กฎหมายลักษณะ ความหมายของนติ กิ รรม นติ ิกรรม ประเภทของนติ ิกรรม หลักเกณฑค์ วามสมบูรณ์ของนิตกิ รรม โมฆะกรรมและโมฆียะกรรม อายคุ วาม นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
ความหมายของ “นติ ิกรรม” การใด ๆ อนั กระทาลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมคั ร มงุ่ โดยตรงตอ่ การผูก นติ สิ มั พนั ธ์ขนึ้ ระหวา่ งบุคคล เพอ่ื จะก่อ เปล่ยี นแปลง โอน สงวน หรือระงับซ่ึงสทิ ธิ การพิจารณาวา่ การกระทาใดถือเป็น “นติ กิ รรม” หรอื ไม่ ตอ้ งเข้าลกั ษณะท้ัง 5 ขอ้ ตอ่ ไปน้ี จะขาดข้อใดขอ้ หน่งึ ไมไ่ ด้ นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
1. ตอ้ งมกี ารแสดงเจตนา คอื แสดงออกให้ผ้อู ่นื รบั รู้หรือเขา้ ใจความตอ้ งการของตน 2. ต้องกระทาดว้ ยความสมคั รใจ ไม่ไดถ้ ูกบังคับหรอื ขเู่ ข็ญ 3. มงุ่ ใหม้ ผี ลผกู พนั ทางกฎหมายระหวา่ งบุคคล 4. ต้องมวี ัตถปุ ระสงคท์ ่ีจะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเคลอ่ื นไหวแห่งสิทธิ 5. ตอ้ งเปน็ การกระทาท่ีชอบดว้ ยกฎหมาย คอื ถกู กฎหมาย นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
ประเภทของ “นิตกิ รรม” นติ กิ รรม แบง่ ออกไดห้ ลายประเภท ในท่ีนจ้ี ะแบง่ ประเภทของนติ ิกรรมที่ตอ้ งทาตาม แบบทีก่ ฎหมายกาหนด มีดังนี้ 1) แบบทตี่ อ้ งทาเปน็ หนังสอื และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหนา้ ที่ ถ้าไม่นติ ิ กรรมน้ันจะเปน็ โมฆะทนั ที เชน่ การซือ้ ขายอสงั หารมิ ทรพั ย์ การจานอง การขายฝาก การซอื้ ขายสงั หาริมทรัพยช์ นิดพเิ ศษ เปน็ ตน้ 2) แบบท่ตี ้องจดทะเบียนตอ่ พนักงานเจา้ หน้าที่ เช่น การจดทะเบยี นห้างหุน้ ส่วน บริษัท จดทะเบียนสมรส หย่า การรบั รองบตุ รบุญธรรม นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
3) แบบท่ีตอ้ งทาเป็นหนงั สือตอ่ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ี นิตกิ รรมนี้คลา้ ยการจด ทะเบยี น ต่างทีเ่ พียงแตไ่ ปปรากฏตวั ตอ่ พนักงานเจ้าหน้าท่ี แสดงตนโดยทาเป็น หนงั สือไม่มแี บบพิมพห์ รือแบบฟอรม์ เชน่ การทาพนิ ยั กรรมเอกสารฝ่ายเมืองตอ้ งทา ต่อหน้านายอาเภอ 4) แบบทตี่ ้องทาเป็นหนังสือ กรณนี ้ผี ้ทู านิตกิ รรมต้องทาเป็นหนงั สอื ระหว่างกันเอง ไมจ่ าเป็นตอ้ งใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทรี่ บั รู้ เชน่ สญั ญาเชา่ ซ้ือ การโอนหน้ี การรับสภาพ หนี้ การยอมความ นงเยาว์ บุญริน วท.ลพบรุ ี
หลกั เกณฑ์ความสมบรู ณข์ องนิติกรรม ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ม.150 กล่าวว่า “การใดมีวัตถุเป็นการต้องหา้ มชัดแจง้ โดยกฎหมาย เปน็ การพ้นวสิ ยั หรอื เปน็ การขัดตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรือศลี ธรรมอนั ดขี อง ประชาชน การน้นั เปน็ โมฆะ” ซง่ึ พจิ ารณาได้ดงั นี้ 1. วัตถุประสงค์ของนิติกรรม ถ้านติ กิ รรมนนั้ ทาโดยมีวตั ถุประสงคต์ อ่ ไปนี้ นติ ิกรรมนน้ั ตก เป็น โมฆะ 1) มีวัตถปุ ระสงค์ต้องห้ามชัดแจง้ โดยกฎหมาย เช่น สัญญาซ้ือขายยาเสพติด 2) มีวตั ถปุ ระสงคเ์ ปน็ การพ้นวสิ ัย คือ ค่สู ัญญาไมส่ ามารถทาตามสญั ญาได้ เชน่ สญั ญา ซ้ือขายดวงดาว 1 ดวง 3) ขดั ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศีลธรรมอันดขี องประชาชน นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
การแสดงเจตนา การแสดงเจตนาซอ่ นเร้น สาคัญผิดใน ทีท่ าให้นติ กิ รรม การแสดงเจตนาลวง สาระสาคัญ การแสดงเจตนาอาพราง ไม่สมบูรณ์ การแสดงเจตนาโดยสาคญั ผิด สาคญั ผดิ ใน การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล คุณสมบัติของ การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ บุคคลหรอื ทรัพย์สนิ นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
1. การแสดงเจตนาซ่อนเร้น การแสดงเจตนาท่ผี ู้แสดงเจตนาไมต่ ้องการให้ตวั เอง ผกู พนั ตามกฎหมายเหมอื นทีแ่ สดงเจตนาออกมา นติ กิ รรมจะเป็น “โมฆะ” ไก่ ขาย บา้ น ซื้อ ไข่ เจตนายืม ตวั อย่าง นายไข่ซอื้ บ้านจากนายไก่โดยไม่รูเ้ จตนาแท้จรงิ ของนายไกส่ ัญญาซือ้ ขายถือ วา่ สมบูรณ์ แต่ถ้าหากนายไข่ก็ร้เู จตนาทแ่ี ท้จริงของนายไก่และทาการซ้อื ขายบา้ นเพื่อ ลวง สัญญาซือ้ ขายนน้ั เป็นโมฆะ นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
2. การแสดงเจตนาลวง คือการแสดงเจตนาโดยสมคบคิดกันทานิติกรรมเพ่อื หลอกลวงบุคคลอ่ืน ให้เขา้ ใจวา่ ทานิตกิ รรมจริง เจตนาแบบน้ีจะยกเป็นข้อตอ่ สู้ บคุ คลภายนอกที่กระทาการสุจรติ และเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงไม่ได้ แดง เจตนาลวง ดา เจตนาบริสทุ ธิ์ ขาว ทวงคืนไม่ได้ ตวั อย่าง นายแดงโอนขายบา้ นให้นายดา เพื่อหลบหนเี จ้าหนี้ โดยไม่มีการจ่ายเงนิ กัน จรงิ ต่อมานายดาโอนขายบา้ นดงั กล่าวให้นายขาว โดยนายขาวไม่รูเ้ จตนาท่ีแทจ้ รงิ ของนายดาและนายแดง สญั ญาถือวา่ สมบูรณ์ นายแดงจะมาทวงคนื บ้านจากนาย ขาวโดยอา้ งวา่ สญั ญาระหวา่ งนายแดงกบั นายดาทากนั หลอก ๆ ไม่ได้ นงเยาว์ บุญรนิ วท.ลพบรุ ี
3. การแสดงเจตนาอาพราง นิติกรรมที่แสดงออกไม่มีผลใช้บังคบั (โมฆะ) แต่นติ ิ กรรมท่ถี กู อาพรางไว้มีผลใช้บงั คบั เช่น พอ่ ต้องการยกที่ดินซึ่งเปน็ การให้โดยเสนห่ า (นิตกิ รรมอาพราง) แก่ น.ส.ขาว ลกู สาวคนโต แต่กลัว น.ส.เขียว ลกู สาวคนรองจะ เสยี ใจ จึงทาสัญญาซ้อื ขายที่ดินกับ น.ส.ขาว (นติ ิกรรมทีแ่ สดงออก) 4. การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิด คอื ต้องการทานติ ิกรรมอย่างหนึง่ แต่ไปทานิติ กรรมอีกอย่างหนึ่ง โดยเขา้ ใจผดิ วา่ เป็นนติ กิ รรมที่ต้องการทา หรอื หลงผิดเข้าใจไม่ ตรงกับเจตนาทีแ่ ท้จริง ซ่งึ เป็นสาระสาคัญ นิติกรรมนัน้ เป็น โมฆะ การสาคัญผิดอาจเกิดขึน้ จากสาเหตุ ดงั นี้ นงเยาว์ บุญรนิ วท.ลพบรุ ี
1) สาคญั ผิดในสาระสาคญั ได้แก่ สาคัญผดิ ในลักษณะของนติ ิกรรม เชน่ โอนขายทดี่ ินให้ผู้อนื่ เพราะไม่รู้ หนังสือโดยไม่มีเจตนาขายท่ีดิน หรอื พิมพ์ลายน้ิวมือในเอกสารโดยเขา้ ใจวา่ เป็น เอกสารการออกโฉนดแต่เป็นหนังสอื ยอมแบง่ ทน่ี าให้ สัญญานี้จึงเปน็ “โมฆะ” สาคญั ผดิ ในตวั บุคคลที่เปน็ คู่กรณีการทานิติกรรม เช่น นายเอ ทาสญั ญากับ นายบี โดยนายบแี อบอ้างวา่ เป็นผูแ้ ทนบริษทั นายเอหลงเชอ่ื จึงทาสญั ญาด้วย สญั ญา เปน็ “โมฆะ” นายเอบอกเลกิ สัญญากบั นายบีไมเ่ ป็นการละเมิด นายบไี มม่ สี ิทธเ์ิ รียก ค่าเสียหาย นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
สาคญั ผิดในทรพั ย์สนิ ซงึ่ เปน็ วตั ถุแห่งนติ ิกรรม เช่น นายดที าสัญญา ซ้อื ขายทีด่ ินโดยเขา้ ใจวา่ เปน็ ท่ดี นิ ท่ีซอ้ื ขายได้แตค่ วามจรงิ เปน็ สาธารณะสมบตั ิของ แผ่นดิน หรอื ผูข้ ายชใี้ ห้ดทู ด่ี นิ แปลงหน่งึ แตส่ ่งมอบอกี แปลงหน่ึง สญั ญาน้จี ึงเป็น “โมฆะ” 2) สาคัญผดิ ในคุณสมบตั ิของบคุ คลหรอื ทรัพยส์ นิ หมายถงึ ถา้ ร้วู า่ บคุ คลหรอื ทรัพยส์ นิ ไม่ไดม้ คี ุณสมบตั ิตามทต่ี อ้ งการ กค็ งไมท่ านิตกิ รรมดว้ ย เชน่ ดาทาสญั ญาจะ ขายทด่ี นิ ใหแ้ ดง โดยร้วู ่าแดงจะซือ้ ไปสรา้ งโรงงานแต่ท่ีดนิ อยู่ในเขตห้ามก่อสรา้ ง อาคารแต่ดาปกปดิ ความจรงิ นติ กิ รรมน้จี ึงเปน็ “โมฆียะ” นงเยาว์ บุญรนิ วท.ลพบรุ ี
5. การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉล เปน็ การหลอกลวงใหผ้ ูอ้ ืน่ หลงเช่อื แลว้ ทานติ ิ กรรมกบั ตน หากไมห่ ลอกลวงเขาคงไมท่ านิติกรรมดว้ ย เช่น ผู้ขายเข้าใจว่าผู้ซ้อื ที่ดนิ โอนเงินเข้าบญั ชบี ตุ รแล้ว จึงจดทะเบยี นโอนทดี่ ินใหผ้ ซู้ ้ือ ถา้ ทราบว่าผู้ซ้ือยังไมโ่ อนเงิน ก็คงไมไ่ ด้จดทะเบียนโอนท่ดี ินให้ นิติกรรมจงึ ตกเป็น “โมฆียะ” 6. การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ ทาให้ผ้ถู กู ข่มขู่กลัวและเป็นภยั อนั ใกล้จะถึง ถา้ ไม่มี การข่มขู่ กค็ งไมม่ ีการทานิตกิ รรม เชน่ นายดากลา่ วหานายแดงวา่ ถอดเอาอุปกรณร์ ถ ออกไปขาย แลว้ บงั คับให้แดงซอื้ รถต่อ หากไม่ซอื้ จะดาเนินคดยี ักยอกทรพั ย์ แดงกลวั จึงยอมลงลายมือชอ่ื ในบันทกึ การชาระหน้ีพพิ าท และมอบเช็คใหด้ า บนั ทกึ น้เี ป็น “โมฆียะ” นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
โมฆะกรรมและโมฆยี ะกรรม 1. นติ กิ รรมที่เป็นโมฆะ นิตกิ รรมที่ทาสูญเปลา่ มาตั้งแต่แรกที่ทานิติกรรม ไม่มีผลผูกพนั กันทางกฎหมาย ถือว่าไม่ได้ทานิติกรรมน้นั เลย ไมส่ ามารถฟอ้ งรอ้ งบงั คบั ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายได้ นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
เหตทุ ท่ี าใหน้ ติ กิ รรมเปน็ โมฆะ มดี ังน้ี 1. นิตกิ รรมมวี ตั ถปุ ระสงค์ต้องห้ามโดยชดั แจ้งตามกฎหมาย เปน็ การพน้ วสิ ัย หรอื ขัด ต่อความสงบเรียบรอ้ ยอันดีของประชาชน 2. นิติกรรมไม่ไดท้ าให้ถกู ต้องตามแบบทีก่ ฎหมายกาหนด 3. นติ กิ รรมทเี่ กดิ จากเจตนาซอ่ นเร้นโดยคกู่ รณกี ร็ เู้ จตนานัน้ เจตนาลวง อาพราง หรือสาคญั ผดิ ในสาระสาคญั แหง่ นิตกิ รรม 4. นิตกิ รรมท่ีเปน็ โมฆียกรรมแล้วถกู บอกลา้ งในภายหลัง 5. นิติกรรมเป็นโมฆะเพราะเหตอุ นื่ ๆ เช่น การทานติ กิ รรมของผเู้ ยาวท์ ่อี ายุไมค่ รบ 15 ปี บริบรู ณ์ นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
2. นิตกิ รรมทเี่ ปน็ โมฆียะ นิตกิ รรมมผี ลสมบูรณ์ตามกฎหมายจนกวา่ จะถกู บอกลา้ ง หากถูกบอกลา้ งนติ ิกรรมนน้ั จะตกเปน็ “โมฆะกรรม” การให้สตั ยาบนั คอื การรบั รองนติ กิ รรมที่เปน็ โมฆยี ะใหม้ ีผลสมบรู ณ์ โดยผู้มสี ทิ ธิ บอกล้างโมฆียกรรม ตัวอย่าง นายแดงอายุ 16 ปี ซ้อื รถจกั รยานยนต์ราคา 60,000 บาท นติ ิกรรมน้นั เปน็ “โมฆยี ะ” แต่ผแู้ ทนโดยชอบธรรมเหน็ ว่าราคาถูก จงึ ไมบ่ อกเลิกสญั ญา(หรือใหก้ าร รบั รองนิตกิ รรมทเี่ ปน็ โมฆียะ) ถอื เปน็ การใหส้ ัตยาบัน ทาใด้นติ กิ รรมนั้นมีผลสมบูรณ์ ตง้ั แต่แรก นงเยาว์ บุญริน วท.ลพบรุ ี
ผลของนิตกิ รรมท่เี ปน็ โมฆียะ สามารถบอกลา้ งได้ สามารถใหส้ ตั ยาบันได้ เม่ือมีการบอกล้าง ให้ถอื วา่ เป็นโมฆะกรรมตั้งแตแ่ รก กาหนดระยะเวลาในการบอกล้างนติ ิกรรมที่เปน็ โมฆียะ กาหนดไวเ้ ป็น 2 ชว่ งเวลา ดังนี้ 1. ต้องบอกลา้ งภายใน 1 ปี นบั แต่เวลาท่อี าจให้สตั ยาบนั ได้ 2. ต้องบอกล้างภายใน 10 ปี นับแต่ทานิติกรรม นงเยาว์ บญุ ริน วท.ลพบรุ ี
อายุความ อายคุ วาม (Prescription หรือ Limitation) คือ ระยะเวลาที่กฎหมายกาหนดให้ ใชส้ ิทธิเรยี กรอ้ ง สิทธิฟ้อง หรือสิทธิรอ้ งทกุ ข์ หากปลอ่ ยเนิ่นนานไปจนลว่ งเวลา ดงั กล่าวแล้ว สิทธิเช่นวา่ จะเปน็ อันยกขนึ้ อ้างอกี มไิ ด้ เรยี กว่า “การขาดอายุความ” เชน่ สทิ ธเิ รียกรอ้ งขาดอายุความ คดีขาดอายคุ วาม หนี้ขาดอายุความ เป็นต้น คดีแพง่ อายคุ วามท่ัวไปกาหนดไว้ 10 ปี เวน้ แต่จะมกี ฎหมายกาหนดไวเ้ ป็นการ เฉพาะ นงเยาว์ บญุ รนิ วท.ลพบรุ ี
คดีอาญา อายคุ วามในการจับตัวผู้กระทาผิดมาลงโทษ หากศาลมคี าพากษาถงึ ท่ีสดุ มดี ังน้ี 1. 20 ปี สาหรบั โทษประหารชวี ิต จาคุกตลอดชวี ติ หรือจาคุก 20 ปี 2. 15 ปี สาหรับโทษจาคกุ กวา่ 7 ปี แต่ไมถ่ ึง 20 ปี 3. 10 ปี สาหรับโทษจาคกุ กว่า 1 ปี ถึง 7 ปี 4. 5 ปี สาหรับโทษจาคุกตงั้ แต่ 1 ปีลงมาหรือโทษอยา่ งอน่ื นงเยาว์ บุญริน วท.ลพบรุ ี
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: