การสังคายนา และ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย
สังคายนา? • การสวดพร้อมกนั เพ่ือจัดหมวดหมูพ่ ระธรรมวนิ ยั กระทาโดยคณะสงฆ์ร่วมกันพจิ ารณาประเด็นพระธรรม วินัย วัตถุประสงค?์ • เพ่อื จดั หมวดหมู่พระธรรมวินัยให้เปน็ ระบบและเกิด ความเขา้ ใจตรงกันในคณะสงฆ์
จุดเรม่ิ ต้น พระพทุ ธเจ้าเสดจ็ มีพระมหากัสสปะผูเ้ ป็นประมขุ ของสงฆ์ ดบั ขนั ปรินิพพาน กับพระอรหนั ต์ทรงอภญิ ญาอกี 500 รปู พทุ ธวจนะท่พี ระองค์เคยตรัสสอนต่างๆ ร่วมกนั รวบรวมเรยี บเรยี งขึ้น การรวบรวมพระธรรมวนิ ัยเรียกวา่ ทอี่ ยู่ในความทรงจาของบรรดาสาวกมา “การทาสังคายนา” ประมวลเปน็ หมวดหมู่ เรียก พระธรรม สังคายนา มากจากคาว่า ส หมายถึง รว่ มกัน พร้อมกนั ประกอบกบั คาวา่ “คายนา” หมายถงึ การสวด การสาธยาย/รว่ มกนั สวด ด้วยเหตุผลวา่ พระสงฆท์ ้ังหลายท่านไดพ้ จิ ารณาประเดน็ ต่างๆ เปน็ การจดั หมวดหมพู่ ระวินยั ใหเ้ ปน็ ระบบ ** สังคายนาจงึ มีความหมายถงึ “การรอ้ ยกรอง”หรือ “การจัดหมวดหม”ู่
สำเหตุ สงั คำยนำครั้งท่ี 1 พระภิกษุชอ่ื สุภทั ทะ กลา่ ววาจาดหู มิ่นและแสดง ความดีใจเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าปรินพิ าน พระมหากสั สปะ เกรงว่าจะเป็นเหตุใหพ้ ระวินยั เสอื่ มสูญ จึงเรยี กประชมุ พระสงฆ์เพอ่ื ทาการสงั คายนา หลังจากพระพทุ ธเจา้ ปรนิ ิพพาน 3 เดอื น พระสงฆผ์ กู้ ระทำ กระทาอยู่ 7 เดอื นจงึ สาเรจ็ ➢ พระมหากัสสปะ เป็นประธานและเป็น สถำนทแี่ ละผอู้ ุปถัมภ์ ผ้สู อบถามพระธรรมและพระวนิ ยั ❖ ถา้ สัตตบรรณ ขา้ งภเู ขาเวภาระใกล้กรุงราชคฤห์ ➢ มพี ระอุบาลเี ป็นผูต้ อบดา้ นวินัย เมืองหลวงของแควน้ มคธ ➢ พระอานนท์เปน็ ผู้ตอบด้านพระธรรม ➢ พระสงฆเ์ ขา้ ร่วมมจี านวน 500 รปู ลว้ น ❖ มพี ระเจา้ อชาตศัตรเู ปน็ ผู้อปุ ถมั ภ์ เป็นพระอรหนั ต์
สงั คำยนำครงั้ ท่ี 2 พระวชั ชบี ุตรปฏบิ ตั ิหยอ่ นทางวินยั 10 ประการ พ.ศ.100 กระทาอยู่ 8 เดือนจงึ สาเร็จ สถำนทแ่ี ละผอู้ ปุ ถัมภ์ พระสงฆผ์ กู้ ระทำ ❖ วาลิการาม เมืองเวสาลี (ไพศาลี)แควน้ วัชชี ➢ พระยสกากัณฑบตุ ร เป็นผู้ชกั ชวนพระ ❖ มพี ระเจ้ากาฬาโศกเปน็ ผู้อุปถัมภ์ เถระท้ังหลายให้กระทาการสงั คายนา ➢ มีพระเรวตะเปน็ ผู้ซกั ถามและสพั พกามเี ปน็ ผู้ตอบปญั หาเกีย่ วกบั พระวนิ ัยทั้งหมด ➢ พระสงฆ์เข้ารว่ มมีจานวน 700 รปู
สงั คำยนำครั้งที่ 3 สำเหตุ พวกนอกศาสนาปลอมเขา้ มาบวชทาใหพ้ ระพทุ ธศาสนามวั หมอง พระโมคคลั ลีบตุ รติสสเถระ จึงขอความร่วมมอื จาก พระมหากษตั ริย์ให้สงั คายนาชาระสะสางศาสนาให้ บรสิ ทุ ธิ์ กระทาใน พ.ศ.234 (บางแหง่ วา่ พ.ศ. 235) พระสงฆผ์ กู้ ระทำ กระทาอยู่ 9 เดือน จึงสาเรจ็ สถำนทแ่ี ละผอู้ ุปถมั ภ์ ➢ พระโมคคลั ลีบตุ รตสิ สเถระ เป็นประธาน และมพี ระสงฆ์ประชุมกัน 1000 รูป ❖ อโศการาม กรุงปาฏลบี ตุ ร ❖ มีพระเจา้ อโศกมหาราชเป็นผู้อุปถัมภ์
สังคำยนำคร้งั ท่ี 4 สำเหตุ ต้องการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศลงั กา กระทาใน พ.ศ.238 ไมป่ รากฏระยะเวลาทีก่ ระทา พระสงฆผ์ กู้ ระทำ สถำนทแี่ ละผอู้ ุปถมั ภ์ ➢ พระมหินทเถระ เป็นประธาน ➢ พระอริฏฐะเป็นผู้สวดวนิ ยั ❖ ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลงั กาโดย ➢ มีพระสงฆร์ ว่ มประชมุ กันทง้ั สน้ิ 68000 มีพระเจา้ เทวานัมปยติสสะ เปน็ องคอ์ ปุ ถัมภ์ รปู
สำเหตุ สังคำยนำครงั้ ที่ 5 1.พระสงฆใ์ นลงั กาเห็นพอ้ งตอ้ งกนั วา่ พระพุทธวจนะ ท่ีถ่ายทอดโดยวธิ ีท่องจา อาจจะขาดตกบกพร่องในภายภาคหนา้ 2. สถานการของทางการเมืองในขณะกาลงั อยใู่ นความไม่สงบ เพราะเกิดศึกยดื เย้ อื ระหวา่ งพวกทมิฬกบั ชาวสิงหล จงึ ไดบ้ นั ทึกพระไตรปิ ฎกเป็ นลายลกั ษรอ์ กั ษร กระทาใน พ.ศ. 433(บางแห่งว่า พ.ศ.450) พระสงฆผ์ กู้ ระทำ โดยไมป่ รากฏระยะเวลาที่กระทา ➢ พระสงฆ์ชาวลงั กา สถำนทแี่ ละผอู้ ุปถัมภ์ ❖ อาโลกเลณสถาน มตเลณชนบท (หรือมลยั ชนบท) ประเทศลังกาโดย ❖ มพี ระเจ้าวัฏฏคามณอี ภยั เปน็ ผูอ้ ุปถมั ภ์
สงั คำยนำคร้ังท่ี 6 สำเหตุ ประเทสอนิ เดยี มเี พยี งพระไตรปิฎก ไมม่ อี รรถกถา พระพทุ ธโฆษาจารยจ์ ึงเดินทางมาแปลอรรถกถา พระไตรปฎิ กจากภาษาลงั กาเป็นภาษาบาลี กระทาในพ.ศ.956 โดยไม่ปรากฏว่าใช้ พระสงฆผ์ กู้ ระทำ ระยะเวลาเทา่ ใด ➢ พระพทุ ธโฆษาจารย์ และพระเถระแห่ง สถำนทแี่ ละผอู้ ปุ ถัมภ์ วดั มหาวหิ ารจานวนหนึ่ง ❖ วดั มหาวิหาร ประเทศศรลี งั กา ❖ มพี ระเจา้ มหานามเปน็ ผู้อุปถมั ภ์
สงั คำยนำครัง้ ที่ 7 สำเหตุ ศรลี งั กายงั ขาดคมั ภรี ์ฎีกา พระเถระทั้งหลายอนั มพี ระมหากัสสปะ เปน็ ประธานจึงได้ประชมุ กนั เพอ่ื รจนาคัมภีร์ฎีกาขึ้น เพื่อประโยชนแ์ กก่ ารศกึ ษาพระพุทธศาสนา กระทาใน พ.ศ. 1587 ไม่ปรากฏวา่ ใช้ พระสงฆผ์ กู้ ระทำ ระยะเวลาเท่าใด ➢ พระมหากัสสปะเถระ เปน็ ประธานสงฆ์ สถำนทแี่ ละผอู้ ปุ ถมั ภ์ ร่วมกบั พระสงฆอ์ ีกจานวน 1000 รูป ❖ ประเทศศรลี งั กา ❖ มพี ระเจ้าปรากรมพาหมุ หาราช เปน็ องค์อุปถมั ถ์
สงั คำยนำคร้ังท่ี 8 สำเหตุ พระไตรปิฎกยงั ขาดตกบกพร่อง ผิดเพ้ยี นไมค่ รบ พระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎกหลายร้อยรปู จงึ ร่วมกนั ชาระพระไตรปิฎก ใหส้ มบูรณ์ย่งิ ข้ึน กระทาใน พ.ศ. 2020 พระสงฆผ์ กู้ ระทำ (รัชสมัยพระเจา้ ตโิ ลกราช แห่งอาณาจักรลา้ นนา) สถำนทแ่ี ละผอู้ ุปถัมภ์ ➢ พระธรรมทนิ นเถระเป็นประธานสงฆ์ ทาร่วมกบั พระเถระหลายรอ้ ยรปู ❖ วดั โพธาราม จงั หวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย (ครั้งแรกในประเทษไทย) ❖ พระเจ้าตโิ ลกราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์
สำเหตุ สงั คำยนำคร้งั ที่ 9 พระผูใ้ หญ่ถกู ถอดถอนและถกู จบั สกึ เพราะความ ประพฤตยิ อ่ หยอ่ นในพระธรรมวนิ ัย พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชทรงมพี ระราชประสงค์ ให้ชาระพระไตรปิฎก เพื่อให้พระสงฆ์ศกึ ษาพระธรรมวินัยที่ถกู ตอ้ ง กระทาใน พ.ศ. 2331 (รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพทุ ธ พระสงฆผ์ กู้ ระทำ ยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช) กระทาอยู่ 5 เดอื นจึงสาเร็จ สถำนทแี่ ละผอู้ ุปถมั ภ์ ➢ พระเถระ 218 รปู และราชบณั ฑติ คฤหัสถ์อกี 32 คน ไดร้ ่วมกันชาระคัดลอกสร้างพระไตรปฎกฉบับหลวง ❖ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เรยี กวา่ “ฉบบั ทองใหญ”่ (ตอ่ มาสรา้ งเพิ่ม 2 ฉบบั ❖ มพี ระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก คอื ฉบับรองทอง และฉบับทองชุบ มหาราชเปน็ องค์อปุ ถมั ภ์
สำเหตุ สังคำยนำคร้งั ที่ 10 เพือ่ ชาระพระไตรปฎิ กแลว้ จดั พิมพ์ในวโรกาสทีพ่ ระบาทสมเด็จพระบรมชน กาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมราถบพิตร ทรงเจรญิ พระชนมายุ ครบ 60 พรรษา เรยี กวา่ “พระไตรปิฎกฉบับสงั คายนา” กระทาใน พ.ศ. 2528 ไมป่ รากฏระยะเวลาท่ี พระสงฆผ์ กู้ ระทำ กระทา สถำนทแ่ี ละผอู้ ปุ ถมั ภ์ ➢ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมวรวงชินวราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) เป็นองคป์ ระมขุ รว่ มกับพระสงฆ์ ทั้งฝา่ ยมหานกิ ายและธรรมยุตินกิ าย ❖ วดั มหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฏิ์ กรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย ❖ รัฐบาลเป็นผอู้ ปุ ถมั ถ์
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา เขา้ สูป่ ระเทศไทย
ดนิ แดนอันเป็นทต่ี ้งั ของประเทศไทยในปัจจบุ นั รวมไปถงึ ดนิ แดน ของประเทศเพอ่ื นบา้ นใกล้เคียงเมื่ออดีตเรยี กรวมๆกันวา่ “สุวรรณภูมิ” สุวรรณภูมิ แปลว่า ดนิ แดนแห่งทองคา เป็นดนิ แดนที่อุดมสมบูรณ์ ไปดว้ ยทรพั ยากรลา้ ค่าต่างๆประดจุ ทองคาอยู่ทวั่ ทกุ พ้ืนท่ี ผู้คนในดินแดนสุวรรณภมู ินบั ถือศาสนาและลัทธิความเช่อื แตกต่างกัน (ภูตผปี ศี าจ ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ศาสนาพารหมณ-์ ฮินดู และพทุ ธศาสนา ) ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาในอนิ เดยี โบราณเผยแผเ่ ขา้ มาในดนิ แดน สวุ รรณภูมกิ อ่ นพุทธกาล เป็นสว่ นหนึง่ ของวถิ ชี ีวิตคนไทยทมี่ กี ารผสม กลมกลืนระหวา่ งพธิ ีกรรมของศาสนาฮนิ ดกู บั พุทธศาสนา
การนับถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย นั้นสามารถแบ่งออกเปน็ 4 ยุค ดงั นี้ 1.ยุคเถรวาทสมยั พระเจ้าอโศกมหาราช 2.ยคุ มหายาน 3.ยคุ เถรวาทแบบพกุ าม 4.ยคุ เถรวาทแบบลังกาวงศ์
1. ยุคเถรวาทสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ❖ พระพุทธศาสนาได้รบั การทานุบารงุ จนมีความเจรญิ รุง่ เรอื งอยา่ งมากพระราช กรณียกิจทีส่ าคญั คอื ทรงจดั ใหม้ ีการ สังคายนาสังคายนาข้ึนเป็นคร้งั ท่ี 3 ❖ หลังจากสาเรจ็ ครั้งนี้แล้วพระองคไ์ ดส้ ่งคณะทตู ให้เดนิ ทางไปเผยแพร่พทุ ธ ศาสนารวม 9 สาย การเขา้ มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาครงั้ น้สี ันนษิ ฐานวา่ เกดิ ก่อนปีพ.ศ. 500 สังเกตและจากหลักฐานทเี่ ก่ียวเนื่องกบั พระพทุ ธศาสนา ธรรมจกั รศลิ ากับกวางหมอบ สถปู เจดยี ์
1. ยคุ เถรวาทสมยั พระเจา้ อโศกมหาราช
2.ยุคมหายาน อาณาจักรศรวี ชิ ยั เรอื งอานาจมากมีอทิ ธิพลครอบคลุมพนื้ ทค่ี าบสมุทรตอนใตจ้ นหมูเ่ กาะชวาและ สมุ ัตรากษตั ริย์ศรีวชิ ัยนับถอื พระพทุ ธศาสนานิกายมหายานจึงทาใหบ้ ริเวณภาคใตข้ องไทยเปน็ พ้นื ทีอ่ ยู่ ในอาณาจกั รของพระองค์ตา่ งนบั ถอื นกิ ายมหายานตามไปด้วยมีหลกั ฐานต่างๆ เชน่ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทาดว้ ยเนื้อสัมฤทธ์ิ ตอ่ มาประมาณ พ.ศ.1550 กัมพูชาราชวงศ์สรุ ยิ วรมัน ผูท้ รงนบั ถอื พระศาสนานิกายมหายาน เรอ่ื งอานาจได้แพรข่ ยายมายังอาณาจักรละโว้ ซง่ึ นบั ถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทและศาสนา พราหมณ์ จึงทาให้ชมุ ชนบรเิ วณนี้นับถือพระพุทธศาสนาทั้ง 2 นกิ าย พระปรางคอ์ งใหญว่ ัดพระศรรี ตั นมหาธาตุ พระปรางคส์ ามยอด จงั หวัดลพบรุ ี
ยุคเถรวาทแบบพุกาม 3. ยุคเถรวาทแบบพุกาม พระเจา้ อนุรทุ ธมหาราช ผู้ทรงอทิ ธพิ ลของ อาณาจักรพกุ าม ได้แพร่ขยายอานาจเขา้ มาครอบครองอาณาจกั รตา่ ง ๆ ทางตอนเหนือของไทย ทาให้พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทเฟ่อื งฟขู ้นึ ในดนิ แดนแถบน้ีเรยี กว่าเป็นนกิ ายเถรวาทแบบพุกาม เจดยี ์วดั เจด็ ยอด สรา้ งเลียนแบบเจดียพ์ ทุ ธคยา
ยุคเถรวาทแบบลังกาวงศ์ พระเจา้ ปรากรมพาหุมหาราช กษัตรลิ ังกา ได้ทรงทานุบารงุ พระพทุ ธศาสนาโดยรวมค่าสง่ เปน็ นิกายเดยี วมกี ารสงั คายนาพระธรรมวนิ ยั ครัง้ ท่ีเจ็ดขึ้นทาให้พระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรอื งมาก ทางดา้ นการศึกษาและปฏิบัติ สาหรบั ประเทศไทย พระพทุ ธศาสนาแบบลังกาวงศน์ ี้เปน็ แบบท่ีนบั ถือกันมาเป็นศาสนา ประจาชาตจิ นถึงปจั จบุ นั สามารถแบ่งย่อยเปน็ สมยั ตา่ ง ๆ ดังนี้
1.สมยั สโุ ขทัย พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทแบบลังกาวงศ์เฟอ่ื งฟูมากใน เมืองนครศรีธรรมราช จนเมือ่ พ่อขนุ รามคาแหงมหาราชทรงทราบว่าพระสงฆใ์ น เมืองนครศรธี รรมราชมีวัตรปฏิบัติ เครง่ ครดั ในพระธรรมวนิ ัยน่าเคารพเลอ่ื มใส จงึ ให้นมิ นตส์ มเดจ็ พระมหาเถรสงั ฆราชจาก นครศรธี รรมราชข้ึนมาเทศนาสง่ั สอนประชาชนทีก่ รุงสุโขทัย โดยให้พานักทวี่ ัดอรญั ญิก ปรากฏว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์น้เี ปน็ ที่เคารพนับถอื ของชาวสโุ ขทัยเปน็ อย่างย่งิ และลัทธมิ หายานกไ็ ด้เสอ่ื มสญู ไป ในสมยั สุโขทัยมหี ลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรท์ ่แี สดงถึงการนบั ถือ พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทมากมาย เช่น วัดมหาธาตุ วดั ศรชี ุมตลอดจนวรรณคดี พระพทุ ธศาสนาทีส่ าคัญ เรอ่ื ง เตภมู ิกถาหรือไตรภูมพิ ระร่วง กาเนิดขนึ้ ในสมัยนี้ โดยเปน็ บทพระราชนิพนธ์ ของพระยาลไิ ทย กษัตรยิ ข์ องสุโขทัย องค์ท่ี 6
2. สมยั ล้านนา พระเจ้ากอื นา กษตั รยิ ล์ า้ นนาส่งพระราชททูต มาอาราธนาพระสังฆราชสมุ นเถระจากพระยาลิไทยข้ึนไปล้านนา เปน็ การเร่มิ ต้นพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศใ์ นภาคเหนอื ของไทย อาณาจักรล้านนามีการสงั คายนาครั้งท่ี 8 สมยั พระเจา้ ติโลกราช หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ วัดเชยี งมน่ั พระธาตดุ อยสุเทพ เกดิ วรรณคดที างพระพทุ ธศาสนา เชน่ มงั คลตั ถทีปนี จักรวาฬทีปนี
3.สมยั อยุธยา อาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตอยู่ใกล้กบั อาณาจักรสุโขทัย ที่เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาใน เเดนสุวรรณภูมิ ทาให้อาณาจักร อยุธยาได้มีการรับอิทธิพลนับถือพระพุทธศาสนาน้ีกายเถรวาทแบบลังกาวง ค์ เป็นศาสนาประจาอาณาจักร โนยุคน้ีพระสงฆ์ไทยได้เดินทางไปศึกษา พระพุทธศาสนาที่ลังกาหลายคร้ังจนประมาณปี พ.ศ.๒๒๙๖ พระพุทธศาสนา ในลังกาเส่อื มลง กษัตริย์ลังกาจึงส่งคณะทูตมายังกรุงศรีอยุธยา ขอให้พระสงฆ์ไทยไปอุปสมบทให้แก่ กุลบุตรชาวสิงหล สมเด็จพระเจ้าบรมโกศตอบรับพระราชไมตรี โดยส่งพระอุบาลีกับ พระอริยมุนี พร้อมด้วยคณะสงฆ์อีก ๑๕ รูป เดินทางไปลังกา คร้ังนั้นพระสงฆ์ไทย ได้ช่วยกนั วางรากฐานและประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลงั กาจนม่ันคง ทาให้เกิดเป็นนิกาย เรยี กว่า \"อุบาลวี งศห์ รือสยามวงศ์\" อันเปน็ คณะสงฆ์ใหญท่ ี่สุดในลงั กา มาจนตราบทกุ วนั นี้ ในสมัยอยธุ ยานีม้ กี ารสรา้ งวัดสาคัญทางพระพุทธศาสนาหลายวดั เช่น วดั พระศรสี รรเพชญ์ วดั หน้าพระเมรุ วัดราชบูรณะรวมท้ังเกิดวรรณคดี พระพทุ ธศาสนาทส่ี าคัญ หลายเรอ่ื ง เช่น คาหลวง กาพยม์ หาชาติ นนั โทปนนั ทสตู ร
4.สมัยธนบุรี เม่ือสมเด็พระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีข้ึน ได้ทรงพื้นฟู พระพุทธศาสนาที่เสื่อมโทรมแเพราะสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 พระสงฆ์ท่ีกระจัดกระจายไป เพราะภยั สงคราม ก็ได้รบั ธนามาอย่ทู พ่ี ระอารามรามตา่ ง ๆ รวบรวมพระสงฆ์ท่ีทรงคุณธรรม ให้มาประชมุ กันท่วี ดั บางวา้ ใหญ่ เพ่ือคัดเลือกพระสงฆ์ท่ีทรงคณุ สมบัติขน้ึ เปน็ สงั ฆราช มีมติให้พระอาจารย์ศรีวัดประดู่แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกของ กรงุ ธนบรุ ีเพอ่ื รบั ผิดชอบการปกครองดูแลคณะสงฆฟ์ ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนาให้รุง่ เรอื งดังเดมิ โปรดเกล้าฯให้ขอยืมพระไตรปิฎกสยามวงศ์ฉบับสมบูรณ์จากหัวเมืองทางเหนือและ นครศรธี รรมราชมาคดั ลอกให้เป็นต้นฉบับหลวงเพ่ือรกั ษาหลกั ธรรมใหม้ ่ันคง สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชยงั ทรงปฏิสงั ขรณพ์ ระอารามสาคัญและโปรดเกลา้ ฯ ให้สมโภชวัดพระมหาธาตุ เมอื งนครศรธี รรมราชใหเ้ ป็นศนู ย์กลางพระพุทธศาสนาในภาคใต้ ตลอดจนทรงสร้างวัดบางย่ีเรือเหนอื (วดั ราชคฤห)์ ส่วนวัดท่ที รงปฏสิ งั ขรณ์ คือ วัดบางวา้ ใหญ่ (วัดระฆังโฆสติ าราม) วัดแจ้ง(วดั อรณุ ราชวราราม) วดั บางย่เี รอื ใต้ (วัดอินทาราม) และวดั หงส์รตั นาราม
รัชสมัย เหตุการณ์ทางดา้ นพระพทุ ธศาสนาทีส่ าคญั รัชกาลท่ี 1 พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สร้างวดั พระศรีรตั นศาสดาราม รชั กาลท่ี 2 พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั ทรงฟืน้ ฟูประเพณีวิสาขบูชา รัชกาลท่ี 3 พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั โปรดเกล้าฯให้ราชบณั ฑิตแต่งและจารึกสรรพวิทยาไว้ที่ รัชกาลท่ี 5 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว วดั พระเชตุพนฯ โปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีมาฆบูชา ทรงวางรปู แบบการศึกษาคณะสงฆ์ รชั กาลท่ี 6 พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยน ร.ศ. เปน็ พ.ศ. รชั กาลท่ี 7 พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อย่หู ัว โปรดเกล้าฯ ให้จดั พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยาม
รชั สมยั เหตุการณ์ทางดา้ นพระพทุ ธศาสนาที่สาคญั รชั กาลท่ี 8 พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นสานวนเทศนา พระอัฐมรามาธบิ ดินทร เรียกว่า “พระไตรปิฎกเทศนาฉบับหลวง” รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภม่ ิพลอดลุ ยเดช มกี ารบัญญัติกฎหมายคณะสงฆ์พ.ศ. และกาหนดให้ สมเด็จพระสงั ฆราชเปน็ ประมขุ ฝ่ายพุทธจกั ร
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: