจบัญชีสหกรณ์. 2545. บญั ชีชาวบ้าน. พิมพค์ รงั้ ที่ 5.กรมส่งเสริมการเกษตร. 2528. คมู่ ือส่งเสรมิ การเกษตร การจดั การฟาร์ม. ฝา่ ยพัฒนาไร่นาและสถาบนั เกษตรกร. สานักงานสง่ เสรมิ การเกษตร ภาคใต้ 2530. จากบทความคาบรรยายโดยนายวิทยา อธปิ อนันต์ ในการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ ารผชู้ ว่ ย เกษตรจงั หวัดฝ่ายวิชาการภาคใต้ คร้งั ที่ 1/2528 ระหวา่ งวนั ที่ 29 – 30 กันยายน 2528.กรมส่งเสริมการเกษตร. 2528. คู่มอื อบรมการจดั การไร่นา เอกสารเล่มท่ี 28 – 005. ฝา่ ยจัดการไรน่ า. กอง พัฒนาการบริหารงานเกษตร (โรเนียวเย็บเล่ม).กรมส่งเสรมิ การเกษตร. 2531. เอกสารวิชาการท่ี 39 ชดุ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง : การจดั การฟารม์ . กล่มุ งาน จดั การไร่นา. กองพฒั นาการบรหิ ารงานเกษตร.โกวิท และคณะ. 2525. การจดั การฟารม์ . กลมุ่ งานสง่ เสรมิ การจดั การฟารม์ . กองส่งเสริมธุรกิจเกษตร. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2.ฉตั ร ชา่ ชอง. 2525. หลักการจัดการฟาร์ม. โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั .บญุ ธรรม พรหมณี และคณะ. 2529. ระบบการทาฟารม์ . ฝา่ ยวจิ ยั ระบบพฒั นาไรน่ า. กองเศรษฐกจิ การเกษตร. สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร. เอกสารเศรษฐกจิ การเกษตร เลขที่ 67.ไพฑรู ย์ คชั มาตย.์ การจัดการฟาร์ม. คณะเกษตรศาสตร์. มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ .มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. 2525. เอกสารการสอนชดุ วิชาเกษตรทั่วไป 1 : การจัดการฟาร์ม หนว่ ยท่ี 1 – 7. พมิ พ์ครั้งท่ี 1.มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. 2526. เอกสารการสอนชุดวชิ าเกษตรท่ัวไป 1 : การจัดการฟารม์ หน่วยท่ี 8 – 15. พมิ พ์คร้ังท่ี 1.วิทยา อธิปอนนั ต.์ 2528. การวางแผนและงบประมาณฟาร์ม. เอกสารประกอบการอบรมเจา้ หน้าที่ ผู้ปฏบิ ตั งิ านโครงการพฒั นาเกษตรกรผ้มู ีรายได้นอ้ ย (SFDP). เอกสารโรเนียว.อรุณี ปน่ิ ประยงค,์ ฉวีวรรณ มหะเสนีย์ และประเสริฐวฒั น์ กองกันภัย. 2547. ชดุ เรียนรู้การงานอาชีพ และเทคโนโลยี “การจดั การฟาร์ม”. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. บริษัท เมธีทนิ ส์ จากดั . กรุงเทพฯ.อุทศิ นาคสวสั ดิ.์ 2514. หลักการจัดการฟาร์ม. พทุ ธอุปถมั ภ์การพิมพ์.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook