Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารการสอนปรับพื้นฐาน1

เอกสารการสอนปรับพื้นฐาน1

Published by Sirirat Wonginyoo, 2020-04-30 09:13:32

Description: เอกสารการสอนปรับพื้นฐาน1

Search

Read the Text Version

โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบางขนุ เทียน ชุดการสอนปรับพืน้ ฐาน วชิ า ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 4 ช่ือ..................................................นามสกลุ .................................ช้ัน..................เลขท.ี่ ........................... กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ครูคมกริช น่วมนาม ครูมัทนา มงคลเมือง ครูศิริรัตน์ วงค์อินทร์อยู่ ครูกมลวรรณ สินประเสริฐ

คํานาํ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดก้ าํ หนดให้ภาษาไทย ซ่ึงเป็ นภาษา ประจาํ ชาติ เป็นรายวิชาพ้ืนฐานที่ผูเ้ รียนทุกคนตอ้ งเรียน เพ่ือพฒั นาศกั ยภาพของผูเ้ รียนให้สามารถใชภ้ าษาไทย ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษาไทยและเกิดความรู้ความเขา้ ใจในเอกลกั ษณ์ทางภาษาของชาติ สาํ หรบั ชุดการสอนปรบั พ้นื ฐาน ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 ไดจ้ ดั ทาํ ข้ึนเพอื่ ใชเ้ ป็นเคร่ืองมือใน การเรียนปรับพ้ืนฐาน ประจาํ ปี การศึกษา 2563 มีเน้ือหามุ่งเนน้ ให้ผูน้ กั เรียนเขา้ ใจภาษาไทยกวา้ งข้นึ ผูเ้ รียนได้ พฒั นาศกั ยภาพในการเรียนวิชาภาษาไทย และสามารถนาํ ความรู้ความคิดและประสบการณท์ ไ่ี ดร้ บั ไปใชใ้ ห้เกิด ประโยชนท์ ้งั ดา้ นการเรียนและการนาํ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาํ วนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ท้งั น้ีการทผี่ เู้ รียน จะสามารถใชภ้ าษาไทยไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ จาํ เป็นตอ้ งเรียนรู้ จดจาํ ฝึกทาํ และนาํ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั หวงั ว่าชุดการสอนปรับพ้ืนฐาน ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จะเป็ นประโยชน์และช่วยพฒั นา ศกั ยภาพการเรียนภาษาไทยของนกั เรียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี คณะผ้จู ดั ทํา

สารบญั หน้า เร่ือง ก 1 คาํ นาํ 4 บทท่ี 1 เร่ืองธรรมชาติของภาษา 10 บทที่ 2 เสียงและอกั ษร 14 บทท่ี 3 โครงสร้างพยางค์ / คาํ 18 บทที่ 4 การสร้างคาํ (คาํ มูล คาํ ซ้าํ คาํ ประสม คาํ ซอ้ น) 24 บทที่ 5 การสร้างคาํ (คาํ สมาส คาํ สนธิ) 29 บทที่ 6 คาํ ไทยแท้ และคาํ ทมี่ าจากภาษาอน่ื 32 บทที่ 7 สาํ นวน คาํ พงั เพย และสุภาษิต 36 บทที่ 8 ลกั ษณะของประโยคในภาษาไทย 42 บทท่ี 9 คาํ สุภาพและคาํ ราชาศพั ท์ 49 บทที่ 10 วรรณคดีและวรรณกรรม ภาคผนวก

1 บทที่ 1 ธรรมชาติของภาษา ความหมายของภาษา ภาษา คือ เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการส่ือความหมาย ภาษาแบ่งความหมายออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื 1. ภาษาในความหมายกว้าง หมายถึง ภาษาทใ่ี ชค้ าํ พดู และภาษาที่ไมไ่ ดใ้ ชค้ าํ พูดหรือภาษาท่าทาง ท้งั น้ีอาจ รวมไปถึงภาษาของสตั ว์ 2. ภาษาในความหมายแคบ หมายถึง ภาษาท่ีใชค้ าํ พูด จะเป็นคาํ พูดหรือลายลกั ษณ์อกั ษร ซ่ึงเป็ นเคร่ืองหมาย ใชแ้ ทนคาํ พูดก็ได้ 1. ธรรมชาติของภาษา 1. ภาษาใช้เสียงส่ือความหมาย 1. ภาษาตามความหมายแคบ = มนุษยใ์ ชส้ ื่อสารกนั ใชเ้ สียงพดู ในการสื่อความหมาย 2. เสียงกบั ความหมายไม่จาํ เป็ นต้องสัมพันธ์กัน = เช่นคาํ วา่ “บา้ น” ก็มคี าํ เรียกที่ตา่ งกนั ในแต่ละภาษา แตล่ ะกลมุ่ ชนทตี่ กลงกนั เช่น โฮม เฮา้ ส์ (องั กฤษ) / เจีย (จีน) / เมซอง (ฝรง่ั เศส) 2. ภาษาประกอบด้วยหน่วยเลก็ ซึ่งประกอบกันเป็ นหน่วยใหญ่ขึน้ เสียง --> คาํ --> กลุ่มคาํ --> ประโยค --> ขอ้ ความ --> เรื่องราว 3. ภาษามกี ารเปลี่ยนแปลง ดังนี้ • การพดู คุยประจาํ วัน : กร่อนเสียง กลมกลนื เสียง ความหมายเปลี่ยน เลกิ ใช้ ก. การกลมกลืนเสียง เช่น อยา่ งน้ี ð ยงั ง้ี อยา่ งไร ð ยงั ไง ข. การกร่อนเสียง เช่น ฉันน้นั ð ฉะน้นั หมากพร้าว ð มะพร้าว ค. การตดั เสียง เช่น อโุ บสถ ð โบสถ์ ศิลปะ ð ศิลป์

2 ง. การกลายเสียง เช่น สะพาน ð ตะพาน สภาวะ ð สภาพ จ. การเพิม่ เสียง เช่น ผกั เฉด ð ผกั กระเฉด ลกู ดุม ð ลกู กระดุม ฉ. การสลบั เสียง เช่น ตะกร้า ð กะตา้ ตะไกร ð กะไต • อิทธิพลภาษาอ่ืน : คาํ ยืม (ยืมคําศัพท์) สํานวนต่างประเทศ (ยืมรูปแบบการวางประโยค / แปล ความหมายแบบตรง ๆ) • ส่ิงแวดล้อมเปลี่ยน : เกิดส่ิงประดิษฐ์ใหม่ ๆ ของเกา่ ถูกลมื • การเรียนภาษาของเดก็ : เช่น พ่อ มกั ออกเสียงเป็น ป้อ คณุ ลุง มกั ออกเสียงเป็น จุนลงุ 4. ภาษามลี กั ษณะเฉพาะทตี่ ่างและเหมือนกัน 1. ลกั ษณะเฉพาะท่ีต่างกนั ของแตล่ ะภาษา ไดแ้ ก่ เสียง ชนิดของคาํ และไวยากรณ์ เช่น ภาษาไทย จีน เวียดนาม และรัสเซียมเี สียงวรรณยกุ ต์ แตใ่ นภาษาเขมร พม่า และองั กฤษไมม่ เี สียง วรรณยกุ ต์ 2. ลกั ษณะเฉพาะที่เหมอื นกนั ในแตล่ ะภาษา เช่น เสียงส่ือความหมาย มวี ธิ ีสร้างคาํ หลากหลาย มีสาํ นวน สุภาษิต มคี าํ ชนิดต่าง ๆ ขยายประโยคไดเ้ รื่อย ๆ มีวิธีแสดงความคิดคลา้ ยกนั และมกี ารเปลย่ี นแปลง 2. พลงั ของภาษา ความสาํ คญั ของภาษา 1. ภาษาช่วยธาํ รงสงั คม ภาษาใชก้ าํ หนดแนวทางปฏบิ ตั ิใหส้ ังคมธาํ รงอยไู่ ด้ 2. ภาษาแสดงความเป็นปัจเจกบุคคล การใชส้ าํ นวนภาษาของแต่คนแสดงถงึ ลกั ษณะเฉพาะตน 3. ภาษาช่วยให้มนุษยพ์ ฒั นา ภาษาถ่ายทอดความรู้และพฒั นาความคดิ ใหเ้ กิดสิ่งใหม่ ๆ 4. ภาษาช่วยกาํ หนดเหตกุ ารณ์ทจ่ี ะให้มขี ้นึ ในอนาคต 5. ภาษาช่วยจรรโลง เช่น บทเพลง นิทาน นิยายคาํ อวยพร

3 กิจกรรมที่ 1 เรื่องธรรมชาติและพลงั ของภาษา คําชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนคาํ ตอบต่อไปน้ีถกู ตอ้ ง 1. วจั นภาษา คือ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. อวจั นภาษา คอื ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 3. อวจั นภาษาทพ่ี บเห็นในโรงเรียน พร้อมท้งั บอกความหมาย 1)............................................................................................................................................................................. 2)............................................................................................................................................................................ 3)............................................................................................................................................................................ 4)............................................................................................................................................................................ 5)......................................................................................................................................................................... 4.อธิบายหน่วยในภาษาหรือส่วนประกอบของภาษา ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 5. อธิบายลกั ษณะทวั่ ไปของภาษา ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................

4 บทท่ี 2 เสียงและอกั ษร (ไตรยางค)์

5

6 3.

7 คําเป็ น คําตาย คาํ เป็น คาํ ตาย เป็นการจาํ แนกคาํ ตามลกั ษณะทีใ่ ชร้ ะยะเวลาออกเสียงต่างกนั ซ่ึงลกั ษณะดงั กลา่ วจะทาํ ให้ คาํ ทีม่ ีเสียงพยญั ชนะตน้ เป็นรูปเดียวกนั มีเสียงวรรณยกุ ตต์ า่ งกนั ตวั อยา่ งเช่น คา เป็นอกั ษรต่าํ คาํ เป็น พ้ืน เสียง เป็นเสียงสามญั ส่วน คะ เป็นอกั ษรต่าํ คาํ ตาย เสียงส้ัน พ้ืนเสียงเป็นเสียงตรี คาํ เป็ น ไดแ้ ก่ คาํ ที่มลี กั ษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. คาํ ทพ่ี ยญั ชนะประสมกบั สระเสียงยาวในแม่ ก กา เช่น มา ดู ปู เวลา ปี ฯลฯ 2. คาํ ท่ีพยญั ชนะประสมกบั สระ –าํ ใ - ไ - เ – า เช่น จาํ น้าํ ใช่ เผ่า เสา ไป ฯลฯ 3. คาํ ท่ีมตี วั สะกดอยใู่ นแม่ กง กน กม เกย เกอว เช่น จริง กิน กรรม สาว ฉุย ฯลฯ คาํ ตาย ไดแ้ ก่ คาํ ท่มี ีลกั ษณะ ดงั ต่อไปน้ี 1. คาํ ทีพ่ ยญั ชนะประสมกบั สระเสียงส้ันในแม่ ก กา เช่น กะทิ เพราะ ดุ แคะ ฯลฯ 2. คาํ ที่มตี วั สะกดในแม่ กก กบ กด เช่น บทบาท ลาภ เมฆ เลข ธูป ฯลฯ สรุปวิธพี จิ ารณา 1) ใหส้ งั เกตท่ีตวั สะกดเป็นหลกั ถา้ คาํ ทตี่ อ้ งการพจิ ารณามีตวั สะกดให้ดทู ี่ตวั สะกดไม่ตอ้ งคาํ นึงถงึ สระ เสียงส้นั ยาว ดูวา่ คาํ น้นั มตี วั สะกดหรือไม่ ถา้ มใี หข้ ดี เส้นใตต้ วั สะกด 2) ดูวา่ ตวั สะกดน้นั เป็น กบด หรือไม่ ( แม่ กก กบ กด ) ถา้ ใช่ คาํ น้นั จะเป็นคาํ ตาย ถา้ ไมใ่ ช่ กบด คาํ น้นั จะเป็นคาํ เป็น 3) ในกรณีท่ไี ม่มตี วั สะกด ใหด้ วู า่ คาํ น้นั ประสมดว้ ยสระเสียงส้นั หรือเสียงยาว ถา้ อายสุ ้นั ( เสียงส้นั ) ตอ้ งตาย ถา้ อายยุ าว ( เสียงยาว ) จึง เป็น *** ดงั น้นั สรุปไดว้ ่า คาํ ทีป่ ระสมดว้ ยสระ –าํ ใ - ไ - เ – า เป็นคาํ เป็น เพราะนบั วา่ มตี วั สะกด ในมาตรา แม่กม แม่เกย และ แมเ่ กอว ตามลาํ ดบั

8 กิจกรรมที่ 1 เรื่องเสียงและอกั ษรในภาษาไทย คาํ ชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนจาํ แนกคาํ ตอ่ ไปน้ีให้ถูกตอ้ ง

9 กิจกรรมที่ 2.1 เรื่องคาํ เป็น - คาํ ตาย คาํ ชีแ้ จง ให้นกั เรียนกากบาท ( x ) ลงในช่องทีเ่ ป็นคาํ เป็น หรือ คาํ ตาย ขอ้ คาํ คาํ เป็น คาํ ตาย ขอ้ คาํ คาํ เป็น คาํ ตาย 1 ยกั ษ์ 6 บนั ดาล 2 บทบาท 7 ผดิ พลาด 3 ทณั ฑ์ 8 ลูกเกด 4 พจน์ 9 ประวตั ิศาสตร์ 5 ราตรี 10 โกรธ กิจกรรมที่ 2.2 เร่ืองคาํ เป็น - คาํ ตาย คําชีแ้ จง ประโยคต่อไปน้ีมพี ยางคเ์ ป็นและพยางคต์ ายอยา่ งละกี่พยางค(์ นบั ทกุ พยางค)์ อะไรบา้ ง ข้อ ประโยค คาํ ตอบ(พยางค์) พยางค์เป็ น พยางค์ตาย 1 หนงั เร่ืองไททานิคไดร้ ับความนิยมในหลายๆประเทศ 2 มคี าํ กล่าวทว่ี ่าความพยายามเป็นหนทางแห่งความสาํ เร็จ 3 หนงั สือเลม่ ที่ฉนั อ่านเป็นหนงั สือทห่ี ายากมาก 4 การทาํ ความดียอ่ มมผี ลท้งั ต่อตนเองและผูอ้ ่นื 5 เพอื่ นทดี่ ียอ่ มรักและปรารถนาดีตอ่ เพ่อื นอยา่ งเสมอตน้ เสมอปลาย 6 ถา้ เธอเตรียมตวั สอบเลขต้งั แต่เนิ่น ๆ เธอจะตอ้ งไดค้ ะแนนเต็มแน่ ๆ 7 คนไทยควรสนบั สนุนสินคา้ ไอทีท่ผี ลติ ในประเทศไทย 8 บคุ คลทฉี่ ันเคารพและยึดถือเป็นแบบอยา่ งคือแมข่ องฉัน 9 ถา้ เธอมาชา้ กว่าน้ีอกี นิดเดียว ฉนั กจ็ ะไมค่ อยเธอแลว้ 10 ในประเทศไทย ผคู้ นมกั จะไปวดั ในวนั พระ

10 บทที่ 3 โครงสร้างพยางค์ / คาํ เสียงพยญั ชนะทา้ ย (พยญั ชนะสะกด/ ตวั สะกด) ตวั การันต์ ไม่อา่ นออกเสียง

11

12

13 กิจกรรมท่ี 1 เร่ืองโครงสร้างพยางค์ / คาํ คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์โครงสร้างคาํ ทก่ี าํ หนดให้ต่อไปน้ี ข้อ คํา เสียง พยญั ชนะ เสียงสระ เสียง เสียง ตวั สรุป พยางค์ ต้น วรรณยกุ ต์ พยญั ชนะ การันต์ (คาํ อ่าน) ท้าย 1 สรรค์ 2 ศพั ท์ 3 ข่าว 4 เส้ือ 5 ให้ 6 เก๊ียว 7 นอ้ ง 8 เลห่ ์ 9 น้าํ 10 สวย 11 เสริฐ 12 ยทุ ธ 13 โลภ 14 เท่ยี ว 15 พร้อม 16 คู่ 17 พฤกษ์ 18 เสาร์ 19 จนั ทร์ 20 ยิ่ง

14 บทที่ 4 การสร้างคาํ (คาํ มลู ,คําซํา้ ,คาํ ประสม,คําซ้อน)

15 หลัง หน้า

16 ให้นกั เรียนจาํ วา่ คาํ ท่ี จะซอ้ นตอ้ ง “เหมอื น คลา้ ย ตรงขา้ ม”

กิจกรรมที่ 1 เรื่องการสร้างคาํ (คาํ มลู ,คาํ ซ้าํ ,คาํ ประสม,คาํ ซอ้ น) 17 คาํ ชีแ้ จง ให้นกั เรียนแยกคาํ ที่กาํ หนดใหล้ งในตารางให้ถกู ตอ้ ง ตบตา ขา้ วเหนียว กุหลาบ ฆ่าฟัน แดง๊ แดง กล่องดาํ ขยกุ ขยิก โคลนตม หมหู ัน ศีลธรรม เฉาก๊วย กนั สาด หักมุม กลว้ ยๆ ซ่อนเร้น เลือกสรร บาํ นาญ ผสู้ ูงอายุ รัตนโกสินทร์ เดก็ เด็ก คาํ มูล คาํ ซ้าํ คาํ ประสม คาํ ซ้อน

18 บทท่ี 5 การสร้างคาํ (คําสมาส คาํ สนธิ) คําสมาส คอื คาํ ทเี่ กิดจากการนาํ คาํ ในภาษาบาลีและสนั สกฤตมารวมเขา้ ดว้ ยกนั เพือ่ ทาํ ให้เกิดคาํ ใหม่ ท่ีมี ความหมายใหม่ โดยยงั มเี คา้ ของความหมายเดิมอยู่ หลกั สังเกตคําสมาสในภาษาไทย 1. เกิดจากคาํ มลู ต้งั แตส่ องคาํ ข้ึนไป 2. เป็นคาํ ทมี่ ีรากศพั ทม์ าจากภาษาบาลีและสันสกฤตเทา่ น้นั เช่น กาฬพกั ตร์ ภมู ิศาสตร์ ราชธรรม บตุ ร ทาน อกั ษรศาสตร์ อรรถคดี ฯลฯ 3. พยางคส์ ุดทา้ ยของคาํ หนา้ หากมีสระ อะ หรือมีตวั การันตอ์ ยู่ ใหย้ บุ ตวั น้นั ออก (ยกเวน้ คาํ บางคาํ เช่น กิจจะลกั ษณะ เป็นตน้ ) 4. แปลความจากหลงั มาหนา้ เช่น ราชบุตร แปลวา่ บตุ รของพระราชา, เทวบญั ชา แปลวา่ คาํ ส่งั ของ เทวดา,ราชการ แปลวา่ งานของพระเจา้ แผ่นดิน 5. ส่วนมากออกเสียงพยางคท์ า้ ยของคาํ หนา้ แมจ้ ะไมม่ ีรูปสระกาํ กบั อยู่ โดยจะใชเ้ สียง อะ อิ และ อุ (เช่น เทพบตุ ร) แต่บางคาํ กไ็ ม่ออกเสียง (เช่น สมยั นิยม สมทุ รปราการ) 6. คาํ บาลสี ันสกฤตท่ีมีคาํ ว่า พระ ซ่ึงกลายเสียงมาจากบาลสี นั สกฤต กถ็ อื ว่าเป็นคาํ สมาส (เช่น พระกร พระจนั ทร์) 7. ส่วนใหญ่จะลงทา้ ยว่า ศาสตร์ กรรม ภาพ ภยั ศึกษา ศิลป์ วทิ ยา (เช่น ศกึ ษาศาสตร์ ทกุ ขภาพ จิตวทิ ยา) 8. อา่ นออกเสียงระหวา่ งคาํ เช่น ประวตั ิศาสตร์ อา่ นวา่ ประ –หวดั –ติ –ศาสตร์ นิจศีล อา่ นว่า นิจ –จะ –สีน ไทยธรรม อา่ นวา่ ไทย –ยะ –ทาํ อทุ กศาสตร์ อ่านวา่ อุ –ทก –กะ –สาด อรรถรส อ่านวา่ อดั –ถะ –รด จลุ สาร อ่านว่า จุน –ละ –สาน 9. คาํ ทม่ี คี าํ เหล่าน้ีอยดู่ ว้ ย มกั จะเป็นคาํ สมาส คอื การ กร กรรม คดี ธรรม บดี ภยั ภณั ฑ์ ภาพ ลกั ษณ์ วทิ ยา ศาสตร์

19 ข้อสังเกต 1. ไมใ่ ช่คาํ ทีม่ าจากภาษาบาลีสันสกฤตท้งั หมด เช่น เทพเจา้ (เจา้ เป็นคาํ ไทย) ผลไม้ (ไม้ เป็นคาํ ไทย) พระโทรน (โทรน เป็นคาํ องั กฤษ) บายศรี (บาย เป็นคาํ เขมร) 2.คาํ ทไ่ี มส่ ามารถแปลความจากหลงั มาหนา้ ไดไ้ ม่ใช่คาํ สมาส เช่น ประวตั ิวรรณคดี แปลวา่ ประวตั ิของวรรณคดี นายกสมาคม แปลวา่ นายกของสมาคม วพิ ากษว์ จิ ารณ์ แปลว่า การวพิ ากษแ์ ละการวจิ ารณ์ 3. คาํ สมาสบางคาํ ไมอ่ อกเสียงสระตรงพยางคข์ องคาํ หนา้ เช่น ปรากฏ อา่ นวา่ ปรา –กด –กาน สุภาพบุรุษ อ่านวา่ สุ –พาบ– บุ –หรุด สุพรรณบุรี อ่านวา่ สุ –พรรณ– บุ –รี ตัวอย่างคาํ สมาส สามญั ศึกษา อ่านว่า สา –มนั –สึก –สา ธุรกิจ กิจกรรม กรรมกร ขณั ฑสีมา คหกรรม เอกภพ กาฬทวีป สุนทรพจน์ จีรกาล บปุ ผชาติ ประถมศกึ ษา ราชทณั ฑ์ มหาราช ฉันทลกั ษณ์ พทุ ธธรรม วรรณคดี อทิ ธิพล มาฆบูชา มจั จุราช วิทยฐานะ วรรณกรรม สมั มาอาชีพ หตั ถศึกษา วาตภยั อุตสาหกรรม สงั ฆราช รัตติกาล วสนั ตฤดู ยทุ ธวิธี อธิการบดี ดาราศาสตร์ พพุ ภกิ ขภยั สุคนธรส สุขภาพ สมณพราหมณ์ สงั ฆเภท อนิ ทรธนู ฤทธิเดช วสิ าขบูชา วตั ถุธรรม มหานิกาย มนุษยสัมพนั ธ์ วทิ ยาธร แพทยศ์ าสตร์ บุตรทาน พสั ดภุ ณั ฑ์ เวชกรรม เวทมนตร์ มรรคนายก วฏั สงสาร ปัญญาชน เอกชน ทวิบาท ไตรทวาร ศิลปกรรม อคั คภี ยั สารัตถศกึ ษา กาฬพกั ตร์ ราชโอรส ราชอบุ าย พระหัตถ์ ภมู ิศาสตร์ อดุ มคติ พระพุทธ รัฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์

20 คาํ สนธิ คือ การสมาสโดยการเช่ือมคาํ เขา้ ระหวา่ งพยางคห์ ลงั ของคาํ หนา้ กบั พยางคห์ นา้ ของคาํ หลงั เป็นการยอ่ อกั ขระให้นอ้ ยลงเวลาอ่านจะเกิดเสียงกลมกลนื เป็นคาํ เดียวกนั หลักสังเกตคาํ สนธิในภาษาไทย การสนธิแบง่ เป็น 3 ประเภท คอื 1. สระสนธิ 2. พยญั ชนะสนธิ 3. นฤคหิตสนธิ 1. สระสนธิ คอื การนาํ คาํ ที่ลงทา้ ยดว้ ยสระไปสนธิกบั คาํ ทขี่ ้ึนคน้ ดว้ ยสระ ซ่ึงเมอ่ื สนธิแลว้ จะมกี าร เปลย่ี นแปลงรูปสระตามกฎเกณฑ์ - ตดั สระพยางคท์ า้ ยคาํ หนา้ แลว้ ใชส้ ระพยางคห์ นา้ คาํ หลงั เช่น ราช + อานุภาพ = ราชานุภาพ สาธารณ + อุปโภค = สาธารณูปโภค นิล + อุบล = นิลบุ ล - ตดั สระพยางคท์ า้ ยคาํ หนา้ และใชส้ ระพยางคต์ น้ ของคาํ หลงั โดยเปลีย่ นสระพยางคต์ น้ ของคาํ หลงั อะ เป็น อา อิ เป็น เอ อุ เป็น อู อุ, อู เป็น โอ เช่น พงศ + อวตาร = พงศาวตาร ปรม + อนิ ทร์ = ปรเมนทร์ มหา + อสิ ี = มเหสี - เปล่ียนสระพยางคท์ า้ ยของคาํ หนา้ เป็นพยญั ชนะ คอื อิ อี เป็น ย อุ อู เป็น ว ใชส้ ระพยางคต์ น้ ของคาํ หลงั ซ่ึงอาจเปลี่ยนรูปหรือไมเ่ ปลี่ยนรูปกไ็ ด้ ในกรณีท่ีสระพยางคต์ น้ ของคาํ หลงั ไม่ใช่ อิ อี อุ อู อยา่ งสระตรงพยางคท์ า้ ยของคาํ หนา้ เช่น กิตติ + อากร = กิตยากร สามคั คี + อาจารย์ = สามคั ยาจารย์ ธนู + อาคม = ธนั วาคม

21 คาํ สนธิบางคาํ ไม่เปลย่ี นสระ อิ อี เป็น ย แต่ตดั ทิ้ง ท้งั สระพยางค์หนา้ คาํ หลงั จะไมม่ ี อิ อี ดว้ ยกนั เช่น ศกั คิ +อานุภาพ = ศกั ดานุภาพ ราชินี +อปุ ถมั ภ์ = ราชินูปถมั ภ์ หสั ดี +อาภรณ์ = หัสดาภรณ์ 2. พยัญชนะสนธิ คอื การเช่ือมคาํ ดว้ ยพยญั ชนะเป็นการเช่ือมเสียง พยญั ชนะในพยางคท์ า้ ยของคาํ แรกกบั เสียงพยญั ชนะ หรือสระในพยางคแ์ รก ของคาํ หลงั เช่น -สนธิเขา้ ดว้ ยวธิ ี โลโป คอื ลบพยางคส์ ุดทา้ ยของคาํ หนา้ ท้งิ เช่น นิรส+ ภยั = นิรภยั ทุรส + พล = ทุรพล อายรุ ส + แพทย์ = อายรุ แพทย์ สนธิเขา้ ดว้ ยวิธี อาเสโท คือแปลงพยญั ชนะทา้ ยของคาํ หนา้ เป็นสระ โอ แลว้ สนธิตามปกติ เช่น มนส+ ภาพ = มโนภาพ ยสส +ธร = ยโสธร รหส + ฐาน = รโหฐาน 3. นฤคหิตสนธิ คือ การเช่ือมคาํ ดว้ ยนฤคหิต เป็นการเชื่อมเมอ่ื พยางคห์ ลงั ของคาํ แรกเป็นนฤคหิตกบั เสียง สระในพยางคแ์ รกของคาํ หลงั มี 3 วิธี คอื 1. นฤคหิตสนธิกบั สระ ให้เปลยี่ นนฤคหิตเป็น ม แลว้ สนธิกนั เช่น สํ + อาคม = สม อาคม = สมาคม สํ + อทุ ยั = สม อทุ ยั = สมทุ ยั 2. นฤคหิตสนธิกบั พยญั ชนะของวรรค ให้เปล่ยี นนฤคหิตเป็นพยญั ชนะตวั สุดทา้ ยของพยญั ชนะในแต่ ละวรรค ไดแ้ ก่ วรรคกะ เป็น ง วรรคจะ เป็น ญ วรรคฏะ เป็น ณ วรรคตะ เป็น น วรรคปะ เป็น ม เช่น สํ + จร = สญ จร = สญั จร สํ + นิบาต = สน นิบาต = สันนิบาต 3. วรรคกะ เป็นสนธิกบั พยญั ชนะเศษวรรค ให้เปล่ียนนฤคหิต เป็น ง เช่น สํ + สาร = สงสาร สํ + หรณ์ = สังหรณ์

22 ตวั อยา่ งคาํ สนธิ นครินทร์ ราโชวาท ราชานุสรณ์ คมนาคม ผลานิสงส์ ศิษยานุศิษย์ ราชินยานุสรณ์สมาคม จลุ ินทรีย์ ธนคาร มหิทธิ นภาลยั ธนาณัติ สินธวานนท์ หิมาลยั ราชานุสรณ์ จฬุ าลงกรณ์ มโนภาพ รโหฐาน สงสาร หสั ดาภรณ์ จกั ขวาพาธ หตั ถาจารย์ วลั ยาภรณ์ นโยบาย อินทรธิบดี มหศั จรรย์ มหรรณพ มหานิสงส์ ดรุโณทยาน ภยาคติ บรรณารกั ษ์ เทพารักษ์ ทนั ตานามยั วโรดม สินธวาณตั ิ ศิลปาชีพ ปรเมนทร์ ทุตานุทูต นเรศวร กุศโลบาย ราโชบาย ชลาลยั สุโขทยั สงั คม สมาทาน สุริโยทยั ขปี นาวธุ บดินทร์ พนาลยั

23 กจิ กรรมท่ี 1 เรื่องการสร้างคาํ (คําสมาส คําสนธิ) กิจกรรมที่ 2 เร่ืองการสร้างคํา (คําสมาส คาํ สนธิ)

24 บทท่ี 6 คําไทยแท้ และคําที่มาจากภาษาอ่นื 1. 2. 3. 4. 5. 6.

25 ข้อสังเกตคาํ ที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต 1. สระมี 8 ตวั คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ 1. สระมี 14 ตวั เพ่มิ จากบาลี 6 ตวั คอื ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอา (แสดงวา่ คาํ ท่ีมีสระ 6 ตวั น้ีจะเป็นบาลไี มไ่ ดเ้ ด็ดขาด) 2. มีพยญั ชนะ 33 ตวั (พยญั ชนะวรรค) 2. มพี ยญั ชนะ 35 ตวั เพิม่ จากภาษาบาลี 2 ตวั คือ ศ ษ (แสดงว่าคาํ ที่มี ศ ษ เป็นภาษาสนั สกฤต * 3. มตี วั สะกดตวั ตามแน่นอน เช่น กญั ญา จกั ขุ ยกเวน้ ศอก ศกึ เศกิ โศก เศร้า เป็นภาษาไทยแท)้ ทกั ขณิ ะ ปุจฉา อณั ณพ คมั ภรี ์ เป็นตน้ 3. มีตวั สะกดและตวั ตามไม่แนน่ อน เช่น กนั ยา จกั ษุ ทกั ษิณ 4. นิยมใช้ ฬ เช่น กีฬา จุฬา ครุฬ เป็นตน้ ปฤจฉา วิทยุ อธั ยาศยั เป็นตน้ (จาํ วา่ กีฬา-บาลี) 4. นิยมใช้ ฑ เช่น กรีฑา จุฑา ครุฑ (จาํ ว่า กรีฑา-สนั สกฤต) 5. ไมน่ ิยมควบกล้าํ และอกั ษรนาํ เช่น ปฐม มจั ฉา สามี มิต ฐาน ปทุม ถาวร เปม กิริยา เป็นตน้ 5. นิยมควบกล้าํ และอกั ษรนาํ เช่น ประถม มตั สยา สวามี มิตร สถาน ประทุม สถาวร เปรม กริยา เป็นตน้ 6. นิยมใช้ \"ริ\" เช่น ภริยา จริยา อจั ฉริยะ เป็นตน้ 6. นิยมใช้ รร (รอหนั ) เช่น ภรรยา จรรยา อศั จรรย์ เป็นตน้ 7. นิยมใช้ ณ นาํ หนา้ วรรค ฏะ เช่น มณฑล ภณั ฑ์ เนื่องจากแผลงมาจาก รฺ (ร เรผะ) เช่น วรฺณ = วรรณ หรือ ณ นาํ หนา้ ห เช่น กณั หา ตณั หา ธรฺม = ธรรม * ยกเวน้ บรร เป็นคาํ เขมร 7. นิยม \"เคราะห์\" เช่น วิเคราะห์ สังเคราะห์ อนุเคราะห์ เป็นตน้ ข้อสังเกตคาํ ท่ีมาจากภาษาเขมร 1. มกั จะสะกดดว้ ย จ ญ ร ล เช่น เผดจ็ บาํ เพญ็ กาํ ธร ถกล ตรสั 2. มกั เป็นคาํ ควบกล้าํ เช่น ไกร ขลงั ปรุง 3. มกั ใช้ บงั บนั บาํ นาํ หนา้ คาํ ท่ีมสี องพยางค์ เช่น • บงั บงั คบั บงั คม บงั เหียน บงั เกิด บงั คล บงั อาจ • บนั บนั ได บนั โดย บนั เดิน บนั ดาล บนั ลือ • บาํ บาํ เพญ็ บาํ บดั บาํ เหนจ็ บาํ บวง 4. นิยมใชอ้ กั ษรนาํ เช่น สนุก สนาน เสด็จ ถนน เฉลียว เป็นตน้ 5. คาํ เขมรส่วนมากใชเ้ ป็นราชาศพั ท์ เช่น ขนง ขนอง เขนย เสวย บรรทม เสด็จ โปรด เป็นตน้ 6. มกั แผลงคาํ ได้ เช่น - ข แผลงเป็น กระ เช่น ขดาน เป็น กระดาน ขจอก เป็น กระจอก - ผ แผลงเป็น ประ ผสม - ประสม ผจญ - ประจญ - ประ แผลงเป็น บรร ประทม เป็น บรรทม ประจุ - บรรจุ ประจง - บรรจง

26 ข้อสังเกตคําทม่ี าจากภาษาองั กฤษ 1. การทับศัพท์ โดยการถ่ายเสียงและถอดตวั อกั ษร คาํ ยืมจากภาษาองั กฤษโดยวธิ ีการทบั ศพั ทม์ จี าํ นวนมาก คาํ บางคาํ ราชบณั ฑติ ยสถานไดบ้ ญั ญตั ศิ พั ทเ์ ป็นคาํ ไทยแลว้ แต่คนไทยนิยมใชค้ าํ ทบั ศพั ทม์ ากกวา่ เพราะเขา้ ใจง่าย สื่อสารไดช้ ดั เจน เช่น คาํ ภาษาองั กฤษ คาํ ทบั ศพั ท์ game เกม graph กราฟ cartoon การ์ตนู clinic คลินิก 2.การบัญญตั ศิ ัพท์ เป็นวิธีการยืมคาํ โดยรับเอาเฉพาะความคดิ เก่ียวกบั เร่ืองน้นั มาแลว้ สร้างคาํ ข้ึนใหม่ ซ่ึงมีเสียง แตกตา่ งไปจากคาํ เดิม โดยเฉพาะศพั ทท์ างวชิ าการจะใช้วธิ ีการน้ีมาก ผทู้ ม่ี ีหนา้ ทบ่ี ญั ญตั ิศพั ทภ์ าษาไทยแทนคาํ ภาษาองั กฤษ คือ ราชบณั ฑติ ยสถาน เช่น คาํ ภาษาองั กฤษ คาํ บญั ญตั ศิ พั ท์ airport สนามบนิ globalization โลกาภวิ ตั น์ science วิทยาศาสตร์ telephone โทรศพั ท์ reform ปฏริ ูป 3. การแปลศัพท์ วธิ ีการน้ีจะตอ้ งใชว้ ิธีการคดิ แปลเป็นคาํ ภาษาไทยใหม้ คี วามหมายตรงกบั คาํ ในภาษาองั กฤษ แลว้ นาํ คาํ น้นั มาใชส้ ื่อสารในภาษาไทยต่อไป ดงั ตวั อยา่ งเช่น blackboard กระดานดาํ enjoy สนุก handbook หนงั สือคมู่ ือ school โรงเรียน short story เร่ืองส้ัน ตวั อย่างคาํ ทบั ศัพท์ภาษาองั กฤษทม่ี ใี ช้ในภาษาไทย กราฟ การ์ตนู กิ๊บ กลโู คส กปั ตนั แกส๊ กกุ๊ เกียร์ แกง๊ แกลลอน คริสตม์ าส ไดนาโม ไดโนเสาร์ ครีม คลอรีน คอนกรีต คลินิก คอนเสิร์ต คอมพวิ เตอร์ คุกก้ี เคเบลิ เครดิต แคปซูล เคาน์เตอร์ แคลอรี โควตา ชอลก์ ชอ็ กโกเลต เชค็ เช้ิต เชียร์ โชว์ ซีเมนต์ เซลล์ ไซเรน ดีเซลดอลลาร์ เต็นท์ ทอนซิล เทอม แท็กซี่ แทรกเตอร์ นิโคตนิ นิวเคลียร์ ข้อสังเกตคาํ ภาษาไทยที่มาจากภาษาจนี 1.นาํ มาเป็นช่ืออาหารการกิน เช่น ก๋วยเต๋ียว เตา้ ทึง แป๊ ะซะ เฉาก๊วย จบั ฉ่าย เป็นตน้ 2.เป็นคาํ ท่เี ก่ียวกบั ส่ิงของเคร่ืองใชท้ ี่เรารับมาจากชาวจีน เช่น ตะหลิว ตกึ เกา้ อ้ี เก๋ง ฮวงซุ้ย 3.เป็นคาํ ท่เี กี่ยวกบั การคา้ และการจดั ระบบทางการคา้ เช่น เจ๋ง บ๋วย หุ้น ห้าง โสหุ้ย เป็นตน้ 4.เป็นคาํ ที่ใชว้ รรณยกุ ตต์ รี จตั วา เป็นส่วนมาก เช่น ก๋วยจบ๊ั กุ๊ย เก๊ เก๊ก ก๋ง ตุ๋น เป็นตน้ พิซซ่า เป็นคาํ ทม่ี าจาก ภาษาอะไร

27 กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง คาํ ไทยแท้ และคาํ ทีม่ าจากภาษาอื่น คําชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนวงกกลมคาํ ท่เี ป็นภาษาบาลี

28 กิจกรรมที่ 2 เรื่อง คาํ ไทยแท้ และคาํ ทม่ี าจากภาษาอื่น คาํ ชีแ้ จง ให้นกั เรียนวิเคราะหค์ าํ ทกี่ าํ หนดใหว้ ่ามาจากภาษาใด โดยใชเ้ ครื่องหมาย ลงในตาราง

29 บทท่ี 7 สํานวน คาํ พังเพยและสุภาษติ

กิจกรรมที่ 1 เรื่อง สํานวน คาํ พงั เพย และสุภาษิต 30 สแกนเพอ่ื หา ขอ้ มูล คาํ ช้ีแจง ให้นกั เรียนบอกความหมายของสาํ นวน คาํ พงั เพย และสุภาษิตตอ่ ไปน้ี 1. จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา หมายถึง................................................................................................................................................. 2. เขาเมอื งตาหลิว่ ตอ้ งหลว่ิ ตาตาม หมายถึง................................................................................................................................................. 3. เอาเลือดกบั ปู หมายถึง................................................................................................................................................. 4. หนีเสือปะจระเข้ หมายถงึ ................................................................................................................................................. 5. ไกเ่ ห็นตนี งู งูเห็นนมไก่ หมายถงึ ................................................................................................................................................. 6. จบั ปลาสองมือ หมายถึง................................................................................................................................................. 7. หนา้ เน้ือใจเสือ หมายถงึ ................................................................................................................................................. 8. ชิงสุกก่อนห่าม หมายถงึ ................................................................................................................................................. 9. ขวานผา่ ซาก หมายถงึ ................................................................................................................................................. 10. ตาบอดคลาํ ชา้ ง หมายถึง.................................................................................................................................................

31 กจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง สํานวน คําพังเพย และสุภาษิต คาํ ชี้แจง ใหน้ กั เรียนนาํ รายการทีก่ าํ หนดให้ เตมิ ลงในช่องวา่ ง ก.สาํ นวน ข.คาํ พงั เพย ค.สุภาษติ 1. จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา 2. เขาเมืองตาหลิว่ ตอ้ งหล่วิ ตาตาม 3. เอาเลอื ดกบั ปู 4. หนีเสือปะจระเข้ 5. ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ 6. จบั ปลาสองมอื 7. หนา้ เน้ือใจเสือ 8. ชิงสุกก่อนห่าม 9. ขวานผา่ ซาก 10. ตาบอดคลาํ ชา้ ง

32 บทท่ี 8 ลกั ษณะของประโยคในภาษาไทย

33

34 กจิ กรรมที่ 1 เรื่อง ลักษณะของประโยคในภาษาไทย คาํ ชีแ้ จง นกั เรียนพจิ ารณาประโยคที่กาํ หนดให้วา่ เป็นประโยคสามญั ประโยครวม หรือประโยคซอ้ น แลว้ ทาํ เคร่ืองหมาย  ใหต้ รงกบั ชนิดของประโยคตามตารางขา้ งล่างน้ี ข้อ ประโยค ประโยคสามญั ประโยครวม ประโยคซ้อน 1 ครูทกี่ าํ ลงั เดินมาเป็นครูท่ีปรึกษาของฉัน 2 ฉนั ไปเรียนเพม่ิ เติมทกุ วนั เสาร์ 3 เรารักพระเจา้ อยหู่ ัว 4 ฉันไมช่ อบคนที่เอาเปรียบเพื่อน 5 ถงึ เขาจะยากจนแต่เขาไมเ่ คยแลง้ น้าํ ใจ 6 นกั เรียนเรียนวิชาภาษาไทย 7 เขาทาํ ความดีแต่ไม่มีคนเห็น 8 ปี น้ีอากาศจะหนาวมาก 9 เธอจะเลอื กเรียนศลิ ปะหรือดนตรีไทย 10 คุณยา่ ของฉนั ไปวดั ทกุ วนั พระ 11 กีฬาแห่งชาตปิ ี น้ีจดั ทจ่ี งั หวดั พษิ ณุโลก 12 วนิ ยั เห็นตาํ รวจจบั ผรู้ ้าย 13 ธนิษฐาได้รับรางวลั นักเรียนดีเด่นเพราะมีความ ประพฤติเรียบร้อย 14 แสงสุดาชอบอ่านหนงั สือจึงสอบไดท้ ่หี น่ึง 15 ครอบครวั ท่อี บอ่นุ เป็นเกราะป้องกนั ยาเสพตดิ

35 กจิ กรรมที่ 2 เรื่อง ลกั ษณะของประโยคในภาษาไทย คาํ ชี้แจง จงเลอื กคาํ สันธานเติมลงในประโยคให้เหมาะสม 1. ลินดาต้งั ใจเรียนสม่าํ เสมอ…………..เธอจึงสอบไดค้ ะแนนดีเย่ยี มทกุ คร้ัง (แต,่ ดงั น้นั ) 2. สมศกั ด์ิต้งั ใจจะไปเรียนต่อทป่ี ระเทศองั กฤษ………………..ประเทศจีน (และ, หรือ) 3. ………………..ไม่รับประทานอาหารตรงตามเวลาจะเป็นโรคกระเพาะได้ (ถา้ , แม)้ 4. ………………..ฝนตกหนกั กว่าน้ี ฉันจะไม่ไปกบั เธอ (ถา้ , แม)้ 5. ความรู้เป็นทรัพยท์ มี่ คี ่า……..นกั เรียนทุกคน…….ตอ้ งขยนั หมน่ั เพยี ร (แต่…ยิ่ง, ดงั น้นั …จึง) 6. ……………..เขาชอบดูภาพยนตร์จีนมาก เขา…..….พดู ภาษาจีนเกง่ (เพราะ…จึง, ดงั น้นั …จึง) 7. ฉัน………..พ่ไี ปกินขา้ วที่ร้านหนา้ ปากซอย (กบั , และ) 8. พอ่ ……….แม่เล้ยี งดูเรามาต้งั แตเ่ ล็ก (และ, กบั ) 9. นอ้ งชอบกินก๋วยเตยี๋ ว……….ฉันชอบกินขา้ วผดั (และ, แต)่ 10. ……………เขาจะหนา้ ตาไมด่ ี……………จิตใจของเขาสูงส่ง (แม…้ จึง, ถงึ …แต่)

36 บทที่ 9 คาํ สุภาพและคาํ ราชาศัพท์

37

38

39

40

41 กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง คําสุภาพและคําราชาศัพท์ คาํ หมาย คําชี้แจง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของคาํ ราชาศพั ทต์ อ่ ไปน้ี ขอ้ คาํ ราชาศพั ท์ 1 เสดจ็ พระราชดาํ เนิน 2 ลงประปรมาภิไธย 3 ทรงพระราชนิพนธ์ 4 ทรงบาํ เพญ็ พระราชกศุ ล 5 ทรงพระอกั ษร กจิ กรรมที่ 2 เร่ือง คําสุภาพและคําราชาศัพท์ คาํ ชีแ้ จง จงแปลความหมายของขา่ วในพระราชสาํ นกั ใหเ้ ป็นคาํ สุภาพสามญั ทวั่ ไป “วนั น้ี เวลา 9 นาฬกิ า 35 นาที สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรม ราชกมุ ารี เสดจ็ พระราชดาํ เนินโดยเฮลิคอปเตอร์ พระทน่ี งั่ ซ่ึงกองบนิ ตาํ รวจสาํ นกั งานตาํ รวจแห่งชาตจิ ดั ถวายไปยงั โรงเรียนตาํ รวจตระเวนชายแดน สหธนาคารกรุงเทพ ตาํ บลหนองลู อาํ เภอสงั ขละบุรี จงั หวดั กาญจนบรุ ีในการน้ี ได้ พระราชทานสิ่งของอปุ กรณ์การเรียนการสอน อปุ กรณ์ กีฬาแกค่ รู นกั เรียน และพระราชทานพนั ธุไ์ มผ้ ลแกร่ าษฎร พร้อมท้งั พระราชทานเขม็ เชิดชูเกียรตแิ ก่ผูใ้ ห้การสนบั สนุน และปฏิบตั ิงานโครงการตามพระราชดาํ ริฯ” >>>>>>>>>>>>>>> …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………

42 บทที่ 10 วรรณคดี วรรณกรรม

43

44

45

46

47


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook