ลักษณะของการเชื่อมโยงออกเปน็ 4 ลกั ษณะ1. เครือข่ายแบบดาว (Star Network) จะมีคอมพิวเตอรห์ ลักเป็นโฮสต์ (Host) ต่อสายสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ย่อยที่เป็นไคลเอนต์ (Client) คอมพิวเตอร์ท่ีเป็นไคลเอนต์แต่ละเครื่องไม่สามารถติดต่อกันได้โดยตรง การติดต่อจะต้องผ่านคอมพิวเตอร์โฮสต์ท่ีเป็นศูนยก์ ลางขอ้ ดขี องเครือขา่ ยแบบดาว1.) มีความคงทนสูง คือ หากสายเคเบิลของบางโหนดเกดิ ขาดก็จะไมส่ ่งผลกระทบตอ่ ระบบโดยรวม โดยโหนดอื่น ๆ ยงั สามารถใชง้ านไดต้ ามปกติ2.) เนือ่ งจากมจี ุดศูนยก์ ลางอยูท่ ่ีฮบั (Hub) ดงั น้นั การจัดการและการบริการจะสะดวกขอ้ เสยี ของเครือขา่ ยแบบดาว1.) ใช้สายเคเบลิ มากเท่ากับจานวนเครื่องทีเ่ ชือ่ มต่อ2.) การเพ่ิมโหนดใด ๆ จะต้องมพี อรต์ เพียงพอต่อการเชือ่ มโหนดใหม่ และจะต้องโยงสายจากพอร์ตของฮับ (Hub) มายังสถานทท่ี ตี่ ั้งเครื่อง3.) เนื่องจากมจี ุดศูนย์กลางอยูท่ ีฮ่ บั (Hub) หากฮบั เกดิ ขอ้ ขดั ข้องหรือเสยี หายใชง้ านไม่ได้คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ท่ีเชือ่ มต่อเขา้ กับฮับ (Hub) ดงั กล่าวก็จะใชง้ านไม่ไดท้ ง้ั หมด
2. เครือขา่ ยแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือข่ายท่ีเชือ่ มต่อคอมพวิ เตอรด์ ว้ ยสายเคเบลิ เดยี วในลักษณะวงแหวนไมม่ ีเครื่องคอมพวเตอรเ์ ปน็ ศูนย์กลาง ขอ้ มูลจะตอ้ งผา่ นไปยังคอมพวิ เตอร์รอบ ๆ วงแหวน และผ่านเครือ่ งคอมพิวเตอรท์ ุกเครื่องเพือ่ ไปยังสถานที ต่ี อ้ งการซึง่ ข้อมูลทสี่ ง่ ไปจะไปในทศิ ทางเดยี วกนั การวง่ิ ของขอ้ มูลในเครือข่ายวงแหวนจะใชท้ ิศทางเดยี วเทา่ น้ัน เมือ่ คอมพิวเตอรเ์ ครื่องหน่งึ สง่ ขอ้ มูลจะส่งไปยังเครือ่ งคอมพิวเตอร์ตัวถัดไป ถ้าขอ้ มูลท่รี ับมาไม่ตรงตามท่ีคอมพิวเตอร์ตน้ ทางระบกุ ็จะส่งผ่านไปให้คอมพิวเตอรเ์ ครื่องถัดไปซ่งึ จะเป็นขนั้ ตอนแบบน้ีไปเรือ่ ย ๆ จนกว่าจะถงึ คอมพวิ เตอร์ปลายทาง ที่ถูกระบุตามทีอ่ ยู่จากเครือ่ งต้นทางข้อดขี องเครือข่ายแบบวงแหวน1.) แตล่ ะโหนดในวงแหวนมโี อกาสท่ีจะส่งขอ้ มูลได้เท่าเทียมกัน2.) ประหยดั สายสญั ญาณ โดยจะใช้สายสัญญาณเทา่ กบั จานวนโหนดทเี่ ชื่อมต่อ3.) ง่ายตอ่ การตดิ ต้งั และการเพิม่ /ลบจานวนโหนดข้อเสยี ของเครือขา่ ยแบบวงแหวน1.) หากวงแหวนเกิดขาดหรือเสียหายจะส่งผลต่อระบบท้ังหมด2.) ยากตอ่ การตรวจสอบ ในกรณที มี่ โี หนดใดโหนดหน่ึงเกิดขดั ข้อง เนื่องจากต้องตรวจสอบทีละจดุ วา่ เกิดข้อขัดขอ้ งอยา่ งไร
3. เครือขา่ ยแบบบสั (Bus Network) จะมกี ารเชื่อมตอ่ คอมพวิ เตอรบ์ นสายเคเบลิ ซง่ึ เรียนว่า บัส คอมพิวเตอร์เครื่องหนึง่ ๆ สามารถสง่ ถ่ายข้อมูลได้เปน็ อิสระในการสง่ ขอ้ มูลน้ันจะมีเพียงคอมพวิ เตอรต์ วั เดยี วเทา่ น้นั ท่ีสามารถส่งข้อมูลไดใ้ นชว่ งเวลาหน่ึง ๆ จากนนั้ ขอ้ มูลจะวิ่งไปตลอดความยาวของสายเคเบลิ แลว้ คอมพวิ เตอร์ปลายทางจะรบั ข้อมูลท่ีวิง่ ผา่ นมาข้อดขี องเครือข่ายแบบบัส1.) เปน็ โครงสร้างท่ีไมซ่ บั ซอ้ น และติดตัง้ ง่าย2.) งา่ ยต่อการเพมิ่ จานวนโหนด โดยสามารถเชื่อมต่อเขา้ กบั สายแกนหลักไดท้ ันที3.) ประหยดั สายสง่ ขอ้ มูล เนือ่ งจากใช้สายแกนเพยี งเส้นเดียวขอ้ เสียของเครือขา่ ยแบบบสั1.) หากสายเคเบิลท่ีเป็นสายแกนหลกั ขาดจะส่งผลให้เครือขา่ ยตอ้ งหยดุ ชะงักในทนั ที2.) กรณีระบบเกดิ ข้อผิดพลาดใด ๆ จะหาข้อผิดพลาดไดย้ าก3.) ระหวา่ งโหนดแตล่ ะโหนดจะต้องมรี ะยะห่างตามขอ้ กาหนด
4. เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network) เป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอรท์ ่ีผสมผสานระหว่างรูปแบบต่าง ๆ หลาย ๆ แบบเข้าด้วยกัน คือ มีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ย่อยหลาย ๆ เครือข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทางานเครือข่ายบรเิ วณกว้าง ซึง่ เครือข่ายท่ีถูกเชื่อมต่ออาจจะอยู่หา่ งกนั คนละจงั หวด หรืออาจจะอยู่คนละประเทศก็เป็นได้ข้อดีของเครือขา่ ยแบบผสม1. ไมต่ อ้ งเสยี ค่าใช้จา่ ยในการวางสายเคเบิลมากนัก2. สามารถขยายระบบได้งา่ ย3. เสียค่าใช้จ่ายน้อยขอ้ เสียของเครือขา่ ยแบบผสม1. อาจเกิดข้อผิดพลาดง่าย เนื่องจากทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อยู่บนสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว ดังนั้นหากมีการขาดท่ีตาแหน่งใดตาแหน่งหนึ่ง ก็จะทาให้เครื่องอื่นส่วนใหญ่หรือทง้ั หมดในระบบไม่สามารถใช้งานได้ตามไปด้วย2. การตรวจหาโหนดเสีย ทาได้ยากเนื่องจากขณะใดขณะหนึ่งจะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่าน้ันท่ีสามารถส่งข้อความออกมาบนสายสัญญาณ ดังน้ันถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์จานวนมากๆ อาจทาให้เกดิ การคบั คัง่ ของเนตเวิร์ก ซ่งึ จะทาให้ระบบช้าลงได้
โครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (NETWORK TOPOLOGY) คือ การนาคอมพวิ เตอรม์ าเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ของการสื่อสารรูปแบบการจัดวางคอมพิวเตอร์ ซ่ึงแต่ละแบบก็มีจุดเดน่ ท่ีต่างกัน สามารถแบง่ ตามลกั ษณะของการเชือ่ มตอ่ หลกั ไดด้ ังนี้1. โครงสร้างเครือข่ายแบบแมช (mesh topology) เป็นรูปแบบของการเชื่อมต่อที่มีความนิยมมากและมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากถ้ามีเส้นทางของการเชื่อมต่อคู่ใดคู่หน่ึงขาดจากกันการติดต่อสื่อสารระหวา่ งคู่นั้นยังสามารถติดต่อได้โดยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (router) จะทาการเชื่อมต่อเส้นทางใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางอัตโนมัติ การเชื่อมต่อแบบน้ีมักนิยมสร้างบนเครือขา่ ยแบบไร้สาย รูปรา่ งเครือขา่ ยแบบแมช ระบบนี้ยากต่อการ เดนิ สายและมีราคาแพงมาก จงึ ยังไมเ่ ปน็ ท่นี ิยมมากนกั
2. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว (star topology) โครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ บบดาว ภายในเครือข่ายคอมพิวเตอรจ์ ะต้องมีจุกศูนย์กลางในการควบคุมการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรือ ฮับ (hub) การสื่อสารระหวา่ งเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ จะสื่อสารผา่ นฮบั ก่อนทจี่ ะสง่ ข้อมูลไปสู่เครื่องคอมพิวเตอรเ์ ครือ่ ง3. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (ring topology)โครงสร้างเครือข่ายคอมพวิ เตอรแ์ บบวงแหวน มกี ารเชือ่ มตอ่ ระหวา่ งเครือ่ งคอมพวิ เตอรโ์ ดยท่ีแต่ละการเชื่อมต่อจะมีลกั ษณะเป็นวงกลม การส่งขอ้ มูลภายในเครือข่ายนีก้ จ็ ะเป็นวงกลมดว้ ยเช่นกัน ทิศทางการส่งข้อมูลจะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหน่ึงจนถึงปลายทาง ในกรณีท่ีมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายชนิดนี้จะไม่สามารถทางานตอ่ ไปได้
4. โครงสร้างเครือขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บบวงแหวน (ring topology)โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ บบวงแหวน มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอรโ์ ดยที่แต่ละการเชื่อมตอ่ จะมีลกั ษณะเป็นวงกลม การสง่ ขอ้ มูลภายในเครือขา่ ยน้กี ็จะเปน็ วงกลมด้วยเชน่ กัน ทิศทางการสง่ ข้อมูลจะเป็นทิศทางเดยี วกันเสมอ จากเครื่องหน่ึงจนถึงปลายทาง ในกรณีที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายชนิดน้ีจะไม่สามารถทางานต่อไปได้ ข้อดีของโครงสร้าง เครือข่ายแบบวงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อยและถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียออกจากระบบ ก็จะไม่ส่งผลต่อการทางานของระบบเครือขา่ ยนี้ และจะไมม่ ีการชนกันของข้อมูลทีแ่ ต่ละเครือ่ งส่ง5. โครงสร้างเครือข่ายแบบผสม (Hybrid Topology) คือ เป็นเครือข่ายที่ผสมผสานกันทั้งแบบดาว แบบวงแหวน และแบบบัสเช่น วิทยาเขตขนาดเล็กที่ มีหลายอาคาร เครือข่ายของแตล่ ะอาคารอาจใชแ้ บบบัสเชื่อมตอ่ กับอาคารอื่นๆทใี่ ช้แบบดาว และแบบวงแหวน
ในชีวิตประจาวันของเรานั้นเกี่ยวข้องกับเครือข่ายตลอดเวลา เพระทุกการติดต่อสื่อสารน้ันต้องผ่านระบบเครือข่ายมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ SMSATM วิทยุ โทรทัศน์ ล้วนเป็นระบบเครือข่ายท้ังส้ิน โดยท่ี Internet เป็นระบบเครือข่ายท่ีใหญ่ที่สุดในโลก ในที่นี้จะกล่าวถึงส่วนประกอบของระบบเครือข่าย ซ่ึงประกอบไปดว้ ย เครือ่ งบริการขอ้ มูล (Server) เครือ่ งลูกขา่ ยหรือสถานี (Client) การ์ดเครือข่าย (Network Interface Cards) สายเคเบิลทใ่ี ช้บนเครือข่าย (Network Cables) ฮับหรือสวติ ช์ (Hubs and Switches) ระบบปฏิบตั ิการเครือข่าย (Networkoperating System)
เครื่องศูนยบ์ ริการข้อมูลโดยมักเรียกว่า เครื่องเซริ ์ฟเวอร์ เป็นคอมพวิ เตอร์ทท่ี าหน้าที่บริการทรัพยากรให้กับเครื่องลูกข่าย เช่น การบริการไฟล์ การบริการงานพิมพ์ เป็นต้น เนื่องจากเครื่องเซฟเวอร์มักต้องรับภารกิจหนกั ในระบบจึงมกั ใชเ้ ครือ่ งทมี่ ขี ีดความสามารถมาเปน็ เครื่องแม่ข่าย เครือ่ งลูกขา่ ยหรือสถานเี ครือข่ายเครื่องลูกข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย ซ่ึงอาจเรียกว่า เวริ ์กสเตชัน ก็ได้ โดยมักเป็นเครื่องของผู้ใช้งานท่ัวไปสาหรับติดต่อเพื่อขอใช้บริการจากเซิร์ฟเวอร์ ซ่ึงสามารถจะขอหรือนา software ทั้งข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายมาประมวลผลใช้งานไดแ้ ละยังตดิ ต่อสือ่ สาร รับ-สง่ ข้อมูลจากคอมพิวเตอรเ์ ครื่องอืน่ ๆในเครือข่ายได้ การด์ เครือขา่ ยแผงวงจรสาหรับใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายจะต้องมีอุปกรณ์น้ี และหน้าทีของการ์ดก็คือ แปลงสญั ญาณของคอมพิวเตอร์ส่งผ่านไปตามสายสัญญาณทาใหค้ อมพวิ เตอรใ์ นเครือข่ายแลกเปล่ยี นขอ้ มูลกันได้ สายเคเบลิ ทใ่ี ชบ้ นเครือขา่ ยเครือข่ายคอมพิวเตอรจ์ าเป็นต้องมีสายเคเบิลเพื่อใช้สาหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ให้อยู่บนเครือข่ายเดียวกันเพื่อสื่อสารกันได้ นอกจากน้เี ครือขา่ ยยังสามารถสือ่ สารระหว่างกันโดยไม่ใช้สายก็ได้ เรียกว่า เครือข่ายไร้สายโดยสามารถใช้คลื่นวทิ ยุหรืออินฟาเรด เป็นตัวกลางในการปลงสัญญาณ อีกทั้งยังสามารถนาเครือข่ายแบบมีสายและเครือข่ายแบบไร้สายมาเชือ่ มตอ่ เขา้ ดว้ ยกนั เปน็ เครือข่ายเดียวกันได้
ฮับและสวิตช์เป็นอุปกรณ์ฮับและสวิตช์มักนาไปใช้เป็นศูนย์กลางของสายเคเบิลที่เชื่อมต่อเครือข่ายเข้าไว้ดว้ ยกัน ซ่ึงฮับหรือสวิตช์จะมีพอร์ตเพื่อให้สายเคเบิลเชื่อมต่อเข้าระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์โดยจานวนพอร์ตจะข้ึนอยู่กับแต่ละชนิด เช่น แบบ 4 , 8, 16 , 24 พอร์ต ยังสามารถนาฮับหรือสวติ ชห์ ลายๆตวั มาเชือ่ มต่อเขา้ ดว้ ยกันเพื่อขยายเครือข่ายได้อกี ด้วย ระบบปฏิบัตกิ ารเครือขา่ ยเครือ่ งแม่ข่ายของระบบจาเปน็ ตอ้ งตดิ ต้ังระบบปฏิบัตกิ ารเครือขา่ ยไว้ เพื่อทาหน้าที่ควบคมุ และรองรับการทางานของเครือข่ายไว้ เครือข่ายท่ีมีประสิทธิภาพจาเป็นต้องพึ่ง Software ที่มีประสทิ ธิภาพตามด้วยเช่นกัน
แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่1. เครือข่ายแบบ Client/Server2. เครือข่ายแบบ Peer To Peer เครือข่ายแบบ Client/Serverเป็นเครือข่ายท่ีมีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทาหน้าท่ีเป็นเซริ ์ฟเวอร์ ไว้คอยบริการข้อมูลให้กับลูกเครือข่าย โดยมีฮับหรือสวิตซ์เป็นตัวกลาง โดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะถูกเชื่อมต่อกับฮับเพื่อทาหน้าท่ีเชื่อมต่อระห่างกนั และสมารถขอใช้บรกิ าร web server , mail server , file serverและ print server ได้ เครือข่ายประเภทนี้อาจมีเซฟเวอร์ตัวหน่ึงทาหน้าที่หลายๆหน้าที่บนเครื่องเดยี วหรืออาจทาหน้าที่เฉพาะกไ็ ด้ขอ้ ดี1.เครือขา่ ยมเี สถยี รภาพสูง และสามารถเพ่ิมลดได้ตามต้องกัน2.มคี วามปลอดภยั สูงทง้ั ด้านข้อมูลและการจัดการ userข้อเสยี1.ต้องใชท้ ุนในการลงทนุ สูง2.ตอ้ งพ่ึงพาผู้ควบคมุ ทม่ี ีความรู้ มีความเชีย่ วชาญ
เครือข่าย Peer To Peerเปน็ ระบบทเ่ี ครื่องคอมพวิ เตอรท์ ุกเครือ่ งบนเครือข่ายมฐี านะเทา่ เทียมกันโยที่ทุกเครื่องจะต่อสายเคเบิลเข้ากับฮับหรือสวิตซ์ทุกเครื่องสามารถใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้และสามารถให้เครื่องอื่นมาช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบเครือข่ายประเภทน้ีมักจะใช้งานในหน่วยงานขนาดเล็กหรือใช้คอมพิวเตอร์ไม่เกิน 10 เครื่อง อาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในระบบเนื่องจากข้อมูลท่ีเป็นความลบั ถูกส่งไปยงั คอมพิวเตอรเ์ ครื่องอืน่ ดว้ ยเช่นกนัข้อดี1.ลงทนุ ต่า2.ไม่ตอ้ งดูแลผูด้ ูแลระบบ3.ติดต้งั งา่ ยข้อเสยี1. มขี ดี ความสามารถจากัด2. มีระบบความปลอดภยั ต่า3. มีปญั หาเกี่ยวกบั การขยายเครือข่าย
รพี ตี เตอร์(Repeater) : ในระบบ Lan โดยท่ัวไปน้นั ยิ่งคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอยู่ไกลกันมากเท่าไร สัญญาณที่จะสื่อถึงกันเร่ิมเพยี้ นและจะจางหายไปในที่สุดจึงต้องมีอุปกรณ์เสริมพเิ ศษที่เรียกว่า รีพีตเตอร์ ข้ึนมาทาหน้าที่ในการเดินสัญญาณคือช่วยขยายสัญญาณไฟฟ้าท่ีส่งบนสาย Lan ให้แรงขึ้นและจัดรูปสญั ญาณที่เพืย้ นใหก้ ลับเป็นเหมือนเดิมฮับ(Hub) : ทาหน้าที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางที่กระจายข้อมูลช่วยให้คอมพิวเตอร์ต่างๆบนเครือข่ายสามารถสื่อสารถึงกันได้ คอมพวิ เตอร์แต่ละเครื่องจะต่อเข้ากบั ฮับโยสายเคเบิลแล้วส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์จากเคราองหนึ่งไปยังอีกเครือหนึ่งโยงผ่านฮับ ฮับไม่สามารถระบุแหล่งท่ีมาข้อมูลและปลายทางของข้อมูลท่ีส่งไปได้ ดังนั้นฮับจะส่งข้อมูลไปให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับฮับทุกเครื่องรวมถึงเครื่องที่ส่งข้อมูลด้วย ฮับไม่สามรถรับและส่งข้อมูลได้ในเวลาเดียวกันจึงทาให้ฮับทางานช้ากว่าสวิตซ์ การเชื่อมต่อแบบนี้ หากเชิร์ฟเวอร์ไม่ได้เปดิ ใช้งานอยู่ เครื่องลูกข่ายกไ็ ม่สามารใชง้ านบริการได้
สวติ ซ์(Switch) : อุปกรณ์คอมพิวเตอรท์ ี่พัฒนามาจากฮับ ลักษณะทางกายภาพของเน็กเวิร์ดสวิตซ์นัน้ จะเหมือนกับเนต็ เวิร์ดฮับทุกอย่าง แตกตา่ งกนั ตรงที่- สวิตส์จะเลือกสง่ ขอ้ มูลถงึ ผูร้ บั เท่านนั้- สวิตส์มีความร็วสูง- มีความปลอดภยั สูงกว่า- สามารถรับสง่ ขอ้ มูลได้ในเวลาเดยี วกันบริดจ์(Bridge) : เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่เชื่อม 2 เครือข่ายเข้าด้วยกัน เสมือนเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่าง 2 เครือข่ายบริดจ์มีความสามารถมากกว่าฮับและรีพีตเตอร์ กล่าวคือ สามารถกรองขอ้ มูลที่จะส่งได้ โดยตรวจสอบวา่- ตรวจสอบความสามารถของข้อมูล- สง่ ข้อมูลไปในเครื่องที่ตอ้ งการเท่านน้ั- จดั การความหนาแน่นของขอ้ มูลได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
เร้าเตอร์(Router) : จะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถส่อสารหากันได้และสามารส่งผ่านข้อมูลระหว่าง 2 เครือข่าย เช่น เครือข่ายในบ้านกับอินเตอร์เน็ตโยท่ีแบบมีสายและไร้สายนอกจากนเ้ี ร้าเตอรย์ งั มรี ะบบรักษาความปลอดภัย คือ ไฟลว์ อร์เกตเวย์(Gateway) : เป็นอุปกรณ์ทที่ าหนา้ ทเี่ ชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2ระบบมคี วามแตกต่างกัน คือ- มโี ปรโตคลอทีต่ ่างกัน- มีขนาดเครือขา่ ยตา่ งกัน- มีระบบเครือข่ายต่างกน เช่นเครื่อง PC และ เครื่อง MAX ทาให้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายระหวา่ งกันได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: