Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความวิจัย

บทความวิจัย

Published by faiisaha89, 2023-07-05 13:04:56

Description: บทความวิจัย

Search

Read the Text Version

การพฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น เร่ือง การอา่ นและการเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก ตวั เลขไทยและตวั หนังสือแสดงจำนวนนับทมี่ ากกวา่ 100,000 โดยใชแ้ บบฝึกทักษะ ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปตั ตานี The Development of learning achievement on reading and writing Hindu-Arabic numerals Thai number and alphabet that shows the counting numbers of more than 100,000 using skill exercises in 4 grade students, Tedsaban 5 school, Pattani town municipality. ฟาอซี ะห์ แยนา* อชุ ุพร บถพบิ ูล Fa-e-sah Yaena* Uchuphorn Botphiboon คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏยะลา อำเภอเมอื ง จังหวดั ยะลา 95000 Faculty of Education, Yala Rajabhat University, Muang, Yala 95000, Thailand *Corresponding author, e-mail : [email protected] บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งนี้มวี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพ่ือหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรอ่ื ง การอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดู อารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนงั สอื แสดงจำนวนนบั ท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ให้มปี ระสิทธิภาพ ตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ก่อนและหลงั เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรอ่ื ง การอ่าน และการเขียนตวั เลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือแสดงจำนวนนบั ที่มากกว่า 100,000 ของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษา ปที ี่ 4 กลุ่มตัวอย่างใช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4/2 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปตั ตานี จำนวน 23 คน ซึ่งไดม้ าโดยการสมุ่ แบบยกกล่มุ โดยใช้ห้องเรียนเปน็ หนว่ ยในการส่มุ เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ใน การวจิ ยั ประกอบด้วย 1) แผนการจดั การเรียนรู้ 2) แบบฝึกทักษะ 3) แบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ สถิตทิ ใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ ได้แก่ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) และการ ทดสอบคา่ ที (t-test for dependent samples) ผลการวิจัยพบวา่ 1. ประสทิ ธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรอ่ื ง การอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิกตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดง จำนวนนบั ทีม่ ากกว่า 100,000 ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 มเี ทา่ กบั 90.31/ 94.35 ซ่งึ สงู กว่าเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น เร่อื ง การอ่านและการเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำนวน นับที่มากกว่า 100,000 ของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 หลงั เรียนสงู กว่าก่อนเรยี น อยา่ งมนี ัยสำคัญท่ีระดบั .05 คำสำคัญ : ผลสมั ฤทธ,ิ์ การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือ, แบบฝกึ ทักษะ 1

Abstract The purpose of this research were to 1) to find the effectiveness of the skill exercises in terms of reading and writing Hindu-Arabic numerals, Thai numbers, and the alphabet that shows the counting numbers of more than 100,000 in four-grade students in order to attain the criteria of 80/80 2) compare the learning achievement before and after using skill exercises of reading and writing Hindu-Arabic numerals Thai number and alphabet of 4th grade students. The sample is 23 students in grade 4/2 for the 1st semester of 2022 academic years at Tedsaban 5 school, Pattani town municipality by random group using the classroom as a random unit. Tools used in research include 1) Learning management plan in terms 2) A set of Exercise Skills in terms 3) Pre-study and post-study of Achievement tests in terms.The Statistics used to analyze data were percentage(%), mean(������̅), standard deviation(S.D.), Process efficiency, results from efficiency (E1/E2) and t-test for dependent samples. The research finding was as follows 1. The efficacy of grade 4 students equals 90.31/ 94.35 that a high benchmark of 80/80 2. Post-study high Achievement Test than pre-study at level 0.5 in terms of reading and writing Hindu-Arabic numerals, Thai numbers, and the alphabet that shows the counting numbers of more than 100,000 Keywords : Achievement, reading and writing Hindu-Arabic numerals Thai number and alphabet, Skill Exercises บทนำ คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มี ความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรคส์ ามารถวเิ คราะห์ปัญหาหรือสถานการณไ์ ด้อย่างรอบคอบและถถ่ี ้วน ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาไดอ้ ย่างถูกต้อง เหมาะสม และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาด้าน วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น ๆ อันเป็นรากฐานในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของชาติให้มีคุณภาพและพัฒนา เศรษฐกจิ ของประเทศให้ทดั เทยี มกับนานาชาติ การศกึ ษาคณิตศาสตร์จึงจําเป็นต้องมกี ารพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพอ่ื ให้ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจสังคมและความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในยุค โลกาภิวตั น์ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2560 : 1) คณิตศาสตร์เปน็ เครอ่ื งมือนำไปสู่ความเจริญกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกจิ และสังคม เป็นรากฐาน ของวิทยาการหลายสาขาและการค้นคว้าวิจัยทกุ ประเภท และบรรจวุ ิชาคณิตศาสตร์ไว้ในหลักสตู รการศึกษาทุกระดบั กลุ่ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์จัดเป็น 3 สาระ ได้แก่ จำนวนและพีชคณิต การวัดและเรขาคณิตและสถิติและความน่าจะเป็น โดยผู้เรยี นที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จะตอ้ งอ่านเขียนตัวเลขตัวหนงั สือแสดงจำนวนนับเศษส่วนทศนิยมไม่เกิน 3 ตำแหน่ง อัตราส่วนและร้อยละ มีความรู้สึกเชิงจำนวน มีทักษะการบวกการลบการคูณการหารประมาณผลลัพธ์และนำไปใช้ใน สถานการณต์ า่ ง ๆ(กระทรวงศึกษาธิการ, 2560 : 3) คณติ ศาสตร์เปน็ วชิ าท่มี ลี ักษณะเป็นนามธรรมประกอบด้วยสญั ลักษณ์ กฎ และทฤษฎีต่าง ๆ ซง่ึ ยากตอ่ การทำความเข้าใจ ดงั นัน้ การเรยี นรูจ้ ึงต้องอาศัยความร้พู ้ืนฐาน การฝกึ ฝนทักษะ การชี้แนะและ การให้กำลังใจจากครผู ู้สอน การเรยี นคณติ ศาสตร์ต้องอาศยั เวลา ผู้มีประสบการณ์ช่วยแนะนำในการฝึกฝน และคณิตศาสตร์ เป็นทกั ษะพื้นฐานในการเรียนรู้ของผ้เู รยี นท้งั ในการเรยี นร้กู ลุม่ สาระอื่นและการนำไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวนั การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถงึ ปัจจุบนั ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าท่ีควร โดยเฉพาะเร่อื ง การอา่ นและการเขยี นตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสอื และปจั จัยทมี่ ผี ลทำให้นักเรียนมีความสามารถในการเรียน คณิตศาสตร์ เรื่อง การอา่ นและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื อยู่ในระดับต่ำและผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียนคณิตศาสตร์ไม่บรรลุเป้าหมายนั้น มีสาเหตุหลายประการ คือ ปัญหาจากการเรียนออนไลน์เนื่องด้วยสถานการณ์โรค ระบาด โควิด-19 หรือปัญหาจากตัวนักเรยี นเองที่ไมช่ อบวชิ าคณิตศาสตร์ เพราะมีตัวเลข สัญลักษณ์มาก ขาดความละเอยี ด รอบคอบ เขียนตัวเลขสลบั ท่ี ไมส่ นใจการเรียน ไมช่ อบครูผู้สอน ตลอดจนปญั หาจากตวั ครูผู้สอน กล่าวคือ ครผู ูส้ อนขาดความรู้ 2

ความสามารถ ขาดทักษะ ครูใชว้ ธิ ีการสอนไม่เหมาะสม เช่น ใชว้ ิธีการสอนแบบบรรยาย ขาดความกระตือรือร้นในการเรียน ทำใหบ้ รรยากาศในการเรียนไม่เร้าใจ นักเรยี นเกดิ ความเบื่อหน่าย นอกจากน้ยี ังมีปัญหาด้านการสอนของครูท่ีขาดการใช้สื่อ ต่าง ๆ ขาดเทคนิคในการสอนที่ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน ซึ่งสอนโดยยึดเนื้อหาและยึดครูเป็นศูนย์กลาง ไม่ คำนึงถงึ นักเรียนและความแตกต่างระหว่างบคุ คล จากประสบการณ์ของผู้ศึกษาโดยตรงซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู วิชาเอกการประถมศึกษา และ ไดร้ ับมอบหมายให้สอนวชิ าคณิตศาสตรช์ ั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 พบวา่ ในการจดั การเรียนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง จำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปัตตานี ส่วนใหญ่มี ปัญหาด้านความสามารถในการทำแบบทดสอบประจำหน่วยการเรียนรู้ กล่าวคือ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา โดยเฉพาะเรื่องการอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แต่ไม่สามารถสามารถอ่านและเขียน ตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ได้ นักเรียนขาดทักษะการอ่านและการ เขียนตวั เลข สง่ ผลใหค้ ะแนนที่ได้จากการทดสอบของหน่วยการเรยี นรู้อยใู่ นระดับทต่ี ่ำกว่าเกณฑ์ เมื่อพิจารณาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 จะเห็นได้ว่า นักเรียนมีปัญหาเป็นอย่างมาก โดยมีปัจจัยที่สำคัญ อันเนื่องมาจากการจัดการเรียนรู้ของครูยังไม่ตรงกับประเด็นของปัญหามากนัก จึงทำให้นักเรียนไม่เข้าใจและสับสนใน ประเด็นดังกล่าว ดังนั้นครูผู้สอนจึงควรหาวิธีการหรือเทคนิคต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมทักษะการการอ่านและการเขียนตัวเลข ฮินดูอารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือ ให้แก่ผ้เู รยี นได้ดีย่ิงขึ้น เทคนิคหรือวิธีการจัดการเรียนการสอนมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่น่าสนใจรูปแบบหนึ่ง คือการสอนร่วมกับแบบฝึกทักษะ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง การสอนสง่ ผลให้ผเู้ รียนมีทักษะการอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือท่ีดขี น้ึ อนั เป็น ผลให้มที กั ษะการอา่ นและการเขียนท่ีคล่องแคล่วมากยง่ิ ขึน้ จากผลการศึกษาและปัญหาดังกล่าว ผู้วจิ ัยจงึ มีความสนใจที่จะสร้างแบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์ เพอื่ ใชใ้ นการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การอา่ นและการเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื แสดงจำนวนนับท่ี มากกวา่ 100,000 เพ่ือนำไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนและพฒั นาความสามารถทางการเรียนคณิตศาสตร์ เร่ือง การอ่าน และการเขียนตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจำนวนนับที่มากกวา่ 100,000 ของนกั เรยี นช้ันประถมศึกษา ปีที่ 4 และสนใจที่จะศึกษาว่าการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะทักษะคณิตศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทาง การเรยี นวิชาคณิตศาสตร์สงู ขึ้นหรอื ไม่ วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 1. เพื่อหาประสทิ ธิภาพของแบบฝกึ ทักษะ เร่อื งการอ่านและการเขยี นตวั เลขฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องการอ่านและการเขยี น ตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำนวนนับท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปัตตานี สมมตฐิ านการวจิ ัย 1. แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง การอา่ นและการเขยี นตัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สือแสดงจำนวนนับท่ี มากกว่า 100,000 ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ท่ีสรา้ งขนึ้ มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นหลังเรียนโดยใชแ้ บบฝึกทักษะ เรอ่ื งการอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทย และตวั หนังสือ แสดงจำนวนนบั ท่มี ากกว่า 100,000 สงู กวา่ กอ่ นเรียน วิธีดำเนนิ การวจิ ยั 1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร ได้แก่ นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลเมอื งปตั ตานี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 ทั้งหมด 3 ห้อง จำนวนนักเรียน 68 คน 3

กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปัตตานี จำนวน 23 คน ไดม้ าโดยวิธกี ารส่มุ แบบยกกลมุ่ โดยใช้ห้องเรยี นเปน็ หนว่ ยในการสุม่ 2. ตัวแปรทใี่ ช้ในการศกึ ษา ตัวแปรอิสระ ได้แก่ แบบฝึกทกั ษะ เร่อื งการอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือแสดง จำนวนนบั ที่มากกว่า 100,000 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เร่ืองการอ่านและการเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทยและ ตวั หนังสอื แสดงจำนวนนบั ที่มากกวา่ 100,000 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 3. เน้ือหาทใี่ ช้ในการศกึ ษา เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเนื้อหากลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สาระที่ 1 จำนวนและพีชคณิต ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) โดยผ้วู ิจยั ไดส้ งั เคราะห์และนำมาจัดทำ แผนการจัดการเรียนรู้ในการทดลอง จำนวน 7 แผน จำนวน 7 ชว่ั โมง ดงั นี้ - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดง จำนวนนับไมเ่ กนิ 1,000 จำนวน 1 ชวั่ โมง - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดง จำนวนนบั ไม่เกิน 100,000 จำนวน 1 ช่ัวโมง - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดง จำนวนนับที่มากกว่า 100,000 (1) จำนวน 1 ชวั่ โมง - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดง จำนวนนบั ท่ีมากกว่า 100,000 (2) จำนวน 1 ชัว่ โมง - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ค่าของตัวเลขในแต่ละหลักและการเขียนรูปกระจายของจำนวนนับไม่เกิน 1,000 จำนวน 1 ชัว่ โมง - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง ค่าของตัวเลขในแต่ละหลักและการเขียนรูปกระจายของจำนวนนับไม่เกิน 100,000 จำนวน 1 ช่ัวโมง - แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง คา่ ของตวั เลขในแตล่ ะหลักและการเขยี นรปู กระจายของจำนวนนับท่ีมากกว่า 100,000 จำนวน 1 ชว่ั โมง 4. ระยะเวลาที่ใชใ้ นการศกึ ษา เวลาในการดำเนนิ การศึกษาโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะ คือ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 โดยใชค้ าบสอนปกติตาม ตารางเรยี น ใชเ้ วลาสอน 7 ช่วั โมง เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่ือง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทยและตัวหนงั สอื แสดงจำนวน นบั ทีม่ ากกว่า 100,000 จำนวน 7 แผน ซงึ่ มีการตรวจสอบคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยผเู้ ช่ียวชาญ จำนวน 3 ท่าน และผลการประเมนิ ของแผนการจัดการเรยี นรู้อยูใ่ นระดบั เหมาะสม 2. แบบฝึกทักษะ เรือ่ ง การอา่ นและการเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจำนวนนับที่ มากกว่า 100,000 จำนวน 1 ชดุ ซง่ึ มีการตรวจสอบความเทีย่ งตรงเชงิ เน้ือหา โดยผูเ้ ช่ียวชาญ 3 ท่าน ผลการประเมินคุณภาพ แบบฝึกทักษะเห็นด้วยอยู่ในระดับมากที่สุด (x̅ =4.94, S.D. = 0.23 ) จากนั้นนำแบบฝึกทักษะไปทดลอง (Try-out) กับ นักเรยี นซ่ึงไมใ่ ช่กลุ่มตัวอย่าง เพือ่ หาค่าประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 ดังน้ี 1) ทดลองใชก้ บั นักเรียนรายบคุ คล (Individual Try out ) คละความสามารถ จำนวน 3 คน จากการทดลองไดค้ ่าประสิทธิภาพเท่า 81.24/83.55 การทดลอง พบว่า นกั เรียน ใช้เวลาในการทำแบบฝึกทกั ษะนานกว่าที่กำหนดและขนาดของตัวอักษรเล็กเกินไป ผู้วจิ ัยจึงนำไปปรับปรงุ แก้ไข 2) ทดลองใช้ กับนักเรียนกลุ่มเล็ก (Small Group) คละความสามารถ จำนวน 9 คน ได้ค่าประสิทธิภาพเท่า 84.34/85.55 การทดลอง พบว่า รปู ภาพประกอบยังไม่ค่อยชัดเจนและมคี วามกำกวม ซงึ่ ยากต่อการหาคำตอบ ผู้วจิ ัยจึงนำไปปรบั ปรุงแก้ไข 3) ทดลอง ใช้กบั นักเรยี นกลมุ่ ใหญ่ (Big Tryout ) จำนวน 30 คน ได้คา่ ประสิทธภิ าพเทา่ 86.34/87.35 จากการทดลอง พบว่า นักเรยี นมี ความสนใจ ตั้งใจและกระตือรือร้นในการทำแบบฝึกทักษะ จากนั้นผู้วิจัยจึงนำแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียน 4

ตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ที่ผ่านการทดลองมาปรับปรงุ แก้ไขแล้ว นำไปใชก้ ับกลุ่มตวั อย่างต่อไป 3. แบบทดสอบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน เร่ือง การอา่ นและการเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสอื แสดงจำนวนนับท่ีมากกว่า 100,000 เปน็ แบบปรนัยเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ขอ้ ท่ผี ้วู ิจยั สร้างข้ึนโดยเสนอผเู้ ชยี่ วชาญ ด้านการสอนวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับชุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (Index of item objective Congruence : IOC) และความถูกต้องของภาษา พบว่าค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) มีค่า ระหว่าง 0.67-1.00 จากนั้นนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาวิเคราะห์หาค่าความยากงา่ ย (p) พบว่ามีค่าตั้งแต่ 0.50-0.79 ค่าอำนาจจำแนก (r) มีค่าตั้งแต่ 0.35-0.54 และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สูตร Kuder- Rechardson 20 (KR-20) มีค่าเท่ากับ 0.82 ผลการวจิ ัย ผู้วิจยั นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปน็ 2 ข้ันตอน ตามลำดับ ดงั นี้ ตอนที่ 1 ผลการสรา้ งและวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เร่อื ง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิกตัวเลข ไทย และตัวหนังสอื แสดงจำนวนนบั ท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ตารางที่ 1 ผลการวเิ คราะห์หาประสทิ ธภิ าพของแบบฝึกทักษะ เร่อื ง การอา่ นและการเขียนตวั เลข ฮนิ ดูอารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนังสือแสดงจำนวนนบั ท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 คะแนน N คะแนนเตม็ ������̅ รอ้ ยละ คา่ ประสิทธภิ าพ(E1/E2) ระหว่างเรียน 23 70 63.22 90.31 90.31/94.35 หลงั เรยี น 23 20 18.87 94.35 จากตารางที่ 1 พบวา่ คะแนนเฉล่ียจากการใชแ้ บบฝกึ ทักษะ เรอ่ื ง การอ่านและการเขยี นตัวเลข ฮินดูอารบกิ ตวั เลขไทย และ ตัวหนังสอื แสดงจำนวนนบั ที่มากกวา่ 100,000 ของนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ทำใหน้ กั เรีนรเกิดกระบวนการในการเรียนรู้ ร้อยละ 90.31 และมีประสิทธภิ าพทางการเรยี นรหู้ ลังเรียนร้อยละ 94.35 แสดงวา่ แบบฝกึ ทักษะ เร่ือง การอ่านและการเขียน ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำนวนนบั ท่ีมากกวา่ 100,000 สำหรับนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 มคี ่า ประสทิ ธภิ าพ เทา่ กับ 90.31/ 94.35 ซง่ึ สงู กวา่ เกณฑ์ 80/80 ตอนที่ 2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลข ฮนิ ดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนงั สือแสดงจำนวนนบั ที่มากกว่า 100,000 ของนักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ตารางที่ 2 แสดงผลการเปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะ เร่ือง การอา่ นและการเขียน ตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำนวนนบั ท่ีมากกว่า 100,000 ของนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 การทดสอบ N คะแนนเต็ม ������̅ ร้อยละ S.D. ∑D ∑D2 t กอ่ นเรียน 23 20 9.87 49.35 1.69 207.00 42849 21.60880** หลังเรยี น 23 20 18.87 94.35 1.22 **มีนัยสำคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05 จากตารางท่ี 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบกิ ตัวเลข ไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำนวนนับท่ีมากกวา่ 100,000 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 มคี ่าเฉลยี่ กอ่ นเรียนเทา่ กบั 9.87 คะแนน และ ค่าเฉลี่ยหลงั เรียนเทา่ กับ 18.87 โดยผลการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝกึ ทักษะ เรื่อง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบกิ 5

ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นยั สำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 อภิปรายผลการวิจัย จากผลของการวิจยั ในครัง้ น้ี มีประเดน็ ทนี่ ่าสนใจ นำสกู่ ารอภิปรายผล ดงั นี้ 1. ประสทิ ธิภาพของแบบฝึกทักษะ เรื่อง การอา่ นและการเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทยและตวั หนงั สือ แสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า แบบฝึกทักษะมีประสิทธิภาพเท่ากับ 90.31 / 94.35 ซง่ึ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เน่ืองจากได้ผา่ นการทดลองกบั กลมุ่ ทดลองก่อนท่ีจะนำไปใช้จริง เริ่มต้ังแต่ การทดลองกับรายบุคคล (จำนวน 3 คน) กลุ่มเล็ก (จำนวน 9 คน) และกลุ่มใหญ่ (จำนวน 3 คน) แล้วนำข้อบกพร่องมา ปรับปรุงแก้ไข จึงได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ท่ีกำหนด ซึ่งผลการศึกษานี้สอดคล้องกับผลการวิจัยของ ประภาพร ถิ่นอ่อง. (2560 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการบวก ลบ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยสรุปได้ว่า การพัฒนาแบบฝึกทักษะการบวก ลบ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 88.04/82.38 นกั เรยี นทำแบบฝึกทักษะการบวก ลบ ระหวา่ งเรียนไดถ้ ูกตอ้ ง เฉลยี่ รอ้ ยละ 88.04 และนักเรยี นทำแบบทดสอบ วดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนไดเ้ ฉล่ียร้อยละ 82.38 แสดงวา่ แบบฝกึ ทักษะการบวก ลบ ท่ีผ้วู ิจยั พัฒนา มีประสิทธิภาพสูงกว่า เกณฑ์มาตรฐานท่กี ำหนด คือ 80/80 ผลสมั ฤทธหิ์ ลงั เรียนโดยใชแ้ บบฝึกทักษะการบวก ลบ สงู กว่ากอ่ นเรยี น อย่างมนี ัยสำคัญ ทางสถติ ิที่ระดับ .01 และนกั เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรยี นโดยใช้แบบฝึกทักษะการบวก ลบ โดยภาพรวมอย่ใู นระดับมาก และสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ จำเนยี ร แซเ่ ล่า (2561 : บทคัดยอ่ ) ไดท้ ำการวิจยั เร่อื ง การพฒั นาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เพือ่ พัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น เรือ่ งการคณู สาํ หรับนกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ผลการวิจัยพบวา่ แบบฝกึ ทักษะทักษะ คณติ ศาสตร์ เรอ่ื งการคูณ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ทผี่ วู้ ิจยั สรา้ งข้ึนมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.62 / 82.31 และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นเร่ืองการคูณ โดยใช้แบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกวา่ ก่อนเรยี นอย่างมีนยั สำคัญทางสถิติที่ ระดับ. 01 3) ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะทกั ษะคณิตศาสตร์ เรื่องการคณู สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 เท่ากบั 0.6666 หรอื ร้อยละ 66.67 สงู กวา่ 0.50 หรอื รอ้ ยละ 50 ซง่ึ เป็นไปตามสมมุติฐานทต่ี ั้งไว้ สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยของ จิระพันธุ์ ปากวเิ ศษ (2561 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวจิ ัยเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณติ ศาสตร์ โดยใช้แบบฝึก ทักษะ เรอ่ื งการคูณ ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 ผลการวิจัยพบวา่ การจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้แบบฝึกทกั ษะ เรอื่ งการคูณ มีประสิทธิภาพ (E1 / E2) เท่ากับ 82.08 / 81.82 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรือ่ งการคูณ โดยใช้แบบฝึกทักษะ มผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนหลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรยี นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ. 05 และความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่องการคูณมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และ สอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของ พิศุทธ์ปภาณ จนิ ะวงค์ (2563 : บทคัดยอ่ ) ไดท้ ำการวิจัยเรื่อง การพฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรียน คณิตศาสตร์ เรือ่ ง การคณู โดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนสเุ หรา่ ลาดพร้าว ผลการวิจัย พบว่า ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการคณู สำหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 82 .33 / 83.67 ซง่ึ เปน็ ไปตามเกณฑ์ประสิทธภิ าพ 80/80 ทีก่ ําหนดไว้ และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นคณิตศาสตร์หลังเรียนด้วยแบบฝึก ทกั ษะคณิตศาสตร์ เร่ืองการคณู สูงกวา่ กอ่ นเรียนอย่างมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ. 05 2. การเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน กอ่ นและหลังการใชแ้ บบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง การอา่ นและการเขียนตวั เลข ฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับที่มากกว่า 100,000 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ แบบทดสอบแบบที (t-test for dependent samples) พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นัยสำคญั ท่ีระดับ .05 เนอ่ื งจากผู้วจิ ัยได้พฒั นาให้นักเรียนเกิดทักษะการเรียนร้ทู ่ีคงทน มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหามากข้ึน สง่ ผลใหน้ ักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรยี นได้คะแนนสูงกว่าก่อนเรียน จึงกล่าวได้วา่ แบบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง การอา่ นและการเขียน ตวั เลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทยและตัวหนังสือ แสดงจำนวนนับท่มี ากกว่า 100,000 ของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ท่ีผู้วิจัย สร้างขึ้นเป็นส่ือการเรียนการสอนที่มีคุณภาพช่วยให้นักเรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ที่ดีขึ้น และยังสอดคล้องกับสภาพความ ต้องการของนักเรียนอย่างแท้จริงอีกด้วย ซึ่งผลการศึกษานี้สอดคล้องกับผลการวิจัยของ จันตรา ธรรมแพทย์ (2560 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ที่มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ตำ่ ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียน ช่วงชั้นที่ 2 ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ต่ำ มีประสิทธิภาพ 80.52/79.84 ซึ่งสูงกว่าเกณท์ 75/75 ที่กำหนดไว้ 6

2) ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตรข์ องนกั เรียนช่วงชั้นท่ี 2 ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ต่ำ หลัง การใชแ้ บบฝกึ ทักษะการแก้โจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์สงู กว่าก่อนใช้ อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิท่ีระดับ 0.01 3) ความสามารถใน การแกโ้ จทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรยี นช่วงชั้นท่ี 2 ทม่ี ผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นคณติ ศาสตร์ต่ำ หลังการใช้แบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์สงู กว่ารอ้ ยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ 0.01 และสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สมหมาย ศุภพินิ (2560 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวจิ ัย เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ เรื่อง ร้อยละ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ร้อยละ ช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 มีประสิทธิภาพ 76.69/79.61 2) นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ร้อยละ หลังเรียนสูงกว่ากอ่ นเรียนด้วยแบบฝึกทักษะ อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั .01 สอดคล้องกับผลการวจิ ัยของ สุภวัฒน์ นาม เจรญิ (2560 : บทคัดยอ่ ) ทไ่ี ดท้ ำการวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาแบบฝึกเสรมิ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรื่อง เศษสว่ น ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวจิ ัยปรากฏว่า แบบฝกึ เสรมิ ทักษะคณติ ศาสตร์ เร่ือง เศษส่วน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ มปี ระสทิ ธิภาพ 84.39/85.59 สูง กว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นัยสำคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ .01 สอดคล้องกับผลการวิจัยของ มยุรี พรสุวรรณ (2560 : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัย เรื่อง การ พัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยปรากฏว่า ชุดฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 78. 1 1/77.67 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 70/70 ท่ตี ้ังไว้ และผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นคณติ ศาสตร์ เรือ่ ง ทศนยิ ม ของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 5 ท่ีได้รับการสอนโดย ใช้ชุดฝกึ ทกั ษะหลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรยี นอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั .0 1 จากที่กล่าวมาแล้ว สรุปได้วา่ งานวจิ ยั ที่เก่ยี วข้อกบั แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เป็นสอื่ นวตั กรรมการเรียนรู้ที่ช่วยให้ ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ ตามความสามารถของตนเอง มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวกการทางคณติ ศาสตร์ ช่วยให้การ จดั การเรียนการสอนมีประสิทธภิ าพ บรรลุตามวัตถุประสงคท์ ุกประการ สรุปผลการวจิ ยั ผลการวจิ ยั สรุปได้ดงั น้ี 1. แบบฝกึ ทักษะ เรอื่ ง การอ่านและการเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนังสือแสดงจำนวนนบั ที่ มากกว่า 100,000 ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 มปี ระสทิ ธภิ าพเท่ากับ 90.31/ 94.35 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น เรอ่ื ง การอา่ นและการเขียนตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดง จำนวนนับท่มี ากกว่า 100,000 ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 หลงั เรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรยี น อย่างมนี ยั สำคญั ทร่ี ะดับ .05 ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจยั ไปใช้ 1. ในการทำแบบฝกึ แต่ละคร้ังของนักเรยี น ครผู สู้ อนจะต้องเฉลยทันทแี ละช้ีแจงขอ้ บกพร่องในการท่ีจะแก้ไข เพื่อให้ นักเรยี นทราบความสามารถของตนเอง พรอ้ มทัง้ แนะแนวทางแก้ไขและพัฒนาความสามารถในการเรียนของตนเองให้ดีย่ิงขึ้น ในครั้งต่อไป 2. การดำเนินการควรทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในคำชี้แจง แต่ครูผู้สอนสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ได้ 3. ครคู วรกระต้นุ ให้กำลงั ใจและเสรมิ แรงให้นักเรียนกระตือรือรน้ ในการกิจกรรมตามแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ข้อเสนอแนะในการวิจยั ครัง้ ต่อไป 1. ควรเพ่ิมชวั่ โมงในการจัดการเรยี นการสอนใหม้ ากกว่าเดมิ 2. ควรมกี ารศึกษาความพงึ พอใจของนักเรียนท่มี ีต่อการจัดการเรยี นรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรอ่ื ง การอ่านและการ เขียนตัวเลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตวั หนงั สอื แสดงจำนวนนับทม่ี ากกว่า 100,000 ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 3. ในระหวา่ งการดำเนินการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครูผู้สอนควรสังเกตพฤติกรรม นกั เรียนที่มีความสามารถในการ เรียนตำ่ อาจจะไมเ่ ข้าใจ ทำให้เกิดการเรยี นรชู้ ้า หรอื ต้องการความช่วยเหลือ 7

เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2560). ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กฤษรา สวุ รรณลพ. (2559) เทคโนโลยที างการศกึ ษาและนวัตกรรม. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. กลั ยา แข็งแรง. (2559) หลกั การสรา้ งแบบฝึก (พิมพค์ รงั้ ที่ 7). กรงุ เทพฯ : สวุ รี ยิ าสาส์น. คณศิ ร ศรีประไพ. (2555). การพัฒนาแบบฝกึ ทกั ษะการอ่านจบั ใจความภาษาไทยสำหรบั นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง. วทิ ยานิพนธ์ กศ.ม. (หลกั สตู รและการสอน) มหาวทิ ยาลัยบรู พา. จนิ ดา อุน่ ทอง. (2558) การพฒั นาแบบฝึกทักษะการบวกการลบ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1.วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาครศุ าสตรม์ หาบัณฑิต สาขาหลักสตู รและการสอน มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒประสารมิตร. จำเนยี ร แซเ่ ลา่ . (2561). การพัฒนาแบบฝกึ ทกั ษะคณติ ศาสตร์ เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรื่อง การคูณ สำหรบั นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นบ้านขอนหาด อำเภอชะอวด จังหวดั นครศรีธรรมราช ณัฐชา อักษรเดช. (2554). การสร้างแบบฝกึ อา่ นจบั ใจความ สาํ หรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2. วิทยานพิ นธป์ ริญญา การศึกษามหาบณั ฑิต. ชุลบุรี : มหาวทิ ยาลัยบรู พา. นิตยา กจิ โร. (2553). การศึกษาผลการฝึกทักษะการต้ังคำถามของนักเรยี นในการสอนวิชาวิทยาศาสตรท์ ่ีมตี ่อผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความคิด สร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษ าปีที่ 1. ปริญญานพิ นธ์ การศึกษามหาบณั ฑิต, สาขาวชิ าการมธั ยมศึกษา, บัณฑิตวทิ ยาลัย, มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. บณุ นำ เกษี. (2556). รายงานผลการใช้แบบฝกึ ทกั ษะ เรอ่ื ง ระบบสมการเชงิ เส้น ระดบั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นพานทอง สภาชนปู ถัมถ์ อำเภอพานทอง จงั หวดั ชลบุรี. ประภาพร ถน่ิ ออ่ ง. (2553). การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะวชิ าคณติ ศาสตร์ เร่ืองการแยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรีสอง สำหรับนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต,สาขาวจิ ัยและประเมินผลการศึกษา (วิจัย และพฒั นาการศึกษา), บัณฑติ วิทยาลัย, มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. ยุพนิ พพิ ิธกุล. (2545). การเรียนการสอนคณติ ศาสตร์ยุคปฏริ ูปการศึกษา, กรงุ เทพฯ : บพทิ การพมิ พ์ วรสดุ า บญุ ยไวโรจน์. (2558) คณิตศาสตร์ในโรงเรยี นมัธยมศกึ ษา. กรุงเทพฯ : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิ โรฒประสานมิตร. วลี สุมิภันธ์. (2558) การเปรียบเทียบความสามารถในการเรยี งความของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1เรียนซ่อมเสรมิ โดย ใชแ้ บบฝกึ . วทิ ยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑติ . นนทบุรี : มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ ประสานมิตร. วณี า วโรตมะวิชญ์. (2559) การสอนคณติ ศาสตร์แนวใหมใ่ นโรงเรยี นประถมศึกษา. เชยี งใหม่ : คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. สนั ติ ภูสงัด. (2559) แบบฝึกเสรมิ ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เร่ือง โจทยป์ ญั หาการบวก ลบ ระคน ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต. มหาสารคาม :มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. สมศรี อภยั . (2553). ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ แบบฝกึ ทกั ษะ. การศึกษาค้นควา้ อสิ ระการศึกษามหาบัณฑติ สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สธุ ัญญา รตั นบรรพต. (2558) การพัฒนาแบบฝกึ ทักษะกลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ เร่อื ง รอ้ ยละ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาครุศาสตรม์ หาบณั ฑติ สาขาการพฒั นาหลกั สตู รและการเรียนการสอน บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี. สวุ ิทย์ มูลคํา และสุนันทา สนุ ทรประเสรฐิ . (2550). การพฒั นาผลงานทางวชิ าการ สูก่ ารเลือ่ นวิทยฐานะ. กรุงเทพฯ : อี เคบุ๊คส.์ อษุ ณีย์ เสือจันทร์. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทกั ษะแกป้ ัญหาทางคณติ ศาสตร์ เรื่อง วธิ เี รียงสบั เปลี่ยนและวิธจี ัดหมู่ กลุ่ม สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5. วทิ ยานิพนธป์ ริญญาการศึกษามหาบัณฑติ (สาขาวิจยั และ ประเมินผลการศกึ ษา). บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยนเรศวร 8


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook