Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Unit3

Unit3

Published by supaneeprachan, 2019-08-21 11:20:51

Description: Ebook3

Search

Read the Text Version

43

44 3.1 ความหมายของงานกลงึ 3.2 ชนดิ ของเคร่ืองกลงึ 3.3 เครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.4 อปุ กรณ์ประกอบเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.5 มีดกลงึ 3.6 ความเร็วรอบ ความเร็วตดั อตั ราปอ้ น และความลกึ ของการปอ้ นตดั 3.7 การหลอ่ เย็นและนา้ มนั หลอ่ เยน็ 3.8 หลกั การทางานของเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.9 การขนึ ้ รูปชิน้ งานด้วยเคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.10 ความปลอดภยั ในการใช้เคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.11 การบารุงรักษาเคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ งานกลงึ (Turning) เป็นกระบวนการขนึ ้ รูปโดยให้ชิน้ งานหมนุ รอบแกน จากนนั้ ใช้มีดกลงึ เคลอ่ื นท่ีตดั เฉือนเนือ้ วสั ดุชิน้ งานออกตามแนวยาวหรือแนวขวาง สว่ นเครื่องมือกลที่ใช้ในกระบวนการขนึ ้ รูปนีเ้รียกวา่ เคร่ืองกลงึ ซงึ่ ในหนว่ ยเรียนนจี ้ ะกลา่ วถงึ รายละเอียดของเคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์เทา่ นนั้ แสดงความรู้เกี่ยวกบั เคร่ืองกลงึ พนื ้ ฐานและงานกลงึ ตามคมู่ ือ

45 1. อธิบายความหมายของงานกลงึ 2. ยกตวั อยา่ งงานกลงึ 3. จาแนกชนดิ ของเครื่องกลงึ 4. บอกช่ือและหน้าที่ของสว่ นประกอบของเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 5. จาแนกชนิดของเพลาเคร่ืองกลงึ 6. บอกชื่อและอธิบายหน้าท่ขี องอปุ กรณ์ประกอบเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 7. อธิบายความแตกต่างแตกต่างของการจับชิน้ งานด้วยหัวจับแบบ 3 ฟันพร้ อมและหวั จับแบบ 4 ฟันอิสระ 8. อธิบายวิธีการประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาเครื่อง 9. บอกช่อื ของมีดกลงึ 10. บอกชื่อมมุ ของมีดกลงึ 11. อธิบายวธิ ีการจบั มีดกลงึ บนปอ้ มมีด 12. อธิบายวิธีการตงั้ ศนู ย์มีดกลงึ 13. บอกข้อควรระวงั ในการจบั มีดกลงึ 14. คานวณความเร็วรอบ ความเร็วตดั และอตั ราปอ้ นงานกลงึ ตามโจทย์กาหนด 15. บอกข้อควรระวงั ในการปรบั ตงั้ ความเร็วรอบและอตั ราปอ้ น 16. อธิบายหน้าทข่ี องนา้ มนั หลอ่ เย็น 17. จาแนกชนิดของนา้ มนั หลอ่ เยน็ 18. อธิบายวธิ ีการจบั ชิน้ งานด้วยหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อมและหวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระ 19. อธิบายขนั้ ตอนการกลงึ ปอกและการกลงึ ปาดหน้า 20. อธิบายขนั้ ตอนการเจาะรูด้วยดอกสวา่ นบนเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 21. บอกการใช้เครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์เพอื่ ความปลอดภยั 22. อธิบายวิธีการบารุงรักษาเครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ตามคมู่ ือ

46 งานกลงึ (Turning) เป็นกระบวนการขนึ ้ รูปโดยให้ชิน้ งานหมุนรอบแกน จากนนั้ ใช้มีดกลงึ เคลื่อนที่ ตดั ตามแนวยาวหรือแนวขวางกบั ชิน้ งาน รูปท่ี 3.1 การขนึ ้ รูปด้วยกระบวนการกลงึ (ก) งานกลงึ ปอก (ข) งานกลงึ เกลียว (ค) งานคว้าน (ง) งานกลงึ ปาดหน้า (จ) งานกลงึ เรียว (ฉ) งานกลงึ ขนึ ้ รูป รูปท่ี 3.2 ตวั อย่างงานกลงึ

47 เครื่องกลงึ ท่ีใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทว่ั ๆ ไปแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด และแตล่ ะชนิดมีลกั ษณะ การใช้งานลกั ษณะแตกตา่ งกนั เครื่องกลงึ ท่ีนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมประกอบด้วย เครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ เคร่ืองกลงึ ปอ้ มมีด เครื่องกลงึ ตงั้ และเคร่ืองกลงึ หน้าจาน โดยเครื่องกลงึ แตล่ ะชนิดมีรูปร่างแตกตา่ งกนั ดงั นี ้ 3.2.1 เคร่ืองกลึงยันศูนย์ เคร่ืองกลึงยันศูนย์ (Engine Lathe) เป็นเคร่ืองกลึงท่ีมีความเร็วรอบสงู ใช้ขึน้ รูปชิน้ งานท่ีมี เส้นผา่ นศนู ย์กลางไมใ่ หญ่เกินไป นิยมใช้ในโรงฝึกงานของสถานศกึ ษาและโรงงานซอ่ มบารุงทวั่ ๆ ไป รูปท่ี 3.3 เคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ 3.2.2 เคร่ืองกลึงป้อมมดี เครื่องกลงึ ปอ้ มมีด (Turret Lathe) เป็นเครื่องกลงึ ท่ีมีปอ้ มจบั มีดกลงึ และเครื่องมือตดั ชนิดอื่น ๆ ได้พร้อมกนั เช่น ใช้จบั มีดกลงึ ปาดหน้า มีดกลงึ ปอก มีดกลงึ เกลยี ว จบั ดอกเจาะยนั ศนู ย์ เป็นต้น เคร่ืองกลงึ ชนิดนีส้ ามารถกลงึ ชิน้ งานท่ีมีขนาดและรูปทรงเดียวกนั เป็นจานวนมาก ๆ ได้อยา่ งรวดเร็ว เช่น งานกลงึ เกลยี วงานกลงึ ปอก เป็นต้น 3.2.3 เคร่ืองกลึงตงั้ เครื่องกลงึ ตงั้ (Vertical Lathe) เป็นเครื่องกลงึ ที่ใช้สาหรับงานกลงึ ปอกหรืองานคว้านชิน้ งาน ท่ีมีขนาดใหญ่ เชน่ การคว้านเสอื ้ สบู เป็นต้น

48 รูปท่ี 3.4 เครื่องปอ้ มมดี รูปท่ี 3.5 เคร่ืองกลงึ ตงั ้ 3.2.4 เคร่ืองกลึงหน้าจาน เครื่องกลงึ หน้าจาน (Facing Lathe) เป็นเคร่ืองกลงึ ที่ใช้สาหรับการกลงึ ปาดหน้าชิน้ งานท่ีมี ขนาดใหญ่ เช่น ชิน้ งานหน้าแปลนขนาดใหญ่ ล้อรถไฟ เป็นต้น รูปท่ี 3.6 เคร่ืองกลงึ หน้าจาน (ที่มา : www.anglecnc.com) เครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ (Center Lathe) เป็นเครื่องกลงึ ชนิดหนงึ่ ที่นิยมใช้สาหรับงานขนึ ้ รูปชิน้ งานท่ีมี รูป ทรงกระบอกหรือหน้าตัดกลมเป็นสว่ นใหญ่ เช่น การกลึงปอก การกลงึ ปาดหน้า การกลงึ เรียว การกลงึ เกลยี ว การคว้านรู เป็นต้น ส่วนประกอบและหน้าท่ขี องเคร่ืองกลึงยันศนู ย์ เคร่ืองกลงึ ยนั ศูนย์ประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ท่ีสาคญั 5 สว่ น ดงั นี ้

49 รูปท่ี 3.7 สว่ นประกอบของเคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ (ท่ีมา : www.scottmachinery.co.nz) 1. ชุดหวั เครื่องกลงึ (Head Stock) ใช้ในการขบั หวั จบั หรือขบั ชิน้ งานให้หมุนด้วยความเร็วรอบ ตา่ ง ๆ มีสว่ นประกอบท่สี าคญั ดงั นี ้ 1.1 ชดุ สง่ กาลงั (Transmission) เคร่ืองกลงึ จะสง่ กาลงั ขบั ชิน้ งานกลงึ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) โดยสง่ กาลงั ผ่านสายพานล่ิม (V–Belt) และผ่านชุดเฟื อง (Gears) ที่สามารถปรับความเร็วรอบได้ หลายขนั้ เพอ่ื สง่ กาลงั ไปขบั เพลาหวั จบั ชิน้ งาน (Spindle) ให้หมนุ ตอ่ ไป สายพานสง่ กาลงั ขับ มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า รูปท่ี 3.8 ชดุ สง่ กาลงั (Transmission) 1.2 ชดุ เฟืองทด (Gears) ใช้สาหรับทดความเร็วรอบในการกลงึ ชุดเฟืองทดแบง่ ออกเป็น 2 ชุด คอื ชุดท่ีอยภู่ ายในและชดุ ท่อี ยภู่ ายนอกหวั เคร่ือง

50 (ก) ชดุ เฟืองทดท่ีอย่ภู ายในหวั เครื่อง (ข) ชดุ เฟืองทดท่ีอย่ภู ายนอกหวั เคร่ืองกลงึ รูปท่ี 3.9 ชดุ เฟื องทดของเครื่องกลงึ 1.3 แขนปรับความเร็วรอบ (Spindle Speed Selector) เป็นสว่ นประกอบทอี่ ยสู่ ว่ นบนหรือ สว่ นหน้าของเครื่องกลงึ ใช้สาหรับโยกเฟืองทอี่ ยภู่ ายในหวั เคร่ืองให้ขบกนั เพื่อให้ได้ความเร็วรอบตามท่ีต้องการ แขนปรับความเร็วรอบ รูปท่ี 3.10 แขนปรับความเร็วรอบ 1.4 แขนปรับกลงึ เกลยี ว (Lead Screw and Thread Rang Level) เป็นแขนที่ใช้สาหรับ ปรับเฟื องในชุดกลอ่ งเฟื อง (Gear Box) เพ่ือกลงึ เกลยี วโดยท่ีเพลากลงึ เกลียวหมุนขบั ป้อมมีดให้เดินกลึง เกลยี วบนชิน้ งาน แขนปรับกลงึ เกลยี ว รูปท่ี 3.11 แขนปรับกลงึ เกลยี ว

51 1.5 ชุดเพลาหวั เคร่ือง (Spindle) มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกกลวง เพื่อให้สามารถสอด ชิน้ งานกลงึ ทมี่ ีขนาดยาวมาก ๆ ได้ ชุดเพลาหวั เคร่ืองท่ีด้านหน้าจะมีลกั ษณะเป็นเรียวมอร์ส (Spindle Nose Taper Bore Morse No. 4) ซงึ่ มีอตั ราเรียว 1 : 20 สว่ นความโตของเพลาจะขนึ ้ อยกู่ บั ขนาดของเคร่ืองกลงึ รูปท่ี 3.12 ชดุ เพลาหวั เคร่ือง เพลาหวั เครื่องแบง่ ออกเป็น 4 แบบ คือ แบบเกลยี ว แบบเรียว แบบลกู เบีย้ ว และแบบร้อยสกรู รูปท่ี 3.13 เพลาหวั เคร่ืองกลงึ แบบต่าง ๆ

52 2. ชุดแทน่ เล่ือน (Carriage) เป็นสว่ นประกอบที่ใช้ควบคุมและรองรับเคร่ืองมือตดั เพื่อให้ เคร่ืองมือตดั หรือมีดกลงึ เลอ่ื นไป–มาในทิศทางตามแนวยาวหรือตามขวางของสะพานแท่นเครื่อง ชดุ แทน่ เลอ่ื น มีสว่ นประกอบทส่ี าคญั 2 สว่ น คอื ชดุ แคร่คร่อม (Saddle) และชดุ กลอ่ งเฟือง (Apron) ชดุ แคร่คร่อม ชดุ กลอ่ งเฟื อง รูปท่ี 3.14 สว่ นประกอบของชดุ แท่นเลอื่ น 2.1 ชุดแคร่คร่อม (Saddle) เป็นชุดที่อยสู่ ว่ นบนของแท่นเลอื่ น ซงึ่ คร่อมอยบู่ นสะพาน แทน่ เครื่อง ประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ที่สาคญั ดงั รูปที่ 3.15 ปอ้ มมดี แท่นเลอื่ นบน แท่นเล่ือน ปรับมมุ องศา แท่นเลื่อนขวาง เพลาปอ้ น ชดุ กลอ่ งเฟือง เพลาปอ้ นกลงึ เกลยี ว รูปท่ี 3.15 สว่ นประกอบของชดุ แคร่คร่อม

53 จากรูปท่ี 3.15 ชดุ แคร่คร่อมประกอบด้วย (1) แทน่ เลอ่ื น (Saddle) เป็นสว่ นทว่ี างอยบู่ นสะพานแทน่ เคร่ือง ใช้สาหรับเคลอื่ นที่ ไปตามแนวยาวของสะพานแทน่ เครื่อง (2) แท่นเลื่อนขวาง (Cross Slide) เป็นส่วนที่วางอยู่บนแท่นเล่ือน ใช้ สาหรับ เคลอ่ื นท่ีไป–มาตามแนวขวางของสะพานแทน่ เครื่อง (3) ที่ปรับมุมองศาแทน่ เลอ่ื นบน (Compound Rest) ใช้สาหรับปรับองศาในกรณี ที่ต้องการกลงึ เรียวทมี่ ีระยะสนั้ ๆ โดยสามารถหมนุ รอบตวั ได้ 360 องศา (4) แท่นเลื่อนบน (Top Slide) เป็นส่วนที่อยู่ระหว่างแท่นเล่ือนขวางและป้อมมีด ใช้เป็นฐานรองของปอ้ มมีด แทน่ เลอ่ื นบนนีส้ ามารถหมนุ รอบตวั ได้ 180 องศา และยงั เคลอื่ นทไ่ี ปมาในระยะ สนั้ ๆ ได้อีกด้วย (5) ป้อมมีด (Tool Post) ใช้จับยึดมีดกลงึ แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ป้อมมีดแบบ มาตรฐาน ปอ้ มมีดแบบทางเดียว และปอ้ มมีดแบบ 4 ทิศทาง (ก) ปอ้ มมีดแบบมาตรฐาน (ข) ปอ้ มมดี แบบทางเดยี ว (ค) ปอ้ มมดี แบบ 4 ทิศทาง รูปท่ี 3.16 ชนิดของปอ้ มมีด 2.2 ชดุ กลอ่ งเฟือง (Apron) ประกอบด้วย เฟืองทดซง่ึ อยภู่ ายในและใช้ในกรณีทตี่ ้องการ กลงึ อตั โนมตั ิ มอื หมนุ แทน่ เล่ือน คนั โยกปอ้ นอตั โนมตั ิ คนั โยกกลงึ เกลยี ว รูปท่ี 3.17 ชดุ กลอ่ งเฟื อง

54 จากรูปที่ 3.17 ชุดกลอ่ งเฟืองประกอบด้วย (1) มือหมุนแท่นเล่ือน (Traversing Hand Wheel) ใช้หมุนเพ่ือให้ชุดแท่นเลื่อน เคลอื่ นทไี่ ป–มาตามแนวยาวของสะพานแทน่ เครื่อง (2) คนั โยกป้อนอัตโนมัติ (Feed Selector) ใช้ในกรณีท่ีต้องการให้ชุดแท่นเลื่อน เคลอื่ นทีอ่ ตั โนมตั ิ (3) ป่ มุ ปรับกลงึ ปอกผิวอัตโนมัติ (Feed Lever) ใช้ดงึ เพื่อเปลีย่ นทิศทางการเดิน ปอ้ นอตั โนมตั ิจากการเคลอื่ นท่ีตามแนวขวางเป็นเคลอ่ื นท่ไี ปตามแนวยาวของสะพานแทน่ เคร่ือง (4) คันโยกกลึงเกลียว (Lead Seven Engagement Lever) ใช้ สาหรับงานกลึง เกลยี ว 3. ชุดท้ายแท่น (Tail Stock) ทาหน้าที่ประคองชิน้ งานยาว ๆ หรือใช้จับยึดหวั จับสว่านเพื่อ เจาะรูหรือจบั ดอกสวา่ นก้านเรียว โดยชุดท้ายแทน่ นีส้ ามารถเลอ่ื นไป–มาบนสะพานแทน่ เครื่องได้ รูปท่ี 3.18 สว่ นประกอบของชดุ ท้ายแท่น จากรูปท่ี 3.18 ชุดท้ายแทน่ ประกอบด้วย (1) มือหมนุ (Hand Wheel) (2) คนั โยกลอ็ ก (Body Clamp) (3) คนั ลอ็ กเพลา (Spindle Clamp) (4) เพลาท้ายแทน่ (Spindle) (5) ลาตวั (Body) (6) สเกลปรับองศา (Scale) (7) สกรูปรับ (Adjusting Screw) (8) สกรูยดึ ศูนย์ท้าย (Clamping Nut) 4. สะพานแทน่ เครื่อง (Bed) ทาจากเหลก็ หลอ่ หรือเหลก็ หลอ่ เหนียว มีหน้าท่เี ป็นฐานรองรับ ชดุ แทน่ เลอื่ นและยนั ศนู ย์ท้ายให้เลอ่ื นไป–มา บนสะพานรูปตวั วี (V–Slides) หรือสะพานผิวเรียบ (Flat Bed Ways)

55 สะพานผิวเรียบ สะพานรูปตวั วี รูปท่ี 3.19 รูปร่างของสะพานแทน่ เคร่ือง 5. ระบบสง่ กาลงั 5.1 ระบบปอ้ น (Feed Mechanism) การทางานของเคร่ืองกลงึ จะมีระบบป้อนมีดกลงึ ซึ่งสามารถปรับอัตราป้อนกลึงได้ตามแนวยาวและแนวขวางให้มีความหยาบหรือละเอียด นอกจากนี ้ ยงั สามารถกลงึ อตั โนมตั ิและกลงึ เกลยี วได้ทงั้ ระบบองั กฤษและระบบเมตริก รูปท่ี 3.20 ระบบปอ้ นของเครื่องกลงึ 5.2 ชุดเฟื องป้อน (Feed Gear) ใช้สาหรับตดั และสง่ กาลงั จากชุดเฟื องขบั ไปยังเพลา ปอ้ นและเพลานาเพื่อใช้ในงานกลงึ อตั โนมตั แิ ละงานกลงึ เกลยี ว ชดุ เฟืองปอ้ นของเครื่องกลงึ มี 2 แบบ คอื (1) แบบเปิด (Open Type) เป็นระบบเฟื องนอร์ตนั (Norton) มีโครงสร้างท่ีเปิดให้ เห็นชดุ เฟืองทีอ่ ยภู่ ายนอก ดงั รูปที่ 3.21

56 รูปท่ี 3.21 ชดุ เฟื องปอ้ นแบบเปิด (2) แบบปิด (Close Type) เป็นระบบเฟื องนอร์ตนั เช่นกัน ทาหน้าท่ีเช่นเดียวกับ แบบเปิด แตแ่ ตกตา่ งกนั ตรงทีแ่ บบปิดนจี ้ ะมองไม่เหน็ ชุดเฟืองนอร์ตนั เพลาตอ่ กบั ชดุ เฟืองขบั เพลานา (Lead Screw) เพลาปอ้ น (Feed Shaft) รูปท่ี 3.22 ชดุ เฟื องปอ้ นแบบปิด 5.3 ชุดเฟื องขบั (Driver Gear) ทาหน้าที่สง่ กาลงั ขบั ไปยงั เพลาปอ้ น (Feed Shaft) และ เพลานา (Lead Screw) และในขณะเดียวกันก็จะส่งกาลังไปยังเพลาหัวเครื่องกลึง (Spindle) อีกด้วย ชดุ เฟืองขบั สามารถเปลยี่ นได้ตามจุดประสงค์ของการใช้งาน โดยการเปล่ียนจะต้องมีการตงั้ คา่ ตา่ ง ๆ ใหม่ ตามตารางที่ติดไว้กบั เคร่ืองกลงึ

57 ชดุ เฟืองขบั รูปท่ี 3.23 ชดุ เฟื องขบั 5.4 เพลานา (Feed Shaft) เป็นเพลาท่ีเช่ือมต่อระหว่างชุดเฟื องป้อนและชุดแทน่ เล่ือน ใช้สาหรับงานกลงึ อตั โนมตั ิ ดงั รูปที่ 3.24 5.5 เกลยี วนา (Lead Screw) เป็นเกลยี วสเี่ หลย่ี มคางหมูหรือเกลยี วสเี่ หลย่ี มซง่ึ เช่ือมตอ่ ระหวา่ งชดุ เฟืองปอ้ นและชดุ แทน่ เลอื่ นเพอ่ื ใช้สาหรับงานกลงึ เกลยี ว ดงั รูปท่ี 3.24 รูปท่ี 3.24 เพลาปอ้ นและเพลานาของเครื่องกลงึ ยันศนู ย์

58 3.4.1 หวั จับ หวั จับเครื่องกลงึ (Chuck) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ หวั จับแบบ 3 ฟันพร้อม และหวั จับแบบ 4 ฟันอิสระ รูปท่ี 3.25 หวั จบั เครื่องกลงึ ยนั ศนู ย์ 1. หวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อม (Three Jaw Chuck) ใช้จบั ชิน้ งานกลม ชิน้ งานสามเหลยี่ ม ด้าน เทา่ และชิน้ งานหกเหล่ยี ม ลกั ษณะของหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อมนี ้ฟันจบั แตล่ ะฟันทามุมต่อกันเท่ากบั 120 องศา และเคลอ่ื นทเี่ ข้า–ออกพร้อมกนั รูปท่ี 3.26 หลกั การทางานของหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อม 2. หัวจับแบบ 4 ฟันจับอิสระ (Four Jaw Independent Chuck) เป็นหัวจับท่ีสามารถจับ ชิน้ งานได้หลายลกั ษณะ เนอื่ งจากฟันจบั แตล่ ะฟันสามารถเคลอ่ื นทเี่ ข้า–ออกได้อยา่ งเป็นอิสระตอ่ กนั รูปท่ี 3.27 หลกั การทางานของหวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระ

59 ในการประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาหวั เครื่องสามารถประกอบได้ 4 แบบ ตามลกั ษณะของเพลา หวั เคร่ือง คือ แบบเกลยี ว แบบลกู เบีย้ ว แบบสกรูร้อย และแบบเรียว ดงั ตวั อยา่ งรูปที่ 3.28 แบบสกรูร้ อย แบบเรียว รูปท่ี 3.28 การประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาหวั เคร่ือง สาหรับการประกอบหวั จบั เข้ากับเพลาเคร่ืองแบบเรียว ให้ประกอบลมิ่ เข้ากับร่องล่ิม จากนนั้ จึงขนั แหวนเกลยี วให้แนน่ และมน่ั คง รูปท่ี 3.29 การประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาเคร่ืองแบบเรียว

60 (ก) (ข) (ค) รูปท่ี 3.30 การประกอบหวั จบั เข้ากบั เพลาเคร่ืองแบบลกู เบีย้ ว ข้อควรระวัง : การประกอบหวั จบั จะต้องใช้หมอนไม้รองรับท่ีสะพานแทน่ เคร่ืองเสมอ รูปท่ี 3.31 การใช้หมอนไม้รองรับท่สี ะพานแทน่ เครื่องขณะประกอบหวั จบั 3.4.2 ประแจขันหัวจบั ประแจขนั หวั จบั (T–Chuck) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับขนั หวั จบั ของเครื่องกลงึ ซ่ึงการใช้งาน จะต้องเลอื กขนาดให้พอดีกับรูท่ีหวั จับ และหลงั จากใช้งานทุกครัง้ จะต้องถอดประแจขนั หวั จบั ออกจากหวั จบั โดยห้ามเสยี บไว้ทห่ี วั จบั เป็นเดด็ ขาด รูปท่ี 3.32 ประแจขนั หวั จบั

61 3.4.3 ยันศูนย์เคร่ืองกลึง ยนั ศูนย์เคร่ืองกลงึ (Lathe Centers) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ในการประคองชิน้ งานกลึงท่ีมี ความยาวมาก ๆ ยนั ศนู ย์ของเคร่ืองกลงึ แบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื 1. ยนั ศูนย์เป็น (Live Center) ยันศูนย์ชนิดนีจ้ ะหมุนไปพร้ อมกับชิน้ งาน โดยใช้ร่วมกบั ศูนย์ ของชุดท้ายแทน่ ดงั นนั้ ในการใช้งานจะต้องเลอื กขนาดของเรียวยนั ศนู ย์ให้ตรงกบั ขนาดรูเรียวของชดุ ท้ายแทน่ 2. ยนั ศูนย์ตาย (Dead Center) ยันศูนย์ชนิดนีไ้ ม่สามารถหมุนได้ นิยมใช้ประกอบเข้ากบั เพลาหวั เครื่องในกรณีของการกลงึ ยนั ศนู ย์ รูปท่ี 3.33 ยนั ศนู ย์เคร่ืองกลงึ ลกั ษณะการใช้งานของยนั ศนู ย์ เช่น ใช้ประกอบเข้ากบั เพลาหวั เครื่องและรูเรียวของชุดท้ายแทน่ เพือ่ ยนั ศนู ย์ชิน้ งาน ดงั ตวั อยา่ งในรูปท่ี 3.34 (ก) การประกอบยนั ศนู ย์กบั เพลาหวั เครื่อง (ข) การประกอบยนั ศนู ย์เป็นกบั รูเรียวของชดุ ท้ายแท่น (ค) การใช้ยนั ศนู ย์เป็นและยนั ศนู ย์ตายจบั ชนิ ้ งานกลงึ รูปท่ี 3.34 ตวั อยา่ งการใช้ยนั ศนู ย์เครื่องกลงึ

62 3.4.4 จานพาและขอพา จานพา (Face Plate) และขอพา (Lathe Dog) เป็นอปุ กรณ์พิเศษทใี่ ช้สาหรับงานกลงึ ยันศูนย์ เช่น งานกลงึ ปอกหรืองานกลงึ เรียวท่ีมีความยาวมาก ๆ จานพาที่ใช้กันในปัจจุบนั มีอยู่ 3 แบบ ดงั ตวั อยา่ ง ในรูปท่ี 3.36 รูปท่ี 3.35 การใช้จานพาและขอพาในงานกลงึ ยนั ศนู ย์ รูปท่ี 3.36 จานพาแบบตา่ ง ๆ สาหรับขอพา (Lathe Dog) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับจับยึดชิน้ งานโดยจะใช้ คู่กับจานพา ขอพา แบง่ เป็น 2 แบบ คือ แบบขางอ (Bent Tail) และแบบขาตรง (Straight Tail) ดงั รูปที่ 3.37 รูปท่ี 3.37 ชนดิ ของขอพา

63 3.4.5 หวั จับดอกสว่านหรือดอกเจาะ หวั จบั ดอกสวา่ นหรือดอกเจาะ (Drill Chuck) เป็นอปุ กรณ์ท่ใี ช้สาหรับจบั ดอกสวา่ นแบบก้านตรง เมื่อต้องการเจาะรูบนเครื่องกลงึ โดยจะใช้คกู่ บั จาปาขนั รูปท่ี 3.38 หวั จบั ดอกสวา่ นและจาปาขนั 3.4.6 ดอกเจาะนาศนู ย์ ดอกเจาะนาศนู ย์ (Center Drill) ใช้สาหรับเจาะนาศนู ย์หรือเจาะยนั ศนู ย์ชิน้ งาน รูปท่ี 3.39 ดอกเจาะนาศนู ย์ 3.4.7 กนั สะท้าน กนั สะท้าน (The Steady Rest) เป็นอุปกรณ์พิเศษทอี่ อกแบบมาเพอ่ื ใช้สาหรับประคองชิน้ งาน กลงึ ที่มีความยาวมาก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโก่งงอขณะทาการกลงึ ถึงแม้จะมียนั ศูนย์ท้ายแล้วก็ตาม กนั สะท้านแบง่ ออกเป็น 2 แบบ คือ 1. กันสะท้านแบบยึดอยู่กับท่ี (Fix Steady Rest) การใช้งานของกันสะท้านแบบนีจ้ ะถูก ยดึ แนน่ อยบู่ นแทน่ เคร่ืองของเคร่ืองกลงึ ซง่ึ จะมีแกนประคองชิน้ งาน 3 แกน โดยท่ีบริเวณสว่ นปลายของแกน ประคองทงั้ 3 นีจ้ ะทาด้วยทองเหลอื ง ดงั นนั้ ขณะใช้งานจะต้องใช้จาระบีทาที่ปลายทองเหลอื งเพื่อลดแรง เสยี ดทาน รูปท่ี 3.40 กนั สะท้านแบบยดึ อย่กู บั ที่

64 2. กันสะท้านแบบเคล่ือนท่ี (Follow Steady Rest) การใช้งานของกันสะท้านแบบนีจ้ ะถกู ยดึ แนน่ อยกู่ บั แทน่ เลอื่ นขวางและเคลอ่ื นท่ีไปพร้อมกบั ชุดแทน่ เลอ่ื น รูปท่ี 3.41 กนั สะท้านแบบเคลอ่ื นท่ี 3.4.8 ด้ามมีดกลงึ ด้ามมีดกลงึ (Holder) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในการจบั มีดกลงึ ก่อนทจ่ี ะนาไปประกอบเข้ากบั ปอ้ มมีด ด้ามมีดกลงึ แบง่ ออกเป็นหลายแบบตามลกั ษณะการใช้งาน ดงั ตวั อยา่ งในรูปที่ 3.42 รูปท่ี 3.42 ด้ามมีดกลงึ แบบตา่ ง ๆ 3.4.9 ล้อพมิ พ์ลาย ล้อพิมพ์ลาย (Knurling) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ สาหรับการพิมพ์ลายลงบนชิน้ งานเพื่อป้องกัน การลนื่ เชน่ ด้ามจบั ของเครื่องมือตา่ ง ๆ เป็นต้น รูปท่ี 3.43 ล้อพิมพ์ลายแบบตา่ ง ๆ

65 รูปท่ี 3.44 การประกอบล้อพมิ พ์ลายเข้ากบั ด้ามจบั 3.4.10 เพลาอดั เพลาอดั (Mandrel) เป็นแทง่ ทรงกระบอก ผลติ จากเหลก็ กล้าที่ผา่ นการชบุ แข็งและเจียระไน จนได้ผิวเรียบและมีอัตราเรียวเลก็ น้อย ใช้สาหรับรองรับชิน้ งานกลงึ ที่มีรูและผวิ บาง เช่น การเตรียมชิน้ งาน เพื่อกดั เฟือง ซงึ่ ในการประกอบชิน้ งานเข้ากบั เพลาอดั นอี ้ าจจะใช้แทน่ กดอดั (Arbor Press) เพอ่ื กดเพลาอดั เข้าไปในรูชิน้ งาน รูปท่ี 3.45 เพลาอดั และแทน่ กดอดั 3.4.11 อปุ กรณ์พิเศษสาหรับกลึงเรียว อปุ กรณ์พิเศษสาหรับกลงึ เรียว (Taper Attachment) ใช้สาหรับงานกลงึ เรียว โดยการติดตงั้ ไว้ท่ีด้านหลงั ของชุดแทน่ มีด รูปท่ี 3.46 อปุ กรณ์พิเศษสาหรับกลงึ เรียว

66 มีดกลงึ เป็นเคร่ืองมือตดั ท่ใี ช้ในการตดั เฉือนชิน้ งานให้ได้รูปร่างตา่ ง ๆ มีดกลงึ ทใี่ ช้ในการลบั โดยทวั่ ไป ผลติ จากเหล็กกล้ารอบสงู (High Speed Steel : H.S.S) ท่ีมีความแข็งประมาณ 67–69 ร็อคเวลล์ซี (HRC) ทนความร้ อนได้ถึงอุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียส มีดกลึงมีหลายลกั ษณะ เช่น แท่งกลม แท่งสี่เหลี่ยม แท่งส่ีเหล่ียมจัตุรัส เป็นต้น โดยมีขนาดมาตรฐาน คือ 1/4 นิว้ 5/16 นิว้ 3/8 นิว้ และ 1/2 นิว้ ซึ่งในแต่ละ ขนาดมีความยาว 8 นิว้ มีดกลงึ สามารถใช้ขนึ ้ รูปชิน้ งานได้หลายลกั ษณะ ทงั้ นีข้ นึ ้ อยู่กบั รูปร่างของมีดกลงึ เชน่ มีดกลงึ ปอก มีดกลงึ ปาดหน้า มีดกลงึ เกลยี ว มีดกลงึ คว้าน มีดกลงึ ตดั มีดกลงึ ขนึ ้ รูป เป็นต้น รูปท่ี 3.47 มีดกลงึ ขนึ ้ รูปแบบตา่ ง ๆ มมุ ของมดี กลึง มีดกลงึ ทีจ่ ะนาไปใช้งานต้องมีการลบั ให้มีดกลงึ มีคมตดั ก่อน โดยสว่ นทถ่ี กู ลบั ออกไปจะทาให้ เกิดเป็นมมุ ตา่ ง ๆ ดงั นี ้ 1. มุมคายเศษข้าง (Side Rake Angle) คือ มุมท่ีลบั ลงมาให้ลาดต่าลงจากปลายมีดกลงึ สาหรับให้เศษกลงึ ไหลออกได้สะดวกย่ิงขนึ ้ ในขณะคมมีดกลงึ ตดั เฉือนชิน้ งาน 2. มุมหลบหน้า (Front Relief Angle) คือ มุมท่ีลบั เพื่อไม่ให้ผิวด้านหน้าของมีดกลงึ เสียดสี กบั ผวิ ชิน้ งานในขณะกลงึ 3. มุมหลบข้าง (Side Relief Angle) คือ มุมท่ีลบั เพ่ือไม่ให้ผิวด้านข้างของมีดกลงึ เสียดสกี บั ผิวชิน้ งานในขณะกลงึ 4. มุมตัดด้านข้าง (Side Cutting Edge Angle) คือ มุมที่ลบั ให้คมตดั เอียงทามุมกับขอบ ของตวั มีด เพื่อให้มีดกลงึ มีแรงต้านน้อยและเดินตดั เนอื ้ วสั ดไุ ด้สะดวก โดยท่ีขนาดของมมุ นจี ้ ะขนึ ้ อยกู่ บั ชนดิ ของวสั ดมุ ีดและวสั ดชุ ิน้ งาน

67 5. มมุ ตดั ด้านหน้า (Front Cutting Edge Angle) คอื มมุ ที่ลบั เพ่อื ไม่ให้ผิวด้านหน้าของคมตดั มีดกลงึ เสยี ดสกี บั ผิวชิน้ งานในขณะกลงึ 6. มมุ รวมปลายมีด คือ มุมท่ีเกิดจากการลบั มมุ ตดั ด้านข้างและมมุ ตดั ด้านหน้าของมีดกลงึ จากท่ีกลา่ วมาแล้วข้างต้นจะเหน็ วา่ มมุ ของมีดกลงึ แตล่ ะมมุ จะแตกตา่ งกนั ไปตามวสั ดุทใ่ี ช้ทา มีดกลงึ และวสั ดทุ ีจ่ ะนามาขนึ ้ รูป รูปท่ี 3.48 มมุ ของมีดกลงึ ปอกขวา 3.6.1 ความเร็วรอบงานกลึง 1. ความหมายของความเร็วรอบ (Speed) หมายถึง ความเร็วรอบของชิน้ งานกลงึ ที่หมุนได้ ในเวลา 1 นาที มีหนว่ ยวดั เป็นรอบตอ่ นาที (Revolution Per Minute : RPM) รูปท่ี 3.49 การวดั ความเร็วรอบในงานกลงึ

68 2. การคานวณหาความเร็วรอบสามารถคานวณได้จากสตู รตอ่ ไปนี ้ n = vπ1,0d00 (รอบ/นาท)ี เม่ือ n = ความเร็วรอบ (รอบ/นาที) v = ความเร็วตดั (เมตร/นาที) d = ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางของชิน้ งาน (มม.) 1,000 = คา่ คงที่ (ใช้สาหรับเปลย่ี นหนว่ ยมิลลิเมตรให้เป็นเมตร) ตัวอย่างท่ี 3.1 กลงึ ชิน้ งานท่ีทาจากเหลก็ กล้าคาร์บอนต่าซง่ึ มีขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 50 มม. โดย ใช้ความเร็วตดั 25 เมตร/นาที จงคานวณหาความเร็วรอบที่จะใช้ในการกลงึ ชิน้ งานนี ้ วธิ ที า โจทย์กาหนด ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง (d) = 50 มม. ความเร็วตดั (v) = 25 เมตร/นาที แทนคา่ ในสตู ร n = vπ1,0d00 251,000 = 3.14  50 = 159.23 รอบ/นาที  159 รอบ/นาที  ความเร็วรอบทีจ่ ะใช้ในการกลงึ ชิน้ งานนี ้159 รอบ/นาที ตอบ 3. การใช้ตารางเทียบความเร็วรอบงานกลงึ การหาความเร็วรอบในงานกลงึ นอกเหนอื จากการ คานวณโดยใช้สตู รทก่ี ลา่ วมาแล้ว ในทางปฏิบตั ิอาจใช้ตารางเทียบความเร็วโดยประมาณได้ดงั รูปท่ี 3.50

69 รูปท่ี 3.50 ตารางเทยี บความเร็วรอบในงานกลงึ ตัวอย่างท่ี 3.2 จากรูปท่ี 3.50 ถ้ากลงึ ชิน้ งานที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 250 มม. ด้วยความเร็วตดั 35 เมตร/นาที จะใช้ความเร็วรอบประมาณ 45 รอบ/นาที 4. ขนั้ ตอนการปรับความเร็วรอบท่เี คร่ืองกลงึ 4.1 นาค่าความเร็วรอบท่ีคานวณได้ไปเลอื กบนตารางคา่ ความเร็วรอบของเคร่ืองกลงึ ทจ่ี ะใช้ปฏิบตั ิงาน โดยจะต้องเลอื กคา่ บนตารางทใ่ี กล้เคียงกบั คา่ ท่ีคานวณได้ 4.2 จากตวั อยา่ งท่ี 3.1 ถ้าเคร่ืองกลงึ ทจ่ี ะใช้งานมีขนั้ ความเร็วรอบ 127, 150, 200, 250, 300, 500, 750, 800, 1,050 และ 1,200 รอบ/นาที ดงั นนั้ ในการกลึงชิน้ งานนีจ้ ะต้องใช้ความเร็วรอบขนั้ 150 รอบ/นาที 4.3 การตงั้ ความเร็วรอบของเคร่ืองกลงึ แต่ละเครื่องมีวิธีการแตกตา่ งกัน ขนึ ้ อยกู่ บั บริษัท ที่ผลิต ดงั นนั้ ผ้ปู ฏิบตั ิงานจะต้องสงั เกตตารางความเร็วรอบที่ติดอยบู่ นเคร่ืองกลงึ นนั้ ๆ ซง่ึ จะบอกวิธีการ โยกคนั บงั คบั เพ่อื เลอื กความเร็วให้ถกู ต้องกบั ชิน้ งาน

70 3.6.2 ความเร็วตดั งานกลงึ 1. ความหมายของความเร็วตดั (Cutting Speed) หมายถึง ความเร็วที่คมตดั มีดกลงึ ปาด ผิวชิน้ งานออกเมื่อชิน้ งานหมุนไปครบ 1 รอบ (มีดกลงึ จะปาดผิวชิน้ งานออกมีความยาวเท่ากบั เส้นรอบวง ของชิน้ งาน) โดยความเร็วตดั มีหนว่ ยวดั เป็นเมตร/นาที UI=XdI  = ระยะทUาIงใน 1 นาที UI ความยาวของเส้นรอบวงของชนิ ้ งาน dI UII UII=XdII UII  UII UII UII dII รูปท่ี 3.51 การวดั ความเร็วตดั ในงานกลงึ 2. การคานวณหาความเร็วตดั ในงานกลงึ สามารถคานวณได้จากสตู ร πdn v= 1,000 (เมตร/นาที) เมื่อ v = ความเร็วตดั (เมตร/นาที) n = ความเร็วรอบ (รอบ/นาที) d = ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางของชิน้ งาน (มม.) 1000 = คา่ คงที่ (ใช้สาหรับเปลยี่ นหนว่ ยมิลลเิ มตรให้เป็นเมตร) ตวั อย่างท่ี 3.3 กลงึ ชิน้ งานเหลก็ กล้าคาร์บอนต่าที่มีขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 50 มม. ด้วยความเร็ว รอบ 300 รอบตอ่ นาที จงคานวณหาคา่ ความเร็วตดั วธิ ที า โจทย์กาหนด ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง (d) = 50 มม. ความเร็วรอบ (n) = 300 รอบ/นาที แทนคา่ ในสตู ร v = π1,0d00 n (เมตร/นาท)ี = 3.141,05000 300 = 47.10 เมตรตอ่ นาที  ความเร็วตดั เทา่ กบั 47.10 เมตรตอ่ นาที ตอบ

71 ตารางท่ี 3.1 คา่ ความเร็วตดั (เมตร/นาที) สาหรับวสั ดชุ นิดตา่ ง ๆ มีดกลงึ เหลก็ กล้ารอบสูง มดี กลงึ คาร์ไบด์ (Carbide) วสั ดงุ าน (H.S.S.) กลึงหยาบ กลงึ ละเอยี ด กลึงหยาบ กลึงละเอียด 140 160 เหลก็ กล้าคาร์บอนต่า 25 35 100 125 80 105 เหลก็ กล้าคาร์บอนปานกลาง 17 22 90 125 275 380 เหลก็ กล้าคาร์บอนสงู 12 17 800 1,200 - 1,600 เหลก็ หลอ่ 23 30 ทองเหลอื ง 65 90 อะลมู ิเนยี ม 300 600 พลาสติก - 1,200 3. ข้อพจิ ารณาในการเลอื กความเร็วตดั 3.1 วสั ดชุ ิน้ งานท่มี ีความแขง็ จะใช้คา่ ความเร็วตดั ตา่ กวา่ ชิน้ งานทีอ่ อ่ น 3.2 วสั ดุมีดกลงึ ถ้าทาจากเหล็กกล้ารอบสูง จะใช้ความเร็วตดั ต่ากว่ามีดตดั ที่ทาจาก โลหะแขง็ เชน่ มีดกลงึ คาร์ไบด์ เป็นต้น 3.3 ความหนาของเศษโลหะ ถ้ากลึงชิน้ งานทีละน้อยหรือป้อนตัดไม่ลกึ เกินไป จะใช้ ความเร็วตดั ได้สงู กวา่ การปอ้ นตดั ชิน้ งานครัง้ ละมาก ๆ 3.4 ถ้ามีการหลอ่ เย็นขณะปฏิบตั ิงานกลงึ จะสามารถใช้ความเร็วตดั ได้สงู กวา่ การกลงึ ชิน้ งานทไ่ี มม่ ีการหลอ่ เย็น 3.6.3 อัตราป้อนงานกลึง 1. ความหมายของอัตราป้อน (Feed Rate) หมายถึง ระยะทางการเดินป้อนของมีดกลึง ไปตามความยาวของชิน้ งานในแตล่ ะรอบ เช่น ปอ้ นอตั ราปอ้ น 0.20 มม. หมายความวา่ มีดกลงึ จะเคลอื่ นที่ ตดั ตามความยาวชิน้ งานเป็นระยะทาง 0.20 มม. เม่ือชิน้ งานหมนุ ครบ 1 รอบ หรือถ้าชิน้ งานหมนุ ครบ 10 รอบ ระยะทางการเคลอ่ื นท่ีตดั ของมีดกลงึ ตามความยาวของชิน้ งานจะเทา่ กบั 10  0.20 = 2 มม. เป็นต้น 2. ชนิดของการปอ้ นตดั ในงานกลงึ แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ คือ 2.1 การปอ้ นตดั หยาบ ใช้สาหรับงานกลงึ ลดขนาดของชิน้ งาน 2.2 การป้อนตดั ละเอียด ใช้ สาหรับงานกลึงที่ต้องการความละเอียดของผิวพร้อมกบั ขนาดของชิน้ งาน

72 3.6.4 ความลึกของการป้อนตดั 1. ความหมายของความลกึ ของการปอ้ นตดั (Depth of Cut) หมายถงึ ความลกึ ทีเ่ กิดขนึ ้ จาก การปอ้ นตดั มีดลกึ เข้าไปในเนอื ้ ของชิน้ งาน ซง่ึ จะทาให้เศษโลหะไหลออกมา เชน่ ชิน้ งานเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 50 มม. ถ้าป้อนลกึ 2 มม. เม่ือกลงึ ชิน้ งานเสร็จแล้ว ชิน้ งานจะถกู ลดขนาดลง 4 มม. และจะทาให้ชิน้ งาน เหลอื ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 46 มม. เป็นต้น 2. การปรับตงั้ คา่ ความลกึ ของการปอ้ นตดั คา่ ความลกึ ในการปอ้ นตดั ของงานกลงึ แต่ละครัง้ จะขนึ ้ อยกู่ ับความละเอียดของผิวและความแขง็ ของวสั ดุชิน้ งานเป็นสาคญั การใช้อัตราปอ้ นสามารถเลอื ก ค่าให้สงู ได้ถ้ากาลงั ของเครื่องกลงึ มีมากพอ หรือถ้าความแข็งของวสั ดุชิน้ งานน้อย ก็สามารถใช้อัตราปอ้ น น้อยได้ แต่ส่งิ สาคญั ท่ีจะต้องพิจารณาคือ การเลือกใช้ความเร็วตดั ให้ถกู ต้อง การปรับความลกึ ในการปอ้ น ตดั และอตั ราปอ้ นเหมาะสม ทงั้ นีเ้ พื่อประหยดั เวลาในการทางาน ลดการสกึ หรอของคมตดั มีดกลงึ และยดื อายกุ ารใช้งานของเครื่องกลงึ 3. การเลอื กความเร็วรอบและความลกึ ของการปอ้ นตดั สามารถเลอื กได้จากกราฟในรูปท่ี 3.52 รูปท่ี 3.52 กราฟเลอื กใช้ความเร็วรอบและความลกึ ของการปอ้ นตดั

73 ตวั อย่างท่ี 3.4 กลึงชิน้ งานที่ทาจากทองเหลืองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 80 มม. ความเร็วตดั 60 เมตร/นาที เวลาทป่ี อ้ น 0.10 นาที จงหาความเร็วรอบและอตั ราปอ้ นท่ีเหมาะสม วธิ กี ารใช้ตาราง 1. ลากเส้นตรงจุดขนาดชิน้ งาน 80 มม. (เส้นทางซ้ายของกราฟ โดยลากเส้นให้ขนานกับเส้นความลกึ ของการปอ้ นตดั ) 2. ลากเส้นความเร็วตดั 60 เมตร/นาที (ด้านลา่ งของกราฟให้ขนานกบั เส้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของชิน้ งาน) 3. เมื่อเส้นตรงที่ลากในข้อท่ี 1 และข้อท่ี 2 มาชนกันท่ีเส้นความเร็วรอบแล้ว (เส้นเอียงเป็นมุม 45 องศา) ให้อ่านคา่ ความเร็วรอบจากกราฟ ซง่ึ จะได้เทา่ กบั 250 รอบ/นาที 4. ลากเส้นตรงในแนวนอนที่เวลา 0.10 นาที ขนานกบั เส้นความเร็วตดั ไปชนกับเส้นความเร็วรอบ 250 รอบ/นาที จากนนั้ ลากเส้นตรงขนึ ้ ไปหาเส้นความลกึ ของการปอ้ นตดั ซง่ึ จะได้เทา่ กบั 0.40 มม. หมายเหตุ : - ถ้าอตั ราปอ้ นมาก จะต้องลดความเร็วรอบในการกลงึ ลงเม่ือความลกึ ของการปอ้ นตดั คงท่ี - ถ้าความเร็วรอบในการกลงึ สงู จะต้องลดอตั ราปอ้ นลงเม่ือความลกึ ของการปอ้ นตดั คงที่ - ถ้าความลกึ ของการปอ้ นตดั มาก จะต้องลดความเร็วรอบลงเมื่ออตั ราปอ้ นคงท่ี ในขณะกลงึ ชิน้ งานนนั้ จะมีความร้อนสงู มาก ซง่ึ อาจสงู ถงึ 700 องศาเซลเซียส หรือมากกวา่ ความ ร้อนนเี ้กิดจากการเสยี ดสรี ะหวา่ งคมตดั กบั ชิน้ งานและจากการเปลย่ี นรูปของเนอื ้ โลหะ (Deformation) ท่ีถกู ตดั เฉือนออก หากความร้อนไมไ่ ด้ระบายออกไปโดยเร็ว ความร้อนเกิดการสะสมมากขนึ ้ เรื่อย ๆ จะทาให้คมตดั เกิดความร้อนจดั สญู เสยี ความแข็ง และเกิดการสกึ หรอในท่ีสดุ ชิน้ งานท่ีได้รับความร้อนก็อาจเกิดการบดิ เบีย้ ว ทาให้ไม่ได้ขนาดและคณุ ภาพผิวตามต้องการ ดงั นนั้ ในการปฏิบตั ิงานจึงต้องมีการหลอ่ เย็นชิน้ งาน โดยใช้สารหลอ่ เย็น 3.7.1 หน้าท่ขี องนา้ มนั หล่อเยน็ 1. ระบายความร้ อนออกจากบริเวณการตดั เฉือน เพ่ือทาให้คมตดั และชิน้ งานไม่สูญเสีย ความแข็งหรืออ่อนตวั อนั เนื่องมาจากความร้อน อีกทงั้ ยงั ป้องกนั ไม่ให้เศษโลหะยดึ ติดที่ปลายคมตดั ทาให้ มีดกลงึ สามารถตดั เฉือนได้เร็วขนึ ้

74 2. หลอ่ ลน่ื และลดแรงเสยี ดทานระหวา่ งชิน้ งานกับคมตดั รวมทงั้ ลดแรงเสยี ดทานของเศษ โลหะท่ีเคลอื่ นท่ผี า่ นผวิ คายเศษ ทาให้การตดั เฉือนใช้แรงน้อยลงและลดการสกึ หรอของคมตดั 3. ชะล้างและพาเศษโลหะที่เกิดจากกระบวนการตดั เฉือนออกไปจากบริเวณตดั เฉือนวสั ดุ ชิน้ งาน 4. ปอ้ งกนั สนมิ ให้กบั ชิน้ งานในขณะตดั เฉือนผวิ ชิน้ งาน บริเวณท่ตี ดั เฉือนมกั จะมีความไวต่อ การเกิดสนมิ มาก 5. ชว่ ยปอ้ งกนั การเกิดสนิมให้กบั ชิน้ สว่ นตา่ ง ๆ ของเครื่องกลงึ 3.7.2 ชนิดของสารหล่อเยน็ สารหลอ่ เยน็ แบง่ ชนิดตามการใช้งานได้ 3 ชนดิ ดงั นี ้ 1. นา้ หลอ่ เย็นชนิดนา้ มันผสมนา้ (Soluble Oils) หรือมีช่ือเรียกโดยทวั่ ไปว่านา้ มนั สบู่ ผลิต จากสารสงั เคราะห์หรือนา้ มนั แร่ ผสมกบั ตวั ทาลายและสารเพ่ิมคุณภาพ เช่น การป้องกนั สนิม สารป้องกนั การเกิดฟอง สารฆ่าเชือ้ จุลินทรีย์ ใช้สาหรับงานตดั เฉือนโดยทัว่ ๆ ไป เช่น งานกลงึ งานเล่ือย งานเจาะ งานไส และงานกดั เป็นต้น วิธีการผสมกบั นา้ ควรใช้นา้ สะอาดใสล่ งในอา่ งหรือภาชนะผสมตามอตั ราสว่ น จากนนั้ จึงเทนา้ มนั สบตู่ ามอตั ราสว่ นลงในนา้ 2. นา้ หลอ่ เยน็ ชนดิ นา้ มนั (Cutting Oils) จะใช้ในกรณีหลอ่ เย็น วสั ดทุ ่ีมีความเหนยี วหรือแข็ง มาก ๆ โดยทวั่ ไปจะเป็นนา้ มนั แร่กลน่ั อยา่ งดีผสมกบั นา้ มนั จากพชื หรือสตั ว์เพือ่ ชว่ ยการหลอ่ ลนื่ และสารชว่ ย เพ่ิมคณุ ภาพในการช่วยรับแรงกด ดงั นนั้ การเลอื กใช้ควรคานึงถึงชนิดของโลหะ ทงั้ นีเ้พราะสารช่วยเพิ่ม คณุ ภาพบางชนิดอาจทาให้สมบตั ิของชิน้ งานเปลี่ยนไป โดยควรศึกษาจากคู่มือการใช้ตามท่ีบริษัทผ้ผู ลิต กาหนด 3. นา้ หลอ่ เย็นชนิดที่มีสว่ นผสมทางเคมี (Chemical Cutting Oils) เป็นนา้ ยาหลอ่ เย็นที่เกิด จากการสงั เคราะห์ทางเคมี ซ่ึงอยู่ในสภาพของสารละลายเพ่ือเพ่ิมสมบัติในการหลอ่ เย็น การหลอ่ ล่ืน การสกึ หรอ และลดแรงเสยี ดทาน ทงั้ นีข้ นึ ้ อยู่กับสว่ นผสมของสารเคมี และในนา้ ยาหลอ่ เย็นบางชนิดจะมี สว่ นผสมของสารท่ีสามารถตอ่ ต้านการเกิดความร้อนและแรงดนั อนั เน่ืองมาจากการตดั เฉือนวสั ดชุ ิน้ งาน 3.7.3 การเลือกใช้นา้ มนั หล่อเยน็ การเลือกใช้นา้ มันหลอ่ เย็นสาหรับงานกลงึ จะต้องให้เหมาะสมกับลกั ษณะการทางานและ ชนิดของวสั ดชุ ิน้ งาน หลกั เกณฑ์การเลอื กใช้นา้ มนั หลอ่ เยน็ ดงั นี ้ 1. พิจารณาลกั ษณะการใช้งาน เช่น ความเร็ว อตั ราการปอ้ น ความลกึ ของการปอ้ นตดั และ วธิ ีใช้นา้ มนั หลอ่ เย็น เป็นต้น

75 2. ชนิดและขนาดชิน้ งานที่นามากลงึ 3. ชนิดของวสั ดมุ ีดกลงึ 4. ความเหมาะสมของเคร่ืองกลงึ ทจ่ี ะใช้ ตวั อยา่ งการเลอื กใช้สารหลอ่ เยน็ สาหรับงานกลงึ แสดงไว้ในตารางท่ี 3.2 ตารางท่ี 3.2 การเลอื กใช้สารหลอ่ เยน็ สาหรับงานกลงึ วัสดชุ นิ้ งาน ชนิดของสารหล่อเยน็ เหลก็ เหนยี วและอะลมู ิเนียม นา้ มนั หลอ่ เย็นชนิดผสมนา้ หรือชนดิ นา้ มนั ล้วน เหลก็ หลอ่ และพลาสตกิ ไมต่ ้องใช้สารหลอ่ เยน็ คือ หลอ่ เยน็ ด้วยอากาศ โลหะเบา ไมต่ ้องใช้สารหลอ่ เย็นหรือใช้นา้ มนั หลอ่ เย็นชนดิ นา้ มนั ล้วน แมกนีเซยี ม ไม่ต้องใช้สารหลอ่ เยน็ แม้กระทงั่ นา้ ให้ระวงั ไฟไหม้ 3.8.1 การจบั ยดึ ชิน้ งาน 1. การจับชิน้ งานด้วยหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้ อม เป็นวิธีจับชิน้ งานได้อยา่ งรวดเร็ว โดยทั่วไป จะใช้จบั ชิน้ งานกลม ซงึ่ จะเป็นผิวภายนอกหรือผิวภายในก็ได้ การจบั ชิน้ งานด้วยหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อมมีดงั นี ้ 1.1 ขนั หวั จบั ด้วยประแจ (T–Chuck) โดยให้ฟันจบั มีขนาดใกล้เคยี งกบั ชิน้ งาน 1.2 ใส่ชิน้ งานเข้าไปในฟันจับ จากนนั้ ขันหัวจับด้วยประแจ ซ่ึงฟันจับทงั้ 3 จะเคล่ือน เข้าหาชิน้ งานพร้อม ๆ กนั จากนนั้ ขนั ยดึ ให้แนน่ และมนั่ คง (รูปที่ 3.53 ก) 1.3 กรณีชิน้ งานมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ ให้กลบั ฟันจับอีกด้านหน่งึ จับชิน้ งาน (รูปที่ 3.53 ข) 1.4 กรณีทีช่ ิน้ งานมีรูเจาะขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้ฟันจบั ท่ีผิวภายในของรูเจาะได้ (รูปที่ 3.53 ค) รูปท่ี 3.53 การจบั ชนิ ้ งานของหวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อม

76 2. การจบั ยดึ ชิน้ งานด้วยหวั จับแบบ 4 ฟันอิสระ สามารถใช้จบั ชิน้ งานกลมหรือชิน้ งานท่ีมี หลาย ๆ เหลย่ี มได้ วิธีการจับชิน้ งานด้วยหวั จับแบบ 4 ฟันจบั อิสระนี ้จะต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ชว่ ย เชน่ ขอช้างหรือนาฬกิ าวดั ทงั้ นีเ้พ่ือต้องการให้ชิน้ งานกลมหมุนอยู่ในแนวศนู ย์กลางกบั เพลาเครื่อง การจบั ชิน้ งานกลมด้วยหวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระมีขนั้ ตอนดงั นี ้ 2.1 คลายฟันจับทงั้ 4 ฟัน ออกโดยให้มีความกว้างของฟันโตกว่าขนาดของชิน้ งาน เลก็ น้อย และต้องหมนุ ฟันจบั ทงั้ 4 ด้าน 2.2 นาชิน้ งานเข้าไปในฟันของหวั จบั จากนนั้ ขนั หวั จบั ด้วยแรงเพียงเลก็ น้อย รูปท่ี 3.54 การหมนุ หวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระ 2.3 ตงั้ ศนู ย์ชิน้ งานโดยวิธีใดวธิ ีหนง่ึ ดงั นี ้ (1) วิธีการใช้ชอล์ก (Chalk) โดยหมุนหวั จับและสงั เกตว่าสว่ นใดของชิน้ งานท่ีสงู กว่า จะโดนชอล์กขดี และจะต้องถอยฟันจบั ด้านตรงข้ามลงไป จากนนั้ หมนุ ด้านท่ีสงู เข้ามาโดยตรวจสอบด้วยวิธี นจี ้ นกระทง่ั ได้ศนู ย์ จากนนั้ จึงลอ็ กชิน้ งานให้แนน่ รูปท่ี 3.55 การตงั ้ ศนู ย์ชนิ ้ งานโดยใช้ชอล์ก

77 (2) วิธีการใช้ขอช้าง (Surface Gauge) ใช้ปลายแหลมของเหลก็ แตะกับผิวชิน้ งาน จากนนั้ หมนุ ชิน้ งานเพ่ือดรู ะยะความแตกตา่ งของปลายแหลม โดยระยะหา่ งของปลายแหลมกับผิวชิน้ งาน จะต้องมีระยะหา่ งโดยรอบสม่าเสมอกนั และเมื่อปรับจนกระทง่ั ได้ศนู ย์แล้วจงึ ลอ็ กชิน้ งานให้แนน่ รูปท่ี 3.56 การตงั ้ ศนู ย์ชนิ ้ งานโดยใช้ขอช้าง (3) วิธีการใช้นาฬิกาวัด (Dial Indicator) โดยใช้ปลายของนาฬิกาวัดสมั ผัสกับ ผิวชิน้ งานและมีวิธีการเหมือนกับการใช้ ขอช้าง เมื่อปรับชิน้ งานจนกระทงั่ ได้ศูนย์แล้วให้ขนั ยึดชิน้ งาน ให้แนน่ และมน่ั คง รูปท่ี 3.57 การตงั้ ศนู ย์ชิน้ งานโดยใช้นาฬิกาวดั 3. ข้อควรระวงั ในการจับชิน้ งานด้วยหวั จับ ในการจับยึดชิน้ งานด้วยหวั จับทงั้ แบบ 3 ฟัน พร้อม และ 4 ฟันอิสระมีข้อควรระวงั ดงั นี ้ 3.1 แนวศนู ย์ของชิน้ งานกบั เพลาเครื่องกลงึ จะต้องตรงกนั 3.2 ก่อนเปิดเครื่องกลงึ จะต้องมนั่ ใจวา่ หวั จบั ได้ลอ็ กแนน่ แล้ว 3.3 ขนั ชิน้ งานให้แนน่ เพื่อปอ้ งกนั ชิน้ งานหลดุ ในขณะกลงึ ชิน้ งาน

78 3.8.2 วธิ ีการจับยดึ มีดกลึงบนป้อมมดี 1. การจับยึดมีดกลงึ บนป้อมมีด มีดกลงึ ท่ีนามาจับยึดบนป้อมมีด (Tool Post) จะต้องให้ ด้ามมีดวางอยบู่ นแผ่นรองมีด และให้ปลายมีดโผลอ่ อกห่างจากปอ้ มมีดเลก็ น้อย เพื่อความแข็งแรงและ ความปลอดภยั ในการปฏิบตั ิงาน ระยะที่มีดกลงึ หา่ งจากปอ้ มมดี (ข) ไมเ่ หมาะสม (ก) เหมาะสม รูปท่ี 3.58 การจบั ยดึ มีดกลงึ บนปอ้ มมีด 2. การตงั้ ศูนย์มีดกลงึ ความสูงของปลายมีดกลึงต้องอยู่ในแนวระดบั เส้นผ่านศูนย์กลาง ของชิน้ งาน โดยให้ปลายมีดสมั ผสั กบั ปลายยนั ศนู ย์ของชดุ ศนู ย์ท้ายพอดี รูปท่ี 3.59 การตงั ้ ศนู ย์มดี กลงึ รูปท่ี 3.60 การตงั ้ ศนู ย์มดี กลงึ

79 หมายเหตุ : - ถ้าคมมีดกลงึ อยเู่ หนือศูนย์ของชิน้ งาน จะเกิดความฝืดระหว่างผิวชิน้ งานกับผิวฟรีของมีดกลงึ ทาให้มมุ คายเศษมากขนึ ้ และการคายเศษกลงึ จะทาได้สะดวกมากขนึ ้ - โดยปกติในงานปอก จะนิยมตงั้ ให้ปลายคมมีดกลงึ อยู่เหนือจากเส้นผ่านศูนย์กลางของชิน้ งาน ขนึ ้ มาประมาณ 2% ของขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางชิน้ งาน - ถ้าคมมีดกลงึ อยู่ใต้เส้นศนู ย์ของชิน้ งาน จะเกิดความฝืดระหวา่ งผิวชิน้ งานกับผิวฟรีของมีดกลงึ ทาให้มมุ คายเศษเลก็ ลงและการคายเศษกลงึ จะทาได้ลาบาก เครื่องกลงึ ยนั ศูนย์สามารถขนึ ้ รูปชิน้ งานได้หลายลกั ษณะ ซ่ึงในหน่วยนีจ้ ะกลา่ วถึงเฉพาะการกลงึ ปาดหน้า การกลงึ ปอก และการเจาะรูบนเครื่องกลงึ เทา่ นนั้ 3.9.1 การกลึงปาดหน้า 1. จดุ มงุ่ หมายของการกลงึ ปาดหน้า การกลงึ ปาดหน้ามีจุดม่งุ หมายเพอ่ื ลดขนาดความยาว ของชิน้ งานและทาให้ผวิ ด้านหน้าของชิน้ งานเรียบ การจบั ชิน้ งานเพอื่ กลงึ ปาดหน้าควรจบั ให้ชิน้ งานพ้นจาก หวั จบั ประมาณ 1-1.5 เทา่ ของเส้นผา่ นศนู ย์กลางของงานกลงึ ทิศทางการปอ้ มมีดกลงึ รูปท่ี 3.61 งานกลงึ ปาดหน้าจากด้านในออกมาด้านนอกของชนิ ้ งาน

80 ทิศทางการปอ้ มมีดกลงึ รูปท่ี 3.62 งานกลงึ ปาดหน้าจากด้านนอกเข้าไปด้านในของชนิ ้ งาน 2. การจับมีดกลึงปาดหน้า การจับมีดกลึงปาดหน้าจะต้องจับให้ ปลายมีดกลึงได้ศูนย์ เดียวกันกับศูนย์ของชิน้ งานหรือแนวเส้นศูนย์ของยนั ศูนย์ของชุดท้ายแท่น และไม่ควรให้ปลายมีดกลึง พ้นจากป้อมมีดหรือแท่งรองมีดยาวเกินไป เพราะจะทาให้ปลายมีดกลงึ สน่ั และหกั ได้ นอกจากนีก้ ารตงั้ มมุ มีดกลงึ ปาดหน้าควรตงั้ เป็นมมุ แคบประมาณ 2 องศา กบั ผวิ หน้าชิน้ งาน ดงั ตวั อยา่ งในรูปที่ 3.63 มดี กลงึ แนวเส้นศนู ย์ (ก) การตงั้ มมุ มีดกลงึ ปาดหน้า (ข) การตงั้ ปลายมีดกลงึ ให้ได้แนวเส้นศนู ย์เดยี วกนั รูปท่ี 3.63 การจบั มีดกลงึ ปาดหน้า 3. วิธีการกลึงปาดหน้า โดยท่ัวไปจะใช้ชุดแท่นเลื่อนบนของเคร่ืองกลึง ในการป้อนลกึ สว่ นวิธีการกลงึ จะกระทาโดยการหมุนแทน่ เลอ่ื นขวางเข้าหรือออกตามลกั ษณะของการกลงึ ดงั รูปที่ 3.64 และรูปที่ 3.65

81 รูปท่ี 3.64 การใช้ชดุ แทน่ เลอื่ นขวางและแท่นเลอื่ นบน ในการกลงึ ปาดหน้าจากด้านนอกเข้าไปด้านในของชิน้ งาน รูปท่ี 3.65 การใช้ชดุ แท่นเลอื่ นขวางและแทน่ เลอื่ นบน ในการกลงึ ปาดหน้าจากด้านในออกมาด้านนอกของชิน้ งาน 4. ขนั้ ตอนการกลงึ ปาดหน้า 4.1 ศกึ ษาแบบสงั่ งานให้เข้าใจ 4.2 ตรวจสภาพความพร้อมของเคร่ืองกลงึ ก่อนการปฏิบตั ิงาน ถ้ามีข้อบกพร่อง แจ้งให้ ผ้คู วบคมุ ทราบและทาการซอ่ มบารุง 4.3 จบั ชิน้ งานด้วยหวั จบั ให้แนน่ และมนั่ คง 4.4 จบั มีดกลงึ ปาดหน้าเข้ากบั ปอ้ มมีด โดยให้ปลายมีดพ้นจากปอ้ มมีดให้สนั้ ที่สดุ เท่าที่ จะสามารถทางานได้สะดวก แล้วเอียงปอ้ มมีดให้ปลายมีดทามมุ ประมาณ 2 - 5 องศา กบั ชิน้ งาน และระวงั อยา่ ให้ปอ้ มมีดเลอ่ื นออกมาพ้นจากกึ่งกลางแทน่ เลอื่ นขวางมากเกินไป 4.5 ปรับตงั้ ความเร็วรอบของเครื่องกลึง โดยปรับแขนโยกหรือป่ ุมตามความเร็วรอบ ที่คานวณได้ 4.6 เล่ือนป้อมมีดให้มีดพ้นจากหัวจับและชิน้ งานพอประมาณ จากนัน้ เปิดสวิตช์ เคร่ืองกลงึ 4.7 เริ่มกลงึ ปาดหน้าชิน้ งาน โดยการปอ้ นตดั ชิน้ งานจากกึ่งกลางด้านในออกมายงั ขอบ ด้านนอกของชิน้ งาน

82 4.8 ตรวจสอบขนาดของชิน้ งาน จากนนั้ ทาการกลงึ ปาดหน้าตอ่ ไปจนกระทงั่ ผิวชิน้ งาน เรียบและได้ขนาดความยาวตามแบบ 4.9 เม่ือกลึงชิน้ งานเสร็จเรียบร้ อยแล้วให้ทาความสะอาดและหยอดนา้ มนั เครื่องกลงึ ทกุ ครัง้ หลงั เลกิ ปฏบิ ตั ิงาน 3.9.2 การกลึงปอก 1. จุดมุ่งหมายของการกลึงปอก การกลงึ ปอกมีจุดม่งุ หมายเพื่อให้งานลดขนาดเส้นผ่าน ศนู ย์กลางของชิน้ งานให้เลก็ ลง ชิน้ งาน มดี กลงึ ทิศทางการปอ้ นมดี กลงึ รูปท่ี 3.66 ลกั ษณะของการกลงึ ปอก การกลึงปอกโดยท่ัวไปสามารถกลึงได้ 2 วิธี คือ วิธีใช้ หัวจับและวิธีใช้ ยันศูนย์หัวท้าย ดงั รูปท่ี 3.67 ทิศทางการหมนุ ของชิน้ งาน ทิศทางการหมนุ ของชิน้ งาน ทิศทางการหมนุ ของมดี กลงึ ทิศทางการเคลอื่ นที่ของมดี กลงึ (ก) การกลงึ ปอกโดยวธิ ีใช้หวั จบั (ข) การกลงึ ปอกโดยวิธียนั ศนู ย์ รูปท่ี 3.67 วธิ ีการจบั ชิน้ งานในการกลงึ ปอก 2. การจบั มีดกลงึ ปอก จะต้องจบั ให้ปลายมีดกลงึ ได้ศนู ย์เดยี วกันกบั ศนู ย์ของชิน้ งาน และไม่ ควรให้ปลายมีดพ้นจากปอ้ มมีดหรือแทง่ รองมีดยาวเกินไป เพราะจะทาให้ปลายมีดกลงึ สนั่ และหกั ได้

83 (ข) รูปท่ี 3.68 วธิ ีการจบั มีดกลงึ ปอกและการเดินมีดกลงึ ปอก 3. ขนั้ ตอนการกลงึ ปอก 3.1 ศกึ ษาแบบสงั่ งานให้เข้าใจ 3.2 ตรวจสภาพความพร้อมของเคร่ืองกลงึ ก่อนการปฏิบตั ิงาน ถ้ามีข้อบกพร่องแจ้งให้ ผ้คู วบคมุ ทราบเพื่อทาการซอ่ มบารุง 3.3 จบั ชิน้ งานด้วยหวั จบั ให้แนน่ และมนั่ คง 3.4 จับมีดกลงึ ปอกเข้ากับปอ้ มมีด โดยให้ปลายมีดพ้นจากปอ้ มมีดให้สนั้ ท่ีสดุ เทา่ ที่จะ สามารถทางานได้สะดวก และระวงั อยา่ ให้ปอ้ มมีดเลอ่ื นออกมาพ้นจากกึ่งกลางแทน่ เลอ่ื นขวางมากเกินไป 3.5 ปรับตงั้ ความเร็วรอบของเครื่องกลงึ โดยปรับแขนโยกหรือป่ ุมตามความเร็วรอบ ที่คานวณได้ 3.6 เล่ือนป้อมมีดให้มีดพ้นจากหัวจับและชิน้ งานพอประมาณ จากนัน้ เปิดสวิตช์ เครื่องกลงึ 3.7 เร่ิมกลงึ ปอกชิน้ งาน 3.8 ตรวจสอบขนาดของชิน้ งาน จากนนั้ ทาการกลงึ ปอกตอ่ ไปจนกระทงั่ ผิวชิน้ งานเรียบ และได้ขนาดของชิน้ งานตามแบบ 3.9 เม่ือกลึงชิน้ งานเสร็จเรียบร้ อยแล้วให้ทาความสะอาดและหยอดนา้ มนั เคร่ืองกลงึ ทกุ ครัง้ หลงั เลกิ ปฏบิ ตั ิงาน

84 3.9.3 การเจาะรูด้วยเคร่ืองกลึง 1. จุดม่งุ หมายของการเจาะรูด้วยเคร่ืองกลงึ มีจุดม่งุ หมาย 2 ประการ คือ เพื่อยนั ศูนย์และ เพ่ือเอาเนอื ้ ของวสั ดชุ ิน้ งานออกให้ได้ขนาดความลกึ ของรูเจาะตามทตี่ ้องการ 2. ลกั ษณะของการเจาะรูด้วยเครื่องกลงึ แบง่ ตามจดุ มงุ่ หมายของการเจาะได้ 2 ลกั ษณะ ดงั นี ้ 2.1 การเจาะรูยนั ศนู ย์ เป็นการเจาะสาหรับยนั ด้วยปลายของยันศูนย์ในการกลงึ ปอก ผิวชิน้ งานตามยาว นอกจากนีก้ ารเจาะรูยนั ศูนย์ยงั เจาะเพื่อให้เป็นแนวศนู ย์กลางในการท่ีจะเจาะรูตอ่ ไป อีกด้วย สาหรับเคร่ืองมือทใี่ ช้ในการเจาะยนั ศนู ย์ คือ ดอกเจาะยนั ศนู ย์ (Center Drill) ชนิ ้ งาน ดอกเจาะนาศนู ย์ รูปท่ี 3.69 การเจาะรูยนั ศนู ย์บนเคร่ืองกลงึ (ก) ความลกึ รูเจาะยนั ศนู ย์พอดี (ข) ความลกึ รูเจาะยนั ศนู ย์มากเกินไป (ค) ความลกึ รูเจาะยนั ศนู ย์น้อยเกนิ ไป รูปท่ี 3.70 ความลกึ ของการเจาะรูยนั ศนู ย์ วธิ ีเจาะรูยันศูนย์บนเคร่ืองกลึงมขี ัน้ ตอนดงั นี้ 1. เตรียมเคร่ืองมือและอปุ กรณ์ให้พร้อมทจ่ี ะปฏบิ ตั งิ าน 2. ประกอบหวั จบั ดอกสวา่ นเข้ากบั ชดุ ท้ายแทน่ 3. จบั ยดึ ดอกเจาะยนั ศนู ย์เข้ากบั หวั จบั ดอกสวา่ นให้แนน่ 4. เลอ่ื นชดุ ท้ายแทน่ เข้ามาใกล้ชิน้ งานแล้วลอ็ กให้แนน่ 5. เลอื กความเร็วรอบในการเจาะยนั ศนู ย์ท่ีเหมาะสม

85 6. เลอื่ นปลายดอกเจาะนาศนู ย์ไปสมั ผสั กบั ชิน้ งาน จากนนั้ เริ่มเจาะยนั ศนู ย์เบา ๆ 7. เจาะยนั ศนู ย์จนกระทง่ั ได้ความลกึ ตามทต่ี ้องการ และเม่ือได้ความลกึ แล้ว ปลอ่ ย ให้หมนุ ฟรีสกั ครู่เพอ่ื ใช้ผิวงานเรียบ 8. ตรวจสอบขนาดของรูเจาะยนั ศนู ย์ 9. เมื่อเจาะยนั ศูนย์ชิน้ งานเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ทาความสะอาดและหยอดนา้ มนั เคร่ืองกลงึ ทกุ ครัง้ หลงั เลกิ ปฏบิ ตั งิ าน 2.2 การเจาะรูด้วยเครื่องกลงึ เป็นการเจาะรูตามขนาดที่ต้องการหรือเจาะเพ่ือให้เนือ้ วสั ดอุ อกจากชิน้ งาน ซง่ึ การเจาะรูแบบนจี ้ ะใช้ดอกสวา่ นเป็นเคร่ืองมือตดั ชนิ ้ งาน ดอกสวา่ น รูปท่ี 3.71 การเจาะรูด้วยดอกสว่านบนเครื่องกลงึ วธิ เี จาะบนเคร่ืองกลึงมขี ัน้ ตอนดงั นี้ 1. ศกึ ษาแบบงานให้เข้าใจอยา่ งละเอียดก่อนลงมือปฏิบตั งิ าน 2. เตรียมเคร่ืองมือ/อุปกรณ์ เช่น ประแจขนั หวั จบั เคร่ืองกลงึ ดอกสวา่ น ดอกเจาะ นาศนู ย์ หวั จบั ดอกสวา่ น และจาปาขนั หวั จบั ดอกสวา่ น เป็นต้น 3. ตรวจสอบแนวศูนย์ของชุดท้ายแท่น โดยเลอ่ื นปลายยนั ศูนย์ของชุดท้ายแทน่ มาที่ หวั เครื่องแล้วตรวจสอบวา่ ปลายศนู ย์หวั เครื่องและปลายศนู ย์ท้ายแทน่ ตรงกนั หรือไม่ ถ้าศนู ย์ท้ายแทน่ เยอื ้ ง ไปทางซ้ายหรือขวามือจะมีผลตอ่ การเจาะรูศนู ย์กลางของชิน้ งาน ดงั นนั้ ให้ทาการปรับศูนย์หวั เครื่องและ ศนู ย์ท้ายเครื่องให้ตรงกนั 4. จับชิน้ งานโดยใช้หัวจับแบบ 3 จับฟันพร้ อมหรือหวั จับแบบ 4 ฟันอิสระโดยให้ ปลายชิน้ งานพ้นจากฟันจบั ประมาณ 1-1.5 เทา่ ของเส้นผา่ นศนู ย์กลางของชิน้ งาน 5. สวมหวั จบั ดอกสวา่ นเข้ากบั รูของชุดท้ายแทน่ 6. จบั ยดึ ดอกเจาะนาศนู ย์เข้ากบั หวั จบั ดอกสวา่ น

86 7. ปรับความเร็วรอบของเคร่ืองให้สมั พันธ์กับขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของ ดอกเจาะนาศนู ย์ โดยโยกแขนปรับความเร็วรอบไปยงั ตาแหนง่ ที่ต้องการ ซ่งึ เครื่องกลงึ แตล่ ะรุ่นแต่ละย่ีห้อ อาจไม่เหมือนกนั 8. เปิดเคร่ืองให้ชิน้ งานหมนุ โดยกดแขนเพลาสวติ ช์เปิด–ปิดในทิศทางลงให้ชิน้ งาน หมนุ ตามเข็มนาฬกิ า (Forward) 9. เลื่อนท้ายแท่นให้อยู่ในตาแหน่งที่จะเจาะรูนาศูนย์ โดยนาดอกเจาะนาศูนย์ ไปสมั ผสั กบั ชิน้ งานเบา ๆ จากนนั้ ล็อกศนู ย์ท้ายแทน่ ให้แนน่ 10. เจาะรูนาเจาะ โดยการป้อนด้วยมือหมุนเบา ๆ จนได้ความลกึ ประมาณ 70 เปอร์เซน็ ต์ของสว่ นเรียวดอกเจาะนาศนู ย์ 11. ปิดเคร่ืองกลงึ แล้วถอดดอกเจาะนาศูนย์ออกจากหวั จับ โดยใช้จาปาคลายหวั จบั ดอกสวา่ นและหมนุ ในทิศทางทวนเขม็ นาฬกิ า 12. จบั ดอกสวา่ นทต่ี ้องการเข้ากบั หวั จบั ดอกสวา่ น 13. เปิดเคร่ืองให้ชิน้ งานหมุน โดยกดเพลาสวิตช์ให้ชิน้ งานหมุนในทิศทางหมนุ ตาม เข็มนาฬกิ า 14. เปิดนา้ หลอ่ เย็นเพอ่ื หลอ่ เยน็ ชิน้ งานและดอกสวา่ น 15. ปอ้ นดอกสวา่ นเข้าหาชิน้ งานเพอื่ เจาะรู โดยในขณะเจาะให้ถอยดอกสวา่ นกลบั เป็นช่วง ๆ เพอ่ื คายเศษจนกระทง่ั ได้ความลกึ ตามแบบ 16. ถอดดอกสวา่ นออกด้วยจาปาในทิศทางทวนเข็มนาฬกิ า 17. ปิดเครื่องกลงึ 18. ถอดหวั จบั ดอกสวา่ นออกจากชดุ ท้ายแทน่ 19. ทาความสะอาดเคร่ืองกลึง เคร่ืองมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ และบริเวณพืน้ ท่ี ปฏิบตั ิงานรอบ ๆ เคร่ืองกลงึ ให้เรียบร้อย รูปท่ี 3.72 การตรวจสอบความลกึ ของรูเจาะด้วยบรรทดั เหลก็

87 3.10.1 กอ่ นใช้เครื่องทกุ ครัง้ ต้องตรวจสภาพความพร้อมของเคร่ืองกลงึ 3.10.2 แตง่ กายให้รัดกมุ ขณะเข้าปฏิบตั ิงาน 3.10.3 ก่อนเปิดสวติ ช์เคร่ืองต้องม่ันใจวา่ ได้จบั ยดึ ชิน้ งาน มีดกลงึ และอุปกรณ์ตา่ ง ๆ แนน่ เพยี งพอแล้ว 3.10.4 ห้ามเขี่ยเศษโลหะและวดั ขนาดของชิน้ งานขณะเครื่องกลงึ กาลงั ทางาน 3.10.5 ห้ามวางสง่ิ ของหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ใกล้เครื่องขณะเคร่ืองกลงึ กาลงั ทางาน 3.10.6 ห้ามหยอกล้อกนั ขณะปฏิบตั งิ าน 3.10.7 การใช้เคร่ืองกลงึ ทกุ ครัง้ ต้องเปิด–ปิดสวิตช์ด้วยตนเอง ห้ามใช้ผ้อู ื่น 3.10.8 ห้ามเสยี บประแจยดึ หวั จบั (T–Chuck) สวมค้างไว้ท่ีหวั จบั เพื่อให้เครื่องกลงึ มีอายกุ ารใช้งานท่ียาวนาน หลงั เลิกใช้งานแล้วผ้ปู ฏิบตั ิจะต้องมีการบารุงรักษา เครื่องกลงึ ที่ถกู วธิ ีดงั นี ้ 3.11.1 ก่อนใช้เครื่องกลงึ ควรตรวจดูนา้ มนั หลอ่ ลื่นทุกครัง้ ในบริเวณต่อไปนี ้คือ หวั เคร่ือง (Head Stock) กลอ่ งเฟื อง (Gear Gox) ชุดท้ายแท่น และชุดแท่นเล่ือนว่านา้ มันหล่อลื่นอยู่ในระดบั ที่เหมาะสม หรือไม่ ทาความสะอาดและหยอดนา้ มนั ทกุ วนั หยอดนา้ มนั สปั ดาหล์ ะครัง้ หยอดนา้ มนั ทกุ สปั ดาห์ หยอดนา้ มนั เมื่อต้องการ รูปท่ี 3.73 จดุ ตา่ ง ๆ ของเคร่ืองกลงึ ทตี่ ้องตรวจดปู ริมาณของนา้ มนั หลอ่ ลนื่

88 ตารางการหลอ่ ล่นื เตตตรรมิววนจจสสา้ มออบบนั ทนนกาาุ้้ มมสนนปััั ททดกกุุาหวสนัป์ั ดาห์ หยอดนา้ มนั หลงั ทาความสะอาดทกุ ครัง้ กลอ่ งเฟือง ถงั นา้ มนั รูปท่ี 3.74 จดุ ต่าง ๆ ของเคร่ืองกลงึ ทต่ี ้องตรวจดปู ริมาณของนา้ มนั หลอ่ ลนื่ (ก) หวั เคร่ือง (ข) ชดุ แท่นเครื่อง รูปท่ี 3.75 จดุ ต่าง ๆ ของเคร่ืองกลงึ ท่ตี ้องตรวจดปู ริมาณของนา้ มนั หลอ่ ลน่ื หวั เครื่อง ช่องดรู ะดบั นา้ มนั ของชดุ เฟือง กลอ่ งเฟือง รูปท่ี 3.76 จดุ ตา่ ง ๆ ของเครื่องกลงึ ท่ตี ้องตรวจดปู ริมาณของนา้ มนั หลอ่ ลนื่

89 3.11.2 ก่อนใช้เคร่ืองต้องหยอดนา้ มนั หลอ่ ลน่ื ตรงจุดทมี่ ีการเคลอ่ื นท่บี นชุดแทน่ เลอ่ื นเสมอ (ก) ชดุ แท่นเลอื่ น (ข) ชดุ ท้ายแท่น รูปท่ี 3.77 จดุ ตา่ ง ๆ ของชดุ แทน่ เลอ่ื นทตี่ ้องหยอดนา้ มนั หลอ่ ลนื่ 3.11.3 ขณะปฏิบตั ิงานกลงึ หากมีสว่ นหนง่ึ ของเครื่องชารุดให้หยดุ ใช้เคร่ืองทนั ที 3.11.4 หลงั เลกิ ใช้เครื่องกลงึ แตล่ ะครัง้ จะต้องทาความสะอาดเครื่องให้เรียบร้อย

90 คาส่ัง จงตอบคาถามตอ่ ไปนี ้ 1. จงบอกช่ือและหน้าท่ีของสว่ นประกอบเคร่ืองกลงึ ยนั ศนู ย์ตามหมายเลขตอ่ ไปนี ้(12 คะแนน) หมายเลข 1 ช่ือ หน้าท่ี หมายเลข 2 ชื่อ หน้าที่ หมายเลข 3 ชื่อ หน้าที่ หมายเลข 4 ช่ือ หน้าที่ หมายเลข 5 ช่ือ หน้าท่ี หมายเลข 6 ช่ือ หน้าท่ี

91 2. จงนาตัวอักษรด้านหน้าข้อความทางขวามือไปเติมลงในช่องว่างด้านล่างรูปทางซ้ายมือให้ถูกต้อง (16 คะแนน) 2.1 ช่ือ หน้าท่ี 2. 2.3 ช่ือ หน้าที่ 2 ชื่อ หน้าท่ี 2.4 ชื่อ หน้าท่ี 2. 2.6 ช่ือ หน้าท่ี 5 ช่ือ หน้าที่ 2.7 ช่ือ หน้าที่ 2. หน้าที่ 8 ชื่อ ช่ือ 1. หวั จบั แบบ 3 ฟันพร้อม หน้าท่ี การใช้งาน 2. หวั จบั แบบ 4 ฟันอิสระ ก. จบั ดอกสวา่ น 3. ประแจขนั (T–Chuck) ข. จบั ชิน้ งาน 4. ยนั ศนู ย์เป็น ค. วดั มมุ มีดกลงึ ง. ขนั หวั จบั ของเครื่องกลงึ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook