Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 8.1 การเงินการธนาคาร

หน่วยที่ 8.1 การเงินการธนาคาร

Published by นงเยาว์ บุญริน, 2020-09-27 22:17:23

Description: หน่วยที่ 8.1 การเงินการธนาคาร

Search

Read the Text Version

การเงนิ และการธนาคาร 1. ความหมายและวิวัฒนาการทางสังคมของเงิน 2. คณุ สมบัตขิ องเงิน 3. หน้าทขี่ องเงนิ 4. ปริมาณเงิน 5. ทฤษฎีเกีย่ วกับการเงนิ

ความหมายและววิ ัฒนาการทางสงั คม เนือ่ งจากทกุ คนไม่สามารถผลติ ทุกอยา่ งที่ตนเองตอ้ งการได้ จงึ เลอื กผลิตเฉพาะท่ี ตนเองถนดั แล้วนาผลผลิตมาแลกเปลยี่ นหรอื ขาย นาเงินมาซือ้ ส่ิงที่ตนเองตอ้ งการ ลกั ษณะน้เี รยี กว่า การแลกเปลยี่ น การแลกเปลย่ี นของสงั คมแบง่ ออกเป็น 1. สงั คมทใี่ ช้ของต่อของ หรอื สนิ คา้ ต่อสนิ คา้ ในการแลกเปลี่ยน (Barter society) 2. สงั คมทใี่ ช้ส่งิ ของในการแลกเปลี่ยน (Commodity society) 3. สงั คมท่ใี ชเ้ งนิ ในการแลกเปลี่ยน (Money society) 4. สงั คมที่ใช้เครดติ ในการแลกเปลยี่ น (Credit society)

ความหมายและววิ ัฒนาการทางสังคม 1. สงั คมที่ใชข้ องตอ่ ของ หรอื สินคา้ ต่อสนิ ค้าในการแลกเปลย่ี น (Barter society) จะทาการค้าโดยการแลกเปล่ียนสนิ ค้าต่อสนิ คา้ โดยตรง ไมใ่ ช้เงนิ ตรา เช่น ชาวนาตอ้ งการควาย 1 ตวั มาไถนา จึงนาสุกร 2 ตวั ไปแลกเปลยี่ น ชาวนาจะตอ้ งหาผทู้ ่ี มคี วายและตอ้ งการสกุ ร การแลกเปล่ียนจงึ จะเกดิ ขึน้ การแลกเปลีย่ นในสังคมแบบนี้มี ปญั หามากเพราะ 1) การคา้ จะเกิดข้ึนเมอ่ื ต่างฝา่ ยต่างมีสนิ ค้าทอี่ กี ฝ่ายต้องการในคุณภาพและ ปรมิ าณทตี่ ้องการ 2) สินคา้ ทีแ่ ลกเปลยี่ นต้องแบง่ ออกเป็นหนว่ ยย่อย ๆ ได้

ความหมายและวิวฒั นาการทางสังคม 3) การกาหนดอัตราแลกเปล่ียนอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมทาไดย้ าก เชน่ ต้องใช้ไก่ ก่ีตัว มาแลกกับหมู 1 ตัว 4) ยุ่งยากในการกาหนดระดบั ความมั่งคั่งหรอื อานาจซ้ือ เพราะของบางอยา่ งเกบ็ ได้ไมน่ าน เนา่ เสียงา่ ย เชน่ ผัก ผลไม้ ถ้านาไปแลกไม่หมดภายในเวลา ทาให้อานาจซ้อื ลดลง 5) ทาใหก้ ารคา้ ขยายตวั ช้า

ความหมายและวิวัฒนาการทางสงั คม 2. สงั คมทใ่ี ช้สิง่ ของในการแลกเปลีย่ น (Commodity society) ทาการคา้ โดยใชส้ งิ่ ของทค่ี นในสงั คมนัน้ ๆ ตอ้ งการ เป็น “สอ่ื กลาง” ในการ แลกเปลย่ี น ซึง่ แตกตา่ งกันไปตามท้องถ่นิ เชน่ เกลือ ขนสตั ว์ แตก่ ย็ งั มีปัญหาการนาของ ตดิ ตวั ไปยังทีต่ ่าง ๆ และค่าของสิ่งของไมค่ งที่ขน้ึ อยู่กับปรมิ าณของสนิ คา้ หรือส่ิงของที่ใช้ เป็นส่อื กลางในการแลกเปลี่ยน 3. สังคมท่ีใชเ้ งินในการแลกเปลี่ยน (Money society) ทาการคา้ โดยใช้เงนิ เป็น “ส่อื กลาง” ในการแลกเปลย่ี น โดยมวี วิ ัฒนาการมาเปน็ เงินทที่ าด้วยโลหะจนถงึ เงนิ กระดาษ

ความหมายและวิวัฒนาการทางสงั คม 4. สงั คมที่ใช้เครดติ ในการแลกเปลย่ี น (Credit society) เปน็ สงั คมเศรษฐกิจสมัยใหม่ท่ีระบบธนาคารมกี ารพฒั นาอย่างสมบรู ณ์แบบ ประชาชนไม่ถอื เงนิ สดไวก้ ับตัว แต่จะนาไปฝากธนาคารแล้วธนาคารใหเ้ ครดติ หรอื เชค็ มา แลว้ ใชเ้ ชค็ จ่ายแทนเงนิ สด นอกจากนน้ั ยงั มกี ารโอนเงนิ กนั ทางโทรศพั ท์ ทาง คอมพวิ เตอร์ ซงึ่ ในอนาคตอาจนับรวมอยใู่ นประเภทของเงินกเ็ ปน็ ได้ คาจากัดความของเงนิ เงิน คอื อะไรกไ็ ด้ แตต่ อ้ งเป็นส่ิงท่สี ังคมยอมรบั และใช้เป็นสือ่ กลางในการแลกเปลีย่ น และยอมรบั ในการชาระหนี้

คุณสมบัตขิ องเงนิ 1. เป็นสิง่ ทยี่ อมรบั กันโดยทั่วไป (acceptability) คอื ยอมรับวา่ ซอ้ื สินคา้ หรือบริการ ได้ ยอมรบั ในการชาระหน้ี 2. มคี วามคงทน (durability) คือ เกบ็ ไว้ได้นาน ไม่เป่อื ยหรือเสยี หายงา่ ย 3. เปน็ สงิ่ ที่หายาก (scarcity) ทาใหม้ ีค่าสูง มีคา่ โดยตัวมนั เอง ปลอมแปลงยาก 4. เปน็ สง่ิ ที่มลี กั ษณะเหมือนกัน (Homogeneity) เงนิ ท่ีมคี ่าเท่ากันตอ้ งมีลกั ษณะ รูปรา่ ง นา้ หนักเทา่ กนั 5. มเี สถียรภาพในคา่ (Stability) คือ อัตราแลกเปลยี่ นตอ้ งไมเ่ ปลย่ี นแปลงบ่อย จนเกนิ ไป

คณุ สมบตั ิของเงนิ 6. สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย ๆ ได้ (divisibility) คือ เม่อื แบง่ เป็นหนว่ ยยอ่ ยๆ แล้วตอ้ งมีลกั ษณะเหมือนกนั ท้ังรูปรา่ ง น้าหนกั และคณุ ภาพ 7. มคี วามสะดวกสบายท่จี ะนาไปยงั ทต่ี ่าง ๆ (portability)

หนา้ ทีข่ องเงนิ (Function of Money) แบ่งออกได้ 2 ประการ คือ หนา้ ที่อนั มีสภาพน่งิ และหนา้ ทอ่ี นั มสี ภาพเคลื่อนไหว 1. หน้าท่ีอนั มสี ภาพนิ่ง (Static Function) หมายถึง เงนิ ทาหน้าท่ีช่วยในการ ดาเนนิ งานของระบบเศรษฐกิจใหเ้ ปน็ ไปไดด้ ้วยดี 4 ประการ คือ 1.1 เปน็ สือ่ กลางในการแลกเปล่ียน นาสนิ คา้ ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน(ขาย) แลว้ นาเงนิ ไปแลกเปลยี่ นเปน็ สินค้า(ซ้ือ) 1.2 เปน็ มาตรฐานทใ่ี ชว้ ดั มูลคา่ นาสนิ คา้ และบรกิ ารเทียบค่าเป็นหนว่ ยเงิน (กาหนดราคา)

หนา้ ทข่ี องเงนิ (Function of Money) 1.3 เปน็ มาตรฐานชาระหนี้ภายหน้า โดยตอ้ งชาระเทา่ กับเงนิ ท่กี ู้มาบวก ดอกเบีย้ (ระบบแลกของต่อของเช่น ยมื ควายไปไถนา แล้วจะสง่ คนื พร้อมข้าว 10 ถงั ตอนคนื อาจมขี อ้ ถกเถียงวา่ ตอนยืมควายอ้วนกวา่ น้ี ตอ้ งเอาขา้ วมาเพม่ิ เป็น 20 ถัง) 1.4 เป็นเครอ่ื งสะสมมูลคา่ สามารถเก็บไวไ้ ด้นานไมเ่ นา่ เสียเหมือนสนิ คา้ 2. หนา้ ทอ่ี นั มสี ภาพเคล่อื นไหว (Dynamic Function) หมายถงึ การทีเ่ งินมี อิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงของระดบั ราคา คือ เมอื่ ปริมาณเงินมากทาให้ระดบั ราคา สินค้าสูงข้นึ และเมอ่ื ปริมาณเงินลดลง จะมีผลให้ระดบั ราคาสินค้าถูกลง

ปริมาณเงนิ (Money Supply) ปรมิ าณเงนิ มคี วามหมาย 2 ประการคอื 1. ปริมาณเงินตามความหมายอย่างแคบ (narrow money) หมายถึง ปริมาณเงินที่ ใช้หมนุ เวยี นในระบบเศรษฐกจิ คือปริมาณเงินในท้องตลาดท่ีอยู่ในมือของประชาชน ท้ัง เหรยี ญกษาปณ์ ธนบัตร เงินฝากกระแสรายวนั 2. ปริมาณเงินตามความหมายอย่างกว้าง (broad money) หมายถึง ปริมาณเงินท้ัง ที่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและไม่ได้นาออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เช่น เหรียญกษาปณ์ ธนบตั ร เงินฝากกระแสรายวัน เงนิ ฝากประจา ตั๋วเงินคลัง พนั ธบตั ร เมือ่ พดู ถึงปรมิ าณเงิน จึงหมายถึง ปรมิ าณเงินตามความหมายอย่างแคบเท่าน้ัน

ทฤษฎีเกยี่ วกับการเงนิ แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ คอื แนวคดิ ของกลุม่ คลาสสคิ และแนวคิดของเคนส์ 1. แนวคิดของกลุ่มคลาสสิค กลุ่มน้ีมีข้อสมมติว่า เศรษฐกิจมีการจ้างงานเต็มที่ ดังน้ัน ปริมาณผลผลิตจะคงที่ อัตราการหมุนเวียนของเงินคงท่ี และความต้องการถือเงินของ บคุ คลมีไวเ้ พอ่ื การใช้จา่ ยประจาวัน ทฤษฎีปริมาณเงินแบบดั้งเดิม เมื่อปริมาณเงินเพ่ิมเป็น 2 เท่าและการ หมนุ เวียนของเงินคงท่ี จะทาให้ค่าของเงินลดลงเป็น 2 เท่าเช่นกนั เน่ืองจากราคาสินค้า ที่สงู ขน้ึ ทฤษฎีปริมาณเงินในรูปสมการแลกเปลี่ยน Irving Fisher ได้นาทฤษฎีแบบ ดงั้ เดิมมาดัดแปลงแก้ไข เขียนเปน็ สมการไดว้ ่า

ทฤษฎเี ก่ยี วกบั การเงิน คา่ ใช้จ่ายในการซือ้ สนิ ค้าและบริการเท่ากบั รายรบั ทีไ่ ดจ้ ากการขายสนิ คา้ และบริการ โดยท่ี M = ปรมิ าณเงนิ MV = PT V = ความเรว็ หรือความถใี่ นการใช้เงนิ (จานวนครงั้ ท่ีใช้) P = ระดับราคา T = ปริมาณรายการคา้ เนอ่ื งจากระบบเศรษฐกิจมกี ารจ้างงานเตม็ ท่ี V และ T จะไมเ่ ปลย่ี นแปลง ดงั นน้ั เมื่อปรมิ าณเงนิ เปลย่ี นแปลงจะทาให้ราคาสินคา้ เปลี่ยนแปลงด้วย

ทฤษฎเี กี่ยวกับการเงนิ ทฤษฎีการถือเงิน นักเศรษฐศาสตร์สานักเคมบริดจ์ ได้รับปรุงจากทฤษฎี ปริมาณเงินในรูปสมการแลกเปล่ียน สมการของทฤษฎีการถือเงินเป็นแบบเดียวกับ ทฤษฎีปริมาณเงินในรูปสมการแลกเปลี่ยน แต่เน้นด้านอุปสงค์ หรือความปรารถนาที่ จะถือเงนิ สว่ นทฤษฎปี รมิ าณเงินในรปู สมการแลกเปลยี่ นเนน้ ทางดา้ นอปุ ทาน ทฤษฎีนี้จะแสดงให้เห็นว่าระดับราคาสินค้าจะเปลี่ยนแปลงเม่ืออุปสงค์และ อุทานของเงินเปล่ียนแปลงไป ถ้าจะให้ราคาของเงินมีเสถียรภาพจะต้องควบคุมให้อุป สงคแ์ ละอุปทานของเงินคงที่หรอื เปลีย่ นแปลงให้ได้สัดส่วนกนั

ทฤษฎเี ก่ียวกับการเงิน 2. แนวคิดของเคนส์ เคนสไ์ มเ่ ห็นดว้ ยกบั นกั เศรษฐศาสตร์กลุ่มคลาสสคิ ทใี่ ห้ ความถี่ใน การใชเ้ งนิ (V)คงที่ และเคนสเ์ หน็ วา่ ความตอ้ งการถือเงินของบุคคลไม่ใช่ถอื ไวเ้ พื่อใชจ้ า่ ย อยา่ งเดียว แตป่ ระชาชนมคี วามต้องการถอื เงินเพ่อื 1) เพ่อื ใช้จ่ายประจาวนั ขึ้นอยกู่ ับรายได้ ถ้ามีมากกถ็ อื มาก ถ้ามี 2) เพือ่ ใชจ้ ่ายในยามฉกุ เฉนิ น้อยกถ็ ือนอ้ ย 3) เพื่อเก็งกาไร ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง (ราคาหลักทรัพย์ ต่า) จะถือเงินไว้เพื่อเก็งกาไรน้อย(เอาไปซ้ือหลักทรัพย์) แต่ถ้าอัตราดอกเบ้ียต่า (ราคา หลกั ทรพั ยส์ งู ) จะขายหลกั ทรัพยแ์ ละถือเงนิ ไว้เก็งกาไรมากขึ้น

ทฤษฎีเก่ียวกบั การเงนิ เสน้ อุปสงคต์ ่อการถอื เงนิ ตามแนวคดิ ของเคนส์ มี 2 ส่วน คือ 1. สว่ นทีเ่ ป็นเส้นตรงตง้ั ฉากกบั แกนปรมิ าณ เงิน AM1 ตอ้ งการถือเงินเพื่อใชจ้ ่าย ประจาวนั และฉกุ เฉนิ ขนึ้ อยกู่ บั รายได้ 2. สว่ นทม่ี ีความชันเป็นลบ AMd ต้องการ ถือเงนิ เพอ่ื เกง็ กาไร โดยจะเปลยี่ นแปลงใน ทิศทางตรงขา้ มกับอตั ราดอกเบยี้ ที่มา: http://e-book.ru.ac.th/ebook_files/EC103/mobile/index.html#p=293

ทฤษฎเี กีย่ วกับการเงิน เสน้ อุปทานของเงินตามแนวคิดของเคนส์ เส้นอุปทานของเงนิ (Ms) จะไมม่ คี วาม ยดื หยนุ่ ตอ่ อตั ราดอกเบ้ยี เปน็ เสน้ ต้ังฉาก กับแกนปริมาณเงนิ โดยท่ีในขณะใด ขณะหนึง่ ปริมาณเงินจะคงท่ี การ เปลยี่ นแปลงของปริมาณเงนิ ขึ้นอยกู่ ับ ธนาคารกลางวา่ จะเพมิ่ หรือลดปรมิ าณเงนิ ทม่ี า: http://e-book.ru.ac.th/ebook_files/EC103/mobile/index.html#p=294

ทฤษฎเี ก่ยี วกับการเงิน อตั ราดอกเบี้ยดุลยภาพ จะถกู กาหนดข้นึ จากอุปสงค์รวมสาหรับเงนิ กบั อปุ ทานของเงนิ อตั ราดอกเบย้ี ดลุ ยภาพเกิดข้ึนเมอื่ อุปสงค์ ต่อการถอื เงิน (Md) = อปุ ทานของเงนิ (Ms) จากภาพเม่อื ปรมิ าณเงิน = OM อัตราดอกเบี้ยดลุ ยภาพ = iE บาท ทมี่ า: http://e-book.ru.ac.th/ebook_files/EC103/mobile/index.html#p=294

ทฤษฎีเกีย่ วกบั การเงิน การเปลยี่ นแปลงในปริมาณเงนิ จะมีผลกระทบต่ออตั ราดอกเบ้ีย ถา้ อุปทานของเงินเพ่มิ ขน้ึ (Ms ขยบั ไปทางขวา) โดยท่ิ Md ไมเ่ ปลย่ี นแปลง จะทาใหอ้ ตั ราดอกเบ้ยี ดลุ ยภาพลดลง ถา้ Ms ลดลง (Ms ขยับไปทางซา้ ย) จะทาใหอ้ ัตราดอกเบีย้ ดุลยภาพเพิ่มขึ้น ทีม่ า: http://e-book.ru.ac.th/ebook_files/EC103/mobile/index.html#p=295


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook