บทท่ี 1 บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคญั กำรศกึ ษำเพือ่ พฒั นำสังคมและชมุ ชนเปน็ กำรจดั กำรศึกษำเพอ่ื พัฒนำทักษะควำมสำมำรถและ ศักยภำพของ คนในชมุ ชน รวมทง้ั กลไกทุกภำคสว่ นในชุมชนใหร้ ่วมกนั รบั ผดิ ชอบและเหน็ ถงึ ควำมสำคญั ในกำร ฟนื้ ฟพู ฒั นำสงั คม และชุมชนของตนเอง โดยหนว่ ยงำนสถำนศึกษำกำรศกึ ษำนอกระบบโรงเรยี นต้องให้ ควำมสำคญั ต่อกำรใช้ กระบวนกำรทำงกำรศึกษำส่งเสริมใหป้ ระชำชน ชมุ ชน เกดิ กำรเรยี นรู้และบรู ณำกำร ควำมรู้ ประสบกำรณ์ เข้ำมำใช้ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ กำรพัฒนำสงั คมและชมุ ชนโดยรวม และบรบิ ทของชมุ ชน แต่ละพน้ื ท่โี ดยเนน้ กำรสร้ำงจิตสำนึก ควำมเปน็ ประชำธปิ ไตย ควำมเปน็ พลเมอื งดี กำรบำเพ็ญประโยชน์ กำร เสรมิ สรำ้ งคำ่ นยิ มควำมรักชำติ ควำมภมู ใิ จ ในควำมเป็นไทย ใฝ่หำควำมรู้ หมน่ั ศกึ ษำเลำ่ เรียนทั้งทำงตรงและ ทำงออ้ ม และกำรมีจิตอำสำสมัคร ใช้ควำมรู้ ควำมสำมำรถของตน ควำมรกั ควำมสำมัคคี กำรให้ กำรแบง่ ปนั กำรมสี ว่ นรว่ มในกำรพฒั นำชุมชน สงั คม และ เฝ้ำระวงั และหวงแหนสมบัติของชำติ โดยเห็นแก่สว่ นรวมเปน็ สำคัญ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เป็นกำรเสรมิ สร้ำงกระบวนกำรเรยี นรู้ และพฒั นำสงั คมและชมุ ชนใหม้ คี วำมเข้มแขง็ สำมำรถพึง่ พำ ตนเองได้ 2. เพอื่ เป็นกำรค้นหำปญั หำ และกำหนดแนวทำงในกำรแกป้ ัญหำรว่ มกนั ในชมุ ชนตำมวถิ ีควำมพอเพียง 3. เพื่อสรำ้ งจิตสำนกึ ควำมเป็นประชำธปิ ไตย ควำมเปน็ พลเมอื งดีเศรษฐกิจชมุ ชน และกำรอนรุ ักษ์ พัฒนำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดล้อม เปำ้ หมำย เชงิ ปรมิ ำณ ประชำชนทว่ั ไปในพน้ื ท่ีตำบลดงมะไฟ จำนวน 16 คน ประกอบดว้ ย เชิงคณุ ภำพ ประชำชนรอ้ ยละ 80 ที่เข้ำรบั กำรอบรมมีจิตสำนกึ ของประชำชนในกำรสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจ ตำม หลักสขุ ภำวะในบำ้ นของตนเองให้ชุมชนมีส่วนรว่ มในกำรพัฒนำ ปรับปรงุ สภำพแวดลอ้ มในหมู่บำ้ นและบ้ำน ของตนเอง ใหเ้ กิดประโยชนท์ ัง้ หน้ำบ้ำน ในบ้ำน และหลังบ้ำน เพ่ือให้เกิดกำรควำมเข้ำใจและพัฒนำคณุ คำ่ ของสถำนท่ีสำคัญ บคุ คลสำคญั ของชมุ ชน สู่กำรสรำ้ งควำม ภำคภูมิใจในชมุ ชน สร้ำงจิตสำนกึ ควำมเปน็ พลเมืองดีในระบอบประชำธปิ ไตย
บทท่ี 2 เอกสำรทเ่ี กยี่ วข้อง กำรพฒั นำชมุ ชน ควำมหมำย มผี ใู้ หค้ วำมหมำยของคำวำ่ “กำรพัฒนำชมุ ชน”ไว้อย่ำงหลำกหลำย พอสรุปไดบ้ ำงส่วนคือ T.R Batten : ขบวนกำรที่คนในชุมชนเลก็ ๆ ได้รว่ มกนั ปรึกษำหำรอื ถึงควำมตอ้ งกำรร่วมกันวำงแผนและ ลงมอื ปฏิบตั ิรว่ มกันจนเปน็ ทพ่ี อใจและสนองควำมต้องกำรของคนในชมุ ชน Dunham : กำรรว่ มดำเนนิ กำรปรับปรุงสภำพควำมเป็นอยู่ของชุมชนให้ชุมชนมคี วำมเปน็ ปึกแผ่น และ ดำเนนิ กำรไปในแนวทำงที่ตนต้องกำร กำรทำงำนในชั้นแรกต้องอำศัยควำมรว่ มแรงรว่ มใจของ ประชำชนในชมุ ชนนัน้ ๆ โดยชว่ ยตวั เองและร่วมมอื กันดำเนินงำน แตม่ กั จะไดร้ บั ควำมชว่ ยเหลือดำ้ นวิชำกำร จำกหนว่ ยรำชกำร หรอื องค์กรเอกชนอ่นื ๆ องคก์ ำรสหประชำชำติ : เป็นขบวนกำรวมกำลงั ของประชำชนกับเจ้ำหนำ้ ท่ขี องรฐั บำล เพ่ือปรบั ปรงุ สภำพ ทำงเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรมของชมุ ชนนั้นให้เจริญยงิ่ ๆ ขน้ึ และผสมผสำนชมุ ชนนั้นเข้ำเปน็ ชีวติ ของชำติ และเพื่อใหป้ ระชำชนสำมำรถอทุ ิศตนเอง เพอ่ื ควำมก้ำวหนำ้ ของประเทศชำติได้อย่ำงเต็มท่ี อย่ำงไรก็ตำมอำจกลำ่ วสรุปไดว้ ำ่ กำรพัฒนำชุมชนกค็ ือกำรพฒั นำคุณภำพชีวิต ซึ่งหมำยถึงชวี ติ ของบุคคล ทส่ี ำมำรถดำรงชวี ติ อยรู่ ว่ มกันในสงั คมได้อย่ำงเหมำะสม ไมเ่ ปน็ ภำระและไมก่ ่อใหเ้ กดิ ปญั หำให้แกส่ งั คม เปน็ ชวี ิตทมี่ ีควำมสมบูรณ์ทง้ั ทำงร่ำงกำย จิตใจ และสำมำรถดำเนินชีวติ ท่ชี อบธรรม สอดคล้องกับสภำพแวดล้อม คำ่ นยิ มของสงั คม สำมำรถแก้ไขปัญหำ ตลอดจนกำรแสวงหำสงิ่ ทต่ี นปรำรถนำให้ไดม้ ำอย่ำงถูกต้อง ภำยใต้ เคร่อื งมือ และทรพั ยำกรทมี่ ีอยู่ โดยมีจุดเนน้ ของคณุ ภำพชวี ติ เปน็ 3 ประเด็น 1. ทำงดำ้ นร่ำงกำย : บคุ คลตอ้ งมีสุขภำพร่ำงกำยท่สี มบรู ณแ์ ขง็ แรง ปรำศจำกโรคภยั ไขเ้ จ็บ เป็นผลจำกกำร ไดร้ บั กำรตอบสนองทำงดำ้ นปจั จยั ควำมจำเป็นขน้ั พ้ืนฐำนท่พี อเหมำะ 2. ทำงดำ้ นจิตใจ : คอื จะต้องมสี ภำพจติ ใจท่ีสมบูรณ์ร่ำเรงิ แจม่ ใส ไม่วติ กกังวล ร้สู ึกพอใจในชวี ติ ของตน ครอบครวั และสงั คมในสภำพแวดล้อมที่ดี มคี วำมปลอดภัยในชวี ิตและทรพั ยส์ ิน 3. ด้ำนสังคม : บคุ คลที่สำมำรถดำรงชวี ิตภำยใต้บรรทดั ฐำน และค่ำนิยมทำงสังคมในฐำนะเปน็ สมำชิกของ สังคมไดอ้ ย่ำงปกตสิ ขุ ณรงค์ เทียนสง่ ได้ระบุว่ำคุณภำพชีวติ ของมนษุ ย์ ประกอบดว้ ย 1. บคุ คลได้ส่ิงจำเปน็ แกก่ ำรมชี ีวิต ได้แกอ่ ำหำร ท่ีอยอู่ ำศัย เสือ้ ผำ้ สขุ ภำพแข็งแรง และมคี วำมมนั่ คงในชีวติ 2. มีคำ่ นิยมที่เหมำะสมในกำรดำเนนิ ชีวิตท่สี อดคลอ้ งกบั สงั คม วฒั นธรรม กำรเมือง และสภำพแวดล้อมทำง เศรษฐกจิ ซงึ่ จะเปน็ รำกฐำนกำรตดั สินใจทจ่ี ะนำไปสู่จดุ หมำยปลำยทำงของกำรมชี ีวิตทีด่ ี คณะกรรมกำรประเมินผลโครงกำรพฒั นำชนบทยำกจน ไดก้ ำหนดเกณฑ์พจิ ำรณำคุณภำพชีวติ โดยดูจำก ควำมจำเป็นพ้ืนฐำน (จปฐ) ซง่ึ เป็นเกณฑใ์ นกำรประเมนิ คณุ ภำพชีวติ ข้นั พื้นฐำนของคนไทย ไว้ดงั น้ี 1. ไดก้ นิ อำหำรท่ถี กู สุขลกั ษณะในปริมำณทีพ่ อเพียง 2. มีท่ีอยู่อำศัยและสภำพแวดล้อมกำรทำงำนท่ีเหมำะสม 3. มีงำนทำอยู่ในสภำพแวดล้อมกำรทำงำนทีเ่ หมำะสม 4. ไดบ้ รกิ ำรขนั้ พื้นฐำนทจี่ ำเปน็ 5. มีควำมปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ นิ
6. มีกำรผลติ ที่พอเพียง 7. มีส่วนรว่ มในกำรปกครองทอ้ งถ่ิน 8. สำมำรถควบคมุ ช่วงเวลำของกำรมบี ุตร และจำนวนบุตร 9. ประพฤตติ ำมธรรมเนียม ประเพณี หลกั ธรรมศำสนำ และรกั ษำส่งเสรมิ กจิ กรรมทำงศิลปวฒั นธรรม เป้ำหมำยในกำรพัฒนำชุมชน กำรพัฒนำชุมชน มีเปำ้ หมำยสำคญั ทจ่ี ะต้องพัฒนำ ดังนี้ 1. กำรพัฒนำคน คอื กำรทำใหค้ นในชมุ ชนนนั้ มีคุณภำพดขี ้ึน ทั้งกำยใจและสตปิ ัญญำ ซ่งึ ในแตล่ ะ แผนพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำตติ ่ำงก็มจี ดุ มุง่ เนน้ ที่จะพัฒนำคนต่ำง ๆ กนั ไป แตท่ ี่ปรำกฏชัดเจน เปน็ รปู ธรรมคอื ในแผนพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติฉบับท่ี 8 ไดร้ ะบุเป้ำหมำยของกำรพัฒนำคณุ ภำพ คนไว้สำมลักษณะดงั นี้ เก่ง : มีควำมสำมำรถและรูจ้ ักควำมสำมำรถของตนเอง มีแรงจูงใจม่งุ ม่นั สูจ่ ุดหมำย สำมำรถตดั สินใจได้ แกป้ ัญหำเปน็ แสดงออกไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม มคี วำมยืดหยนุ่ และมนษุ ยส์ ัมพนั ธด์ ีกับคนอืน่ (IQ) ดี : รจู้ กั ควบคมุ อำรมณต์ นเองได้ แสดงออกได้เหมำะสมกบั บคุ คล โอกำสและสถำนที่ รจู้ กั เหน็ อกเห็นใจคน อื่น มีควำมรับผิดชอบ รจู้ ักกำรใหแ้ ละกำรรบั รู้จกั ยอมรบั ผิด ใหอ้ ภยั และเหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวม (EQ) สุข : ภูมใิ จในตวั เอง เหน็ คุณคำ่ และมีควำมเชือ่ มั่นตนเอง พอใจชีวิต มองโลกในแงด่ ี มอี ำรมณ์ ขนั มีควำม สงบทำงใจ รู้จกั กำรผ่อนคลำย กิจกรรมเสริมควำมสุข (กำรผสำนประโยชนร์ ะหว่ำง IQ กับ EQ) 2. กำรพฒั นำสง่ิ แวดลอ้ ม ซ่ึงจะตอ้ งคำนึงถึงส่งิ แวดลอ้ มทเี่ ป็นวัตถไุ ด้แก่อำคำรสถำนท่ี สง่ิ ปลูกสรำ้ งต่ำง ๆ และสภำพแวดล้อมตำมธรรมชำติ เป้ำหมำยสำคัญคอื จะตอ้ งพัฒนำใหส้ ภำพแวดลอ้ มไม่ถูกทำลำย มวี ิสยั ที่จะ รับภำระ (Carrying Capacety) ใหป้ ระโยชน์แกช่ มุ ชน ในปจั จุบนั สภำพสง่ิ แวดลอ้ มธรรมชำตไิ ด้ถูกทำลำยลงไป มำกทั้งในเชงิ คณุ ภำพ (อำกำศเปน็ พษิ น้ำเสยี ขยะ ฯลฯ) และในเชิงปรมิ ำณ (ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ แร่ ธำตุทรพั ยำกรธรรมชำตบิ ำงชนดิ ภำวะขำดแคลนน้ำ ฯลฯ) ซง่ึ สภำพกำรณ์เหล่ำนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำร ดำรงชีวิตของมนุษย์ หลักกำรพฒั นำชมุ ชน กำรดำเนนิ งำนพัฒนำชุมชนน้ัน มหี ลกั กำรสำคญั ท่ีเป็นรำกฐำนในกำรดำเนินงำนอยู่ 3 ประกำรดว้ ยกนั คือ 1. ควำมคดิ ริเรมิ่ มำจำกประชำชน กิจกรรมทกุ กิจกรรมและทกุ ขัน้ ตอนจะต้องเกิดจำกกำรคิด ตดั สนิ ใจ วำงแผน และดำเนนิ กำรโดยประชำชน นกั พฒั นำต้องไมเ่ ปน็ ผู้กำหนดกิจกรรม แผนงำน หรือโครงกำรไว้ ลว่ งหน้ำ แต่นกั พฒั นำมีหน้ำท่กี ระตนุ้ ให้ชำวบ้ำน กลำ้ คิด สำมำรถคน้ หำปัญหำและควำมตอ้ งกำร และตัดสนิ ใจ ริเร่ิมโครงกำรตำ่ ง ๆ ได้เอง ซ่งึ กำรทีน่ กั พัฒนำจะทำได้จำเปน็ ตอ้ งเข้ำไปหำประชำชน กระต้นุ ย่วั ยโุ ดยใช้ มำตรกำรตำ่ ง ๆ (กำรฝึกอบรม, ประชมุ กลุม่ อภิปรำย กลมุ่ สัมพนั ธ์ กำรแสดงบทบำท ฯลฯ) ใหช้ ำวบำ้ นกลำ้ คิด กลำ้ แสดงออก โดยนักพัฒนำอำจให้ข้อมูลหรือกำรชแ้ี นะทจ่ี ำเป็น เพื่อประกอบกำรตัดสินใจของชำวบำ้ น สญั ญำ สญั ญำววิ ัตน์ ได้ระบวุ ำ่ มีมำตรกำรต่ำง ๆ ที่อำจนำไปใชไ้ ดใ้ นกำรกระตุน้ ให้ประชำชนเกิดควำมคดิ และตัดสินใจ ได้ ดังต่อไปนี้ 1. กำรให้กำรศกึ ษำ ทำไดท้ งั้ ในระบบ (กำรจดั กำรศึกษำอยำ่ งเปน็ ทำงกำร) และนอกระบบ ซึง่ เกิด
จำกกำรเรียนรู้จำกประสบกรณ์ 2. กำรอภิปรำยกล่มุ โดยมกี ำรรวมกลุม่ กันระหวำ่ งคนที่สนใจ หรือคนท่มี ีผลประโยชนร์ ว่ มกนั โดยนกั พัฒนำ ต้องกระตนุ้ ให้สมำชิกในกลมุ่ มีกำรอภปิ รำยแสดงควำมคิดเหน็ แลกเปลย่ี นแนวคิด และประสบกำรณซ์ ง่ึ กันและ กนั โดยตอ้ งสรำ้ งบรรยำกำศในกำรประชมุ ใหม้ คี วำมเป็นมติ ร ให้เกยี รติและเคำรพควำมเหน็ ซ่งึ กนั และกนั กำร ลงมติจะต้องเปน็ ไปโดยไม่มอี ทิ ธพิ ลครอบงำ และควรใหส้ มำชกิ สว่ นใหญพ่ อใจ 3. กำรสำธิต เปน็ วธิ ที ่ีจะแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ขัน้ ตอน และผลของกำรปฏบิ ัติ โดยอำจเป็นวิธกี ำรใหม่ ๆ ทช่ี ำวบำ้ น ยงั ไม่รู้จกั หรือรจู้ กั แลว้ แต่ยงั ทำไม่ได้ หลักสำคัญในกำรสำธติ ใหเ้ กดิ ผล กค็ อื จะตอ้ งมที รพั ยำกรหรอื ผู้สำธติ ทีม่ ี ควำมรู้ ควำมชำนำญในเรื่องนั้น ๆ และเรื่องท่ีสำธติ ต้องตรงกบั ควำมตอ้ งกำร เกดิ ประโยชน์ และประชำชน สำมำรถนำไปปฏิบัตไิ ด้ 4. กำรประชมุ เป็นกำรเรยี กประชมุ ใหช้ ำวบำ้ นมำรบั ทรำบข่ำวขอ้ มูล ควำมร้หู รอื เพื่อปรึกษำหำรือ กนั ใน กำรจัดกจิ กรรมกำรพฒั นำ 5. กำรจดั นทิ รรศกำร เปน็ กำรนำส่ิงของ กระบวนกำร และอุปกรณต์ ำ่ ง ๆ มำแสดงให้ชม เพอ่ื ให้ผชู้ มได้เห็น และเกิดควำมคิดท่ีจะนำไปใชป้ ระโยชน์ ท้ังน้กี ำรจดั นทิ รรศกำรท่ีดนี ้นั ผูจ้ ัดจะตอ้ งกำหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ ห้ ชัดเจน ในปจั จบุ ันกำรจัดนทิ รรศกำรใหญ่ ๆ ระดับชำติ จะใชบ้ รษิ ัทเอกชนทีเ่ ป็นมอื อำชีพเป็นผจู้ ดั ซ่งึ ผลที่ได้จะ เกดิ ควำมสวยงำม น่ำดู เชน่ นิทรรศกำรสินค้ำ OTOP 6. ทศั นศึกษำ เป็นวิธกี ำรทใี่ ช้มำในปจั จบุ นั มีกำรนำประชำชนกลุม่ หน่งึ ไปดูงำนยังตำ่ งพืน้ ท่ี ทง้ั ในประเทศ และต่ำงประเทศ เพื่อให้เกดิ ควำมรู้ และควำมคดิ ไดเ้ หน็ แบบอยำ่ งท่ีมีคนทำและประสบควำมสำเร็จ ซง่ึ จะเปน็ แรงกระตนุ้ ให้นำไปใช้ในกำรพัฒนำชุมชนของตนเอง ปจั จุบนั วธิ ีนีเ้ ปน็ ท่แี พรห่ ลำย และนยิ มของชำวบำ้ นมำก ชำวบำ้ นกลุ่มต่ำง ๆ มกี ำรเดนิ ทำงไปดูงำนแลกเปลี่ยนควำมรู้ และประสบกำรณก์ ัน มกี ำรสร้ำงเครือขำ่ ยกำร ทำงำนรว่ มกัน เชน่ เครอื ขำ่ ยกลุ่มทอผ้ำในเขตจงั หวดั ภำคเหนือ สงิ่ สำคญั ท่ีตอ้ งพจิ ำรณำคือ วิธกี ำรที่ทำแลว้ ประสบควำมสำเรจ็ ในพนื้ ทีห่ น่งึ อำจใช้ไดห้ รอื ใชไ้ มไ่ ดก้ บั อีกพ้ืนที่หนึง่ กไ็ ด้ ดังน้นั ผูท้ ่ีจะนำไปใช้จะตอ้ งพิจำรณำ และปรบั ใช้ใหเ้ หมำะสมกบั ชุมชนของตน 7. กำรรณรงค์ เหมำะสำหรบั กิจกรรมท่ตี อ้ งกำรเรง่ รดั ให้เกดิ ผลสำเรจ็ ในระยะเวลำอนั ส้นั ซ่งึ ผเู้ กีย่ วขอ้ ง จะตอ้ งให้ควำมรู้ โฆษณำ ประชำสมั พนั ธอ์ ยำ่ งดใี นระดับหนง่ึ ถึงควำมจำเป็น และลกั ษณะกิจกรรมนั้นให้ ชำวบ้ำนรับรู้ รับทรำบ เมือ่ มกี ำรเริม่ ดำเนินกำร ชำวบำ้ นจะได้ใหค้ วำมร่วมมอื กำรรณรงค์นน้ั อำจใช้วิธีเกลยี้ กลอ่ ม กำรสรำ้ งกระแสนยิ มรกั ชำติ กำรให้ผนู้ ำท่มี ีอทิ ธพิ ลเป็นผู้รเิ รม่ิ ทำกอ่ นเปน็ ตวั อยำ่ ง รวมไปถึงกำรโฆษณำ ประชำสมั พนั ธ์ ผ่ำนส่ือตำ่ ง ๆ เช่น โทรทัศน์ วทิ ยุ หนังสือพมิ พ์ เสยี งตำมสำย ป้ำยประกำศ ใบปลิว กำรแสดง มหรสพ ฯลฯ 2. หลกั กำรใหป้ ระชำชนมสี ว่ นร่วม กำรทป่ี ระชำชนเข้ำมำมีส่วนร่วมในโครงกำรต่ำง ๆ จะก่อให้ เกิด ควำมรู้สึกเป็นเจ้ำของ มคี วำมรกั ผูกพนั ธ์ตอ่ โครงกำรนัน้ ๆ จะช่วยเน้นย้ำใหเ้ กิดควำมร้สู ึกว่ำ โครงกำรน้นั เป็น ควำมรบั ผดิ ชอบ และเกิดจำกน้ำพักน้ำแรงของพวกเขำเอง ซ่งึ ในกระบวนกำรพฒั นำชุมชนนน้ั ประชำชนจะมี สว่ นร่วมในขัน้ ตอนตำ่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี้ 2.1 มสี ่วนรว่ มในกำรคิดคน้ หำปัญหำและศกึ ษำสำเหตุของปัญหำ ขนั้ ตอนนี้ถงึ เปน็ ขั้นตอนแรกท่มี ี ควำมสำคัญมำก เพรำะบำงคร้ังปัญหำต่ำง ๆ ของชำวบ้ำน เป็นสง่ิ ท่ชี ำวบำ้ นตอ้ งพบสมั ผัสอยทู่ กุ วันจนเกิด ควำมเคยชนิ ไมค่ ิดวำ่ สิ่งนนั้ เป็นปัญหำ จึงไมก่ ระตอื รืนลน้ ทจี่ ะหำทำงแก้ปัญหำ
2.2 มีส่วนรว่ มในกำรวำงแผนดำเนินกจิ กรรม โดยทว่ั ไปแล้วนกั พฒั นำหรอื นกั วิชำกำรมกั จะคดิ ว่ำชำวบำ้ นไม่ มศี ักยภำพพอท่จี ะวำงแผนดำเนินกจิ กรรมด้วยตัวเองได้ ซึ่งก็อำจมคี วำมเปน็ จรงิ แตเ่ พียงบำงส่วน แตห่ ำก นักพัฒนำมีควำมเชอ่ื มั่นในศกั ยภำพของควำมเปน็ “คน” ของทุกคนวำ่ มศี กั ยภำพทจี่ ะพัฒนำได้ ก็เป็นหน้ำที่ ของนักพฒั นำที่จะเสริมควำมรู้ หรอื ใช้เทคนคิ ตำ่ ง ๆ เพอ่ื หำแนวทำงในกำรจดั ระบบควำมคดิ ของชำวบ้ำนให้ สำมำรถวำงแผนได้ 2.3 มีสว่ นรว่ มในกำรลงทนุ และปฏบิ ัติ คำว่ำทุนในที่น้อี ำจไม่ไดห้ มำยถึงเฉพำะเงินทุนเท่ำนน้ั แตช่ ำวบำ้ นยงั มี ทรพั ยำกรทีอ่ ำจหำมำได้เอง เชน่ ทรัพยำกรธรรมชำติ (ทรำย หนิ ไม้ไผ่ ฯลฯ) หรือวสั ดตุ ำมธรรมชำตใิ นหมบู่ ำ้ น และรวมถงึ แรงงำนของชำวบ้ำนเอง ส่วนในกำรปฏิบตั นิ ั้นกเ็ ชน่ กนั ชำวบ้ำนสำมำรถทจ่ี ะเขำ้ ร่วมดำเนนิ กำรใน กจิ กรรมตำ่ ง ๆ ได้ ส่งิ เหล่ำนจี้ ะส่งผลใหเ้ กดิ ควำมรสู้ กึ มีสว่ นรว่ ม เปน็ เจำ้ ของและเหน็ คณุ คำ่ พรอ้ มทีจ่ ะดูแล รกั ษำ รวมทัง้ กำรไดเ้ รียนรกู้ ำรทำงำนในกจิ กรรมนั้นด้วย 2.4 มีสว่ นรว่ มในกำรติดตำมและประเมนิ ผลงำน ซ่ึงเปน็ ขั้นตอนสุดทำ้ ยทจี่ ำเปน็ เพรำะ กำรประเมินผลงำน จะช่วยให้ทรำบถงึ ขน้ั ตอนกำรทำงำน ผลสำเรจ็ และหรอื ปญั หำอปุ สรรคต่ำง ๆ ทำใหส้ ำมำรถปรบั เปลยี่ นแผน ให้เกดิ ผลงำนทีด่ ีทส่ี ดุ ตอบสนองควำมต้องกำรของชมุ ชนอย่ำถูกจดุ 3. หลักกำรช่วยตวั เอง กำรพัฒนำชุมชนนน้ั หลักสำคญั ท่สี ุด และเปน็ เป้ำหมำยสงู สุดดว้ ย กค็ ือกำรที่จะให้ ประชำชน มคี วำมเป็นอย่ทู ีด่ ี สำมำรถพง่ึ ตัวเองได้อย่ำงยง่ั ยนื อย่ำงไรก็ตำมกำรส่งเสริมให้ชำวบำ้ นชว่ ยตัวเองได้ นั้น กจ็ ำต้องคำนึงถึงข้อจำกดั ของชำวบำ้ นเองดว้ ย โดยเฉพำะข้อจำกัดด้ำนเศรษฐกจิ กำรดำเนนิ งำนพัฒนำควร เรมิ่ จำกโครงกำรที่ไมใ่ หญจ่ นเกนิ กำลงั ชำวบ้ำน ชำวบำ้ นมศี กั ยภำพพอท่จี ะดำเนนิ โครงกำรน้ันจนประสบ ควำมสำเรจ็ อำทิ เชน่ พัฒนำตัวเองและครอบครวั ก่อน และในบำงกรณีรัฐบำลหรือหนว่ ยงำนทีร่ ับผิดชอบ โครงกำรนนั้ อำจต้องใหค้ วำมชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ด้ำนงบประมำณลงทุนประเดมิ ใหก้ ่อน เชน่ กำรสนบั สนนุ พนั ธ์ ววั ตน้ กล้ำผลไม้ และเมือ่ ชำวบำ้ นดำเนินโครงกำรประสบควำมสำเร็จกช็ ดชดใช้ทุนคนื ปจั จยั แวดล้อมทีม่ อี ิทธพิ ลต่อกำรพัฒนำชุมชน กำรพฒั นำท่ีจะประสบควำมสำเรจ็ ได้ จำต้องอำศยั สภำพแวดลอ้ มทเ่ี อ้ือต่อกำรพฒั นำ อนั ได้แก่ 1. ลักษณะทำงกำยภำพ ได้แก่ สภำพแวดลอ้ มดำ้ นวตั ถุ อันได้แก่ สิ่งกอ่ สรำ้ งพืน้ ฐำน : ถนน สะพำนคลองส่ง นำ้ และสภำพแวดล้อมตำมธรรมชำติ เชน่ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ อันได้แก่ สภำพดิน แหลง่ ตน้ น้ำลำธำร อุณหภมู ิ สิ่งเหลำ่ นจ้ี ะต้องส่งเสรมิ และเออื้ ใหก้ ำรพฒั นำประสบควำมสำเรจ็ เชน่ พน้ื ท่อี ดุ ม มีภูมอิ ำกำศเหมำะสมกับกำร ปลูกพชื มรี ะบบกำรชลประทำน และแหล่งน้ำหลอ่ เล้ียงใหพ้ ืชเจรญิ เติบโต มีถนนลำเลยี งขนสง่ ผลผลติ และ สนิ คำ้ ออกสตู่ ลำด 2. ลักษณะทำงเศรษฐกิจ หมำยถึงภำวะกำรถือครองท่ีดนิ ระบบกำรขำย-ซ้ือผลผลิต ระบบรำคำ, ภำวะ หน้ีสนิ ระบบกำรกยู้ ืมและแหล่งสินเชอ้ื ควำมยำกจนของประชำชนในพื้นที่ จะส่งผลต่อกำรลงทนุ ในกำรผลิต และนำไปสู่ภำวะกำรสญู เสียกรรมสิทธท์ิ ่ีดิน ซงึ่ เปน็ ผลใหเ้ กิดควำมรสู้ กึ ผกู พนั ตอ่ กำรพัฒนำ 3. สภำพแวดลอ้ มทำงกำรเมอื ง ได้แก่นโยบำยกำรพฒั นำของรฐั บำล ซึ่งอำจแตกต่ำงกนั ไปตำมยคุ สมัย เช่น สมยั พณ.จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ เน้นกำรพฒั นำรำกฐำนของกำรพัฒนำประเทศ มีกำรลงทนุ ในสำธำรณปู โภค สำธำรณปู กำร สรำ้ งถนนสำยสำคญั สร้ำงเข่อื นก้ันนำ้ โรงไฟฟ้ำ ฯลฯ ส่วนในยุคของ พณ. พลเอกชำตชิ ำย ชุณหวัณ ก็เน้นดำ้ นเศรษฐกจิ “แปรสนำมรบใหเ้ ป็นสนำมคำ้ ” สมัย พณ. พลเอก ชวลิต ยงใจยทุ ธ เน้นควำม
สงบรม่ เยน็ จำกปญั หำผู้กอ่ กำรรำ้ ย “ใตร้ ม่ เยน็ -อีสำนเขยี ว” สมยั พณ. นำยชวน หลีกภัย เนน้ กำรจดั ทด่ี นิ ทำกิน และสมัย พต.ท. ดร.ทักษณิ ชนิ วตั ร “เน้นกำรฟนื้ ฟูเศรษฐกจิ ” เปน็ ตน้ 4. สภำพแวดลอ้ มทำงสังคมอนั เป็นเรือ่ งทเ่ี ก่ียวกับควำมเชือ่ ค่ำนยิ มของคนในสงั คม ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง บคุ คล กำรรวมกลมุ่ และอทิ ธิพลของกลุ่ม ซ่ึงมผี ลตอ่ กำรดำเนินชวี ิต พฤตกิ รรมและควำมสมั พนั ธข์ องคนใน ชมุ ชน 5. สภำพแวดลอ้ มทำงเทคโนโลยี เป็นส่งิ ทเี่ กิดจำกกำรสรำ้ งสรรค์ปรุงแต่งของมนษุ ย์ ทจี่ ะนำมำใช้ในกำร พฒั นำควำมเป็นอยู่ของประชำชนให้มคี วำมสะดวกสบำยขน้ึ ส่งิ สำคญั คอื ตอ้ งเลือก และนำเทคโนโลยที ี่ เหมำะสม (Appropriate technology) ไปใช้ โดยไม่ให้เกดิ ผลเสียตอ่ สงิ่ แวดล้อม ประชำชน และควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงประชำชน ซึง่ ในสังคมไทยเรำมเี ทคโนโลยเี หมำะสมมำกมำย อันได้แก่ “ภูมิปญั ญำชำวบ้ำน” ที่ นกั พัฒนำจะต้องรจู้ ักนำมำใช้และผสมผสำนกับเทคโนโลยสี มัยใหม่ให้เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ สภำพแวดล้อมทค่ี วร เป็น กำรพัฒนำตอ้ งคำนึงถงึ กำรพัฒนำท่สี อดคล้องกับสภำพควำม เรำอำจเปรียบ ภมู ปิ ัญญำชำวบำ้ นเสมอื น ตน้ ไม้ผลทอ้ งถนิ่ ทีม่ รี ำกแกว้ มีควำมทนทำนต่อสภำพสิ่งแวดลอ้ ม สว่ นเทคโนโลยีสมัยใหม่ เปรยี บไดเ้ สมอื น กงิ่ ตอนช้ันดี ทเี่ อำเข้ำไปติดตำทำบก่งิ เพอ่ื ใหอ้ อกดอกออกผลทดี่ ี 6. สภำพแวดลอ้ มทีค่ วรเป็น กำรพัฒนำตอ้ งคำนึงถึงกำรพัฒนำท่ีสอดคลอ้ งกับสภำพท่เี ปน็ จรงิ และเกิด ประโยชนแ์ กป่ ระชำชนในชุมชนนัน้ เปน็ ส่วนใหญ่ อันเกิดจำกกำรผสมผสำนระหวำ่ งสภำพแวดลอ้ มทัง้ 5 ข้อที่ กลำ่ วมำแลว้ ในขณะทป่ี ระชำชนมีคุณภำพชีวิตที่ดี สังคมและส่ิงแวดล้อมก็ต้องไม่เสอื่ มโทรม ประชำชน สำมำรถพึง่ ตนเองไดใ้ นท่ีสุด แผนพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชำติ ประเทศไทยไดป้ ระกำศใชแ้ ผนพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสังคม ฉบบั แรกตัง้ แต่ปี 2504 โดยอย่ใู นสมัยของ พณ. นำยกรฐั มนตรจี อมพล สฤิษด์ิ ธนะรัชต์ จนถงึ ปี พ.ศ. 2547 ประเทศไทยไดป้ ระกำศใชแ้ ผนพัฒนำกำร เศรษฐกจิ และสังคม มำแล้ว 9 ฉบบั ดว้ ยกัน โดยในแผนฯ แตล่ ะฉบบั มจี ดุ เน้นพอสรปุ ไดด้ ังนี้ แผนพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชำติ ฉบบั ที่ 1 (พ.ศ. 2504 – 2509) เปน็ แผน ฯ ฉบับแรกและฉบบั เดยี วทีม่ รี ะยะเวลำของแผน 6 ปี จดุ เน้นของแผน ฯ นีค้ ือ กำรปพู ืน้ ฐำนเพ่ือกำรเร่งรัดพัฒนำประเทศดำ้ นเศรษฐกิจ โดยเน้นลงทุนดำ้ นโครงสรำ้ งพน้ื ฐำน (Infrastructure Facilities) อันไดแ้ กก่ ำรแรง่ รดั สรำ้ งระบบชลประทำน พลงั งำน ถนน ทำงรถไฟ และกำร คมนำคมอื่น ๆ รวมท้ังโครงกำรบรกิ ำรตำ่ ง ๆ (Services Project) เช่น โครงกำรวจิ ัยทดลองด้ำนเกษตร อุตสำหกรรม และโครงกำรพัฒนำกำรศึกษำสำธำรณสุข แผนพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชำติ ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2510 – 2514) เนน้ กำรพัฒนำสงั คม ยกระดับมำตรฐำนกำรครองชพี ขยำยพลงั กำรผลติ รักษำ เสถียรภำพทำงเศรษฐกิจของประเทศ กระจำยกำรพัฒนำ และเรง่ รัด กำรพัฒนำสู่ชนบท แผนพฒั นำกำรเศรษฐกจิ และสงั คม
ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2515 – 2519) ยังมีจุดเน้นด้ำนกำรกระจำยควำมเจรญิ สูช่ นบท พยำยำมลดช่องวำ่ งคนรวยกบั คนจน ขยำยกำรผลติ และรักษำเสถยี รภำพทำงเศรษฐกจิ เน้นให้เอกชนเขำ้ มำมสี ่วนร่วมในกำรพัฒนำประเทศ และใหค้ วำมสำคัญกบั กำรวำงแผนครอบครวั และกำรมีงำนทำเป็นครั้งแรก แผนพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2520 – 2524) มีกำรกระจำยกำรพฒั นำในรูปแบบภำค และภูมิภำคเพอื่ กำรเพ่ิมผลผลิตทำง กำรเกษตร ปรบั ปรงุ โครงสรำ้ งอุตสำหกรรม มโี ครงกำรผันเงนิ อำสำพฒั นำชนบท กำรสร้ำงงำนในชนบท(กสช) โดยมีกำรเน้นกำรอนรุ กั ษแ์ ละฟืน้ ฟูทรัพยำกรธรรมชำติทีส่ ูญเสียไป แผนพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสงั คม ฉบับท่ี 5 (พ.ศ. 2525 – 2529) เปน็ แผนทม่ี กี ำรกำหนดกำรดำเนนิ งำนในเชิงรบั และเชงิ รุก เนน้ กำรแกป้ ญั หำ ควำมยำกจน โดยกำรกำหนดพ้นื ท่ตี ำมระดบั ควำมยำกจน มพี ้นื ทีเ่ ปำ้ หมำย ชนบทยำกจนทว่ั ประเทศ 286 อำเภอ และรกั ษำวนิ ยั ทำงกำรเงนิ กำรคลงั แกป้ ัญหำกำรขำดดุลกำรคำ้ แผนพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2530 – 2534) เป็นแผนทเี่ น้นกำรพฒั นำคณุ ภำพชีวิต สง่ เสริมให้เอกชนเข้ำมำมีบทบำทในกำร พฒั นำมำกข้นึ เนน้ ให้มีกำรกระจำยควำมเจริญสภู่ ูมภิ ำคและชนบทมำกขึน้ แผนพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2535 – 2539) มุ่งเน้นกำรสรำ้ งควำมสมดุลทำงเศรษฐกิจ กำรกระจำยรำยได้ กำรพัฒนำ ทรัพยำกรมนษุ ย์ และกำรพฒั นำคุณภำพสิง่ แวดลอ้ มควบค่กู ันไป แผนพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ ฉบบั ท่ี 8 (พ.ศ. 2540 – 2544) ในแผนน้ี กำหนดให้ คนเป็นจดุ หมำยหลกั ของกำรพัฒนำ เนน้ เรอ่ื งกำรพัฒนำ ทรัพยำกรมนษุ ย์ (Human Resource Development) เนน้ กำรวำงแผนพฒั นำแบบองคร์ วม หรือบูรณำกำร ระหว่ำงเศรษฐกิจกับสังคมเขำ้ ดว้ ยกัน มงุ่ เนน้ ควำมเปน็ ไทย และสำมำรถแข่งขนั ในเวทีโลกได้ แผนพฒั นำกำรเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2544 – 2549) เปน็ แผนทม่ี ปี รัชญำกำรพฒั นำบริ หำรประเทศตำมกระแสพระรำชดำรขิ อง พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยูห่ ัว เรอื่ ง เศรษฐกจิ แบบพอเพียง มุ่งเนน้ กำรพฒั นำทย่ี ง่ั ยนื ด้วยกำรวำงรำกฐำนกำร พัฒนำประเทศใหเ้ ข้มแข็งย่งั ยนื มีภูมคิ มุ้ กนั ทำงเศรษฐกิจที่สำมำรถพ่งึ ตนเองได้ รวมทัง้ ควำมเข้มแข็งของชุมชน และเครือขำ่ ยชมุ ชนให้เกดิ กำรเชื่อมโยงกำรพัฒนำทั้งชนบทและเมอื งอยำ่ งย่งั ยืน มีกำรดแู ลจดั กำรทรัพยำกร ส่ิงแวดล้อม ควบคู่ไปกับกำรพัฒนำวทิ ยำศำสตร์ และเทคโนโลยที ี่เหมำะสมกบั สงั คมไทย เป้ำหมำยสำคัญของ แผนฯ ฉบับนคี้ อื กำรสรำ้ งดุลภำพทำงเศรษฐกจิ กำรยกระดับคุณภำพชวี ติ กำรบรหิ ำรจดั กำรระบบรำชกำรทั้ง ส่วนกลำง ภมู ภิ ำค และท้องถน่ิ ที่ดี กระจำยอำนำจให้เกิดกำรบรหิ ำรท่โี ปรง่ ใส ตรวจสอบได้ และเน้นกำร ปรำบปรำมกำรทจุ รติ ประพฤติมิชอบใหเ้ กิดผล มีกำรดำเนินกำรทำงเศรษฐกิจทเ่ี ออ้ื อำทรต่อคนจน เปิดโอกำส
และสรำ้ งศักยภำพในกำรพัฒนำใหค้ นจนมคี วำมเขม้ แขง็ มีภมู คิ มุ้ กนั สำมำรถพ่ึงตนเองได้ สำมำรถลดอตั รำคน จนให้เหลอื ไม่เกนิ ร้อยละ 12 ของประชำกรทง้ั ประเทศ ในปี พ.ศ. 2549 ซ่งึ เปน็ ปีส้ินสดุ แผน
บทที่ 3 วธิ กี ำรดำเนนิ กำร ในกำรดำเนนิ งำนจัดโครงกำรหนำ้ บำ้ นสวย หลังบ้ำนสวน ในเรอื นงำม กศน.ตำบลดงมะไฟ มรี ำยละเอยี ด ดงั ตอ่ ไปน้ี ขั้นตอนกำรวำงแผน (plan) ข้นั ตอนกำรลงมือทำ (Do) ขน้ั ตอนกำรตรวจสอบ (Check) ขน้ั ตอนกำรปรบั ปรุงแกไ้ ข (Act) ขน้ั ตอนกำรวำงแผน (plan) 1. ดำเนินกำรประชำคมกลุม่ ผสู้ นใจเขำ้ ร่วมโครงกำร 2. ได้กลุ่มเปำ้ หมำย 3. เตรียมหลกั สตู ร เสนอโครงกำรเพอ่ื ขออนุมัติ 4. แตง่ ตง้ั คณะทำงำนภำยในตำบล คณะกรรมกำรนิเทศกิจกรรม 5. ประสำนวทิ ยำกร ขนั้ ตอนกำรลงมอื ทำ (Do) 1. ดำเนนิ กำรประสำนงำนผทู้ เี่ กยี่ วข้อง ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ผ้นู ำชมุ ชน คณะกรรมกำรหมู่บำ้ นและชำวบำ้ นจดั เตรียมสถำนท่ี 2. นำประชำชนท่ีสนใจมำเข้ำรว่ มกิจกรรม 3. ประเมินผลโครงกำรโดยใหผ้ ู้เข้ำร่วมโครงกำรออกแบบประเมินควำมพงึ พอใจในกำรเขำ้ ร่วม โครงกำร 4. รวบรวมขอ้ มูลจำกแบบประเมิน 5. สรปุ ผลควำมพงึ พอใจของผ้เู ขำ้ ร่วมโครงกำร ขน้ั ตอนกำรตรวจสอบ (Check) 1.เครื่องมอื ที่ใช้ในกำรตรวจสอบ แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจของผู้เขำ้ ร่วมโครงกำร 2. กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล กศน.ตำบลดงมะไฟ ได้ดำเนินกำรเก็บรวบรวมขอ้ มูลจำกผเู้ ขำ้ ร่วมโครงกำร - ประชำชนกลุม่ เป้ำหมำย จำนวน 16 คน
3.กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู กำรประเมนิ ผลกำรดำเนินงำนของโครงกำรหน้ำบ้ำนสวย หลังบ้ำนสวน ใน เรือนงำม กศน.ตำบลดงมะไฟ ดำเนนิ กำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ดังน้ี 3.1 แบบประเมนิ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทัว่ ไป วิเครำะห์หำคำ่ รอ้ ยละ 3.2 แบบประเมนิ ตอนที่ 2 ควำมพึงพอใจตัวบง่ ชีข้ องโครงกำร 3.2.1 ใหค้ ะแนนตำมนำ้ หนกั แบบประเมนิ ฉบับสมบรู ณ์ ตำมเกณฑ์ มำตรฐำนของ สมศ. โดยมเี กณฑ์ใหค้ ะแนน ดงั นี้ ระดบั 5 หมำยถงึ ดำเนนิ งำนไดต้ ำมเกณฑ์ของตวั บ่งชีด้ ีมำก ระดบั 4 หมำยถงึ ดำเนนิ งำนได้ตำมเกณฑข์ องตวั บง่ ช้ีดี ระดบั 3 หมำยถึง ดำเนนิ งำนไดต้ ำมเกณฑ์ของตัวบง่ ช้พี อใช้ ระดับ 2 หมำยถงึ ดำเนนิ งำนไดต้ ำมเกณฑข์ องตัวบ่งชป้ี รับปรงุ ระดบั 1 หมำยถึง ดำเนนิ งำนได้ตำมเกณฑข์ องตัวบง่ ชี้ต้องปรับปรุง 1.2.2 วเิ ครำะห์ข้อมูลโดยกำรหำค่ำเฉลีย่ รอ้ ยละควำมพึงพอใจ 1.3 แบบประเมนิ ตอนท่ี 3 ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอื่นๆ วเิ ครำะหด์ ว้ ยเนื้อหำ (Content analysis)
บทที่ 4 ผลกำรดำเนนิ งำน กำรจัดกิจกรรมโครงกำรหนำ้ บำ้ นสวย หลังบำ้ นสวน ในเรือนงำม ณ กศน.ตำบลดงมะไฟ หมู่ 9 ตำบลดงมะไฟ อำเภอสวุ รรณคหู ำ จังหวดั หนองบัวลำภู สรปุ ผลกำรดำเนนิ งำนได้ดังน้ี ช่อื โครงกำร วันท่ดี ำเนนิ กำร เป้ำทไี่ ดร้ บั จดั สรร ผล คดิ เป็นรอ้ ยละ โครงกำรกำรหนำ้ 2 มิถุนำยน 2564 15 16 100 บำ้ นสวย หลงั บำ้ น สวน ในเรือนงำม กำรประเมินควำมพึงพอใจในกำรดำเนนิ งำนตำมโครงกำรหน้ำบำ้ นสวย หลงั บำ้ นสวน ในเรอื นงำม กศน.ตำบลดงมะไฟ ของผูร้ บั บรกิ ำรที่เขำ้ รว่ มโครงกำร โดยเสนอรำยละเอียดตำมลำดับคอื สญั ลักษณท์ ่ีใช้ใน กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู ลำดบั ขน้ั ตอนในกำรวิเครำะหข์ อ้ มลู ผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มูล และกำรแปลควำมหมำย ข้อมลู ดังตอ่ ไปนี้ สญั ลักษณ์ท่ีใช้ในกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูล กำรเสนอผลกำรประเมนิ ครง้ั น้ไี ดก้ ำหนดสญั ลักษณท์ ใ่ี ช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ดงั น้ี N แทน ขนำดของกลุม่ ผ้ปู ระเมนิ กำรใช้คูม่ อื (Sample size) % แทน คำ่ รอ้ ยละ (Percentage) ลำดบั ขนั้ ตอนในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู ผปู้ ระเมนิ ได้เสนอผลกำรวิเครำะหข์ ้อมูลเป็นตอนๆ เรยี งลำดบั ดงั น้ี ตอนที่ 1 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูลเกีย่ วกับขอ้ มูลทัว่ ไป ตอนท่ี 2 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู ดำ้ นควำมพงึ พอใจของผรู้ ับบริกำร ตอนท่ี 3 กำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอื่นๆ
ในกำรสรุปผลกำรดำเนินงำนโครงกำรหนำ้ บำ้ นสวย หลงั บำ้ นสวน ในเรอื นงำม ณ กศน.ตำบลดง มะไฟ ม.9 ตำบลดงมะไฟ อำเภอสวุ รรณคหุ ำ จังหวัดหนองบัวลำภู ได้จดั ทำเครื่องมอื เป็นแบบสอบถำม วดั ระดับควำมคดิ เหน็ และควำมพงึ พอใจในกำรดำเนินกำรพฒั นำซง่ึ แบ่งออกเป็น 3 สว่ นคอื ส่วนแรกเปน็ คำถำมปลำยเปดิ มำตรำส่วนประมำณค่ำ (Rating scales) ส่วนท่ี 2 มำตรำส่วนประมำณค่ำของ ลเิ คิร์ท likert’s Scales 5 ระดับ สว่ นท่ีสำมเป็นคำถำมปลำยเปดิ ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ สว่ นทสี่ ำมเปน็ คำถำม ปลำยเปดิ เนอื้ หำสำระท่ตี ้องกำรพัฒนำในครัง้ ต่อไป ซึ่งในกำรเก็บรวบรวมนัน้ ได้แจกแบบสอบถำมแก่ ผู้เข้ำรว่ มโครงกำรหน้ำบำ้ นสวย หลังบำ้ นสวน ในเรือนงำม จำนวน 16 คน ได้แบบสอบถำมคืนจำนวน 16 ฉบับ จำกผูเ้ ขำ้ รว่ มโครงกำร คิดเปน็ ร้อยละ 100 กระทำกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูลตำมประเภทและลกั ษณะของ ขอ้ มูล โดยหำคำ่ เฉล่ยี เปน็ คำ่ รอ้ ยละ ซึ่งไดว้ ดั ระดับควำมคิดเหน็ และควำมพึงพอใจท่มี ตี ่อโครงกำรจะปรำกฏ ดงั น้ี สรปุ ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ควำมพงึ พอใจ โครงกำรกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะเพือ่ ส่งิ แวดลอ้ มในชุมชน ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทั่วไป รำยกำรข้อมูลพ้นื ฐำน จำนวน รอ้ ยละ (ƒ) (%) 1.เพศ 1.1 ชำย 3 18.75 1.2 หญิง 13 81.25 รวม 16 100.00 2.อำยุ 2.1 ต่ำกว่ำ 15 ปี 00 2.2 อำยุ 15 – 39 ปี 5 31.25 2.3 อำยุ 40 – 59 ปี 6 37.5 2.4 อำยุ 60 ปขี ึน้ ไป 5 31.25 รวม 16 100.00 3.ระดับกำรศึกษำ 2 12.5 3.1 ป.4 3 18.75 3.2 ป.6 2 12.5 3.3 ม.ตน้ 9 56.25 3.4 ม.ปลำย 00 3.5 ปวช. 00 3.6 ปวส. 00 3.7 ปรญิ ญำตรี 00 3.8 อืน่ ๆ 16 100.00 รวม 4.อำชีพ
4.1 ผ้นู ำทอ้ งถิน่ 00 4.2 อบต/เทศบำล 00 4.3 พนักงำนรฐั วสิ ำหกิจ 00 4.4 ทหำรกองประจำกำร 00 4.5 เกษตรกร 16 100 4.6 รบั รำชกำร 00 4.7 คำ้ ขำย 00 4.8 รับจำ้ ง 00 4.9 อสม. 00 4.10 แรงงำนต่ำงด้ำว 00 4.11 ว่ำงงำน 00 4.12 อื่นๆ 00 รวม 16 100.00 จำกตำรำง ผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มลู ควำมพึงพอใจของผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำรหนำ้ บ้ำนสวย หลังบ้ำนสวน ในเรอื น งำม ผลกำรวิเครำะหป์ รำกฏวำ่ ผู้เข้ำร่วมโครงกำร 16 คน เป็นเพศหญิง จำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 81.25 เพศชำยจำนวน 13 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 18.75 ด้ำนอำยุ อำยุ 40-59 ปี จำนวน 6 คน คิดเป็น ร้อยละ 37.5 อำยุ 60 ปี ขนึ้ ไป จำนวน 5 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 31.25 อำยุ 15 – 39 ปี จำนวน 5 คน คดิ เป็นร้อยละ 31.25 ตำมลำดบั ระดับกำรศกึ ษำ ม.ปลำย จำนวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 56.25 ป.6 จำนวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 18.75 ป.4 และม.ตน้ จำนวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.5 ตำมลำดับ ด้ำนอำชพี เกษตรกร จำนวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 100
สรุปผลกำรวิเครำะห์ขอ้ มูลควำมพึงพอใจ โครงกำรพฒั นำสงั คมและชุมชน หลกั สูตรหนำ้ บำ้ นสวน หลงั บ้ำน สวน ในเรือนงำม ตอนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจในกำรใหบ้ รกิ ำร ตำรำงที่ 2.1 จุดมงุ่ หมำย/เนอ้ื หำหลกั สตู ร ระดับควำมพงึ พอใจ/จำนวน หมำย เหตุ ข้อ รำยกำรประเมินควำมพึงพอใจ มำก มำก ปำน น้อย น้อย ท่ีสดุ กลำง ท่สี ุด ตอนที่ ๑ ควำมพึงพอใจด้ำนเนอื้ หำ 1 เนื้อหำตรงตำมควำมตอ้ งกำร 14 2 87.5 12.5 2 เน้ือหำเพยี งพอต่อควำมต้องกำร 16 100 3 เนอื้ หำปจั จุบนั ทันสมยั 15 1 93.75 6.25 4 เนื้อหำมีประโยชนต์ ่อกำรนำไปใชใ้ นกำรพฒั นำคณุ ภำพ 16 ชวี ิต 100 ตอนที่ ๒ ควำมพึงพอใจด้ำนกระบวนกำรจดั กจิ กรรมกำรอบรม 5 กำรเตรยี มควำมพร้อมกอ่ นอบรม 15 1 93.75 6.25 6 กำรออกแบบกิจกรรมเหมำะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ 13 3 81.25 18.75 7 กำรจดั กิจกรรมเหมำะสมกบั เวลำ 16 100 8 กำรจัดกิจกรรมเหมำะสมกบั กลมุ่ เปำ้ หมำย 16 100 9 วธิ ีกำรวัดผล/ประเมนิ ผลเหมำะสมกบั วัตถุประสงค์ 14 2 87.5 12.5 ตอนท่ี ๓ ควำมพึงพอใจต่อวิทยำกร 10 วิทยำกรมีควำมรู้ควำมสำมำรถในเรอ่ื งท่ีถำ่ ยทอด 16 100 11 วิทยำกรมีเทคนคิ กำรถำ่ ยทอดใช้สื่อเหมำะสม 14 2 87.5 12.5 12 วิทยำกรเปดิ โอกำสใหม้ สี ว่ นรว่ มและซักถำม 16 100 ตอนที่ ๔ ควำมพงึ พอใจดำ้ นกำรอำนวยควำมสะดวก 13 สถำนที่ วสั ดุ อุปกรณ์และสง่ิ อำนวยควำมสะดวก 16
14 กำรสอื่ สำร กำรสร้ำงบรรยำกำศเพอื่ ให้เกิดกำรเรยี นรู้ 100 15 กำรบรกิ ำร กำรช่วยเหลือและกำรแก้ปญั หำ 16 100 14 2 87.5 12.5 สรุปควำมคิดเห็นและควำมพงึ พอใจของผู้รับบรกิ ำร โครงกำรพฒั นำสังคมและชุมชน หลักสูตรหนำ้ บำ้ นสวย หลังบำ้ นสวน ในเรือนงำม สรุปไดด้ ังนี้ ตอนท่ี 1 ควำมพงึ พอใจดำ้ นเนอ้ื หำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมคี วำมพงึ พอใจดำ้ นเน้อื หำ ดังนี้ เนอ้ื หำมปี ระโยชน์ต่อกำรนำไปใช้ในกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิต ตอบดมี ำกร้อยละ 100 เน้ือหำมคี วำมเพียงพอตอ่ ควำมตอ้ งกำร ตอบดมี ำกร้อยละ 100 เนอื้ หำปจั จุบันทนั สมัย ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 93.75 ตอบดรี อ้ ยละ 6.25 .เนอ้ื หำตรงตำมควำมตอ้ งกำร ตอบดี มำกรอ้ ย 87.5 และตอบดีรอ้ ยละ 12.5 ตำมลำดับ ตอนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจดำ้ นกำรจัดกจิ กรรมกำรอบรม ผูต้ อบแบบสอบถำมมีควำมพงึ พอใจดำ้ นกำรจดั กิจกรรมเหมำะสมกบั กล่มุ เปำ้ หมำย ตอบดมี ำกร้อย ละ 100 จดั กจิ กรรมเหมำะสมกับเวลำ ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 100 กำรเตรียมควำมพร้อมกอ่ นกำรอบรม ตอบดี มำกรอ้ ยละ 93.75 ตอบดีรอ้ ยละ 6.25 และ วิธีกำรวัดผล ประเมินผลเหมำะสมกับวัตถุประสงค์ ตอบดี มำกรอ้ ยละ 87.5 ตอบดีรอ้ ยละ 12.5 และกำรออกแบบกิจกรรมเหมำะสมกับวัตถุประสงค์ ตอบดีมำกร้อยละ 81.25 ตอบดรี อ้ ยละ 18.75 ตำมลำดับ ตอนที่ 3 ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร ผ้ตู อบแบบสอบถำมมคี วำมพึงพอใจดำ้ นวิทยำกรมีควำมร้คู วำมสำมำรถในเรอื่ งทถ่ี ำ่ ยทอด ตอบดีมำก รอ้ ยละ 100 วทิ ยำกรเปิดโอกำสใหม้ สี ่วนรว่ มและซกั ถำม ตอบดีมำกร้อยละ 100 วิทยำกรมเี ทคนคิ กำร ถำ่ ยทอดใช้สอ่ื ท่เี หมำะสม ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 87.5 และตอบดีรอ้ ยละ 12.5 ตำมลำดับ ตอนท่ี 4 ควำมพึงพอใจด้ำนกำรอำนวยควำมสะดวก ผตู้ อบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจดำ้ นสถำนที่ วสั ดุ อุปกรณแ์ ละสิ่งอำนวยควำมสะดวก ดำ้ น กำรส่อื สำร กำรสรำ้ งบรรยำกำศเพื่อใหเ้ กดิ กำรเรียนรู้ ตอบดีมำกร้อยละ 100และดำ้ นกำรบริกำร กำร ชว่ ยเหลือและกำรแกป้ ญั หำ ตอบดมี ำกร้อยละ87.5 ตอบดีร้อยละ 12.5
บทที่ 5 สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ กำรดำเนินงำนโครงกำรพฒั นำสงั คมและชุมชน หลกั สตู รหนำ้ บำ้ นสวย หลังบ้ำนสวน ในเรอื นงำม สรุปผลกำรดำเนนิ งำนได้ดังนี้ 1. เพือ่ เปน็ กำรเสริมสรำ้ งกระบวนกำรเรยี นรู้ และพัฒนำสังคมและชมุ ชนให้มคี วำมเขม้ แข็งสำมำรถพง่ึ พำ ตนเองได้ 2. เพอื่ เปน็ กำรค้นหำปญั หำ และกำหนดแนวทำงในกำรแกป้ ญั หำร่วมกันในชุมชนตำมวิถีควำมพอเพยี ง 3. เพ่อื สร้ำงจติ สำนึกควำมเปน็ ประชำธปิ ไตย ควำมเป็นพลเมืองดีเศรษฐกจิ ชุมชน และกำรอนรุ ักษ์ พัฒนำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม เปำ้ หมำย เชงิ ประมำณ ประชำชนตำบลดงมะไฟ จำนวน 16 คน เชิงคณุ ภำพ ประชำชนท่ีเข้ำร่วมโครงกำรฯ ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้ำหมำย มีควำมรู้ทักษะด้ำนต่ำงๆท่ีผู้เข้ำร่วม กิจกรรมสำมำรถนำควำมรู้ท่ีได้รับมำใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพอ่ื แก้ไข ปัญหำของตนเองและทอ้ งถ่นิ
ผลกำรดำเนนิ โครงกำร ประชำชนตำบลดงมะไฟ ที่เข้ำร่วมโครงกำรหน้ำบ้ำนสวย หลงั บำ้ นสวน ในเรอื นงำม มีควำมพอใจ ในกำรจดั กจิ กรรมในระดบั ดีขึ้นไป รอ้ ยละ 100 และประชำชนท่เี ขำ้ รว่ มกจิ กรรมสำมำรถนำควำมรทู้ ีไ่ ด้ไปใช้ ในชวี ิตประจำวัน ปญั หำ-อปุ สรรค - แนวทำงแกไ้ ขปญั หำ ขอ้ เสนอแนะ ประชำชนทเี่ ข้ำร่วมโครงกำรสำมำรถนำควำมรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ภำคผนวก
ภำพประกอบกิจกรรมกจิ กรรมกำรศึกษำเพอื่ พัฒนำสงั คมและชุมชน โครงกำรหน้ำบำ้ นสวย หลังบ้ำนสวน ในเรือนงำม ดำเนินกำรวันที่ 2 มิถุนำยน 2564 ณ กศน.ตำบลดงมะไฟ ม.9 ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคหู ำ นำงศภุ ชั ญำ พรชยั ครู กศน.ตำบลช้แี จงวตั ถุประสงคโ์ ครงกำร
วทิ ยำกรบรรยำยเร่อื งกำรปรับปรงุ สภำพแวดลอ้ มในชมุ ชน
กจิ กรรมกำรจดั บริเวณสวนหลัง กศน.ตำบลและศำลำประชำคม ม.9 ใหม้ ีผกั ปลอดสำรพษิ และปุ๋ยหมัก
กำรดแู ลหนำ้ บ้ำนใหส้ วยงำม
ปรบั พ้นื ที่เพ่อื ทำแปลงสำธติ กำรปลกู ผักปลอดสำรพษิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: