บรรยายประโยชน์กองทุนประกันสังคมปี 65

โดย นางวชั รี พงศ์กติ ติภญิ โญ เจ้าพนักงานแรงงานชานาญงาน

1.เจ็บป่ วย 2.คลอดบตุ ร 3.ทพุ พลภาพ 4.ตาย 5.สงเคราะห์บตุ ร 6.ชราภาพ 7.ว่างงาน

อตั ราเงนิ สมทบอผตั ูปร้ าสรงู ะสกดุ ทนั ี่ ตนลม/จา,ตนร/จา 33รฐั บาล กรณี กฎหมายกาหนด ฝ่ ายละ หน่วย % เจบ็ ป่ วย คลอดบุตร 1.5 1.5 1.5 ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะหบ์ ตุ ร 3 31 ชราภาพ 5 0.50 0.25 ว่างงาน 3 รวม 9.5 5 2.75

กรณี เงื่อนไขการเกิดสิทธิ เจ็บป่ วย ทพุ พลภาพ จ่ายเงินสมทบไมน่ ้อยกว่า 3 เดือนภายใน 15 เดือน ก่อน ป่ วย-ทพุ พลภาพ คลอดบตุ ร จ่ายเงินสมทบไมน่ ้อยกว่า 5 เดือนภายใน 15 เดือนก่อน คลอด ตาย จ่ายเงินสมทบไมน่ ้อยกว่า 1 เดือนภายใน 6 เดือนก่อน ตาย สงเคราะห์บตุ ร จ่ายเงินสมทบไมน่ ้อยกว่า 12 เดือนภายใน 36 เดือนก่อน มสี ิทธิ ว่างงาน จ่ายเงินสมทบไมน่ ้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อน การว่างงาน 4

เจบ็ ป่ วยปกติ

การเปลย่ี นสถานพยาบาลตามสิทธิประจาปี ต้งั แต่ 2 มกราคม – 31 มนี าคม (ปี ละ 1 คร้ัง) สถานพยาบาลในโครงการประกนั สังคม ในเขตจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา 1. รพ.พระนครศรีอยุธยา (กระทรวงสาธารณสุข) 2. รพ. เสนา (กระทรวงสาธารณสุข) 3. รพ. การุญเวช อยุธยา (เอกชน) 4. รพ.ราชธานี 5. รพ.ราชธานี โรจนะ หลกั เกณฑ์ - สถานพยาบาลทตี่ ้งั อย่ใู นเขตจงั หวดั ท่ีผ้ปู ระกนั ตนประจาทางานอยู่ หรือเขตจงั หวดั รอยต่อ - สถานพยาบาลทต่ี ้งั อยู่ในจังหวดั ทผี่ ู้ประกนั ตนพกั อาศัยอยู่จริงหรือเขตรอยต่อ

1. กรณีประสบ ใช้สิทธิได้ไมจ่ ากัดจานวนคร้งั อันตราย/อุบตั ิเหตุ 2. กรณีเจ็บป่ วย ใช้สิทธิได้ไมจ่ ากัดจานวนคร้ัง ฉุกเฉิน

จา่ ยค่ารกั ษาไปก่อน รบี แจง้ ร.พ. ตามสิทธิ นาใบเสร็จ+ใบรบั รองแพทย์ ร.พ.ตามสทิ ธิ รกั ษาตอ่ ท่ี มาเบกิ คืน รบั ตวั ไปรกั ษาตอ่ โรงพยาบาลเดมิ สปส. จา่ ยค่ารกั ษา ร.พ.ตามสทิ ธิ รบั ผิดชอบ คา่ รกั ษาทเี่ กิดข้ ึนหลงั จากรบั แจง้ 8 ภายใน 72 ชม.แรก



กรณีประสบอนั ตรายหรอื เจ็บป่ วยฉกุ เฉินวิกฤต ผปู้ ระกนั ตนสามารถเขา้ รบั บริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลเอกชนท่ีใกลเ้ คียงไดท้ ุกแหง่ โดยไม่ตอ้ งสารอง คา่ ใชจ้ า่ ย สปส.จะรบั ผิดชอบคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีเกิดข้ ึนภายใน 72 ชม. โดยนบั รวมวนั หยุดราชการ หากพน้ วิกฤตจะสง่ ตอ่ รพ.ตามสิทธิ

ตารางการตรวจร่างกายและทางหอ้ งปฏิบตั ิการตามแนวทางการ ตรวจสุขภาพที่จาเป็ นและเหมาะสม

โรคและบรกิ ารท่ีไม่มีสิทธิไดร้ บั บรกิ ารทางการแพทย์ 1. โรค หรือการประสบอนั ตรายอนั เน่ืองมาจากการใช้ สารเสพตดิ ตามกฎหมายว่าดว้ ยยาเสพตดิ 2. การบาบดั ทดแทนไต กรณีไตวายเร้ อื รงั ยกเวน้ กรณีไตวายเร้ ือรงั ระยะสุดทา้ ย ใหม้ ีสิทธิฟอกเลือด ลา้ งช่องทอ้ ง และปลกู ถ่ายไต 3. การกระทาใดๆ เพอื่ ความสวยงามโดยไม่มขี ้อบ่งชี้ ทางการแพทย์

โรคและบรกิ ารที่ไมม่ ีสทิ ธิไดร้ บั บรกิ ารทางการแพทย์ (ต่อ) 4. การรักษาทยี่ งั อยู่ในระหว่างการทดลอง 5. การรักษาภาวะมีบุตรยาก 6. การตรวจชิ้นเนือ้ เยอ่ื เพอ่ื การผ่าตดั เปลย่ี นอวยั วะ ยกเว้น ตรวจเนือ้ เยอื่ เพอ่ื การปลูกถ่ายอวยั วะหรือเซลล์ต้น กาเนิด 7. การตรวจใด ๆ ทเี่ กนิ ความจาเป็ น

โรคและบรกิ ารท่ีไมม่ ีสิทธิไดร้ บั บรกิ ารทางการแพทย์ (ต่อ) 8. การผ่าตัดเปลยี่ นอวยั วะ ยกเว้น การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกาเนิด การเปลยี่ นอวยั วะกระจกตา การปลูกถ่ายตบั ,ปอด,หัวใจ,ตบั อ่อน รวมถงึ การปลูกถ่าย เกนิ หน่ึงอวยั วะขนึ้ ไป 9. การเปลยี่ นเพศ

โรคและบรกิ ารที่ไมม่ ีสิทธิไดร้ บั บรกิ ารทางการแพทย์ (ต่อ) 10. การผสมเทียม 11. การบริการระหว่างรักษาตวั แบบพกั ฟื้ น 12. ทันตกรรม ยกเว้น -ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และผ่าฟันคุด ไม่เกนิ 900 บ./ปี -ใส่ฟันปลอม 1,300 บ.- 4,400 บ. ภายในระยะเวลา 5 ปี (ชนิดถอดได้บางส่วน 1-5 ซี่ ชิ้นละ 1,300 บ. มากกว่า 5 ซ่ี ชิ้นละ 1,500 บ.) (ฟันเทยี มชนิดถอดได้ท้งั ปากบนหรือล่าง ไม่เกนิ 2,400 บาท) (ฟันเทยี มชนิดถอดได้ท้งั ปากบนและล่าง ไม่เกนิ 4,400 บาท) 13. แว่นตา



โรคเร้อื รงั 1. โรคมะเรง็ 2. โรคไตวายเร้อื รงั 3. โรคเอดส์ 4. โรคหรอื การบาดเจ็บของสมอง เสน้ เลอื ดสมอง หรอื กระดกู สนั หลงั เป็ นเหตใุ หอ้ มั พาต 5. ความผิดปกติของกระดกู หกั ท่ีมีภาวะแทรกซอ้ น ไดแ้ ก่ กระดกู ท่ีมี การติดเช้ือ กระดกู ติดชา้ กระดกู ไมต่ ิด กระดกู ผิดปกติ หรอื เหลก็ ดาม กระดกู หกั 6. โรคหรอื การเจ็บป่ วยอ่ืนๆ ท่ีตอ้ งรกั ษาตวั อยา่ งต่อเน่ือง โดยไม่ สามารถทางานติดต่อกนั ไดเ้ กิน 180 วนั ทง้ั น้ีโดยการวินิจฉยั ของ คณะกรรมการการแพทย์

กรณเี จ็บป่ วยด้วยโรคเรื้อรัง ผูป้ ระกนั ตนมีสทิ ธิรบั ประโยชนท์ ดแทนกรณตี าย แมส้ ง่ เงนิ สมทบไม่ครบตามสทิ ธิ - ค่าทาศพ - เงนิ สงเคราะหก์ รณตี าย

คลอดบตุ ร - สำรองจำ่ ยเงนิ ไปกอ่ น (ฝำกครรภจ์ นคลอด) - เบิกคำ่ คลอดบตุ รเหมำจำ่ ยกบั สปส. 15,000 บำท ไมจ่ ำกดั จำนวนครง้ั (ผปู้ ระกนั ตนหญิง/ผปู้ ระกนั ตนชำย) ตงั้ แต่ 1 มกรำคม 2564 - ผปู้ ระกนั ตนหญิงไดร้ บั เงนิ สงเครำะห์ 50% ของคำ่ จำ้ ง 90 วนั ( 2 ครง้ั )

การใชส้ ิทธเิ ขา้ รบั บริการฝากครรภ์ เขา้ รับบรกิ ารฝากครรภ์ ณ สถานพยาบาลหรือคลนิ กิ ตาม มาตรฐานอนามัยแมแ่ ละเดก็ กระทรวงสาธารณสุข ตัง้ แต่วนั ที่ 1 พฤษภาคม 2561 เปน็ ต้นไป ผู้ประกันตนหญงิ ภรยิ าของผู้ประกันตนชาย หญิงซึ่งอยู่กินฉันสามภี รยิ ากับผู้ประกันตนชายโดยเปดิ เผย

คา่ ตรวจและรับฝากครรภ์  มเี งินสมทบครบ 5 เดือน ภายใน 15 เดอื น ก่อนใช้สทิ ธกิ รณฝี ากครรภ์

อตั ราการจา่ ยค่าตรวจและรับฝากครรภ์ เท่าท่จี ่ายจริงไมเ่ กิน 1,500 บาท ตามช่วงอายุครรภ์ ดงั น้ี • อายคุ รรภไ์ ม่เกนิ 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราเทา่ ทจ่ี ่ายจริงไม่เกนิ 500 บาท • อายคุ รรภ์มากกวา่ 12 สปั ดาห์ แต่ไมเ่ กิน 20 สัปดาห์ จา่ ยในอตั ราเท่าทีจ่ ่ายจริงไม่เกิน 300 บาท • อายุครรภ์มากกวา่ 20 สัปดาห์ แตไ่ ม่เกิน 28 สปั ดาห์ จา่ ยในอัตราเทา่ ท่จี า่ ยจริงไม่เกิน 300 บาท • อายคุ รรภม์ ากกว่า 28 สปั ดาห์ แตไ่ ม่เกิน 32 สัปดาห์ จา่ ยในอัตราเทา่ ทจ่ี ่ายจริงไม่เกนิ 200 บาท • อายุครรภม์ ากกว่า 32 สัปดาห์ แตไ่ มเ่ กนิ 40 สัปดาห์ จา่ ยในอัตราเท่าที่จา่ ยจริงไมเ่ กนิ 200 บาท

คา่ ส่งเสริมสขุ ภาพหญงิ ต้งั ครรภ์  มีเงนิ สมทบครบ 3 เดอื น ภายใน 15 เดอื น ก่อนใช้สทิ ธริ ับบรกิ าร สง่ เสริมสขุ ภาพ หญิงตัง้ ครรภ์

การใชส้ ิทธิบริการส่งเสริมสขุ ภาพและป้องกันโรค รายการสาหรบั การสง่ เสริมสุขภาพหญงิ ต้งั ครรภ์  ผู้ประกันตนหญิงท่ีต้ังครรภ์มีการเข้ารับบริการฝากครรภ์ ณ ส ถ า น พ ย า บ า ล ห รื อ ค ลิ นิ ก ต า ม ม า ต ร ฐ า น อ น า มั ย แ ม่ แ ล ะ เ ด็ ก กระทรวงสาธารณสุข ต้ังแต่วันท่ี 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้น ไป  ต่อมาบุตรเสยี ชวี ติ ก่อน 28 สัปดาห์

อตั ราการจา่ ยคา่ สง่ เสริมสขุ ภาพหญิงตั้งครรภ์ จ่ายสง่ เสรมิ สขุ ภาพหญงิ ตงั้ ครรภใ์ นอตั ราเท่าทีจ่ ่ายจรงิ ไมเ่ กิน 1,000 บาท ตามชว่ งอายคุ รรภ์ ดงั น้ี • อายุครรภ์ไมเ่ กิน 12 สัปดาห์ จา่ ยในอัตราเท่าท่จี ่ายจริงไม่เกิน 500 บาท • อายคุ รรภ์มากกวา่ 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สปั ดาห์ จ่ายในอตั ราเทา่ ทจี่ ่ายจริงไมเ่ กนิ 300 บาท • อายคุ รรภ์มากกว่า 20 สปั ดาห์ แตไ่ มเ่ กนิ 28 สัปดาห์ จ่ายในอตั ราเทา่ ท่ีจ่ายจรงิ ไม่เกนิ 300 บาท

ทพุ พลภาพ ประกาศสานกั งานประกนั สงั คม เรอื่ ง กาหนดหลกั เกณฑใ์ นกรณี ทพุ พลภาพ ลงวนั ท่ี 2 ตลุ าคม 2560 มี 2 ระดบั ดงั น้ี (1) ทพุ พลภาพระดบั ความสญู เสียไม่รนุ แรง -ประเมินความสญู เสียตง้ั แต่รอ้ ยละ 35 ข้ึนไป แต่ไมถ่ ึงรอ้ ยละ 50 (2) ทพุ พลภาพระดบั ความสญู เสยี รนุ แรง -ประเมินความสญู เสียตง้ั แต่รอ้ ยละ 50 ข้ึนไป

สิทธิประโยชนก์ รณีทพุ พลภาพ 1. เงินทดแทนการขาดรายได้ เป็ น 2 ประเภท ระดบั ความสญู เสียไมร่ นุ แรง -เงินทดแทนการขาดรายไดร้ อ้ ยละ 30 ของ ค่าจา้ งรายวนั ตามมาตรา 57 ไมเ่ กิน 180 เดือน (15 ปี ) ระดบั สญู เสยี รนุ แรง -เงินทดแทนการขาดรายไดร้ อ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ ง รายวนั ตามมาตรา 57 ตลอดชีวิต 2. เงินบาเหน็จชราภาพพรอ้ มดอกผล

สิทธิประโยชนก์ รณีทพุ พลภาพ 3. ไดร้ บั บรกิ ารทางการแพทย์ 3.1 โรงพยาบาลรฐั บาล รกั ษาฟรี 3.2 โรงพยาบาลเอกชน -ผปู้ ่ วยนอก เท่าที่จ่ายจรงิ แต่ไมเ่ กนิ เดือนละ 2,000 บ. -ผปู้ ่ วยใน เท่าท่ีจ่ายจรงิ ไม่เกนิ เดือนละ 4,000 บ. -เจ็บป่ วยฉกุ เฉินวิกฤต 72 ชม. จากนน้ั สง่ ต่อ รพ.รฐั 4. คา่ รถพยาบาลหรอื ค่าพาหนะรบั – สง่ ผทู้ พุ พลภาพ กรณีเขา้ รบั การบรกิ ารทางการแพทย์ เดือนละ 500 บ. 5. ค่าอปุ กรณห์ รอื อวยั วะเทียม 6. คา่ ฟ้ื นฟสู มรรถภาพทางรา่ งกาย จิตใจ และอาชีพ ตาม ประกาศคณะกรรมการทางการแพทย์ 7. คา่ ทาศพกรณีตาย และเงินสงเคราะหก์ รณีตาย

กรณีตาย ค่าทาศพ 50,000 บาท(2ก.ค.63) เงนิ สงเคราะห์ ให้ทายาท ดังน้ี

ทายาทผูม้ ีสิทธิหรือบุคคลตามหนงั สือระบใุ หเ้ ป็ นผูม้ ีสิทธิ เงินสงเคราะหก์ รณีผปู้ ระกนั ตนถึงแก่ความตาย ทายาท ผูม้ ีสิทธิ ไดแ้ ก่ 1. บุคคลซึ่งผปู้ ระกนั ตนทาหนงั สือระบุใหเ้ ป็ นผมู้ ีสิทธิไดร้ บั เงินสงเคราะห์ 2. สามีภริยา บิดามารดา หรอื บุตรของผปู้ ระกนั ตน(กรณีไม่มีตามขอ้ 1) 3. บุตร หมายถึง บุตรโดยชอบดว้ ยกฎหมาย บุตรชอบดว้ ยกฎหมายท่ีได้ยกให้ เป็ นบุ ตรบุ ญธรรมของบุ คคลอื่ นและบุ ตรบุ ญธรรมที่ รับ มา ............ ซึ่งจะแตกตา่ งจากกรณีชราภาพ

กรณีสงเคราะห์บตุ ร - เป็ นผูป้ ระกันตนมาตรา 33 บตุ รแรกเกิด - 6 ปี หรือมาตรา 39 - เงินสงเคราะห์บตุ ร 800 บาท/เดือน คราวละไมเ่ กิน 3 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564) เป็ นบตุ รท่ีชอบด้วยกฎหมาย - ผูป้ ระกันตนตายหรอื ทพุ พลภาพ ให้ผูอ้ ุปการะเป็ นผูร้ ับเงินต่อ จนบตุ รอายุครบ 6 ปี

กรณีหมดสทิ ธริ บั เงนิ สงเคราะหบ์ ตุ ร บุตรที่ไดร้ ับเงินสงเคราะห์บุตรเสียชีวิต ความเป็นผปู้ ระกนั ตนสิ้นสุดลง ยกใหเ้ ป็นบุตรบุญธรรมของผอู้ ื่น บุตรอายคุ รบเกณฑท์ ่ีกาหนด

กรณีชราภาพ อายุครบ 55 ปีบรบิ ูรณ์ สน้ิ สภาพการเป็นผูป้ ระกนั ตน ผูท้ ุพพลภาพ ตาย

กรณีชราภาพ บำนำญชรำภำพ บำเหน็จชรำภำพ เงินสมทบ 180 เดือนข้ึนไป เงินสมทบ 1 – 179 เดือน (15 ปี )

กรณีชราภาพ บาเหน็จชราภาพ - ได้รับเงินคราวเดียว - จ่าย 1-11 เดือน ได้รับส่วนของ ผปต. ท่ีส่งมา - จ่าย 12-179 เดือน ได้รับส่วนของ ผูป้ ระกันตน + นายจ้าง =6% พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน

กรณีชราภาพ บานาญชราภาพ รอ้ ยละของเงินบานาญ - เบ้อื งต้นรอ้ ยละ 20 ของค่าจ้าง - ได้รับเงินรายเดือนตลอดชีวิต เฉล่ีย 60 เดือนสดุ ท้าย - จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน ปรับเพมิ่ อีกร้อยละ 1.5 ต่อปี

ฐานค่าจ้างท่ีนามาคานวณเงินบานาญชราภาพ (ใช้ฐานค่าจ้างเฉล่ีย 60 เดือนสดุ ท้ายก่อนส้ินสดุ ความเป็ นผูป้ ระกันตน) กรณผี ูป้ ระกันตนตามมาตรา 33 ใช้ฐานค่าจ้างเฉล่ีย 60 เดือนสดุ ท้ายเป็ นฐานในการคานวณ กรณีเป็ นผูป้ ระกันตนตามมาตรา 39 ใช้ฐานค่าจ้าง 4,800 บาท เป็ นฐานในการคานวณ

ฐานค่าจ้างท่ีนามาคานวณเงินบานาญชราภาพ (ต่อ) กรณีเป็ นผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 33 และต่อมาเป็ น ผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 39 ดว้ ย ใหใ้ ชฐ้ านมาตรา 33 และมาตรา 39 รวมกนั เฉลี่ย 60 เดือนสดุ ทา้ ยเป็ นฐาน ในการคานวณ

ฐานค่าจ้างท่ีนามาคานวณเงินบานาญชราภาพ (ต่อ) ตวั อยา่ ง การใชฐ้ านค่าจา้ งตามมาตรา 33 และมาตรา 39 รวมกนั เฉลีย่ 60 เดือนสดุ ทา้ ยเป็ นฐานในการคานวณ ผปู้ ระกนั ตนไดร้ บั ค่าจา้ ง 60 เดือนสดุ ทา้ ย 1. เดือนที่ 1 -36 ผปู้ ระกนั ตนทางานบรษิ ทั ก ไดร้ บั คา่ จา้ งเดือนละ15,000 บาท 2. เดือนที่ 37 -60 เป็ นผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 39 จ่ายเงินสมทบ จากฐาน คา่ จา้ งเดือนละ 4,800 บาท การคานวณ ค่าจา้ งเฉลย่ี 60 เดือนสดุ ทา้ ย = (15,000 x 36) + (4,800 x 24) 60 = 10,920 บาท

สตู รการคานวณเงินบานาญชราภาพ สตู รคานวณ คา่ จา้ งเฉล่ีย 60 เดือนสดุ ทา้ ย x 20 % (+จานวน% ท่ีเพ่ิมใหอ้ ีกปี ละ 1.5%) หากจานวนเงนิ ที่คานวณได้น้อยกว่าเงินบานาญชราภาพข้นั ตา่ (720) ให้ผู้รับบานาญได้รับเงนิ บานาญชราภาพรายเดือนเท่ากบั เงนิ บานาญชราภาพ ข้นั ต่าจานวนเงิน 720 บาท



งดการจา่ ยเงินบานาญชราภาพเมื่อใด ต้ังแต่เดือนที่กลับเขา้ เป็นผ้ปู ระกนั ตน หรือ ถัดจากเดือนที่ผรู้ ับเงินบานาญชราภาพ ถึงแก่ความตาย 42

บานาญตกทอด หากเสียชีวิต ภายใน 60 เดือน (5 ปี ) หลงั รบั เงินบานาญชราภาพ ทายาทไดร้ บั เงินบาเหนจ็ 10 เท่าของบานาญรายเดือนทีไ่ ดร้ บั อยู่

ทายาทผมู้ ีสทิ ธริ บั เงินชราภาพ 1 2 บุตรคนที่ บุตรคนที่ 2 บุตรคนท่ี 1 บุตรคนที่ 2 1 (1 สว่ น) (1 สว่ น) (1 สว่ น) (1 สว่ น) สามี/ ภรรยา สามี/ภรรยา บุคคลทที่ า (1 สว่ น) บุตรคนที่ 3 (1 สว่ น) (1 สว่ น) หนงั สอื ระบุให้ บิดา/มารดา สทิ ธิ บดิ า/มารดา บุคคลที่ทา บดิ าหรอื (1 สว่ น) บดิ าหรอื หนงั สอื ระบุให้ มารดา มารดา (1 สว่ น) สทิ ธิ (1 สว่ น) (1 สว่ น)

ทายาทผมู้ ีสทิ ธิ (ต่อ) หากไมม่ ีทายาทหรอื ไมม่ ีบคุ คลท่ีทาหนงั สือระบไุ วเ้ ป็ น ผมู้ ีสิทธิ จะใหส้ ิทธิแกท่ ายาทตามลาดบั โดยไดร้ บั สว่ น แบ่งของลาดบั ที่มีสิทธิเท่ากนั (1) พี่นอ้ งรว่ มบิดามารดาเดียวกนั (2) พี่นอ้ งรว่ มบิดาหรอื มารดาเดียวกนั (3) ป่ ู ยา่ ตา ยาย (4) ลงุ ป้ า นา้ อา ปรบั สทิ ธิประโยชนท์ ดแทนตามพระราชบญั ญตั ิประกนั สงั คม (ฉบบั ที่4) พ.ศ. 2558 ตง้ั แต่ 20 ต.ค. 58

สิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน 1. ได้รบั เงินทดแทนการขาดรายได้ระหว่างว่างงาน ดังน้ี เลิกจ้าง : 50% ของค่าจ้าง ไมเ่ กิน 180 วัน ใน 1 ปี ปฏิทิน ลาออก : 30% ของค่าจ้าง ไมเ่ กิน 90 วัน ใน 1 ปี ปฏิทิน เหตสุ วุ ิสัย หมายความรวมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตาม กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อซึ่งมผี ลกระทบต่อสาธารชน และถึงขนาดที่ผูป้ ระกันตนไมส่ ามารถ ทางานได้ หรือนายจ้างไมส่ ามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ 50% ของค่าจ้างไมเ่ กิน 90 วัน (19 ธันวาคม 2563 เป็ นต้นไป) 2. บรกิ ารจัดหางาน 3. พฒั นาฝี มอื แรงงาน

กรณีว่างงาน 1. จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนการว่างงาน กับนายจ้างรายสดุ ท้าย 2. ไมใ่ ช่ผูม้ สี ิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ 3. ส้ินสดุ การเป็ นผูป้ ระกันตน ม.33 4. มรี ะยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันข้ึนไป

5. ต้องข้ึนทะเบยี นที่สานักงานจัดหางานเขตพ้นื ที่/จังหวัด หรอื ข้ึนทะเบียนว่างงานผา่ นระบบอินเทอร์เน็ต (เว็ปไซต์ e-service.doe.go.th) ของสานักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน จะได้รับประโยชน์ ทดแทนต้ังแต่วันท่ี 8 นับแต่วันว่างงานกับนายจ้างรายสดุ ท้าย จนครบสิทธิ 6. มคี วามสามารถในการทางานและพร้อมท่ีจะทางานท่ีเหมาะสมท่ีรัฐจัดให้ 7. ไมป่ ฏิเสธการฝึ กงาน 8. รายงานตัวต่อสานักงานจัดหางานฯ หรอื ผา่ นระบบอินเทอร์เน็ต ตามกาหนด 9. ไมถ่ กู เลิกจ้างเน่ืองจากกระทาผดิ ต่อนายจ้าง

การรายงานตวั กรณีว่างงาน • ผปู้ ระกนั ตนสามารถรายงานตวั ได้ ก่อน 7 วนั นบั แตว่ นั ท่ี นัดรายงานตัว หรือ หลังวันที่นัดรายงานตัวไม่เกิน 7 วัน ถือว่าเป็ นการรายงานตัว ตามกาหนด ตวั อยา่ ง ( 1-2-3-4-5-6-7- -9-10-11-12-13-14-15 ) ** วนั ท่ี 8 คือวนั ที่นดั รายงานตวั ในระบบ **

สานักงานประกนั สังคมงดจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเมอื่ 1. ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกลบั เข้าเป็ นผู้ประกนั ตนมาตรา33 2. ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนปฏิเสธการทางาน / ปฏิเสธการฝึ กงาน โดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร 3. ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนไม่ไปรายงานตวั ทสี่ านักงานจดั หางาน โดยไม่มี เหตุผลอนั สมควร