Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Unit 2

Unit 2

Published by supaneeprachan, 2019-08-20 12:07:24

Description: Ebook2

Search

Read the Text Version

25

26 2.1 ความหมายของการเลอ่ื ย 2.2 ชนดิ ของเคร่ืองเลอื่ ยกล 2.3 เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั 2.4 ใบเลอื่ ย 2.5 หลกั การทางานด้วยเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั 2.6 การเลอ่ื ยชิน้ งานด้วยเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั 2.7 ข้อควรระวงั ในการใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั 2.8 ความปลอดภยั ในการใช้เคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั 2.9 การบารุงรักษาเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ในการปฏิบตั ิงานด้วยเคร่ืองมือกล โดยทั่วไปจะมีการเล่ือยชิน้ งานเพ่ือตดั แยกวัสดุแล้วนาไปใช้ ในการแปรรูปหรือเพ่ือให้สามารถจดั เก็บวสั ดไุ ด้งา่ ย ดงั นนั้ งานเลอื่ ยกลจึงมีความสาคญั มาก ผ้ปู ฏิบตั ิงาน จึงควรศกึ ษาเกี่ยวกบั วิธีการใช้เครื่องเล่ือยกลให้มีความรู้และความเข้าใจเป็นอยา่ งดีก่อน จึงจะปฏิบตั ิงาน ได้อยา่ งถกู ต้องและปลอดภยั แสดงความรู้เกี่ยวกบั เครื่องเลอื่ ยกลพนื ้ ฐานและงานเลอื่ ยกลตามคมู่ ือ

27 1. บอกความหมายของการเลอื่ ย 2. จาแนกชนดิ ของการเลอื่ ย 3. ระบุชื่อชนิดของเครื่องเลอ่ื ย 4. บอกช่ือและอธิบายหน้าทขี่ องสว่ นประกอบของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั 5. อธิบายวธิ ีการกาหนดความหยาบละเอียดของฟันเลอื่ ยกลแบบชกั 6. อธิบายวิธีการเลอื กใช้ใบเลอ่ื ยกลแบบชกั ให้เหมาะสมกบั ชนดิ ของวสั ดทุ นี่ ามาเลอ่ื ย 7. อธิบายหน้าทข่ี องมมุ ใบเลอื่ ยกลแบบชกั 8. อธิบายหน้าทข่ี องคลองเลอ่ื ย 9. อธิบายวิธีการจบั ชิน้ งานแบบตา่ ง ๆ ด้วยปากกาจับยดึ ของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั 10. อธิบายวิธีการจบั ชิน้ งานรูปทรงตา่ ง ๆ ก่อนเลอื่ ย 11. อธิบายวธิ ีการจบั ยดึ ใบเลอ่ื ยเข้ากบั โครงของเลอ่ื ยกลแบบชกั 12. ระบุระยะของการยกโครงเลอ่ื ยกอ่ นตดั 13. บอกข้อควรระวงั ในการใช้เครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั 14. บอกความปลอดภยั ในการใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั 15. อธิบายวธิ ีการบารุงรักษาเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั

28 การเลื่อยเป็นกรรมวิธีการตดั ชิน้ งานโดยมีวัตถุประสงค์หลายอยา่ ง เช่น การตดั แยก การบาก และ การเซาะร่อง เป็นต้น (ก) ตดั แยก (ข) ตดั บาก (ค) ตดั เซาะร่อง รูปท่ี 2.1 ลกั ษณะของการเลอื่ ย การเล่ือยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ การเล่อื ยด้วยมือ (Hand Sawing) และการเล่ือยด้วยเครื่องเลื่อย กล (Sawing Machine) ซงึ่ ในหนว่ ยนี ้จะกลา่ วถงึ เฉพาะการเลอื่ ยด้วยเคร่ืองเลอื่ ยกลเทา่ นนั้ เคร่ืองเล่อื ยกลท่ีใช้ในงานอุตสาหกรรมจาแนกออกได้เป็น 4 ชนิด คือ เครื่องเล่อื ยชกั (Power Hack Saw) เครื่องเล่ือยสายพานนอน (Horizontal Band Saw) เครื่องเลื่อยสายพานตงั้ (Vertical Band Saw) และเครื่องเลอ่ื ยวงเดือน (Radius Saw or Circular Saw) สาหรับในหน่วยนี ้จะกลา่ วถึงเฉพาะเครื่องเลอื่ ยชกั เพอ่ื เป็นพนื ้ ฐานในการใช้งานเทา่ นนั้ รูปท่ี 2.2 ชนิดของเคร่ืองเลอ่ื ยกล

29 เครื่องเลื่อยกลแบบชัก (Power Hack Saw) เป็ นเคร่ืองเลื่อยกลท่ีนิยมใช้ งานอย่างแพร่หลาย ในสถานศึกษา ใช้สาหรับเลื่อยชิน้ งานทว่ั ๆ ไป ซ่ึงเล่ือยมือทาได้ลาบาก กลไกการทางานจะอาศยั คานโยก ไปด้านหน้าแล้วกดใบเลอ่ื ยให้ตดั เฉือนชิน้ งาน และขณะโยกกลบั จะยกใบเลอ่ื ยขนึ ้ เลก็ น้อย ไม่มีการตดั เฉือน ชิน้ งาน นอกจากนีส้ ามารถปรับระยะชกั ของใบเลอ่ื ยและตงั้ ระยะการปิดเคร่ืองเมื่อตดั ชิน้ งานขาดได้ 2.3.1 โครงเล่ือย โครงเลอื่ ย (Saw Frame) ทาด้วยเหลก็ หลอ่ และเหลก็ เหนียว ใช้สาหรับยดึ ใสใ่ บเล่ือย โครงเล่ือย มีลกั ษณะเหมือนตวั ยคู วา่ และจะเคลอื่ นทไ่ี ป–มาในร่องหางเหย่ียวโดยการสง่ กาลงั จากล้อเฟืองดงั รูปท่ี 2.3 2.3.2 ฐานเคร่ือง ฐานเครื่อง (Base) ทาจากเหล็กหลอ่ หรือเหล็กเหนียว มีหน้าท่ีรองรับสว่ นตา่ ง ๆ ของเครื่อง เลอ่ื ยกลแบบชกั ทงั้ หมด 2.3.3 ระบบส่งกาลัง ระบบส่งกาลัง (Drive System) ของเครื่องเล่ือยกลแบบชักจะใช้ มอเตอร์ทาหน้าท่ีเป็น ต้นกาลงั ขบั โดยใช้กระแสไฟฟา้ 220 โวลต์ หรือ 380 โวลต์ 2.3.4 ชุดป้อนตดั ชุดป้อนตัดของเครื่องเล่ือยกลแบบชักมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่ใช้ลูกถ่วงนา้ หนักและชนิดท่ีใช้ ระบบไฮดรอลกิ โครงเคร่ือง ชดุ ปอ้ นตดั ระบบสง่ กาลงั ใบเล่อื ย ปากจบั ชนิ ้ งาน ฐานเคร่ือง รูปท่ี 2.3 สว่ นประกอบของเครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั

30 2.3.5 ปากกาจบั ชิน้ งาน ปากกาจบั ชิน้ งาน (Vise) ของเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั แบ่งออกเป็น 2 สว่ น คือ ปากกาด้านคงท่ี ซ่ึงไม่สามารถเลื่อนไปมาได้และปากกาด้านเคลื่อนท่ีได้ นอกจากนีป้ ากกาของเคร่ืองเล่ือยกลแบบชัก ยงั สามารถจบั ชิน้ งานเลอ่ื ยตรงหรือปรับเอียงเพื่อตดั เฉียงเป็นมมุ ตา่ ง ๆ ได้ สลกั เกลยี วยึดปากกา โครงเลือ่ ย สลกั เกลียวขนั ยึดชนิ ้ งาน ปากกา (อยคู่ งที่) ปากกา (เคล่อื นที่ได้) ปรับเอียงมมุ ได้ รูปท่ี 2.4 สว่ นประกอบของเคร่ืองเลอื่ ยชกั ใบเล่ือยของเครื่องเล่ือยกลแบบชักทาหน้าที่ตัดเฉือนชิน้ งาน สว่ นมากผลิตจากโลหะผสมสงู หรือ เหลก็ กล้ารอบสงู (High Speed Steel) ซงึ่ มีความแข็งแตเ่ ปราะ ดงั นนั้ การประกอบใบเลอื่ ยเข้ากบั โครงเลอื่ ย จะต้องประกอบให้ถกู วธิ ีและขนั สกรูให้ใบเลอื่ ยตงึ พอประมาณ เพือ่ ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ใบเลอ่ื ยหกั 2.4.1 ความหยาบละเอยี ดของฟันใบเล่ือย ฟั น ข อ ง ใ บ เ ลื่อย ก ล แบ บชัก มี ลัก ษ ณะเ รี ยง กัน แล ะ มี ค ว ามห่า งร ะห ว่าง ย อด ฟั น เ รี ยกว่า ระยะพิตช์ (Pitch) ซ่ึงระยะพิตช์นีจ้ ะกาหนดความหยาบหรือละเอียดของฟันเลอื่ ย โดยนบั จานวนฟันต่อ ความยาว 1 นวิ ้ เชน่ ใบเลอ่ื ย 10 ฟัน/นวิ ้ 14 ฟัน/นวิ ้ เป็นต้น รูปท่ี 2.5 การกาหนดความหยาบละเอียดของฟันเลอ่ื ย

31 ในการเลอื กใช้ใบเลอื่ ย ผ้ปู ฏบิ ตั ิงานจะต้องเลอื กให้เหมาะสมกบั วสั ดชุ ิน้ งานดงั ตวั อย่างในตารางที่ 2.1 ตารางท่ี 2.1 การเลอื กใบเลอ่ื ยให้เหมาะสมกบั วสั ดชุ ิน้ งาน จานวนฟัน/นิว้ วัสดทุ ่ีใช้เล่ือย 14, 16, 18 วสั ดอุ ่อน เช่น ดีบกุ ทองแดง ตะกวั่ อะลมู ิเนียม พลาสติก เหลก็ เหนียว เป็นต้น 22, 24 วสั ดแุ ข็งปานกลาง เชน่ เหลก็ หลอ่ เหลก็ โครงสร้าง ทองเหลอื ง เป็นต้น 32 วสั ดแุ ขง็ มาก เชน่ เหลก็ ทาเครื่องมือ เหลก็ กล้าเจือ เป็นต้น 2.4.2 ความยาวของใบเล่ือย การกาหนดความยาวใบเล่ือยนี ้ จะวดั ระหว่างศูนย์กลางของรูเจาะท่ีใช้สาหรับประกอบ ใบเลอ่ื ยเข้ากบั โครงเลอ่ื ย ความยาวใบเลอ่ื ยท่ีนยิ มใช้ทว่ั ไป เช่น 450, 500, 600 มม. เป็นต้น รูใสส่ ลกั รูใสส่ ลกั ความยาวใบเลือ่ ย รูปท่ี 2.6 การกาหนดความยาวของใบเลอ่ื ย 2.4.3 การตดั เฉือนวัสดุของใบเล่ือย ในขณะทาการเล่อื ยชิน้ งาน ฟันเล่อื ยจะทาหน้าท่ีตดั เฉือนวสั ดุโดยอาศัยคานโยกเป็นกลไก การทางานของเคร่ืองเลื่อยชัก เพ่ือดนั ใบเลื่อยให้เคล่อื นท่ีไปด้านหน้าแล้วกดใบเลือ่ ยให้ตัดเฉือนชิน้ งาน และขณะโยกกลบั ก็จะยกใบเลอื่ ยขนึ ้ เลก็ น้อย ไม่มีการตดั เฉือนชิน้ งาน รูปท่ี 2.7 หลกั การทางานของใบเลอ่ื ยกลแบบชกั

32 2.4.4 มุมของฟันเล่ือย ในขณะเลื่อยชิน้ งาน ฟันเล่อื ยจะทาหน้าที่ตดั เฉือนและคายเศษวสั ดุ โดยที่เศษวสั ดจุ ะอยใู่ น ร่องฟันเลอ่ื ยและหลดุ ออกไปตามคลองเลอื่ ย ดงั นนั้ ในการผลติ ใบเลอ่ื ยจงึ ประกอบด้วยมมุ ตา่ ง ๆ ดงั นี ้ ฟันใบเลอื่ ย รูปท่ี 2.8 มมุ ของใบเลอื่ ย 1. มุมลิ่ม () เป็นมุมท่ีทาหน้าท่ีขูดตัดและปะทะกับเนือ้ ชิน้ งานโดยตรง ถ้ามุมลิ่มนีม้ าก จะทาให้ฟันเล่ือยมีความแข็งแรง ดังนัน้ จึงเหมาะสาหรับวัสดุชิน้ งานท่ีมีความแข็ง แต่ถ้ามุมล่ิมน้อย ความแข็งแรงก็จะลดลงและเหมาะสาหรับวสั ดชุ ิน้ งานท่อี อ่ น 2. มุมหลบหรือมมุ ฟรี () เป็นมุมที่ช่วยให้ฟันเล่ือยลดการเสียดสกี ับชิน้ งาน โดยให้คมฟัน เลอ่ื ยตดั ชิน้ งานเพยี งจุดเดยี วและทาให้สว่ นอ่ืน ๆ ของฟันเลอ่ื ยไม่เสยี ดสกี บั ผิวของวสั ดชุ ิน้ งาน 3. มมุ คาย () เป็นมมุ ท่ที าหน้าทค่ี ายเศษและชว่ ยให้ใบเลอ่ื ยคายเศษออกได้งา่ ยขนึ ้ 4. มุมตัด () เป็นการรวมกันของมุมหลบกับมุมลิ่ม (+) ซึ่งมุมนีจ้ ะทาให้ใบเล่ือย เกิดการตดั เนอื ้ ชิน้ งาน ในการเลอื กใช้มมุ ของใบเลอ่ื ยนจี ้ ะต้องให้เหมาะสมกบั วสั ดชุ ิน้ งานดงั ตวั อยา่ งในตารางที่ 2.2 ตารางท่ี 2.2 การเลอื กใช้มมุ ใบเลอื่ ยให้เหมาะสมกบั วสั ดชุ ิน้ งาน มุมใบเล่ือย ตวั อย่างวัสดชุ ิน้ งาน วัสดุแขง็ วสั ดอุ ่อน 40 องศา 50 องศา มมุ ฟรี () 40 องศา 0 องศา มมุ ลมิ่ () 45 องศา มมุ คาย () 5 องศา

33 2.4.5 คลองเล่ือย ในขณะปฏิบตั ิงานเลื่อย ใบเล่อื ยที่ติดแนน่ อยใู่ นร่องจะเกิดการเสียดสีกับผิวชิน้ งานในขณะ เคลอ่ื นท่ีไป–กลบั ทาให้เกิดความร้อนและอาจทาให้ใบเลือ่ ยหกั ได้ ดงั นนั้ ใบเลอ่ื ยจงึ มีการจดั ฟันเพ่ือให้เกิด คลองเลอ่ื ยในขณะเล่ือยชิน้ งานและลดแรงเสียดทานขณะเลือ่ ย โดยเมื่อจดั ฟันแล้วจะทาให้ฟันเลอื่ ยกว้าง กวา่ ใบเลอ่ื ย ซง่ึ เรียกวา่ คลองเลอ่ื ย การจดั ฟันเลอื่ ยมีอยู่ 3 แบบ คือ แบบคลนื่ แบบตรง และแบบสลบั โดย ท่แี บบสลบั นใี ้ ช้สาหรับใบเลอื่ ยกล สว่ นแบบคลนื่ และแบบตรงจะใช้สาหรับใบเลอื่ ยมือ รูปท่ี 2.9 การจดั ฟันใบเลอ่ื ย 2.5.1 การจับยดึ ชิน้ งาน 1. การจับชิน้ งานที่มีรูปทรงแตกต่างกัน ชิน้ งานท่ีมีรูปทรงแตกต่างกันจะมีวิธีการจับยึด แตกต่างกัน ซึง่ การใช้ปากกาจบั ชิน้ งาน ผ้ปู ฏิบตั ิงานต้องคานึงถึงรูปร่างหน้าตดั ของชิน้ งานท่ีจะตดั เพื่อให้ จับชิน้ งานได้ม่ันคง เพราะถ้าหากจับชิน้ งานไม่แนน่ พอแล้ว ชิน้ งานจะหลดุ หรือเคลอื่ นที่เป็นสาเหตใุ ห้เกิด อนั ตราย และทาให้ใบเลอื่ ยหกั ได้ ตวั อยา่ งการจบั ชิน้ งานรูปทรงตา่ ง ๆ แสดงไว้ในรูปที่ 2.10 (ก) เหลก็ แผน่ หนา (ข) เหลก็ ฉาก (ค) เหลก็ ส่ีเหลี่ยมจตั รุ ัส (ง) เหลก็ ตวั ซี (จ) เหล็กหกเหลยี่ ม (ฉ) เหลก็ ตวั ที (ช) เหล็กกลม (ซ) เหลก็ ตวั ไอ รูปท่ี 2.10 การจบั ชนิ ้ งานรูปทรงต่าง ๆ

34 2. การจับชิน้ งานท่ีสนั้ กว่าปากของปากกา ในการจับชิน้ งานท่ีมีความยาวไม่เพียงพอกับ ปากกาจบั ชิน้ งาน ให้ใช้วสั ดทุ ่มี ีความกว้างเทา่ กบั ชิน้ งานเสริมเข้าอีกด้านของปากกาจบั ชิน้ งาน ซง่ึ จะทาให้ จบั ชิน้ งานได้แนน่ หนาและมนั่ คง ดงั รูปท่ี 2.11 รูปท่ี 2.11 การจบั ชนิ ้ งานสนั ้ โดยใช้วสั ดเุ สริมอีกด้านของปากกาจบั ชนิ ้ งาน รูปท่ี 2.12 การจบั ชนิ ้ งานสนั ้ โดยใช้วสั ดเุ สริมอีกด้านของปากกาจบั ชนิ ้ งาน 3. การตดั ชิน้ งานท่ีมีความยาวมาก ๆ ให้ใช้ขาตงั้ รองรับชิน้ งานเพื่อให้ได้ระดับเดียวกับ ปากกาจบั ชิน้ งานของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั

35 รูปท่ี 2.13 การใช้ขาตงั ้ รองรับชนิ ้ งานท่มี คี วามยาวมาก 4. การเร่ิมต้นการเล่ือยชิน้ งาน ให้ใช้บรรทดั เหล็กในการตงั้ ระยะของการตดั โดยวัดจาก ปลายสดุ ชิน้ งานถงึ ใบเลอ่ื ย โดยความยาวของการตดั จะต้องเผื่อขนาดของคลองเลอ่ื ย รูปท่ี 2.14 การตงั ้ ระยะชนิ ้ งานก่อนตดั ด้วยบรรทดั เหลก็ 5. การตดั ชิน้ งานจานวนมากและมีความยาวเทา่ กัน ให้ใช้อุปกรณ์ตงั้ ระยะการตัด โดยใช้ ชิน้ งานท่ีตัดได้ขนาด แล้วตงั้ ขนาดและปรับแขนตงั้ ระยะให้ชนพอดีกับผิวหน้าชิน้ งาน จากนนั้ จึงขันสกรู เพ่อื ลอ็ กให้แนน่ ชนิ ้ งาน อปุ กรณ์ตงั้ ระยะ รูปท่ี 2.15 การใช้อปุ กรณ์ตงั ้ ระยะสาหรับตดั ชนิ ้ งานทมี่ คี วามยาวเท่ากนั เป็นจานวนมาก

36 2.5.2 การจับยึดใบเล่ือย การจบั ยึดใบเลอื่ ยเข้ากบั โครงของเครื่องเล่ือย ผ้ปู ฏิบตั ิงานจะต้องทราบทิศทางการเดินตดั ของเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั ก่อน กลา่ วคือ ในการจบั ใบเลอื่ ยท่ถี กู ต้องนนั้ จะต้องให้ฟันเลอื่ ยเอียงไปในทศิ ทาง ท่ีเครื่องเลอื่ ยจะกดใบเล่ือยให้ตดั เฉือนชิน้ งาน หลงั จากประกอบยดึ ใบเล่ือยแล้วให้ขนั สกรูยดึ ใบเลอ่ื ยให้ตึง พอดี การตรวจสอบอาจกระทาได้โดยใช้ค้อนเคาะทีใ่ บเลอื่ ยเบา ๆ ซงึ่ จะมีเสยี งดงั กงั วาน แผน่ ประกบใบเล่อื ย รูปท่ี 2.16 การจบั ยดึ ใบเลอ่ื ย หมายเหตุ : ความคมของรูสลกั (Pin Hole) ของใบเลือ่ ยจะกดั สลกั จนเกิดช่องวา่ งระหว่างสลกั กบั รู ทาให้มีระยะหา่ งมากขนึ ้ สง่ ผลให้เกิดการคลอน และอาจเป็นสาเหตใุ ห้ใบเลอ่ื ยหกั ได้ ดงั นนั้ จะต้องมีแผ่น ประกบก่อนใสส่ ลกั ในรูใบเลอื่ ย การใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั เพ่อื ตดั ชิน้ งานมีขนั้ ตอนดงั นี ้ 2.6.1 ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั และอุปกรณ์ให้เรียบร้อย 2.6.2 ยกโครงเลอื่ ยค้างไว้ก่อนตดั ชิน้ งาน 2.6.3 จับยึดชิน้ งานด้วยปากกาจบั ชิน้ งานให้ถูกต้องตามรูปทรงของชิน้ งานโดยที่ยังไมข่ นั แน่นและ ให้สามารถเลอื่ นไป-มาได้ 2.6.4 ปรับโครงเลอ่ื ยลงให้ฟันของใบเลอ่ื ยหา่ งจากชิน้ งานประมาณ 25 มม. 2.6.5 ปรับตงั้ ระยะความยาวชิน้ งานโดยใช้บรรทดั เหลก็ วดั ขนาด 2.6.6 จบั ยดึ ชิน้ งานด้วยปากกาจบั ชิน้ งานให้แนน่ และมนั่ คง 2.6.7 ปรับแขนตงั้ ระยะให้ยาวเทา่ กบั ความยาวของชิน้ งาน

37 2.6.8 เปิดสวิตช์เพ่อื ให้เครื่องเลอื่ ยชกั ทางาน 2.6.9 ปรับระบบปอ้ นตดั ไฮดรอลกิ ให้โครงเลอื่ ยเลอื่ นลงช้า ๆ 2.6.10 ปรับทอ่ นา้ หลอ่ เยน็ ให้นา้ ฉีดบริเวณคลองเลอ่ื ยเพอ่ื ช่วยระบายความร้อน 2.6.11 รอจนกระทง่ั เลอื่ ยตดั ชิน้ งานขาดออกจากกนั 2.6.12 เม่ือชิน้ งานขาดออกจากกนั แล้วให้ยกโครงเลอ่ื ยขึน้ ด้านบน จากนนั้ ปิดสวิตช์แล้วทาความ สะอาดเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั ให้สะอาดเรียบร้อย ประมาณ 25 มม. รูปท่ี 2.17 การปรับใบเลอ่ื ยให้หา่ งจากชิน้ งานประมาณ 25 มม. 2.7.1 การขนั ใบเลอื่ ยจะต้องให้มีความตงึ พอดีและให้ใช้แผน่ ประกบใบเลอื่ ยก่อนขนั สลกั ด้วย 2.7.2 จบั ยดึ ชิน้ งานกบั ปากกาจบั ชิน้ งานให้แนน่ และมน่ั คงกอ่ นเปิดสวิตช์เคร่ืองทางาน 2.7.3 การป้อนลึกเพ่ือตัดเลื่อยชิน้ งานครัง้ แรกให้ป้อนช้า ๆ จนกระทั่งใบเลื่อยตัดเฉือนชิน้ งาน เต็มหน้าชิน้ งานแล้วจึงปอ้ นลกึ ตามอตั ราปอ้ นที่แนะนาของใบเลอ่ื ย 2.7.4 หยดุ เคร่ืองทกุ ครัง้ ท่ีวดั หรือปรับเปลยี่ นชิน้ งาน 2.7.5 ห้ามจบั ชิน้ งานเลอื่ ยทม่ี ีความยาวงานน้อยกวา่ ความยาวปากของปากกา แตถ่ ้าจาเป็นจะต้อง ใช้วสั ดเุ สริมท่ีปากของปากกาจบั ชิน้ งานอีกด้าน 2.7.6 หลอ่ เยน็ ชิน้ งานตามชนิดของวสั ดทุ นี่ ามาเลอ่ื ย

38 เพือ่ ความปลอดภยั ในการใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั ผ้ปู ฏบิ ตั ิงานควรยดึ ถือปฏบิ ตั ิดงั นี ้ 2.8.1 กอ่ นใช้เครื่อง ควรตรวจสภาพความพร้อมของเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั ทกุ ครัง้ 2.8.2 ต้องจบั ชิน้ งานให้ถกู ต้องและมน่ั คงก่อนเลอ่ื ย 2.8.3 กอ่ นเปิดสวิตช์เดินเครื่องจะต้องยกใบเลอื่ ยให้หา่ งจากชิน้ งานประมาณ 25 มม. ก่อนทกุ ครัง้ 2.8.4 การปอ้ นตดั ด้วยระบบไฮดรอลกิ มากเกินไปอาจทาให้ใบเลอ่ื ยหกั ดงั นนั้ จงึ ต้องระมดั ระวงั 2.8.5 วสั ดชุ ิน้ งานประเภทเหลก็ หลอ่ ทองเหลอื ง ทองแดง และอะลมู ิเนยี ม ควรหลอ่ เย็นให้ถกู ต้อง 2.8.6 ขณะเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั กาลงั ตดั ชิน้ งาน ห้ามหมนุ ถอยปากกาจบั ชิน้ งานออกโดยเด็ดขาด เคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั มีวิธีการบารุงรักษาดงั นี ้ 2.9.1 หลงั เลิกใช้งานให้ทาความสะอาดและชโลมนา้ มนั บาง ๆ ตามชิน้ สว่ นท่ีเป็นเหลก็ เพ่ือปอ้ งกนั สนมิ 2.9.2 ควรเปลย่ี นถา่ ยนา้ มนั หลอ่ เยน็ ทกุ สปั ดาห์ 2.9.3 หม่ันตรวจสภาพชิน้ สว่ นของเครื่องเลื่อยกลแบบชักและหยอดนา้ มนั ตามจุดต่าง ๆ ที่มีการ เคลอ่ื นท่ขี องชิน้ สว่ นเหลา่ นนั้

39 คาส่ัง จงตอบคาถามตอ่ ไปนี ้ 1. จงบอกชอ่ื และหน้าทขี่ องเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั ตามหมายเลขทีก่ าหนดให้ตอ่ ไปนี ้(5 คะแนน) 34 5 2 1 ช่ือ หน้าท่ี หมายเลข 1………………………………………. ……………………………………………………. …………………………………………………… หมายเลข 2………………………………………. ……………………………………………………. …………………………………………………… หมายเลข 3………………………………………. ……………………………………………………. หมายเลข 4………………………………………. …………………………………………………… ……………………………………………………. หมายเลข 5………………………………………. …………………………………………………… ……………………………………………………. ……………………………………………………

40 2. จดุ มงุ่ หมายในการเลอ่ื ยคอื อะไร (2 คะแนน) 3. เครื่องเลอื่ ยกลท่ีใช้ในงานอุตสาหกรรมจาแนกออกได้เป็นก่ีชนิดและมีอะไรบ้าง (4 คะแนน) 4. จงอธิบายวิธีการกาหนดความหยาบละเอียดของฟันเลอื่ ย (2 คะแนน) 5. จงบอกชื่อและหน้าทข่ี องมมุ ของฟันเลอ่ื ยทีก่ าหนดให้ตอ่ ไปนี ้(4 คะแนน)

41 คาส่ัง จงเลอื กคาตอบที่ถกู ต้องทส่ี ดุ 1. ข้อใดคอื ลกั ษณะของงานเลอื่ ย ก. การขดู ถชู ิน้ งานให้ขาดจากกนั ข. การถากผิวชิน้ งานให้ราบเรียบ ค. การปรับผิวงานให้ราบเรียบ ง. ตดั แบง่ แยกชิน้ งาน 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการจดั ฟันใบเลอ่ื ยคือข้อใด ก. ลดแรงเสยี ดทานขณะเลอื่ ย ข. ความสวยงาม ค. ลดการสกึ หรอของใบเลอ่ื ย ง. ทาให้ฟันเลอื่ ยแขง็ แรงมากขนึ ้ 3. ขนาดความยาวของใบเลอ่ื ยมีวิธีการตรวจสอบอยา่ งไร ก. วดั จากจดุ ศนู ย์กลางรูใบเลอ่ื ยด้านหนงึ่ ถึงอีกด้านหนง่ึ ข. วดั จากปลายสดุ ของใบเลอ่ื ยด้านหนง่ึ ไปยงั รูใบเลอื่ ยในด้านตรงกนั ข้าม ค. วดั จากฟันเลอ่ื ยฟันแรกถึงฟันเลอ่ื ยฟันสดุ ท้าย ง. วดั ระหวา่ งปลายใบเลอ่ื ยทงั้ สองด้าน 4. ความหยาบละเอียดของฟันเลอื่ ยมีวิธีกาหนดอยา่ งไร ก. จานวนฟันเลอ่ื ยตอ่ ความยาวใบเลอ่ื ย ข. จานวนฟันเลอื่ ยตอ่ ความยาวหนง่ึ นวิ ้ ค. จานวนฟันเลอ่ื ยตอ่ ขนาดใบเลอื่ ย ง. จานวนฟันเลอ่ื ยตอ่ ความกว้างของใบเลอ่ื ย 5. เครื่องเลอ่ื ยกลชนดิ ใดท่ีนิยมใช้ตามโรงงานทว่ั ไป ก. เครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ข. เครื่องเลอ่ื ยกลแบบสายพานนอน ค. เคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบสายพานตงั้ ง. เคร่ืองเลอื่ ยกลแบบวงเดอื น 6. การตดั ชิน้ งานด้วยเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ควรใช้เครื่องมือวดั ชนิดใด ก. เวอร์เนยี ร์คาลปิ เปอร์ ข. บรรทดั เหลก็ ค. ไมโครมิเตอร์ ง. ตลบั เมตร 7. เครื่องเลอื่ ยกลทีใ่ ช้ระบบปอ้ นตดั แบบไฮดรอลกิ ใช้ชิน้ สว่ นใดเป็นตวั ปอ้ นตดั ก. นา้ มนั ข. เฟือง ค. ลม ง. ลกู ต้มุ

42 8. สว่ นประกอบใดของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ทใี่ ช้จบั ยดึ ใบเลอ่ื ย ก. แทน่ รองรับชิน้ งาน ข. ปากกาจบั ชิน้ งาน ค. แขนตงั้ ระยะการตดั ง. โครงเลอ่ื ย 9. ข้อใดคือลกั ษณะการทางานของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ก. การตดั ชิน้ งานตอ่ เน่อื ง ข. เลอื่ ยชิน้ งาน 2 จงั หวะ ค. จงั หวะเลอื่ ยชิน้ งานเป็นวงกลม ง. เลอื่ ยชิน้ งานจงั หวะเดยี ว 10. สว่ นใดของเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั ทรี่ ับนา้ หนกั ทงั้ หมดของเคร่ือง ก. โครงเลอ่ื ย ข. แขนตงั้ ระยะการตดั ค. ฐานเคร่ือง ง. ปากกาจบั ชิน้ งาน 11. ฐานเคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั ทาจากวสั ดชุ นดิ ใด ก. อะลมู ิเนยี ม ข. เหลก็ กล้าผสม ค. เหลก็ เหนยี ว ง. เหลก็ หลอ่ 12. เพราะเหตใุ ดจึงต้องยกใบเลอื่ ยให้หา่ งจากชิน้ งานประมาณ 25 มม. กอ่ นเปิดสวิตช์เครื่องทางาน ก. เพื่อให้เคร่ืองเดินฟรี ข. เพอ่ื ให้มีชอ่ งวา่ งในการปรับปอ้ นตดั ชิน้ งาน ค. เพ่ือปอ้ งกนั การกระแทกของใบเลอ่ื ย ง. เพ่อื เปิดนา้ หลอ่ เย็น 13. การเลอ่ื ยชิน้ งานทม่ี ีความยาวเทา่ ๆ กนั หลายชิน้ ควรใช้อุปกรณ์ข้อใดชว่ ยในการเลอื่ ยชิน้ งาน ก. ฐานเคร่ือง ข. แขนตงั้ ระยะ ค. ปากกาจบั ชิน้ งาน ง. โครงเลอื่ ย 14. ชิน้ สว่ นใดของเครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั ทส่ี ามารถปรับเอียงเป็นมมุ ได้ ก. แขนตงั้ ระยะการตดั ข. ฐานเครื่อง ค. ปากกาจบั ชิน้ งาน ง. โครงเลอ่ื ย 15. ชิน้ สว่ นใดของเคร่ืองเลอ่ื ยชกั ท่ีใช้เป็นต้นกาลงั ก. โครงเลอ่ื ย ข. แขนตงั้ ระยะ ค. มอเตอร์ ง. ฐานเครื่อง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook