กฎหมายวา่ ด้วยนติ ิกรรม
กฎหมายว่าด้วย ความหมายของ “นติ กิ รรม” นติ ิกรรม ลักษณะและองคป์ ระกอบของ “นิติกรรม” ประเภทของ “นติ ิกรรม” ความสมบรู ณ์แห่ง “นิตกิ รรม” การแสดงเจตนาท่ที าใหน้ ติ ิกรรมไมส่ มบรู ณ์ โมฆะกรรมและโมฆยี ะกรรม
ความหมายของ “นิตกิ รรม” การใด ๆ อนั กระทาลงโดยชอบดว้ ยกฎหมายและดว้ ยใจสมคั ร มุง่ โดยตรงต่อการผกู นิติสมั พนั ธ์ข้นึ ระหว่างบคุ คล เพ่ือจะก่อใหเ้ กิดการเคลื่อนไหวในสิทธิ
ลักษณะและ 1. ต้องมกี ารแสดงเจตนา องคป์ ระกอบของ 2. ตอ้ งกระทาด้วยความสมัครใจ “นติ กิ รรม” 3. ม่งุ ใหม้ ผี ลผกู พนั ทางกฎหมายระหวา่ งบคุ คล 4. ตอ้ งมีวัตถปุ ระสงค์ท่ีจะก่อใหเ้ กิดความ เคล่ือนไหวแห่งสิทธิ 5. ตอ้ งเป็นการกระทาท่ีชอบด้วยกฎหมาย
ลกั ษณะและองคป์ ระกอบของ “นติ กิ รรม” 1. ตอ้ งมีการแสดงเจตนา การแสดงเจตนาสามารถแสดงออกได้ 3 วิธี คือ 1. การแสดงออกโดยชดั แจง้ อาจเปน็ ลายลักษณ์อักษร หรือด้วยวาจากไ็ ด้ 2. การแสดงออกโดยปรยิ าย อาจไปไมพ่ ดู หรือไมเ่ ขยี นเป็นลายลักษณอ์ กั ษร เชน่ เจ้าหนฉี้ ีกสญั ญาเงนิ กู้ทิ้ง หรือคืนสัญญาเงินกู้ แสดงวา่ เจ้าหนีป้ ลดหนใี้ ห้แลว้ โดย ปรยิ าย 3. การแสดงออกโดยการน่งิ บางกรณกี ฎหมายรับรองว่าเป็นการทานิตกิ รรม เชน่ เม่ือหมดสัญญาเช่าบ้าน ผู้เชา่ ยังอย่ใู นบ้านตอ่ และผใู้ ห้เชา่ กไ็ มไ่ ด้ทักทว้ ง ถือวา่ ท้งั คู่ แสดงเจตนาทาสัญญาเชา่ ต่อ
ลกั ษณะและองคป์ ระกอบของ “นิติกรรม” 2. ต้องกระทาดว้ ยความสมคั รใจ โดยไมถ่ กู บงั คับ ขม่ ขู่ ฉอ้ ฉล หลอกลวง เชน่ ทา สัญญาจานองที่ดนิ แตผ่ จู้ านองอา่ นหนงั สือไม่ออก จึงลงนามในสญั ญาซอ้ื ขายที่ดนิ โดยสาคญั ผิด สัญญาซื้อขายตกเป็นโมฆะ 3. มงุ่ ใหม้ ีผลผูกพนั ทางกฎหมายระหว่างบคุ คล คือสามารถบงั คบั ตามกฎหมายได้ เชน่ สมหวงั ก้เู งนิ สขุ จิต สขุ จติ จงึ ทาสัญญาเงินกแู้ ลว้ ใหส้ มหวังลงนาม 4. ต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะก่อใหเ้ กิดความเคลือ่ นไหวแห่งสทิ ธิ อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ดังนี้
ลักษณะและองค์ประกอบของ “นติ กิ รรม” 1) ก่อสิทธิ คอื การทาใหเ้ กดิ สิทธขิ น้ึ เชน่ การจดทะเบียนห้างหุ้นสว่ นสามญั เป็น ห้างหุ้นสว่ นสามญั นติ ิบคุ คล ก่อให้เกิดสิทธเิ ป็น “นติ ิบุคคล” ขน้ึ 2) เปลี่ยนแปลงสิทธิ คอื การทาใหส้ ทิ ธขิ องคนทที่ านิติกรรมเปล่ยี นแปลงไป เช่น สัญญาเชา่ บ้าน ผู้เช่ามีสทิ ธใิ ชท้ รัพยส์ ิน โดยท่ผี ู้ใหเ้ ชา่ ไมม่ สี ทิ ธิไปรบกวน 3) โอนสิทธิ คือ ผ้มู สี ิทธเิ ดิมตอ้ งการโอนสิทธิของตนไปให้คนอื่น เช่น สญั ญาซ้อื ขายบ้าน ทาให้สิทธใิ นบ้านเปลย่ี นไปเปน็ ผมู้ สี ิทธิคนใหม่ 4) สงวนสิทธิ คือ ผู้มีสทิ ธเิ ดิมกลัววา่ สทิ ธขิ องตนจะถกู ระงับ จงึ ทานิตกิ รรมเพอ่ื สงวนสิทธิ เชน่ หนีใ้ กล้ขาดอายคุ วาม เจา้ หนจ้ี ึงให้ลกู หนี้ทาหนงั สือรบั สภาพหน้ี
ลกั ษณะและองคป์ ระกอบของ “นติ ิกรรม” 5) การระงบั สทิ ธิ คอื ผ้มู สี ิทธิตอ้ งการใหส้ ทิ ธิของตนหมดไป เชน่ การบอกเลิก สญั ญาต่าง ๆ การปลดหน้ใี ห้ลูกหน้ี 5. ต้องเป็นการกระทาท่ชี อบดว้ ยกฎหมาย คอื เปน็ การกระทาทีถ่ กู กฎหมาย
ประเภทของ “นิติกรรม” แบ่งตามคกู่ รณี เปน็ 2 ฝา่ ย ดงั น้ี 1. นติ ิกรรมฝา่ ยเดยี ว เช่น การตง้ั มูลนธิ ิ การทาพินัยกรรม การปลดหน้ี การบอกเลกิ สญั ญา เปน็ ต้น 2. นติ ิกรรมสองฝา่ ยหรือมากกวา่ สองฝา่ ยขึน้ ไป เช่นสญั ญากูย้ ืมเงนิ สญั ญาเช่าซื้อ สัญญาซอ้ื ขาย สัญญาเชา่ ทรพั ย์ เปน็ ตน้
ความสมบรู ณแ์ หง่ “นติ กิ รรม” 1. ความสามารถในการทานติ ิกรรม ถ้านิติกรรมนั้นทาขึ้นโดยผู้หย่อนความสามารถ นติ กิ รรมน้นั ตกเป็น โมฆยี ะ เชน่ ผู้เยาว์ บุคคลไรค้ วามสามารถ หรือเสมอื นไร้ ความสามารถ 2. วตั ถปุ ระสงค์ของนติ กิ รรม ถา้ นิติกรรมนน้ั ทาโดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ตอ่ ไปน้ี นติ ิกรรม นน้ั ตกเปน็ โมฆะ 1) มวี ตั ถุประสงค์ต้องหา้ มตามกฎหมาย เช่น สญั ญาซื้อขายยาเสพติด 2) มวี ัตถุประสงค์เปน็ การพน้ วสิ ยั คอื คู่สัญญาไม่สามารถทาตามสัญญาได้ เชน่ สญั ญาซื้อขายดวงดาว 1 ดวง
ความสมบูรณ์แห่ง “นติ ิกรรม” 3) มีวตั ถุประสงค์ขดั ตอ่ ความสงบเรยี บร้อยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน เชน่ ทนายความซ้อื ขายความกัน การฮัว้ กัน เป็นตน้ 3. แบบของนิตธิ รรม นิตกิ รรมทกี่ ฎหมายกาหนดใหท้ าตามแบบ หากไม่ทาตามแบบ ท่กี ฎหมายกาหนดไว้ นติ กิ รรมนัน้ ตกเปน็ โมฆะ แบบของนติ ิกรรมมี 5 แบบ คือ 1) แบบทตี่ ้องทาเป็นหนังสอื และจดทะเบยี นตอ่ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี เชน่ การซอ้ื ขายอสังหาริมทรัพย์ การจานอง การขายฝาก เปน็ ตน้ 2) แบบท่ตี ้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี เช่น การจดทะเบียนห้างหนุ้ ส่วน บรษิ ทั จดทะเบยี นสมรส หยา่ การรบั รองบุตรบุญธรรม
ความสมบูรณแ์ หง่ “นติ ิกรรม” 3) แบบทตี่ ้องทาเปน็ หนงั สือต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ เชน่ การทาพินัยกรรมฝ่าย เดยี ว การคัดคา้ นตัว๋ เงิน เป็นตน้ 4) แบบที่ตอ้ งทาเป็นหนังสอื เชน่ สญั ญาเช่าซอ้ื การโอนหน้ี การรบั สภาพหน้ี การ ยอมความ 5) แบบอน่ื ๆ ตามทีก่ ฎหมายกาหนดเปน็ เรอ่ื ง ๆ ไว้เปน็ กรณพี ิเศษ เช่น เช็คต้อง มีรายการตามที่กฎหมายกาหนดไว้ มฉิ ะนัน้ จะเป็นเชค็ ทไ่ี ม่สมบรู ณ์
การแสดงเจตนา การแสดงเจตนาซ่อนเรน้ สาคญั ผิดใน ท่ที าใหน้ ติ ิกรรม การแสดงเจตนาลวง สาระสาคญั การแสดงเจตนาอาพราง ไม่สมบรู ณ์ การแสดงเจตนาโดยสาคัญผดิ สาคญั ผดิ ใน การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล คุณสมบตั ิของ การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ บคุ คลหรอื ทรัพยส์ ิน
การแสดงเจตนาที่ทาให้นิตกิ รรมไมส่ มบรู ณ์ 1. การแสดงเจตนาซอ่ นเรน้ การแสดงเจตนาทผ่ี ้แู สดงเจตนาไม่ตอ้ งการใหต้ วั เอง ผกู พนั ตามกฎหมายเหมอื นที่แสดงเจตนาออกมา นิติกรรมจะเปน็ “โมฆะ” 2. การแสดงเจตนาลวง คอื การแสดงเจตนาโดยสมคบคดิ กันทานติ กิ รรมเพอ่ื หลอกลวงบุคคลอน่ื ให้เข้าใจวา่ ทานติ กิ รรมจริง เจตนาแบบนี้จะยกเป็นขอ้ ต่อสู้ บคุ คลภายนอกท่กี ระทาการสุจรติ และเสยี หายจากการแสดงเจตนาลวงไม่ได้ แดง เจตนาลวง ดา เจตนาบรสิ ุทธ์ิ ขาว ทวงคืนไม่ได้
การแสดงเจตนาท่ที าให้นิติกรรมไม่สมบรู ณ์ 3. การแสดงเจตนาอาพราง นิตกิ รรมทแ่ี สดงออกไม่มีผลใช้บังคบั (โมฆะ) แต่นติ ิ กรรมทถ่ี กู อาพรางไวม้ ผี ลใช้บงั คบั เชน่ พ่อตอ้ งการยกทด่ี นิ ซึง่ เปน็ การให้โดยเสนห่ า (นติ ิกรรมอาพราง) แก่ น.ส.ขาว ลกู สาวคนโต แตก่ ลวั น.ส.เขียว ลกู สาวคนรองจะ เสียใจ จึงทาสัญญาซื้อขายท่ีดินกบั น.ส.ขาว (นติ กิ รรมทแ่ี สดงออก) 4. การแสดงเจตนาโดยสาคญั ผิด คอื ตอ้ งการทานติ ิกรรมอยา่ งหน่ึง แต่ไปทานติ ิ กรรมอีกอย่างหน่ึง โดยเขา้ ใจผิดว่าเป็นนติ ิกรรมที่ตอ้ งการทา หรอื หลงผิดเข้าใจไมต่ รง กบั เจตนาทแ่ี ท้จรงิ ซึง่ เป็นสาระสาคญั นติ ิกรรมนน้ั เป็น โมฆะ การสาคญั ผิดอาจเกดิ ข้ึนจากสาเหตุ ดงั นี้
การแสดงเจตนาทท่ี าให้นิติกรรมไมส่ มบูรณ์ 1) สาคัญผดิ ในสาระสาคัญ ได้แก่ สาคญั ผิดในลักษณะของนิติกรรม เช่น โอนขายท่ีดินให้ผอู้ ื่นเพราะไมร่ ู้หนงั สอื โดยไม่มีเจตนาขายทด่ี นิ หรอื พมิ พล์ ายนิว้ มอื ในเอกสารโดยเขา้ ใจว่าเป็นออกโฉนดแต่ เป็นหนงั สือยอมแบ่งทนี่ าให้ สัญญาน้จี ึงเป็น “โมฆะ” สาคญั ผิดในตวั บคุ คลทเี่ ป็นค่กู รณีการทานิติกรรม เชน่ นายเอ ทาสัญญากับ นายบี โดยนายบแี อบอ้างวา่ เปน็ ผูแ้ ทนบริษทั นายเอหลงเชือ่ จึงทาสญั ญาด้วย สญั ญา เป็น “โมฆะ” นายเอบอกเลิกสญั ญากับนายบไี ม่เป็นการละเมิด นายบไี ม่มีสิทธ์ิเรยี ก ค่าเสียหาย
การแสดงเจตนาทท่ี าให้นิตกิ รรมไม่สมบรู ณ์ สาคัญผิดในทรพั ยส์ นิ ซึง่ เป็นวตั ถุแห่งนติ กิ รรม เช่น นายดที าสัญญาซอ้ื ขาย ท่ีดินโดยเข้าใจว่าเปน็ ท่ดี นิ ท่ีซอ้ื ขายไดแ้ ต่ความจรงิ เปน็ สาธารณะสมบัตขิ องแผน่ ดิน หรอื ผู้ขายชี้ให้ดูท่ดี ินแปลงหน่งึ แตส่ ่งมอบอีกแปลงหนึ่ง สญั ญานจ้ี ึงเป็น “โมฆะ” 2) สาคัญผิดในคุณสมบตั ขิ องบคุ คลหรอื ทรัพย์สนิ หมายถงึ ถา้ รวู้ า่ บุคคลหรือ ทรัพย์สินไม่ไดม้ คี ณุ สมบตั ิตามทตี่ ้องการ กค็ งไม่ทานิติกรรมดว้ ย เชน่ ดาทาสญั ญาจะ ขายทด่ี ินให้แดง โดยรู้วา่ แดงจะซอ้ื ไปสรา้ งโรงงานแต่ทด่ี นิ อยูใ่ นเขตหา้ มกอ่ สรา้ ง อาคารแต่ดาปกปดิ ความจริง นติ กิ รรมนี้จงึ เป็น “โมฆยี ะ”
การแสดงเจตนาท่ที าใหน้ ติ ิกรรมไม่สมบรู ณ์ 5. การแสดงเจตนาเพราะถกู กลฉอ้ ฉล เปน็ การหลอกลวงใหผ้ ูอ้ ืน่ หลงเชอื่ แล้วทานิติ กรรมกบั ตน หากไม่หลอกลวงเขาคงไมท่ านิติกรรมด้วย เชน่ ผูข้ ายเข้าใจวา่ ผูซ้ ื้อที่ดิน โอนเงนิ เขา้ บัญชบี ุตรแล้ว จงึ จดทะเบยี นโอนทดี่ ินใหผ้ ซู้ ้อื ถ้าทราบว่าผู้ซอื้ ยงั ไมโ่ อนเงนิ ก็ คงไม่ได้จดทะเบียนโอนทดี่ นิ ให้ นติ กิ รรมจงึ ตกเป็น “โมฆยี ะ” 6. การแสดงเจตนาเพราะถกู ข่มขู่ ทาใหผ้ ถู้ กู ขม่ ขู่กลวั และเป็นภยั อนั ใกล้จะถึง ถ้าไมม่ ี การข่มขู่ ก็คงไมม่ ีการทานิตกิ รรม เช่น นายดากลา่ วหานายแดงว่าถอดเอาอปุ กรณร์ ถ ออกไปขาย แล้วบงั คบั ให้แดงซอื้ รถตอ่ หากไมซ่ ้อื จะดาเนินคดียักยอกทรัพย์ แดงกลวั จงึ ยอมลงลายมอื ช่ือในบันทกึ การชาระหนพ้ี ิพาท และมอบเชค็ ใหด้ า บันทกึ นี้เปน็ “โมฆยี ะ”
โมฆะกรรมและโมฆียะกรรม 1. โมฆะกรรม นติ ิกรรมที่ทาสูญเปลา่ มาตัง้ แตแ่ รกทีท่ านิติกรรม ไม่มีผลผกู พนั กันทางกฎหมาย ถอื ว่าไม่ไดท้ านิตกิ รรมนัน้ เลย ไม่สามารถฟ้องร้องบงั คบั ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายได้ 2. โมฆียกรรม นิติกรรมมผี ลสมบูรณ์ตามกฎหมายจนกวา่ จะถูกบอกลา้ ง หากถูกบอกล้างนิติกรรมนนั้ จะตกเป็น “โมฆะกรรม”
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: