วนั มาฆบชู า วนั ขึน 15 คา เดอื น 3
คคววาามมหหมมาายย วนั มาฆบูชาหมายถงึ การบชู า ในวนั เพ็ญเดอื น ๓ เนื องในโอกาสคลา้ ย วนั ที พระพุทธเจา้ ทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์
คคววาามมสสํ าํ าคคัญัญ วนั มาฆบูชา เปนวนั ขนึ ๑๕ คา เดอื น ๓ มเี หตุการณ์อศั จรรยท์ ี พระสงฆส์ าวก ของพระพุทธเจา้ จาํ นวน ๑,๒๕๐ รูปมาเฝาพระพุทธเจา้ ณ วดั เวฬุวนั เมอื งราชคฤห์ แควน้ มคธ โดยมไิ ดน้ ั ดหมายกนั พระสงฆ์ ทงั หมดเปนพระอรหันต์ ผไู้ ดอ้ ภญิ ญา ๖ และเปนผทู้ ไี ดร้ บั การอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจา้ ในวนั นี พระพุทธเจา้ ได้ ทรงแสดง โอวาทปาตโิ มกข์ ในทปี ระชุมสงฆเ์ หลา่ นั น ซงึ เปนทงั หลกั การ อุดมการณ์ แ์ ละวธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ ี นํ าไปใชไ้ ดท้ กุ สังคม มเี นือหา โดยสรุปคอื ให้ละ ความชวั ทกุ ชนิ ด ทาํ ความดี ให้ถงึ พรอ้ มและทาํ จติ ใจให้ผอ่ งใส
ประวัตคิ วามเปนมา ๑. ส่วนทเี กยี วกบั พระพุทธเจา้ หลงั จากพระพทุ ธเจา้ ตรสั รูไ้ ด้ ๙ เดอื นขณะ นั นเมอื เสรจ็ พุทธกจิ แสดงธรรมทถี าสกุ รขาตาแลว้ เสดจ็ มาประทบั ทวี ดั เวฬุวนั เมอื งราชคฤห์ แควน้ มคธ ประเทศอนิ เดยี ในปจจบุ นั วนั นั นตรงกบั วนั เพ็ญ เดอื นมาฆะหรอื เดอื น ๓ในเวลาบา่ ยพระอรหันตส์ าวกของพระพทุ ธเจา้ มาประชมุ พรอ้ มกนั ณ ทปี ระทบั ของพระพุทธเจา้ นั บเปนเหตุอศั จรรย์ ทมี อี งคป์ ระกอบ สําคญั ๔ ประการ คอื
- วนั นั นเปนวนั ขนึ ๑๕ คา เดอื น ๓ - พระสงฆจ์ าํ นวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพรอ้ มกนั โดยมไิ ด้ นั ดหมาย - สงฆท์ งั หมดเปนพระอรหันตผ์ ไู้ ดอ้ ภญิ ญา ๖ - พระสงฆท์ งั หมดเปนผไู้ ดร้ บั การอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจา้ เพราะเหตุ ทมี อี งคป์ ระกอบสําคญั ดงั กลา่ ว จงึ มชี อื เรยี กอกี อยา่ งหนึ งวา่ วนั จาตรุ งคสันนิ บาต และในโอกาสนี พระพทุ ธเจา้ ไดแ้ สดงโอวาทปาตโิ มกข์ ในที ประชุมสงฆเ์ หลา่ นั น ซงึ ถอื ไดว้ า่ เปนการประกาศหลกั การอุดมการณ์และวธิ กี าร ปฏบิ ตั ทิ างพระพทุ ธ ศาสนา ๒. การถอื ปฏบิ ตั วิ นั มาฆบชู าในประเทศไทย พิธวี นั มาฆบชู านี เดมิ ทเี ดยี วใน ประเทศไทยไมเ่ คยทาํ มากอ่ น พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรง อธบิ ายไวว้ า่ เกดิ ขนึ ในสมยั พระบาท สมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที ๔ แห่งกรุงรตั นโกสินทร์ โดยทรงถอื ตามแบบของโบราณบณั ฑติ ทไี ดน้ ิ ยมกนั วา่ วนั มาฆะบรู ณมี พระจนั ทรเ์ สวยฤกษ์มาฆะเตม็ บรบิ รู ณ์เปนวนั ทพี ระอรหันตส์ าวก ของ พระพทุ ธเจา้ ๑,๒๕๐ รูป ไดป้ ระชมุ กนั พรอ้ มดว้ ยองค์ ๔ ประการ เรยี กวา่ จาตรุ งคสันนิ บาต พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั เทศนาโอวาทปาตโิ มกข์ ในทปี ระชมุ สงฆ์ เปนการประชมุ ใหญ่
การประกอบพิธมี าฆะบชู า ไดเ้ รมิ ในพระบรมมหาราชวงั กอ่ นในสมยั รชั กาล ที ๔ มพี ิธกี ารพระราชกศุ ลในเวลาเชา้ พระสงฆ์ วดั บวรนิ เวศวหิ ารและวดั ราช ประดษิ ฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เวลาคา เสดจ็ ออก ทรงจดุ ธูปเทยี นเครอื ง มนั สการแลว้ พระสงฆส์ วดทาํ วตั รเยน็ เสรจ็ แลว้ สวด มนตต์ อ่ ไปมสี วดคาถาโอวาทปาตโิ มกขด์ ว้ ย สวดมนตจ์ บทรงจดุ เทยี นรายตาม ราวรอบ พระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เลม่ มกี ารประโคมอกี ครงั หนึ งแลว้ จงึ มกี ารเทศนา โอวาทปาตโิ มกข์ ๑ กณั ฑเ์ ปนทงั เทศนาภาษาบาลแี ละภาษาไทย เครอื งกณั ฑ์ มี จวี รเนื อดี ๑ ผนื เงนิ ๓ ตาํ ลงึ และขนมตา่ ง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซงึ สวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรบั การประกอบพระราชกศุ ลเกยี วกบั วนั มาฆบชู าในสมยั รชั กาลที ๔ นั น พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว จะเสดจ็ ออกประกอบพิธดี ว้ ยพระองคเ์ อง ทกุ ปมไิ ดข้ าด สมยั ตอ่ มามกี ารเวน้ บา้ งเชน่ รชั กาลที ๕ พระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ไดเ้ สดจ็ ออกเองบา้ ง มไิ ดเ้ สดจ็ ออกเองบา้ งเพราะมกั เปน เวลาทปี ระสบกบั เวลาเสดจ็ ประพาส หัวเมอื งบอ่ ย ๆ หากถกู คราวเสดจ็ ไป ประพาสบางปะอนิ หรอื พระพุทธบาท พระพทุ ธฉาย พระปฐมเจดยี ์ พระแทน่ ดงรงั กจ็ ะทรงประกอบพิธมี าฆบูชา ในสถานทนี ั น ๆ ขนึ อกี ส่วนหนึ งตา่ งหากจากใน พระบรมมหาราชวงั
เดมิ ทมี กี ารประกอบพิธใี นพระบรมมหาราชวงั ตอ่ มากข็ ยายออกไป ให้พุทธ บรษิ ัทไดป้ ฏบิ ตั ติ ามอยา่ งเปนระบบสืบมาจนปจจบุ นั มกี ารบูชา ดว้ ยการ เวยี นเทยี น และบาํ เพ็ญกศุ ลตา่ ง ๆ ส่วนกาํ หนดวนั ประกอบพิธมี าฆบูชานั น ปกติ ตรงกบั วนั เพ็ญเดอื น ๓ หากปใดเปนอธกิ มาส คอื มเี ดอื น ๘ สองหนจะเลอื นไป ตรงกบั วนั เพ็ญเดอื น ๔ หลกั ธรรมทคี วรนํ าไปปฏบิ ตั หิ ลกั ธรรมทคี วรนํ าไปปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก ่ โอวาท ปาตโิ มกข์ หมายถงึ หลกั คาํ สอนคาํ สําคญั ของพระพทุ ธศาสนาอนั เปนไปเพือ ปองกนั และแกป้ ญหาตา่ ง ๆ ในชวี ติ เปนไปเพือความหลดุ พ้น หรอื คาํ สอนอนั เปน หัวใจพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรมประกอบดว้ ย หลกั การ ๓ อุดมการณ์ ๔ วธิ กี าร ๖ ดงั นี
การถือปฏบิ ัตวิ ันมาฆบูชาในประเทศไทย พิธวี นั มาฆบชู านี เดมิ ทเี ดยี วในประเทศไทยไมเ่ คยทาํ มากอ่ น พระบาทสมเดจ็ พระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวทรงอธบิ ายไวว้ า่ เกดิ ขนึ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอม เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที 4 แห่งกรุงรตั นโกสินทร์ โดยทรงถอื ตามแบบของ โบราณบณั ฑติ ทไี ดน้ ิ ยมกนั วา่ วนั มาฆะบูรณมพี ระจนั ทรเ์ สวยฤกษ์มาฆะเตม็ บรบิ ูรณ์ เปนวนั ทพี ระอรหันตส์ าวกของ พระพทุ ธเจา้ 1,250 รูป ไดป้ ระชุมกนั พรอ้ มดว้ ยองค์ 4 ประการ เรยี กวา่ จาตรุ งคสันนิ บาต พระพุทธเจา้ ไดต้ รสั เทศนา โอวาทปาตโิ มกข์ ในทปี ระชุมสงฆเ์ ปนการประชมุ ใหญ่ และเปนการอศั จรรยใ์ น พระพุทธศาสนานั กปราชญจ์ งึ ถอื เอาเหตุนั นประกอบการสักการบชู าพระพทุ ธเจา้ และพระอรหันตส์ าวก 1,250 รูปนั น ให้เปนทตี งั แห่งความ เลอื มใสการประกอบ พิธมี าฆะบูชา ไดเ้ รมิ ในพระบรมมหาราชวงั กอ่ น
หลักธรรมทีควรนําไปปฏิบตั ิ หลกั ธรรมทคี วรนํ าไปปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ก่ โอวาทปาตโิ มกข์ หมายถงึ หลกั คําสอนคํา สําคัญของพระพุทธศาสนา อนั เปนไปเพือปองกนั และแกป้ ญหาตา่ ง ๆ ในชวี ติ เปนไปเพือความหลดุ พ้น หรอื คาํ สอน อนั เปนหัวใจพระพทุ ธศาสนา หลกั ธรรม ประกอบดว้ ย หลกั การ 3 , อดุ มการณ์ 4 , วธิ กี าร 6 ดงั นี หลกั ธรรม – หลกั การ 3 1. การไมท่ าํ บาปทงั ปวง ไดแ้ กก่ ารงดเวน้ การลด ละเลกิ ทาํ บาปทงั ปวง ซงึ ไดแ้ ก่ อกศุ ลกรรมบถ 10 ทางแห่งความชวั มสี ิบประการ อนั เปน ความชวั ทาง กาย ทางวาจา และทางใจ ความชัวทางกาย ไดแ้ ก่ การฆา่ สัตว์ การลกั ทรพั ย์ การประพฤติ ผดิ ในกาม ความชัวทางวาจา ไดแ้ ก่ การพูดเทจ็ การพูดส่อเสียด การพดู เพ้อเจอ้ ความชัวทางใจ ไดแ้ ก่ การอยากไดส้ มบตั ขิ องผอู้ นื การผกู พยาบาท และความ เห็นผดิ จากทาํ นองคลองธรรม
2. การทาํ กุศลให้ถงึ พรอ้ ม ไดแ้ ก่ การทาํ ความดที กุ อยา่ งซงึ ไดแ้ ก่ กศุ ลกรรมบถ 10 เปนแบบของการทาํ ฝายดมี ี 10 อยา่ ง อนั เปนความดที างกาย ทางวาจาและทาง ใจ ความดที างกาย ไดแ้ ก่ การไมฆ่ า่ สัตว์ ไมท่ าํ รา้ ยเบยี ดเบยี นผอู้ นื มแี ตช่ ว่ ยเหลอื เกอื กลู กนั การไมถ่ อื เอาสิงของทเี จา้ ของเขาไมไ่ ดใ้ ห้ มาเปนของตน มคี วาม เออื เฟอเผอื แผ่ และการไมป่ ระพฤตผิ ดิ ในกาม การทาํ ความดที างวาจา ไดแ้ ก่ การไมพ่ ูดเทจ็ ไมพ่ ูดส่อเสียด ไมพ่ ูดคาํ หยา บ และ ไมพ่ ดู เพ้อเจอ้ พูดแตค่ าํ จรงิ พดู คาํ ออ่ นหวานพดู คาํ ให้เกดิ ความสามคั คแี ละพดู ถกู กาลเทศะ การทาํ ความดที างใจ ไดแ้ ก่ การไมโ่ ลภอยากไดข้ องของผอู้ นื มแี ตค่ ดิ เสียสละ การ ไมผ่ กู อาฆาตพยาบาทมแี ตค่ ดิ เมตตาและ ปราถนาดแี ละมคี วามเห็นความรูค้ วาม เขา้ ใจทถี กู ตอ้ ง ตามทาํ นองคลองธรรม เชน่ เห็นวา่ ทาํ ดไี ดด้ ี ทาํ ชวั ไดช้ วั
3. การทาํ จติ ให้ผอ่ งใส ไดแ้ ก่ การทาํ จติ ของตนให้ผอ่ งใส ปราศจากนวรณ์ซงึ เปนเครอื งขดั ขวางจติ ไมใ่ ห้เขา้ ถงึ ความสงบ มี 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ) 2. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท) 3. ความหดหู่ทอ้ แท้ งว่ งเหงาหาวนอน (ถนี ะมทิ ธะ) 4. ความฟงุ ซา่ น ราํ คาญ (อุทธจั จะกกุ กจุ จะ) และ 5. ความลงั เลสงสัย (วกิ จิ ฉา) เชน่ สงสัยในการทาํ ความดคี วามชวั วา่ มผี ลจรงิ หรอื ไม่ วธิ กี ารทาํ จติ ให้ปฏบิ ตั สิ มถะผอ่ งใส ทแี ทจ้ รงิ เกดิ ขนึ จากการละบาปทงั ปวง ดว้ ยการถอื ศืลและบาํ เพ็ญกศุ ล ให้ถงึ พรอ้ มดว้ ยการ และวปิ สสนา จนไดบ้ รรลุ อรหัตผล อนั เปนความผอ่ งใสทแี ทจ้ รงิ
หลกั ธรรม – อุดมการณ์ 4 1. ความอดทน ไดแ้ ก่ ความอดกลนั ไมท่ าํ บาปทงั ทางกาย วาจา ใจ 2. ความไมเ่ บยี ดเบยี น ไดแ้ ก่ การงดเวน้ จากการทาํ รา้ ย รบกวน หรอื เบยี ดเบยี น ผอู้ นื 3. ความสงบ ไดแ้ ก่ ปฏบิ ตั ติ นให้สงบทงั ทางกาย ทางวาจา และทางใจ 4. นิ พพาน ไดแ้ ก่ การดบั ทกุ ข์ ซงึ เปนเปาหมายสูงสุดในพระพทุ ธศาสนาเกดิ ขนึ ไดจ้ าการดาํ เนิ นชวี ติ ตามมรรคมอี งค์ 8 หลกั ธรรม – วธิ กี าร 6 1. ไมว่ า่ รา้ ย ไดแ้ ก่ ไมก่ ลา่ วให้รา้ ยหรอื กลา่ วโจมตใี คร 2. ไมท่ าํ รา้ ย ไดแ้ ก่ ไมเ่ บยี ดเบยี นผอู้ นื 3. สํารวมในปาตโิ มกข์ ไดแ้ ก่ ความเคารพระเบยี บวนิ ั ย กฎกตกิ า กฎหมาย รวมทงั ขนบธรรมเนี ยมประเพณีอนั ดขี องสังคม 4. รูจ้ กั ประมาณ ไดแ้ ก่ รูจ้ กั ความพอดใี นการบรโิ ภคอาหารหรอื การใชส้ อยสิง ตา่ ง ๆ 5. อยใู่ นสถานทที สี งดั ไดแ้ ก่ อยใู่ นสถานทสี งบมสี ิงแวดลอ้ มทเี หมาะสม 6. ฝกหัดจติ ใจให้สงบ ไดแ้ กฝ่ กหัดชาํ ระจติ ให้สงบมสี ขุ ภาพคุณภาพและประสิทธิ ภาพทดี ี
ปฏทิ นิ วนั มาฆบูชา วนั มาฆบชู า พ.ศ.2553 ตรงกบั วนั อาทติ ยท์ ี 28 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2553 / วนั อาทติ ย์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสี(๔) ปฉลู วนั มาฆบูชา พ.ศ.2554 ตรงกบั วนั ศกุ รท์ ี 18 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2554 / วนั ศุกร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปขาล วนั มาฆบชู า พ.ศ.2555 ตรงกบั วนั พุธที 7 มีนาคม พ.ศ.2555 / วนั พธุ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสี(๔) ปเถาะ วนั มาฆบูชา พ.ศ.2556 ตรงกบั วนั จนั ทรท์ ี 25 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2556 / วนั จนั ทร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปมะโรง วนั มาฆบชู า พ.ศ.2557 ตรงกบั วนั ศุกรท์ ี 14 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2557 / วนั ศุกร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปมะเส็ง วนั มาฆบชู า พ.ศ.2558 ตรงกบั วนั พุธที 4 มนี าคม พ.ศ.2558 / วนั พุธ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสี(๔) ปมะเมีย วนั มาฆบูชา พ.ศ.2559 ตรงกบั วนั จนั ทรท์ ี 22 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2559 / วนั จนั ทร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปมะแม วนั มาฆบูชา พ.ศ.2560 ตรงกบั วนั เสารท์ ี 11 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2560 / วนั เสาร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปวอก วนั มาฆบูชา พ.ศ.2561 ตรงกบั วนั พฤหัสบดที ี 1 มนี าคม พ.ศ.2561 / วนั พฤหัสบดี ขนึ ๑๕ คา เดอื นสี(๔) ประกา วนั มาฆบูชา พ.ศ.2562 ตรงกบั วนั องั คารที 19 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2562 / วนั องั คาร ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปจอ วนั มาฆบชู า พ.ศ.2563 ตรงกบั วนั เสารท์ ี 8 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ.2563 / วนั เสาร์ ขนึ ๑๕ คา เดอื นสาม(๓) ปกนุ
แนวทางการส่งเสริมวนั มาฆบูชา แนวทางการส่งเสรมิ วนั มาฆบูชานี พุทธศาสนิ กชน ควรปฏิบัติตนและเขา้ รว่ มพิธกี รรมในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเพือสืบทอดหลกั ธรรมคําสอนของ พระพุทธเจ้า เพือให้อยคู่ ู่กับคนไทยไปนานๆ และเน้ นตามหลกั คําสอนให้ทกุ คน ทาํ ความดีและละเวน้ ความชวั
ทาํ บญุ ตกั บาตร วนั มาฆบูชา ซงึ ถอื เปนวนั พระและวนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา การไปทาํ บญุ ทวี ดั หรอื การทาํ บญุ ตกั บาตรทวี ดั ในชว่ งเชา้ การเตรยี มอาหารคาว หวาน จดั ใส่ ปนโต พรอ้ มนํ าดอกไม้ ธูป เทยี นบูชาพระประธานทวี ดั รวมถงึ การรกั ษาศีล ฟง พระธรรมเทศนา และเจรญิ จติ ภาวนา การรกั ษาศีลอุโบสถ รกั ษาศีล 5 ศีล 8 และ บางคนอาจจะคา้ งทวี ดั เพือ ปฏบิ ตั ธิ รรม ส่วนใหญ่ นิ ยมสวมชุดสีขาว เพือระวงั จติ ใจของตนเองให้ขาวสะอาดบรสิ ทุ ธิ เหมอื นผา้ สีขาวทใี ส่หรอื สวมชุดสภุ าพ เรยี บรอ้ ย
เวยี นเทยี น ประเทศไทยไดร้ บั พิธกี ารเวยี นมาจากอนิ เดยี พรอ้ มกบั พระพุทธศาสนา โดยใช้ การเวยี นขวา 3 รอบ ซงึ จะมพี ิธใี นชว่ งหัวคา โดยประชาชนจะมาพรอ้ มกนั ทหี น้ า พระอุโบสถของวดั ใกลบ้ า้ น ในขณะทเี วยี นเทยี นให้ระลกึ ถงึ คุณของพระพุทธ พระ ธรรม พระสงฆ์
จดั บอรด์ จดั บอรด์ หรอื จดั นิ ทรรศการตามโรงเรยี น หรอื หน่ วยงานราชการตา่ งๆ เพือ เผยแพรว่ นั สําคญั ทางพุทธศาสนา ซงึ จะมกี ารบอกถงึ ทมี า ประวตั ขิ องวนั มาฆบูชา และประวตั ขิ องพระพทุ ธเจา้ และหลกั คาํ สอนตา่ งๆ เพือเปนความรูแ้ ละการ ส่งเสรมิ สิงดๆี ให้กบั เยาวชน และประชาชนทวั ไป เพือให้เกดิ ความสํานึ กถงึ หลกั คาํ สอนของพระพุทธเจา้ ทาํ ความดลี ะเวน้ ความชวั
กจิ กรรมเพือสังคม การทาํ ประโยชน์ หรอื กจิ กรรมเพือส่วนรวม หรอื ทาํ เพือสาธารณะ ในวนั มาฆบูชา ถอื เปนสิงทดี ที ไี มว่ า่ จะทาํ คนเดยี ว หรอื เปนกลมุ่ ซงึ การรว่ มบาํ เพ็ญประโยชน์ รว่ ม กนั รว่ มทาํ บุญ และบาํ เพ็ญกศุ ล รวมถงึ การชว่ ยกนั รณรงคใ์ ห้เลกิ อบายมขุ และ รณรงคใ์ ห้ชว่ ยกนั ทาํ ประโยชน์ ตอ่ สังคมแทน หรอื อาจชว่ ยกนั ปลกู ตน้ ไม้ ทาํ ความ สะอาดทสี าธารณกถ็ อื เปนการส่งเสรมิ การทาํ กจิ กรรมในวนั มาฆบูชาแลว้
การดาํ เนิ นรอยตามพระพทุ ธศาสนาดว้ ยการทาํ บุ ญ และยดึ มนั ทาํ ความ ดี รวมถงึ เขา้ ใจในหลกั สอนของคาํ สอนพระพุทธเจา้ จะทาํ ให ้ สามารถเขา้ ถงึ หลกั ธรรม ตา่ งๆ และเขา้ ใจถงึ ความสําคญั ของวนั มาฆบูชา ซงึ จะทาํ ให้เกดิ ความเลอื มใสตอ่ ความสําคญั ของพระพทุ ธศาสนาและอยากทจี ะรกั ษาและปฏบิ ตั หิ น้ าทใี นฐานะชาว พุทธ เพือเปนการชว่ ยธาํ รงพระพุทธศาสนาให้สืบตอ่ ไป
จดั ทาํ โดย นางสาวนฤนา ธดิ า ปวส. 1/13 เลขที 29
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: