Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานสำนวน ของคุณวินทร์ เลียววาริน

งานสำนวน ของคุณวินทร์ เลียววาริน

Published by pluemprim chanel, 2021-10-07 09:30:59

Description: งานสำนวน ของคุณวินทร์ เลียววาริน

Search

Read the Text Version

เล่มท่ี 1 ขอบเขตการศึกษา ในการศกึ ษาคร้งั น้ี ผวู้ จิ ยั ไดก้ าํ หนดขอบเขต การศึกษาไวด้ งั ต่อไปน้ี 1. ศกึ ษาลกั ษณะลีลาภาษาในเร่ืองการใชค้ าํ และโวหารภาพพจน์ ซ่ึงประกอบดว้ ย 1. ลีลาภาษา 1.1 การใชค้ าํ คาํ ทเี่ ลียนเสียงพูด 1. คาํ ยอ่ 2. คาํ ตดั 3. คาํ ไม่สุภาพ 4. คาํ สแลง 5. คาํ ทบั ศพั ทภ์ าษา 6. คาํ ตา่ งประเทศ 7. คาํ ที่มีความหมายแฝง 8. คาํ อุทาน 1.2โวหารภาพพจน์ 1. อุปมา 2. อุปลกั ษณ์ 3. สญั ลกั ษณ์

4. นามนยั 5. อตพิ จน์ 6. บคุ ลาธิษฐาน 7. ปฏทิ รรศน์หรือ ปฏภิ าคพจน์ 8. ปฏิพจน์ 9. คาํ ถามเชิงวาทศิลป์ หรือปฏิปจุ ฉา 10. การเลียนเลียง ธรรมชาติ สัทพจนัย การกล่าวอา้ งถึง 3. ผูว้ ิจยั จะศึกษาบทความของวินทร์ เลียววาริณ ท่ีไดร้ ับการตีพมิ พต์ ้งั แต่ปี พ.ศ.2548-2555 ในชื่อ หนงั สือ เสริมกําลังใจ จาํ นวน 7 เล่ม จดั พิมพโ์ ดย สํานักพิมพ์ 113 โดยทาํ การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เจาะจง (Purposive Sampling) จากจาํ นวนบทความ ท้งั หมด 314 บทความ เหลือเพยี ง 157 บทความ ดงั น้ี - เล่มที่ 1 รอยเทา้ เล็ก ๆ ของเราเอง จาํ นวน 23 บทความ (พ.ศ. 2548) - เล่มท่ี 2 ความฝันโง่ ๆ จาํ นวน 23 บทความ (พ.ศ. 2549) - เล่มที่ 3 เบ้ืองบนยงั มีแสงดาว จาํ นวน 22 บทความ (พ.ศ. 2550) - เล่มท่ี 4 อาทิตยข์ ้ึนทางทศิ ตะวนั ตก จาํ นวน 24 บทความ (พ.ศ. 2551) - เล่มที่ 55 สองแขนที่กอดโลก จาํ นวน 24 บทความ (พ.ศ. 2553) - เล่มท่ี 6 สองปี กแห่งความฝัน จาํ นวน 23 บทความ (พ.ศ. 2554) - เล่มที่7คาํ ท่ีแปลวา่ รกั จาํ นวน 18 บทความ (พ.ศ. 2555)

วธิ ีดาํ เนินการวจิ ยั ในการดาํ เนินการวจิ ยั คร้งั น้ี ผวู้ จิ ยั ใชว้ ธิ ีวจิ ยั จากเอกสาร (Documentary research) โดยมีข้นั ตอน การ วจิ ยั ดงั น้ี การคกึ ษาข้อมูลเบือ้ งตน 1. ศกึ ษาและรวบรวมเอกสารและงานวจิ ยั ที่ เก่ียวขอ้ งกบั วนิ ทร์ เลียววาริณ และการศึกษาวเิ คราะห์ วรรณกรรม 2. ศกึ ษาหลกั เกณฑเ์ กี่ยวกบั การวเิ คราะห์ ลีลาภาษา แหล่งรวบรวมข้อมูล รวบรวมขอ้ มูลและศึกษาหนังสือเสริมกาํ ลงั ใจ ของวินทร์ เลียววาริณ ที่ไดร้ ับการตีพิมพต์ ้งั แต่ปี พ.ศ. 2548 - 2555 ในชื่อหนังสือเสริมกาํ ลงั ใจ จาํ นวน 7 เล่ม จดั พิมพโ์ ดยสาํ นกั พิมพ1์ 13โดยเลือกจากกลุ่ม ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จาก จาํ นวนบทความรวมท้งั สิ้น 314 บทความ เหลือเพยี ง 157 บทความ ข้นั วิเคราะห์ข้อมูลและจัดกระทาํ ข้อมูล 1. นาํ ขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการศึกษามาวเิ คราะห์ ลีลาภาษาในการเขยี นบทความ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1.1 การใชค้ าํ 1.2 การใชโ้ วหารภาพพจน์ 2. นาํ ผลการวเิ คราะห์มาเรียบเรียงตามหวั ขอ้ การวเิ คราะห์

ข้นั นําเสนอผลการวิจัย 1. สรุปผลและอภปิ รายผลการศกึ ษาคน้ ควา้ 2. นาํ เสนอผลการศึกษาคน้ ควา้ แบบ พรรณนาวเิ คราะห์ (Descriptive analysis) ผลการวจิ ยั การศึกษาลีลาภาษาในบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ผูว้ จิ ยั ไดแ้ บ่งงานศึกษาลีลาภาษา ออกเป็ น 2 ด้าน คือ ในดา้ นการใช้คาํ และในดา้ นการใช้โวหารภาพพจน์ หลังจากเก็บรวบรวมขอ้ มูล บนั ทึกตาม หมวดหมู่ท่ีใชเ้ ป็นแนวทางในการวเิ คราะห์ แลว้ ผวู้ จิ ยั ไดน้ าํ มาวเิ คราะหโ์ ดยใชเ้ กณฑใ์ น การพจิ ารณาท่ีผวู้ ิจยั ประมวลความรูแ้ ละกาํ หนดข้นึ จากเอกสารและงานวจิ ยั ต่าง ๆ ดงั น้ี ดา้ นการใชค้ าํ ผูว้ ิจยั ได้ศึกษาในเร่ืองการใช้คาํ เลียนเสียงพูด การใชค้ าํ ยอ่ การใชค้ าํ ตดั การใชค้ าํ หยาบ การใช้ คาํ สแลง การใชค้ าํ ทบั ศพั ทจ์ ากภาษาต่างประเทศ การใชค้ าํ ที่มีความหมายแฝงหรือความหมายโดยนัย และ การใชค้ าํ อุทาน จากการศึกษาบทความของวินทร์ เลียววาริณ ในหนังสือเสริมกาํ ลงั ใจ จาํ นวน 7 เล่ม ผูว้ ิจยั พบการใชค้ าํ ดงั ตอ่ ไปน้ี การใช้คาํ เลยี นเสียงพูด คาํ เลียนเสียงพดู คือ การใชค้ าํ ต่าง ๆ ตามการ ออกเสียง เช่น ดีท่ีซู๊ด ใช่ม้ยั อยา่ งนึง ดีนะเนี่ย ฯลฯ [5] จากการศึกษาลีลาภาษาจากบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบวา่ มี การ ใชค้ าํ เลียนเสียงพดู ตวั อยา่ งเช่น เพอ่ื นบางคนซ่ึงเป็นคนละเอียดรอบคอบ ระดบั ‘มั่กมัก่ ’ เซ็กราคาในหา้ งสรรพสินคา้ ใหญแ่ ห่งหน่ึง ซ่ึงชอบมีแคมเปญการตลาดลดแลกแจกสะบ้นั ไดค้ วาม วา่ สินคา้ ก่อนและหลงั ลดมีราคาเท่ากนั [17] คาํ วา่ มก่ั มกั่ มาจากรูปเขยี นวา่ มากมาก ซ่ึงคาํ วา่ มก่ั เป็ นคาํ ที่เขยี นตามเสียงพดู โดยการ เปล่ียนเสียง

สระอาจากคาํ เดิมวา่ มาก เป็นเสียงสระอะ และเปล่ียนเสียงวรรณยกุ ตโ์ ทเป็ นเสียงวรรณยกุ ตเ์ อก ผพู้ ดู สาธิตท่าวธิ ีการปลดมีดจากมือศตั รู “...แลว้ กระแทกอย่างนีเ้ ทา่ น้นั เองมนั กจ็ ะส้ินฤทธ์ิ..” [17] คาํ ว่า อยา่ งน้ีมาจากรูปเขียนว่า อยา่ งน้ีซ่ึง คาํ ว่า น้ี เป็ นคาํ ที่เขียนตามเสียงพูดโดยการใช่วิธีการ กลมกลืนเสียงไปตามเสียงที่ใกลก้ นั ในทีน่ ้ีคือการ เปล่ียนตวั พยญั ชนะจาก น เป็ น ง จากตวั อยา่ งขา้ งตนั จะเห็นไดว้ า่ ในบทความ ของวนิ ทร์ เลียววาริณมีการใชค้ าํ เลียนเสียงพดู ที่ เลียนแบบการ ออกเสียงในภาษาพดู ทาํ ใหก้ ารสะกดคาํ แตกตา่ งจากรูปแบบภาษาเขยี น เนื่องจากยดึ เสียง ภาษาพดู เป็นหลกั ในการสะกดคาํ ซ่ึงมีท้งั การใชค้ าํ เลียนเสียงพดู ในลกั ษณะเม่ือใชร้ ถยนตย์ หี่ อ้ น้ี ชีวติ คุณจะดีข้ึนถา้ เลือกผม เป็ น ส.ส. เปลี่ยนเสียงสระและเปลี่ยนเสียงพยญั ชนะ การใชค้ าํ ยอ่ คาํ ยอ่ คือ การลดรูปของคาํ หรือการทาํ ใหค้ าํ น้นั ส้นั ลง โดยทว่ั ไปการยอ่ คาํ จะปรากฏในรูปของ พยญั ชนะ หน่ึงตวั ตามดว้ ยเครื่องหมายมหพั ภาค (.) เช่น พ.ศ. ยอ่ มาจาก พทุ ธศกั ราช, ต. ยอ่ มาจาก ตาํ บล เป็นตน้ [9] จากการศึกษาลีลาภาษาจากบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบวา่ มี การใชค้ าํ ยอ่ ตวั อยา่ งเช่น ตวั อยา่ งท่ี 1 อัง ลี เกิดที่จังหวัดเกษตรกรรมทางภาคใต้ ของไต้หวนั ครอบครัวของเขามุ่งเน้นการศึกษาและ ขนบธรรมเนียมจีนเก่า พอ่ แม่อพยพมาจากเมืองจนี หลงั จากคอมมิวนิสตย์ ดึ แผน่ ดินจีนสาํ เร็จในปี พ.ศ. 2492 [13] คาํ วา่ พ.ศ. เป็นการใชค้ าํ ยอ่ ซ่ึงมาจากคาํ เตม็ วา่ พทุ ธศกั ราช เป็ นการยอ่ คาํ ทป่ี รากฏในรูปของ พยญั ชนะหน่ึง ตวั ตามดว้ ยเคร่ืองหมายมหพั ภาค ( . ) ตวั อยา่ งที่ 2 วนั จนั ทร์ทีส่ ามของเดือนกรกฎาคม เป็นวนั อู มิ โนะ ฮิ คือวนั มหาสมุทร ชาวญ่ปี ่ ุนเฉลิมฉลองทะเล ในอดีต วนั น้ีเป็ นวนั ท่ีลจกั รพรรดิเมจีเสด็จทางชลมารค กลบั จากฮอกไกโดในปี ค.ศ. 1876 [13]

คาํ ว่า ค.ศ. เป็ นการใชค้ าํ ยอ่ ซ่ึงมาจากคาํ เตม็ วา่ คริสตศกั ราช เป็ นการยอ่ คาํ ที่ปรากฏในรูปของ พยญั ชนะ หน่ึงตวั ตามดว้ ยเครื่องหมายมหพั ภาค ( . ) ตวั อยา่ งท่ี 3 ม.ร.ว. คึกฤทธ์ิ ปราโมช เคยเปรียบเทียบคน ท่ีค่อนแคะท่านวา่ “เหมือนหมาเยยี่ วรดภูเขาทอง” ความหมาย ของทา่ นคอื เป็นคนตอ้ งไม่หวน่ั ไหวตอ่ ลมปากคนอื่น ยง่ิ อยสู่ ูงตอ้ งหวนั่ ไหวนอ้ ยลง [14] คาํ วา่ ม.ร.ว. เป็นการใชค้ าํ ยอ่ ซ่ึงมาจากคาํ เตม็ วา่ หม่อมราชวงศ์ เป็ นการยอ่ คาํ ที่ปรากฏในรูปของ พยญั ชนะ หน่ึงตวั ตามดว้ ยเคร่ืองหมายมหพั ภาค ( . ) ตวั อยา่ งท่ี 4 เราอยใู่ นโลกของการหลอกลวง : คุณจะดูดี เพราะสวมชุดท่ีมีแบรนดเ์ นม คุณจะมีศกั ด์ิศรีในสงั คม เม่ือใชร้ ถยนตย์ ห่ี อ้ น้ี ชีวติ คุณจะดีข้ึนถา้ เลือกผมเป็ น ส.ส. ฯลฯ [16] คาํ ว่า ส.ส. เป็ นการใชค้ าํ ยอ่ ซ่ึงมาจากคาํ เตม็ วา่ สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร เป็ นการยอ่ คาํ ที่ปรากฏ ในรูปของ พยญั ชนะหน่ึงตวั ตามดว้ ยเคร่ืองหมาย มหพั ภาค ( . ) จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ ในบทความ ของวนิ ทร์ เลียววาริณมีการใชค้ าํ ยอ่ ท่ีเป็ นการลดรูป ของคาํ น้นั ใหส้ ้นั ลง โดยวธิ ีการยอ่ คาํ จะปรากฏในรูป ของพยญั ชนะหน่ึงตวั ตามดว้ ยเครื่องหมายมหัพภาค ( . ) ซ่ึงคาํ ยอ่ ที่พบน้นั ส่วนใหญ่จะเป็นคาํ สามญั ทพ่ี บ ในงานเขยี นทวั่ ไป การใชค้ าํ สแลง คาํ สแลง คือ คาํ ท่ีใชก้ บั เฉพาะบางคนบาง กลุ่ม คาํ สแลงเป็ นคาํ ท่ีใชผ้ ดิ ไปจากธรรมดาในดา้ น ความหมาย และดาํ นเสียง คาํ สแลงน้ีมกั นิยมใชช้ ว่ั คร้ัง ชวั่ คราวแลว้ ก็หมดความนิยมไป แต่จะมีคาํ สแลงเกิด ข้ึนมาใหม่ ตามยคุ สมยั เช่น เบ้ยี ว ซ่าส์ มนั ส์ เก่าก๊ึกก์ ชิงชิง ไม่สน กลู ่ะเบื่อ แหว้ ไปเลย ซื่อบ้อี ชว่ั บริสุทธ์ิข้ึนเป็ นตน้ [6] จากการศึกษาลีลาภาษาจากบทความของ วินทร์ เลียววาริณ ในหนังสือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบว่ามี การใชค้ าํ สแลง ตวั อยา่ งเช่น ตวั อยา่ งที่ 1

ในการทาํ งานก็แซงหาทางลดั เสียบหาตาํ แหน่ง ทต่ี นหมายตา แลว้ นาํ หลกั การเดียวกนั น้ีมาใชใ้ นการ ตาํ เนิน ชีวติ ทน่ี ่าประหลาดกค็ ือยงิ่ แซงยง่ิ เก่ง ยงิ่ เป็ นท่ี ยอมรบั สามารถรับเลือกทงั่ โดยกระบวนการ ซิก แซก นบั วา่ เก่ง [12] คาํ วา่ ซิกแซก ในบริบทน้ีหมายถึง การ หาทางลดั หรือการทาํ ทกุ วถิ ีทางเพอ่ื ไปใหถ้ ึงจดุ หมาย โดยไม่คาํ นึงถึง ความถูกตอ้ ง ในบริบทน้ี วนิ ทร์ใด้ ยกตวั อยา่ งการเลือกทง่ั ท่ีมีการใชห้ าทางลดั หรือทาํ วธิ ีการใดก็ตามท่ีจะ ใหต้ นเองชนะการเลือกทง่ั โดยไม่ คาํ นึงถึงความถูกตอ้ ง ตวั อยา่ งท่ี 2 ผมเป็ นคนท่ีไม่ ‘อิน’ กับกีฬาทุกชนิด ไม่สนใจ และดอ้ ยความรู้เรื่องกีฬาโดยสิ้นเซิง (โปรดอยา่ เอาเป็ น เยย่ี งอยา่ ง) [13] คาํ วา่ อิน ในบริบทน้ีหมายถึง การอยใู่ น กระแสนิยมหรือมีความสนใจในเร่ืองราวต่าง ๆ ที่สังคม กาํ ลงั ให้ ความสนใจ ในบริบทน้ีวนิ ทร์กล่าวถึงตวั เองวา่ ไม่ไดส้ นใจในกีฬาและไม่มีความรูใ้ นดาํ นกีฬาเลย ตวั อยา่ งที่ 3 ผพู้ ดู เล่าตอ่ ไป “สาํ หรับเร่ืองผหู้ ญิงน้นั ชาย ชาตรีอยา่ งเราจะตอ้ งเช่ียวชาญ...” เขาบรรยายวิธี ลดั การสตรีให้ หลงรกั และหลงใหล ดว้ ยลีลาทางเพศที่ ‘เดด็ สะระต่’ี ยง่ิ นกั [17] คาํ วา่ เดด็ สะระตี่ ในบริบทน้ีหมายถึง สุดยอด ยอดเยย่ี ม ในบริบทน้ี วนิ ทร์ไดบ้ รรยายวา่ ครูตนเองได้ บรรยาย วธิ ีการลดั การหญิงสาวใหห้ ลงไหลดว้ ยลีลาทาง เพศทสี่ ุดยอด จากตวั อยา่ งขา้ งดน้ จะเห็นไดว้ า่ มีการใชค้ าํ สแลงทด่ี ึงดูดความสนใจของผอู้ ่านไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เพอ่ื เพมิ่ สีสนั ในงานเขียน ทาํ ใหเ้ น้ือหามีความน่าสนใจและ สามารถดึงดูดความสนใจจากผอู้ ่านใหอ้ ยากดีดตาม เร่ืองราว ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี การใชค้ าํ ทบั ศพั ทจ์ ากภาษาตา่ งประเทศ

คาํ ทบั ศพั ทจ์ ากภาษาต่างประเทศ เป็ นคาํ ภาษาต่างประเทศที่เขียนเป็ นภาษาไทย โดยการทบั ศพั ทต์ ามการ ออกเสียงของคนไทย มีทง่ั คาํ ที่ใชท้ ว่ั ๆ ไป และท่ีเป็ นคาํ เฉพาะ [3] จากการศกึ ษาลีลาภาษาจากบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบวา่ มี การใชค้ าํ ทบั ศพั ทจ์ ากภาษาต่างประเทศ ตวั อยา่ งเช่นการใชค้ าํ ทบั ศพั ทภ์ าษาองั กฤษ คาํ ทบั ศพั ทท์ ี่เป็ นช่ือเฉพาะ ตวั อยา่ งที่ 1 จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ นักคิดนกั เขียนชาว องั กฤษ(1856-1950)เคยกล่าวว่า“คุณมองส่ิงของต่าง ๆ และคุณ บอกวา่ ‘ทาํ ไม?’ แต่ผมจนิ ตนาการสิ่งตา่ ง ๆ ที่ไม่ เคยมีมาก่อน และผมบอกวา่ ‘ทาํ ไมจะไม่ล่ะ?’ ” [12] จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ เป็ นคาํ ทบั ศพั ทท์ เ่ี ป็ น ช่ือเฉพาะ คือชื่อคน มาจากคาํ ภาษาองั กฤษวา่ George Bernard Shaw โดยนาํ มาเขยี นทบั ศพั ทด์ ว้ ยภาษาไทย ตวั อยา่ งท่ี 2 อยากรวยก็รวยได้ อยากเป็ นนักเขียนก็ เป็ นได้ อยากเป็ นนกั แสดงก็เป็ นได.้ ..แน่นอนคงไม่ง่าย แต่รับรองวา่ ยากน้อยกว่านักกีฬาพิการท่ีได้รับเหรียญ ทองโอลิมปิ ก คนตาบอดท่ีเรียนจบมหาวิทยาลยั คนเป็ นมะเร็ง ระยะสุดทา้ ยท่รี อดชีวติ มาได้ นกั รอ้ งท่ี ไร้แขนขา ฯลฯ [12] โอลิมปิ ก เป็นคาํ หบั ศพั ทท์ ่ีเป็นชื่อเฉพาะคือ ช่ือการแขง่ ขน้ กีฬาโอลิมปิ ก มาจากคาํ ภาษาองั กฤษวา่ Olympic โดยนาํ มาเขยี นทบั ศพั ทด์ วั ยภาษาไทย ตวั อยา่ งท่ี 3 เราควรเขา้ หาคนอ่ืนดว้ ยความคดิ ทว่ี า่ เขาอาจเป็ นอลั ไซเมอร์ แนะนาํ ตวั เองก่อนเสมอ โทรศพั ท์ หาผอู้ ่ืนโดย คดิ วา่ เขาอาจกาํ ลงั นอนหลบั อยู่ เขยี นจดหมายถึงเขาเหมือนกบั เขาเป็ นครูสอนภาษา เล็ก ๆ นอ้ ย ๆ เหล่าน้ีทาํ ใหก้ ารสื่อสารไม่วา่ จะเล็กนอ้ ยแค่ ไหนมีคุณค่าข้นึ [13] อลั ไซเมอร์ เป็นคาํ หบั ศพั ทท์ ีเ่ ป็นช่ือเฉพาะ คอื ช่ือของโรคภาวะสมองเส่ือม มาจากคาํ ภาษาองั กฤษ วา่ Alzhei mer โดยนาํ มาเขียนทบั ศพั ทด์ ว้ ยภาษาไทย คาํ ทบั ศพั ทท์ ว่ั ไป ตวั อยา่ งท่ี 1 สาเหตทุ ่ีไม่สวมนาฬกิ าขอ้ มือ ไม่ใช่เพราะ แอนต้คี นขายนาฬิกาหรือดดั จริตตอ่ ตา้ นสังคม (ทห่ี ลายคนบ่นว่า ตกเป็ นทาสของเวลา) หรือเพอื่ ความเท่ แตป่ ระการ [12]

แอนต้ี เป็ นคาํ ทบั ศพั ทท์ ว่ั ไป มาจากคาํ ภาษาองั กฤษวา่ anti ในบริบทน้ีหมายถึง การไม่ชอบ คนขายนาฬิกา ตวั อยา่ งท่ี 2 เปล่า ผมไม่ไดป้ ฏิเสธนาฬิกาโดยส้ินเชิง ตรง ขา้ มกลับชอบดูดีไซน์นาฬิกาสวย ๆ บางคร้ังก็ซ้ือมาดูเล่น เพราะชอบการออกแบบ เมื่อเดินทางขา้ มประเทศกพ็ กมนั ไปดว้ ยเพอื่ เทยี บเวลา แตย่ ดั มนั ใส่ในกระเป๋ า [12] ดีไซน์ เป็ นคาํ ทบั ศพั ทท์ วั่ ไป มาจากคาํ ภาษาองั กฤษว่า design ในบริบทน้ีหมายถึง การ ออกแบบและ รูปแบบของนาฬิกา ตวั อยา่ งท่ี 3 ละครโทรทศั นท์ ี่ผหู้ ญิงสามคนตบตีกนั แยง่ ชายคนเดียว หรือชายหา้ คนหมายปองสตรีคนเดียว จึงไม่เคยตก ยคุ การอกหักเป็ นองคป์ ระกอบท่ีขายได้ หนังยงิ่ เศร้า หลงั่ น้ีตาเป็ นปิ๊ บ ๆ คนดูยง่ิ ชอบ ราวกบั ว่าเป็ นพวก ซาดิสตช์ อบดูคนอ่ืนบาดเจบ็ ทางใจ [14] ซาดิสต์ เป็ นคาํ ทบั ศพั ทท์ ว่ั ไป มาจากคาํ ภาษาองั กฤษวา่ sadist ในบริบทน้ีหมายถึง กลุ่มคนที่ ชอบกระทาํ การทารุณผอู้ ่ืนใหเ้ จบ็ ปวดทรมาน จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ ในบทความ ของวนิ ทร์ เลียววาริณมีการใชค้ าํ ทบั ศพั ท์ ภาษาตา่ งประเทศ คอื ภาษาองั กฤษ แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ คาํ ทบั ศพั ท์ที่เป็ นชื่อเฉพาะและคาํ ทบั ศพั ท์ ทว่ั ไป โดยนํามา เขยี นทบั ศพั ทด์ วั ยภาษาไทย การใชค้ าํ ทีม่ ีความหมายแฝง คาํ ที่มีความหมายแฝง เป็ นความหมายอีก ความหมายหน่ึงนอกเหนือจากความหมายตรงหรือ ความหมาย ประจาํ คาํ [19] จากการศกึ ษาลีลาภาษาจากบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบวา่ มี การใชค้ าํ ทม่ี ี ความหมายแฝง ตวั อยา่ งเช่น ตวั อยา่ งที่ 1 ทนั ใดน้ันทุกคนก็พากนั กลบกลิ่นตวั สวม เส้ือผา้ ตามกระแสท่ีคนกลุ่มหน่ึงสร้าง กิน ดื่ม เล่น นอน ตาม ตารางทีถ่ ูกกาํ หนดมา ราวกบั หุ่นยนตท์ ่ี ออกมาจากโรงงานเดียวกนั [12] กล่ินตวั ในบริบทน้ีมีความหมายแฝงวา่ ส่ิงที่ เป็ นตวั ตนทแี่ ทจ้ ริงของตนเอง ซ่ึงเป็ นสิ่งทคี่ นอื่นอาจจะ มองวา่ ไม่ดี ไม่ทนั สมยั ไม่มีคุณคา่

ตวั อยา่ งท่ี 2 โลกหมุนไม่หยดุ เพราะมีคนกลุ่มหน่ึง พยายามวงิ่ หนีเงาของตนเองไปขา้ งหนา้ คนพนั ธุน์ ้ี เช่ือวา่ มีอะไรใหม่ ๆ รอใหเ้ ราสร้างอยเู่ สมอ ไม่มีวนั หมด นี่จงึ ทาํ ใหก้ ารสรา้ งสรรคม์ ีความหมาย [12] ว่ิงหนีเงา ในบริบทน้ีมีความหมายแฝงว่า การพฒั นาตนเอง พฒั นาความคิด สร้างสรรค์ส่ิงใหม่ ๆ อยู่ ตลอดเวลา ตวั อยา่ งที่ 3 คนทีว่ า่ งเปล่าคนน้ียงั รอ้ งเพลง เล่นหนงั เพลง แลว้ ลอกคราบอีกคร้งั เมื่อเขาสลดั เปลือกของดารา หนงั มาเป็น ผกู้ าํ กบั ภาพยนตร์[14] ลอกคราบ ในบริบทน้ีมีความหมายแฝงวา่ การเปล่ียนแปลงบทบาท หนา้ ท่ี, เปลือก ในบริบทน้ีมี ความหมาย แฝงวา่ บทบาท ในบริบทน้ี วนิ ทร์ได้ กล่าวถึงคลินท์ อีสตว์ ดู ท่ีไดเ้ ปลี่ยนแปลงบทบาทของ นกั แสดงมาเป็ น ผกู้ าํ กบั ภาพยนตร์ ตวั อยา่ งท่ี 4 การสวม ‘แวน่ ตาดาํ ’นาน ๆ คร้งั ไม่ใช่เร่ือง เลวรา้ ย อาจช่วยทาํ ใหร้ ะวงั ตนในระดบั หน่ึง แตส่ วม บ่อย ๆ อาจ ทาํ ให้ตาไม่ชินกบั ความสวา่ ง อยใู่ นช่วงที่ น่าจะมีความสุขก็ไม่เป็ นสุข อยใู่ นช่วงเวลาทกุ ขก์ ท็ ุกข์ กวา่ ที่ควร เป็ น [16] แวน่ ตาดาํ ในบริบทน้ีมีความหมายแฝงวา่ การมองโลกดา้ นลบ ในบริบทน้ีวนิ ทร์ เลียววาริณได้ กล่าวถึงการ มองโลกในดา้ นลบจะช่วยให้เรามีความระมดั ระวงั ตนเองได้ แต่ถา้ มองโลกในด้านลบบ่อย ๆ จะทาํ ให้ กลายเป็ นคนหวาดระแวงอยตู่ ลอดเวลา เวลามี ความสุขกไ็ ม่เป็ นสุข เวลามีความทุกขก์ ็ทกุ ขม์ ากกวา่ ควรทีจ่ ะ เป็ น จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ ในบทความ ของวนิ ทร์ เลียววาริณมีการใชค้ าํ ท่ีมีความหมายแฝง ซ่ึงเป็ น ความหมายอีกความหมายหน่ึงที่ไม่ตรงกบั รูป คาํ ที่ปรากฏ เป็ นการใชค้ าํ อยา่ งหน่ึงแต่ไม่ไดม้ ุ่งท่ีจะให้ มี ความหมายตามน้นั ผูเ้ ขียนมุ่งแฝงความหมายอ่ืนและ ใหเ้ ขา้ ใจความหมายตามความหมายแฝงน้นั ซ่ึงเป็ น การสรา้ งความน่าสนใจในงานเขียนอีกวธิ ีหน่ึง การใชค้ าํ อุทาน คาํ อุทานหมายถึง คาํ ท่เี ปล่งออกมาโดยไม่มี ความหมาย แตบ่ อกอาการหรือความรู้สึกของผกู้ ล่าว ได้ จาํ แนก เป็ น 2 ชนิด ดือ อุทานบอกอาการและ อุทานเสริมบท [10]

จากการศึกษาลีลาภาษาจากบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือชุดเสริมกาํ ลงั ใจ พบว่ามี การใชค้ าํ อุทานท้งั ประเภทอุทานบอกอาการและอุทาน เสริมบท อุทานบอกอาการ อุทานบอกอาการ คือ คาํ อุทานท่ีผพู้ ดู เปล่ง ออกมา เพอื่ ใหร้ ู้จกั อาการต่าง ๆ ของผพู้ ดู และเป็ นคาํ อุทานบอก อาการท่ีมีลกั ษณะ คือ ใชบ้ อกอาการในเวลา พดู จากนั เช่น น่ีแน่! (แสดงอาการเรียกร้องหรือบอกให้ รู้ตวั ) เหม่! (แสดงอาการโกรธเคอื ง) [10] ตวั อยา่ งเช่น ที่น่าตลกคือ วนั ที่ 31 ธนั วาคมปี ถดั มาหลายคนพบว่า รายการกลบั เน้ือกลบั ตวั ชุดใหม่มกั ซ้าํ กบั รายการเดิม แสดงวา่ ท่ีผ่านมา 365วนั ไม่มีอะไรใหม่ ๆ เกิดข้ึน (ตามแผน) เลยหรือเพราะมีแผนมากเกินไป จนไม่มีการ เปล่ียนแปลงเกิดข้นึ เลยสกั อยา่ งเดียว จนถึงเที่ยงคืนวนั ที่ 31 ธนั วาคม บางคนถอน ใจเพราะเพ่ิงนึกได้ว่า เอ๊ะ! ปี น้ีก็เขา้ ข่าย “Same old shit, different year.” [12] คาํ ว่า เอ๊ะ หมายถึง คาํ ท่ีเปล่งออกมาแสดง ความฉงน ไม่เขา้ ใจ หรือไม่พอใจ เป็ นตน้ [11] ใน บริบทน้ีเป็ น การใชค้ าํ อุทานบอกอาการสงสยั โดยสงสยั วา่ แผนการตา่ ง ๆ ท่จี ะทาํ ในปี น้ียงั คงเหมือน แผนการเดิมของปี ที่ ผา่ น ๆ มา เฮอ้ ! มนุษยเ์ ราก็แปลก! ไม่มีปัญหากห็ าปัญหา มาแบกไวโ้ ดยใช่เรื่อง! [16] คาํ วา่ เฮอ้ หมายถึง คาํ ทเ่ี ปล่งออกมาแสดง ความเบื่อหน่ายหรือไม่ถูกใจ เป็นตน้ [11]ในบริบทน้ี เป็ นการใช้ คาํ อุทานบอกอาการเหนื่อยใจกบั มนุษยท์ ี่ ชอบสร้างแตป่ ัญหา อุทานเสริมบท อุทานเสริมบท คอื อุทานทผ่ี พู้ ดู กล่าว เพม่ิ เติมถอ้ ยคาํ เสริมข้นึ เช่น ลูกเตา้ แขนแมน เลขผา [10] ตวั อยา่ งเช่น คนแก่จาํ นวนมากแก่ตามกตกิ าของสงั คม คนไม่นอ้ ยมองคนแก่เป็ นคนไรค้ ่า ดว้ ยประโยคทวี่ า่ “อยบู่ า้ นเล้ียง หลานเถอะ” หรือ “ถึงเวลาเขา้ วดั เขา้ วา ไดแ้ ลว้ ” [14] คาํ ว่า เขา้ วดั เขา้ วา เป็ นคาํ อุทานเสริมบท มาจากคาํ วา่ เขา้ หมายถึง อาการท่ีเคล่ือนไปขา้ งหน้า หรือทาํ ให้ เคลื่อนไปขา้ งใน[11] และคาํ วา่ วดั หมายถึง สถานที่ทางศาสนา โดยปรกติมีโบสถว์ หิ ารและท่ีอยู่ ของสงฆ์ หรือนักบวช เป็ นดนั [11]ในบริบทน้ีเป็ นการ ใชค้ าํ อุทานเสริมบท ที่กล่าวถึงคนจาํ นวนไม่น้อยท่ีชอบ มอง คนแก่เป็ นคนไร้ค่า และชอบใหค้ นแก่เล้ียงหลาน หรือไม่ก็เขา้ วดั

ความเสียหายบางเรื่องเป็ นเพียงน้ําผ้ึงหยดเดียว ขยายตวั ลามออกไปเพียงเพราะคนที่ประสบปัญหาไม่ สามารถหุบปากตวั เอง ยกตวั อยา่ งเช่น เมื่อถูกตาํ รวจ จราจรจบั ขอ้ หาทาํ ผดิ กฎจราจร กด็ ่าตาํ รวจวา่ โง่เงา่ ท่ี จบั สุ่มสี่สุ่มหา้ (ซ่ึงบางคร้งั อาจเป็นความจริง!) กอ็ าจ ไดร้ ับขอ้ หาอีกหน่ึงคือดูหมิ่นเจา้ พนกั งาน [16] คาํ ว่า สุ่มส่ีสุ่มห้า เป็ นคาํ อุทานเสริมบท มา จากคาํ ว่า สุ่ม หมายถึง อาการที่ทาํ ไปโดยไม่แน่ใจว่า จะถูก หรือไม่, ไม่เฉพาะเจาะจง [11] ในบริบทน้ีเป็ น การใชค้ าํ อุทานเสริมบท ท่กี ล่าวถึงนิสยั ของ คนท่ลี งมือ กิจกรรมบางอยา่ งโดยไม่มีการคดิ และวางแผนมาอยา่ งรอบคอบ จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ ในบทความ ของวนิ ทร์ เลียววาริณมีการใชค้ าํ อุทานบอกอาการท่ีผพู้ ดู เปล่ง ออกมา เพอื่ บอกอาการต่าง ๆ ในเวลาพดู คุย กนั และคาํ อุทานเสริมบททผ่ี พู้ ดู กล่าวเพมิ่ เติมถอ้ ยคาํ เสริมข้นึ การใชค้ าํ ในบทความของวนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนังสือเสริมกาํ ลงั จาํ นวน 7 เล่ม พบการใชค้ าํ ไดแ้ ก่ การใช้ คาํ เลียนเสียงพดู การใชค้ าํ ยอ่ การใช้ คาํ หยาบ การใชค้ าํ สแลง การใชค้ าํ ทบั ศพั ทจ์ าก ภาษาต่างประเทศ การ ใชค้ าํ ท่ีมีความหมายแฝง และ การใชค้ าํ อุทาน การใชโ้ วหารภาพพจน์ ผูว้ ิจยั ได้ศึกษานําเกณฑใ์ นการใชโ้ วหาร ภาพพจน์ของจุไรรัตน์ ลักษณะสิริ [4] มาเป็ นแนวทาง ในการ วิเคราะห์ จากการศึกษาบทความของวนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือเสริมกาํ ลงั ใจ จาํ นวน 7 เล่ม ผวู้ จิ ยั พบการใชโ้ วหารภาพพจนด์ งั ต่อไปน้ี ตวั อยา่ งท่ี 1 ไสเ้ ดือนไม่วา่ ระบายสีตวั เองอยา่ งไร กย็ งั คง เป็นไสเ้ ดือน มิใช่วา่ มีจาํ นวนมากเทา่ ใด กเ็ พยี งส่ายหวั ยกึ ยอื ไป มา ไม่อาจผงาดบินไดด้ ง่ั มงั กรหน่ึงตวั [12] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบถึงคนที่ คดโกงเหมือนกบั ไส้เดือน ถึงแมจ้ ะมีจาํ นวนมาก อยา่ งไรก็ตาม คุณคา่ และ ศกั ด์ิศรีกไ็ ม่สามารถเทยี บเทา่ กบั คนทฉี่ ลาดและไม่คดโกงที่เปรียบเหมือนมงั กรได้ ตวั อยา่ งท่ี 2 คนอยา่ งเขามีนอ้ ยลงไปทุกวนั เหมือนพชื - สตั วป์ ่ าหายากทกี่ าํ ลงั ใกลส้ ูญพนั ธุ์ คร้นั จะวา่ คนขบั แทก็ ซี่บางคนั ที่เลือกงาน ก็พดู ไม่เตม็ ปากดูเหมือนคน ท้งั โลกกเ็ ลือกงาน [12] จากตวั อยา่ งน้ี เป็นการเปรียบเทียบถึงคนที่ ขยนั ทาํ งานหายากเหมือนกบั พชื หรือสตั วป์ ่ าทีใ่ กล้ สูญพนั ธุ์ ตวั อยา่ งท่ี 3

สมั มาวาจาก็เช่นน้าํ เยน็ พรมใส่ตน้ ไม้ นอกจากจะสร้างความชุ่มฉ่าํ ต่อใบหรือดอก ยงั ไหล ยอ้ นลงดินเป็ น อาหารแก่ราก [12] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบถึงการกล่าวถอ้ ยคาํ ที่สุภาพเหมือนกบั น้าํ เยน็ ท่ีสดช่ืน พรมใส่ ตน้ ไมก้ ็ สร้างความชุ่มฉ่าํ ให้กบั ดอกใบและราก ทาํ ให้ ตน้ ไมน้ ้นั เจริญเติบโตไดด้ ี เหมือนกบั การพูดจาสุภาพแก่กนั ไม่วา่ ผพู้ ดู หรือผฟู้ ังก็จะมีแตค่ วามสุข สดชื่น ตวั อยา่ งที่ 4 เม่ือประกาศผลออกมา ชาวเมืองท่ีชนะการ ประกวดก็เฉลิมฉลองเป็ นการใหญ่ ส่วนเมืองท่ีพา่ ยแพ้ ก็หงอย เหงาราวกบั ห่าลงเมือง ถือวา่ เป็นภาพท่ถี ่างตา ผมออกกวา้ งในรอบปี [13] จากตวั อยา่ งน้ี เป็นการเปรียบเทียบถึงเมืองที่ ผดิ หวงั จากการคดั เลือกให้เป็ นเจา้ ภาพจดั งานโอลิมปิ ก วา่ เงียบ เหมือนเมืองท่มี ีโรคระบาดแพร่กระจาย ผคู้ น ลม้ ตายเป็ นจาํ นวนมาก จนทาํ ใหเ้ มืองน้นั เงยี บสงดั จากตวั อย่างขา้ งต้น จะเห็นได้ว่ามีการใช้ อุปมาโวหารท่ีมีลกั ษณะเด่นในการเปรียบเทียบส่ิงหน่ึง ให้ เหมือนกบั อีกส่ิงหน่ึง เพอื่ ทาํ ให้เขา้ ใจถึงความหมาย ของคาํ ท่ีนาํ มาเปรียบเทียบไดง้ ่าย และทาํ ให้ผูอ้ ่านเห็น ภาพไดช้ ดั เจนมากยงิ่ ข้นึ อุปลกั ษณ์ อุปลักษณ์ (metaphor) คือ การเปรียบเทียบ ด้วยการกล่าวว่า ส่ิงหน่ึงเป็ นอีกส่ิงหน่ึง โดยใช้แสดง การ เปรียบเทียบวา่ เป็ น หรือ คือ ความหมายจึงลึกซ้ึง กวา่ อุปมา เช่น ลูกคือดวงตาดวงใจของพ่อแม่ เป็ นตน้ [4] ตวั อยา่ งเช่น ตวั อยา่ งที่ 1 ...ก็ไม่น่าจะขาํ เพราะจากสถิติ ผูห้ ญิง จาํ นวนมากพบประสบการณ์คบั แคน้ คลา้ ย ๆ กนั น่นั คือ เม่ืออายยุ า่ ง เขา้ เลข 4 มกั ถูกมองเป็นหวั สิว คอื ตอ้ งบบี ออกเร็วท่สี ุด... [13] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบถึงผูห้ ญิง ท่ีมีอายยุ า่ งเขา้ เลย 4 เป็ นหัวสิวท่ีตอ้ งบีบออกให้เร็ว ที่สุด เน่ืองจากผหู้ ญิงในวยั น้ีเป็นวยั ทเ่ี ริ่มไม่สดใส มองแลว้ ก็มีความรู้สึกหดหู่ ไม่สดชื่นเหมือนผหู้ ญิงใน วยั สาว ตวั อยา่ งท่ี 2 รักก็คือไฟ เล่นกบั ไฟหน่ึงกองก็ยากแลว้ ท่ี ไม่ให้ไหมต้ วั เอง ไฟหลายกองยงิ่ เล่นยาก ชา้ หรือเร็ว ในสังคม ปัจจบุ นั กต็ อ้ งเลือกเอาเพยี งกองเดียว [13]

จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบถึงความ รักคือกองไฟ ยงิ่ รักหลายคนก็เหมือนกบั เล่นกบั กองไฟ หลาย กอง คนทีเ่ ล่นกบั ความรัก สุดทา้ ยกจ็ ะโดนไฟ ไหมต้ วั เองในที่สุด ตวั อยา่ งที่ 3 ทะนง โคตรชมพู ใชค้ วามเพยี รขบั เคลื่อนชีวติ ใชค้ วามอดทนสร้างทางเดินให้ตวั เอง ใชศ้ ิลปะเป็ นพาหนะ ปลดปล่อยชีวิตเป็ นอิสระและอยู่เหนือ‘กรรมเก่า’ใด ๆ [14] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบถึงการใช้ ศิลปะเป็ นตวั ชบั เคล่ือนชีวติ เนื่องจาก ทะนง โคตรชมพู เป็ นคนพกิ าร ป่ วยเป็ นโรคแขนขาลีบ ไม่สามารถ ช่วยเหลือตวั เองได้ แต่เขาใชศ้ ิลปะเป็ นแรงบนั ดาลใจในการทาํ งาน ทาํ ให้เขามีความหวงั ท่ีจะใชช้ ีวิตต่อไป ได้ ตวั อยา่ งที่ 4 ความอดทน ความเมตตาต่อกนั การเอาใจ เขามาใส่ใจเรา เสมอดน้ เสมอปลาย มองคู่ชีวิตเป็ นหุน้ ส่วน เป็ น เพอ่ื นร่วมทาง เหล่าน้ีคือคาถาสาํ คญั ที่ ไดผ้ ลกวา่ สญั ลกั ษณ์มงคลท้งั หลายท้งั ปวง [17] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการเปรียบเทียบคู่ชีวติ ว่า จะเป็ นผูท้ ี่ไดร้ ับผลจากการกระทาํ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เนื่องจาก คู่ชีวิตจะตอ้ งอยดู่ ว้ ยกนั ไปตลอดชีวติ ดงั น้นั จึงตอ้ งช่วยกนั สร้างครอบครัว สร้างฐานะ คอยให้ คาํ ปรึกษา และดูแลกนั ไปตลอดชีวติ จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ มีการใช้ อุปลกั ษณ์โวหารที่มีลกั ษณะในการเปรียบเทียบวา่ ส่ิง หน่ึงเป็ นอีก ส่ิงหน่ึง ซ่ึงการใชโ้ วหารอุปลกั ษณ์ในงาน เขียนน้ี ทาํ ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจเน้ือหาไดง้ ่ายข้ึนและทาํ ให้ ผูอ้ ่านอยาก ตดิ ตามยง่ิ ข้นึ อติพจน์ อดิพจน์ (hyperbole) คอื การกล่าวเกินจริง ซ่ึงเป็ นความรู้สึกหรือความคดิ ของผกู้ ล่าวที่ตอ้ งการย้าํ ความหมาย ใหฟ้ ังหนกั แน่นจริงจงั ทงั่ ท่ีผกู้ ล่าวและผูฟ้ ัง ก็เขา้ ใจว่ามิใช่เป็ นการกล่าวเท็จ เช่น “ฉันหิวไสจ้ ะขาด แลว้ นะ หรือ “ชาติหนา้ ตอนบ่าย ๆ จงึ จะไดพ้ บคน เช่นน้ีอีก” เป็นตน้ [4] ตวั อยา่ งเช่น

ภาพยนตร์รกั โหมใส่เราวา่ รักทาํ ใหเ้ ราเป็ น คนโดยสมบูรณ์ ละครรกั ตอกย้าํ วา่ คนที่ไรร้ กั น่าสงสารท่ีสุดใน โลก เป็ นเร่ืองน่าสนใจยิ่งที่จากประชากรกว่าหกหนั ลา้ นคนในโลก มีเพยี งคนเดียวที่ ทาํ ให้ชีวิตของเรามี ความหมาย [12] จากตวั อยา่ งน้ี เป็นการกล่าวถึงคนทไี่ ร้ซ่ึงรัก เป็ นคนที่น่าสงสารทีส่ ุดในโลก เป็ นการกล่าว เกินจริงอาคารทุกหลงั มีนาฬกิ า โทรศพั ทม์ ือถือทกุ เครื่องมีนาฬิกา และเกือบทกุ คนทเ่ี ดินผา่ นคุณสวมนาฬกิ า นาฬกิ าท่วมโลกเสียจนหาคนแปลกหนา้ ทีม่ าถามเวลาเรานอ้ ยลงทุกที [12] จากตวั อยา่ งน้ี เป็นการกล่าวถึงนาฬิกามีอยใู่ นทุก ๆ สถานท่ี มีมากจนทว่ มโลก เป็ นการกล่าวเกินจริง ฝ่ ายพระเอกจะรู้สึกสดช่ืนเหมือนกินยาบา้ เขา้ ไปสักร้อยเม็ด สารอะดรีนาลีนหลงั่ ไหลพล่านทว่ั ร่าง เมื่อ สะบดั ฝ่ามือ หินผาทีอ่ ยไู่ กลออกไปหลายเชียะก็ แตกรา้ ว กระโดดเบา ๆ กว็ ง่ิ ไปรอ้ ยสิบล้ีโดยไม่ เหนื่อยหอบ เพราะพลงั ภายในแบบ ‘สะสมทรัพย’์ ของตนรวมดอกเบ้ยี พลงั หกสิบปี ของอาจารยเ์ ขา้ ไปดว้ ย [14] จากตวั อยา่ งน้ี เป็ นการกล่าวถึงลูกศิษยท์ ่ี ไดร้ ับพลงั ลมปราณจากอาจารย์ทาํ ให้ร่างกายแขง็ แรง มีพละกาํ ลงั เพิ่มข้ึน สะบดั ฝ่ ามือก็สามารถทาํ ใหห้ ินผาท่ีอยไู่ กลแตกร้าวไดห้ รือเพียงแค่กระโดดเบา ๆ ก็ สามารถวงิ่ ไป หลายรอ้ ยกิโลเมตรโดยไม่เหนื่อยหอบ เป็นการกล่าวเกินจริง จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ ่ามีการใช้ อติพจน์โวหารท่ีมีลกั ษณะเป็ นการกล่าวเกินจริงซ่ึงการใชโ้ วหาร ลกั ษณะน้ีจะช่วยทาํ ใหม้ องเห็นภาพและ เขา้ ใจความหมายของคาํ ไดช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึนและเป็ นการ เพม่ิ สีสนั ให้ บทความมีความน่าสนใจยงิ่ ข้นึ คาํ ถามเชิงวาทศลิ ป์ คาํ ถามเชิงวาทศิลป์ หรือปฏิปุจฉา (rhetorical question) คือ การต้งั คาํ ถาม แต่มิไดห้ วงั คาํ ตอบ หรือ ถ้ามี คาํ ตอบก็ตอ้ งเป็ นคาํ ตอบท่ีทงั่ ผถู้ ามและผตู้ อบรู้ดี อยแู่ ลว้ นกั เขียนจะใชค้ าํ ถามเชิงวาทศิลป์ หรือปฏิปุจฉา เพอ่ื เร้าอารมณ์ผูอ้ ่านหรือสื่อความหมายและขอ้ คิดที่ ตอ้ งการ เช่น เราจะยอมให้มีการฉอ้ ราษฎร์บงั หลวง ต่อไปอีกหรือ เป็ นตน้ [4] ตวั อยา่ งเช่น ตวั อยา่ งท่ี 1 ความสวยงามของความฝันท่ดี ีคอื มนั เปล่ียน ชีวติ ผทู้ ่ฝี ันได้ และกเ็ ปลี่ยนชีวติ ของมนุษยชาติไป ในทางที่ดีข้ึน ได้ ถา้ เช่นน้นั ทาํ ไมไม่ลองใชป้ ระโยชน์ จากความฝันใหเ้ ตม็ ทล่ี ่ะ? [12] จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยค ทวี่ า่ ถา้ เช่นน้นั ทาํ ไมไม่ลองใชป้ ระโยชนจ์ ากความฝันใหเ้ ต็มที่ ล่ะ ในบริบทน้ีหมายความวา่ คนเราทกุ คนลว้ นแลว้ แต่มีความฝันหากความฝันน้นั สามารถ เปลี่ยนแปลงชีวิต ใหดั ีข้นึ ได้ ทาํ ไมไม่ลองทาํ ความฝัน น้นั ใหเ้ ป็ นจริง

ตวั อยา่ งท่ี 2 ความจริงการเปลี่ยนแปลงของชีวติ ไม่ไดถ้ ูกขีดคนั่ ดว้ ยตวั เลข 31 กบั 12 บนปฏิทินหรือฤกษย์ าม ใด ๆ ฤกษท์ ่ี ดีทีส่ ุดคือ ‘เด๋ียวน้ี’ และ ‘ทนั ท’ี หากเป็นการเปลี่ยนแปลงท่ดี ี ก็สมควรทาํ เลยเด๋ียวน้ีไม่ใช่ หรือ? [12] จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยคทว่ี ่า หากเป็ นการเปล่ียนแปลงที่ดี ก็สมควรทาํ เลย เด๋ียวน้ีไม่ใช่ หรือ ในบริบทน้ีหมายความวา่ การ เปลี่ยนแปลงตวั เองใหดั ีข้ึน ไม่ตอ้ งรอเวลาหรือฤกษใ์ ด ๆ ควรที่จะรีบทาํ ทนั ที ตวั อยา่ งท่ี 3 คนจาํ นวนมากชอบทาํ งานใหญ่มากกว่า งานเล็ก บางคนถึงกบั เหยยี ดหยามงานเล็กวา่ ต่าํ ตอ้ ย โดยเฉพาะผทู้ ี่ เชื่อว่าปริญญาบตั รคือตวั กาํ หนดความ แตกต่างระหว่างงานใหญ่กับงานเล็ก สถาปนิกไม่น้อย ไม่อยาก ออกแบบงานเล็ก ๆ ทนายความไม่นอ้ ย ไม่อยากว่าความคดีเล็ก เพราะไดเ้ งินนอ้ ยกว่า และ ไม่ช่วยสร้าง ช่ือเสียงให้ ทวา่ หากทุกคนในโลกไป ทาํ งานใหญ่กนั หมดใครจะทาํ งานเล็ก? [12] จากตวั อย่างน้ี มีการใช้ปฏิปุจฉาตรงประโยค ที่ว่า ทว่าหากทุกคนในโลกไปทาํ งานใหญ่กนั หมด ใครจะ ทาํ งานเล็ก ในบริบทน้ีหมายความวา่ หากทุกคนในโลกสนใจแต่งานใหญ่ ๆ ทาํ งานข้ึนใหญ่ ๆ แลว้ ใคร จะ มาทาํ งานข้นึ เล็ก ๆ ซ่ึงงานทกุ อยา่ งลว้ นแลว้ แตม่ ี ความสาํ คญั เท่ากนั ทง่ั น้นั ตวั อยา่ งท่ี 4 หลายคนมีความสุขมากเม่ือไดร้ ถยนตค์ นั ใหม่ แต่งงาน เลื่อนตาํ แหน่ง เงินเดือนข้ึน ขายหุ้นไดร้ าคาดี ฯลฯ หากนี่ไม่ใช่ ‘ความสุข’ แลว้ มนั คอื อะไร [13] จากตัวอย่างน้ี มีการใช้ปฏิปุจฉาตรงประโยค ท่ีว่า หากน่ีไม่ใช่ความสุข แล้วมันคืออะไร ในบริบทน้ี หมายความวา่ หากความสุขของคนเราไม่ไดอ้ ยทู่ ี่การ ครอบครองทรัพยส์ มบตั ิหรือสิ่งของมากมาย แลว้ ความสุขของคนเราน้นั อยทู่ ีใ่ ด ตวั อยา่ งที่ 5 รกั แลว้ เขาตอ้ งรักตอบ หากเขาไม่รกั เราก็เกิด สถานการณ์ทเี่ รียกวา่ ‘อกหกั ’ ออกอาการมากนอ้ ยแลว้ แต่ คน บา้ งรุนแรงถึงขนาดฆ่าตวั ตาย หากความรักไม่มีขอ้ แม้ จริง หากความรกั เป็นความรู้สึกทไ่ี ม่ใช่เพอ่ื ตวั เราเอง จริง ทาํ ไมตอ้ งเจบ็ ปวดใจถึงขนาดน้นั ดว้ ย? [16]

จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยค ทว่ี า่ ทาํ ไมตอ้ งเจบ็ ปวดใจถึงขนาดน้นั ดว้ ย ในบริบทน้ี หมายถึง ความรักไม่มีขอ้ แมไ้ ม่มีเหตุผล ความรกั เป็น ความรูส้ ึกดี ๆ ทมี่ อบใหแ้ ก่คนอ่ืน แลว้ คร้ังหน่ึงท่ีผดิ หวงั ข้ึนมา ทาํ ไมคนทเ่ี จบ็ ปวดมากทสี่ ุดคือตวั เราเอง ตวั อยา่ งที่ 6 เมื่อสวมแวน่ ตาดาํ มองไปทางไหนก็เห็นทกุ อยา่ งมืดกวา่ ที่เป็ นจริง แต่มนุษยจ์ าํ นานมากกน็ ิยม สาม ‘แวน่ ตา ดาํ ’ มิใช่หรือ? [16] จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยค ท่ีวา่ มนุษยจ์ าํ นวนมากก็นิยมสวมแว่นตาดาํ มิใช่หรือ ในบริบท น้ีหมายความวา่ คนส่วนใหญจ่ ะชอบมองทกุ อยา่ งในแง่ร้ายเสมอ ทาํ ใหไ้ ม่มีความสุขในการใชช้ ีวติ ตวั อยา่ งท่ี 7 ความรักมิไดอ้ ยทู่ กี่ ารจดทะเบยี นตีตราแต่ก็ มิใช่สกั แต่วา่ ตอ่ ตา้ นคา่ นิยมประเพณีทกุ อยา่ ง เพราะ หากรักกนั จริงและการจดทะเบียนสมรส ทาํ ใหอ้ ีก ฝ่ ายรู้สึกดี ไยตอ้ งปฏิเสธ? เพราะความรักคือการใหไ้ ม่ใช่รับฝ่ าย เดียว [16] จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยค ท่ีวา่ หากรักกนั จริงและการจดทะเบียนสมรส ทาํ ให้อีก ฝ่ าย รู้สึกดี ไยต้องปฏิเสธ ในบริบทน้ีหมายความว่า การจดทะเบียนสมรสถือเป็ นค่านิยมที่ปฏิบัติกันอย่าง แพร่หลาย หากการแสดงความรักโดยการจดทะเบียน สมรสเป็ นเรื่องที่ทาํ ใหอ้ ีกฝ่ ายรู้สึกดีและเป็ นการให้ เกียรติ ทาํ ไมตอ้ งปฏิเสธการจดทะเบยี นสมรส ตวั อยา่ งท่ี 8 บอ่ ยคร้ังในชีวิต เราตกอยใู่ นสถานการณ์ท่ี กลืนไม่เขา้ คายไม่ออก จาํ เป็ นตอ้ งโกหกเพอ่ื ทาํ ให้ สถานการณ์ดี ข้ึน หรือเพอ่ื มนุษยธรรม หรือไม่ตอ้ งการ ทาํ ร้ายใจคนโดยไม่จาํ เป็ น white lie ต้งั คาํ ถามวา่ เราวดั การทาํ ดีชวั่ ท่อี ะไร การกระทาํ หรือผลลพั ธ์ ถา้ วดั ทผ่ี ลลพั ธ์ มนั จะสร้างบรรทดั ฐานใหม่ทไี่ ม่ดี ตอ่ สงั คมหรือไม่? [18] จากตวั อยา่ งน้ี มีการใชป้ ฏิปุจฉาตรงประโยค ท่ีวา่ เราวดั การทาํ ดีชวั่ ท่ีอะไร การกระทาํ หรือผลลพั ธ์ ถา้ วดั ที่ ผลลพั ธ์ มนั จะสรา้ งบรรทดั ฐานใหม่ท่ไี ม่ดีตอ่ สงั คมหรือไม่ ในบริบทน้ีหมายความวา่ การวดั การทาํ ความดี ความชว่ั น้นั เราใชอ้ ะไรเป็ นตวั ตดั สินวา่ ส่ิงไหน เป็ นส่ิงท่ีดีหรือชวั่ โดยให้ตดั สินที่การกระทาํ หรือ ผลลพั ธ์ และถา้ หากใชผ้ ลลพั ธเ์ ป็ นตวั วดั การ โกหกเพื่อ ทาํ ใหส้ ถานการณ์ดีข้ึนก็จะกลายเป็ นการสร้างบรรทดั ฐานท่ีไม่ดีใหกั บั สงั คมหรือไม่

จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ มีการใช้ คาํ ถามเชิงวาทศิลป์ ซ่ึงเป็ นการใชค้ าํ ถามที่ไม่ตอ้ งการ คาํ ตอบ แต่ เป็ นการเรียกร้องความสนใจจากผอู้ ่าน โดย ตอ้ งการใหผ้ อู้ ่านคิดและตดิ ตามเน้ือหาน้นั ๆ จนจบเร่ือง การใชภ้ าพพจน์โวหารในบทความของ วนิ ทร์ เลียววาริณ ในหนงั สือเสริมกาํ ลงั ใจจาํ นวน 7 เล่ม พบ การใช้ ภาพพจน์โวหาร 4 ประเภท ไดแ้ ก่ อุปมา อุปลกั ษณ์ อดิพจน์ และคาํ ถามเชิงวาทศลิ ป์ หรือ ปฏปิ จุ ฉา จากตวั อยา่ งท้งั หมด จะเห็นไดว้ า่ ในการเขียน บทความของวนิ ทร์ เลียววาริณน้นั เป็ นงานเขยี นท่มี ี ศลิ ปะและ มีช้นั เชิงในการเขียนท่ีหลากหลาย ซ่ึงเป็นเสน่ห์ท่ีช่วยดึงดูดความสนใจจากผอู้ ่านเป็ นจาํ นวนมาก ส่ิงเหล่าน้ี ลว้ นเป็นส่ิงท่ชี ่วยยนื ยนั ใหผ้ อู้ ่านทราบวา่ วนิ ทร์ เลียววาริณเป็ นนกั เขียนทม่ี ีคุณภาพและ เหมาะสมทีจ่ ะไดร้ บั การคดั เลือกใหเ้ ป็นศลิ ปิ นแห่งชาติ สาขาวรรณศลิ ป์ ประจาํ ปี พทุ ธศกั ราช 2556 อภิปรายผลการวจิ ยั จากการศึกษาบทความของวินทร์ เลียววาริณ ท่ีไดร้ ับการตีพิมพต์ ้งั แต่ปี พ.ศ. 2548 - 2555 ในช่ือ หนังสือ เสริมกาํ ลงั ใจ จาํ นวน 7 เล่ม ทาํ ใหท้ ราบวา่ บทความเป็นวรรณกรรมประเภทหน่ึงท่ีมีคุณค่าต่อสงั คม โดยให้ ความรู้ ความคิดเห็น เสนอเร่ืองราวและเหตุการณ์ ต่าง ๆ แก่ผูอ้ ่านไดเ้ ป็ นอยา่ งดี และบทความของวินทร์ เลียววาริณ ยงั เป็นงานเขียน ทีไ่ ดร้ บั ความนิยมจากผอู้ ่าน เป็ นจาํ นวนมาก ท้งั น้ีเน่ืองจากบทความมีขนาดส้นั หลากหลายเน้ือหา เหมาะสาํ หรบั การเลือกอ่าน และยงั ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของคนในสังคมปัจจุบนั น่นั คือ มีความเร่งรีบในการใชช้ ีวติ นัง่ การเรียน การทาํ งาน การติดต่อสื่อสาร ฯลฯ อีกนัง่ สภาพสังคมใน ปัจจุบนั ลว้ น แลว้ แต่ประสบปัญหาต่าง ๆ ในการดาํ เนินชีวติ ทงั่ ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ซ่ึงลว้ น แลว้ แต่ทาํ ให้ สภาพจิตใจของคนในสังคมน้นั เสื่อมถอยลง คนในสงั คม จึงตอ้ งหาวธิ ีการในการช่วยบาํ บดั จิตใจโดยวธิ ีการต่าง ๆ กนั ออกไปตามแต่ความสนใจ ซ่ึงการเลือกอ่านบทความ ก็เป็ นวิธีการหน่ึงท่ีผคู้ นใน สังคมนิยมกระทาํ ซ่ึงเน้ือหา ในบทความน้นั ลว้ นมีความเก่ียวขอ้ งกบั สภาพสังคมใน ปัจจุบนั มีการแสดง ทศั นะความคิดเห็น ตลอดจนการให้ กาํ ลงั ใจในการดาํ เนินชีวติ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ความเห็น ของประสิทธิ กาพยก์ ลอน [8] ที่ไดแ้ สดงทศั นะเกี่ยวกบั บทความไวว้ ่า บทความเป็ นวรรณกรรมท่ีเขียนข้ึนเพอื่ มุ่งเสนอ ขอ้ คิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองราวหรือเหตุการณ์ที่ เกิดข้ึน เร่ืองทจี่ ะนาํ มาเขียนบทความจงึ ตอ้ งเป็ นเรื่องท่ี คนกาํ ลงั สนใจ ทนั ต่อเหตุการณ์ มีสาระแทรกทศั นะที่ ชวนอ่าน ชวนคิด ไม่ใช่เป็ นเร่ืองดาด ๆ ทว่ั ไป ซ่ึงในการ นาํ เสนอบทความน้นั ผเู้ ขียนอาจใชก้ ลวธิ ีในการนาํ เสนอ และศลิ ปะลีลาภาษาที่แตกตา่ งกนั ไปตามแตค่ วามรู้ ความสามารถและวตั ถุประสงคข์ องผูเ้ ขียน ใน ขณะเดียวกนั ก็ใหค้ วามเพลิดเพลินแก่ผูอ้ ่านไปพร้อม ๆ กบั ความรูโ้ ดยบทความบางบทความของผูเ้ ขียนทีม่ ี ชื่อเสียงอาจมีอิทธิพลต่อสงั คม มีบทบาทในการ สนบั สนุน และเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในสังคมให้กับผูอ้ ่านและยงั อาจเป็ นเครื่องมือที่ กระตุน้ ให้ผูอ้ ่านสนใจและใส่ใจกบั ปัญหารอบขา้ งอีกด้วย บทความของวินทร์ เลียววารีณ นอกจากจะมี

เน้ือหาท่ีสอดคลอ้ งกบั สภาพการณ์ในปัจจุบนั กบั นง่ั ช่วยเสริมกาํ ลงั ใจให้กบั ผูอ้ ่านแลว้ ในการใชล้ ีลาภาษา ในการนาํ เสนอบทความก็เป็ นส่วนหน่ึงที่ช่วยทาํ ให้งาน เขียนบทความของวินทร์ เลียววาริณ มีเสน่ห์น่า ดึงดูดใจผอู้ ่านเป็ นอยา่ งยง่ิ กล่าวคือวินทร์ เลียววารีณ มีศิลปะในการเลือกสรรใชค้ าํ ที่ช่วยดึงดูดความสนใจ ใหก้ บั ผอู้ ่าน ซ่ึงในการใชค้ าํ น้นั วินทร์ เลียววาริณ จะนิยมใชค้ าํ ทบั ศพั ทใ์ นภาษาต่างประเทศมากที่สุดท้งั น้ี เนื่องจากวินทร์ เลียววาริณ เคยมีประสบการณ์ในการไปทาํ งานในต่างประเทศ จึงทาํ ใหว้ ินทร์ เลียววาริณ ได้ เห็นโลกกวา้ ง อีกนงั่ วนิ ทร์ เลียววารีณยงั เป็ นนกั อ่านท่ชี อบอ่านหนงั สือต่างประเทศและติดตามเหตกุ ารณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในต่างประเทศอยเู่ สมอ จึงทาํ ให้งาน เขียนของวินทร์ เลียววารีณน้ันมีการใช้คาํ ทบั ศพั ท์ ภาษาต่างประเทศมากที่สุด โดยนํามาบอกเล่าโดย แสดงความเป็ นกันเองโดยการใช้คาํ ที่แสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผเู้ ขยี นท่ถี ่ายทอดออกมาผา่ นตวั อกั ษร ทาํ ใหเ้ น้ือความมีความหมายท่ีหนกั แน่น กระชบั และ ได้ ใจความที่สมบูรณ์ อีกนทงั่ ยงั เป็ นการแสดงภูมิความรู้ ของผูเ้ ขียนในการเลือกสรรคาํ มาใชใ้ นการ เขียน บทความ เพอื่ ให้ผูอ้ ่านเกิดความสงสัยและอยากจะ ติดตามเรื่องราวและคน้ หาคาํ ตอบจากเน้ือเร่ือง ต่อไป และในการใชโ้ วหารภาพพจน์ในงานเขียนของวนิ ทร์ เลียววาริณ พบการใชโ้ วหารแบบอุปมามาก ท่ีสุด ซ่ึงใน การใช้ภาพพจน์จะช่วยทาํ ให้ผูอ้ ่านสามารถเขา้ ใจ เร่ืองราวและเขา้ ถึงอารมณ์ความรู้สึกของ ผูเ้ ขียนได้ อย่างลึกซ้ึงกว่าลีลาภาษาแบบตรงไปตรงมา เป็ นการ ทาํ ให้ผูอ้ ่านเกิดภาพในใจ เกิดอารมณ์ สะเทอื นใจ และ เกิดจนิ ตนาการไปกบั เน้ือหาในบทความ จากลกั ษณะดงั กล่าวขา้ งตน้ เป็นสิ่งทที่ าํ ให้ ผลงานการเขียนบทความของวนิ ทร์ เลียววาริณไดร้ บั ความนิยม จากผอู้ ่านเป็ นจาํ นวนมาก อีกนง่ั บทความ เสริมกาํ ลงั ใจ ชุดที่ 5 “สองแขนที่กอดโลก” ก็ยงั ไดร้ ับ ดดั เลือก จากสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.) ให้เป็ นหนังสืออ่านนอกเวลาใน ระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ประจาํ ปี พทุ ธศกั ราช 2554 และดว้ ยศลิ ปะในลีลาภาษา เน้ือหาในการเขียน รวมนง่ั กลวิธี ในการเขียนที่มีลกั ษณะโดดเด่น มีทกั ษะ และช้นั เชิงในการเขียนที่แยบยล จึงทาํ ใหวั ินทร์ เลียววาริณไดร้ บั รางวลั ซีไรดถ์ ึงสองคร้ัง และยงั ไดร้ ับ การคดั เลือกให้เป็ นศิลปิ นแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจาํ ปี พ.ศ. 2556 อีกดว้ ย ขอ้ เสนอแนะ 1.ศกึ ษาวเิ คราะหด์ า้ นศิลปะลีลาภาษาและ ศิลปะการใชร้ ูปภาพประกอบเรื่อง 2.ศึกษาวเิ คราะห์โลกทศั น์ของผเู้ ขียนทม่ี ีต่อ สงั คม 3.ศึกษาวเิ คราะหเ์ ก่ียวกบั การใชส้ าํ นวน และ การใชโ้ วหารในการเขยี นบทความ

เล่มท่ี 2 เจตนาและจดุ มุ่งหมายของการใชภ้ าษา จากการศกึ ษาเร่ืองเล่าออนไลนท์ ี่ วทิ ร์ เลียววาริณ ไดเ้ ผยแพร่ผา่ นเฟซบุก๊ แฟนเพจ “วนิ ทร์ เลียววา ริณ”ต้งั แต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2559 - มกราคม พ.ศ.2560 จาํ นวน 356เร่ือง พบวา่ ผูเ้ ขียนมีเจตนาหรือ จุดมุ่งหมาย 9 ลกั ษณะ เรียงตามลาํ ดบั ความถไี่ ดแ้ ก่ การช้ีนาํ 180 เรื่อง การ บอกกล่าวหรือเล่าเร่ือง 84 เร่ือง การใหค้ วามรู้ 53 เร่ือง การวพิ ากษว์ จิ ารณ์หรือแสดงทรรศนะ 47 เร่ือง การโฆษณา 31 เร่ือง การช้ีแจงหรือ ใหค้ าํ แนะนาํ 19 เรื่อง การเสียดสี 18 เรื่อง การเชิญ ชวนหรือประชาสมั พนั ธ์ 6เร่ือง และการอวยพร 3เรื่อง ท้งั น้ี ผเู้ ขียนอาจมีเจตนาและน้าํ เสียงทบั ซอ้ นกนั มากกวา่ หน่ึงลกั ษณะต่อเร่ืองเล่าออนไลน์หน่ึงเร่ือง เจตนา และน้าํ เสียงแตล่ กั ษณะสามารถ อธิบายไดด้ งั น้ี ตารางท่ี 1แสดงจาํ นวนและร้อยละของกลุ่มตวั อยา่ งท่ีแสดงจุดมุ่งหมายของวนิ ทร์ เลียววาริณ จุดมุ่งหมายของการส่ือสารออนไลน์ จํานวนเร่ือง การช้ีน า 180 การบอกกล่าวหรือเล่าเรื่อง 84 การใหค้ วามรู้ 53 การวพิ ากษว์ จิ ารณ์หรือแสดงทรรศนะ 47 การโฆษณา 31 การช้ีแจงหรือใหค้ าํ แนะนาํ 19 การเสียดสี 18 การเชิญชวนหรือประชาสมั พนั ธ์ 6 การอวยพร 3

1.1 การช้ีนาํ วนิ ทร์ เลียววาริณ ไดช้ ้ีนาํ ความคิดผอู้ ่านท้งั ในลกั ษณะวรรณกรรมสะทอ้ นภาพ สงั คม ซ่ึงนาํ เสนอ ทางออกของปัญหาต่าง ๆ หรือใหบ้ ทเรียนท่ีจาํ เป็ นในการใชช้ ีวติ และอีกประการ หน่ึงคอื เป็นวรรณกรรมท่ี มุ่งสอนโดยตรง ดงั ตวั อยา่ ง “เรียนเพราะไม่รู้ มใิ ช่เพราะอยากอวด เรียนเพราะอยากเรียน มิใช่เพราะพ่อแม่ขอ เรียนเพราะอยากรู้เพ่มิ มใิ ช่เพราะเบื่อทาํ งาน” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2560) 1.2 การบอกกล่าวหรือเล่าเรื่อง วนิ ทร์ เลียววาริณ มกั ใชพ้ ้นื ทอ่ี อนไลน์เพอื่ เล่าเรื่องในอดีตและปัจจบุ นั จาก ประสบการณ์ตรงของ ตนเอง เช่น เรื่องราวชีวติ ช่วงตรุษจีนในวยั เยาว์ เร่ืองราวในหอ้ งเรียนขณะ ศึกษาที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เหตุการณ์ขณะกาํ ลงั ชมภาพยนตร์ในโรงหนงั เป็ นตน้ ส่วนอีก แหล่งหน่ึง คอื สารจากภายนอก เช่น ขา่ ว ภาพยนตร์ บทความในนิตยสาร และคาํ บอกเล่า เป็ นตน้ “ตรุษจีนสมัยผมเป็ นเด็กคอื ช่วงเวลาทีว่ เิ ศษมาก ต้ังแต่หลาย สัปดาห์ก่อนวนั เทศกาล เราเร่ิมทาํ ความสะอาดบ้าน กวาด หยากไย่แมงมมุ ขดั เช็ดถพู ื้นฝา” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2560) “ใครคนหน่ึงเคยเล่าให้ฟังว่า คร้ังหน่ึงคนไทยไปท่องฝร่ังเศส เข้า ภัตตาคารและสั่งอาหารมาทาน เมอ่ื บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟ คน ไทยก็ควกั เครื่องปรุงสารพดั ทีเ่ ตรียมมาท าการปรุงรสเป็ นการใหญ่ พ่อครัวฝรั่งเศสตะลึงและโกรธมาก บอกว่าอาหารทเ่ี ขาทาํ มาดี ทีส่ ุดแล้ว การใส่เคร่ืองปรุงเพ่มิ เป็ นการทาํ ลายรสอาหาร”

(วนิ ทร์ เลียววาริณ,2559) 1.3 การวพิ ากษว์ จิ ารณ์หรือแสดงทรรศนะ ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ้ หค้ วามหมาย “การวจิ ารณ์” ไวว้ า่ “การให้ คาํ ตดั สินคุณค่าหรือช้ีใหเ้ ห็นขอ้ บกพร่องของส่ิงทีเ่ ป็นศิลปกรรมหรือ วรรณกรรม” ส่วน “ทรรศนะ” หมายถึง ความคิดเห็นท่ปี ระกอบดว้ ยเหตผุ ล ประกอบดว้ ย (1) ท่มี า คือ ส่วนของเรื่องราวทีท่ าํ ใหเ้ กิดการ แสดงทรรศนะ (2) ขอ้ สนบั สนุน คือ ขอ้ เทจ็ จริง หลกั การ รวมท้งั ทรรศนะหรือมตขิ องผอู้ ื่น ทีน่ าํ มาใช้ สนบั สนุนทรรศนะของตน และ (3) ขอ้ สรุป คือ สาระสาํ คญั ท่สี ุดของทรรศนะ อาจเป็นขอ้ เสนอแนะ ขอ้ วนิ ิจฉยั หรือประเมินคา่ ทรรศนะของ แต่ละ บุคคลจะแตกตา่ งกนั ข้ึนอยกู่ บั คุณสมบตั ติ ามธรรมชาติของมนุษย์ ไดแ้ ก่ เชาว์ ปฏิภาณ ไหวพริบ ความถนดั เป็ นตน้ และข้ึนอยกู่ บั อิทธิพลของสิ่งแวดลอ้ ม บคุ คลจงึ มีความรู้ ประสบการณ์ ความเช่ือ และคา่ นิยม แตกตา่ งกนั (สิริพกั ตร์ แจง้ ไพร) เฟซบกุ๊ แฟนเพจ เป็ นพน้ื ท่ี หน่ึงท่ีวนิ ทร์ เลียววาริณ ใชแ้ สดงความคดิ เห็น หรือแสดงทรรศนะของตนเกี่ยวกบั ประเด็นตา่ ง ๆ เช่น ระบบการศกึ ษา ระบบการเมืองการปกครอง การเมือง ศาสนา ทศั นคติ ความประพฤติ และ ค่านิยมของคนในสงั คม เป็ นตน้ นอกจากน้ี ยงั หมายรวมถึง การวจิ ารณ์และประเมินคา่ การ สร้างสรรคง์ านศิลปะแขนงตา่ ง ๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์ ซ่ึงปรากฏบ่อยคร้ัง ในเร่ืองเล่าออนไลน์ของ วนิ ทร์ เลียววาริณ เช่น การแสดงทรรศนะตอ่ คาํ วา่ “น้าํ เน่า” ในตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี “ผู้บัญญัติคาํ ว่า ‘นํ้าเน่า’ เป็ นคนแรกน่าจะเป็ นอาจารย์เปลือ้ ง ณ นคร6 ความหมายของท่านคือ อะไรท่ีจาํ เจ ไม่เปล่ยี นแปลง (เหมอื นนํ้าท่ขี งั น่ิง) ก็คอื นํ้าเน่า แต่ความหมายทช่ี าวเรานิยมใช้กค็ ือ นิยายนํ้าเน่าคือนิยายท่ี เป็ นเรื่องแย่งชิงมรดก พ่อ แง่แม่งอน อะไรทํานองน้ัน ผมเห็นด้วยกับความหมายเดิมของอาจารย์เปลื้อง ใน ความเห็นของผม อะไรทซ่ี ํ้าซากก็คือนาํ้ เน่า ไม่ว่าดแี ค่ไหน มนั ก็เป็ นนํ้าเน่า หากทกุ คนในโลกเขียน วรรณกรรมระดบั รางวัลโนเบลซํ้า ๆ กนั มนั กค็ อื นํ้าเน่า!” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2559) ผบู้ ญั ญตั ิคาํ วา่ นิยาย “น้าํ เน่า” คือ เจือ สตะเวทิน (ดู สายทพิ ย์ นุกลู กิจ, 2543, หนา้ 16). 1.4 การโฆษณา

สื่อออนไลน์ เป็นรูปแบบสื่อไดร้ บั ความนิยมอยา่ งกวา้ งขวางในปัจจบุ นั เนื่องจาก ช่วยแพร่กระจาย ขอ้ มูลไดส้ ะดวกรวดเร็ว เขา้ ถึงกลุ่มเป้าหมายไดง้ ่าย ใชต้ น้ ทนุ ตา่ ง ๆ และสามารถ ใชไ้ ดก้ บั สินคา้ และบริการ เกือบทุกประเภท ส่งผลใหเ้ กิดรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ ที่ผบู้ ริโภค สามารถสรา้ งเน้ือหา และเผยแพร่ไป ยงั บุคคลอื่นได(้ ณฏั ฐา อุ่ยมานะชยั , 2554, น.167-172) ดว้ ย เหตนุ ้ี ทาํ ใหเ้ รื่องเล่าออนไลน์บางเรื่องปรากฏ การโฆษณาแฝง เช่น “กรุงเทพมหานครก็จะร้อนๆ หนาวๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตกใจหรือ ตื่นเต้น เล่นไลน์เล่นเฟซบุ๊คของท่านไป ตามปกติ แต่อะไรท่ีประหยัดได้ ก็ประหยัด ไม่จาํ เป็ นต้องจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย (ยกเว้นหนังสือของวนิ ทร์ เลียววาริณ) อย่าไปดดั จริตตามคนทีร่ วยกว่า” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2560) น่าสนใจวา่ การสรา้ งสรรคเ์ รื่องเล่าออนไลนโ์ ดย “การอา้ งถึง” ส่วนหน่ึงใน บทความหรือเร่ืองส้นั ท่ไี ดร้ ับ การตพี มิ พแ์ ลว้ หรือกาํ ลงั จะตีพมิ พใ์ นอนาคต พรอ้ มช่ือหนงั สือไวใ้ น ส่วนทา้ ยเรื่อง เป็ นเหมือนกบั การเปิ ด ใหบ้ คุ คลทวั่ ไปได้ “ทดลองอ่าน” หากพงึ พอใจหรือตอ้ งการ อ่านตอ่ ก็สามารถนาํ ช่ือหนงั สือทรี่ ะบุไว้ ไป คน้ หาในร้านหนงั สือตา่ ง ๆ หรือสง่ั ซ้ือทางอินเทอร์เน็ต ได้ การอา้ งถึงผลงานของตนเองลงในเร่ืองเล่า ออนไลนจ์ ึงจดั เป็นการโฆษณาแฝงรูปแบบหน่ึง เช่นกนั 1.5 การช้ีแจงหรือแนะนาํ เนื่องจากวนิ ทร์ เลียววาริณ เป็นผคู้ ร่าํ าหวอดในวงการวรรณกรรม รอบรู้ในหลาย ศาสตร์ สง่ั สม ประสบการณ์ชีวติ มาหลากหลายรูปแบบ อีกท้งั ยงั มีโลกทศั นท์ ีก่ วา้ งไกล สามารถ เขา้ ใจและเขา้ ถงึ สภาพของ มนุษยแ์ ละสงั คมได้ ดงั น้นั เมื่อมีผซู้ กั ถามปัญหาวนิ ทร์ เลียววาริณ จะพดู ขยายความใหช้ ดั เจน หรือช้ี แนวทางใหป้ ฏิบตั ผิ า่ นเฟซบกุ๊ แฟนเพจ เช่น “มคี นถามว่าผมใช้ปากกาอะไรเซ็นชื่อ เพราะเส้นปากกาไม่เท่ากัน มหี นามีบาง ปากกาท่ีผมใช้ เซ็นช่ือเรียกว่าปากกา calligraphy ปกตใิ ช้ สําหรับพวกท่ีเขยี นอักษรสวยกับงานออกแบบปลายหัวตดั มี ต้งั แต่แคบ ไปจนกว้าง คล้ายๆ ปากกาคอแร้งสมยั โบราณ แต่ปัจจบุ นั ใช้สะดวกขึน้ มาก มีหลอดหมกึ หรือที่ สูบหมึกในตวั แบบปากกาหมึกซึม มีหมกึ หลาย สีให้เลือกสําหรับงานออกแบบ” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) 1.6 การเสียดสี

“การเสียดสี” เป็นการใชภ้ าษาเชิงกระทบกระเทียบเพอ่ื เสนอแนวคิดอนั เป็ นการ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ ความบกพร่องหรือความผดิ พลาดของมนุษยแ์ ละสงั คม มีจุดมุ่งหมายเพอ่ื กระตุน้ ให้ เกิดการปรับปรุงหรือ แกไ้ ขความบกพร่องดงั กล่าวไปในทิศทางทดี่ ีข้นึ ดงั น้นั ผอู้ ่านตอ้ งทราบ บริบทสงั คมขณะน้นั จงึ สามารถ ตคี วามสิ่งที่ผเู้ ขียนตอ้ งการสื่อได้ อยา่ งไรก็ตาม การเสียดสีไม่ใช่ งานรูปแบบใหม่ของวนิ ทร์ เลียววาริณ เนื่องจากเขาเคยสร้างสรรคเ์ ร่ืองส้นั และนวนิยายแนวเสียด สีสงั คมและการเมืองมาแลว้ ในวรรณกรรมตพี มิ พ์ หลายเล่ม เช่น อาเพศกาํ สรวล ประชาธิปไตยบน เสน้ ขนาน เป็ นตน้ แต่เม่ือเปลี่ยนพ้นื ท่ีการถ่ายทอด วรรณกรรมเป็นเครือข่ายสงั คมออนไลน์ ก็ตอ้ ง ปรบั เรื่องใหท้ นั สมยั อยเู่ สมอ ดงั ตวั อยา่ งการเสียดสีโครงสรา้ งเน้ือหาในละครไทยวา่ “ขณะทบ่ี ้าน เราดูหนังละครตบตีตบจูบกัน อังกฤษไปไกลกว่าเรา 13 ล้านปี แสงแล้ว!” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) 1.7 การใหค้ วามรู้ วนิ ทร์ เลียววาริณ เป็นผทู้ ม่ี ีคลงั ความรู้มหาศาลท่จี ดั เรียงขอ้ มูลไวอ้ ยา่ งเป็ น ระเบียบ พรอ้ มสาํ หรบั หยบิ ยกมาใชเ้ ป็นวตั ถุดิบสาํ หรับสร้างสรรคผ์ ลงานได้ เช่น ความรูด้ า้ น ศิลปะ วรรณกรรม วทิ ยาศาสตร์ ระบบจกั รวาล ศาสนาและปรชั ญา เป็นตน้ ดงั น้นั เรื่องเล่า ออนไลน์ส่วนหน่ึงของวนิ ทร์ เลียววาริณ จงึ ประกอบดว้ ยสาระและความบนั เทงิ ควบคูก่ นั ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ีท่แี สดงใหเ้ ห็นวา่ วนิ ทร์เลียววาริณ เขา้ ใจ หลกั ของพทุ ธศาสนานิกายเซน พ้นื ฐาน ของดนตรี และคณิตศาสตร์ เป็ นอยา่ งดี จนสามารถนาํ มาสร้างสรรค์ เร่ืองทเ่ี ช่ือมโยงระหวา่ งหลกั ศาสนากบั ระบบการศึกษาของไทยได้ “มาลองดูว่าเขาพูดถึงเซนอย่างไร เขาเขียนว่า การเข้าใจเซนต้องมองออก จากวิธีคดิ ตรรกะ แบบเดิม ความรู้แบบตะวันตกน้ันได้มาจากการคดิ แบบ ตรรกะ เหตุผล การสอนเป็ นระบบ การชําแหละทกุ อย่างออกมาเป็ นระบบ เป็ นความรู้แบบมาตรฐานด้ังเดมิ (conventional knowledge) ยกตัวอย่าง เช่น เราใช้ ตัวโน้ตดนตรีแทนค่าเสียง ใช้สัญลกั ษณ์ทางคณติ ศาสตร์แทนค่า คณิตศาสตร์บางโมเดล ทกุ อย่างเป็ นภาษา เป็ นระบบไปหมด ระบบการศึกษา จงึ สอนให้เด็กคดิ ตามกรอบทีถ่ ูกสร้างไปโดยปริยาย เพอื่ ให้อยู่รอดใน ระบบที่ เราสร้างขนึ้ มาใช้นีไ้ ด้” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2559) 1.8การเชิญชวน หรือประชาสมั พนั ธ์

วนิ ทร์ เลียววาริณ ไดใ้ ชภ้ าษาท่ีเขา้ ใจง่ายเพอ่ื เชิญชวนหรือประชาสมั พนั ธเ์ รื่องการ รบั สมคั รงาน และกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการแจง้ กาํ หนดการและสถานทีพ่ บปะนกั เขยี น และ การท าประโยชน์เพอ่ื ส่วนรวม ดงั ตวั อยา่ งการประชาสมั พนั ธท์ ่เี กิดข้ึนในช่วงอุทกภยั ดงั น้ี “ขอส่งกําลังใจช่วยชาวใต้ทกี่ าํ ลังทกุ ข์จากนํ้าท่วม เห็นข่าวแล้วกน็ ึกถึง ตอนเดก็ ทเี่ จอนํ้าท่วมอย่างนี้ อดทนหน่อยครับ ใครช่วยได้ก็ช่วยกนั นะครับ ใครจะบริจาคช่องทางไหน กต็ รวจสอบให้แน่ใจก่อน เพราะ ได้ยนิ ว่าอาจมี บัญชีท่ีไม่ถูกต้อง” (วนิ ทร์ เลียววาริณ,2559) 1.9การอวยพร เม่ือถึงโอกาสพเิ ศษตา่ งๆ อยา่ งวนั ข้นึ ปี ใหม่ วนั คริสตม์ าส วนั ตรุษจนี วนิ ทร์ เลียววาริณ จะโพสต์ ขอ้ ความเพอ่ื อวยพรผอู้ ่าน ซ่ึงลกั ษณะเช่นน้ีไม่พบในวรรณกรรมที่ตพี มิ พ์ แต่ จะพบเฉพาะในเร่ืองเล่า ออนไลน์เท่าน้นั เป็นผลจากการทน่ี กั เขียนปรับเน้ือหา ของงานใหเ้ หมาะ กบั พน้ื ทถี่ ่ายทอดวรรณกรรม กล่าวคือ เฟซบุก๊ แฟนเพจเหมาะตอ่ การน าเสนอเน้ือหาท่เี ป็ นปัจจุบนั มากทส่ี ุด วนิ ทร์ เลียววาริณ จงึ ตอ้ งเป็ น ผทู้ นั ตอ่ เหตกุ ารณ์ และใหค้ วามสาํ คญั กบั รายละเอียดท่ี เกิดข้ึนในแต่ละวนั เช่น การอวยพรในวนั ปี ใหม่วา่ “สวัสดปี ี ใหม่ ขอจงมคี วามสบายกายใจ จติ สงบ พบสันติสุขทกุ วนั ตลอด 2560 นี้” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) การที่นกั เขียนจะเลือก แสดงเจตนาและน้าํ เสียงในเรื่องเล่าออนไลนอ์ ยา่ งไร ก็ข้ึนอยกู่ บั เน้ือหาหรือ แนวคิดของเร่ืองที่ ผเู้ ขยี นตอ้ งการนาํ เสนอ การเล่าเรื่องผ่านภาษาของวนิ ทร์เลยี ววาริณ จากการศกึ ษาพบวา่ วนิ ทร์ เลียววาริณ มีวธิ ีการเล่าเรื่องผา่ นภาษาหลายลกั ษณะ ไดแ้ ก่ การเลือกใช้ ถอ้ ยคาํ เพอื่ กระตนุ้ ความสนใจของผอู้ ่าน การเปรียบเทยี บ การอา้ งถึงหรือการพาดพงิ การวพิ ากษว์ จิ ารณ์ หรือแสดงทรรศนะ และการใชภ้ าษาขบขนั นอกจากน้ียงั ใหค้ วามสาํ คญั กบั การ กาํ หนดความส้นั ยาวของ เน้ือหา การใชภ้ าพประกอบการเล่าเรื่องเพอ่ื ดึงดูดสายตาและส่ือแนวคิด รวมท้งั การสรา้ งปฏิสมั พนั ธก์ บั ผอู้ ่านดว้ ยการเขียนตอบขอ้ คดิ เห็น ดงั น้ี

การเลือกใช้ถ้อยคาํ เพือ่ กระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน 1.1 “การเล่นเสียง” หมายถึง การสรรคาํ ใหม้ ีเสียงสระ พยญั ชนะ หรือวรรณยกุ ตส์ มั ผสั กนั เช่น “ผมบอกนักอยากเขยี นหลายคนเสมอว่า อยากเป็ นนักเขียนคุณภาพ ก็เผื่อเวลาไว้สัก 10-30 ปี ถ้ารีบ ร้อน กเ็ ป็ นได้แค่นักเขีย่ ” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) ทีผ่ เู้ ขยี นเล่นเสียงคาํ วา่ “นกั เขียน-นกั เขี่ย” โดยซ้าํ คาํ พยางคแ์ รก คือ “นกั ” ส่วนพยางคห์ ลงั จะใชก้ าร สรรคาํ โดยให้ พยญั ชนะสมั ผสั กนั และเสียงสระใกลเ้ คียงกนั ไดแ้ ก่คาํ วา่ “เขียน-เขีย่ ” เม่ือพจิ ารณาบริบทจะ พบวา่ สองคาํ น้ีถูก กาํ หนดเป็ นคู่ตรงขา้ มกนั กลา่ วคือ หากฝึกเขยี นอยา่ งค่อยเป็ นคอ่ ยไปจะไดเ้ ป็ น นกั เขียน (คุณภาพ) แตห่ าก รีบรอ้ นจะเป็ นไดเ้ พยี ง นกั เขย่ี ซ่ึงหมายถึงนกั เขียนที่ไร้คุณภาพส่วน ส่วน “การเล่นคาํ ” หมายถึง การใช้ คาํ พอ้ งรูปพอ้ งเสียง การซ้าํ คาํ และการใชค้ าํ ถามเชิงวาทศิลป์ เพอื่ ใหเ้ กิดความหมายพเิ ศษและแปลกออกไป ท้งั สองลกั ษณะน้ี ลว้ นสมั พนั ธก์ บั ธรรมชาติของ ภาษาไทยท่มี ีเสียงสระ พยญั ชนะ และวรรณยกุ ต์ เช่น “ชีวติ ไม่มีความฝนั ก็ไม่มีความ Fun” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) ผเู้ ขียนไดน้ าํ คาํ ในภาษาองั กฤษมาเล่นเสียงคู่กบั คาํ ในภาษาไทย ไดแ้ ก่ คาํ วา่ “Fun” (อ่านวา่ “ฟัน” หมายถึง “สนุก”) และ “ฝัน” ซ่ึงออกเสียงดว้ ยเสียงพยญั ชนะและ ตวั สะกดเดียวกนั แต่เสียงวรรณยกุ ต์ แตกตา่ งกนั เมื่อผเู้ ขยี นเห็นความเช่ือมโยงของสองคาํ น้ี จึง นาํ มาจดั วางในประโยคเดียวกนั เพอ่ื สื่อวา่ ชีวติ จะ ขาดความสนุกหากไมม่ ีความฝัน 1.2 การใชค้ าํ ไม่สุภาพ เรื่องเล่าออนไลนข์ องวนิ ทร์ เลียววาริณส่วนหน่ึง ปรากฏคาํ ท่ีส่ือ ถึงความไม่สุภาพ เช่น “เมื่อต่อมรับภาพทปี่ ระสาทตาถูกกระทบ คลื่นก็เดนิ ทางผ่าน เส้นประสาทไปทป่ี ระสาทบริเวณเท้า (186,000 ไมล์ต่อวินาทีเหมือนกัน) ทําให้คนั ตนี เอ้ย! เท้า ขนึ้ มาทนั ทแี ต่มโนธรรมยังอยู่เหนือจิตใฝ่ ตา่ํ ของ ตนี เอ้ย! เท้า ดังน้ันหมอนั่นก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนข้าพเจ้า กไ็ ด้แต่รําพงึ กับ ตวั เองว่า ไม่รู้เป็ นอะไรกนั หมดแล้ว xxx เอ้ย! คนพวกนี”้ (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560)

จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะพบการใชค้ าํ ไม่สุภาพที่เป็ นภาษาพดู คือคาํ วา่ “ตีน” ส่วน คาํ วา่ “xxx เอย้ !” ในทน่ี ้ี วนิ ทร์ เลียววาริณ เลียนแบบระบบการตรวจพิจารณา (censorship) ตามสื่อ ท่ชี ่วยปิ ดก้นั ภาพและเสียงท่ีไม่ เหมาะกบั ผรู้ ับสาร เม่ือผอู้ ่านเห็นกส็ ามารถรับรู้ไดว้ า่ เป็ น คาํ หยาบ และน่าสนใจวา่ ผอู้ ่านสามารถแทนคาํ สบถในตวั อกั ษร “xxx” ไดอ้ ยา่ งอิสระตาม ประสบการณ์ของตน 1.3 การใชค้ าํ สแลงและคาํ ตามสมยั นิยม “คาํ สแลง” หรือ คาํ คะนอง หมายถึง คาํ ท่ใี ชใ้ หว้ ิปลาสคลาดเคล่อื นไปจากปกตใิ น ดา้ นเสียง การ เขยี น หรือความหมาย (ชาํ นาญ รอดเหตภุ ยั , 2523, น.75) เช่น “อีกแระ!” วนั น้ีไป ดูหนงั แสงจากสมาร์ทโฟ นของคน นง่ั ขา้ งๆ ก็เดินทางดว้ ยความเร็ว 186,000 ไมลต์ อ่ วนิ าที มาแทงตา” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) ค าวา่ “แระ” ในทีน่ ้ี ดดั แปลงจากคาํ วา่ “แลว้ ”ซ่ึงเป็ นรูป เขยี นท่ผี ดิ ไปจากคาํ ทบ่ี ญั ญตั ิในพจนานุกรม และ ไดร้ ับความนิยมในกลุ่มวยั รุ่นส่วน “คาํ ตามสมยั นิยม” หมายถึง การเลือกใชค้ าํ ศพั ทใ์ หส้ อดคลอ้ งกบั กระแส สงั คมในขณะน้นั เช่น “การพิพากษา เดี๋ยวนีท้ ําได้ง่ายกว่าก่อน อะไรทีต่ รงใจก็ like ไม่ชอบใจก็ unfriend” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) ในกรณีน้ี วนิ ทร์ เลียววาริณ ไดน้ าํ คาํ วา่ like ทหี่ มายถึง “การถูกใจ” ในเฟซบุก๊ มาใชแ้ ทน ความหมายของ การพงึ พอใจ หรือการเห็นดว้ ยกบั บุคคลอื่นในชีวิตจริง และนาํ คาํ วา่ unfriend ที่ หมายถึง “การยกเลิกเป็ น เพอ่ื น” มาใชแ้ ทนความหมายของการไม่พงึ พอใจหรือการไม่เห็นดว้ ยกบั บคุ คลอ่ืนในชีวติ จริง ซ่ึงนอกจาก ในแง่ความหมายแลว้ วนิ ทร์ เลียววาริณ พยายามเปรียบเทยี บวา่ การตดั สินผอู้ ่ืนในปัจจุบนั สามารถทาํ ไดง้ า่ ยในระดบั เดียวกบั การ กด like หรือ unfriend ใน เฟซบกุ๊ 1.4 การสรา้ งคาํ ใหม่ ในเร่ืองเล่าออนไลนส์ ่วนหน่ึง ปรากฏคาํ ทีว่ นิ ทร์ เลียววาริณ สรา้ ง ข้ึนใหม่ ดว้ ยวธิ ีการ ทมี่ ีส่วนคลา้ ยคลึงกบั การสร้างคาํ ในภาษาไทยแต่เดิม อยา่ ง “การประสม” ที่ นาํ คาํ มูลที่มีความหมายต่างกนั ต้งั แต่ 2คาํ ข้ึนไปมารวมกนั เป็นคาํ ใหม่ท่มี ีความหมายใหม่ แต่ยงั มี เคา้ ความหมายเดิมอยู่ (สุเทพ เรืองคลา้ ย, ม.ป.ป.)ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี “พยากรณ์อากาศ กรมอุตรินิยมวทิ ยา

กรมอุตรินิยมวิทยาของแจ้งให้ทราบโดยทว่ั กนั ว่า สภาพอากาศในปี นี้จะ ค่อนข้างหนาวถงึ หนาวจดั สืบ เนื่องมาจากเศรษฐกจิ โลกผนั ผวน สภาพหนาว เหน็บนีเ้ ริ่มจากคล่ืนความแปรปรวนท่ีอเมริกา พายทุ อนาโดทรัมป์ จะพดั กระหนํ่าแรงข้ามทวปี ไปทุกทิศ ทิศหน่ึงคอื ยุโรป อกี ทิศคอื ข้ามมหาสมทุ ร แปซิฟิ กไปถึงยุโรปโน่น ในเวลาเดยี วกนั ท่ีประเทศรัสเซียกเ็ กดิ พายปุ ูตนิ หนุน เสริมให้ทอนาโดทรัมป์ แรง ขนึ้ พัดข้ามทะเลทรายโกบไี ปยังแผ่นดินใหญ่จนี ” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ ปรากฏทวี่ นิ ทร์ เลียววาริณ สร้างข้ึนใหม่ ไดแ้ ก่ “กรมอุตริ นิยมวทิ ยา” เกิดจากการ รวมกนั ของ คาํ วา่ “กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา” ทีเ่ ป็นหน่วยงานของรฐั บาลไทย ท าหนา้ ที่พยากรณ์อากาศ รายงาน ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ (กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา, 2560) กบั คาํ วา่ “อุตริ” ทหี่ มายถึง นอกคอก, นอกทาง, นอก รีต ส่วนคาํ วา่ “พายทุ อนาโดทรมั ป์ ” เกิดจากการ รวมกนั ของคาํ วา่ “พายุ ทอนาโด” (tornado) หรือพายทุ ี่ สามารถก่อพลงั ทาํ ลายไดส้ ูง (ทอนาโด, 2558) กบั คาํ วา่ “ทรัมป์ ” มาจากชื่อ ดอนลั ด์ จอหน์ ทรัมป์ (Donald John Trump) ที่เป็ น ประธานาธิบดีสหรัฐ คนท่ี 45 (ดอนลั ดท์ รมั ป์ , 2560) ทาํ นองเดียวกบั คาํ วา่ “พายปุ ตู ิน” ซ่ึงเกิด จากการรวมกนั ของคาํ วา่ “พาย”ุ กบั “ปู ติน” หรือ วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Vladimirovich Putinr) นกั การเมืองชาวรสั เซียผดู้ าํ รงตาํ แหน่ง ประธานาธิบดี รัสเซียคนที่ 4 (วลาดีมีร์ ปูตนิ , 2560) ท้งั ทรมั ป์ และปตู นิ คอื ประธานาธิบดีท่กี าํ ลงั ดาํ รงตาํ แหน่งอยใู่ นปัจจุบนั เม่ือผอู้ ่านทราบความหมายของท้งั สามคาํ ดงั กล่าวแลว้ จะเขา้ ใจวา่ ผเู้ ขียนกาํ ลงั เสียดสีการเมืองต่างประเทศ โดยเฉพาะประธานาธิบดีของสหรฐั ฯ โดยสิ่งท่ีแสดงให้เห็นวา่ วนิ ทร์ เลียววาริณ กาํ ลงั แสดงทรรศนะดา้ น ลบต่อเหตุการณ์ดงั กล่าว คือการใชค้ าํ วา่ “อุตริ” และคาํ วา่ “พายทุ อร์นาโด” ซ่ึงมีความหมายในแง่ลบ ดงั ที่ อธิบายความหมายไปแลว้ ในขา้ งตน้ 2.การเปรียบเทียบ เรื่องเล่าออนไลน์ของวนิ ทร์ เลียววาริณ มกั ปรากฏการยกถอ้ ยคาํ หรือเร่ืองราวมา เปรียบเทยี บอยา่ งมี ช้นั เชิง เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจความหมายสาํ คญั ของเร่ือง รวมท้งั ช่วยขบั เนน้ ความหมายใหเ้ ขม้ ขน้ หรือลึกซ้ึงข้นึ แทนการใชถ้ อ้ ยคาํ เพอื่ ส่ือความหมายอยา่ งตรงไปตรงมา เช่น “ปัญหาก็เหมือนนาํ้ หนักตวั เกนิ มองให้กลุ้มกไ็ ด้ มองแล้วเฉยๆ ก็ได้ แต่ท้ายทส่ี ุดก็ต้องลงมือแก้ไข” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2559)

จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ วนิ ทร์ เลียววาริณ ไดเ้ ปรียบเทยี บ “ปัญหา” เป็น “ภาวะน้าํ หนกั ตวั เกิน” กล่าวคอื เรา สามารถมองน้าํ หนกั ทผ่ี ดิ ปกติดว้ ยความนิ่งเฉยหรือกลดั กลุม้ กไ็ ด้ แต่ ทา้ ยท่สี ุดเรากต็ อ้ งหาทางกาํ จดั ไขมนั ส่วนเกินเพอ่ื ใหน้ ้าํ หนกั ตวั กลบั มาปกติ ก่อนทปี่ ัญหาสุขภาพ อ่ืนๆ จะเกิดตามมา เช่นเดียวกบั ปัญหาทเ่ี รา จาํ เป็ นตอ้ งแกไ้ ข ไม่สามารถปล่อยท้งิ ไวไ้ ด้ 3.การอา้ งถึง หรือการพาดพงิ “การอา้ งถึง” คอื การหยบิ ยกวรรณกรรม คาํ กล่าว หรือเร่ืองเล่าท่ีอยใู่ นสื่ออื่น มา กล่าวถึงโดยตรง ในเรื่องเล่าออนไลน์ จากกลมุ่ ตวั อยา่ ง พบการอา้ งถึงงานเขียนของตนเอง ใน ลกั ษณะขอ้ ความท่ตี ดั ตอนจาก ผลงานของผเู้ ขยี นท่ีตพี มิ พห์ รือกาํ ลงั จะตพี มิ พใ์ นอนาคต เช่น ปลา ท่ีวา่ ยในสนามฟตุ บอล (2548), มงั กรเซน (2552),สองแขนท่กี อดโลก (2553), หวั กลวงในหลุมดาํ (2554), เขยี นไปใหส้ ุดฝัน (2558), ทา่ มกลาง ประชาชน: เรื่องเล็กๆ ในรัชสมยั อนั ยงิ่ ใหญ่ (2560), ในหลุมรัก (2557) เป็ นตน้ นอกจากน้ี ยงั พบการอา้ งถึง คาํ กล่าว งานเขยี น หรือคาํ บอกเล่าของ ผอู้ ่ืน บุคคลสาํ คญั หรือผมู้ ีช่ือเสียงในวงการตา่ งๆ เช่น “วนิ สตนั เชอร์ ชิล” (Winston Leonard Spencer-Churchill) รฐั บุรุษชาวองั กฤษผดู้ าํ รงตาํ แหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราช อาณาจกั รสอง สมยั ไดร้ บั การยอมรบั อยา่ งกวา้ งขวางวา่ เป็ นผนู้ าํ ที่ยงิ่ ใหญท่ ี่สุดในยคุ สงครามของศตวรรษที่ 20 (วนิ สตนั เชอร์ชิล, 2560), “ม.ร.ว. คึกฤทธ์ิ ปราโมช” ปชู นียบุคคลของไทย ทเ่ี ป็ นท้งั นกั ปราชญ์ นกั เขยี น นกั การเมือง และศลิ ปิ นแห่งชาต(ิ หม่อมราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมช, 2560), โกว้ เลง้ (古龙) นกั เขยี นนิยาย กาํ ลงั ภายในท่มี ีช่ือเสียงของจนี หรือ พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลั ยาโณ) พระนกั เทศนช์ ่ือดงั เจา้ อาวาส ผพู้ ฒั นามูลนิธิวดั สวนแกว้ (พระราชธรรมนิเทศ, 2559) เป็ นตน้ ตวั อยา่ งการอา้ งถึงในกรณีน้ี เช่น “If you’re going through hell, keep going. ถ้าคณุ ต้องข้าม นรก จงเดินหน้า อย่าหยุด” Winston Churchill (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) “พระพยอมเล่าอกี เรื่องหน่ึงว่า ในวันเกดิ ของผู้ใหญ่ท่านหน่งึ มกี าร เลยี้ งฉลองกลางคืน ร่ําสุรากันเตม็ ที่ คร้ันถึงเช้า ผู้ใหญ่ท่านน้ันอยาก ทาํ บุญวนั เกดิ โดยใส่บาตรพระ ตื่นเช้าก็ออกมาใส่บาตรในสภาพเมา มาย เมื่อพระส่ีรูปมาถงึ มากกว่าที่คาดไว้ เพราะเตรียมปลาทูมา สําหรับพระสองรูปเท่าน้ัน ผ้ใู หญ่ท่านน้ันกต็ ะโกนเรียกเดก็ ในบ้านเสียง

ดังล่ัน “อหี นู เอาปลาทูในครัวมาอกี สององค์ วนั นีพ้ ระมาสี่ตวั ...” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560) การอา้ งอิงของวนิ ทร์ เลียววาริณ เสริมใหก้ ารแสดงความคิดเห็นมีน้าํ หนกั น่าเช่ือถือ ใน ขณะเดียวกนั กท็ าํ ใหเ้ ร่ืองเล่าออนไลน์ของวนิ ทร์ เลียววาริณ มีคุณคา่ ในฐานะแหล่งขอ้ มูลความรูท้ ี่ กระตุน้ ใหผ้ อู้ ่านแสดงความคิดเห็นรูปแบบต่างๆ จากการรวบรวม พบวา่ แหล่งอา้ งอิงมีหลายประเภท ไดแ้ ก่ การ อา้ งอิงคาํ กล่าวของบคุ คลสาํ คญั ระดบั ประเทศและระดบั โลกในวงการต่างๆ ท้งั ในอดีตและปัจจบุ นั การ อา้ งอิงจากแหล่งข่าวในสื่อสมยั ใหม่ บทความวชิ าการ นิตยสาร เพลง ภาพยนตร์ พจนานุกรมไทยและ ตา่ งประเทศ และการอา้ งอิงวรรณกรรมตพี มิ พข์ องตนเอง เน้ือหา สาระของเรื่องเล่า จึงมีลกั ษณะผสมผสาน กนั ระหวา่ งชุดความรูต้ า่ งเวลา และนานาประเทศท้งั ใน อดีตและปัจจบุ นั ทีเ่ ชื่อมโยงถึงกนั ผา่ นพน้ื ท่สี ื่อสาร ออนไลน์ ส่วน “การพาดพงิ ” คือการหยบิ ยกเร่ืองราวเกี่ยวกบั ประวตั ศิ าสตร์ หลกั ศาสนาหรือ ปรชั ญา หลกั วทิ ยาศาสตร์ หรือเหตุการณ์ปัจจบุ นั มากล่าวถึงโดยตรง เพอ่ื เชื่อมโยงหรือสนบั สนุน เน้ือหาสาระในเรื่องเล่า ออนไลน์เช่น “หนงั แอคชนั่ ฮอลลีวดู ตอ้ งมีผรู้ ้ายเสมอ และผรู้ า้ ยก็เปลี่ยนไปตามยคุ สมยั ส่วนเน้ือเร่ืองเหมือนเดิม ไม่เคยเปล่ียนแปลง สมยั ผมยงั เป็นเด็ก ผรู้ ้ายคือ อินเดียนแดง ฝรั่งฆ่าอินเดียนแดงตายมากมาย ท้งั ที่ไปรุกราน ที่ทาํ กินของเขา ตอ่ มาผรู้ ้ายกเ็ ป็นพวกนาซีเยอรมนั กบั ญี่ป่ ุนสมยั สงครามโลกคร้งั ทส่ี อง ฝรัง่ ก็ ฆ่านาซีตาย เป็ นเบือ ถดั มาอีกสมยั ผมเป็นวยั รุ่น ผรู้ ้ายเป็นพวกรสั เซีย เพราะ “เป็ นช่วงสงครามเยน็ ก่ีเร่ืองๆ ผูร้ า้ ยเป็ น รสั เซียตลอด ดูจนเบ่ือ (แต่ก็ดู!)” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2559) ขอ้ ความขา้ งตน้ คอื ตวั อยา่ งการพาดพงิ เร่ืองราวในประวตั ิศาสตร์ เพอ่ื อธิบายวา่ การ กาํ หนดตวั ละคร ผรู้ า้ ยในหนงั ฮอลลีวดู้ จะสมั พนั ธก์ บั สถานการณท์ ่ีกาํ ลงั เกิดข้ึนในยคุ สมยั น้นั ๆ เช่น ในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ชาวอเมริกาไดเ้ ขา้ ไปแยง่ ชิงดินแดนท่ชี าวอินเดียนแดงอยกู่ ินมา ต้งั แตอ่ ดีต ใหอ้ อกไปอยบู่ ริเวณส่วน ตะวนั ตกของประเทศแทน และเกิดสงครามอินเดียนแดงข้นึ หลายแห่งในสหรฐั ฯ ค่ายหนงั ฮอลลีวดู้ (Hollywood) ซ่ึงเป็นสญั ชาตอิ เมริกนั จงึ สรา้ งภาพยนตร์ น าเสนอภาพลกั ษณ์อินเดียนแดงเป็ นผกู้ ระทาํ ท่ี โหดรา้ ยป่ าเถื่อน และอเมริกนั เป็นวรี บรุ ุษ ส่วนใน สมยั สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 (World War II) เกิดภาพยนตร์ท่ี มีผรู้ า้ ยเป็ นพวกนาซีเยอรมนั กบั ญปี่ ่ ุน เนื่องจากสองชาติดงั กล่าวอยใู่ นฝ่ ายอกั ษะ (Axis) ขณะทอ่ี เมริกาอยู่

ฝ่ ายสมั พนั ธมิตร (Alliance) และในช่วงสงครามเยน็ (Cold War) ทอ่ี เมริกาเผชิญหนา้ กบั รัสเซีย ฮอลลีวดู้ ก็ ไดว้ างรัสเซียเป็น ผรู้ ้ายในภาพยนตร์ ผูเ้ ขยี นไดพ้ าดพงิ หลกั ศาสนาและปรัชญาดว้ ยเช่นกนั เช่น การนาํ หลกั ธรรม เรื่อง “ความวา่ งเปล่า” ของศาสนาพทุ ธ มาใชเ้ ปรียบเทียบเพอื่ ประชดประชนั การแกป้ ัญหาของ คนบางจาํ พวก ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี “ปรัชญาการแก้ปัญหาของคนบางจาํ พวก รองรับด้วยหลักธรรม : ปัญหาทยี่ ังไม่เกิดไม่ใช่ปัญหา เราเรียกว่า 'ความว่าง' คอื ไม่มปี ัญหา ปัญหาทย่ี งั ไม่แก้ไม่ใช่ปญั หา เราเรียกว่า 'สุญตา' คอื ว่างจากการแก้ ปัญหาทีแ่ ก้ไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา เราเรียกว่า 'ตถตา' คอื มันเป็ นเช่นน้นั เอง ปัญหาทไี่ ม่คดิ จะแก้ไม่ใช่ปญั หา เราเรียกว่า 'อนิจจัง' คอื แก้หรือไม่แก้ กไ็ ม่แน่นอน ดังน้ันไม่คดิ จะแก้ อืม! มองแบบนีก้ ด็ เี หมอื นกนั ไม่ต้องแก้อะไรสักอย่าง!” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2559) สาํ หรับการพาดพงิ หลกั วทิ ยาศาสตร์ จะใชเ้ พอ่ื อธิบายเพอ่ื เชื่อมโยงหรือสนบั สนุน เน้ือหาสาระที่ ตอ้ งการนาํ เสนอ เช่น ทฤษฎีเร่ืองกฎเทอร์โมไดนามิกส์ทางฟิ สิกส์ ในตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี “กฎเทอร์โมไดนามิกส์ทางฟิ สิกส์ข้อหนึ่งอธิบายว่า เม่ือทาํ ชามตก แตกมนั จะไม่ย้อนกลบั กลาย เป็ นชามดี ถ้าย้อนเวลากลบั ไปในอดีต ได้ หลายคนคงอยากแก้ไขการกระทําหลายอย่างในอดีตของตน จะ ไม่เลือกเรียนคณะนี้ จะไม่ทาํ งานกับบริษัทน้ัน จะไม่แต่งงานกบั ผู้ชาย (เฮงซวย) คนน้ัน จะไม่จีบหญิงสาว (ซ่ึงตอนนี้เป็ นอแี ก่) คนนี้ ฯลฯ” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560)

นอกจากการพาดพงิ ประวตั ิศาสตร์ หลกั ปรัชญาและศาสนา และหลกั วทิ ยาศาสตร์แลว้ ผูเ้ ขยี นยงั หยบิ ยกเหตุการณ์ทีเ่ กิดข้นึ ในช่วงเวลาเดียวกบั การสรา้ งสรรคผ์ ลงานมากล่าวถึงใหเ้ ร่ือง น่าสนใจข้นึ ดว้ ย เช่น “ตื่นเช้าวนั พรุ่งนี้ (พธุ ) โลกก็จะรู้ว่าแกนโลกเอยี งไปทางฝัง่ ไหน ฝ่ัง Donald หรือฝ่งั Hillary ศึก กาํ ป้ันมะริกนั เทยี่ วนี้ ชาวโลกไม่ค่อยอยาก รู้ผลเลย เพราะน่าหวาดเสียว ชกใต้เข็มขัดตลอดรายการ เตะต่อยตบตี เตะผ่าหมาก สาดโคลนหา เสียงกนั พูดไร้สาระอย่างไรก็ได้ จนไม่เพยี ง ทาํ ให้วงการเมืองเละยงั ทาํ ให้พรรคตัวเองแตกแยกอีกด้วย ชกกันจน เวทนี องเลือด ยังดอี ยู่หน่อยนะท่ไี ม่บังคบั ให้อีกฝ่ ายกราบ” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2559) ตวั อยา่ งดงั กล่าวไดร้ ับการเผยแพร่เมื่อวนั ท่ี 7 พฤศจกิ ายน 2559 ปรากฏเหตุการณ์ ปัจจบุ นั จาํ นวน 2 เหตกุ ารณ์ ไดแ้ ก่ การเลือกต้งั ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ท่ีจะเกิดข้ึนใน วนั ท่ี 8 พฤศจกิ ายน 2559 และ เหตกุ ารณ์ในประเทศไทยท่ีเกิดข้นึ เมื่อวนั ที่ 4 พฤศจิกายน กรณี หนุ่มขบั มินิคูเปอร์สรา้ งวรี กรรมด่าทอ และ กระหน่าํ ตอ่ ย ก่อนใหห้ นุ่มขบั รถจกั รยานยนต์ “กราบ” รถหรูของเขาหลงั เกิดอุบตั เิ หตุเฉ่ียวชนกนั (ข่าวสด, 2559) 4.การใชภ้ าษาสร้างความขบขนั วนิ ทร์ เลียววาริณ ไดส้ อดแทรกอารมณ์ขนั รูปแบบตา่ งๆ โดยมุ่งเนน้ ใหผ้ อู้ ่านรูส้ ึก (วนิ ทร์, 2560) สนุกสนาน และรับรู้แนวคิดบางอยา่ งท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการส่ือเป็ นนยั ท้งั น้ี พบวา่ ใชก้ ลวธิ ีการสรา้ ง อารมณ์ขนั 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่ 4.1 การกล่าวแฝงนยั ประชด เสียดสี หรือเหน็บแนม ทีช่ ่วยใหผ้ เู้ ขียนสามารถ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ขอ้ ผดิ พลาด หรือความบกพร่องของผอู้ ื่นได้ โดยไม่ใชภ้ าษาทีส่ ่ือความอยา่ ง ตรงไปตรงมา ผอู้ ่านจึงจาํ เป็ นตอ้ งทราบ บริบททางสงั คม เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจสิ่งท่ผี เู้ ขียนตอ้ งการส่ือ เช่น \"เป็ นนายกฯ เมืองไทยแล้วแก่เร็วนะ ผมว่าคณุ ลองเป็ นเจ้าอาวาส บางลทั ธิน่าจะต่ืนเต้นกว่านะ มฉี ากหนดี เี อสไอจริงๆ ต้องวางแผน หลายช้ัน อย่างคุณน่าจะเหมาะ มปี ระสบการณ์เล่นหนังหนี

อันตรายมาเยอะ\" (วินทร์ เลยี ววาริณ, 2559) ในตวั อยา่ งขา้ งตน้ ผเู้ ขียนไดเ้ สียดสีผดู้ าํ รงตาํ แหน่งเจา้ อาวาสวดั ธรรมกายทีก่ ระทาํ ผดิ กฎหมาย และพยายามหลบหนีการจบั กมุ ของกรมสอบสวนคดีพเิ ศษ (DSI) โดยกล่าววา่ งานน้ีเป็ น งานท่ตี ่ืนเตน้ ตอ้ ง วางแผนหลายช้นั เหมาะกบั แดเนียล เครกที่มีประสบการณ์เล่นหนงั ที่เสี่ยง อนั ตรายมาหลายเรื่อง การหกั มุม คือ การพลิกเน้ือเร่ืองในจุดสาํ คญั ใหเ้ ป็ นไปในทิศทางทอี่ ยเู่ หนือความ คาดหมายของ ผอู้ ่าน เช่นตวั อยา่ งต่อไปน้ีทีผ่ เู้ ขยี นไดห้ กั มุมกรรมของกริยา “ลงไมล้ งมือ” เพอ่ื พลิก จินตนาการของผอู้ ่าน จาก “ลงไมล้ งมอื เมีย” เป็นการลงมือเขียนหนงั สือ “ถ้าเมยี พูดมาก เรากต็ ้องลงไม้ลงมือกนั หน่อย (เสียงกร้าวขึน้ อีก) หมายถึงลงมือเขียนน่ะ!” (วนิ ทร์ เลียววาริณ, 2560)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook