อปุ สงค์ (Demand) 1. ความหมายของอุปสงค์ 6. เสน้ อปุ สงค์ 2. ปัจจยั กาหนดอุปสงค์ 7. การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์ 3. ฟงั ก์ช่ันอุปสงค์ 8. การเปลี่ยนแปลงเสน้ อปุ สงค์ 4. กฎของอุปสงค์ 9. ปจั จัยที่ทาใหอ้ ุปสงค์เปลี่ยนแปลง 5. ตารางอปุ สงค์ 10. อุปสงคส์ ว่ นบุคคลและอปุ สงคต์ ลาด
ความหมายของอุปสงค์ ความต้องการซื้อสินคา้ หรอื บริการชนดิ ใดชนิดหนึ่ง โดยมอี านาจซ้อื หรอื มี ความสามารถในการตอบสนองความตอ้ งการนั้น ๆ
ปัจจยั กาหนดอุปสงค์ 1. ราคาสนิ คา้ ชนดิ นั้น 5. จานวนประชากร 2. ราคาสนิ ค้าชนดิ อ่นื ทเี่ กยี่ วขอ้ ง 6. การโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ 3. รสนิยม 7. อ่ืน ๆ 4. รายได้
ฟงั ก์ช่ันอปุ สงค์ (Demand function) คอื สมการท่แี สดงความสัมพันธ์ระหว่างปรมิ าณความต้องการซื้อสินคา้ และ บริการกับปัจจยั ต่าง ๆ ทก่ี าหนดความต้องการซื้อ
ตวั อย่างเชน่ อุปสงค์ที่มีต่อสินค้า A = f(ราคาสินคา้ A, ราคาสนิ ค้าB, รสนยิ ม, รายได้, จานวนประชากร, การ โฆษณาประชาสมั พันธ)์ DA= f(PA, PB, T, Y, Pop, Ad) การนาปัจจัยทกุ ตัวมาพจิ ารณาพรอ้ มๆ กัน เป็นเรอื่ งค่อนข้างยงุ่ ยาก ในระดับนี้ จึงพิจารณาเฉพาะสว่ นเทา่ นน้ั กลา่ วคือ การศกึ ษาอปุ สงค์ของสินคา้ กบั ปัจจยั ใดปัจจยั หนง่ึ ทีละตัว โดยกาหนดใหป้ จั จัยอ่นื คงที่ เชน่
☀ ความสมั พันธข์ องปรมิ าณความต้องการซื้อกับราคาสนิ คา้ ชนดิ นั้น เรยี กว่า อปุ สงค์ตอ่ ราคา ☀ ความสมั พันธ์ของปริมาณความตอ้ งการซื้อกบั รายได้ เรียกว่า อุปสงคต์ อ่ รายได้ ☀ ความสัมพนั ธ์ของปรมิ าณความต้องการซ้ือกับราคาสนิ ค้าชนิดอื่นที่เกย่ี วขอ้ ง กนั เรยี กวา่ อปุ สงค์ไขว้
ฟงั ก์ชั่นอุปสงค์ต่อราคา DA = f(PA) ฟังก์ชัน่ อุปสงค์ตอ่ รายได้ DA = f(Y) ฟงั กช์ น่ั อุปสงค์ไขว้ DA = f(PB)
กฎของอุปสงค์ (Law of demand) “ราคาและปริมาณความตอ้ งการซ้อื ของสนิ คา้ จะมีความสัมพันธ์กันใน ทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม” เม่อื ราคาสนิ ค้าสงู ขึน้ ปรมิ าณความต้องการซื้อจะลดลง และเมอื่ ราคา สนิ คา้ ลดลง ปริมาณความต้องการซ้อื จะเพิม่ สูงข้นึ เพราะเม่อื ราคาสนิ คา้ เปลยี่ นแปลง จะก่อให้เกดิ ผล 2 ประการ คือ
1. ผลทางรายได้ เมอื่ ราคาสนิ คา้ สูงขึน้ ทาให้รายไดท้ ่ีแท้จรงิ ลดลง ผู้บริโภค จะซอื้ สินค้าลดลง และเมอ่ื ราคาสนิ คา้ ลดลง ทาให้รายไดท้ ี่แท้จรงิ เพ่ิมขึ้น ผบู้ ริโภคจึงซือ้ สินค้าเพม่ิ ขึน้ 2. ผลทางการทดแทน เมอ่ื ราคาสนิ คา้ สูงขึ้น ผู้บริโภคจะหนั ไปซอ้ื สินค้าอื่นท่ี ราคาไมส่ งู นกั แต่ใชท้ ดแทนกนั ได้ ทาใหป้ รมิ าณการซื้อลดลง ในทางตรงกัน ขา้ ม เม่ือราคาสนิ คา้ ลดลง ผูบ้ ริโภคจะหันกลับมาซ้อื สินคา้ เพ่มิ ขน้ึ
ตารางอปุ สงค์ (Demand schedule) ตารางทแ่ี สดงความสัมพันธร์ ะหวา่ งราคาสินค้ากับปรมิ าณความต้องการซ้ือ สินคา้ ชนดิ ใดชนดิ หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยกาหนดใหป้ ัจจัยอน่ื ๆ คงท่ี เม่ือสินคา้ ราคาชิ้นละ 10 บาท ความต้องการซอื้ หรืออุปสงค์ที่มตี ่อ สินค้าจะเท่ากับ 40 ช้นิ แตเ่ มื่อราคาสนิ คา้ สูงข้ึน เป็นช้นิ ละ 20, 30 และ 40 บาท จะมผี ลทาให้ความตอ้ งการซือ้ สินค้าลดลงเป็น 30, 20 และ 10 ชนิ้ ตามลาดับ ซ่ึงเป็นไปตามกฎของอุปสงค์
ราคา ความตอ้ งการซอ้ื 10 40 20 30 30 20 40 10
เส้นอุปสงค์ (Demand curve) เส้นท่แี สดงใหเ้ ห็นความสัมพนั ธ์ระหว่างราคาสินค้ากับปริมาณความ ตอ้ งการซือ้ สนิ คา้ ชนิดใดชนิดหนง่ึ ณ เวลาใดเวลาหน่ึง โดยกาหนดให้ ปัจจยั อ่ืนๆ คงท่ี จากตารางอปุ สงค์ สามารถนามาเขยี นเป็นเส้นอปุ สงค์ได้ดังนี้
เสน้ อุปสงค์มลี ักษณะเปน็ เสน้ ทอดลงจากซ้ายไปขวา แสดงใหเ้ ห็นวา่ ราคาสนิ คา้ กบั ปรมิ าณความตอ้ งการซ้อื มีความสมั พนั ธใ์ นทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม ซงึ่ เป็นไปตามกฎของอปุ สงค์
การเปลย่ี นแปลงปริมาณอุปสงค์ (Change in quantity demand) หมายถึง การเปล่ียนแปลงความต้องการซอ้ื อนั เน่อื งมาจากการ เปล่ียนแปลงราคาสนิ คา้ เปน็ การเปลี่ยนแปลงบนเส้นอปุ สงค์เส้นเดยี วกัน
เดมิ อปุ สงคข์ องสนิ ค้าอยู่ที่จุด A คอื ณ ระดับราคาท่สี นิ คา้ ชิน้ ละ 40 บาท ความตอ้ งการซอ้ื สินค้าเทา่ กบั 10 ชิน้ เม่ือราคาสนิ คา้ ลดลง ณ ระดบั ราคาทส่ี นิ ค้าช้ินละ 30 บาท ความตอ้ งการซอื้ สนิ ค้าเพ่มิ มาเปน็ 20 ช้นิ ทาให้อปุ สงคเ์ ปลีย่ นจากจดุ A มาเปน็ จดุ B เปน็ การเปลี่ยนแปลงความตอ้ งการซื้อ เนอื่ งจากราคาสินคา้ เปลย่ี นแปลงไป โดย ปัจจยั อื่นคงท่ี เป็นการเปลี่ยนแปลงบนเสน้ อปุ สงคเ์ ส้นเดมิ
การเปลยี่ นแปลงเสน้ อปุ สงค์ (Change in demand) หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงความตอ้ งการซ้อื ที่เกดิ จากปจั จัยอ่นื ทเ่ี คยกาหนดใหค้ งท่ี เปลี่ยนแปลงไป (รายได้ คา่ ใชจ้ ่ายในการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์ หรือสนิ ค้าท่เี กย่ี วขอ้ ง กัน ฯลฯ) แม้วา่ ราคาสินค้าจะไม่เปลี่ยนแปลง เปน็ การเปล่ยี นแปลงเส้นอุปสงค์เสน้ ใหม่ อาจเปลย่ี นแปลงไปทางซา้ ยหรอื ขวากไ็ ด้
จากกราฟ ณ ระดับราคาที่สินค้าช้ินละ 40 บาท บนเสน้ อปุ สงคเ์ สน้ เดมิ ปริมาณ ความต้องการซอ้ื เท่ากับ 10 ชิน้ และเม่ือปจั จัยอ่นื ทีเ่ คยกาหนดใหค้ งที่เปลี่ยนแปลง เช่น รายไดส้ ูงข้นึ มผี ลทาใหค้ วามตอ้ งการสินคา้ ชนิดนน้ั สูงขน้ึ จาก 10 ช้นิ มาเปน็ 30 ชิ้น เปลย่ี นจากจดุ A มาเปน็ จุด A1 ทัง้ ท่ีราคาสินค้าไมเ่ ปล่ียนแปลง ในทานองเดียวกัน ณ ระดบั ราคาท่ีสนิ คา้ ชิ้นละ 30 บาท เมอ่ื ปจั จัยท่เี คย กาหนดใหค้ งทีเ่ ปลี่ยนแปลง ทาให้ปรมิ าณความตอ้ งการซ้อื เปล่ียนแปลงไปจาก 20 ชน้ิ เปน็ 40 ชนิ้ เปลี่ยนจากจดุ B มาเป็นจุด B1 บนเสน้ อุปสงค์เส้นใหมค่ อื D2
จะเห็นวา่ เส้นอปุ สงคเ์ ปลย่ี นไปทง้ั เสน้ จาก D1 เปน็ D2 เปน็ การ เปล่ียนแปลงเน่อื งจากปจั จัยท่เี คยกาหนดใหค้ งทีเ่ ปลย่ี นแปลงไป แมว้ ่าราคาสนิ ค้า จะไมเ่ ปล่ียนแปลงกต็ าม
ปัจจยั ท่ีทาให้เสน้ อุปสงคเ์ ปลยี่ นแปลง 1. ราคาสนิ คา้ อนื่ ท่เี กย่ี วขอ้ งกนั มีผลทาใหป้ ริมาณการซ้อื สนิ ค้าตวั ทพ่ี จิ ารณาอยู่ เปล่ียนแปลงไป อาจเพ่มิ ขึ้นหรือลดลง ขนึ้ อยกู่ บั ลักษณะของสนิ ค้าอ่ืน ดังนี้ 1.1 สนิ ค้าทดแทนกนั เช่น เนอ้ื หมกู ับเนื้อไก่ ถ้าราคาเนอ้ื หมสู ูงข้นึ ผูบ้ รโิ ภคจะหนั ไปบริโภคเนอ้ื ไก่ ปริมาณความต้องการซอ้ื เนอื้ ไกจ่ ึงเพ่ิมขึน้ ในขณะเดยี วกนั ถา้ ราคาเนอ้ื หมลู ดลง ผบู้ รโิ ภคจะกลับมาบริโภคเนอ้ื หมู ทาใหอ้ ปุ สงคใ์ นเนอ้ื ไกล่ ดลง P เน้ือหมู Q เน้ือหมู Q เนือ้ ไก่
1.2 สนิ ค้าที่ใชป้ ระกอบกนั เชน่ ไม้เทนนิสกับลกู เทนนิส ถ้าราคาไม้เทนนิสสงู ขึน้ อปุ สงคข์ องไมเ้ ทนนิสจะลดลง มีผลทาใหค้ วามต้องการซ้ือลกู เทนนิสลดลงด้วย ในทาง ตรงกันข้าม ถา้ ราคาไม้เทนนิสลดลง อุปสงค์ของไมเ้ ทนนสิ จะเพมิ่ ข้นึ มผี ลทาให้ความ ตอ้ งการซื้อลูกเทนนิสเพิ่มขนึ้ ดว้ ย P ไมเ้ ทนนสิ Q ไมเ้ ทนนสิ Q ลูกเทนนิส
2. รายได้ เม่อื รายได้เปลี่ยนแปลงไป มีผลให้ปริมาณความต้องการซือ้ ของสนิ คา้ เปล่ียนแปลงไปดว้ ย สว่ นจะเปล่ยี นแปลงไปในทิศทางใดขนึ้ อย่กู ับลักษณะของสนิ คา้ 2.1 สินค้าปกติ เมื่อรายได้เพิม่ สูงขึน้ การบรโิ ภคสนิ คา้ ปกตยิ อ่ มเพิ่มสงู ขนึ้ ด้วย Y Q สินค้าปกติ 2.2 สินคา้ ดอ้ ยคุณภาพ ผบู้ รโิ ภคจะบรโิ ภคเฉพาะเวลามรี ายได้ต่าเท่าน้นั ดงั นน้ั เมอ่ื รายได้เพ่ิมสงู ขน้ึ การบรโิ ภคสินคา้ ด้อยคุณภาพยอ่ มลดลง Y Q สนิ คา้ ด้อยคณุ ภาพ
3. รสนยิ ม เม่อื ผบู้ ริโภคมรี สนยิ มบรโิ ภคสนิ คา้ ชนดิ ใดชนิดหน่งึ มีผลทาให้ปริมาณ ความตอ้ งการสนิ คา้ ชนดิ นีส้ งู ข้ึน T QA 4. จานวนประชากร เมื่อจานวนประชากรเพม่ิ ข้ึน มีผลทาให้ปริมาณความต้องการซ้อื สินค้าสูงขน้ึ Pop QA
5. ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เมื่อผ้ผู ลติ เพิม่ ค่าใช้จา่ ยในการโฆษณา ประชาสัมพนั ธ์ จะทาใหผ้ บู้ ริโภครจู้ กั สินค้ามากขนึ้ มีผลทาให้ปริมาณความต้องการซอื้ สนิ คา้ สูงขน้ึ Ad QA
อุปสงคส์ ่วนบคุ คลและอปุ สงคต์ ลาด (Individual demand and Market demand) อปุ สงค์สว่ นบุคคล หมายถึง ความต้องการซอ้ื สนิ คา้ หรอื บรกิ ารชนิดใดชนิดหนึง่ ของ ผบู้ ริโภคคนใดคนหนึ่ง ณ ระดบั ราคาใดราคาหนง่ึ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง อุปสงค์ตลาด หมายถึง ความต้องการซือ้ สนิ คา้ ของผูบ้ รโิ ภคทกุ คนรวมกนั ณ ระดับราคา ใดราคาหนึ่ง ในเวลาใดเวลาหน่ึง
อุปสงคต์ ลาด หาไดโ้ ดยการรวมปรมิ าณการบริโภคของผู้บริโภคทุกคนรวมกัน ณ ระดับ ราคาต่าง ๆ กัน สมมตใิ นตลาดมีผ้บู รโิ ภค 2 คน สามารถหาอปุ สงคต์ ลาดได้ดงั นี้
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: