คำนำ หนงั สือปรำชญ/์ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ เล่มนี้จดั ทำขน้ึ เพอื่ เป็นกำรเผยแพร่ขอ้ มลู ปรำชญ์ / ผู้รู้ /ภูมิปญั ญำทอ้ งถ่ินของ ชุมชนในตำบล เพ่อื ให้ผทู้ ตี่ อ้ งกำรศึกษำ ไดศ้ กึ ษำหำขอ้ มลู เพ่มิ เติมเกี่ยวกบั ภมู ปิ ัญญำท้องถ่ินตำบลดงมะไฟ จัดทำขึ้นเพ่ือ สำรวจเกบ็ ขอ้ มูล รบั ทรำบปญั หำและควำมต้องกำรเบ้อื ง-ต้นของชมุ ชน มีกำรสรำ้ งเครือขำ่ ยควำมร่วมมอื ของชุมชนใน กำรศึกษำแหล่งเรยี นรู้ปรำชญ์ภูมปัญญำ ตลอดจนขนบธรรมเนยี มประเพณที อ้ งถิน่ นอกจำกนี้ได้จดั ทำขอ้ เสนอแนะ ข้อคดิ เห็น ท่ไี ด้รับจำกกำรศึกษำ มำเสนอต่อชมุ ชน เพื่อก่อประโยชนแ์ ละตระหนกั ถงึ ควำมสำคัญในคณุ คำ่ ของมรดกทำงด้ำน ภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในกำรจรรโลงและรกั ษำไวส้ ืบต่อไป กำรจัดทำหนังสือ e-book ภูมปิ ัญญำท้องถ่นิ ในกำรปฏบิ ัติงำนของครูกศน.ตำบลดงมะไฟรว่ มกับเครอื ขำ่ ย ไดร้ บั ควำมรว่ มมือจำกชุมชนเปน็ อย่ำงดี จงึ ขอขอบพระคุณมำ ณ โอกำส
สำรบญั เรอื่ ง หนำ้ ชอ่ื ภูมิปญั ญำ 1 ข้อมูลพนื้ ฐำน 1 ควำมเปน็ มำของภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถนิ่ 2 รำยละเอยี ดของภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิ่น 3 รปู แบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด 4 รปู ภำพประกอบ 5
ชดุ ขอ้ มูลคลงั ปญั ญำแหลง่ เรยี นรู้ตำบล ดงมะไฟ อำเภอ สวุ รรณคูหำ จังหวดั หนองบัวลำภู ชอ่ื ภูมิปญั ญำ นำงภทั รำนี พรมดี . รหสั ภูมิปญั ญำ (รหสั ทหี่ น่วยงำนตั้งขึ้นเพื่อใชค้ มุ แฟม้ เอกสำร) สำขำคลงั ปญั ญำ (23 สำขำ) ด้ำนศิลปหัตถกรรม สำขำของภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถ่ิน ( 10 ประเภท ) สำขำภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ิน ไดแ้ ก่ สำขำศิลปหตั ถกรรม ข้อมูลพนื้ ฐำน รำยบุคคล เจำ้ ของภูมิปัญญำทอ้ งถิน่ / บคุ คลคลงั ปญั ญำ ช่อื นำงภัทรำนี นำมสกุล พรมดี หมำยเลขบตั รประชำชน 1411500097335 วนั เดือนปีเกิด 16 พ.ค. 2535 ที่อยู่ปจั จุบนั (ท่สี ำมำรถตดิ ต่อได)้ บ้ำนเลขที่ 238 หมู่ท่ี 9 ตำบล/แขวง ดงมะไฟ อำเภอ/เขต สวุ รรณคหู ำ จงั หวดั หนองบวั ลำภู รหัสไปรษณีย์ 39270 โทรศัพท์ - โทรสำร - Line ID - E – mail address - Facebook : ไรเ่ ฉวยี นผักหวำนปำ่ พิกดั ทำงภมู ศิ ำสตร์ ค่ำ X: - ค่ำ Y: - กรณีเป็นกลมุ่ ทำงภมู ิปญั ญำ ขอ้ มลู พน้ื ฐำน รำยกลุ่ม ชือ่ กลุม่ - ผู้ประสำนงำนกลุ่ม - ท่ีอยูป่ ัจจบุ นั (ที่สำมำรถตดิ ต่อได)้ บำ้ นเลขที่ - หมทู่ ่ี - ตำบล/แขวง - อำเภอ/เขต - จงั หวัด - รหัสไปรษณีย์ - โทรศัพท์ - โทรสำร - Line ID - E – mail address - Facebook - พกิ ัดทำงภมู ิศำสตร์ ค่ำ X: - ค่ำ Y: -
ควำมเปน็ มำของบคุ คลคลงั ปญั ญำ กำรจักสำนเป็นอำชีพท่ชี ำวบ้ำนพรำนหำรำยไดช้ ่วยจุนเจอื ครอบครัวในยำมทเ่ี สรจ็ สน้ิ จำก กำรทำนำ คนในชุมชนรูจ้ กั และมภี มู ิปญั ญำดำ้ นกำรจักสำนเป็นพ้นื ฐำนอยูแ่ ลว้ ซ่ึงสบื ทอดมำจำกบรรพบุรษุ ร้จู ักกำรนำหวำย ไมไ้ ผ่ ก้ำนลำนมำทำตะกร้ำ กระบงุ ชะลอม ผลติ ใช้สอยในครัวเรือน สมัยก่อนชำวบ้ำนจะทำไวใ้ ช้เอง กำรจักสำนสบื ทอดมำ จำกบรรพบุรุษในถนิ่ ฐำนเดมิ มผี ้ทู รงภูมปิ ัญญำถ่ำยทอดองค์ควำมรแู้ บบดง่ั เดมิ ซง่ึ ยังไม่มีกำรพัฒนำรูปแบบแตอ่ ยำ่ งใด จักสำนเป็นผลติ ภัณฑ์ หตั ถกรรม ทีบ่ ่งบอกถึงควำมร่งุ เรือง ประเพณี วฒั นธรรมของพนื้ บ้ำน มีกำรสบื ทอดเทคนิควิธีกำรมำ หลำยชว่ งอำยุคน ซึ่งมีพืน้ ฐำนกำรพฒั นำลวดลำยในแบบตำ่ งๆ อยำ่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยมพี นื้ ฐำนในกำรออกแบบจำกสภำพกำร ดำรงชีวิต วฒั นธรรม ประเพณี ควำมเชื่อ ศำสนำ และธรรมชำตทิ ่ีแตกตำ่ งกันในแตล่ ะยคุ สมัย เดิมสมัยกอ่ นในชมุ ชนมกี ำรปลูกไมไ้ ผ่ หวำย ลำน มีกรรมวิธกี ำรจักสำนแบบโบรำณใชว้ ตั ถุดบิ ในพน้ื ท่ีนำมำจกั สำนเครอ่ื งใชใ้ น ครัวเรอื น เมือ่ กอ่ นน้ีกลุ่มจักสำนมีมำก ผลผลิตล้นตลำดรำคำผลติ ภณั ฑ์ถูก แต่วตั ถดุ บิ แพง กลุ่มบำ้ นพรำนจึงมคี วำมคิดทจ่ี ะ เปลี่ยนจำกหวำย ไมไ้ ผ่เปน็ จกั สำนพลำสติก ตอ่ มำเมือ่ ทำงส่วนรำชกำรมำส่งเสริมใหก้ ำรสนับสนุน ใหม้ กี ำรจกั สำนเชงิ พำณิชย์ โดยมชี ำวบำ้ นมำเปน็ สมำชกิ กลมุ่ ทำให้มีอำชีพเสรมิ มีศนู ย์กำรเรียนรชู้ มุ ชน มสี ถำนท่ฝี ึกอบรม ในกำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ เกิดจำกควำมต้องกำรของลูกค้ำเป็นหลกั เน้นควำมสวยงำม ประณีตและเรยี บรอ้ ยจำกกำรทีไ่ ด้รบั กำรสนับสนนุ จำกหนว่ ยงำน รำชกำรต่ำงๆ ทำใหก้ ลมุ่ มีควำมเจรญิ ก้ำวหน้ำมำกข้ึน ส่งผลใหช้ ำวบำ้ นได้มีรำยไดใ้ หก้ บั ครอบครัวอกี ทำงหนง่ึ ประจวบกบั ประธำนกลุม่ นำงกลั ยำ อินทรโ์ ต เป็นผู้ประสำนงำนดำ้ นกำรตลำด ทำใหก้ ลุ่มทำกำรผลติ และจำหน่ำยไดม้ ำกขน้ึ จกั สำนพลำสตกิ เป็นศลิ ปะกำรจกั สำนที่มีลวดลำยสวยงำม กำรออกแบบ สีสนั ของเสน้ พลำสติก ลวดลำยต่ำง ๆตำมควำม ตอ้ งกำรของลูกค้ำ มีควำมละเอยี ดประณตี เรยี บรอ้ ย ไดม้ ำตรฐำน คงทน สมประโยชน์ รำคำไม่แพง มีกำรพัฒนำรูปแบบ ทันสมยั อย่ำงตอ่ เน่อื งและเปน็ สำกล แตก่ ระบวนกำรผลติ ยังใชแ้ บบดัง่ เดมิ ทำใหม้ องเห็นคณุ ค่ำและแสดงถึงเอกลกั ษณ์ควำม เปน็ ไทย ซึ่งเป็นควำมภำคภูมิใจของคนบำ้ นพรำน เปน็ ผลงำนจำกกำรสร้ำงสรรค์ชิน้ งำนท่ีประสำนภูมิปญั ญำของคนรุ่นเก่ำกบั คนรุ่นใหม่ ให้เขำ้ กันไดอ้ ย่ำงลงตวั และเหมำะสม กำรสง่ เสริมและกำรอนรุ กั ษก์ ำรจกั สำน โดยให้มีกำรผลิตอย่ำงตอ่ เนอื่ ง มีกำรพัฒนำรปู แบบตลอดเวลำ จงึ มกี ำรถำ่ ยทอดให้กบั ผ้ทู ตี่ อ้ งกำรศึกษำ เพอื่ เป็นพน้ื ฐำนในกำรประกอบอำชพี ใหก้ ับแม่บ้ำน นกั เรยี น นกั ศึกษำ ผู้ทส่ี นใจทว่ั ไป เพอื่ เปน็ กำรสืบสำน ภมู ปิ ญั ญำของคนรุน่ เกำ่ ส่คู นรนุ่ ใหมไ่ ด้อย่ำงมีคุณภำพและเป็นกำรอนรุ ักษ์ และป้องกันภมู ิปญั ญำมใิ ห้สญู หำย ปัจจุบนั กำรจัก สำนพลำสตกิ เปรยี บเสมือนเปน็ วถิ ชี ีวติ ของคนในชมุ ชนเนือ่ งจำกเปน็ อำชีพเสรมิ ท่ที ำใหเ้ กดิ รำยได้ดีทำใหค้ นในชุมชนมรี ำยได้ ทม่ี นั่ คง จดุ เดน่ ของภูมิปญั ญำท้องถน่ิ ด้ำนควำมพอประมำณ “สำมำรถทำใชแ้ ละทำขำยได้ เป็นกำรลดภำวะโลกร้อน ดำ้ นควำมมีเหตุมผี ล มีกำรวำงแผนกำรผลิต และมีควำมคิดริเร่มิ โดยกำรนำภูมิปัญญำและเทคโนโลยมี ำปรับใช้ในแปลง เพ่ือ เพม่ิ ผลผลิตและเพิ่มรำยได้ รวมท้งั กำรจดั ทำบญั ชรี ำยรบั – รำยจำ่ ย เพอื่ คำนวณตน้ ทนุ กำรผลติ อยู่เสมอ ด้ำนกำรมีภมู คิ มุ้ กนั ที่ดี เป็นผู้มีภมู ิปัญญำ มศี ลิ ธรรมประจำตวั ในกำรบรหิ ำรจดั กำรอำชพี ของตนเอง ควำมรอบรู้ - มีกำรวำงแผนในกำรผลิต -มกี ำรผลิตเป็นขนั้ ตอน
-ใหค้ ำแนะนำในกำรผลติ ได้ -แนะนำสมำชกิ ในกลมุ่ วตั ถดุ ิบท่ใี ชป้ ระโยชนใ์ นผลติ ภัณฑท์ เี่ กิดจำกภมู ปิ ัญญำ ซงึ่ พน้ื ที่อ่นื ไมม่ ี ไดแ้ ก่ 1. กำรหำไมไ้ ผ่ทมี่ ีในพน้ื ท่ี 2. กำรทำท่ีเหลำไม้ไผแ่ บบงำ่ ยและสะดวก
รำยละเอยี ดของภมู ิปัญญำทอ้ งถนิ่ (ลักษณะภูมิปญั ญำ/รปู แบบ/วิธกี ำร/เทคนคิ ท่ใี ช/้ ภำพถ่ำยหรือภำพวำดประกอบ/ ขน้ั ตอนกำรจกั สำน 1. เร่มิ ต้นจำกกำรวดั เสน้ พลำสตกิ - สว่ นของกระเปำ๋ -เส้นต้ังยำว 85 cm. 15 เสน้ -เส้นนอนยำว 90 cm. 9 เสน้ -เสน้ สำนยำว 100 cm. 15 เส้น -เส้นเก็บขอบปำกยำว 150 cm. 1 เส้น - หูกระเปำ๋ -เสน้ กลำงยำว 100 cm. 1 เสน้ -เสน้ ไขวย้ ำว 120 cm. 2 เส้น 2.แลว้ นำเสน้ นอน 9 เส้น มำสำนขัดกบั เสน้ ต้ัง โดยยกเสน้ ท่ี1 แลว้ สำนสบั หว่ำงกันเน้นให้เส้นแนวนอนชิดกัน 3. จำกนั้นนำเสน้ สำนทง้ั 15 เสน้ มำสำนขนึ้ ไปดำ้ นบนใหค้ รบ โดยเรำจะเวน้ เส้นตั้งเอำไว้ไมต่ อ้ งสำนไปจนหมด 4. ถำ้ เรำกลัวเส้นท่ีสำนไว้แลว้ จะหลดุ ให้พบั เส้นท่อี ยู่ข้ำงล่ำงแล้วสอด จะชว่ ยลอ็ คเสน้ ไมใ่ ห้หลุดได้ 5. จำกนัน้ นบั เส้นสำนจำกขำ้ งบนลงข้ำงลำ่ ง เสน้ ท่ี 10 แล้วสำนสลบั กนั 6. สำนเส้นใหค้ รบทุกเสน้ ด้ำนขำ้ งของกระเป๋ำ พอถึงอกี มมุ ก็นบั เส้นสำน เส้นที่ 16 เหมอื นเดิม 7. สำนเสน้ จนรอบท้งั ใบ แลว้ สอดเส้นตำมลำยแนวนอน ใหค้ รบทกุ เส้น 8. จำกนั้นใช้เสน้ เก็บขอบปำก มำทำบลงบนปำกกระเปำ๋ แลว้ พับเสน้ ด้ำนในลงมำทบั เสน้ เกบ็ ปำกอีกที พบั เก็บให้รอบทง้ั ใบ 9. พอทำจนครบรอบ พบั เส้นที่อยู่ด้ำนนอกลงมำทับเส้นเกบ็ ขอบปำกอีกครงั้ เป็นอนั เสรจ็ กำรเกบ็ ขอบปำกกระเป๋ำ 10.สอดเสน้ ที่เหลอื ให้ยำวประมำณ ครึง่ กระเป๋ำ แล้วตัดเสน้ ให้สวยงำม หำ้ มเห็นปลำยเส้นโผลอ่ อกมำนอกตวั งำน รปู แบบลกั ษณะกำรถ่ำยทอด กำรประชำสมั พันธ์ เผยแพร่ภมู ิปญั ญำทอ้ งถนิ่ (ทสี่ ะทอ้ นควำมนำ่ เชือ่ ถือกำรยอมรบั ผำ่ น บคุ คคล/ชุมชน/องคก์ ร/รำงวลั /ใบประกำศ/กำรจดทะเบียนลขิ สทิ ธิ์ สอ่ื ดจิ ติ อล/เอกสำรเผยแพร่ แผน่ พับ คลปิ (VDO) ฯลฯ ยังไมเ่ คยมกี ำรเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพำะบคุ คล เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพรผ่ ่ำนสอ่ื มวลชนและสื่ออน่ื อย่ำงแพรห่ ลำย มีกำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน 5 คร้ัง จำนวน 50 คน มกี ำรนำไปใช้ ในพนื้ ที่ 20 คน นอกพน้ื ท่ี - คน อนื่ ๆ (ระบ)ุ ลกั ษณะของภูมิปัญญำท้องถน่ิ กำรพฒั นำต่อยอดภมู ปิ ญั ญำใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คณุ ค่ำ (มลู คำ่ ) และควำมภำคภูมใิ จ ภมู ิปญั ญำท้องถนิ่ /นวตั กรรมที่คดิ ค้นขนึ้ มำใหม่ ภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ ท่ไี ดพ้ ัฒนำและตอ่ ยอด จำกเดิมในกำรสำนตะกรำ้ ของคนในชมุ ชนจะสำนด้วยไมไ้ ผ่ เรำจงึ วิวฒั นำกำรโดยกำรนำเสน้ พลำสติกทไ่ี มใ่ ช้แลว้ นำมำสำน ตะกรำ้ ในรูปแบบตำ่ งๆ เพอ่ื ควำมคงทนและควำมสำวยงำม ภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ินดั้งเดิมได้รับกำรถ่ำยทอดมำจำก
รำยละเอยี ดเพม่ิ เติม (สำมำรถใสข่ อ้ มลู ลงิ ค์วดิ โี อ หรอื เว็บไซตท์ ่ีเกี่ยวขอ้ ง) กำรทำเครื่องจกั สำนในประเทศไทย มีกำรทำสบื ต่อกันมำตงั้ แต่สมยั กอ่ นประวัติศำสตรน์ กั โบรำณคดีไดพ้ บหลกั ฐำนสำคญั เกี่ยวกับกำรทำเคร่ืองจักสำนในยุคหนิ ใหม่ทบ่ี ริเวณถำ้ แหง่ หนงึ่ ในเขตอำเภอศรสี วสั ดิ์ จ.กำญจนบรุ ี ซง่ึ ทำดว้ ยไมไ้ ผเ่ ปน็ ลำยขดั สองเส้นประมำณว่ำมอี ำยรุ ำว 4,000 ปมี ำแล้ว กำรทำเครอ่ื งจักสำนยคุ แรก ๆ มนษุ ยจ์ ะนำวตั ถดุ บิ จำกธรรมชำติเท่ำทีจ่ ะหำได้ใกลต้ ัวมำทำให้เกิดประโยชน์ เช่น กำรนำใบไม้ ก่ิงไม้ ต้นไมป้ ระเภทเถำนำมำสำนมำขัดเป็นรปู ทรงงำ่ ยๆ เพอ่ื ใช้เป็นภำชนะหรือมำสำนขดั กันเปน็ แผ่นเพอื่ ใชส้ ำหรับปรู องนงั่ รองนอน กอ่ นที่จะพฒั นำมำเปน็ เครื่องจกั สำนที่มีควำมประณีตในยุคตอ่ ๆ มำ เครอ่ื งจกั สำนเปน็ งำนศิลปหัตถกรรมทม่ี นษุ ยค์ ิด วธิ กี ำรต่ำงๆ ขนึ้ เพ่อื ใชส้ รำ้ งเคร่อื งมอื เครอื่ งใชใ้ นชีวติ ประจำวันด้วยวิธกี ำรสอดขดั และสำนกนั ของวัสดุ ท่ีเป็นเสน้ เป็นร้วิ โดย สรำ้ งรปู ทรงของสง่ิ ที่ประดษิ ฐข์ ้นึ นน้ั ตำมควำมประสงค์ในกำรใชส้ อยตำมสภำพภูมศิ ำสตร์ ประสำนกบั ขนบธรรมเนียม ประเพณีควำมเชื่อศำสนำและวัสดุในทอ้ งถิน่ นนั้ ๆ กำรเรยี กเครือ่ งจักสำนวำ่ “จักสำน” นน้ั เป็นคำทีเ่ รียกขน้ึ ตำมวธิ กี ำรท่ที ำให้เกดิ เครื่องจกั สำน เพรำะเคร่อื งจกั สำนตำ่ งๆ จะ สำเร็จเปน็ รูปร่ำงทีส่ มบรู ณ์ไดน้ ั้นตอ้ งผ่ำนกระบวนกำร ดังนี้ 1.กำรจกั คอื กำรนำวัสดมุ ำทำใหเ้ ป็นเส้น เปน็ แฉก หรอื เป็นริว้ เพือ่ ควำมสะดวกในกำรสำน ลักษณะของกำรจักโดยทว่ั ไปนน้ั ข้ึนอยู่กับลกั ษณะของวสั ดแุ ตล่ ะชนิดซงึ่ จะมวี ิธกี ำรเฉพำะที่แตกตำ่ งกันไป หรอื บำงครั้งกำรจักไม้ไผ่หรือหวำยมักจะเรยี กว่ำ “ตอก” ซ่ึงกำรจักถือไดว้ ่ำเป็นขัน้ ตอนของกำรเตรียมวสั ดใุ นกำรทำเคร่อื งจกั สำนขั้นแรก 2.กำรสำน เปน็ กระบวนกำรทำงควำมคิดสรำ้ งสรรคข์ องมนุษย์ทน่ี ำวัสดธุ รรมชำติมำทำประโยชน์โดยใช้ควำมคดิ และฝีมือ มนุษยเ์ ป็นหลกั กำรสำนลวดลำยจะสำนลำยใดน้นั ข้ึนอยู่กับควำมเหมำะสมในกำรใชส้ อย ซงึ่ มดี ้วยกัน 3 วธิ ี คอื – กำรสำนดว้ ยวิธสี อดขัด – กำรสำนด้วยวิธกี ำรสอดขดั ดว้ ยเสน้ ทแยง – กำรสำนดว้ ยวิธีขดเป็นวง 3.กำรถกั เปน็ กระบวนกำรประกอบทีช่ ว่ ยใหก้ ำรทำคร่อื งจกั สำนสมบรู ณ์ กำรถักเครอ่ื งจักสำน เช่น กำรถักขอบของภำชนะจกั สำนไม้ไผ่ กำรถกั หูภำชนะ เป็นตน้ กำรถกั ส่วนมำกจะเปน็ กำรเสรมิ ควำมแขง็ แรงของโครงสรำ้ งภำยนอก เช่น ขอบ ขำ ปำก ก้น ของเคร่ืองจกั สำน และเปน็ กำรเพิ่มควำมสวยงำมไปด้วย
ถำ่ ยภำพบคุ คล และอุปกรณ์/ เครอ่ื งมอื / สงิ่ ท่ีประดษิ ฐ์ (ชนิ้ งำนหรอื ผลงำน) รปู ภำพเจำ้ ของภูมิปญั ญำ รปู ภำพภมู ิปัญญำ ชื่อ – สกลุ ผบู้ นั ทกึ ข้อมลู นำงศภุ ชั ญำ พรชยั เบอรต์ ิดตอ่ /Line ID 0909155946 . หนว่ ยงำน/โรงเรยี น กศน.ตำบลดงมะไฟ กศน.อำเภอสุวรรณคูหำ จังหวดั หนองบัวลำภู วันทบ่ี นั ทึกขอ้ มลู 10 กมุ ภำพันธ์ 2563 .
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: