ผลการปฏบิ ตั ิงานท่ีดี (Best Practice) ชอ่ื ผลงาน กิจกรรมส่งเสรมิ ทักษะชวี ติ กลุ่มรกั สุขภาพบา้ นวงั หินซา ช่อื เจ้าของผลงาน กศน.ตาบลดงมะไฟ อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวัดหนองบัวลาภู 1. ความสาคญั และความเป็นมา สขุ ภาพท่ีดเี ปน็ ส่ิงทีท่ กุ คนพึงปรารถนา การมีสุขภาพท่ีดีมิได้หมายถึงเพียงมหี ลักประกันในการเข้าถงึ บรกิ าร สขุ ภาพเทา่ นัน้ ต้องขึน้ อยูก่ บั ประชาชนร้จู กั การดูแลสขุ ภาพของตนเอง เพื่อใหม้ สี ุขภาพท่แี ขง็ แรงอยเู่ สมอ เพราะโรค บางโรคสามารถป้องกนั ไดด้ ว้ ยการออกกาลังกายดีกวา่ การรอให้เกดิ การเจ็บป่วยแล้วรกั ษา จะทาให้สิ้นเปลืองทรัพยากร และงบประมาณในการดูแลรักษาจานวนมาก การที่คนเรามีสุขภาพรา่ งกายท่ีแข็งแรงเป็นการสรา้ งภมู คิ ้มุ กันโรคทดี่ ี ดังนั้นประชาชนจึงควรมีการออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ เพ่อื ให้ตนเองมสี ขุ ภาพรา่ งกายท่ีแขง็ แรง จึงได้ตระหนกั ถึง ความสาคญั และความจาเป็นของการส่งเสรมิ สุขภาพและป้องกันโรคดว้ ยการออกกาลงั กาย กระตนุ้ ใหป้ ระชาชนเหน็ ความสาคัญในการออกกาลังกายและเป็นการปลกู ฝงั ค่านิยมทด่ี ใี ห้แกป่ ระชาชนในเร่ืองพฤติกรรมการออกกาลงั กาย รวมท้ังส่งเสรมิ ความสามัคคีความเข้มแข็งในชุมชนและการใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ตอ่ ไป ความสาคญั ของการออกกาลังกาย ร่างกายมนุษย์มกี ารเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพือ่ ความเจรญิ เตบิ โตและรกั ษาสภาพการทางานทด่ี ีเอาไว้ การที่ไม่ ค่อยได้ออกกาลังกาย ไม่เพียงแต่จะทาให้เกิดความเสือ่ มโทรมของสมรรถภาพทางกายหรือสุขภาพ แตย่ ังเป็นสาเหตุของ ความผดิ ปกติของร่างกายและโรครา้ ยหลายชนิดทปี่ อ้ งกันได้ ซ่ึงเป็นโรคท่เี ป็นปญั หาทางการแพทย์ท่ีพบมากในปัจจุบัน ในทางการแพทย์ การออกกาลังกายอาจเปรยี บได้กับยาสารพัดประโยชน์ เพราะใชเ้ ปน็ ยาบารุงเปน็ ยาป้องกนั และเป็น ยาบาบดั รกั ษาหรือฟ้นื ฟูสภาพร่างกาย แต่การทีไ่ ดช้ ่ือว่ายาแลว้ ไมว่ า่ จะวเิ ศษเพียงไรกจ็ ะต้องใช้ด้วยขนาดหรือปรมิ าณที่ เหมาะสมกับคนแต่ละคน ในคนที่ใชโ้ ดยไม่คานงึ ถึงขนาดหรือปรมิ าณทีเ่ หมาะสม นอกจากอาจไม่ได้ผลแลว้ ยงั อาจเกดิ โทษจากยาไดด้ ว้ ย การออกกาลังกายใหเ้ กิดประโยชน์แก่สุขภาพคือ การจดั ชนดิ ของความหนัก ความนาน และความ บอ่ ยของการออกกาลงั กายให้เหมาะสมกับเพศ วยั สภาพร่างกาย สภาพแวดล้อม และจุดประสงค์ของแตล่ ะคน ประโยชน์ของการออกกาลงั กาย 1.เพอ่ื การเจริญเตบิ โต การออกกาลงั กายจัดเปน็ ปจั จัยสาคัญอนั หนึง่ ที่มีผลกระทบตอ่ การเจรญิ เตบิ โต เด็กทีไ่ ม่ ค่อยได้ออกกาลังกายแต่มีการกนิ อาหารมากอาจมีส่วนสงู และน้าหนกั ตวั มากกวา่ เด็กในวัยเดยี วกันโดยเฉลี่ย แตส่ ่วน ใหญแ่ ล้วจะทาใหร้ ่างกายมีไขมนั มากเกนิ ไป มกี ระดูกเล็ก หวั ใจมขี นาดเล็กเมอื่ เทยี บกบั น้าหนกั ตวั และรปู ร่างอาจ ผิดปกตไิ ด้ เช่น เขา่ ชดิ กนั อ้วนแบบฉุ เปน็ ต้น ซง่ึ ถือวา่ เป็นการเจริญเติบโตท่ผี ดิ ปกติ ตรงขา้ มกบั เดก็ ทอ่ี อกกาลงั กาย ถกู ต้องสมา่ เสมอ รา่ งกายจะผลติ ฮอร์โมนทเี่ ก่ียวกบั การเจริญเติบโตอยา่ งถกู สว่ น จงึ กระต้นุ ให้อวัยวะต่าง ๆ เจรญิ ขึ้น พร้อมกนั ไปท้งั ขนาด รปู ร่าง และหน้าท่ีการทางาน และเมื่อประกอบกบั ผลของการออกกาลงั กายทที่ าใหเ้ จรญิ อาหาร การย่อยอาหารและการขับถา่ ยดี เด็กที่ออกกาลงั กายอย่างถกู ต้องและสมา่ เสมอจึงมีการเจรญิ เตบิ โตดีกว่าเดก็ ท่ีไม่ค่อย ไดอ้ อกกาลังกาย 2.เพอื่ สขุ ภาพ เปน็ ทย่ี อมรับกันโดยทว่ั ไปวา่ การออกกาลังกายมปี ระโยชน์ต่อสขุ ภาพถงึ แม้จะไม่มหี ลักฐานแน่ ชัดว่าการออกกาลงั กายสามารถเพ่ิมภูมิต้านทานโรคท่เี กดิ จากการตดิ เช้ือได้ แต่มหี ลักฐานทีพ่ บบ่อยครง้ั ว่า เม่ือนกั กฬี า เกิดการเจบ็ ปว่ ยจากการตดิ เชื้อจะสามารถหายไดเ้ รว็ กวา่ และมโี รคแทรกซ้อนนอ้ ยกว่า ข้อท่ที าใหเ้ ชื่อได้แน่วา่ ผู้ทอี่ อก กาลังกายย่อมมสี ุขภาพดีกว่าผูท้ ี่ไม่ค่อยออกกาลังกาย คือ การท่ีอวยั วะตา่ ง ๆ มีการพัฒนาท้ังขนาด รปู รา่ ง และหนา้ ท่ี การทางาน โอกาสของการเกิดโรคท่ไี ม่ใช่โรคตดิ เชอ้ื เชน่ โรคเส่อื มสมรรถภาพในการทางานของอวยั วะจงึ มนี อ้ ยกวา่
3.เพ่อื สมรรถภาพทางกาย ถ้าการออกกาลงั กายเป็นยาบารุง การออกกาลังกายถือเปน็ ยาบารุงเพยี งอยา่ งเดียว ที่สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้ เพราะไม่มยี าใด ๆ ท่ีสามารถทาใหร้ ่างกายมีสมรรถภาพเพม่ิ ขนึ้ ได้อยา่ งแท้จรงิ และ ถาวร ยาบางอย่างอาจทาใหผ้ ู้ใช้สามารถทนทางานบางอย่างไดน้ านกวา่ ปกติ แต่เม่อื ทาไปแลว้ ร่างกายก็จะอ่อนเพลยี กว่าปกติจนต้องพักผอ่ นนานกว่าปกติ หรอื รา่ งกาย ทรดุ โทรมลงไป ในทางปฏบิ ัตเิ ราสามารถเสริมสรา้ งสมรรถภาพทาง กายทกุ ๆ ดา้ นได้ เช่น ความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือ ความอ่อนตัว ความอดทนของกล้ามเน้อื ความอดทนของระบบ ไหลเวยี นเลือด ความคล่องตัว ฯลฯ 4.เพอ่ื รปู รา่ งและทรวดทรง การออกกาลังกายเปน็ ได้ทัง้ ยาป้องกันและยารักษาโรค การเสียทรวดทรงในชว่ ง การเจรญิ เติบโตดังข้อ 1. ย่อมป้องกันไดด้ ้วยการออกกาลังกาย แต่เมอ่ื เตบิ โตเต็มทแ่ี ลว้ ยังขาดการออกกาลงั กาย กจ็ ะ ทาใหท้ รวดทรงเสยี ไปได้ เช่น ตวั เอยี ง หลังงอ พุงป่อง ซงึ่ ทาใหเ้ สยี บุคลิกภาพได้อยา่ งมาก ในระยะนี้ ถา้ กลบั มาออก กาลังกายอยา่ งถกู ต้อง เปน็ ประจาสม่าเสมอยงั สามารถแก้ไขให้ทรวดทรงกลับดีขนึ้ มาได้ แต่การแกไ้ ขบางอย่างอาจต้อง ใช้เวลานานเป็นเดอื น เป็นปี แตบ่ างอย่างอาจเห็นผลภายในเวลาไมถ่ งึ 1 เดอื น เช่น พงุ ป่อง การบริหารกายเพ่ือเพิ่ม ความแขง็ แรงของกลา้ มเน้อื หน้าท้องเพยี ง 2 สัปดาห์ กท็ าให้กล้ามเน้ือหน้าทอ้ งมคี วามตึงตัวเพมิ่ ข้นึ จนกระชับอวัยวะ ภายในไวไ้ ม่ให้ดันออกมาเหน็ พงุ ป่องได้ 5.เพื่อการป้องกนั โรค การออกกาลังกายสามารถปอ้ งกันโรคไดห้ ลายชนดิ โดยเฉพาะโรคที่เกดิ จากการ เสือ่ มสภาพของอวยั วะอันเนื่องจากการมีอายุมากขึ้น ซึง่ ประกอบกบั ปัจจัยอืน่ ๆ ในชีวติ ประจาวันเช่น การกนิ อาหารมากเกินความจาเปน็ ความเคร่งเครียด การสบู บหุ ร่ีมาก หรือกรรมพันธุ์ โรคเหล่าน้ีได้แก่ โรคประสาท เสียดุลยภาพ หลอดเลอื ดหัวใจเส่อื มสภาพ ความดนั เลือดสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคขอ้ ต่อเส่อื มสภาพ เปน็ ตน้ ผูท้ อ่ี อกกาลังกายเปน็ ประจามีโอกาสเกดิ โรคเหลา่ นีไ้ ด้ช้ากว่าผ้ทู ี่ขาดการออกกาลงั กาย หรืออาจไม่เกิดข้นึ เลยจนชั่วชวี ติ การออกกาลังกายจึงช่วยชะลอชรา 6.เพือ่ การรักษาโรคและฟน้ื ฟูสภาพ โรคตา่ ง ๆ ทีก่ ล่าวในข้อ 5 หากเกดิ ข้นึ แล้ว การเลือกวธิ ีออกกาลงั กายที่ เหมาะสมจดั เป็นวธิ ีรักษาและฟน้ื ฟูสภาพทสี่ าคญั ในปัจจบุ ัน แต่ในการจดั การออกกาลงั กายท่ีเหมาะสมมีปัญหามาก เพราะบางครง้ั โรคกาเริบรุนแรงจนการออกกาลังกายแมเ้ พียงเบา ๆ กเ็ ป็นข้อหา้ ม ในกรณดี ังกล่าว การควบคมุ โดย ใกลช้ ดิ จากแพทย์ผทู้ าการรักษาและการตรวจสอบสภาพร่างกายโดยละเอยี ดเป็นระยะเปน็ ส่ิงจาเปน็ อยา่ งยง่ิ 2. วตั ถปุ ระสงค์ - เพื่อใหช้ ุมชนได้ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ - เพอ่ื ให้ชมุ ชนมสี ุขภาพแข็งแรง หา่ งจากโรคภยั ไข้เจ็บ - เพอื่ ให้ชุมชนมีความรักและสามคั คี
3. หลักการและแนวคิด การทาให้ชมุ ชนเข้มแข็งก็คือการเริ่มกระบวนการพฒั นาจากฐานรากตัวอยา่ งความเข้มแข็งของชุมชน ชว่ ย สรา้ งคุณูปการอะไร แค่ไหน เพียงใด เช่อื วา่ ทุกคนไดป้ ระจกั ษ์แจง้ แก่สายตา ท่ามกลางสถานการณ์ความร้อนแรงระอุ ทางการเมืองในวนั นี้ ๑) ชมุ ชนเข้มแขง็ หมายถงึ ชุมชนทม่ี ีขดี ความสามารถในการจัดการปัญหาของตนเองได้ในระดบั หน่ึง ด้วยการมี ผ้นู าทมี่ คี วามสามารถ มีการเรียนรู้รว่ มกนั อยา่ งต่อเนื่อง บนพื้นฐานวัฒนธรรม ความเชื่อ คุณคา่ ด้ังเดิม ศาสนา และเศรษฐกจิ ชมุ ชนทีพ่ ่งึ พาเอื้อเฟื้อกนั และกัน โดยแตล่ ะชุมชนได้ใช้ศกั ยภาพของตนเองเขา้ คลี่คลายและ จัดการปญั หาไดด้ ้วยตนเองภายใตค้ วามรว่ มมือและสนบั สนุนจากองคก์ รภายนอก ๒) กระบวนการแก้ไขปญั หายาเสพติดแตกต่างไปตามเงอ่ื นไขความรุนแรงของปัญหาเชิงปริมาณการเสพ การคา้ ยา มาก ปานกลาง นอ้ ย /เชงิ ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ครอบครัว/ลักษณะท่ีต้งั ของชุมชน ภูมิศาสตร์ สงั คม วัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ความเช่ือ ๓) วธิ กี ารมองปัญหา ๒ แบบ คอื แบบท่ี ๑ มองว่ามีความเชื่อมโยงกบั เร่ืองอ่ืนๆ หรือเป็นผลมาจากสาเหตอุ ่ืน แบบท่ี ๒ มองว่าปัญหายาเสพติดเปน็ ภัยคุกคามของกระบวนการใหญ่ภายนอกที่ต้องการเข้ามาเป็นบ่อนทาลาย ๔) ยทุ ธศาสตรแ์ ละแนวทางการทางานของชมุ ชนแบ่งได้ตามแตล่ ะภาคและ กทม. ๕) วธิ ีการทางานการแก้ไขปัญหายาเสพตดิ เปน็ ตัวสร้างกระบวนการเรยี นรแู้ ละส่งเสริมอาชพี มหี ลายวธิ ี เช่น - สรา้ งการมีสว่ นรว่ ม แลกเปลยี่ นเรียนรูฯ้ - คน้ หาศักยภาพภายในชุมชนมาประยุกตใ์ ชใ้ นการแก้ไขปัญหาแบบบรู ณาการฯ - ดึงศักยภาพขององค์กรภายนอกเข้ามาเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็ง - หนนุ ชว่ ยในกระบวนการทางานของชุมชน ฯลฯ ๖) บทเรียนการทางานของชมุ ชน เชน่ - การมองท่ปี จั จยั หลัก คือผู้นา เพราะผ้นู ามคี วามสาคัญต่อความสาเรจ็ ของการดาเนินงาน - การนากลไกในชุมชนมาใช้เช่น ระบบค้มุ เครือญาติ ศาสนา - การบม่ เพาะเยาวชนให้มภี มู ิคุ้มกนั - การมองปัญหา จะต้องมองให้เหน็ ความเชือ่ มโยงสมั พนั ธก์ ับเรือ่ งอน่ื ๆ - ชมุ ชนท่เี คยมปี ระสบการณ์รวมตัวกันพฒั นามาก่อนจะเอ้ือประโยชน์ต่อการแกไ้ ขปัญหายาเสพติด ฯลฯ ๗) ลกั ษณะของชุมชนเข้มแข็ง เช่น - คนในชุมชนมคี วามตระหนกั และหว่ งใยตอ่ ความเป็นไปของชุมชน - มแี กนนาทีห่ ลากหลาย และมศี ักยภาพในการทางาน - สมาชกิ ในชุมชนรว่ มมอื รว่ มใจกนั อย่างจริงจัง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ - มกี ิจกรรมต่อเนื่อง เทา่ ทันสถานการณ์ตลอดเวลา ฯลฯ
4. กระบวนการผลิตงานหรือข้นั ตอนการดาเนนิ งาน (วิธปี ฏบิ ัติที่เปน็ เลิศ) 1.ขนั้ เตรยี มการ 1.1 ประชุมคณะทางาน (ผู้นาชมุ ชน/อสม.สมาชกิ ชมรมคนรักษส์ ุขภาพ) เพื่อวางแผนการทางาน 1.2 จัดฝกึ อบรมแกนนาออกกาลังกาย 1.3 จัดเตรียมสถานท่ี /วสั ดุ/อปุ กรณ์ ประกอบการออกกาลังกาย 2.ข้นั ดาเนินการ 2.1 ประชาสมั พนั ธ์เชญิ ชวนให้ประชาชนเข้ารว่ มกจิ กรรมการออกกาลงั กาย 2.2 จดั กิจกรรม/จัดฝึกอบรมการดแู ลสุขะภาวะทางด้านตา่ งๆ การออกกาลงั กายทเ่ี หมาะสม ตามกลมุ่ วยั และ พืน้ ท่ี 2.3 จดั ต้ังกลมุ่ ออกกาลังกาย 2.4 ออกกาลังกาย ฝกึ ทักษะการออกกาลงั กายให้ถูกตอ้ ง 2.5 ติดตามและประเมินผลผู้เรยี นหลังการดาเนินกจิ กรรม 2.6 สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ กิจกรรมตา่ งๆภายในกลุ่ม อาทิ กิจกรรมการออกกาลงั กายเต้นแอโรบกิ กิจกรรม ราไม้พอง กจิ กรรมราคองกา้ กิจกรรมฟ้อนราประกอบเพลง กจิ กรรมการเตน้ บาสโลป 5. ปัจจยั ความสาเรจ็ - ผู้นาชมุ ชนให้ความสาคัญและเอาใจใส่กับการดาเนนิ งาน - การดาเนินกจิ กรรมมเี วลาท่ีเพยี งพอ - บุคลากรทุกคนให้ความทุ่มเทในการดาเนินกิจกรรม - การร่วมกิจกรรมของสมาชกิ ชมรมจนก่อใหเ้ กดิ ชมรมคนรักสุขภาพบา้ นวงั หินซา - มเี งนิ บริหารภายในกลุ่ม - สมาชิกกล่มุ มีสุขะภาวะที่ดขี ้ึน - มีการฝกึ ซอ้ มโดยพรอ้ มเพรยี งกัน 6. บทเรยี นท่ีได้รับ - การดาเนนิ งานทีเ่ ป็นระบบจะส่งผลดีต่อการพฒั นาคุณภาพของชมรมคนรกั ษ์สุขภาพท่ียง่ั ยนื - การดาเนนิ กิจกรรมต้องอาศัยปัจจัยหลายประการทสี่ าคัญคอื สามาชิกในชมรม - การดาเนนิ กจิ กรรมทบ่ี รรลุผลสาเรจ็ ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื ของผ้นู าชุมชนและสมาชิกในชุมชน 7. การเผยแพร/่ การได้รับการยอมรับ/รางวัลทีไ่ ด้รับ 1. ได้รับเกียรตใิ นการแสดงโชว์ในบุญประเพณี ณ วดั สุวรรณาราม 2. ไดร้ บั เกียรตใิ นการแสดงโชวใ์ นงานบญุ ประเพณี ณ วัดสงั คมสามัคคี 3. ได้รับเกียรติในการแสดงต้อนรบั คณะกรรมการประเมนิ ผลงานของผู้อานวยการ กศน.อาเภอสวุ รรณคหู า 4. การแสดงโชว์ในงานต่างๆ
รปู ภาพประกอบ หมายเหตุ (นาเสนอเปน็ เอกสารมภี าพประกอบ)
ภาคผนวก
รปู ภาพประกอบ(เพิ่มเติม) รวมกลุม่ ออกกาลงั กายทุกวนั ต้ังแตเ่ วลา 17.00 น.- 18.00 น
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: