การเงนิ และการธนาคาร 6. ความหมายและระบบของธนาคารพาณชิ ย์ 7. งบดุลของธนาคารพาณิชย์ 8. การสร้างเงนิ ฝากของธนาคารพาณิชย์ 9. ธนาคารกลาง 10. หนา้ ท่ขี องธนาคารกลาง 11. นโยบายการเงิน
ความหมายและระบบของธนาคารพาณชิ ย์ ธนาคารพาณชิ ย์ หมายถงึ การประกอบธรุ กจิ ประเภทรบั ฝากเงินทต่ี อ้ งจา่ ยคนื เม่ือทวงถาม หรอื เมอ่ื ส้ินระยะเวลาทก่ี าหนดไว้ และนาเงินนัน้ ไปใชป้ ระโยชน์ทางหนึ่ง หรอื หลายทาง เช่น การให้ก้ยู ืม ซือ้ ขายหรอื เก็บเงินตามตัว๋ แลกเงนิ หรือตราสารเปลย่ี นมืออนื่ ใด ซอื้ หรอื ขายเงนิ ปรวิ รรตต่างประเทศ ธนาคารจะประกอบธรุ กิจอ่ืน อนั เป็นประเพณที ธี่ นาคารพาณชิ ย์พงึ กระทาหรือไม่กต็ าม
ความหมายและระบบของธนาคารพาณชิ ย์ ธนาคารพาณิชย์ แบง่ เป็น 2 ระบบ คอื 1. ระบบธนาคารสาขา (Branch Banking System) 2. ระบบธนาคารเดยี่ ว (Unit Banking System) 1. ระบบธนาคารสาขา ธนาคารสาขา หมายถงึ บริษัทท่ที ากิจการธนาคาร ซง่ึ มสี าขาตง้ั แต่ 2 แหง่ ขน้ึ ไป ออกไปเปดิ ทาการในทอ้ งถนิ่ โดยแตล่ ะสาขาจะมีผ้จู ัดการทไ่ี ด้รบั แต่งตง้ั จากธนาคารใหญ่
ความหมายและระบบของธนาคารพาณชิ ย์ ผลดีของระบบธนาคารสาขา 1. ช่วยระบายเงินทนุ เหลือใช้จากทอ้ งถนิ่ หนง่ึ ไปยงั ท้องถน่ิ ท่ีตอ้ งการ 2. ช่วยให้การโอนเงินนของลกู คา้ จากทห่ี นึ่งไปยงั อกี ท่หี นึ่งทาได้ สะดวก รวดเรว็ เสยี คา่ ใชจ้ ่ายต่า 3. ช่วยกระจายสนิ เชือ่ ไปยงั กิจการตา่ ง ๆ ในทอ้ งถิ่น ช่วยใหค้ นกลมุ่ เล็กๆ ในชนบทไดร้ บั ความสะดวกจากบริการต่าง ๆ ของธนาคาร ธนาคารพาณชิ ย์ของไทยนิยมใชร้ ะบบธนาคารสาขา
ความหมายและระบบของธนาคารพาณิชย์ 2. ระบบธนาคารเด่ียว ธนาคารเดีย่ ว หมายถึง บริษัททีม่ ีสานักงานอยู่แหง่ เดยี ว มที นุ และพนักงานของ ตนเอง และไมม่ ีธนาคารอ่นื เป็นเจ้าของหรือควบคุม ผลดีของธนาคารเดี่ยว เปิดโอกาสใหบ้ คุ คลในท้องถน่ิ เปน็ เจา้ ของ และดาเนินธรุ กิจให้สอดคล้องกับความ ต้องการของลูกคา้ ในทอ้ งถ่นิ แต่จะระดมเงินได้นอ้ ย
แหลง่ เงินทุนของธนาคารพาณิชย์ แหล่งเงินทนุ ของธนาคารพาณชิ ย์ ได้มา 3 ทาง คอื 1. จากการลงทุนของผู้ถือหุ้น 2. กจู้ ากสถาบนั การเงนิ ตา่ ง ๆ 3. เงนิ ฝากของลูกค้า แหลง่ เงนิ ทนุ ของธนาคารพาณิชย์ จะถกู ใช้ไป โดย 1. ใหล้ ูกคา้ ก้ยู มื และรับซือ้ ลดตัว๋ เงิน 2. นาไปลงทนุ ในหลกั ทรพั ยร์ ัฐบาลและหลกั ทรพั ยอ์ ่ืน ๆ 3. นาไปลงทนุ ในอสงั หาริมทรัพย์
การสร้างเงนิ ฝากของธนาคารพาณชิ ย์ การสร้างเงินฝาก (การขยายเครดติ ) หมายถงึ การนาเงินท่ีได้รับจากแหลง่ หนง่ึ ไปใหอ้ กี แหลง่ หนึง่ กยู้ ืม เพ่อื แสวงหากาไร เนอ่ื งจากธนาคารพาณชิ ย์ไม่จาเป็นตอ้ งเกบ็ เงินสารองไว้ทั้ง 100% เพราะ ประชาชนจะไมถ่ อนเงินทฝ่ี ากไว้ทัง้ หมดในคราวเดยี ว และจะไม่มาถอนพรอ้ ม ๆ กันดว้ ย ธนาคารจึงสามารถนาเงินฝากของลูกค้าไปหาประโยชน์ เชน่ การใหก้ ยู้ มื เบิกเกินบญั ชี เงินลงทุนในหลกั ทรัพย์ ทาใหธ้ นาคารพาณชิ ย์สามารถสร้างเงนิ ฝากข้นึ มาได้
การสรา้ งเงนิ ฝากของธนาคารพาณชิ ย์ แต่อยา่ งไรก็ตามธนาคารพาณชิ ย์ จาเป็นตอ้ งเก็บสารองเงนิ สด ไว้สว่ นหน่งึ (เพ่ือ ไมใ่ ห้ธนาคารขยายเครดติ มากเกินไป) จะมากน้อยเพยี งใดข้ึนอยู่กับ 1. อัตราส่วนเงินสดสารองท่ีกฎหมายกาหนดไว้ คดิ เป็นเปอรเ์ ซน็ ตข์ องยอดเงนิ ฝาก โดยต้องฝากเงนิ นไ้ี ว้ทธ่ี นาคารกลาง ในจานวนนีอ้ นุญาตใหเ้ ปน็ หลกั ทรัพย์ได้ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ของเงนิ ท่พี งึ จะสารองได้ 2. เงนิ สดทธ่ี นาคารพาณิชยต์ ้องเก็บไวใ้ หล้ ูกค้า คอื เงินสารองอีกกอ้ นหนึ่งที่ ธนาคารพาณิชยต์ อ้ งเกบ็ ไว้จา่ ยให้ลูกค้า จะมากนอ้ ยขึ้นอยู่กับสภาพคลอ่ งของสนิ ทรพั ยท์ ่ี ธนาคารมอี ยแู่ ละสภาพเศรษฐกจิ
การสรา้ งเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ขอ้ สมมติในการพิจารณาขยายเครดติ ของธนาคารพาณชิ ย์ 1. ไมม่ ีเงินสดไหลจากระบบเศรษฐกิจ 2. ขยายเครดิตเตม็ ท่จี นสารองส่วนเกินเปน็ ศนู ย์ 3. ความตอ้ งการขอก้เู งนิ มีมากกว่าความสามารถในการหาเงินของธนาคาร 4. ธนาคารพาณชิ ยต์ อ้ งมีเงินสดสารองฝากไว้ทีธ่ นาคารกลาง 20 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องยอดเงนิ ฝาก
1. การสรา้ งเงินฝากของธนาคาร สมมตมิ ีธนาคารเพยี งแหง่ เดยี ว และมีเงินฝากขั้นตน้ เท่ากบั 100 บาท ให้กู้โดยใหล้ ูกคา้ เปิดบญั ชเี งินฝากกระแสรายวัน เงนิ ฝากขน้ั ต้น สารองส่วนเกนิ 80 เงนิ ฝากขนั้ ท่ี 2 สารองสว่ นเกิน 64 เงนิ ฝากขั้นท่ี 3 100 100-(100X0.20) 80 80-(80X0.20) 64 เงินฝากข้นั ท่ี 3 สารองสว่ นเกิน 51.2 เงินฝากข้นั ท่ี 4 สารองส่วนเกิน 40.96 เงนิ ฝากขัน้ ท่ี 5 64 64-(64X0.20) 51.2 51.2-(51.2X0.20) 40.96 ธนาคารพาณชิ ยส์ ามารถสร้างเงินฝากได้เร่อื ยๆ จนกว่าสารองสว่ นเกินจะ = 0
ดงั น้นั สูตรในการคานวณเงนิ ฝาก D= P R+L D = ปรมิ าณเงนิ ฝากทธ่ี นาคารท้ังหมดสรา้ งขึ้นได้เตม็ ท่ี P = เงนิ ฝากขั้นแรก R = อัตราส่วนของเงินสดสารองทกี่ ฎหมายกาหนดไว้ L = จานวนเงนิ สดท่ีคาดว่าจะมผี มู้ าถอนไปจากธนาคาร
ตวั อย่าง ถา้ เงินฝากข้ันต้น = 100 บาท เงนิ สดสารองตามกฎหมาย = 8% เงนิ สดสารอง ทคี่ าดว่าลกู ค้าจะมาถอน = 12% ธนาคารจะสรา้ งเงนิ ฝากไดท้ ง้ั หมดเท่าไร D = 100 0.08 + 0.12 D = 500 เงินฝากทธ่ี นาคารสร้างขน้ึ ท้ังหมด = 500 การสร้างเงินฝากโดยระบบธนาคารจะพจิ ารณาได้ในทานองเดยี วกัน
2. ขอ้ จากัดในการขยายเครดติ ของธนาคารพาณชิ ย์ ธนาคารพาณิชยจ์ ะขยายเครดติ ได้ มากน้อยแค่ไหน ข้ึนอยกู่ บั ปรมิ าณเงนิ สดที่ใช้หมนุ เวียนอยู่ในระบบเศรษฐกจิ ปริมาณความต้องการถือเงนิ สดของประชาชน อัตราสว่ นเงนิ สดสารองท่กี าหนดไว้ตามกฎหมาย จานวนเงนิ สดท่ีธนาคารตอ้ งเก็บไว้เพื่อจ่ายใหแ้ กล่ กู คา้ ที่นาเงินมาฝากไว้
3. การหดเครดิตของธนาคารพาณิชย์ เมื่อมกี ารถอนเงนิ ออกจากธนาคาร โดยไมม่ กี าร นาเงินทถ่ี อนกลับมาฝากกบั ธนาคารอกี ทาใหเ้ งินสดสารองของธนาคารลดลง ธนาคารจึง ตอ้ งหดเครดติ ลง โดยการเรยี กคนื เงินกู้หรอื ขายหลักทรัพย์ เพ่อื มาชดเชยเงินสดสารองท่ี ขาดไป สาเหตุการหดเครดิตของธนาคารพาณิชย์ ปรมิ าณเงินสดของธนาคารลดลง เช่น ธนาคารมเี งินสารองตามกฎหมาย 20% ถ้ามี คนมาถอนเงิน 100 บาท ธนาคารมี 20 บาท ยงั ขาดอีก 80 บาท ธนาคารจึงตอ้ งหาเงิน เพ่ิม เมือ่ ธนาคารกลางกาหนดให้เพิ่มอัตราเงินสารองตามกฎหมายให้สูงข้ึน ธนาคารพาณิชยป์ ระสงคจ์ ะเกบ็ เงินสดไวส้ ารองจ่ายเพ่มิ ข้ึน ลกู ค้าทฝ่ี ากเงนิ ไว้กับธนาคารมีความตอ้ งการถอื เงินสดมากข้ึน
ธนาคารกลาง ธนาคารกลาง เป็นสถาบนั การเงนิ ของรฐั บาล ทจ่ี ดั ต้งั ข้นึ เพอ่ื รกั ษาเสถียรภาพ ของเงนิ ตราและเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยใช้นโยบายการเงินควบคุมการดาเนินงานของ ธนาคารพาณชิ ย์ และทาหนา้ ทเี่ ปน็ นายธนาคารของรัฐบาล ธนาคารกลางของประเทศไทย เรียกว่า Bank of Thailand หรอื ธนาคารแห่ง ประเทศไทย ธนาคารกลางต่างจากธนาคารพาณิชย์ ดงั น้ี
ข้อแตกต่าง ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ 1. หน้าท่ี - ควบคุมรกั ษาเสถียรภาพของ รบั ฝากเงนิ และนาเงนิ ไปใช้ 2. ลกู คา้ เงนิ ตราและเศรษฐกจิ ประโยชน์ เพอ่ื แสวงหากาไร - ควบคมุ ให้ความชว่ ยเหลอื สรา้ งความมน่ั คงใหธ้ นาคาร พาณชิ ย์ - ไมแ่ สวงหากาไร ธนาคารพาณชิ ยแ์ ละหนว่ ยงาน ผูป้ ระกอบธุรกจิ และประชาชน ของรัฐบาล ทวั่ ไป
หน้าท่ขี องธนาคารกลาง 1. ออกพนั ธบัตรธนาคารหรอื ธนบตั ร และควบคมุ ดูแลให้จานวนธนบตั รและการใหเ้ ครดติ มีพอ กบั ความต้องการของธรุ กจิ ต่าง ๆ 2. เป็นนายธนาคารให้รฐั บาล ทาหนา้ ท่เี ช่นเดียวกับที่ธนาคารพาณิชยท์ าให้ลูกค้า 3. เป็นตวั แทนรฐั บาลทางด้านการเงนิ เช่น ควบคุมการปรวิ รรตเงนิ ตราตา่ งประเทศ จัดการ เก่ยี วกับหนส้ี าธารณะ 4. เป็นธนาคารของธนาคารพาณิชย์ 5. ควบคมุ ธนาคารพาณิชยใ์ ห้ดาเนนิ งานถกู ต้องตามกฎหมาย 6. ควบคมุ ปริมาณเงนิ ภายในประเทศ (นโยบายการเงิน) 7. รกั ษาเงินสารองทเี่ ปน็ เงินตราตา่ งประเทศ
นโยบายการเงิน ได้แก่ การควบคมุ ปรมิ าณเงนิ ภายในประเทศ เพอื่ ใหร้ ะบบเศรษฐกจิ มีเสถยี รภาพ ไมเ่ กดิ ปัญหาเงนิ เฟอ้ เงินฝดื แบง่ ออกได้เป็น 1. การควบคุมทางปรมิ าณ (Quantitative Control) 2. การควบคุมเครดิตเฉพาะอยา่ งและการควบคุมคุณภาพ (Selective Control and Qualitative Control)
1. การควบคมุ ทางปรมิ าณ ทาไดโ้ ดย 1) ซ้ือขายหลักทรัพย์ (Open Market Operation) เปน็ นโยบายการเพม่ิ หรอื ลด ปริมาณเงนิ สดสารองของระบบธนาคาร เชน่ ออกพันธบตั รรฐั บาล ตั๋วเงินคลัง หลกั ทรัพย์อื่นๆ ถา้ รฐั บาลต้องการหดเครดติ จะขายหลักทรพั ย์ ประชาชนจะถอนเงินจาก ธนาคารมาซอ้ื หลักทรพั ย์ เม่อื ประชาชนถอนเงนิ มาก ทาให้ธนาคารพาณิชย์ตอ้ งเก็บเงนิ สารองไวท้ ธ่ี นาคารเพ่ิม เงนิ ที่จะนาไปสรา้ งเงินฝากจงึ ลดลง ถ้ารฐั บาลตอ้ งการเพม่ิ เครดิต จะซอ้ื คืนหลกั ทรัพย์ ประชาชนหรอื ธุรกิจจะไดร้ บั เงนิ แล้วนาเงินไปฝากธนาคารพาณชิ ย์ ทาใหร้ ะบบธนาคารสามารถสรา้ งเงินฝากได้ เพม่ิ ข้ึน
2) วิธเี พ่มิ ลดอัตรารับช่วงซื้อลดตวั๋ เงิน (Rediscount Rate หรือ Bank Rate) การรับชว่ งซื้อลดต๋ัวเงิน คือ การที่ธนาคารกลางรับซื้อตวั๋ เงนิ ตอ่ จากธนาคาร พาณชิ ย์ (ธนาคารพาณชิ ย์ซื้อลดต๋วั เงินนั้นมาจากลูกค้า) อตั รารบั ช่วงซ้อื ลด คือ อตั ราดอกเบ้ียทธ่ี นาคารกลางคดิ จากธนาคารพาณชิ ย์ เม่อื รบั ช่วงซอ้ื ลดตว๋ั เงินจากธนาคารพาณิชย์ ถา้ ธนาคารกลางเพิ่มอัตรารบั ชว่ งซื้อลดต๋ัวเงนิ ให้สงู กว่าอัตราซ้ือลดของธนาคาร พาณชิ ย์ ธนาคารพาณชิ ย์จะขาดทนุ จากการซ้ือตัว๋ เงิน ทาให้ไมส่ ามารถขยายเครดติ ได้ ถ้าธนาคารกลางลดอัตรารับชว่ งซ้อื ลดตว๋ั เงิน ใหต้ า่ กว่าอตั ราซื้อลดของธนาคาร พาณิชย์ ธนาคารพาณชิ ย์จะไดก้ าไรจากการซ้อื ต๋วั เงิน ทาให้สามารถขยายเครดติ ได้ เพ่ิมขน้ึ
3) วธิ ีเพิ่มลดอัตราส่วนเงนิ สดสารองตามกฎหมาย ถา้ ธนาคารกลางลดอตั ราส่วนเงินสดสารองตามกฎหมาย จะทาให้ธนาคาร พาณชิ ย์มเี งนิ สารองสว่ นเกนิ เพิม่ ข้ึน จงึ สามารถขยายเครดิตได้เพิ่มข้ึน ถ้าธนาคารกลางเพ่ิมอตั ราส่วนเงินสารองตามกฎหมาย จะทาให้ธนาคารพาณชิ ย์ มีเงนิ สารองส่วนเกนิ ลดลง จงึ ทาให้ขยายเครดติ ได้ลดลง
2. การควบคมุ เครดติ เฉพาะอย่างและการควบคมุ คุณภาพ ทาไดโ้ ดย 1) การควบคมุ เครดติ เพือ่ การเกง็ กาไรหรอื เพอื่ ซื้อขายหลักทรพั ย์ ถ้านักเก็งกาไรคาดวา่ ราคาหลกั ทรัพย์จะเพ่ิมข้ึน จะซอ้ื หลักทรัพย์ไว้เพ่อื เกง็ กาไร ถา้ ธนาคารกลางต้องการจากดั การกยู้ มื เงนิ เพือ่ เกง็ กาไร จะเพม่ิ เงนิ มัดจา (Margin Requirement) ใหส้ งู ขน้ึ เงินมัดจา หมายถึง สัดส่วนของราคาขายของหลักทรัพย์ ซึ่งธนาคาพาณิชย์และ นายหน้า หรือผู้มีอาชีพเกีย่ วกับการซื้อขายหลักทรัพย์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้ยู ืมเงินจาก ธนาคารกลางได้ เช่น ธนาคารเพ่ิมเงินมัดจาเป็น 80% จะทาให้นักเก็งกาไรกู้เงินจากธนาคารได้ 20% (เงินมัดจากู้ไม่ได้)
2) การควบคุมเครดิตเพื่อการบรโิ ภค รัฐบาลต้องการจากัดการกู้ยืมเงินเพ่ือซ้ือสินค้าท่ีมีความทนทานและมีการขาย โดยการผ่อนชาระ เพราะอปุ ทานของสนิ คา้ นีม้ ีจากัด ผู้ขายสนิ ค้าแบบผ่อนส่งมักมีเงินทุน หมนุ เวยี นไมพ่ อจึงตอ้ งกจู้ ากธนาคารมาดาเนินการ ถ้าธนาคารกลางต้องการจากัดเครดิต ก็จะกาหนดวงเงินที่จะจ่ายคืนคร้ังแรกให้ สูง หรอื กาหนดจานวนงวดทช่ี าระใหน้ อ้ ยลง (ทาให้จานวนเงินทต่ี อ้ งชาระตอ่ งวดสงู ขน้ึ ) 3) การควบคุมเครดติ เพื่อการก่อสรา้ งหรอื การซอื้ อาคาร ธนาคารกลางจะทาเมอ่ื เกิดภาวะเงินเฟอ้ หรือมสี งคราม เพอ่ื ไม่ให้ราคาสินค้าและ แรงงานสูงข้ึน โดยกาหนดวงเงินสูงสุดท่ีธนาคารพาณิชย์จะให้กู้เพื่อก่อสร้างหรือซ้ือ อาคาร กาหนดราคาใช้คนื และเงอื่ นไขในการใชค้ นื เงินกใู้ ห้สูงข้ึน
4) การควบคมุ เครดิตโดยวิธีการขอรอ้ งอย่างกนั เอง หรือวิธีชช้ี วนทางศลี ธรรม ธนาคารกลางจะขอร้องไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในสิ่งท่ีธนาคารกลางไม่มี นโยบายให้ปฏิบัติ โดยชี้ชวนให้เห็นผลเสีย ถ้าธนาคารพาณิชย์ไม่ให้ความร่วมมือ ธนาคารกลางจะไม่ให้ความช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์เวลาที่ต้องการกู้เงินจากธนาคาร กลาง
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: