Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ เรื่อง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ครูนิรัตน์

ใบความรู้ เรื่อง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ครูนิรัตน์

Published by sungsakesan, 2020-06-16 04:05:05

Description: ใบความรู้ เรื่อง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ครูนิรัตน์

Search

Read the Text Version

พระพุทธศาสนา ในประเทศไทย คณุ ครูนิรตั น์ มุมทอง

ใบความรู้ท่ี 1 เร่อื ง พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ประวตั ิพุทธศาสนาในประเทศไทย พระพทุ ธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศไทยในปัจจุบัน เมื่อประมาณ พ.ศ. 236 สมยั เดยี วกันกับประเทศ ศรีลังกา ด้วยการส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ 9 สาย โดยการอุปถัมภ์ของ พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดีย ในขณะนั้นประเทศไทยรวมอยู่ในดนิ แดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ ซึ่งมี ขอบเขตกว้างขวาง มีประเทศรวมกันอยู่ในดินแดนส่วนนี้ทั้ง 7 ประเทศในปัจจุบัน ได้แก่ ไทย พม่า ศรีลังกา ญวน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ซึ่งสันนิษฐานวา่ มีใจกลางอยู่ท่ีจงั หวัดนครปฐมของไทย เนื่องจากได้ พบโบราณวัตถุที่สำคัญ เช่นพระปฐมเจดีย์ และรูปธรรมจักรกวางหมอบเป็นหลักฐานสำคัญ แต่พม่าก็ สันนษิ ฐานวา่ มีในกลางอยู่ท่เี มืองสะเทมิ ภาคใตข้ องพมา่ พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาสู่สุวรรณภมู ิในยุคนี้ นำโดย พระโสณะและพระอุตตระ พระเถระชาวอนิ เดีย เดนิ ทางมาเผยแผ่พุทธศาสนาในแถบน้ี จนเจริญร่งุ เรืองมา ตามลำดบั ตามยคุ สมัยตอ่ ไปน้ี สมยั ทวาราวดี พระโสณะและพระอุตตระได้เดินทางจากแคว้นมคธ เขา้ มาประดิษฐานพระพทุ ธศาสนา ณ ดนิ แดนสวุ รรณ ภมู ิ โดยมขี ้อสันนษิ ฐานวา่ น่าจะมีศูนยก์ ลางอยบู่ รเิ วณตอนกลางของไทยในปัจจุบัน โดยพิจารณาจาก โบราณสถานและโบราณวตั ถุตา่ ง ๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ศิลารปู พระ ธรรมจักร เป็นต้นพระพทุ ธศาสนาทีเ่ ข้า มาในสมัยน้ี เป็นนิกายเถรวาทดั้งเดมิ โดยพุทธศาสนิกชนมีความศรัทธาเลือ่ มใสบวชเปน็ พระภกิ ษุจำนวน มาก และไดส้ ร้างสถปู เจดีย์ไวส้ ักการะบชู า เรยี กว่า สถูปรูปฟองนำ้ เหมือนสถูปสาญจีในประเทศอนิ เดียที่ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสรา้ งขน้ึ โดยศิลปะในยุคน้ี เรยี กว่า ศลิ ปะทวารวดี

สมยั อาณาจกั รอ้ายลาว สมยั อาณาจกั รอ้ายลาว ซงึ่ เปน็ อาณาจักรของบรรพบุรษุ ชาวไทยท่ีอาศยั อยู่บริเวณลุม่ น้ำแยงซเี กยี ง ซ่ึง ปจั จบุ ันอยู่ภายใตก้ ารยึดครองของชาวจีนฮัน่ พระพทุ ธศาสนาในยุคน้คี าดว่าเป็นแบบมหายาน ในสมัยขุน หลวงมา้ ว กษัตรยิ ท์ ่ที รงครองราชยอ์ ยูใ่ นอาณาจกั รอ้ายลาว ก่อนที่จะอพยพเขา้ มาสู่ดนิ แดนประเทศไทยใน ปจั จบุ นั ไดร้ บั เอาพระพทุ ธศาสนามหายาน โดยการนำของพระสมณทตู ชาวอินเดยี มาเผยแผ่ ในคราวท่พี ระ เจ้ากนิษกะมหาราชทรง อุปถัมภก์ ารสงั คายนาครั้งท่ี 4 ของฝ่ายมหายาน ณ เมอื งชลนั ธร พระสมณทตู ได้ เขา้ มาเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในเอเชยี กลาง ทำให้หัวเมอื งไทยท้ัง 77 มรี าษฎร 51,890 ครอบครัว เปล่ยี น มานับถือพระพทุ ธศาสนาแบบมหายานแทนเถรวาท สมัยอาณาจกั รศรีวชิ ยั (พุทธศตวรรษที่ 13) อาณาจักรศรีวชิ ัยในเกาะสมุ าตราเจรญิ รงุ่ เรืองในชว่ งพทุ ธศตวรรษท่ี 12-13กษัตริยศ์ รวี ิชัยทรงมพี ระราช ศรทั ธาในพทุ ธศาสนาอย่างแนน่ แฟน้ ดังหลักฐานทีป่ รากฏ ได้แก่ เจดยี ์พระ บรมธาตไุ ชยา เจดยี ์โบโรพทุ โธ รูปหลอ่ พระโพธสิ ตั ว์อวโลกิ เตศวร รวมถึงหลักฐานทางโบราณคดีอื่นๆอีกเปน็ จำนวนมากซง่ึ พบกระจายอยู่ ท่วั ไปในดิน แดนสวุ รรณภมู ิ สมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษท่ี 15) ในสมยั กษตั ริย์กัมพูชาราชวงศ์สรุ ิยวรมันเรอื ง อำนาจน้นั ไดแ้ ผอ่ าณาเขตขยายออกมาท่ัวภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคกลางของประเทศไทย ในราว พ.ศ. 1540 และไดต้ ้งั ราชธานเี ป็นทีอ่ ำนวยการ ปกครองเมืองตา่ ง ๆ ในดินแดนดงั กล่าวขน้ึ หลายแหง่ เช่น * เมอื งลพบุรี ปกครองเมอื งท่ีอยู่ในอาณาเขตทวารวดี ส่วนข้างใต้ * เมอื งสุโขทยั ปกครองเมอื งทอี่ ย่ใู นอาณาเขตทวารวดี ส่วนข้างเหนือ * เมืองศรีเทพ ปกครองหวั เมืองที่อยู่ตามลมุ่ แม่นำ้ ป่าสกั * เมืองพมิ าย ปกครองเมอื งทีอ่ ยใู่ นทรี่ าบสูงตอนข้างเหนือ

เมืองตา่ ง ๆ ท่ตี ง้ั ขึน้ นเี้ มืองลพบรุ หี รือละโว้ ถือวา่ เป็นเมอื งสำคญั ทสี่ ดุ กษัตริย์กมั พชู าราชวงศ์สุ รยิ วรมนั ทรงนบั ถือพระพุทธศาสนาฝา่ ยมหายาน ซึง่ มีสายสมั พันธ์เชอื่ มต่อมาจากอาณาจักรศรีวชิ ยั แตฝ่ ่าย มหายานในสมัยน้ีผสมกบั ศาสนาพราหมณ์มาก ประชาชนในอาณาเขตตา่ ง ๆ ดังกล่าว จึงไดร้ ับ พระพทุ ธศาสนาทั้งแบบเถรวาทที่สืบมาแต่เดิม กับแบบมหายานและศาสนาพราหมณท์ ี่เข้ามาใหม่ดว้ ย ทำ ใหม้ ผี ูน้ บั ถือพระพทุ ธศาสนาท้งั 2 แบบ และมีพระสงฆท์ ั้งสองฝา่ ย คอื ฝ่ายเถรวาท และฝ่ายมหายาน สำหรับศาสนสถานที่เป็นที่ประจักษพ์ ยานใหไ้ ด้ศกึ ษาถงึ ความเปน็ มาแห่งพระพทุ ธ ศาสนาในประเทศไทย ครัง้ น้ัน ไดแ้ กพ่ ระปรางคส์ ามยอดท่ีจงั หวดั ลพบรุ ี ปราสาทหนิ พิมาย ที่จังหวดั นครราชสมี า และปราสาทหิน เขาพนมรุ้งท่ีจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น สว่ นพระพทุ ธรูปที่สรา้ งในสมยั นน้ั ถอื เปน็ ศิลปะอยใู่ น กลมุ่ ศิลปสมยั ลพบุรี สมยั เถรวาทแบบพกุ าม ในสมัยทีพ่ ระเจา้ อนุรุ ทธิม์ หาราช กษตั รยิ ์พกุ ามเรืองอำนาจ ทรงรวบรวมเอาพม่ากับมอญเขา้ เป็น อาณาจักรเดียวกัน แลว้ แผ่อาณาเขตเข้ามาถึงอาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง ละโว้ และทวารวดี พระเจ้าอนรุ ทุ ธทรงนับถือพระพทุ ธศาสนาฝ่ายเถรวาท ทรงส่งเสริมทำนบุ ำรุงพระพุทธศาสนาอย่างจริงจงั สว่ นชนชาตไิ ทย หลังจากอาณาจกั รอ้ายลาวถูก จีนทำลายจนพนิ าศ ก็ไดม้ าต้ังอาณาจักรนา่ นเจา้ ถึง ประมาณ พ.ศ. 1299 ขนุ ท้าวกวงโอรสขนุ บรมแหง่ อาณาจกั รนา่ นเจา้ ได้สถาปนาแคว้นโยนกเชยี งแสนขนึ้ ต่อมาอาณาจักรน่านเจา้ ไดถ้ กู จนี แทรกซึมเข้าทำลายจนพนิ าศอีกครงั้ ซงึ่ ในคราวนผ้ี ้ปู กครองของจนี ไดใ้ ช้วธิ ี แบ่งคนไทยออกเปน็ กลุ่มเลก็ กลุม่ น้อย แลว้ ผลกั ดันออกไปคนละทศิ ละทาง และนบั แต่นน้ั เป็นตน้ มาคนไทย ก็ได้แตกสานซา่ นเซ็นจนรวมกันไมต่ ดิ อย่จู นถงึ วนั นี้ คอื ทางตะวนั ตกไดถ้ กู จนี ผลกั ดันจนแตกกระจัดพลดั พรายไปถึงอัสสัม(อยูท่ างภาคตะวัน ออกของอินเดยี ในปัจจบุ นั )ส่วนทางตะวนั ออกกก็ ระจัดกระจายไปถงึ กวางสี หหู นาน เกาะไหหลำ รวมถงึ ตอนเหนือของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน สว่ นทางใตน้ ้ันก็ไดแ้ ก่ ประชากรในประเทศต่างๆทางเอเชียอาคเนย์ปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศลาวและไทย เมื่อกษตั รยิ ์ขอม(กัมพชู า)เรอื งอำนาจ คนไทยทอี่ ยู่ในเขตอำนาจของขอม กไ็ ด้รบั ทง้ั ศาสนาและวัฒนธรรม ของเขมรไว้ด้วย สว่ นทางลา้ นนากไ็ ด้รบั อทิ ธพิ ลจากพม่าเช่นเดยี วกัน คอื เมอ่ื อาณาจกั รพกุ ามของกษัตรยิ ์ พมา่ เขา้ มาครอบครองดนิ แดนแถบนี้ ดงั เห็นวา่ มีปูชนยี สถานแบบพม่าหลายแหง่ และเจดยี ์ทม่ี ีฉตั รอยบู่ น ยอด และฉตั รที่ 4 มุมของเจดยี ์ ก็ได้รับอทิ ธพิ ลมาจากศลิ ปะพุกามแบบพมา่ สมยั กรงุ สโุ ขทยั หลังจากอาณาจักรพกุ ามและกัมพูชาเสื่อมอำนาจลง คนไทยจงึ ไดต้ ั้งตัวเปน็ อสิ ระ ได้กอ่ ตงั้ อาณาจกั รข้นึ เอง 2 อาณาจักร ไดแ้ ก่ อาณาจักรล้านนาทางภาคเหนือของไทย ซงึ่ มศี นู ย์กลางอยทู่ ี่จังหวดั เชยี งใหม่และ อาณาจกั รสุโขทัยซึ่งมศี นู ย์กลางอยทู่ ีจ่ ังหวดั สุโขทัยในปัจจบุ ัน เมอ่ื พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราชเสด็จขึ้น ครองราชย์ ทรงสดับกิตตศิ พั ท์ของพระสงฆ์ลังกา จงึ ทรงอาราธนาพระมหาเถระสงั ฆราช ซงึ่ เป็นพระเถระ ชาวลงั กาทม่ี าเผยแผ่อย่ทู น่ี ครศรีธรรมราช มาเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในกรุงสโุ ขทยั พระพทุ ธศาสนาแบบลังกาวงศ์ไดเ้ ข้ามาเผยแผใ่ นประเทศไทย ถงึ 2 ครง้ั คือ ครั้งท่ี 1 ในสมัยพอ่ ขุน รามคำแหงมหาราช และครั้งที่ 2 ในสมัยพระยาลิไท พระพุทธศาสนาเจริญรุง่ เรืองมาก ศลิ ปะสมยั สุโขทัย ได้รับการกลา่ ว ขานวา่ งดงามมาก โดยเฉพาะพระพทุ ธรปู สมยั สโุ ขทยั มีลักษณะงดงาม ไมม่ ศี ลิ ปะสมยั ใด เหมอื น

สมยั ลา้ นนา ปี พ.ศ. 1839 พระยามังราย ทรงสรา้ งราชธานีขน้ึ ชื่อวา่ \"นพบรุ ศี รนี ครพงิ ค์เชียงใหม่\" ได้ต้งั ถิ่นฐาน ณ ลุ่ม แม่นำ้ ปิง ได้สรา้ งเมอื ง สรา้ งวัง และวดั ขึ้น ทรงทำนบุ ำรุงพระพทุ ธศาสนา ไดส้ รา้ งวดั ต่าง ๆ มากมาย ทั้งท่ี เป็นฝา่ ยคามวาสี และอรญั ญวาสี จนพทุ ธศาสนาเจริญรงุ่ เรอื ง เมืองตา่ ง ๆ ในอาณาจักรล้านนา เช่น เชยี งราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และ ศรนี พวงศ์ ตา่ งก็มคี วามเจริญรงุ่ เรอื ง โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง ด้านพระพทุ ธศาสนา พิธกี รรมและความเช่ือทางศาสนามีอิทธิพลตอ่ ชาวล้านนาอยา่ งมาก ในรชั สมยั ของ พระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ได้ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกคร้งั แรกในดนิ แดนประเทศไทยปจั จุบนั ขึน้ ณ วัดมหาโพธาราม (วดั เจ็ดยอด) เม่อื ปี พ.ศ. 2020 ในสมยั ล้านนา ได้เกดิ มพี ระเถระนกั ปราชญ์ชาว ล้านนาหลายรปู ทา่ นเหลา่ น้นั ได้รจนาคมั ภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนาไวเ้ ปน็ จำนวนมาก ได้แก่ พระสริ มิ ัง คลา จารย์ พระญาณกติ ติเถระ พระรตั นปญั ญา พระโพธริ งั ษี พระนันทาจารย์ และพระสุวรรณรังสี สมัยกรุงศรีอยธุ ยา พระพุทธศาสนาในสมยั อยุธยานน้ั มคี วามเป็นฮินดูปนอย่คู ่อนข้างมาก พิธกี รรมต่าง ๆ ได้ปะปนพิธีของ พราหมณ์มากกวา่ ท่ีใดๆ ราษฎรอยธุ ยามุ่งในเรอื่ งการบญุ การกศุ ล สรา้ งวัดวาอาราม สรา้ งปชู นียวตั ถุ บำรงุ ศาสนาเป็นส่วนมาก ในสมัยอยุธยาต้องประสบกับภาวะสงครามกับพมา่ จนเกิดภาวะวกิ ฤตทางศาสนา หลายครั้ง ประวัตศิ าสตรอ์ ยุธยาแบง่ เป็น 4 ชว่ ง ได้แก่ สมัย อยธุ ยาชว่ งแรก (พ.ศ. 1991 - 2031) ในสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงปกครองบา้ นเมอื งดว้ ยความสงบรม่ เย็น ทรงทำนบุ ำรงุ พระพทุ ธศาสนา ทรงผนวชเป็นเวลา 8 เดอื น เม่อื พ.ศ. 1998 และทรงใหพ้ ระราชโอรสกับพระราชนดั ดา ผนวชเปน็ สามเณรด้วย สันนิษฐานว่าเปน็ การเริม่ ต้นของประเพณีการบวชเรยี นของเจา้ นายและข้าราชการ ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มกี ารรจนาหนงั สือมหาชาติคำหลวง ใน พ.ศ. 2025 สมัย อยุธยาช่วงท่ีสอง ( พ.ศ. 2034 - 2173) สมยั นไี้ ดม้ ีความนยิ มในการสรา้ งวดั ขนึ้ ท้งั กษัตริยแ์ ละประชาชนท่วั ไป นิยมสร้างวดั ประจำตระกูล ในสมยั พระเจ้าทรงธรรมไดพ้ บพระพุทธบาท สระบรุ ี ทรงให้สรา้ งมณฑปครอบพระพทุ ธบาทไว้ และโปรดให้ชุมชน ราชบัณฑติ แตง่ กาพย์มหาชาติ เม่อื พ.ศ. 2170 และโปรดให้สร้างพระไตรปิฎกด้วย สมยั อยุธยาช่วงท่ีสาม (พ.ศ. 2173 - 2310) พระมหากษัตริย์ท่ีมีพระนามยง่ิ ใหญท่ ีส่ ุดในศตวรรษน้ี ได้แก่สมเด็จพระนารายณม์ หาราช พระองคท์ รงมี บทบาทอย่างมากทัง้ ต่อฝา่ ยอาณาจักรและศาสนจักร ทรงสง่ เสรมิ พระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า สมัยน้ี ฝร่ังเศสได้เขา้ มาตดิ ตอ่ กบั ไทย และไดพ้ ยายามเผยแผค่ ริสต์ศาสนา และอาจทูลขอให้พระนารายณเ์ ข้ารตี แต่พระองค์ทรงมัน่ คงในพระพทุ ธศาสนา มชิ ชนั นารฝ่ี ร่ังเศสจงึ ต้องผดิ หวังไป สมัย อยุธยาชว่ งที่ส่ี (พ.ศ. 2275 - 2310) พระมหากษัตริยท์ ีท่ รงมีบทบาทมากในยคุ นี้ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ ทรงเสวยราช เม่ือ พ.ศ. 2275 การบวชเรยี นกลายเปน็ ประเพณที ป่ี ฏิบัตสิ ืบตอ่ กันมาถึงยุคหลัง ถึงกบั กำหนดให้ผทู้ ่ีจะเปน็ ขุนนาง มี ยศถาบรรดาศักดิต์ อ้ งเปน็ ผู้ทผี่ า่ นการบวชเรยี นมาเทา่ นนั้ จงึ จะทรงแต่งต้ังตำแหน่งหนา้ ที่ให้ ในสมยั นไี้ ด้สง่ พระภกิ ษุเถระชาวไทยไปฟน้ื ฟพู ุทธศาสนาในประเทศลังกาตามคำทูล ขอของกษตั ริย์ลังกา เมอ่ื พ.ศ. 2296 จนทำใหพ้ ุทธศาสนากลบั เจรญิ รุ่งเรืองในลังกาอีกครง้ั จนถึงปัจจุบัน และเกดิ นิกายของคณะสงฆไ์ ทยข้ึนใน ลงั กา ชอื่ วา่ นิกายสยามวงศ์ นิกายนี้ยงั คงมีอย่ถู งึ ปัจจบุ นั

สมัยกรงุ ธนบรุ ี ในยุคน้ีนบั เปน็ ยคุ แห่งความเส่ือมของพทุ ธศาสนาอกี สมัยหนง่ึ คือ นับแตพ่ ระยาตาก(สนิ )ได้ชักนำคนไทย เช้ือสายจีนหนฝี ่าทัพพมา่ ออกจากกำแพงพระ นครศรีอยุธยาจนกรงุ ศรอี ยุธยาถูกพม่าตแี ตก ในปี พ.ศ. 2310แล้ว พมา่ ได้ทำลายบา้ นเมอื งจนเสียหายยอ่ ยยบั ล้างผลาญชวี ติ คน ข่มขนื ผู้หญิงไทย ปล้นเอา ทรพั ย์สนิ มคี า่ ทงั้ หมด กวาดตอ้ นประชาชนแมก้ ระท่งั พระสงฆไ์ ปเป็นเชลยเปน็ จำนวนมาก วัดวาอารามถูก เผาทำลาย คร้ันต่อมาพระยาตาก(สนิ )ไดส้ ถาปนาขึน้ เปน็ กษตั ริยแ์ ละตง้ั ราชธานีใหม่ คอื เมืองธนบุรแี ล้ว ก็ หาได้มใี จศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแทจ้ ริงไม่ กลับใช้อำนาจที่มีข่มเหงรั งแกพระสงฆ์ ท้งั สง่ั ประหาร เฆย่ี นตี หรือแมแ้ ตบ่ งั คับให้สงฆท์ ำหนา้ ที่ตักอุจจาระ และดว้ ยเหตุนี้เองจึงกอ่ ใหเ้ กิดกระแสความโกรธแค้น จากคนไทยท่ไี ด้ร้เู หน็ จนในที่สดุ พระเจ้าตากสินจึงไมอ่ าจครองบังลงั ก์อยไู่ ด้ อยา่ งไรก็ตาม ยคุ นี้ใน ปี พ.ศ. 2322 เจา้ พระยาจกั รีก็ได้อัญเชญิ พระแกว้ มรกตจากเวยี งจันทนม์ าไว้ยงั ประเทศไทยดว้ ยเช่นกัน สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาล ที่ 1 (พ.ศ. 2325 - 2352) พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอด ฟา้ จุฬาโลกมหาราช เสด็จข้ึนครองราชยเ์ มือ่ ปี พ.ศ. 2325 ต่อจากพระเจ้า ตากสนิ ไดท้ รงย้ายเมืองจากธนบรุ ี มาต้ังราชธานใี หม่ เรยี กชอื่ วา่ \"กรงุ เทพมหานครอมรรัตนโกสนิ ทร์\" ทรง สร้างและปฏสิ งั ขรณ์วดั ต่างๆ เชน่ การสร้าง วดั พระศรีรัตนศาสดาราม วดั สทุ ัศนเ์ ทพวราราม วัดสระเกศ และวัดพระเชตุพนวิมล มงั คลาราม เป็นต้น ทรงโปรดให้มกี ารสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 9 และถือเปน็ คร้งั ที่ 2 ในดนิ แดนประเทศไทยปัจจุบัน ณ วดั มหาธาตทุ รงตรากฎหมายคณะสงฆข์ ึ้น เพ่อื จัดระเบยี บการ ปกครองของสงฆ์ให้เรียบร้อย ทรงจัดใหม้ ีการสอบพระปรยิ ตั ธิ รรม ทรงสถาปนาสมเดจ็ พระสงั ฆราชองค์ แรกของกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ โดยสถาปนาพระสังฆราช (ศร)ี เปน็ สมเดจ็ พระสังฆราช เมอื่ ปี พ.ศ. 2352 รัชกาล ที่ 2 (พ.ศ. 2352 - 2367) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย เสด็จข้ึนครองราชย์เมือ่ พ.ศ. 2352 เป็นทรงทำนุบำรงุ ส่งเสริม พระพุทธศาสนาเหมอื นอย่างพระมหากษัตริย์ไทยแตโ่ บราณ ในรัชสมยั ของพระองค์ไดท้ รงสถาปนาสมเด็จ พระสังฆราชถึง 3 พระองค์ คือ สมเด็จพระสังฆราช (ม)ี , สมเดจ็ พระสังฆราช (สกุ ) , และสมเด็จ พระสงั ฆราช (สอน) ในปี พ.ศ. 2357 ทรงจัดส่งสมณทตู 8 รูป ไปฟืน้ ฟูพระพทุ ธศาสนาในประเทศลังกา ได้จัดให้มีการจัดงานวนั วสิ าขบชู าขน้ึ เป็นคร้ังแรกในสมยั กรงุ รตั น โกสนิ ทร์ เมื่อ พ.ศ. 2360 ซึง่ แต่เดิมกเ็ คยปฏบิ ัติถอื กนั มาเมอื่ ครั้ง กรงุ สโุ ขทัย แต่ไดข้ าดตอนไปต้ังแตเ่ สยี กรงุ ศรอี ยธุ ยาแก่พมา่ จึงได้มีการฟื้นฟูวนั วสิ าขบูชาใหม่ ไดโ้ ปรดให้มี การเปล่ียนแปลงแก้ไขวธิ ีการสอบไลป่ รยิ ัตธิ รรมข้ึนใหม่ ไดข้ ยายหลักสตู ร 3 ชั้น คือ เปรียญตรี -โท - เอก เป็น 9 ชน้ั คอื ชนั้ ประโยค 1 - 9 รัชกาล ท่ี 3 (พ.ศ. 2367 - 2354) พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยู่หวั โปรดใหม้ ีการสร้างพระไตรปิฎกฉบบั หลวงเพิ่มจำนวนข้นึ ไวอ้ ีกหลาย ฉบบั ครบถว้ น กวา่ รัชกาลกอ่ น ๆ โปรดให้แปลพระไตรปฎิ กเป็นภาษาไทย ทรงบรู ณปฏิสังขรณว์ ดั วาอาราม หลายแห่ง และสร้างวดั ใหม่ คือ วดั เทพธดิ าราม วัดราชราชนัดดา และวัดเฉลมิ พระ เกียรติ ได้ต้งั โรงเรียน หลวงข้นึ เป็นคร้ังแรก เพอื่ สอนหนงั สือไทยแก่เด็กในสมัยน้ไี ดเ้ กิดนกิ ายธรรมยตุ ขิ น้ึ โดยพระวชริ ญาณเถระ (เจ้าฟ้ามงกุฏ) ขณะที่ผนวชอยู่ไดท้ รงศรทั ธาเลอ่ื มใสในจรยิ าวตั รของพระมอญ ช่อื ซาย ฉายา พุทธฺ วโํ ส จึง ได้ทรงอุปสมบทใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2372 ได้ตัง้ คณะธรรมยตุ ิขน้ึ ในปี พ.ศ. 2376 แลว้ เสดจ็ มาประทับท่ีวัดบวร นเิ วศวิหาร และต้ังเปน็ ศูนย์กลางของคณะธรรมยตุ ิ

รชั กาล ที่ 4 (พ.ศ. 2394 -2411) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หวั รชั กาลที่ 4 เมื่อทรงเปน็ เจ้าฟา้ มงกุฎได้ผนวช 27 พรรษาแล้วได้ลา สิกขาขนึ้ ครองราชย์เม่ือพระชนมายุ 57 พรรษา ใน พ.ศ. 2239 ดา้ นการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธา สรา้ งวดั ใหมข่ ึ้นหลายวดั เชน่ วัดปทมุ วนาราม วดั โสมนัสวหิ าร วัดมกฎุ กษัตรยิ า ราม วดั ราชประดิษฐ์ สถิต มหาสีมาราม และวดั ราชบพิตร เป็นต้น ตลอดจนบูรณะวัดตา่ ง ๆ อีกมาก โปรดใหม้ ีพระราชพิธี \"มาฆบชู า\" ข้นึ เป็นครงั้ แรก ใน พ.ศ. 2394 ณ ที่วดั พระศรีรัตนศาสดาราม จนไดถ้ อื ปฏิบตั ิสบื มาจนถึงทกุ วันนี้ รัชกาล ท่ี 5 (พ.ศ. 2411 - 2453) พระบาทสมเดจ็ พระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั เสดจ็ ขนึ้ ครองราชย์ เมือ่ พ.ศ. 2411 ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น คอื วัดราชบพติ ร วดั เทพศิรนิ ทราวาส วดั เบญจมบพิตร วัดอัษฎางนิมิตร วดั จฑุ าทศิ ราชธรรมสภา และวัด นเิ วศนธ์ รรมประวตั ิ ทรงบรู ณะวดั มหาธาตุ และวัดอื่น ๆ อีก ทรงนพิ นธ์วรรณกรรมทางพทุ ธศาสนาจำนวน มาก โปรดใหม้ กี ารเริม่ ตน้ การศกึ ษาแบบสมัยใหม่ในประเทศไทย โดยใหพ้ ระสงฆร์ ับภาระชว่ ยการศกึ ษาของ ชาติ * พ.ศ. 2427 ได้จัดตง้ั โรงเรียนสำหรบั ราษฎรข้ึนเป็นแห่งแรก ณ วดั มหรรณพาราม * พ.ศ. 2414 โปรดให้จัดการศกึ ษาแก่ประชาชนในหัวเมอื ง โดยจดั ตง้ั โรงเรยี นในหัวเมืองขนึ้ * พ.ศ. 2435 มพี ระบรมราชโองการประกาศตั้งกรมธรรมการเปน็ กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการปจั จุบัน) โปรดใหม้ ีการพิมพ์พระไตรปฎิ กด้วยอักษรไทย จบละ 39 เลม่ จำนวน 1,000 จบ * พ.ศ. 2432 โปรดให้ย้ายทร่ี าชบัณฑติ บอกพระปริยัติธรรมแกพ่ ระภิกษสุ ามเณร จากในวดั พระศรีรตั น ศาสดาราม ออกมาเป็นบาลวี ทิ ยาลัย ชื่อมหาธาตุวทิ ยาลยั ท่ีวัดมหาธาตุ * พ.ศ. 2439 ได้ประกาศเปล่ียนนามมหาธาตวุ ิทยาลยั เป็นมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เปน็ ที่ศึกษา พระปรยิ ัตธิ รรมและวิชาการชนั้ สูงของพระภิกษุสามเณร * พ.ศ. 2436 สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงจัดต้ัง \"มหามกุฏราชวิทยาลัย\" ขึน้ เพ่ือเป็นแหลง่ ศึกษาพระพุทธศาสนาแกพ่ ระภิกษุสามเณรฝ่ายธรรมยตุ นิ กิ าย พระบาทสมเดจ็ พระ จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเสดจ็ เปิดในปีเดียวกนั รชั กาล ท่ี 6 (พ.ศ. 2453 -2468) พระบาท สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงพระปรชี าปราดเปรือ่ งในความร้ทู างพระ ศาสนามาก ทรงนพิ นธห์ นงั สือแสดงคำสอนในพระพุทธศาสนาหลายเร่ือง เชน่ เทศนาเสอื ปา่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รูอ้ ะไร เปน็ ต้น ถึงกับทรงอบรมสงั่ สอนอบรมข้าราชการดว้ ยพระองค์เอง ทรงโปรดให้ใช้ พุทธศักราช (พ.ศ.) แทน ร.ศ. เมอื่ พ.ศ. 2456 ใหเ้ ปลี่ยนกระทรวงธรรมการเปน็ กระทรวงศกึ ษาธิการ * พ.ศ. 2454 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส ทรงเปลีย่ นวธิ ีการสอบบาลี สนามหลวงจากปากเปล่ามาเป็นข้อเขียน เป็นครงั้ แรก * พ.ศ. 2469 ทรงเรม่ิ การศึกษาพระปริยตั ธิ รรมใหม่ขนึ้ อีกหลกั สูตรหนง่ึ เรยี กวา่ \"นักธรรม\" โดยมีการ สอบครัง้ แรกเมื่อ เดอื นตุลาคม พ.ศ. 2454 ตอนแรกเรียกว่า \"องค์ของสามเณรรู้ธรรม\" * พ.ศ. 2462 ถงึ พ.ศ. 2463 โปรดใหพ้ มิ พ์คัมภรี อ์ รรถกถาแห่งพระไตรปฎิ กและอรรถกถาชาดก และ คัมภรี ์อน่ื ๆ เชน่ วิสุทธมิ รรค คัมภีร์มลิ ิ นทปัญหา เป็นต้น

รัชกาล ที่ 7 (พ.ศ. 2468 - 2477) พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้า อยหู่ วั ทรงโปรดให้มีการทำสงั คายนาพระไตรปฎิ กข้ึน ตงั้ แต่ พ.ศ. 2468 - 2473 เพอ่ื ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รัชกาลท่ี 6 เปน็ การสังคายนาคร้งั ท่ี 3 ในเมอื งไทย แล้วทรงจดั ใหพ้ ิมพพ์ ระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ชุดละ 45 เลม่ จำนวน 1,500 ชุด และ พระราชทานแก่ประเทศต่าง ๆ ประมาณ 500 ชดุ โปรดให้ยา้ ยกรมธรรมการกลบั เข้ามารวมกับ กระทรวงศึกษาธิการ และเปลย่ี นชือ่ กระทรวงศึกษาธกิ ารเปน็ กระทรวงธรรมการอยา่ งเดมิ โดยมี พระราชดำริว่า \"การศกึ ษาไม่ควรแยกออกจากวดั \" ตอ่ มาปี พ.ศ. 2471 กระทรวงธรรมการประกาศเพิ่ม หลักสตู รทางจรยิ ศึกษาสำหรับนักเรยี น ได้เปดิ ให้ฆราวาสเรยี นพระปริยัตธิ รรม แผนกธรรม โดยจัดหลักสูตร ใหม่ เรียกวา่ \"ธรรมศกึ ษา\" ในรัชสมัยรชั กาลท่ี 7 ได้มกี ารเปลี่ยนแปลงการปกครองครง้ั ยิ่งใหญข่ องไทย เม่ือ คณะราษฎรได้ทำการปฏวิ ัติ เปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ เปน็ ระบอบ ประชาธิปไตย เมอื่ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว ทรงสละราช สมบตั เิ มอ่ื พ.ศ. 2477 ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวอานันทมหดิ ล ขึน้ ครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 8 รัชกาล ที่ 8 (พ.ศ. 2477 - 2489) พระ บาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั อานันทมหดิ ล เสด็จขึ้นครองราชยเ์ ปน็ รชั กาลท่ี 8 ในขณะพระพระชนมายุ เพยี ง 9 พรรษาเท่าน้นั และยงั กำลังทรงศึกษาอยใู่ นต่างประเทศ จงึ มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในด้าน การศาสนาไดม้ ีการแปลพระไตรปฎิ กเป็นภาษาไทย แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ 1. พระไตรปิฎก แปลโดยอรรถ พิมพเ์ ปน็ เลม่ สมุด 80 เล่ม เรยี กวา่ พระไตรปฎิ กภาษาไทย แต่ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณ์ และได้ทำตอ่ จนเสร็จเมื่องานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2500 2. พระไตรปิฎก แปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน แบ่งเปน็ 1250 กัณฑ์ เรียกว่า พระไตรปิฎกฉบบั หลวง เสร็จเม่อื พ.ศ. 2492 * พ.ศ. 2484 ได้เปล่ียนช่ือกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ และกรมธรรมการเปลี่ยนเป็น กรมการศาสนา และในปเี ดยี วกนั รัฐบาลไดอ้ อก พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 เมือ่ วันที่ 14 ตุลาคม เพอื่ ให้ การปกครองคณะสงฆม์ ีความสอดคล้องเหมาะสมกับการปกครองแบบใหม่ * พ.ศ. 2488 มหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งตง้ั ข้ึนเม่อื พ.ศ. 2436 ได้ประกาศต้ังเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ชอ่ื \"สภาการศึกษามหามกฏุ ราชวิทยาลยั \" เมอ่ื วันท่ี 10 ธนั วาคม * พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวอานนั ทมหดิ ลได้ถูกลอบปลงพระชนม์ เมอ่ื วันที่ 9 มถิ นุ ายน พระ บาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช เสด็จขน้ึ ครองราชย์ เป็นรัชกาลท่ี 9 รชั กาลปจั จุบัน สมยั รัชกาลท่ี 9 (พ.ศ. 2489 - ปัจจบุ นั ) พระ บาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ได้เสด็จขึน้ ครองราชยเ์ ป็นรัชกาลที่ 9 สืบต่อมา ทรงมพี ระ ราชศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา และทรงเป็นศาสนปู ถมั ภก ทรงให้การอุปถมั ภ์แก่ทุกศาสนา ทรงสร้างวดั แห่ง หนึง่ ท่จี ังหวัดชลบุรี และทรงปกครองบ้านเมอื งโดยสงบรม่ เยน็ ตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ในรัชสมยั รัชกาลปจั จบุ นั ได้มีการส่งเสรมิ พุทธศาสนาด้านตา่ ง ๆ มากมาย ในปี พ.ศ. 2500 ซ่งึ เปน็ ปคี รบรอบ 2,500 ปที ีพ่ ระพุทธเจา้ เสด็จดับขนั ธปรนิ พิ พาน วันท่ี 12-18 พฤษภาคม 2500 รัฐบาลได้จัดงานฉลอง 25 พทุ ธศตวรรษขน้ึ อย่างย่งิ ใหญ่ ซงึ่ อนิ เดยี และลังกาเรียกว่า \"พุทธชยนั ต\"ี โดยกำหนดใหว้ นั ท่ี 12-14 พฤษภาคมเปน็ วนั หยุดราชการ ศาลาพิธีตง้ั อย่กู ลางทอ้ งสนามหลวง

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ไดเ้ สด็จฯ เปน็ องค์ประธานเปิดงาน มผี แู้ ทนจาก 13 ประเทศเข้ารว่ ม พระสงฆ์ 2,500 รูป เจรญิ พระพทุ ธมนต์พรอ้ มกันดังกงั วานก้องไปทวั่ ทกุ ทศิ และมกี ารเชิญชวน พุทธศาสนกิ ชนรกั ษาศีลหา้ หรือศีลแปด ตลอด 7 วนั 7 คืน ในปี พ.ศ. 2500 นี้ รฐั บาลได้กำหนดพธิ ีเฉลิมฉลองทวั่ ประเทศ มีการจดั สรา้ งพทุ ธมณฑล ขน้ึ ณ ท่ีดิน 2,500 ไร่ ระหวา่ งกรงุ เทพ-นครปฐม แลว้ สร้างพระมหาพุทธปฏมิ าปางประทับยนื ลลี าสูง 2500 นิ้ว ภาย ใน บรเิ วณรอบองค์พระมีภาพจำลองพระพุทธประวตั ิ และมีพพิ ธิ ภัณฑ์ทางพระพทุ ธศาสนา ไดป้ ลูกตน้ ไม้ที่มชี ่อื ในพระพุทธศาสนา เชน่ ตน้ โพธิ์ ต้นไทร เปน็ ต้น สร้างพระพิมพ์ปางลีลาเป็นเนื้อชินและเนือ้ ผงจำนวน 4,842,500 องค์ พิมพพ์ ระไตรปฎิ กแปลจากภาษาบาลีเปน็ ภาษาไทยออกเผยแพร่ และบรู ณะปูชนยี สถาน วดั วาอารามทั่วพระราชอาณาจักร อปุ สมบทพระภิกษุจำนวน 2,500 รปู และนิรโทษกรรมแกน่ กั โทษ ประกวด วรรณกรรม ศิลปะทางพระพุทธศาสนา โดยเชญิ ผแู้ ทนพุทธศาสนิกชนทว่ั โลกมาร่วมอนโุ มทนา ในปัจจบุ นั นม้ี ปี ระชากรไทยนับถอื พทุ ธศาสนามากกว่าร้อยละ 94 และมพี ุทธศาสนิกชนมากเป็นอนั ดับ 4 ของโลก (รองจากประเทศจีน ญ่ีปุ่น และเวยี ดนาม ตามลำดบั ) ข้อมูลอา้ งองิ ขอ้ มูลจากวกิ ิพเี ดยี สารานกุ รมเสรี http://th.wikipedia.org/- ข้อมลู จากวกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสรี http://th.wikipedia.org/ ลขิ สิทธิ์ © 2020 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอดุ รธานี. สงวนไวซ้ งึ่ สทิ ธิทัง้ หมด. Joomla! เป็นซอฟท์แวร์เสรภี ายใตล้ ขิ สทิ ธิ์ GNU/GPL License. เวบ็ นี้ขบั เคลอื่ นดว้ ย จูมล่าลายไทย