อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำโดย นางสาว ณัธวดี ระเบียบ
คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา สื่อ สร้างสรรค์ธุรกิจดิจิทัล เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง ราวของอุปการ์อิเล็กทรอนอกส์ โดยได้ศึกษาผ่านแหล่ง ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น ตำรา หนังสือ หนังสือพิมพ์ วารสาร ห้องสมุด และแหล่งความรู้จากเว็บไซต์ต่างๆ โดยรายงานเล่มนี้ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายของ อิเล็กทรอนิกส์ ประเภทของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำเอกสารฉบับนี้ จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาวรรณกรรม ไทยเป็นอย่างดี ผู้จัดทำ นางสาว ณัธวดี ระเบียบ
สารบัญ หน้า เรื่อง 1 3 1. แหล่งจ่ายไฟฟ้า 3 2. สวิตช์ 4 3. ตัวนำไฟฟ้า 7 4.ตัวต้านทาน หรือ รีซิสเตอร์ 9 5. ตัวเก็บประจุไฟฟ้า คาปาซิเตอร์ 6.ตัวเหนี่ยวนำ บางครั้งถูกเรียกว่าคอยล์ หรือรีแอคเตอร์
1 อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้ในวงจรไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอุปกรณ์แต่ละประเภทมีหลายชนิด มีหลัก การใช้งานแตกต่างกันไป อุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถจำแนกหลายประเภท คือ 1. แหล่งจ่ายไฟฟ้า 2. สวิตช์ 3. ตัวนำไฟฟ้า 4. ตัวต้านทานไฟฟ้า 5. ตัวเก็บประจุไฟฟ้า 6.ตัวเหนี่ยวนำไฟ้ฟ้า สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ใน วงจรอิเล็กทรอนิกส์มีหลายชนิดด้วยกัน ส่วนใหญ่เป็น อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็นสารกึ่งตัวนำ 1.แหล่งจ่ายไฟฟ้า (power supply)
2 เป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่จ่ายพลังงาน ไฟฟ้าในรูปของกระแสหรือแรงดันให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ชนิดอื่นๆ เป็นคำที่ใช้กันมากที่สุด ในการแปลงพลังงาน ไฟฟ้าจากรูปแบบหนึ่ง ไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แม้ว่ามันจะ ยังอาจหมายถึง อุปกรณ์ที่แปลงพลังงานรูปแบบหนึ่ง (เช่นพลังงานกล, พลังงานเคมี, พลังงานแสงอาทิตย์) ให้ เป็นพลังงานไฟฟ้า. แหล่งจ่ายไฟแบบควบคุมได้(อังกฤษ: regulated power supply)สามารถ ควบคุม แรงดัน หรือกระแสเอาต์พุตให้มีค่าที่คงที่แน่นอน แม้ว่าอุปกรณ์ ทางไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือมี การเปลี่ยนแปลงที่พลังงานที่อินพุทก็ตาม แหล่งจ่ายไฟฟ้าทุกตัวต้องได้รับพลังงานจากแหล่ง พลังงานภายนอกเพื่อจ่ายให้ อุปกรณ์ทางไฟฟ้าและ อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งการบริโภคพลังงานของตัวมันเองใน ขณะที่ปฏิบัติงาน แหล่งพลังงานภายนอกจะขึ้นอยู่กับ การออกแบบ. แหล่งจ่ายไฟอาจจะได้รับพลังงาน จาก: ระบบสายส่งพลังงานไฟฟ้าอาจเป็นกระแสสลับ หรือกระแสตรงที่ได้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่แปลงแรง ดันไฟฟ้า กระแสสลับให้เป็นกระแสตรง อุปกรณ์จัดเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่ และ เซลล์เชื้อเพลิง ระบบเครื่องกลไฟฟ้า เช่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจาก พลังงานกล เช่น Generator และ Alternator พลังงานแสงอาทิตย์
2. สวิตช์ (Switch) 3 เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดหรือเชื่อมต่อ วงจรหรือสัญญาณไฟฟ้า 3. ตัวนำไฟฟ้า
4 ความต้านทานไฟฟ้า (Resistance) เป็นสมบัติเฉพาะของวัตถุในการที่จะขวางหรือต้านทาน การไหล ของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลผ่านวัตถุนั้นๆ ตัวนำไฟฟ้า (Conductor) เป็น สสาร วัตถุ วัสดุ หรือ อุปกรณ์ที่สามารถยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่าย ได้แก่ ทองแดง อลูมิเนียม ทอง และเงิน ซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด แต่ในสายไฟ ทั่วไปจะใช้ทองแดงเป็นตัวนำ เพราะตัวนำที่ทำจากจะ เงินมีราคาแพง ฉนวนไฟฟ้า ฉนวน (Insulator) เป็น สสาร วัตถุ วัสดุ หรือ อุปกรณ์ที่ไม่สามารถยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปได้ ได้แก่ ไม้แห้ง พลาสติก, ยาง, แก้ว และกระดาษแห้ง เป็นต้น 4.ตัวต้านทาน หรือ รีซิสเตอร์
5 เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่มี สมบัติในการต้านการไหลผ่านของกระแสไฟฟ้า ทำด้วยลวด ต้านทานหรือถ่านคาร์บอน เป็นต้น นั่นคือ ถ้าอุปกรณ์นั้นมี ความต้านทานมาก กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านจะน้อยลง เป็น อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดพาสซีฟสองขั้ว ที่สร้างความต่างศักย์ไฟฟ้า คร่อมขั้วทั้งสอง โดยมีสัดส่วนมากน้อยตามปริมาณกระแส ไฟฟ้าที่ไหลผ่าน อัตราส่วนระหว่างความต่างศักย์ และ ปริมาณกระแสไฟฟ้า ก็คือ ค่าความต้านทานทางไฟฟ้า หรือ ค่าความต้านทานของตัวนำมีหน่วยเป็นโอห์ม ( สัญลักษณ์ : Ω ) เขียนเป็นสมการตามกฏของโอห์ม ดังนี้ แบ่งออกได้ 3 ชนิดด้วยกันคือ 1.ตัวต้านทานชนิดคงที่ Fixed Resistor 2.ตัวตัวต้านทานชนิดปรับค่าได้ Adjustable Resistor 3.ตัวต้านทานแบบเปลี่ยนค่าได้ Variable Resistor การอ่านค่าตัวต้านทาน การอ่านค่าตัวต้านทานชนิดแบบ 4 แถบสี
6 วิธีการอ่านอ่านค่าตัวต้านทานแบบ 4 แถบสี -แถบที่ 1 คือ ตัวเลขตัวตั้งที่ -แถบที่ 2 คือ ตัวเลขตัวตั้งที่ 2 -แถบที่ 3 คือ ตัวคูณหรือการแทนจำนวนเลขศูนย์ -แถบที่ 4 คือ สีที่บอกถึงเปอร์เซนต์ค่าความคลาดเคลื่อน ของค่าความต้านทาน (%) ตัวอย่าง ชนิด 4 แถบสี เรียงตามสีได้ดังนี้ เขียว น้ำเงิน เหลือง น้ำตาล ค่า 5 6 x10k ±1% = 560kΩ ±1% วิธีการอ่านดังนี้ -แถบที่1 จะเป็นตั้งตั้ง หลักที่1 -แถบที่2 จะเป็นตั้งตั้ง หลักที่2 -แถบที่3 จะเป็นตั้งตั้ง หลักที่3 -แถบที่4 จะเป็นตัวคูณ -แถบที่5 จะเป็นเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาด ตัวอย่างชนิด 5 แถบ สี เรียงตามสีได้ดังนี้ แดง ส้ม ม่วง ดำ น้ำตาล ค่า 2 3 7 x1 ±1% = 237Ω ±1%
5. ตัวเก็บประจุไฟฟ้า คาปาซิเตอร์ 7 เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ทำหน้าที่ เก็บพลังงานในสนามไฟฟ้า ที่สร้างขึ้นระหว่างคู่ฉนวน โดยมี ค่าประจุไฟฟ้าเท่ากัน แต่มีชนิดของประจุตรงข้ามกัน บาง ครั้งเรียกตัวเก็บประจุนี้ว่า คอนเดนเซอร์ (condenser) มี หน่วยเป็นฟารัดF(Farad) ชนิดของตัวเก็บประจุแบ่งตามวัสดุการใช้งานแบ่งออกได้ 3 ชนิดด้วยกันคือ 1.ตัวเก็บประจุชนิดคงที่ Fixed capacitor 2.ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ Variable capacitor 3.ตัวเก็บประจุแบบเลือกค่าได้ Select Capacitor การอ่านค่าความจุ ค่าความจุของตัวเก็บประจุหมายถึงความสามารถในการ เก็บประจุไฟฟ้ามีหน่วยเป็นฟารัด เขียนแทนด้วยอักษรภาษา อังกฤษตัวเอฟ ตัวเก็บประจุที่มีความสามารถในการเก็บ ประจุได้ 1 ฟารัดหมายถึงเมื่อป้อนแรงเคลื่อนจำนวน 1 โวลท์ จ่ายกระแส 1 แอมแปร์ ในเวลา 1 นาที ให้กับแผ่น เพลททั้งสอง สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้ 1 คูลอมบ์ ในงาน ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์จะไม่ค่อยนิยมใช้ตัวเก็บประจุที่มีค่ามาก เป็นฟารัด
8 ค่าความจุจะพิมพ์ติดไว้บริเวณตัวเก็บประจุ ตัวอย่างเช่น 100 V 150 uF , 10 uF 50 V 0.01 uF ตัวเก็บประจุ บางตัวแสดงค่าเป็นรหัสตัวเลข เช่น 103 วิธีการอ่านค่าจะ ใช้วิธีเดียวกับการอ่านค่าแถบสีตัวต้านทาน สีที่ 1 และ 2 จะ เป็นตัวตั้ง ส่วนสีที่ 3 หมายถึงตัวคูณ แล้วอ่านค่า เป็น หน่วยพิโกฟารัด จากในรูปที่ 3.7 เขียนตัวเลข 103 บนตัว เก็บประจุจะอ่านค่าได้ 10 และเติม 0 ไปอีก 3 ตัว ทำให้ได้ ค่า 10,000 pF หรือมีค่าเท่ากับ 0.01 uF การอ่านค่าความจุสามารถกระทำได้ตามวิธีที่อธิบายดัง กล่าว แต่ในปัจจุบันตัวเก็บประจุได้ผลิตออกมามากมาย วิธีการอ่านก็มีหลากหลายวิธีมาก ดังนั้นผู้เขียนจะแสดงรูป และอธิบายวิธีการอ่านแต่ละตัวพอสังเขป เพื่อเป็นแนวทาง ในการศึกษาต่อไป นอกจากนี้ตัวเก็บประจุได้แสดงค่าผิด พลาด และอัตราทนแรงดันไว้บนตัวเป็นอักษรภาษา อังกฤษเอาไว้แต่ละตัวมีความหมายดังนี้คือ
9 6.ตัวเหนี่ยวนำ บางครั้งถูกเรียกว่าคอยล์หรือรีแอคเตอร์ เป็นอุปกรณ์ในวงจรไฟฟ้าแบบพาสซีฟสองขั้วไฟฟ้า(ขา) มี คุณสมบัติในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าที่ ไหลผ่านตัวมัน มันประกอบด้วยตัวนำ เช่นลวดทองแดงม้วน กันเป็นวงกลม เมื่อกระแสไหลผ่านตัวมัน พลังงานจะถูกเก็บไว้ ชั่วคราวในรูปสนามแม่เหล็กในคอยล์นั้น เมื่อกระแสนั้น เปลี่ยนแปลง, สนามแม่เหล็กที่แปรตามเวลาจะทำให้เกิดแรง ดันไฟฟ้าในตัวนำนั้น ตามกฎการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าของ ฟาราเดย์ ซึ่งจะต้านกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสที่สร้างมัน ตัวเหนี่ยวนำถูกกำหนดโดยการเหนี่ยวนำของมัน หรือ อัตราส่วนของแรงดันไฟฟ้ากับอัตราการเปลี่ยนแปลงของ กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีหน่วยเป็น Henries (H) ตัวเหนี่ยวนำมีค่า ปกติตั้งแต่ 1 μH (10- 6H)จนถึง 1 H ตัวเหนี่ยวนำจำนวน มากมีแกนเป็นแม่เหล็กที่ทำจากเหล็ก หรือเฟอร์ไรต์ภายใน คอยล์ เหมือนกับตัวเก็บประจุและตัวต้านทาน ตัวเหนี่ยวนำ เป็นหนึ่งในสามชิ้นส่วนวงจรเชิงเส้นแบบพาสซีฟที่ประกอบขึ้น เป็น วงจรไฟฟ้า ตัวเหนี่ยวนำถูกใช้กันอย่างแพร่หลายใน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กระแสสลับ (AC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอุปกรณ์วิทยุ มันถูกใช้ป้องกันการไหลของกระแส AC ขณะที่ยอมให้กระแส DC ผ่านไปได้ ตัวเหนี่ยวนำที่ถูก ออกแบบมาเพื่อการนี้จะเรียกว่าโช๊ค (อังกฤษ: choke)
10 การอ่านค่าความเหนี่ยวนำ ค่าความเหนี่ยวนำ มักแสดงโดยการพิมพ์ค่าลงบนตัว เหนี่ยวนำ แสดงเป็นรหัสตัวเลข หรือแสดงเป็นแถบสีแบบ ตัวต้านทาน ส่วนค่าความผิดพลาดในกรณีการพิมพ์ค่าหรือ ใช้รหัสตัวเลขนั้นจะมีการพิมพ์เป็นตัวอักษรยังถูกใช้ในตัว กรองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแยกสัญญาณที่มีความถี่ที่แตกต่าง กันและใช้ร่วมกับตัวเก็บประจุเพื่อทำเป็นวงจรปรับหาความ ถี่ (อังกฤษ: tuner) ที่ใช้ในการปรับหาคลื่นสถานีของ เครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์
อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ จัดทำโดย นางสาว ณัธวดี ระเบียบ ชั้น ปวส.1/4 เลขที่ 28 เสนอ อาจารย์ อริษา พันธ์เทศ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: