Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 9-402- allah akbar

9-402- allah akbar

Published by jumneng2559, 2018-08-19 22:36:04

Description: 9-402- allah akbar

Search

Read the Text Version

มหาชาตคิ าหลวง มัธยมศึกษา ปี ท่ี 4/2 พสิ ิฐพล ถนอมนุ่ม

ความหมายมหาชาติ แปลวา่ พระชาติที่ยง่ิ ใหญ่หรือพระชาติท่ีสาคญัคาหลวง หมายถงึ หนงั สือที่มีลกั ษณะดงั นี ้ ๑. พระมหากษัตริย์ทรงพระราชนิพนธ์หรือโปรดให้ประชมุนกั ปราชญ์ราชบณั ฑิตชว่ ยกนั แตง่ ขนึ ้ ๒. แตง่ ด้วยคาประพนั ธ์หลายชนิดทงั้ โคลง ฉนั ท์ กาพย์กลอนและร่าย เช่น มหาชาติคาหลวง พระมาลยั คาหลวงนนั โทปนนั ทสตู รคาหลวง พระนลคาหลวง เป็นต้น ๓. มกั เป็นเร่ืองเกี่ยวกบั ศาสนา

เหตุใดเวสสันดรชาดกจึงเป็ นชาติที่สาคญั เวสสนั ดรชาดกเป็นชาดกที่ปรากฏพระบารมขี องพระโพธิสตั ว์ ท่ีเสวยพระชาติเป็นพระเวสสนั ดรครบถ้วนทงั้ ๑๐ประการเรียกวา่ “ทศบารมี” คอื ทาน ศลี เนกขมั มะ ปัญญา วิริยะขนั ติ สจั จะ อธิษฐาน เมตตาและอเุ บกขา• ทานบารมี – ทรงบริจาคบตุ รทาน หมายถงึ การทาทานโดยสละบตุ รและภรรยา คือพระชาลี พระกณั หา และพระนางมทั รี

มหาชาติ/มหาเวสสนั ดรชาดก• พระเวสสนั ดรนีเ้ป็นพระชาติสดุ ท้ายของพระพทุ ธเจ้ากอ่ นได้ เสวยพระชาตเิ ป็นโอรสของเจ้ากรุงสญชยั แล้วสาเร็จโพธิญาณ ปรมตั ถบารมี จงึ ถือวา่ เป็นพระชาติสาคญั เรียกวา่ “มหาชาติ”• มหาชาติเรียกอีกอยา่ งหนง่ึ วา่ “มหาเวสสนั ดรชาดก”

ประวตั ิความเป็นมาของมหาชาติ• มหาชาตนิ า่ จะมีตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั แตต่ ้นฉบบั สญู หายไป• การเทศมหาชาตกิ ็นา่ จะเริ่มตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั ด้วยเช่นกนั โดยสวดเป็นภาษาบาลีที่ เรียกกนั วา่ คาถาพนั

“มหาชาติคาหลวง” ผ้แู ตง่ -นา่ จะเป็นนกั ปราชญ์ราชบณั ฑิตช่วยกนั แปลจากมหาชาติภาษาบาลี ในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ดงั ปรากฏในตอนท้ายของกณั ฑ์ทศพรวา่ “บรรพบริบรู ณ์คาหลวง เลอื กล้วนผ้ปู รีชานิพนธ์ ในแผน่ ดนิสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถโน้นฯ”

เวลาการแต่ง• แตง่ ขนึ ้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๒๕• ดงั ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสริฐอกั ษรนติ วิ า่ “ศกั ราช๘๔๔ ขาลศก ทา่ นให้เลน่ การมหรสพ ๑๕ วนั ฉลองวดั พระศรีมหาธาติ แล้วทรงนิพนธ์ มหาชาตคิ าหลวงจบบริบรู ณ์”• ต้นฉบบั หนังสือมหาชาตคิ าหลวงได้สญู หายไป ๖ กณั ฑ์ เม่ือครัง้ เสียกรุง ศรีอยธุ ยาแกพ่ มา่ ตอ่ มาในสมยั กรุงรัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ เลิศหล้านภาลยั รัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้าฯ ให้ประชมุ นกั ปราชญ์ราชบณั ฑติ แตง่ กณั ฑ์ที่ขาด ๖ กณั ฑ์ คือ กณั ฑ์หิมพานต์ ทานกณั ฑ์ จลุ พน มทั รี สกั กบรรพและฉกษัตริย์ ขนึ ้ ใหม่ เมื่อปี จอ พ.ศ.๒๓๕๘ หนงั สอื มหาชาติ คาหลวงจงึ มีฉบบั บริบรู ณ์มาจนทกุ วนั นี ้

จุดมุ่งหมายในการแต่ง• วรรณคดเี รื่อง มหาชาตคิ าหลวง แตง่ ไว้ใช้สวดให้อบุ าสก อบุ าสกิ าฟังเวลาไปอยบู่ าเพญ็ การกศุ ลที่ในวดั เวลาวนั นกั ขตั ฤกษ์ เชน่ วนั เข้าพรรษา ออกพรรษา หรือเทศกาลอ่ืน ๆ ประเพณีอนั นีย้ งั มีมาจนตราบเทา่ ทกุ วนั นี ้

ลกั ษณะคาประพนั ธ์• คาประพนั ธ์ในมหาชาตคิ าหลวงประกอบด้วย ร่าย โคลง กาพย์ ฉนั ท์ยกเว้น กลอน โดยแยกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ดงั นี ้- ดาเนินด้วยร่ายล้วนๆ มี ๗ กณั ฑ์ คือ กณั ฑ์ทศพร กณั ฑ์หิมพานต์กณั ฑ์วนประเวศน์ กณั ฑ์ชชู ก กณั ฑ์กมุ าร กณั ฑ์สกั รบรรพและ นครกณั ฑ์- ดาเนินด้วยร่ายและคาประพนั ธ์ชนิดอื่นปนกนั มี ๖ กณั ฑ์ คอื ทานกณั ฑ์ กณั ฑ์จลุ ลพน กณั ฑ์มหาพน กณั ฑ์มทั รี กณั พ์มหาราชและกณั ฑ์ฉกกษัตริย์

• วธิ ีการประพนั ธ์ – ยกเอาคาถาภาษาบาลเี ดมิ ตงั้ ขนึ ้ หนง่ึ บท แล้วแปลและแตง่ เป็นภาษาไทยสลบั กนั ไป โดยใช้คาประพนั ธ์ หลากหลายประเภท การแตง่ จะพยายามให้เนือ้ ความใกล้กบั ความต้นฉบบั เดิมให้มากท่ีสดุ

ตวั อยา่ งคาประพนั ธ์ในมหาชาติคาหลวง“สตฺ อนั วา่ พระสรรเพช็ ญ์พทุ ธอยเู่ กล้า อปุ นิสฺสาย เจ้ากธู เสดจ็ อาศรัยกปิ ลวตฺถ แกพ่ ชิ ยั กบิลพศั ด์ุ บรุ ีรัตนพศิ าล วิหรนฺโต ธเสดจ็ สิงสาราญสาริทธ์ิ นิโครธาราเม ในพิจิตรนิโคธาราม อารพฺภ พระผ้ผู จญเบญ็ จกามพิษัย ตงั้ หฤทยั เสดจ็ เฉพาะ โปกฺขรวสสฺ อนเุ คราะห์แก่โบษขรพรรษธาราอิท ธมฺมเทสน ยงง พระธรรมเทศนามาธู คาถาสหสฺสปฏมิ ณฺฑิตอนั บริบรู ณ์ประดบั นิด้วยคาถาถงึ สหสั อกั ษรอรรถบเอฯ”

เน้ือเรื่องยอ่ แบ่งเป็น ๑๓ กณั ฑ์๑.กณั ฑ์ทศพรกลา่ วถึงความเป็นมาของฝนโบกขรพรรษ เม่ือพระพทุ ธเจ้าเสด็จไปโปรดพระบิดาและพระประยรู ญาติ ได้เกิดฝนโบกขรพรรษพระสงฆ์สาวกทลู อาราธนาให้แสดงเรื่อง มหาเวสสนั ดรชาดกเร่ิมจากพระนางผสุ ดี พระชายาของพระอนิ ทร์ รับพรสบิ ประการจากพระอินทร์กอ่ นจตุ จิ ากสวรรค์ลงมาเป็นพระมารดา ของพระเวสสนั ดร

๒.กณั ฑ์หิมพานต์ กลา่ วถงึ พระนางมทั รีทลู พรรณนาป่ าหิมพานต์ถวาย พระเวสสนั ดร เม่ือพระองค์ ถกู ขบั ออกพระนครเพราะได้ พระราชทานช้างปัจจยั นาเคนทร์

๓.ทานกณั ฑ์พระเวสสนั ดรทรงบาเพ็ญสตั ตสดกมหาทาน คอื บริจาคของเจด็ สงิ่ ส่งิ ละเจด็ ร้อย ได้แก่ ช้าง ม้า โค รถ ทาสหญิง ทาสชาย นางสนม

๔.กณั ฑ์วนปเวศน์พระเวสสนั ดรออกจากพระนครเข้าสู่ป่ าใหญ่ ท่ีเขาวงกตเพ่ือบาเพญ็ พรตโดยมีพรานเจตบตุ รเฝ้ าทางเข้าป่ าไว้

๕.กณั ฑ์ชชู กชชู กได้นางอมติ ตาเป็นภรรยา ชชู กออกเดนิ ทางไปขอสองกมุ าร พบพรานเจตบตุ รวา่ จะมาอญั เชิญพระเวสสนั ดรกลบั ไปครองเมอื ง

๖.กณั ฑ์จลุ พนพรานเจตบตุ รเชื่อคาลวงของชชู กจงึ ชีท้ างไปสเู่ ขาวงกตให้

๗.กณั ฑ์มหาพน ชชู กไปถงึ อาศรมของ อจตุ ฤาษี อจตุ ฤาษีบอกทาง ให้ไปสอู่ าศรมพระเวสสนั ดร

๘.กณั ฑ์กมุ ารชชู กเข้าเฝ้ าพระเวสสนั ดรทลูขอสองกมุ าร แล้วพาจากไป

๙.กณั มทั รีพระนางมทั รีกลบั มาไมพ่ บสองกมุ ารจงึ เศร้าโศกจนสลบไป พระเวสสนั ดรจงึ เลา่ความทงั้ หมด ให้นางมทั รีจงึอนโุ มทนาด้วย

๑๐.กณั ฑ์สกั บรรพพระอินทร์แปลงกายเป็ นพราหมณ์มาทลู ขอพระนางมทั รีพระเวสสนั ดรได้ทรงบาเพญ็ทารบริจาค

๑๑.กณั ฑ์มหาราชพระเจ้ากรุงสญชยั ไถ่สองกมุ ารจากชชู ก แล้วเลีย้ งอาหารจนชูชกท้องแตกตาย แล้วจงึ เสดจ็ ไปรับพระเวสสนั ดรและนางมทั รี

๑๒.กณั ฑ์ฉกกษัตริย์หกกษัตริย์ได้พบกนั ก็ดใี จจนสลบไป ฝนโบกขรพรรษตกลงมาประพรมจงึ ฟื น้ ขนึ ้

๑๓. กณั ฑ์นครกณั ฑ์ พระเวสสนั ดรกลบั สนู่ ครสพี ี แล้วขนึ ้ เป็นกษัตริย์ครองกรุง สีพี

คุณค่าของมหาชาติคาหลวง๑. ประเพณีการเทศน์มหาชาติ มหาชาตหิ รือเวสสนั ดรชาดกประกอบด้วยพระคาถาภาษา บาลี จานวน ๑,๐๐๐ พระคาถา ลกั ษณะการเทศน์เรียกวา่ เทศน์คาถาพนั หรือเทศน์มหาชาติ

• ประเพณีนิยมเทศน์คาถาพนั นีส้ นั นิษฐานกนั วา่ น่าจะมีมาตงั้ แต่ รัชสมยั ของพอ่ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ กรุงสโุ ขทยั ครัน้ ถึง รัชสมยั ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแหง่ กรุงศรีอยธุ ยา เม่ือมีนกั ปราชญ์ราชบณั ฑิตและผ้มู ีความรู้ในด้าน พระพทุ ธศาสนามากขนึ ้ จงึ มีรับสง่ั ให้ประชมุ นกั ปราชญ์ราช บณั ฑิตแตง่ มหาชาตคิ าหลวงขนึ ้

ประเพณีการเทศนม์ หาชาติ–การเทศน์มหาชาติเป็นท่ีนิยมกนั อย่างย่งิ และมีทวั่ ทกุ ภาค ของประเทศไทย มีการแปลแตง่ ภาษาบาลีเป็นภาษาไทย หรือภาษาถ่ิน • ภาคกลาง เรียกวา่ เทศน์มหาชาติ • ภาคเหนือ เรียกวา่ ตงั้ ธรรมหลวง • ภาคอีสานเรียกวา่ งานบญุ พระเวส

• ประวตั ิการเทศน์มหาชาติ• เร่ิมตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั (จารึกวดั นครชมุ ) “...อนั ว่าพระไตรปิ ฎกนีจ้ กั หายและหาคนรู้จกั แทแ้ ลมิได้เลย ยงั มีคนรู้คน่ั สเล็กสะนอ้ ยไซร้ธรรมเทศนา อนั เป็นตน้ ว่าพระมหาชาติ หาคนสวดแลมิไดเ้ ลย”

สมัยอยุธยา- มหาชาติคาหลวง (สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช)- กาพย์มหาชาติ- มหาเวสสนั ดรชาดก

• สมยั รัตนโกสนิ ทร์ - มีการจดั เทศน์มหาชาตเิ ป็นการใหญ่และเป็นประจา- รัชกาลที่ 1 โปรดให้จดั 2 ครัง้ และเป็นพระราชประเพณีท่ีสบื ทอดในรัชกาลตอ่ ๆ มา- รัชกาลที่ 5 มีพระราชดารัสวา่“การพระราชกศุ ลเทศนามหาชาติถือว่าเป็นเทศนาสาหรบั แผน่ ดิน...”

• ชว่ งเวลาการเทศน์มหาชาติ – แตก่ อ่ นนิยมจดั กนั ตงั้ แตอ่ อกพรรษาแล้วไปจนถงึ สิน้ เดอื น ๑๒ ตอ่ มาในรัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรง ให้เลอื่ นมามีในเดอื นอ้ายสว่ นในปัจจบุ นั นี ้ – ประเพณี นิยมจดั กนั หลงั ออกพรรษาแล้วจนถงึ เดอื น ๔ หรือไมก่ ็ ตามสะดวก ไมก่ าหนดไว้

องคป์ ระกอบในพธิ ี1. พระสงฆ์ นง่ั บนธรรมาสน์2. อบุ าสกอบุ าสกิ า3. เคร่ืองบชู า เชน่ ธปู เทียน ดอกไม้สด สาหรับถวายบชู ากณั ฑ์เทศ และ ให้ผ้เู ข้าร่วมพธิ ีจดุ บชู าถวาย4. สถานที่ นิยมนา ธง ฉตั ร สายสญิ จน์ ผลไม้และกิ่งไม้มงคลมาประดบั5. วงดนตรี

วิธีการเทศนม์ หาชาติ1. การเทศน์แบบเรียงกณั ฑ์ เทศน์ท่ีละกณั ฑ์ ๆ ละ 1 รูป2. การเทศน์แบบประยกุ ต์ คือย่อเร่ืองราวให้ครบ 13 กณั ฑ์ 1,000 คาถาเทศน์ให้จบในหนง่ึ วนั มหี ลายธรรมาสน์ได้ อาจมีตวั แสดงประกอบ

ความเช่ือเร่ืองอานิสงส์ของการฟังเทศน์มหาชาติ - เชื่อวา่ ผ้ใู ดได้ฟังเทศน์มหาชาตคิ รบ ๑๓ กณั ฑ์ จบภายในวนั เดียว ผ้นู นั้ ก็จะได้รับอานิสงส์ ๕ ประการ คอื ๑) จะได้เกิดในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยซงึ่ จะมาอบุ ตั เิ ป็นพระพทุ ธเจ้าในอนาคต ๒) จะได้ไปเกิดในสคุ ติโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบตั อิ นั โอฬาร ๓) จะไมไ่ ปเกิดในอบาย ทคุ ตวิ ินิบาต ๔) จะเป็นผ้มู ีลาภ ยศ ไมตรี และความสขุ ๕) จะได้บรรลมุ รรคผล นิพพาน เป็นพระอริยบคุ คลในพระพทุ ธศาสนา

เหตุปัจจยั ท่ที าให้ผู้คนทากุศลในการเทศน์มหาชาตมิ ากกว่าบุญกุศลรูปแบบอ่ืนนี้ มาจาก ๓ ปัจจยั ดงั นี ้๑) เรื่องมหาชาตินีเ้ป็นพระพทุ ธวจนะท่ีสมเดจ็ พระผ้มู ีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานเทศนาแก่พระภิกษุสงฆ์พทุ ธบริษัท ณ นิโครธาราม ในกรุงกบิลพสั ด์ุเป็นเร่ืองจริงท่ีออกจากพระโอษฐ์โดยตรง เป็นเร่ืองท่ีพระพทุ ธองค์ทรงเลา่ เม่ือผ้ใู ดได้สดบั พระพทุ ธวจนะด้วยความเช่ือความเลือ่ มใสก็ยอ่ มจะเกิดสิริสวสั ดิมงคลแกช่ ีวิตของผ้นู นั้ และเป็นการสร้างสมปัญญาบารมีทางธรรม อนั จะเป็นปพุ เพกตปญุ ญตาสาหรับตนสืบตอ่ ไปในภายหน้า

๒) เชื่อกนั สบื มาวา่ พระศรีอริยเมตไตรยเทพบตุ รซง่ึ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพทุ ธเจ้า ในอนาคตกาล ตอ่ อายพุ ระพทุ ธศาสนาของพระศรีศากยมนุ ีสมณโคดม สมั มาสมั พทุ ธเจ้าพระองค์นีไ้ ปซงึ่ อบุ ตั ิอยใู่ นเทวโลกสวรรค์นนั้ ได้มีเทวโองการ สงั่ พระมาลยั เถระผ้มู ีบญุ ญาภินิหารอยา่ งย่ิงได้ขนึ ้ ไปถงึ สวรรค์ชนั้ นนั้ ให้มา บอกแก่มนษุ ย์ทงั้ หลายในโลกนีว้ า่ ถ้าผ้ใู ดมีความปรารถนาจะใคร่ประสบพบ พระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรยซง่ึ นิยมกนั วา่ บคุ คลผ้จู ะเกิดทนั ศาสนา พระศรีอริยเมตไตรยนนั้ ล้วนเป็นผ้ไู ด้สร้างสมอบรมบญุ บารมีธรรมไว้สมบรู ณ์ แล้ว พร้อมท่ีจะบรรลมุ รรคผลนพิ พาน จงึ เป็นมนษุ ย์ที่มีความเจริญทกุ ประการ เป็นที่เกษมศานตอิ์ ยา่ งย่ิงยวด เป็นต้นวา่ รูปก็งาม เพราะเกิดจาก ผลานสิ งส์ที่ได้บาเพญ็ ศลี บารมีอยา่ งสมบรู ณ์ จงึ มีรูปสวยงามเหมือนกนั หมด จนลงจากบนั ไดเรือนแล้วก็จาหน้ากนั ไม่ได้ เพราะมีหน้าสวยงามเหมือนกนั จะปรารถนาสิ่งใดก็ได้สมประสงค์ ด้วยมีต้นกลั ปพฤกษ์สาหรับจะให้ผ้ทู ่ีนกึ ไหนได้นนั่ เพราะเกิดจากผลานิสงส์ท่ีได้บาเพ็ญทานมาอยา่ งสมบรู ณ์

เป็นคนมีสติปัญญาดี เพราะเกิดจากผลานสิ งส์ท่ีได้บาเพ็ญภาวนามาอยา่ งสมบรู ณ์ยอ่ มไม่มีคนพิกลพิการตา่ ง ๆ เช่นคนตาบอด หหู นวก บ้าใบ้ วกิ ลจริตเป็นต้น แผ่นดนิ ก็ราบเรียนเสมือนหน้ากลอง ท่ีสดุ จนนา้ ในแม่นา้ ก็เตม็ เปี่ ยมฝั่งจนกระทงั่ กาก้มดื่มได้ นา้ ก็ไหลขนึ ้ ข้างหนงึ่ ไหลลงอีกข้างหนงึ่ อย่เู ป็นนิตย์ และทกุ คนท่เี กดิ ทนั ศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยแล้วย่อมได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ไม่ต้องเวยี นว่ายตายเกดิ อกี ต่อไป ดงั นีเ้ ป็ นต้นแล้วกจ็ งให้ผู้นัน้ สดบั ฟังเวสสันดรชาดกอันประดับด้วยพระคาถา ๑,๐๐๐พระคาถา ในวันและราตรีเดียวให้จบ และให้บชู าด้วยประทปี ธูปเทยี น ธงฉัตร สารพนั ดอกไม้ ดอกบวั ดอกจงกลนี ราชพฤกษ์ ดอกผักตบ ให้ครบจานวนถ้วนส่งิ ละหน่ึงพนั ผลานิสงส์นัน้ จะชักนาให้สมมโนรถจานงฉะนี้ เพราะเหตนุ ี ้ผ้ซู งึ่ มงุ่ หมายจะใคร่พบพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย จงึ ตงั้ ใจบาเพญ็ บารมีธรรมในการสดบั ฟังเทศน์มหาชาตินี ้เป็นประจาสืบ ๆ กนั มา

๓) การเทศน์มหาชาตนิ ี ้ผ้เู ทศน์แสดงด้วยกระแสเสยี งเป็นทานองไพเราะตา่ ง ๆกนั สามารถโน้มน้าวจิตใจผ้สู ดบั ฟังให้เกิดปี ติโสมนสั รื่นเริงบนั เทงิ ใจ ทาให้เกิดความซาบซงึ ้ ในรสแหง่ พระธรรมเทศนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตนุ ี ้ผ้ทู ี่หวงั ความปราโมทย์ก็ย่อมมงุ่ หมายที่จะบาเพญ็ บญุ กศุ ลด้วยการสดบั ฟังเทศน์มหาชาตนิ ี ้เพราะอาศยั ประโยชน์ท่ีจะเกิดจากการสดบั ฟังเทศน์มหาชาติประกอบด้วยมลู เหตทุ ี่สาคญั ๓ ประการดงั กลา่ วแล้ว พทุ ธศาสนิกชนทงั้ หลายผ้มู ่งุ ถงึประโยชน์จะเกิดมีแกต่ น จงึ มีความเห็นวา่ การท่ีตนได้สดบั ฟังพระพทุ ธวจนะเร่ืองมหาชาตหิ รือเรื่องเวสสนั ดรชาดกนี ้ถือกนั วา่ เป็นบญุ กศุ ลเป็นสิริมงคลแก่ชีวติ ไมผ่ ดิ กบั การได้สดบั พระธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู รหรือพระอนตั ตลกั ขณะสตู รอนั เป็นความดีสว่ นหนงึ่ แล้ว ยงั สนกุ สนานรื่นเริงบนั เทิงใจดกี วา่ การบาเพญ็ ทานมยั กสุ ลอยา่ งอ่ืน ๆ

มหาชาติสานวนต่างๆ๑. มหาชาตภิ าคกลาง มหาชาติภาคกลางเรียกวา่ มหาเวสสนั ดรชาดก เป็นผลงานของกวี ๖ คน ได้แก่ ๑) กณั ฑ์ทศพร กณั ฑ์หมิ พานต์ กณั ฑ์วนปเวศน์ กณั ฑ์จลุ พน กณั ฑ์สกั กบรรพ กณั ฑ์มหาราช และ นครกณั ฑ์ พระนิพนธ์สมเดจ็ พระมหาสมณ เจ้า กรมพระปรมานชุ ิต ชิโนรส ๒) กณั ฑ์วนปเวศน์ กณั ฑ์จลุ พน และกณั ฑ์สกั กบรรพ พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ๓) กณั ฑ์กมุ าร กณั ฑ์มทั รี งานนิพนธ์เจ้าพระยาพระคลงั (หน) ๔) ทานกณั ฑ์ งานนิพนธ์ของกวีสานกั วนั ถนน ๕) กณั ฑ์ชชู ก งานนิพนธ์ของกวสี านกั วดั สงั ข์กระจาย ๖) กณั ฑ์มหาพน ผลงานของพระเทพโมลี (กลิน่ )

๒. มหาชาตภิ าคอสี าน เชื่อกนั วา่ กวีโบราณชาวอีสานแตง่ ไว้ โดยเรียบ เรียงจากฉบบั หลวงท่ีมีมาแตอ่ าณาจกั รล้านช้าง แตง่ เป็นร่ายยาว ใช้ คางา่ ย ไมเ่ น้นการพรรณนาอยา่ งพิสดาร มหาชาติภาคอสี าน นนั้ มีหลายสานวนแตล่ ะวดั ตา่ งใช้ฉบบั ของ ท้องถิ่นและคดั ลอกสืบตอ่ มา ชาวอีสานสว่ นใหญ่ได้รับวฒั นธรรมลมุ่ แมน่ า้ โขงมาโดยตลอด และพิธีบญุ พระเวส หรือ บญุ เผวสหรือเรียกอีก อยา่ งหนงึ่ วา่ บญุ มหาชาติ มีการทากนั เดอื นใดเดอื นหนง่ึ ในระหวา่ ง ออกพรรษาจะเป็นข้างขนึ ้ หรือข้างแรมก็ได้แล้วแตส่ ะดวก

๓. มหาชาตภิ าคเหนือ สานวนที่นา่ สนจาได้แก่ มหาชาติสานวนสร้อยสงั กร และสานวนที่รวบรวมโดย พระอบุ าลีคณุ ปู มาจราย์ แตง่เป็นร่ายยาวที่มีคาคล้องจอง สมั ผสั กนั ไปในแตแ่ ละวรรค เป็นมหาชาตทิ ี่มีเนือ้ ความและสานวนภาษาคล้ายกบั มหาชาติของภาคเหนืออีกสานวนหนง่ึ ท่ีเรียกวา่ สานวนไม้ไผแ่ จ้เจียวแดง ซง่ึ เชื่อวา่ แตง่ ในสมยัอยธุ ยา และเป็นต้นแบบของมหาชาติภาคเหนืออื่นๆ

๔. มหาชาตภิ าคใต้ สานวนที่น่าสานวนที่นา่ สนใจ เช่น พระมหาชาดกฉบบั วดั มชั ฌิมาวาส จงั หวดั สงขลา ไมป่ รากฏผ้แู ตง่ ทราบเพยี งช่ือผ้ทู ่ีทาการคดั ลอก คอื พระภิกษุญีมเซา่ คดั ลอกลงในสมดุ ข่อย เม่ือ พ.ศ.๒๓๙๕ ในรัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั โดยแตง่ เป็นกาพย์ยานี๑๑ กาพย์ฉบงั ๑๖ กาพย์สรุ างคนางค์๒๘ และมาลีนีฉนั ท์๑๕ มหาชาตทิ างภาคใต้นนั้ เน้นการพรรณนามากวา่ ภาคเหนือและภาคอีสาน แตน่ ้อยกวา่ ภาคกลางโดยเน้นแสดงลกั ษณะเฉพาะของท้องถิ่น เช่น เร่ืองอาหาร พรรณไม้ ภมู ิประเทศ เป็นต้น

๒. เป็ นอิทธพิ ลทาให้เกิดวรรณคดีในสมัยต่อมา - กาพย์มหาชาติ – สนั นิษฐานกนั วา่ แตง่ ขนึ ้ ในรัชสมยั ของสมเดจ็ พระ เจ้าทรงธรรม กาพย์มหาชาตมิ ีศพั ท์บาลนี ้อย มีภาษาไทยมาก เข้าใจวา่ คงจะแตง่ สาหรับพระเทศน์ให้สปั บรุ ุษทงั้ หลายเข้าใจเรื่องง่ายขนึ ้ กวา่ มหาชาตคิ าหลวง - มหาชาติกลอนเทศน์ – ใช้สาหรับสวด เนือ้ หากระชบั เพ่ือให้สวดจบ ภายในหนงึ่ วนั

๓. งานจิตรกรรมฝาผนงั ท่มี ีเนือ้ หาเก่ียวกบั เร่ืองมหาชาติ ภาพจิตรกรรม ฝาผนงั บริเวณ ซ้มุ หน้าตา่ ง วดั ชนะสงคราม เร่ืองมหาชาติ

ภาพจิตรกรรมฝาผนงั พระวหิ าร วดั ศรีบญุ เรือง อ.เมือง จ.ลาพนูกณั ฑ์ทศพร

ภาพจิตรกรรมฝาหนงั เรื่องมหาชาติกณั ฑ์ทานกณั ฑ์ วดั ราชาธิวาส

ภาพจิตรกรรมฝาหนงัเร่ืองมหาชาติ กณั ฑ์มทั รีวดั ราชาธิวาส

สวสั ดีค่ะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook