Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วงจรไฟฟ้าแสงสว่าง

วงจรไฟฟ้าแสงสว่าง

Published by dreamzaq45, 2020-11-04 17:39:25

Description: วงจรไฟฟ้าแสงสว่าง

Search

Read the Text Version

วงจร ไฟฟา แสงสวา่ ง นายนราธิป ภัทรมณฑา 63040114 นายธนิต เหลืองอ่อน 63040132 เสนอ ดร.ดุสิต ขาวเหลือง

ก คำนำ รำยงำนเล่มน้ีจดั ทำข้ึน เพอ่ื ใหไ้ ดศ้ ึกษำหำควำมรู้ในเรื่องวงจรไฟฟ้ำเบ้อื งตน้ และไดศ้ ึกษำอยำ่ งเขำ้ ใจเพือ่ เป็นประโยชนก์ บั กำรเรียน ผูจ้ ดั ทำหวงั วำ่ รำยงำนเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์กบั ผูอ้ ำ่ น หรือนกั เรียน นกั ศกึ ษำ ท่ีกำลงั หำขอ้ มลู เร่ืองน้ีอยหู่ ำกมีขอ้ แนะนำหรือขอ้ ผดิ พลำดประกำรใด ผจู้ ดั ทำขอนอ้ ม รับไวแ้ ละขออภยั มำณ ท่นี ้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทำ

สารบญั ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สำรบญั ข วงจรไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง 1 หลกั กำรทำงำนของหลอดไฟฟ้ำ 1 เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้ำท่ีให้แสงสว่ำง 1 ประเภทของหลอดไฟ กำรใชง้ ำนของหลอดไฟชนิดตำ่ ง ๆ 5 วงจรไฟฟ้ำแสงสวำ่ ง 9 ควำมปลอดภยั ในกำรตอ่ วงจรแสงสว่ำง 11

1 วงจรไฟฟ้าแสงสว่าง หลกั การทางานของหลอดไฟฟ้า การที่หลอด ไฟฟ้าให้แสงสว่างไดเ้ ป็นไปตามหลกั การดงั น้ี เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอด ซ่ึงมี ความตา้ นทานสูง พลงั งานไฟฟ้าจะเปล่ียนเป็นพลงั งานความร้อน ทาใหไ้ สห้ ลอดร้อนจดั จนเปลง่ แสง ออกมาได้ ซ่ึงมีการเปล่ียนรูปพลงั งานดงั น้ี พลงั งานไฟฟ้า ----> พลังงานความร้อน ----> พลงั งานแสง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง อุปกรณ์ท่ีเปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็ นพลงั งานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซนต์ และ หลอดไฟโฆษณา โธมสั แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) นกั ฟิ สิกส์ชาวอเมริกนั ไดป้ ระดิษฐห์ ลอดไฟฟ้า ข้ึนเป็ นคร้ังแรกเมื่อ พ . ศ . 2422 โดยใชค้ าร์บอนเส้นเล็ก ๆ เป็นไส้หลอดและต่อมาไดม้ ีการพฒั นาข้ึน จนเป็น หลอดไฟฟ้าท่ีใชใ้ นปัจจุบนั

2 ไส้หลอด คร้ังแรก เอดิสนั ใชค้ าร์บอนเสน้ เลก็ ๆ เป็นไสห้ ลอด ซ่ึงมีปัญหาคือ ไส้หลอดขาดง่ายเม่ือไดร้ ับ ความร้อน ปัจจุบนั ไส้หลอดทาดว้ ยทงั สเตน ซ่ึงเป็นโลหะท่ีหาง่าย ราคาไม่แพง มี ความตา้ นทานสูง มีจุดหลอด เหลวสูงมาก เม่ือไดร้ ับความร้อนจึงไม่ขาดง่าย ลกั ษณะของไส้หลอด ขดไวเ้ หมือนสปริง มีขนาดแตกต่างกนั ข้ึนอยู่กบั กาลงั ไฟฟ้าของหลอดไฟฟ้า กล่าวคือ หลอดท่ีมีกาลงั ไฟฟ้าต่าไส้หลอดจะใหญ่ ความตา้ นทานน้อย ส่วนหลอดท่ีมีกาลงั ไฟฟ้าสูง ไสห้ ลอดจะเลก็ มีความตา้ นทานมาก หลอดแก้ว ทาจากหลอดแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ภายในสูบอากาศออกจนหมด แลว้ บรรจุแก๊ส ไนโตรเจน และอาร์กอนเพียงเล็กนอ้ ยไวแ้ ทนที่ แก๊สท่ีบรรจุไวน้ ้ีจะช่วยให้ทงั สเตนที่ไดร้ ับความร้อนไม่ระเหิด ไปจบั ที่ผิวในของหลอดไฟฟ้า ซ่ึงจะทาใหห้ ลอดไฟฟ้าดา ข้วั ต่อไฟ เป็นจุดตอ่ วงจรไฟฟ้าภายในหลอด หลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ (fluorescent) หรือหลอดเรืองแสง เป็นอุปกรณ์ที่เปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นแสง สว่างท่ีนิยมใชก้ นั มาก มีรูปร่างหลายแบบเช่น ทรงกระบอกส้ัน ยาว คร่ึงวงกลม หรือวงกลม หลอดฟลูออเรส เซนต์ มีส่วนประกอบดงั น้ี

3 ข้วั ต่อไฟ เป็นจุดต่อวงจรไฟฟ้าของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ไส้หลอด ทาดว้ ยโลหะทงั สเตนอยทู่ ่ีปลายหลอดท้งั สองขา้ ง หลอดแก้ว ภายในหลอดสูบอากาศออกจนหมด แลว้ ใส่ไอปรอทไวเ้ ลก็ นอ้ ย ผิวหลอดแกว้ ดา้ นใน ฉาบ ดว้ ยสารวาวแสง (fluorescent coating) ชนิดตา่ ง ๆ ซ่ึงจะใหส้ ีต่าง ๆ กนั ออกไป อุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบกบั หลอดฟลอู อเรสเซนต์ มีดังนี้ แบลลสั ต์ และสตาร์ตเตอร์ สตาร์ตเตอร์ (starter) ทาหนา้ ที่เป็นสวติ ซ์อตั โนมตั ิในขณะหลอดฟลูออเรสเซนตย์ งั ไมต่ ิด และหยดุ ทางานเมื่อหลอดติดแลว้ แบลลสั ต์ (ballast) ทาหนา้ ที่เพิม่ ความตา่ งศกั ย์ เพ่อื ใหห้ ลอดฟลอู อเรสเซนตต์ ิดในตอนแรก และทาให้ กระแสไฟฟ้าที่ผา่ นหลอดไฟลดลงเม่ือหลอดติดแลว้ พร้อมท้งั ควบคุมใหก้ ระแสไฟฟ้าคงตั

4 การใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ทุกชนิดต้องต่อวงจรเข้ากบั สตาร์ตเตอร์และแบลลสั ต์ แล้วจงึ ต่อเข้ากบั สายไฟฟ้าใน บ้าน ดังรูป หลกั การทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ เม่ือกระแสไฟฟ้าผา่ นไอปรอท จะคายพลงั งานไฟฟ้าให้แก่ไอปรอท ซ่ึงจะทาให้อะตอม ของไอปรอท อยู่ในสภาวะถูกกระตุน้ (exited state) เป็ นผลให้อะตอมปรอทคายพลงั งานออกมาเพื่อ ลดระดบั พลงั งานใน ตวั เองในรูปของรังสีอลั ตราไวโอเลต ซ่ึงมองไม่เห็น เม่ือรังสีชนิดน้ีไปกระทบกบั สารวาวแสงท่ีฉาบไวท้ ี่ผิวดา้ น ในของหลอดฟลูออเรสเซนต์ สารเหล่าน้ีจะเปล่งแสงได้ โดยใหแ้ สงสีต่าง ๆ ตามชนิดของสารวาวแสงท่ีฉาบไว้ ภายในหลอดน้นั เช่น แคดเมียมบอเรท (Cadmium borate) ให้ แสงสีชมพู แคดเมียมซิลิเคท (Cadmium silicate) ใหแ้ สงสีชมพอู อ่ น แมกนีเซียมทงั สเตท (Magnesium tungstate) ใหแ้ สงสีขาวอมฟ้า แคลเซียมทงั สเตท (Calcium tungstate) ให้แสงสีน้าเงิน ซิงค์ซิลิเคท (Zinc silicate) ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Beryllium silicate) ให้แสงสีเหลืองนวล นอกจากน้ียงั อาจผสมสารวาวแสงเหล่าน้ี เพ่ือให้ไดแ้ สงสีผสมที่แตกต่างกัน ออกไปไดอ้ ีกดว้ ย

5 ข้อเปรียบเทยี บระหว่างหลอดไฟฟ้ากบั หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าเท่ากนั • หลอดไฟฟ้าสวา่ งนอ้ ยกวา่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ เมื่อมีจานวนวตั ตเ์ ทา่ กนั • หลอดไฟฟ้ามีอายกุ ารใชง้ านส้ันกวา่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ • ขณะใชง้ านอุณหภูมิของหลอดไฟฟ้าสูงกวา่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ • หลอดไฟฟ้าเสียค่าใชจ้ ่ายในการติดต้งั นอ้ ยกวา่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ เพราะหลอดฟลอู อเรสเซนตต์ อ้ ง ตอ่ วงจรเขา้ กบั แบลลสั ตแ์ ละสตาร์ตเตอร์เสมอ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรือทเี่ รียกกนั ทว่ั ไปว่าหลอดตะเกยี บ หลอดคอมแพค ฟลอู อเรสเซนตม์ ี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีแบลลสั ตภ์ ายใน สามารถใชแ้ ทนหลอดไฟฟ้าแบบมีเข้ียวและแบบ เกลียวได้ อีกชนิดหน่ึงเป็นแบบที่มีแบลลสั ตอ์ ยภู่ ายนอกจะมีขาเสียบ เพ่ือตอ่ เขา้ กบั แบลลสั ต์ สมบตั ิที่สาคญั ของ หลอดคอมแพคฟลอู อเรสเซนต์ คือ ช่วยประหยดั พลงั งานไฟฟ้า และมีอายกุ ารใชง้ าน ที่ยาวนานกวา่ หลอดฟลูออ เรสเซนต์ ประเภทของหลอดไฟ การใช้งานของหลอดไฟชนิดต่าง ๆ ในปัจจุบนั ประเทศเรามีการใชห้ ลอดไฟมากมายหลายประเภทไปตามยคุ ตามสมยั บางชนิดนิยมใชม้ า เป็ นระยะเวลายาวนาน บางชนิดเช่นหลอด LED ก็เพ่ิงมานิยมใช้งานเม่ือไม่กี่ปี และเนื่องจากมีการพฒั นา นวตั กรรมมากมายเกี่ยวกบั ดา้ นการประหยดั พลงั งานจนกลายมาเป็ นหลอด LED ล่าสุดท่ีนิยมใชง้ านกนั อย่าง แพร่หลายในปัจจุบนั 1.หลอดไส้ (Incandescent Lamp)

6 เป็นหลอดไฟที่มีการใชง้ านมานานมาก มีอีกชื่อที่เรียกคือ “หลอดดวงเทียน” เพราะมีแสงแดงๆคลา้ ย แสงเทียน หลายๆคนน่าจะคุน้ เคยกบั หลอดชนิดน้ีกนั เป็นอยา่ งดี มีท้งั ชนิดแบบแกว้ และฝ้า ไส้หลอดทามาจาก ทงั สเตนให้ความร้อนสูง หลกั การทางานคือกระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดเปลี่ยนจากพลงั งานไฟฟ้าเป็นความ ร้อน เม่ือไส้หลอดร้อนจะเปล่งแสงออกมา หลอดไส้น้นั มีขอ้ เสียคือเม่ือมีความร้อนสะสมมาก ๆ อายกุ ารใชง้ าน จะยง่ิ ส้นั ลง โดยกินไฟมากเนื่องจากสูญเสียไปกบั ความร้อนที่เกิดข้ึน 2. หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent tube) Fluorescent หรือหลอดเรืองแสง ใหแ้ สงสว่างมากกวา่ หลอดไส้ถึง 5 เท่า อายกุ ารใชง้ านนานกว่าหลอด ไส้ประมาณ 7-8 เท่าตวั โดยตวั หลอดมีไส้โลหะทงั สเตนติดอยทู่ ี่ปลายท้งั 2 ขา้ ง ของหลอด ผิวภายในฉาบดว้ ย สารเรืองแสง โดยมีการใส่ไอปรอทไวเ้ ล็กน้อย หลกั การทางานคือเม่ือกระแสไฟฟ้าไหลผ่านปรอทจะคาย พลงั งานในรูปแบบรังสีอลั ตราไวโอเลตเม่ือกระทบสารเรืองแสงท่ีฉาบไวห้ ลอดก็จะเปล่งแสงออกมา อายกุ ารใช้ งานมีต้งั แต่ 6000 ถึง 20000 ชว่ั โมง 3.หลอดฮาโลเจน (Halogen) พฒั นามาจากหลอดไส้ท่ีใช้ก๊าซฮาโลเจนบรรจุภายในทาให้ทนทานกว่าหลอดไส้ปกติให้ค่าความ ถูกตอ้ งของสีถึง 100 % มกั ใชก้ บั พ้ืนท่ีที่ตอ้ งการแสงสว่างเป็ นพิเศษ เช่นพ้ืนท่ีงานแสดงสินคา้ มุมอบั ของบา้ น หอ้ งทางาน อายกุ ารใชง้ าน 1500-3000 ชวั่ โมง

7 4.หลอดเมทัลฮาไลด์ (Metal halide) เป็ นหลอดท่ีจัดอยู่ในกลุ่มให้ความเขม้ แสงสูง หลกั การทางานคือ Arc ไฟฟ้าว่ิงผ่านก๊าซในโคมไฟ หลอด arc ที่มีขนาดเลก็ จะผสมกบั แรงดนั สูงของอาร์กอน ปรอทและความหลากหลายของโลหะผสมกนั ทาให้ เกิดสีสันต่าง ๆ ความร้อนท่ีเกิดข้ึนจากการแตกตวั ของปรอทและไอโลหะที่ผลิตไฟน้ีจะทาให้ อณุ หภูมิและความ ดนั เพ่ิมข้ึน หลอดเมทลั ฮาไลดจ์ ึงทางานภายใตค้ วามดนั และอุณหภูมิสูง ส่วนใหญ่จะใชส้ ่องสว่างในสนามกีฬา ใชเ้ ป็นไฟสาดอาคารเพอื่ เนน้ ความสวยงาม โดยมีอายกุ ารใชง้ านถึง 24000 ชวั่ โมง 5. หลอดแสงจันทร์ หรือ หลอดไฟไอปรอท หลอดประเภทน้ีทางานดว้ ยการปล่อยประจุความเขม้ ขน้ สูงหลกั การทางานคือใชไ้ ฟฟ้าแรงสูงกระโดด ผา่ นไอปรอทท่ีอยภู่ ายในหลอดเพือ่ ใหเ้ กิดแสงสวา่ ง มีอายกุ ารใชง้ านประมาณ 24000 ชม มีค่าความถูกตอ้ งของสี ค่อนขา้ งต่า ให้แสงสีขาวค่อนขา้ งเขม้ แสงจะออกนวลมีปริมาณแสงสว่างต่อวตั ตส์ ูงกวา่ หลอดชนิดอ่ืน ๆ แสง ส่องสวา่ งไดไ้ กลเหมาะกบั โรงงาน โกดงั สินคา้ สนามกีฬา

8 6. หลอดคอมแพคต์ฟลอู อเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกยี บ มีการทางานคลา้ ยหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ท่ีเราคุน้ หนา้ คุน้ ตาก็คือ”หลอดตะเกียบ” ซ่ึงมีแบบท่ีบลั ลาสต์ ในตวั และแบบอยภู่ ายนอก มีรูปร่างท่ีหลากหลาย เช่นแบบเกลียว แบบหลอด แบบหลอดส่ีแถวเป็นตน้ โดยจะมี อายกุ ารใชง้ านท่ีมากกวา่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ 7. หลอด LED โดยหลอดไฟ LED ถือว่าไดร้ ับการพฒั นามาจากเทคโนโลยีในยุคใหม่ๆ หลกั การทางานจะต่างจาก หลอดทว่ั ๆ ไป โดยแสงสวา่ งเกิดข้ึนจากการเคลื่อนของอิเล็กตรอนภายในสารก่ึงตวั นาหลอด LED ลดจุดดอ้ ย ต่าง ๆ ของหลอดไฟที่ผา่ นมา เช่น เรื่องความร้อนเนื่องจากไม่มีการเผาไส้หลอด มีอายกุ ารใชง้ านท่ีนาน 50000 ชวั่ โมง ใช้ Watt นอ้ ยแตใ่ หแ้ สงสวา่ งมากกวา่ ถนอมสายตา เนื่องจากมีการกระพริบของหลอดนอ้ ยมาก ไม่มีสาร UV ท้งั ยงั เป็นมิตรกบั สิ่งแวดลอ้ มเน่ืองจากไมม่ ีการใชส้ ารปรอท Infinite LED

9 วงจรไฟฟ้าแสงสว่าง การท่ีจะทาใหเ้ กิดแสงสวา่ งในวงจรไฟฟ้าไดน้ ้นั ในวงจรจะตอ้ งประกอบดว้ ยแหล่งจ่ายไฟฟ้าสาหรับ ป้อนแรงดนั และกระแสใหก้ บั หลอดโดยผา่ นสายไฟ โดยท่ีแหลง่ จ่ายไฟฟ้าจะเป็นแบบไฟฟ้ากระแสตรงหรือระ แสสลบั ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของหลอดที่ตอ้ งการใชก้ บั ไฟฟ้าประเภทใด วงจรแบบเปิ ดไฟจะดบั วงจรแบบปิ ดไฟจะติด ถา้ เป็ นไฟฟ้าท่ีใชต้ ามอาคารบา้ นเรือน ตอ้ งป้อนไฟฟ้ากระแสสลบั ใหก้ บั หลอดไฟ โดยที่แหล่งจ่ายไฟ คือโรงไฟฟ้าบริเวณเข่ือนต่าง ๆ จะผลิตกระแสไฟฟ้าแลว้ ส่งมาตามสายไฟฟ้าแรงสูงผา่ นหมอ้ แปลงท่ีการไฟฟ้า สถานีย่อย เพ่ือแปลงแรงดนั ให้ลดลงเหลือประมาณ 12,000 โวลท์ แลว้ ส่งต่อมายงั สายไฟตามถนนสายต่าง ๆ ก่อนท่ีจะตอเขา้ อาคารบา้ นเรือน จะมีหมอ้ แปลงที่ใชใ้ นการแปลงไฟจาก 12,000 โวลท์ เป็น 220 โวลท์ 1 เฟส โดยที่สายไฟจะมี 2 เสน้ คือ ไลน์ (Line) และ นิวตรอน (Neutral) ไลน์ เป็นสายไฟที่มีไฟ ส่วนนิวตรอน เป็นสาย ดินไมม่ ีไฟ สามารถทดสอบไดโ้ ดยใชไ้ ขควงเชค็ ไฟ ถา้ ไฟติดที่เส้นใดแสดงวา่ เป็นเสน้ ไลน์ นอกจากน้ียงั มีระบบ ไฟฟ้าที่จ่ายใหก้ บั โรงงานอุตสาหกรรมประเภท 3 เฟส ซ่ึงแรงเคล่ือนที่จ่ายอาจจะเป็น 220 โวลท์ หรือ 380 โวลท์

10 ข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการใชง้ าน โดยทวั่ ไปโรงงานอุตสาหกรรมจะตอ้ งใชไ้ ฟมาก จึงจาเป็นท่ีจะตอ้ งใชไ้ ฟแบบ 3 เฟส อาจจะมี 3 สาย หรือ 4 สาย กแ็ ลว้ แต่ความตอ้ งการใชง้ าน โครงสร้างภายในประกอบดว้ ยไสห้ ลอดที่ทามาจากทงั สเตน, กา้ นยดึ ใส้หลอด, ลวดนากระแส , แผน่ ฉนวนหกั เหความร้อน,ฟิ วส์,ทอ่ ดูดอากาศ และข้วั หลอดแกว้ จะบรรจุกา๊ ซเฉี่อย เช่น อาร์กอน หรือไนโตรเจน เพอ่ื ไม่ใหห้ ลอดที่ร้อยขณะป้อนกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นทาใหเ้ กิดการเผาไหมไ้ ส้หลอดอาจจะขาดได้ เป็นหลอดไฟฟ้าที่นิยมใชก้ นั ทว่ั ไป เพราะวา่ ใหแ้ สงสวา่ งนวลสบายตา และมีอายกุ ารใชง้ านท่ียาวนาน กวา่ หลอดไส้ถึง 8 เทา่ ลกั ษณะของหลอดเป็นรูปทรงกระบอก รูปวงกลมและตวั ยู มีขนาดอตั ราทนกาลงั 10 วตั ต,์ 20 วตั ต,์ 32 วตั ต,์ และ 40 วตั ตเ์ ป็นตน้ ขนาด 40 วตั ตม์ ีอายกุ ารใชงั้ าน 8,000 ถึง 12,000 ชว่ั โมง ใหค้ วาม สวา่ งของแสงประมาณ 3,100 ลูเมน

11 ความปลอดภยั ในการต่อวงจรแสงสว่าง 1. ตรวจสอบสายไฟฟ้า ถา้ ชารุดใหใ้ ชเ้ ทปพนั เป้นแนวนหุม้ ใหเ้ รียบร้อย และตรวจจุดต่อสายไฟดว้ ย 2. อุปกรณ์ที่เคลื่อนท่ีไดค้ วรตรวจสอบบริเวณจดุ ขอ้ ต่อ ข้วั ที่ติดอปุ กรณ์ สายไฟฟ้าดว้ ยความระวงั ถา้ ชารุดควรเปล่ียนใหอ้ ยใู่ นสภาพดี 3. รักษาสภาพเคร่ืองมือท่ีเคล่ือนยา้ ยไดใ้ หอ้ ยใู่ นสภาพดีตลอด 4. ดวงโคมไฟฟ้าตอ้ งมีที่ครอบ ป้องกนั หลอดไฟ 5. การเปล่ียนหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ควรใหช้ ่างทางเคร่ืองมือเป็นผดู้ าเนินการ 6. หา้ มจบั สายไฟขณะท่ีไฟฟ้าไหลอยู่ 7. อยา่ แขวนสายไฟบนของมีคม เช่น มีด เลื่อย ใบพดั 8. การใชเ้ ครื่องมือทางไฟฟ้า ควรตอ่ เปลือกหุม้ ท่ีเป็นโลหะลงสู่ดิน 9. การใชม้ อเตอร์ หมอ้ แปลง ควรมีผรู้ ับผิดชอบควบคุมในการเปิ ดปิ ดใชง้ าน 10. ในส่วนที่อาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายควรมี ป้าย ไฟสัญญาณ ธงสีแดง เทปแดง ติดแสดงไว้ 11. ถา้ เกิดเหตกุ ารณ์ผิดปกติกบั อุปกรณ์ควรแจง้ ใหผ้ รู้ ับผิดชอบทราบ 12. หา้ มปลดอปุ กรณ์ป้องกนั อนั ตรายทางไฟฟ้า ออก เวน้ แตไ่ ดร้ ับอนุญาต

12 13. เมื่อใชง้ านเสร็จควรปิ ดสวทิ ช์ และตอ้ งแน่ใจวา่ สวทิ ชไ์ ดป้ ิ ดลงแลว้ 14. ควรหมน่ั ทาความสะอาดใหป้ ราศจากฝ่นุ ละออง 15. ควรระวงั ไฟฟ้าท่ีมีความตา่ งศกั ยส์ ูง 16. ควรเอาใจใส่ดูแลสายไฟฟ้าแรงสูง ตรวจสภาพอยเู่ สมอ 17. หา้ มห่อหุม้ โคมไฟดว้ ยกระดาษ หรือ ผา้ 18. หา้ มนาสารไวไฟหรือ สารลกุ ติดไฟง่ายเขา้ ไกลก้ บั สวิทช์ 19. หา้ มใชอ้ ุปกรณ์ขณะมือเปี ยกน้า 20. เม่ือมีผไู้ ดร้ ับอนั ตราย ควรสับสวิทชใ์ หว้ งจรไฟฟ้าเปิ ด 21. เม่ือไฟฟ้าดบั ไฟฟ้าช๊อต ควรสับสวทิ ชใ์ หว้ งจรไฟฟ้าเปิ ด 22. ไมค่ วรเดินเหยยี บสายไฟฟ้า 23. ควรกดสวิทชใ์ หแ้ น่ใจวา่ สวทิ ชไ์ มค้ า้ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook