บทท่ี 1 บทนำ ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั จำกสถำนกำรณเ์ ศรษฐกจิ และควำมเหลอื่ มลำทมี่ ีอยใู่ นสังคมปัจจบุ นั แสดงถงึ ฐำนเศรษฐกจิ ของ ประเทศ ทย่ี งั ไม่เขม้ แข็งประชำชนระดบั ฐำนรำกยังมีรำยไดน้ อ้ ย ส่วนใหญม่ อี ำชพี ภำคกำรเกษตร จึงไม่มี โอกำสทจ่ี ะเตบิ โตเป็นชนชันกลำง กำรขำดโอกำสและควำมรเู้ กย่ี วกับทกั ษะดำ้ นอำชพี ทำให้เกิดปญั หำในกำร ประกอบอำชพี เพ่อื สร้ำงรำยไดจ้ ำกผลผลิตของตนเอง จำกสภำวะกำรดงั กล่ำว รัฐบำลจงึ ได้ให้ควำมสำคญั ต่อ กำรพฒั นำประเทศด้ำนเศรษฐกจิ พนื ฐำนของประชำชนกลุ่มดงั กลำ่ ว โดยพยำยำมทจ่ี ะสง่ เสรมิ อำชพี เพอ่ื สรำ้ ง งำนและผลผลิต ทมี่ คี ุณภำพใหแ้ ก่ประชำชนอยำ่ งท่วั ถึงและทกุ ระดบั ชัน ซึง่ กำรพฒั นำประเทศจะต้องพัฒนำ ทรพั ยำกรมนษุ ย์ ของประเทศ ดังนนั กำรจดั กำรศกึ ษำจงึ เป็นปัจจยั สำคัญอันจะนำไปสูก่ ำรบรรลเุ ปำ้ หมำยใน กำรพฒั นำประเทศอย่ำงมคี ุณภำพและยั่งยืน เพ่ือตอบสนองยุทธศำสตร์ชำติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ด้ำน กำรสร้ำงโอกำส และ ควำมเสมอภำคทำงสังคมเพื่อ เรง่ กระจำยโอกำสกำรพัฒนำใหท้ ่วั ถึง ลดควำมเหลอ่ื มลำ ไปสสู่ งั คมเสมอภำค และเปน็ ธรรม สำนักงำน กศน. ซ่ึงเปน็ หนว่ ยงำนทำงกำรศกึ ษำท่มี ีสถำนศกึ ษำตงั อยู่ใน ระดบั อำเภอ/เขต จำนวน 928 แหง่ และ กศน. ตำบล จำนวน 7,424 แห่ง ไดข้ ับเคลอื่ นโครงกำรศนู ย์ฝกึ อำชีพ ชุมชน เพ่อื พฒั นำควำมรูแ้ ละฝกึ อำชพี แก่ประชำชน โดยกำรจดั กิจกรรมฝึกอำชพี ภำยใต้ 5 หลักสูตรกลมุ่ อำชพี ได้แก่ กลุ่มอำชพี ดำ้ นเกษตรกรรม กลุ่มอำชพี ดำ้ นอุตสำหกรรมหรือหัตถกรรม กลุ่มอำชพี ด้ำนพำณิชยกรรม และบริกำร กล่มุ อำชีพดำ้ นควำมคดิ สร้ำงสรรค์ และกลุ่มอำชพี เฉพำะทำง เชน่ ชำ่ งไฟฟำ้ ชำ่ งซ่อมแอร์ ฯลฯ โดยมงุ่ หวงั ใหป้ ระชำชน ทเี่ ขำ้ รับกำรฝึกอำชีพสำมำรถนำควำมรู้ไปใช้ประกอบอำชีพได้ มีกำรพฒั นำต่อยอด ผลติ ภัณฑ/์ บริกำร ให้มีคุณภำพ เปน็ กำรสรำ้ งมลู ค่ำเพมิ่ มสี ่งเสริมกำรขำยและขยำยชอ่ งทำงกำรจำหนำ่ ย สนิ ค้ำไปยังผบู้ รโิ ภคทหี่ ลำกหลำย ภำยใต้ Brand กศน. ในอนำคต กศน.ตำบลดงมะไฟ สังกัดศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั อำเภอ สุวรรณคูหำ ไดส้ ำรวจควำมตอ้ งกำรดำ้ นอำชีพของชุมชนตำบลดงมะไฟเรยี บรอ้ ยแลว้ จึงไดด้ ำเนนิ งำนตำม โครงกำรขึน วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงกำร 1.เพือ่ ให้ประชำชนมคี วำมรู้และทกั ษะในกำรประกอบอำชพี สำมำรถสรำ้ งรำยไดท้ ี่มน่ั คง มง่ั คง่ั 2.เพ่ือใช้ในกำรตัดสนิ ใจประกอบอำชพี ให้สอดคลอ้ งกบั ศักยภำพของตนเอง ชมุ ชน สังคม และ ส่งิ แวดลอ้ มอย่ำงมีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 3.เพื่อใหป้ ระชำชนมโี ครงกำรประกอบอำชีพเพื่อใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรพัฒนำอำชพี ของตนเอง
ขอบเขตของโครงกำร 1. ด้ำนเนือหำ โครงกำรนีมงุ่ ให้ผ้เู รยี นกลมุ่ เปำ้ หมำยทเี่ ขำ้ รับกำรอบรมสำมำรถนำ ควำมรู้ ทกั ษะ และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ต่ำงๆ ไปใช้ในกำรประกอบอำชพี ท่ีเปน็ กำรเข้ำส่อู ำชพี สรำ้ งงำน สรำ้ งรำยได้ หรือพฒั นำอำชีพ หรือต่อยอดอำชีพเดมิ 2. ดำ้ นระยะเวลำ ระยะเวลำในกำรดำเนินงำน วันท่ี 15 มิถุนำยน 2564 ถึง 23 มิถนุ ำยน 2564 ณ กศน. ตำบลดงมะไฟ อำเภอสวุ รรณคูหำ จงั หวดั หนองบัวลำภู 3. ดำ้ นประชำกรและกลมุ่ ตัวอย่ำง ประชำชนตำบลดงมะไฟ จำนวน 14 คน และครู กศน.ตำบลดงมะไฟ จำนวน 3 คน ประโยชนท์ คี่ ำดว่ำจะไดร้ ับ - ประชำชนตำบลดงมะไฟกล่มุ เป้ำหมำยมอี ำชีพใหม่มีกำรพฒั นำตอ่ ยอดอำชีพเดมิ เพ่ิมทกั ษะกำรเป็น ผปู้ ระกอบกำร มรี ำยได้ มีงำนทำ มคี วำมมั่นคง ย่งั ยืน - เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมสำมำรถนำควำมรู้ ทักษะ และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ต่ำงๆ ไปใช้ในกำร ประกอบอำชีพที่เปน็ กำรเขำ้ ส่อู ำชีพ สรำ้ งงำน สร้ำงรำยได้ หรือพฒั นำอำชีพ หรอื ตอ่ ยอดอำชีพเดมิ ตัวชวี ัด ตัวชวี ัดผลผลติ รอ้ ยละ ๘๐ ของประชำชน ตำบลดงมะไฟ ท่ีเขำ้ รว่ มโครงกำรมีอำชพี มีงำนทำ มีรำยได้ท่ีม่ันคงย่งิ ขนึ ตวั ชวี ัดผลลัพธ์ ประชำชนตำบลดงมะไฟ ที่เขำ้ รว่ มโครงกำรมคี วำมรู้ ทกั ษะ และประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้ตำ่ งๆ ไปใช้ ในกำรประกอบอำชีพทเ่ี ปน็ กำรเข้ำส่อู ำชีพ สร้ำงงำน สรำ้ งรำยได้ หรือพัฒนำอำชพี หรือตอ่ ยอดอำชีพเดิม
บทที่ 2 เอกสำรทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ควำมหมำยและควำมสำคัญของกำรพฒั นำอำชีพ โดยทว่ั ไป อำชพี (Career) หมำยถึง ส่งิ ทบ่ี ุคลำกรทำเพ่ือกำรดำรงชีวติ โดยใช้ ควำมรู้ ทกั ษะ และควำมสำมำรถของตนท่ีได้รบั จำกกำรศกึ ษำและฝกึ อบรม เชน่ อำชีพ แพทย์ พยำบำล นักวทิ ยำศำสตร์ ช่ำงไฟฟ้ำ ชำ่ งไม้ เป็นตน้ แต่ในท่นี ีจะใหค้ วำมหมำยของคำวำ่ อำชพี คือ “ลำดบั ของตำแหนง่ ซงึ่ บคุ คลดำรงอยภู่ ำยในชว่ งชวี ติ ของเขำ” (De Cenzo & Robbins, 1994) ดงั นนั บคุ ลำกรทุกคนท่ที ำงำนโดยได้รับหรอื ไม่ได้รบั ค่ำตอบแทน จะถอื ว่ำเป็นบคุ คลทมี่ อี ำชพี ทังสิน กำรพฒั นำอำชีพ (Career development) จงึ หมำยถึง กระบวนกำรซ่ึงองคก์ ำรจดั ขึนเพอื่ ชว่ ยเหลอื บุคลำกรในกำรจดั กำรกบั อำชีพของตนเอง (De Cenzo & Robbins, 1994) ซึง่ อำจจะไดแ้ กก่ ำร ประเมินศักยภำพของบุคคล กำหนดเส้นทำงอำชีพทีเ่ หมำะสม วำงแผน และฝกึ อบรม เพ่อื สง่ เสรมิ ให้ บคุ ลำกรมกี รพฒั นำและควำมก้ำวหน้ำในงำน ประโยชนข์ องกำรพฒั นำอำชีพ กำรพฒั นำอำชีพของบุคลำกร มคี วำมสำคัญและก่อใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่องคก์ ำรหลำยประกำร ดงั ต่อไปนคี ือ - ชว่ ยรบั ประกนั วำ่ บคุ ลำกรทม่ี คี วำมสำมำรถจะอยกู่ ับองคก์ ำรต่อไป บคุ ลำกรทีม่ ี ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ ยอ่ มเปน็ ทต่ี อ้ งกำรขององคก์ ำรทุกแหง่ และบุคคลเหล่ำนีสำมำรถท่จี ะหำงำน ใหมไ่ ดอ้ ย่ำงรวดเรว็ และง่ำยดำย หำกพวกเขำรู้สกึ วำ่ องคก์ ำรไม่ได้ใหค้ วำมสำคัญแกพ่ วกเขำ และไม่ได้รับ นโยบำยหรือมำตรกำรใด ๆ ท่จี ะส่งเสริมควำมกำ้ วหน้ำในอำชพี แก่พวกเขำแลว้ โอกำสที่พวกเขำจะลำออก จำกงำนกม็ สี ูงยงิ่ ขึน ดงั นัน โครงกำรดำ้ นกำรพัฒนำอำชีพจะเปน็ สง่ิ เหนย่ี วรังมใิ หบ้ คุ ลำกรทีม่ ีควำมสำมำรถ เหลำ่ นอี อกจำกองค์กำรไป - ช่วยให้องค์กำรสำมำรถดงึ บุคลำกรทม่ี คี วำมสำมำรถสงู เขำ้ มำทำงำนไดม้ ำกขนึ บคุ คลท่ีมี ควำมสำมำรถสงู มักจะพิจำรณำเลือกทำงำนกบั องค์กำร ซึ่งให้ควำมสำคญั ตอ่ อนำคตและควำมก้ำวหนำ้ ของ บคุ ลำกร ดงั นนั หำกองคก์ ำรใดทม่ี ีโครงกำรดำ้ นกำรพฒั นำอำชพี ก็ยอ่ มจะมีควำมได้เปรียบในกำรดึงดดู บคุ ลำกรเหลำ่ นันใหเ้ ขำ้ มำทำงำนกบั ตนเอ - ชว่ ยสร้ำงภำพลกั ษณท์ ่ีดใี หก้ บั องคก์ ำร องค์กำรทใี่ หค้ วำมสำคญั และควำมสนใจแก่อนำคต และควำมกำ้ วหน้ำของบุคลำกร ยอ่ มจะทำให้ทงั บุคลำกรภำยในองค์กำรและบุคลำกรภำยนอกองคก์ ำรนัน ดว้ ยควำมรสู้ ึกท่ดี ี ซง่ึ จะช่วยสง่ เสรมิ ภำพลกั ษณแ์ ละชอื่ เสยี งใหอ้ งคก์ ำรเปน็ อยำ่ งดี - ชว่ ยให้บุคลำกรมกี ำรพฒั นำตนเองและลดควำมลำ้ สมยั กำรทำงำนในตำแหนง่ หน่ึง ๆ อนั อำจจะทำใหบ้ คุ ลำกรล้ำหลงั ต่อควำมเปลย่ี นแปลงต่ำง ๆ ดงั นนั กำรพฒั นำอำชพี จะชว่ ยใหบ้ ุคลำกรมกี ำร พัฒนำตนเองอยู่ตลอดเวลำ ทงั นีเพรำะบคุ ลำกรเหล่ำนนั จำเปน็ ตอ้ งเพ่ิมพูนควำมรูแ้ ละควำมสำมำรถต่ำง ๆที่ จำเปน็ ก่อนท่จี ะสำมำรถกำ้ วขนึ สูต่ ำแหน่งอืน่ ๆ
ควำมหมำยและควำมสำคญั ของอำชพี อำชีพ หมำยถึง กำรทำงำนซ่งึ มผี ลตอบแทนออกมำในรูปของรำยได้เพื่อบุคคลนำไปดำรงชพี ทงั ของตนและครอบครวั ง นันต้องเป็นงำนทส่ี ุจรติ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์แกส่ ังคมโดยส่วนรวม โดยไม่ทำใหต้ นเอง และผู้อนื่ เดอื ดร้อน ควำมสำคัญของกำรประกอบอำชีพ 1. ทำใหม้ ีรำยไดป้ ระจำเลยี งตนเองและครอบครวั โดยซอื หรือจดั หำส่ิงจำเปน็ สำหรับกำรดำรงชวี ิต 2.ทำใหม้ โี อกำสใชค้ วำมรูค้ วำมสำมำรถทมี่ ีอยทู่ ำงำนให้เป็นประโยชน์ต่อสงั คมและประเทศชำติ 3.ทำใหม้ โี อกำสสร้ำงชื่อเสียงให้แกต่ นเองและวงศ์ตระกลู เปน็ ท่ยี อมรบั ของบคุ คลในสังคม 4.ทำใหม้ หี ลกั ฐำนม่นั คง เปน็ ท่ีเคำรพนับถือของบุคคลอ่นื ๆ 5.ทำใหร้ จู้ ักใช้เวลำว่ำให้เป็นประโยชน์ จะไดไ้ ม่ประพฤตติ นไร้สำระ 6.ทำให้บคุ คลเกดิ ควำมภำคภมู ิใจในตนเอง ทส่ี ำมำรถพงึ่ ตนเองได้ และยงั ทำประโยชน์แกส่ งั คมโดยสว่ นรว่ มด้วย เรอื่ ง ควำมสำคัญและควำมจำเป็นในกำรพฒั นำอำชพี ควำมสำคัญและควำมจำเปน็ ของกำรพฒั นำอำชพี วิเครำะห์ลักษณะขอบขำ่ ยกำรงำนอำชพี กระบวนกำรทำงำน กำรบริหำรจดั กำรของอำชพี ต่ำง ๆ ในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก เพอ่ื กำรพัฒนำ อำชพี จำกกำรงำนอำชพี ต่ำงๆ กำรพัฒนำอำชีพ หมำยถึง กำรพัฒนำอำชพี ท่ีดำเนนิ อย่ใู ห้เหมำะสมกบั ควำมตอ้ งกำรของตลำด กำรพฒั นำ อำชีพทม่ี ปี ระสิทธิภำพจะตอ้ งพฒั นำควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรวำงแผนกำหนดยุทธศำสตรต์ ่ำงๆ ทังด้วย ตนเองและกระบวนกำรกลุม่ โดยเฉพำะผูป้ ระกอบอำชพี เดยี วกัน เพอื่ แลกเปลี่ยนเรียนรซู้ ึ่งกนั และกนั แลว้ นำไปตัดสินใจเพ่อื นำไปสูก่ ำรปฏบิ ตั ิ นอกจำกนีควรมกี ำรบริหำรจัดกำรแบบองคร์ วมบูรณำกำรปัจจัยต่ำงๆ ให้ เปน็ หนง่ึ เดียว สำมำรถเกอื หนนุ ซงึ่ กนั และกนั ได้ เชน่ ทนุ ทำงสังคม ทรพั ยำกรต่ำงๆ ไดแ้ ก่ ควำมรู้ ควำมสำมำรถในกระบวนกำรผลติ และกระบวนกำรกำรตลำด กำรพัฒนำอำชีพมคี วำมสำคญั และจำเปน็ ดังนี 1. ดำ้ นเศรษฐกิจ จำกกำรแขง่ ขนั ทำงธรุ กิจทีม่ ีกำรแข่งขันทำงกำรตลำดสงู จงึ เกดิ กำร รวมกลุ่มกำรคำ้ ต่ำงๆ เช่น เขตกำรค้ำเสรีอำเซียน เขตเศรษฐกิจยุโรป ดงั นันกำรพฒั นำอำชีพจึงจำเป็นต้องมี กำรพฒั นำสินค้ำใหส้ ำมำรถเข้ำสู่ตลำดกำรแข่งขัน และเปน็ ท่ยี อมรับของตำ่ งประเทศ 2. ดำ้ นสังคม ประเทศท่มี ีเศรษฐกิจดจี ะส่งผลใหส้ ภำพของสงั คมดขี นึ เชน่ ปรำศจำกโจร ผรู้ ้ำย 3. ด้ำนกำรศึกษำ ครอบครวั ท่ีมีเศรษฐกจิ ดจี ะสำมำรถส่งบตุ รหลำนเข้ำรบั กำรศกึ ษำได้ตำม ควำมตอ้ งกำร และในอนำคตเยำวชนเหลำ่ นกี ็จะเปน็ ประชำกรทีม่ คี ณุ ภำพ มคี วำมสำมำรถในกำรประกอบ อำชพี ส่งผลต่อเศรษฐกจิ สงั คมใหม้ คี วำมเจริญก้ำวหน้ำตอ่ ไป ควำมสำคญั ในกำรพฒั นำอำชีพ กำรพัฒนำอำชีพเป็นส่ิงทสี่ ำคัญในวถิ ีชวี ิตและกำรดำรงชพี ในปจั จบุ ันเพรำะอำชพี เปน็ กำรสร้ำงรำยได้ เพอื่ เลยี งชีพตนเองและครอบครัว อำชพี ก่อให้เกิดผลผลติ และกำรบริกำร ซ่ึงสนองตอบต่อควำมต้องกำรของ ผูบ้ รโิ ภค และท่ีสำคญั คอื กำรพฒั นำอำชีพมคี วำมสำคัญตอ่ เศรษฐกจิ ของประเทศชำติ ควำมสำคัญจึงเป็น ฟนั เฟอื งในกำรพัฒนำคุณภำพชวี ิต เศรษฐกจิ ชุมชน ส่งผลถึงควำมเจรญิ ก้ำวหนำ้ ของประเทศชำติ
อำชพี กับกำรพฒั นำอำชพี เรื่องรำวของอำชพี อำชพี กค็ อื กำรหำเลยี งชวี ติ ให้มกี ินมอี ยู่ กำรเข้ำรบั ศึกษำของทุกคน ๆ กเ็ พอื่ นำไป ประกอบอำชพี แตใ่ นยุคปจั จบุ นั อำชพี มมี ำกมำย และอำชพี ใหม่กน็ ่ำสนใจมำกขึน ในกำรพฒั นำอำชีพของแต่ ละอำชีพนันมแี นวทำงท่ีต่ำงกันไปตำมสำยงำน แต่ทกุ อำชีพสำมำรถพัฒนำไดท้ ังหมด นกั เรียนนักศึกษำจบ ใหม่ๆ บำงคนอำจมีแนวคดิ แปลกๆ ท่ีไมเ่ หมือนคนอน่ื เชน่ อยำกทำอำชพี อิสระ ซ่งึ คนปัจจบุ ันคดิ แบบนมี ำก ขนึ เพรำะเหตุที่ว่ำอำชีพในยุคปจั จุบันไมถ่ กู ตีกรอบแคบๆ อีกต่อไป อำชีพนนั ไม่วำ่ จะเป็นอำชีพอะไรกต็ ำม ทงั อำชีพท่ีใชแ้ รงกำย อำชีพทใ่ี ช้แรงสมอง สำมำรถพฒั นำไดท้ ังนัน ทศิ ทำงกำรพฒั นำอำชพี 1. ต้องรจู้ ักอำชพี ของตนเองให้ดพี อ 2. รู้ทิศทำงของอำชีพของตน 3. รูโ้ ลกที่เปลย่ี นแปลงตลอดเวลำ 4. วำงแผนชวี ิตและกำรทำงำน 5. กำหนดนโยบำยกำรพฒั นำอำชพี ของตนเอง (มวี สิ ยั ทัศน์) 6. ตงั เป้ำหมำย แบง่ ระยะใหเ้ หน็ เป็นรปู ธรรม 7. วำงกลยุทธพัฒนำอำชีพ 8. ลงมือปฏบิ ัติ 9. ประเมนิ ผลใหเ้ ป็น 10. ปรบั ปรงุ 11. พัฒนำ แนวทำงกำรพฒั นำอำชพี ทกี่ ลำ่ วมำทจี่ ริงแลว้ กค็ ือหลักพนื ฐำนท่วั ไป ซงึ่ คนประกอบอำชพี นันๆ ควรรู้ เชน่ อำชพี แม่บ้ำน สำมำรถพัฒนำไดจ้ นถงึ ขนั สูง และเปน็ อำชพี ที่ทรงคณุ คำ่ ได้ เรียกว่ำ แมบ่ ้ำนมือ อำชีพ อำชพี แมบ่ ้ำนสมยั กอ่ น คือ อำชีพคนรบั ใช้ แตใ่ นยคุ ปัจจบุ นั อำชพี คนรับใชห้ รอื คนทำควำม สะอำดภำยในบำ้ นไมใ่ ชอ่ ำชีพที่ต้อยตำ่ อกี ต่อไป เพรำะปจั จุบันมบี รษิ ทั เปิดให้บรกิ ำรสำหรับลกู คำ้ ทตี่ ้องกำร แมบ่ ำ้ นแบบมอื อำชพี ไป ชว่ ยเหลอื ในกำรจดั กำรภำยในบ้ำนหรืออำคำรตำ่ ง ๆ ตลอดจนถงึ โรงแรม ซ่งึ กำรเพิ่ม มูลคำ่ และคุณค่ำคอื กำรพัฒนำอำชีพของตนเอง กำรยกระดับแมบ่ ำ้ นสู่กำรเป็นแม่บำ้ นมืออำชพี อย่ำงเชน่ กำรจดั โต๊ะ กำรวำงช้อน กำรวำงผำ้ สำหรับ โต๊ะรบั ประทำนอำหำร มีแนวปฏิบตั ทิ เ่ี ป็นแบบแผนสำกล กำรมีควำมรูใ้ นดำ้ นนจี งึ มคี วำมจำเปน็ และในเร่ือง อ่ืนๆ อีกอยำ่ งเชน่ กำรปผู ้ำปเู ตยี งใหต้ ึงกม็ ีเทคนิค กำรทำควำมสะอำดเคร่ืองใช้ตำ่ งๆ อยำ่ งเชน่ เสือผำ้ ไหม สทู หรอื เสือผ้ำที่ทำจำกขนสตั ว์ก็มเี ทคนิคกำรดแู ลพเิ ศษกวำ่ ผำ้ ชนดิ อืน่ ๆ นีคือแนวทำงกำรพัฒนำอำชีพใหเ้ ปน็ แบบ มืออำชีพ แมบ่ ำ้ นมอื อำชีพสมยั นตี อ้ งชำนำญในเร่ืองท่ีกลำ่ วมำ และมูลค่ำของคำ่ จ้ำงจึงสูงกวำ่ แม่บ้ำนแบบ ธรรมดำ เพรำะมคี วำมรู้ควำมชำนำญพเิ ศษ ค่ำแรงจึงสูงตำมไปด้วย เหน็ ดว้ ยหรอื ไมว่ ำ่ อำชพี ทีธ่ รรมดำแตไ่ ม่ ธรรมดำมลู คำ่ กเ็ พิ่มขนึ ได้ เขำเรียกวำ่ กำรพฒั นำสำยงำนของตนเอง
ฉะนันทุกสำยอำชพี สำมำรถพัฒนำไดห้ มด มีควำมก้ำวหนำ้ ไดท้ ุกหนทุกแห่ง อย่ำไดน้ ้อยใจว่ำ อำชีพของเรำไมม่ คี ำ่ ไมม่ รี ำคำ ถ้ำเรำใสค่ วำมรู้ ใส่ควำมรกั กบั งำน งำนที่เรำทำกจ็ ะชว่ ยพฒั นำคุณภำพชีวิต และเจรญิ ก้ำวหน้ำได้ตลอดอำชีพทกุ อำชีพมีหนทำงพัฒนำในแบบของตน ควำมจำเปน็ ในกำรพฒั นำอำชพี ควำมจำเป็นในกำรพฒั นำอำชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก ทเี่ หมำะสมกับตนเอง วเิ ครำะห์ ควำมเปน็ ไปได้ต่ำง ๆ ได้แก่ กำรลงทนุ กำรตลำด กระบวนกำรผลติ กำรขนส่ง กำรบรรจหุ บี หอ่ กำรแปรรูป และผลกระทบตอ่ ชมุ ชน และสงิ่ แวดล้อม ควำมรคู้ วำมสำมำรถของตนเองต่อสง่ิ ท่ตี อ้ งกำรพฒั นำ กำรลำดบั ควำมสำคัญของกำรพัฒนำท่มี ีควำมเปน็ ไปได้ เพ่อื นำข้อมูลทวี่ ิเครำะห์ไว้นำไปปรึกษำผ้รู ู้ กำรตดั สินใจเลอื ก พัฒนำอำชีพที่เหมำะสมกับตนเอง โดยวเิ ครำะห์ควำมพร้อมของตนเอง ควำมตอ้ งกำรของตลำด เทคนคิ ควำมรู้ ทกั ษะในอำชีพ และควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ทรพั ยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อม ประโยชนใ์ นกำรพัฒนำอำชีพ 1. มกี ำรใชท้ นุ ทำงสังคมอยำ่ งคุม้ ค่ำ เน่อื งจำกสำมำรถใชว้ ัสดทุ ดแทน ใชว้ ัสดุท้องถ่นิ ลดกำร ขนส่งและทุนบำงชนดิ สำมำรถใช้ร่วมกนั ได้ เช่น เครื่องมือทำงกำรเกษตรสำมำรถใชใ้ นกจิ กรรมกำรเกษตร ด้วยกนั เป็นต้น 2. มกี ำรเพิ่มผลผลติ เนอื่ งจำกมกี ำรพฒั นำสินคำ้ ท่ีตรงควำมต้องกำรของลกู ค้ำทำให้ยอด จำหนำ่ ยมำกขึน 3. มกี ำรขยำยตลำด สำมำรถขยำยเครอื ขำ่ ยดำ้ นกำรตลำดใหก้ ว้ำงขึน โดยผผู้ ลติ จะต้องมกี ำร ประชำสัมพันธ์อยำ่ งต่อเน่ือง 4. พฒั นำรปู แบบผลติ ภัณฑเ์ พ่ือบรรจุหบี หอ่ ต้องพัฒนำรูปแบบอยตู่ ลอดเวลำทำใหส้ ินคำ้ มี กำรพฒั นำรปู แบบผลติ ภัณฑห์ รอื บรรจภุ ัณฑอ์ ยเู่ สมอ 5. เกดิ เศรษฐกิจชุมชน จำกกำรท่ีมกี ำรพัฒนำผลิตภณั ฑ์สนิ คำ้ ทงั ดำ้ นคุณภำพและปริมำณ ทำใหต้ ลำดกว้ำงขวำงขึนเศรษฐกิจชมุ ชนเจรญิ เตบิ โต 6. ชมุ ชนเขม้ แข็ง เมอ่ื ชุมชนมีเศรษฐกิจดขี ึน ส่งผลตอ่ กำรพัฒนำคุณภำพชวี ิตดีขึน ครอบครัว อบอนุ่ ลูกหลำนได้เรียนหนังสือ ปรำศจำกโจรผรู้ ้ำยและยำเสพติด 7. มีอำชีพมั่นคง เน่ืองจำกผู้ประกอบอำชพี มกี ำรพฒั นำอำชพี อยู่ตลอดเวลำในดำ้ นกำรใช้ทุน พฒั นำรูปแบบ จัดหำตลำดให้กว้ำงขวำง ทำใหม้ ีอำชพี ม่นั คง ประเภทของภูมิปัญญำ 1. ภูมปิ ัญญำพนื บ้ำน เปน็ องค์ควำมรู้ ควำมสำมำรถและประสบกำรณท์ ีส่ ง่ั สมและสบื ทอดกนั มำ เปน็ ควำมสำมำรถและศักยภำพในเชิงกำรแกป้ ญั หำ กำรปรบั ตวั เรียนร้แู ละสบื ทอดไปส่คู นรุน่ ตอ่ ไปเพ่ือ กำรดำรงอยูข่ องเผ่ำพนั ธุ์ จึงเปน็ มรดกทำงวัฒนธรรมชำติ ของเผำ่ พันธุห์ รอื เป็นวถิ ีชีวติ ของชำวบ้ำน 2. ภูมิปัญญำชำวบำ้ น เปน็ วิธกี ำรปฏิบัตขิ องชำวบำ้ น ซึง่ ได้มำจำกประสบกำรณ์ แนวทำงแกป้ ญั หำแต่ ละเรื่องแตล่ ะประสบกำรณ์ แตล่ ะสภำพแวดล้อมซึง่ จะมีเงื่อนไขปจั จัยเฉพำะแตกต่ำงกนั ไปนำมำใชแ้ กไ้ ข ปญั หำโดยอำศยั ศกั ยภำพท่มี อี ย่โู ดยชำวบำ้ นคิดเองเปน็ ควำมรู้ท่สี ร้ำงสรรค์และมีสว่ นเสริมสร้ำงกำรผลิต หรอื เป็นควำมรขู้ องชำวบ้ำนทผี่ ำ่ นกำรปฏบิ ัติมำแล้วอย่ำงโชกโชน เปน็ ส่วนหน่ึงของมรดกทำงวฒั นธรรม เป็น
ควำมร้ทู ปี่ ฏิบัติไดม้ ีพลังและสำคญั ยิ่ง ช่วยให้ชำวบ้ำนมีชีวิตรอดสรำ้ งสรรคก์ ำรผลิตและชว่ ยในดำ้ นกำรทำงำน เป็นโครงสร้ำงควำมรู้ทมี หี ลักกำร มเี หตุ มผี ลในตวั เอง 3. ภมู ปิ ํญญำทอ้ งถนิ่ เป็นควำมรู้ที่เกดิ จำกประสบกำรณ์ในชวี ิตของคน ผำ่ นกระบวนกำรศกึ ษำสงั เกต คดิ ว่ำวิเครำะหจ์ นเกดิ ปัญญำและตกผลกึ เปน็ องคค์ วำมรูท้ ีป่ ระกอบกันขึนมำจำกควำมรเู้ ฉพำะหลำยๆเรอ่ื งจด วำ่ เป็น พืนฐำนขององคค์ วำมร้สู มยั ใหมท่ ่ีจะชว่ ยในกำรเรยี นรู้ กำรแก้ปญั หำจัดกำรและกำรปรับตัวในกำร ดำเนินชีวิตของเรำ ภมู ปิ ัญญำท้องถ่ินเปน็ ควำมรู้ทมี่ ีอยูท่ ั่วไปในสังคมชุมชนและในตัวผูร้ ู้เองจงึ ควรมกี ำรสืบคน้ รวบรวม ศึกษำถำ่ ยทอดพัฒนำและนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้อยำ่ งกวำ้ งขวำง 4.ภูมปิ ัญญำไทย หมำยถึง องค์ควำมรู้ควำมสำมำรถ ทักษะของคนไทยท่เี กดิ จำกกำรสง่ เสรมิ ประสบกำรณ์ท่ผี ำ่ นกระบวนกำร กำรเลือกสรร เรยี นรู้ปรงุ แต่ง และถำ่ ยทอดสบื ตอ่ กันมำ เพอ่ื ใชแ้ ก้ไขปญั หำและพัฒนำวถิ ีชีวิตของคนไทยใหส้ มดุลกบั สภำพแวดล้อมและ เหมำะสมกับยคุ สมัย ลกั ษณะของภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิ่น ลักษณะสำคญั ของภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ิน พอสรปุ ได้ดงั นี 1.เปน็ เร่ืองรำวของกำรใชค้ วำมรู้ ทกั ษะ ควำมเชื่อและพฤตกิ รรม 2. แสดงถึงควำมสมั พันธ์ระหว่ำง คนกับคน คนกบั ธรรมชำติ คนกับสง่ิ เหนือธรรมชำติ 3. เป็นองคร์ วมหรือกิจกรรมทุกอย่ำงใรวถิ ชี ีวิต 4. เป็นเรอื่ งของกำรแก้ไขปญั หำ กำรจดั กำร กำรปรบั ตวั กำรเรียนร้เู พอ่ื ควำมอยู่รอดของบคุ คลชมุ ชน และสงั คม 5.เป็นแกนหลกั หรือกระบวนทัศนใ์ นกำรมองชีวติ เป็นพืนควำมรใู้ นเรือ่ งต่ำงๆ
บทที่ 3 วธิ กี ำรดำเนนิ กำร ในกำรดำเนินงำนจัดโครงกำร ศนู ยฝ์ กึ อำชีพชมุ ชน หลกั สตู รพฒั นำอำชพี วชิ ำกำรสำนตะกรำ้ จำกเส้น พลำสตกิ กศน.ตำบลดงมะไฟ มรี ำยละเอียดดังตอ่ ไปนี ขันตอนกำรวำงแผน (plan) ขันตอนกำรลงมือทำ (Do) ขันตอนกำรตรวจสอบ (Check) ขันตอนกำรปรบั ปรงุ แก้ไข (Act) ขนั ตอนกำรวำงแผน (plan) 1. ดำเนินกำรประชำคมกลุ่มผูส้ นใจพฒั นำอำชีพ 2. ได้กลุ่มเปำ้ หมำย 3. เตรียมหลกั สตู ร เสนอโครงกำรเพ่ือขออนมุ ตั ิ 4. แตง่ ตังคณะทำงำนภำยในตำบล คณะกรรมกำรนิเทศกิจกรรม 5. ประสำนวทิ ยำกร ขนั ตอนกำรลงมือทำ (Do) 1. ดำเนนิ กำรประสำนงำนผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ผู้นำชมุ ชน คณะกรรมกำรหมู่บำ้ นและชำวบำ้ นจัดเตรยี ม สถำนที่ 2. นำประชำชนทีส่ นใจมำเข้ำร่วมกจิ กรรม 3. ประเมนิ ผลโครงกำรโดยให้ผู้เขำ้ รว่ มโครงกำรออกแบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจในกำรเขำ้ รว่ ม โครงกำร 4. รวบรวมข้อมลู จำกแบบประเมนิ 5. สรุปผลควำมพึงพอใจของผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำร ขันตอนกำรตรวจสอบ (Check) 1.เครื่องมือทใี่ ช้ในกำรตรวจสอบ แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจของผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร 2. กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู กศน.ตำบลดงมะไฟ ไดด้ ำเนนิ กำรเก็บรวบรวมข้อมลู จำกผเู้ ข้ำร่วมโครงกำร - ประชำชนกล่มุ เปำ้ หมำย จำนวน 14 คน 3.กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู กำรประเมินผลกำรดำเนนิ งำนของโครงกำร ศูนยฝ์ ึกอำชพี ชุมชน หลักสูตร พัฒนำอำชีพ กำรสำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสตกิ กศน.ตำบลดงมะไฟ ดำเนนิ กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูล ดงั นี 3.1 แบบประเมนิ ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป วิเครำะห์หำค่ำรอ้ ยละ
3.2 แบบประเมินตอนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจตวั บง่ ชขี องโครงกำร 3.2.1 ใหค้ ะแนนตำมนำหนักแบบประเมนิ ฉบับสมบรู ณ์ ตำมเกณฑ์ มำตรฐำนของ สมศ. โดยมเี กณฑใ์ หค้ ะแนน ดังนี ระดบั 5 หมำยถึง ดำเนนิ งำนได้ตำมเกณฑข์ องตวั บ่งชีดีมำก ระดับ 4 หมำยถงึ ดำเนินงำนไดต้ ำมเกณฑข์ องตวั บ่งชดี ี ระดบั 3 หมำยถึง ดำเนนิ งำนไดต้ ำมเกณฑ์ของตวั บง่ ชีพอใช้ ระดับ 2 หมำยถงึ ดำเนนิ งำนไดต้ ำมเกณฑข์ องตัวบง่ ชปี รบั ปรุง ระดบั 1 หมำยถึง ดำเนนิ งำนได้ตำมเกณฑข์ องตวั บ่งชตี ้องปรบั ปรุง 3.2.2 วเิ ครำะหข์ ้อมลู โดยกำรหำคำ่ เฉลี่ยรอ้ ยละควำมพงึ พอใจ 3.3 แบบประเมินตอนท่ี 3 ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ วเิ ครำะหด์ ว้ ยเนือหำ (Content analysis)
บทท่ี 4 ผลกำรดำเนนิ งำน กำรจัดกิจกรรมโครงกำรศูนยฝ์ กึ อำชพี ชมุ ชนหลักสูตรพัฒนำอำชีพ วิชำกำรสำนตะกรำ้ จำกเส้น พลำสติก ณ กศน.ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหำ จงั หวัดหนองบวั ลำภู สรุปผลกำรดำเนนิ งำนไดด้ ังนี ชอ่ื โครงกำร วนั ทด่ี ำเนินกำร เป้ำท่ไี ด้รับจดั สรร ผล คดิ เปน็ ร้อยละ โครงกำร ศนู ยฝ์ กึ 15 – 23 มิถนุ ำยน 13 14 100 อำชพี ชมุ ชน 2564 หลักสตู รพัฒนำ อำชีพ วชิ ำกำร สำนตะกร้ำจำกเส้น พลำสติก กำรประเมินควำมพึงพอใจในกำรดำเนินงำนตำมโครงกำรศนู ยฝ์ กึ อำชพี ชมุ ชน หลักสตู รพฒั นำอำชพี วชิ ำ กำรสำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสตกิ กศน.ตำบลดงมะไฟ ของผรู้ บั บรกิ ำรทเ่ี ข้ำร่วมโครงกำร โดยเสนอ รำยละเอยี ดตำมลำดบั คอื สญั ลกั ษณ์ทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ลำดบั ขันตอนในกำรวิเครำะห์ขอ้ มูล ผลกำร วิเครำะหข์ ้อมูล และกำรแปลควำมหมำยขอ้ มูลดงั ตอ่ ไปนี สญั ลกั ษณ์ทใ่ี ช้ในกำรวเิ ครำะห์ขอ้ มูล กำรเสนอผลกำรประเมนิ ครงั นีได้กำหนดสัญลักษณ์ท่ใี ชใ้ นกำรวิเครำะห์ข้อมูล ดงั นี N แทน ขนำดของกลุม่ ผปู้ ระเมนิ กำรใช้คมู่ อื (Sample size) % แทน ค่ำร้อยละ (Percentage) ลำดบั ขันตอนในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู ผปู้ ระเมนิ ไดเ้ สนอผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลเป็นตอนๆ เรียงลำดับดังนี ตอนที่ 1 กำรวิเครำะห์ขอ้ มลู เก่ยี วกับข้อมลู ท่วั ไป ตอนท่ี 2 กำรวิเครำะห์ข้อมูลดำ้ นควำมพึงพอใจของผูร้ ับบริกำร ตอนท่ี 3 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
ในกำรสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำร ศูนยฝ์ กึ อำชพี ชมุ ชน หลกั สูตรพฒั นำอำชีพ วิชำ กำรสำน ตะกร้ำจำกเสน้ พลำสติก ณ กศน.ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคุหำ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ไดจ้ ัดทำเคร่ืองมือ เปน็ แบบสอบถำม วดั ระดบั ควำมคดิ เหน็ และควำมพงึ พอใจในกำรดำเนนิ กำรพฒั นำซึ่งแบง่ ออกเป็น 3 ส่วน คอื สว่ นแรกเป็นคำถำมปลำยเปิด มำตรำส่วนประมำณคำ่ (Rating scales) สว่ นที่ 2 มำตรำสว่ น ประมำณคำ่ ของ ลเิ คิร์ท likert’s Scales 5 ระดบั สว่ นที่สำมเปน็ คำถำมปลำยเปดิ ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ส่วนท่ีสำมเปน็ คำถำมปลำยเปดิ เนือหำสำระที่ต้องกำรพฒั นำในครังต่อไป ซึ่งในกำรเกบ็ รวบรวมนัน ไดแ้ จก แบบสอบถำมแก่ผู้เข้ำร่วมโครงกำรศูนยฝ์ ึกอำชพี ชมุ ชน หลักสตู รพฒั นำอำชีพ วชิ ำ กำรสำนตะกรำ้ จำกเส้น พลำสติก จำนวน 14 คน ไดแ้ บบสอบถำมคืนจำนวน 14 ฉบบั จำกผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำร คิดเปน็ ร้อยละ 100 กระทำกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูลตำมประเภทและลกั ษณะของขอ้ มลู โดยหำคำ่ เฉลยี่ เปน็ ค่ำร้อยละ ซง่ึ ได้วดั ระดบั ควำมคดิ เหน็ และควำมพงึ พอใจที่มีต่อโครงกำรจะปรำกฏดังนี สรุปผลกำรวิเครำะหข์ อ้ มูลควำมพึงพอใจ โครงกำร ศนู ยฝ์ ึกอำชพี ชมุ ชน หลักสูตรพฒั นำอำชพี วิชำ กำรสำนตะกร้ำจำกเสน้ พลำสตกิ ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไป รำยกำรข้อมลู พืนฐำน จำนวน รอ้ ยละ (ƒ) (%) 1.เพศ 1.1 ชำย 00 1.2 หญิง 14 100 รวม 14 100.00 2.อำยุ 2.1 ตำ่ กวำ่ 15 ปี 00 2.2 อำยุ 15 – 39 ปี 1 7.14 2.3 อำยุ 40 – 59 ปี 6 42.86 2.4 อำยุ 60 ปีขึนไป 7 50 รวม 14 100.00 3.ระดบั กำรศึกษำ 10 71.43 3.1 ป.4 1 7.14 3.2 ป.6 1 7.14 3.3 ม.ตน้ 2 14.29 3.4 ม.ปลำย 3.5 ปวช. 00 3.6 ปวส. 00 3.7 ปรญิ ญำตรี 00 3.8 อืน่ ๆ
รวม 14 100.00 4.อำชีพ 00 4.1 ผูน้ ำท้องถิน่ 00 4.2 อบต/เทศบำล 00 4.3 พนักงำนรฐั วสิ ำหกจิ 00 4.4 ทหำรกองประจำกำร 14 100 4.5 เกษตรกร 00 4.6 รับรำชกำร 00 4.7 ค้ำขำย 00 4.8 รับจำ้ ง 00 4.9 อสม. 00 4.10 แรงงำนตำ่ งด้ำว 00 4.11 วำ่ งงำน 00 4.12 อ่ืนๆ 14 100.00 รวม จำกตำรำง ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ควำมพงึ พอใจของผู้เข้ำรว่ มโครงกำรศนู ย์ฝกึ อำชพี ชุมชน หลักสูตรพัฒนำ อำชพี วิชำ กำรสำนตะกรำ้ จำกเส้นพลำสติก ผลกำรวเิ ครำะหป์ รำกฏว่ำ ผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำร 14 คน เป็น เพศหญงิ จำนวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100 ด้ำนอำยุ อำยุ 60 ปี ขนึ ไป จำนวน 7 คน คดิ เป็นร้อย ละ 50 อำยุ 40-59 ปี จำนวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 42.86 และอำยุ 15-39 ปี จำนวน 1 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 7.14 ตำมลำดับ ระดับกำรศึกษำ ป.4 จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 71.43 ม.ปลำย จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 14.29 ป.6 จำนวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 7.14 ม.ตน้ จำนวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ย 7.14 ตำมลำดับ ด้ำนอำชพี เกษตรกร จำนวน 14 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100
สรุปผลกำรวิเครำะห์ข้อมูลควำมพึงพอใจ โครงกำร ศนู ย์ฝึกอำชีพชมุ ชน หลกั สตู รพฒั นำอำชพี วิชำ กำร สำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสตกิ ตอนท่ี 2 ควำมพึงพอใจในกำรใหบ้ รกิ ำร ตำรำงที่ 2.1 จุดมงุ่ หมำย/เนอื หำหลกั สูตร ข้อ รำยกำรประเมินควำมพงึ พอใจ ระดับควำมพึงพอใจ/จำนวน หมำย มำก มำก ปำน น้อย น้อย เหตุ ตอนที่ ๑ ควำมพงึ พอใจดำ้ นเนอื หำ ที่สดุ กลำง ท่ีสุด 1 เนอื หำตรงตำมควำมต้องกำร 2 เนือหำเพียงพอต่อควำมต้องกำร 12 2 3 เนือหำปัจจุบันทันสมัย 11 3 4 เนอื หำมีประโยชน์ตอ่ กำรนำไปใช้ในกำรพัฒนำคณุ ภำพ 13 1 14 ชวี ิต ตอนที่ ๒ ควำมพงึ พอใจดำ้ นกระบวนกำรจดั กจิ กรรมกำรอบรม 14 5 กำรเตรียมควำมพร้อมก่อนอบรม 13 1 6 กำรออกแบบกจิ กรรมเหมำะสมกบั วตั ถุประสงค์ 14 7 กำรจดั กิจกรรมเหมำะสมกับเวลำ 14 8 กำรจัดกิจกรรมเหมำะสมกับกลุ่มเป้ำหมำย 12 2 9 วิธีกำรวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมำะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ ตอนท่ี ๓ ควำมพงึ พอใจต่อวทิ ยำกร 14 10 วิทยำกรมคี วำมร้คู วำมสำมำรถในเรอื่ งท่ถี ่ำยทอด 12 2 11 วทิ ยำกรมีเทคนคิ กำรถ่ำยทอดใช้ส่ือเหมำะสม 14 12 วิทยำกรเปดิ โอกำสใหม้ สี ่วนรว่ มและซักถำม ตอนที่ ๔ ควำมพึงพอใจดำ้ นกำรอำนวยควำมสะดวก 14 13 สถำนท่ี วสั ดุ อปุ กรณแ์ ละสงิ่ อำนวยควำมสะดวก 13 1 14 กำรสอื่ สำร กำรสร้ำงบรรยำกำศเพอ่ื ใหเ้ กิดกำรเรียนรู้ 12 2 15 กำรบรกิ ำร กำรชว่ ยเหลอื และกำรแกป้ ญั หำ
สรปุ ควำมคิดเหน็ และควำมพงึ พอใจของผูร้ ับบรกิ ำร โครงกำรศนู ย์ฝกึ อำชพี ชมุ ชน หลักสูตรพัฒนำอำชพี วิชำ กำรสำนตะกร้ำจำกเสน้ พลำสติก สรุปได้ดังนี ตอนท่ี 1 ควำมพึงพอใจด้ำนเนอื หำ ผู้ตอบแบบสอบถำมมีควำมพงึ พอใจดำ้ นเนอื หำ ดงั นี เนอื หำมีประโยชนต์ อ่ กำรนำไปใช้ในกำรพฒั นำ คณุ ภำพชีวติ ตอบดมี ำกร้อยละ 100 มเี นอื หำปจั จุบนั ทนั สมยั ตอบมำกทีส่ ุดรอ้ ยละ 92.86 ตอบมำก รอ้ ย ละ 7.14 เนอื หำมีควำมเพยี งพอตอ่ ควำมต้องกำร ตอบดมี ำกร้อยละ 85.71 และตอบดี ร้อยละ 14.29 เนือหำตรงตำมควำมต้องกำร ตอบดีมำกร้อยละ 78.57 และตอบดรี อ้ ยละ 21.43 ตำมลำดับ ตอนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจดำ้ นกำรจดั กจิ กรรมกำรอบรม ผู้ตอบแบบสอบถำมมคี วำมพงึ พอใจด้ำนกำรเตรียมควำมพรอ้ มกอ่ นกำรอบรม ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 100 ดำ้ นกำรจัดกจิ กรรมเหมำะสมกบั เวลำ ตอบดีมำกรอ้ ยละ 100 กำรจัดกิจกรรมเหมำะสมกับ กลมุ่ เปำ้ หมำย ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 100 และกำรออกแบบกจิ กรรมเหมำะสมกับวตั ถุประสงค์ ตอบดมี ำกร้อย ละ 92.86 ตอบดีรอ้ ยละ 7.14 วิธีกำรวดั ผล ประเมินผลเหมำะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ ตอบดมี ำกรอ้ ยละ 85.71 ตอบดรี ้อยละ 14.29 ตำมลำดับ ตอนท่ี 3 ควำมพงึ พอใจตอ่ วิทยำกร ผตู้ อบแบบสอบถำมมีควำมพึงพอใจด้ำนวิทยำกรมคี วำมรคู้ วำมสำมำรถในเร่ืองทถี่ ำ่ ยทอด ตอบดมี ำก รอ้ ยละ 100 วิทยำกรเปิดโอกำสใหม้ สี ว่ นร่วมและซักถำม ตอบดีมำกร้อยละ 100 วทิ ยำกรมีเทคนคิ กำร ถ่ำยทอดใชส้ ื่อท่เี หมำะสม ตอบดีมำกร้อยละ 85.71 และตอบดีร้อยละ 14.29 ตอนท่ี 4 ควำมพึงพอใจดำ้ นกำรอำนวยควำมสะดวก ผู้ตอบแบบสอบถำมมคี วำมพงึ พอใจดำ้ นสถำนที่ วสั ดุ อปุ กรณแ์ ละสิ่งอำนวยควำมสะดวก ตอบดี มำกรอ้ ยละ 100 ดำ้ นกำรสอื่ สำร กำรสรำ้ งบรรยำกำศเพอื่ ใหเ้ กดิ กำรเรยี นรู้ ตอบดีมำกร้อยละ 92.86 และตอบดรี อ้ ยละ 7.14 และดำ้ นกำรบรกิ ำร กำรชว่ ยเหลือและกำรแกป้ ัญหำ ตอบดมี ำกร้อยละ 85.71 ตอบดีรอ้ ยละ 14.29 และ ตำมลำดับ
บทท่ี 5 สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ กำรดำเนนิ งำนโครงกำร ศูนยฝ์ กึ อำชีพชมุ ชน หลักสตู รพฒั นำอำชพี วิชำ กำรสำนตะกรำ้ จำกเสน้ พลำสตกิ สรปุ ผลกำรดำเนินงำนได้ดงั นี วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงกำร 1.เพ่อื ใหป้ ระชำชนมคี วำมรแู้ ละทกั ษะในกำรประกอบอำชพี สำมำรถสร้ำงรำยได้ท่ีมั่นคง ม่งั คัง่ 2.เพอ่ื ใชใ้ นกำรตัดสินใจประกอบอำชพี ให้สอดคล้องกับศกั ยภำพของตนเอง ชมุ ชน สังคม และ สงิ่ แวดล้อมอยำ่ งมคี ุณธรรมจริยธรรม 3.เพอ่ื ใหป้ ระชำชนมโี ครงกำรประกอบอำชพี เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรพฒั นำอำชีพของตนเอง ขอบเขตของโครงกำร 1. ด้ำนเนอื หำ โครงกำรนมี ุ่งใหผ้ เู้ รยี นกลุ่มเป้ำหมำยท่ีเข้ำรับกำรอบรมสำมำรถนำ ควำมรู้ ทักษะ และประสบกำรณก์ ำรเรียนรู้ตำ่ งๆ ไปใช้ในกำรประกอบอำชีพที่เป็นกำร เข้ำสู่อำชพี สร้ำงงำน สรำ้ งรำยได้ หรอื พฒั นำอำชพี หรือตอ่ ยอดอำชีพเดิม 2. ดำ้ นระยะเวลำ ระยะเวลำในกำรดำเนนิ งำน วนั ที่ 15 – 23 มถิ นุ ำยน 2564 ณ กศน.ตำบลดงมะไฟ หมทู่ ี่ 9 ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคหู ำ จังหวัดหนองบัวลำภู 3. ด้ำนประชำกรและกลมุ่ ตวั อย่ำง ประชำชนตำบลดงมะไฟ จำนวน 14 คน ประโยชนท์ ค่ี ำดว่ำจะไดร้ บั - ประชำชนตำบลดงมะไฟกลมุ่ เป้ำหมำยมีอำชีพใหม่มีกำรพฒั นำต่อยอดอำชพี เดมิ เพิม่ ทักษะกำรเป็น ผ้ปู ระกอบกำร มีรำยได้ มงี ำนทำ มคี วำมมั่นคง ยั่งยืน - เพื่อให้ผู้เข้ำรับกำรอบรมสำมำรถนำควำมรู้ ทักษะ และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ต่ำงๆ ไปใช้ในกำร ประกอบอำชีพทเ่ี ป็นกำรเข้ำสอู่ ำชีพ สร้ำงงำน สร้ำงรำยได้ หรือพฒั นำอำชพี หรอื ตอ่ ยอดอำชพี เดิม ตวั ชวี ัด ตวั ชีวัดผลผลติ ร้อยละ ๘๐ ของประชำชน ตำบลดงมะไฟ ท่เี ขำ้ ร่วมโครงกำรมอี ำชีพ มีงำนทำ มรี ำยได้ท่มี น่ั คงยิง่ ขึน ตวั ชีวัดผลลพั ธ์ ประชำชนตำบลดงมะไฟ ที่เขำ้ รว่ มโครงกำรมีควำมรู้ ทกั ษะ และประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ต่ำงๆ ไปใช้ ในกำรประกอบอำชพี ที่เปน็ กำรเขำ้ สู่อำชีพ สร้ำงงำน สร้ำงรำยได้ หรอื พฒั นำอำชีพ หรือต่อยอดอำชีพเดมิ
ผลกำรดำเนินโครงกำร ประชำชนตำบลดงมะไฟ ทเ่ี ขำ้ รว่ มโครงกำร ศนู ยฝ์ กึ อำชพี ชมุ ชน หลักสตู รพฒั นำอำชีพ กำรสำน ตะกร้ำจำกเสน้ พลำสติก มคี วำมพอใจในกำรจัดกจิ กรรมในระดบั ดขี ึนไป ร้อยละ 100 และประชำชนทเี่ ข้ำ รว่ มกจิ กรรมสำมำรถนำควำมรู้ที่ไดไ้ ปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน ปญั หำ-อุปสรรค กำรดำเนินกำรจดั โครงกำรศูนย์ฝกึ อำชีพชุมชน หลักสตู รพัฒนำอำชีพ วิชำกำรสำนตะกรำ้ จำกเส้นพลำสตกิ กลมุ่ เปำ้ หมำยจะเป็นผสู้ งู อำยโุ ดยสว่ นมำก ทำใหก้ ำรจดั กระบวนกำรเรยี นกำรสอน ค่อย เปน็ คอ่ ยไป แนวทำงแก้ไขปญั หำ วทิ ยำกรสอนผเู้ รียนแบบใกลช้ ิดทุกคน ข้อเสนอแนะ เม่ือผู้เรยี นได้เรยี นจบหลกั สตู รไปแล้ว อยำกใหน้ ำควำมร้ทู ่ไี ด้ไปใช้ในกำรพฒั นำอำชพี ของ ตนเอง สำมำรถสรำ้ งอำชพี สรำ้ งรำยได้ใหก้ บั ตนเองและครอบครัว และสำมำรถทำเปน็ ผลติ ภัณฑ์สินค้ำ ภำยในชุมชนได้
ภำคผนวก
ภำพประกอบกิจกรรมโครงกำรศูนย์ฝึกอำชพี ชมุ ชน หลกั สูตรพฒั นำอำชพี กำรสำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสติก ดำเนินกำรระหวำ่ งวันที่ 15 – 23 มิถุนำยน 2564 ณ กศน. ตำบลดงมะไฟ อำเภอสวุ รรณคูหำ วิทยำกรบรรยำยวสั ดอุ ุปกรณ์ในกำรทำ
ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ตั ิกำรวดั ขนำดเสน้ พลำสตกิ
วทิ ยำกรบรรยำยพรอ้ มฝกึ ปฏบิ ตั ิ
ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ัติกำรสำนตะกรำ้ ในรปู ทรงตำ่ งๆ
ฝกึ ปฏิบตั ิ
นำยสกุ ัน สงิ หค์ ำ ผ้ใู หญ่บำ้ นบำ้ นวังหินซำ หมู9่ ตำบลดงมะไฟ ตรวจเยี่ยมใหก้ ำลังใจและ เย่ยี มชมผลงำนของผ้เู รียน
ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ัติกำรสำนตะกรำ้ ในรปู ทรงตำ่ งๆ
ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ัติกำรสำนตะกรำ้ ในรปู ทรงตำ่ งๆ
นำงสำวพชิ ชำพมิ พ์ เพช็ รเวียง นำงสำวอำรยำ วชิ ำสวัสด์ิ ครูผ้ชู ่วยพรอ้ มด้วยนำยอภชิ ำต สทุ ธโิ สม ครอู ำสำสมคั ร กำรศกึ ษำนอกโรงเรยี นนิเทศกลุม่ กำรสำนตะกร้ำจำกเส้นพลำสติก
ไดร้ บั เกยี รตจิ ำกนำยทองคำ บตุ รโคตร นำยกองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลดงมะไฟ ให้เกยี รตเิ ป็นผมู้ อบใบประกำศให้กบั ผ้สู ำเรจ็ หลกั สูตร
พธิ มี อบใบประกำศใหก้ บั วทิ ยำกรกับผทู้ ่ีจบหลักสตู รกำรสำนตะกรำ้ โดยนำยทองคำ บตุ รโคตร นำยกองค์กำรบริหำรสว่ นตำบลดงมะไฟใหเ้ กยี รตเิ ปน็ ผูม้ อบ
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: