ประวตั ิ-ทีม่ าของงานใบตอง ในอดตี ทผี่ า่ นมา มนุษยเ์ ราพยายามทจี่ ะเรียนรทู้ ่จี ะดารงชวี ติ อยู่ทา่ มกลางธรรมชาติโดยเนน้ ความกลมกลนื ในรปู แบบของการพ่ึงพาอาศยั ซึ่งกนั และกันรูจ้ กั การหาวัสดุธรรมชาตมิ าปรุงแตง่ ชวี ิต ความเป็นอยภู่ ายใต้กรอบของการรับและ การใหอ้ ย่างเหมาะสม สง่ิ ของเครอื่ งใช้ต่างๆ ซง่ึ มนษุ ยไ์ ด้ดดั แปลงมาจากธรรมชาติล้วน แลว้ แต่จะมีการนาไปใชใ้ ห้เหมาะสม และมคี วามสมดลุ กับ ธรรมชาติ เมอื่ มนุษย์เราไดค้ ดิ นาใบตอง ใบไม้ตา่ งๆมาใช้ห่อขนมและอาหารต่างๆเพ่ือใช้ใน ชีวิตประจาวนั ตลอดจนการคดิ ประดิษฐ์ชิ้นงานให้มีรูปรา่ ง รูปทรงสวยงามและประณีตยง่ิ ขน้ึ ศิลปะงานใบตองเริ่มมมี าตัง้ แตส่ มัยใดไม่ปรากฏหลกั ฐานทแ่ี น่ชัด มใี ช้เฉพาะ เป็นส่วนประกอบ ของงานดอกไม้ และใชเ้ ป็นภาชนะ ใสข่ นม และใส่อาหารเทา่ น้ัน ในสว่ นของวฒั นธรรม งานฝมี อื ตา่ งๆ ท่ีบง่ บอกถงึ ความเปน็ เอกลักษณ์ไทย ต้องยอมรับว่าบรรพบุรษุ ของเราช่างคิดช่างประดิษฐ์ ผลงานอนั สวยงามและ ทรงคณุ ค่าเอาไว้ใหเ้ ยาวชนร่นุ หลังไดเ้ หน็ และเรียนร้กู ันผลงานเหลา่ น้นั เพ่ือช่วยกันพัฒนาฝมี ือใหค้ งอยู่สบื ไปการนาวัสดุในธรรมชาตมิ าใช้ เช่น งานการแกะสลักจากไม้ ผกั และผลไม้ งานจกั สานหรืองานประดิษฐ์ดอกไม้ ใบตองทมี่ ีอยูอ่ ยา่ งเพยี งพอมาแปรเปลีย่ นเปน็ งานศลิ ป์ อนั สุนทรีย์ คงชว่ ยให้วสั ดุเหลา่ นั้น ไม่สญู สลายหายไป ความหมายของ“บายศร”ี นนั้ สันนษิ ฐานว่าได้รับอิทธพิ ลมาจาก ลทั ธพิ ราหมณ์ ซ่งึ เขา้ มา ทางเขมร ทัง้ น้ีเพราะ คาวา่ “ บาย ” ภาษาเขมร แปลว่า ข้าวสกุ ภาษาถนิ่ อสี าน แปลว่า จบั ตอ้ ง สัมผัส ส่วนคาวา่ “ศรี” มาจากภาษา สันสกฤต ตรงกับ ภาษาบาลวี า่ “ สริ ิ ” แปลวา่ ม่ิงขวญั ดงั น้นั คาว่า “บายศร”ี หนา้ จะ แปลได้ วา่ ขา้ วขวัญ หรอื สง่ิ ที่นา่ สมั ผสั กับความดงี าม “ บายศรี ” ในพจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน แปลวา่ ข้าวอันเปน็ สิร,ิ ขวญั ข้าว หรือ ภาชนะทจ่ี ดั ตกแตง่ ใหส้ วยงามเปน็ พิเศษ ดว้ ยใบตอง และ ดอกไมส้ ด เพ่อื เปน็ สารับใส่อาหารคาวหวานในพธิ สี ังเวยบูชา และพธิ ที าขวัญต่างๆ สมัยโบราณ มี
การเรียกพธิ ี สขู่ วัญวา่ “ บาศรี ” ทั้งนสี้ บื เน่ือง มาจากเป็นพธิ ี สาหรับบุคคล ชั้นเจา้ นาย เพราะคาว่า “บา” เปน็ ภาษาโบราณ อสี านใชเ้ ปน็ คานาหนา้ เรียกเจ้านาย เช่น บาท้าว บาบ่าว บาคราญ เปน็ ต้น สว่ นคาว่า “ ศรี ” หมายถงึ ผูห้ ญิงและ สิ่งท่ีเป็นสริ มิ งคล “ บาศรี ” จึงหมายถงึ การทาพิธที ี่ เป็นสริ มิ งคล แตป่ จั จุบันน้ี คาว่า บาศรี ไม่คอ่ ยนยิ มเรยี ก กันแล้ว มกั นิยมเรยี กว่า “ บายศรี ” บายศรจี ะเรียก เป็นองค์ มหี ลายประเภท เชน่ บายศรเี ทพ บายศรีพรหม เป็นต้นส่วนต่างๆ ที่ ประกอบกนั เปน็ บายศรมี ีความหมายในทางดี เช่น กรวยข้าวหมายถงึ ความอดุ มสมบูรณ์ใบ ชัยพฤกษห์ รือใบคนู อายยุ ืนยาวดอกดาวเรือง ความเจริญรุ่งเรอื ง ดอกรกั ความรกั ท่ีม่นั คง
คณุ ค่าของงานใบตอง คุณคา่ ของงานใบตองนนั้ มมี ากมายท้ังในชวี ติ ประจาวันโอกาสพิเศษและการธรรมรง ศลิ ปะวัฒนธรรมและประเพณีไทย ตลอดจนชว่ ยใหเ้ กดิ ความสุขทางใจและยังเป็นอาชีพได้ 1. ประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั 1.1 ใชใ้ ส่อาหาร หอ่ อาหาร หอ่ ขนม หอ่ ของ หอ่ ผัก หอ่ ดอกไม้ ช่วยให้สดทนนาน 1.2 ชว่ ยใหข้ นมและอาหารสสี วยและมกี ลนิ่ หอมชวนรับประทาน 2. ประโยชนใ์ นโอกาสพิเศษ 2.1 งานวันสาคัญ ประดิษฐภ์ าชนะใสด่ อกไม้ ขนม ผลไม้ และใสอ่ าหารนาไปใหบ้ ุคคล ซ่งึ เคารพนบั ถอื ในวนั คล้ายวนั เกิด วนั ปีใหม่วนั ขึ้นบา้ นใหม่ วันประสบความสาเรจ็ วนั ฉลองโชค ชยั วนั เยีย่ มไข้ หรือแม้แต่วนั จากไป 2.2 งานประเพณนี ิยม ชาวไทยยมประดิษฐผ์ ลงานดอกไมใ้ บตองแบบประณีตศิลปใ์ ช้ ในงานพิธเี ช่น พานขันหมาก ขันหม้ัน ขนั สินสอด พานรับนา้ สงั ข์ บายศรี กระทงลอย ใช้ในงาน ตา่ ง ๆ ซึ่งล้วนแต่เปน็ ประเพณที ีง่ ดงามของชาวไทยท่คี วรจะฟน้ื ฟูและรกั ษาไว้ 2.3 งานพธิ ที างศาสนา เชน่ พานดอกไม้ธปู เทยี น กระทงดอกไม้ แต่งเทยี นพรรษา กระถางธปู เชงิ เทยี น เปน็ ตน้ 3. สรา้ งสรรคศ์ ิลปะมรดกของชาติ ผลงานประณีตศิลปเ์ ปน็ ศิลปะมรดกแขนงหน่ึงท่ีบ่งบอก ถงึ ความเปน็ ไทยเพระมีเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั มีความละเอียด ประณีต อ่อนโยน มรี ะเบยี บ มีความ สงา่ งาม มคี วามงามแบวิจติ รพสิ ดาร ทไ่ี มม่ ชี าตใิ ดในโลกมีเหมือน 4. ชว่ ยให้จิตใจสงบร่มเย็น การนาใบตองมาประดษิ ฐเ์ ปน็ สง่ิ สวยงามย่อมนามาซง่ึ ความ
เพลดิ เพลิน ความสงบร่มเยน็ แหง่ จิตใจ เพราะจติ ใจมีสมาธิ ความคิดก็เกิดจติ นาการผูท้ ่ีทางาน ใบตองจะเปน็ ผทู้ ม่ี อี ารมณ์ดี คดิ แต่สงิ่ ที่ดีงาม อนั นามาซึง่ ความประพฤตชิ อบ 5. เป็นอาชพี หลักและอาชีพรองถ้ามใี จรกั งานด้านนี้และมีงานอนื่ เป็นหลกั อยู่กใ็ ช้เปน็ อาชพี เสริมหรืออาชีพรองชว่ ยเพิม่ รายไดใ้ หแ้ ก่ครอบครัวหรอื ถ้ามใี จรักมาก ๆ ก็ใชเ้ ป็นอาชีพหลักได้
อุปกรณท์ ีใ่ ช้ในงานใบตอง 1. ใบตอง ท่ีเหมาะสมสาหรบั งานฝมี ือ ควรใช้ใบตองตานี เพราะมีคุณสมบตั นิ ุ่มเหนียวไม่ ฉกี แตกง่าย มีสเี ขยี วเขม้ เสน้ ทางตองมแี นวตรง ทางตองกว้างการเลอื กใบตองตานี ควรเลือก ใบตองท่ีมีทางยาว ไม่อ่อนหรือแกจ่ นเกนิ ไปถา้ ใบตองยังสดอยู่ให้นามาผงึ่ ลมเพื่อใหใ้ บตองหาย กรอบก่อน 2. กรรไกร ที่เหมาะสมสาหรับงานใบตอง ควรเปน็ กรรไกรทม่ี รี ปู ทรงเหมาะมอื นา้ หนักเบา สะดวกในการใช้เช่น กรรไกรจนี แดงเหมาะสาหรบั ตัดใบตองหนาๆ 3. เข็ม เขม็ เหมาะสมสาหรบั งานใบตองคอื เขม็ เบอร์8 หรอื เข็มเบอร์ 9 เลอื กใช้ ขนาดยาวมี รเู ขม็ กว้าง สะดวกในการร้อยดา้ ย 4. ด้าย ที่ใช้งานในงานใบตองคือด้ายเบอร์ 60 5. เขม็ หมดุ งานใบตองทใ่ี ช้เขม็ หมดุ ส่วนมากเปน็ งานกระทงลอยหรอื กระเชา้ ใช้ยึดกลบี แตง่ กับตวั กระทงควรเลือกเข็มหมุดชนิดตวั เล็กยาว 6. ผ้าขาวบาง เมื่องานใบตองสาเรจ็ ใช้ผา้ ขาวบางชุบน้า 2 ชนั้ ห่องานใบตองให้เรียบรอ้ ย 7. ผ้าเชด็ ใบตองใชผ้ ้าฝ้ายทน่ี ุม่ ดดู ซับน้าไดด้ เี ช็ดทาความสะอาดใบตอง ก่อนนามาเย็บเปน็ ชิน้ งาน 8. ทฉี่ ดี น้าเลือกทม่ี ีละอองเล็กและพน่ น้าได้ดีขนาดเหมาะมือ 9. ไมก้ ลดั ขนาดเลก็ แหลม แข็งแรง ใชไ้ มต้ ดิ ผวิ และใกล้ผิว 10. ยางลบอยา่ งแขง็ ยางลบเนอ้ื แขง็ ๆ ใชส้ าหรบั กดเขม็ หมดุ แทนนว้ิ มอื 11. ไมบ้ รรทดั เลือกท่เี หน็ เส้นและตวั เลขท่ชี ดั เจน
วธี ีการทาใบตองในรปู แบบตา่ ง ๆ การพบั กลีบหัวขวาน(กลีบคอม้า) การพับกลบี หวั ขวานแปลง การพบั กลบี กหุ ลาบแยม้ การพบั กลบี บวั สาย การพับกลบี ดอกจอก การพบั กลบี เลบ็ มือนางซอ้ น การพับกลบี นกคอหยกั การพบั กลบี นกลายเปยี การพบั กลีบเล็บครุฑ การพบั กลบี บานชนื่ การพับกลีบผีเสื้อ การพบั กลีบยกนม การพับกลีบกุหลาบ
การพบั กลบี หวั ขวาน(กลีบคอม้า) 1. ฉกี ใบตองกวา้ ง 1.5 ยาว 8 นว้ิ แบง่ คร่งึ ใบตองให้ เท่ากัน พบั รมิ ใบตองด้านซ้ายลงมาให้เป็นมมุ ฉาก 2. พบั ใบตองริมขวาใหช้ ิดเส้นกึ่งกลางใบตอง 3. พบั ทบสองข้างเข้าหากนั 4. ควา่ กลีบใหด้ ้านสนั ตองอย่ขู ้างบนใบตองลงมา ให้เปน็ มุมฉากพับอกี ด้านเหมอื นกัน 5. พบั ชายดา้ นหลังมาทบตรงเสน้ ต้ังฉาก 6. พับอกี ด้านเหมอื นกนั 7. พบั กลบี ตอ่ ไปตามขัน้ ตอนที่ 1-6 แลว้ นา่ มาครอบ ด้านบนทางดา้ นขวา
การพับกลีบหวั ขวานแปลง 1. ฉีกใบตองกวา้ ง 1.5 ยาว 8 นวิ้ แบง่ ครงึ่ ใบตอง ใหเ้ ท่ากนั พบั ริมใบตองดา้ นซา้ ยลงมาให้เปน็ มุม ฉาก 2. พบั ใบตองรมิ ขวาใหช้ ดิ เสน้ กึง่ กลางใบตอง 3. พับทบสองข้างเขา้ หากัน 4. คว่ากลีบให้ด้านสนั ตองอยู่ข้างบนใบตองลงมา ใหเ้ ป็นมมุ ฉาก พับอีกดา้ นเหมอื นกัน 5. พบั ชายดา้ นหลงั มาทบตรงเสน้ ตั้งฉาก 6. พบั อีกดา้ นเหมอื นกัน
การพับกลบี กุหลาบแยม้ 1. ฉีกใบตองกว้าง 1 1/4 นว้ิ ยาว 9 นิว้ แบ่งครง่ึ ให้ ใบตองเทา่ กนั 2. พับใบตองริมขวาให้ชิดเสน้ กึ่งกลางใบตอง 3. พับทบ 2 ข้างเข้าหากนั 4. พบั ตลบสนั ทบกลับมาทางขวาให้เปน็ แนวเสน้ โค้งทะแยง 5. พบั สันทบอกี ขา้ งหน่ึงเหมือนขัน้ ตอนท่ี 4 6. นา่ มาสวมเขา้ ทางด้านหนา้ ใหเ้ ส้นโคง้ ทะแยง ออกด้านนอกเยบ็ ตอ่ กัน โดยจัดเรียงเส้นโคง้ ทะแยงให้เป็นระเบยี บ
การพบั กลบี บัวสาย 1. ฉกี ใบตองกว้าง 1 นิ้ว ยาว 4 นิว้ แบง่ คร่งึ ใบตองให้ เท่ากนั พบั ใบตองเฉยี ง 45 องศา 2. พบั ทบเข้ามาอกี คร้งั ให้อยกู่ ง่ึ กลางเสน้ ทีแ่ บง่ ต้งั ฉาก 3. พับอีกดา้ นเหมือนกนั 4. พลกิ กลบั ดา้ นหลงั (การพับกลบี บวั สาย เหมือน การพับกลบี เล็บครุฑ ในขัน้ ตอนท่ี 1-3) 5. พบั สนั ทบดา้ นซ้ายไขวไ้ ปทางด้านขวา 6. พับทบขวาไขว้ทบไปดา้ นซ้าย
การพบั กลีบดอกจอก 1. ฉกี ใบตองกวา้ ง 2 1/2 น้ิวพับทบคร่ึงตาม ความยาว จับจีบสนั ทบด้านลา่ งซา้ ยมือ เฉียง มาทางขวาเล็กนอ้ ย 2. จับจีบสนั ทบดา้ นล่างขวาให้เฉยี งมา ทางซา้ ย จะไดร้ อ่ งจีบปลายมนกลางกลบี 3. จับจบี รมิ ซา้ ยทะแยงเฉยี งมาทางขวาจา่ ได้ รอ่ งจีบด้านซา้ ยอกี รอ่ งหนง่ึ 4. จบั จบี สนั ทบดา้ นขวา เฉยี งไปทางดา้ นซ้าย จะได้ร่องจบี ด้านขวาอีกรอ่ งหนึง่
การพับกลบี เลบ็ มอื นางซอ้ น 1. ฉีกใบตองกว้าง 2 1/2 น้ิวพบั ทบครง่ึ ตามความยาว 2. พบั สันทบด้านขวามือเขา้ ไปดา้ นในหาเสน้ กงึ่ กลาง 3. พับสนั ทบดา้ นซ้ายมอื ไปด้านใน ไปชดิ กบั สนั ทบ ทางดา้ นขวา 4. พับสนั ทบชน้ั ในโดยใชด้ ้านขวาไขว้ไปทางซ้าย 5. พบั สนั ทบดา้ นซ้ายไขวท้ บดา้ นขวา 6. พบั สนั ทบชน้ั นอกทาเช่นเดยี วกับขนั้ ตอนท่ี 4,5 แลว้ เย็บตรงึ กลีบให้เรียบร้อย
การพับกลีบนกคอหยัก 1. ฉีกใบตองกว้าง 1.5 ยาว 8 นวิ้ แบง่ ครึ่งใบตองให้ เท่ากัน พับรมิ ตองดา้ นซา้ ยลงมาให้เปน็ มมุ ฉาก 2. พบั ใบตองริมขวาใหช้ ิดเส้นก่ึงกลางใบตอง 3. พบั ทบสองข้างเขา้ หากนั 4. คว่ากลีบใหด้ ้านสนั ตองอยขู่ า้ งบนใบตองลงมาให้ เป็นมุมฉากพบั อกี ด้านเหมอื นกนั 5. พบั ชายด้านหลงั มาทบตรงเสน้ ต้งั ฉาก 6. พบั อีกดา้ น เหมอื นกัน 7. นากลีบทพ่ี บั แล้วมาสวมซ้อนกนั เขา้ ทางดา้ นซา้ ย 8. เมอ่ื ได้ 3 กลีบ จึงเร่ิมเยบ็
การพับกลบี นกลายเปีย 1. ฉกี ใบตองกวา้ ง 1.5 ยาว 8 น้วิ แบง่ ครง่ึ ใบตองให้ เท่ากนั พับริมตองด้านซา้ ยลงมาใหเ้ ป็นมุมฉาก 2. พับใบตองรมิ ขวาใหช้ ิดเส้นกง่ึ กลางใบตอง 3. พับทบสองขา้ งเข้าหากนั 4. ควา่ กลีบใหด้ า้ นสนั ตองอยู่ขา้ งบนใบตองลงมาให้ เปน็ มุมฉากพบั อีกด้านเหมอื นกัน 5. พับชายดา้ นหลงั มาทบตรงเสน้ ตัง้ ฉาก 6. พบั อกี ด้านเหมือนกัน 7. พบั ตลบสันทบกลับมาทางขวา ใหเ้ ป็นแนวเส้นโคง้ ทะแยง ทาเหมอื นกันทงั้ สองข้าง 8. พบั อีกกลีบหนึ่ง นามาสอดในกลบี ทางดา้ นซา้ ยมือ 9.สอดให้ได้ระยะแนวเส้นโค้งทะแยง ขนานกนั แล้วจึงเย็บ ตดิ เขา้ ด้วยกัน
การพบั กลบี เลบ็ ครุฑ 1. ฉกี ใบตองกว้าง 1 นว้ิ ยาว 4 น้วิ แบง่ ครงึ่ ใบตองให้ เทา่ กนั พับใบตองเฉียง 45 องศา 2. พับทบเข้ามาอกี คร้ังใหอ้ ยู่กงึ่ กลางเส้นทีแ่ บง่ ตัง้ ฉาก 3. พับอีกด้านเหมือนกนั 4. พับสนั ทบด้านซา้ ยไขวไ้ ปทางขวา 5. พับสนั ทบขวาไขวท้ บั ไปทางดา้ นซา้ ย
การพับกลบี บานชื่น 1. ฉกี ใบตองกว้าง 1 นว้ิ ยาว 4 นิ้วแบ่งคร่ึงใบตองให้ เทา่ กันพบั ใบตองเฉียง 45 องศา 2. พบั ทบเขา้ มาอกี ครงั้ ใหอ้ ย่กู ึ่งกลางเสน้ ที่แบ่งตั้งฉาก 3. พบั อีกด้านเหมอื นกัน 4. พบั ทบกลบั ไปดา้ นหลงั 5. พบั กลีบบานช่นื ตามขั้นตอนที่ 1-4 แลว้ นามาสวมเขา้ ทางด้านซา้ ย
การพับกลบี ผีเสื้อ 1. ฉีกใบตองกวา้ ง 1 1/4 นว้ิ ยาว 9 นิ้ว แบง่ ครึง่ ให้ ใบตองเทา่ กัน 2. พับใบตองรมิ ขวาให้ชดิ เส้นกงึ่ กลางใบตอง 3. พับทบ 2 ข้างเขา้ หากัน 4. พบั รมิ ยาวไปทางขวา 5. พับอกี ดา้ นเหมือนกนั 6. พบั ทบข้ึนขา้ งบนทง้ั 2 ข้าง 7. พลกิ กลับลงมาให้ปลายแหลมชีข้ นึ้ 8. เผยกลบี แยกออก ใช้นว้ิ ดนุ ล้ินกลางใหต้ ลบแทรกอยู่ ตรงกลาง 9. ภาพด้านหลัง 10. นามาสอดเยบ็ ตอ่ กนั
การพบั กลีบยกนม 1. ฉีกใบตองกวา้ ง 1 1/4 นวิ้ ยาว 9 นวิ้ แบ่งคร่ึงให้ ใบตองเท่ากนั 2. พับใบตองริมขวาใหช้ ดิ เสน้ กงึ่ กลางใบตอง 3. พับทบ 2 ข้างเขา้ หากัน 4. พลิกสนั ทบขวา พบั ตลบสันทบกลบั มาทางขวาให้ เปน็ แนวเสน้ โคง้ ทะแยง 5. พลิกสันทบซ้ายพับตลบเชน่ เดียวกับทางดา้ นขวาย 6. นาผา้ นุ่งมานงุ่ 3ชั้น พับเชน่ เดียวกับขั้นตอนที่ 2-5
การพับกลบี กหุ ลาบ 1. ฉกี ใบตองกว้าง 1.5 ยาว 7 นิ้ว แบ่งครึ่งใบตองให้ เท่ากนั พับรมิ ใบตองดา้ นซา้ ยลงมาใหเ้ ปน็ มุมฉาก 2. พบั ใบตองริมขวาให้ชดิ เส้นกง่ึ กลางใบตอง 3. พับทบสองข้างเขา้ หากัน 4. พบั ตลบสนั ทบกลับมาทางขวาใหเ้ ปน็ แนวเสน้ โค้ง ทะแยง 5. พบั สันทบอีกขา้ งหน่งึ เหมอื นขัน้ ตอนที่ 4 6. นากลีบกหุ ลาบที่พบั แลว้ มาสวมเขา้ ทางด้านหลงั ทบั เส้นโคง้ ทะแยง
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: