Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พยาธิวิทยา

พยาธิวิทยา

Published by hwnbr76, 2020-01-30 22:29:39

Description: พยาธิวิทยา

Search

Read the Text Version

บทนําสูพยาธวิ ิทยา Introduction to pathology พญ ละออ ชมพักตร ภาควิชาพยาธวิ ิทยา คณะแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลยั นเรศวร พยาธิวิทยา (อานวา พะ-ยา-ทิ-วดิ -ทะ-ยา) หรือ Pathology เปน วิชาทางการแพทยเ ฉพาะทางสาขา หนงึ่ ซ่งึ ศึกษาเกย่ี วกบั โรค “Pathology” มาจากภาษากรกี คาํ วา “ pathos” หมายถึงความรสู ึกไมสบาย “feeling, suffering\"และ “logos” คอื การศกึ ษา “the study of\" โดยพยาธวิ ิทยาจะศกึ ษาสาเหตุของโรค กลไกการเกดิ โรค และพยาธิสภาพของโรคทีเ่ กิดขึ้นกับรางกาย การศกึ ษาทางพยาธิวิทยา จะแบงเปน 2 ชนดิ หลักคอื 1. พยาธิวิทยาทวั่ ไป (General pathology) ศกึ ษาเกยี่ วกับ ธรรมชาตแิ ละกลไกการเกดิ โรคการ ปรบั ตัวและการตายของเซลล การอกั เสบ พยาธิวทิ ยาที่เกิดจากสิ่งแวดลอ มและอาหารความ ผิดปกตขิ องเลือด ความผิดปกติของการไหลเวยี นเลอื ดและของเหลวความผิดปกตใิ นเดก็ และ คนชรา 2. พยาธิวิทยาตามระบบ (systemic pathology) เปน การศกึ ษาความผิดปกตทิ ้ังโครงสรา งและหนาที่ เจาะจงในแตล ะระบบอวยั วะตา งๆ เชนพยาธิวทิ ยาระบบหลอดเลอื ดและหวั ใจ พยาธวิ ทิ ยา ระบบทางเดนิ อาหาร เปน ตน ความรูวิทยาศาสตรก ารแพทยพน้ื ฐานทง้ั หมดทุกสาขาเปน ประโยชนตอ การเรยี นพยาธิวิทยากาย วิภาคโดยนําความรูเหลานน้ั มาผสมผสานกนั (integration) ผลลพั ธคอื สามารถเขาใจธรรมชาตวิ ิทยา ของโรคตางๆสามารถอธบิ ายอาการและอาการแสดงตางๆของผูปวยไดดังนัน้ วชิ านจ้ี งึ เปรียบเสมอื น สะพานเช่อื มโยงวทิ ยาศาสตรการแพทยพ น้ื ฐานกบั วิชาตางๆทางคลินกิ ลักษณะสาํ คญั ในการศกึ ษาโรคตางๆ จะตองศึกษาถึงส่ิงตางๆ ดังนี้ 1. Etiology คือการศึกษาถงึ สาเหตทุ ่ที ําใหเ กิดโรค 2. Pathogenesis หรือพยาธกิ าํ เนดิ เปนการศกึ ษากลไกการเกดิ โรค เม่ือเกดิ โรคข้นึ แลว การ เปล่ยี นแปลงนน้ั ดําเนนิ ตอไปและส้นิ สุดอยา งไร 3. Pathological and clinical manifestation เปนการศกึ ษาการเปล่ยี นแปลงทางรูปรางและหนาท่ี ของโครงสรางตางๆ จนถึงระดบั เซลล ซง่ึ การเปล่ียนแปลงเหลานสี้ ง ผลใหเ กดิ อาการทางคลนิ ิก ตามมา อาการทเี่ กดิ ขนึ้ เหลานีเ้ รยี กวา manifestation

4. Complications and sequelae เปนการศึกษาถึงภาวะแทรกซอนและผลกระทบตอเนอ่ื งจาก โรคภัยไขเ จ็บนนั้ ตอระบบตางๆ ของรางกาย 5. Prognosis หรอื พยากรณโรค เปนการศึกษาวา เม่อื เกิดโรค เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบตางๆ ในรางกายแลว การเปล่ยี นแปลงน้ีจะหายไป คงอยู แลวเกิดผลในอนาคตอยา งไร เชน เมอ่ื เกิด แผลไฟไหมน าํ้ รอ นลวกท่ีฝามอื เปน แผลไฟไหมลึก เมอื่ แผลหายแลว พยากรณโ รคของผูปว ย คอื จะเกดิ แผลเปน ดึงรัง้ ทฝ่ี ามือ ทาํ ใหฝ ามอื ผดิ รูปใชงานไมปกติ 6. Epidemiology การศกึ ษาดา นระบาดวทิ ยาเก่ยี วกบั โรคนน้ั ๆ เพอ่ื ทราบถึงอบุ ัติการณ ความชกุ การแพรก ระจายในหมูประชากร ตลอดจนการเฝาระวงั การปอ งการ การควบคมุ โรคตางๆ ซง่ึ สําคัญในกระบวนการทางสาธารณสขุ 7. Treatment การรกั ษาโรค เรียนรเู กย่ี วกบั รกั ษาโรคชนดิ ตา งๆ ทั้งใชยา ไมใ ชย า ตลอดจนการให คาํ ปรึกษา และการใหค วามรกู บั ผปู วย ตารางแสดงตวั อยา งลกั ษณะสําคัญท่ีตองศึกษาเกย่ี วกับโรค Boil Lung cancer Cirrhosis Hypertension Etiology S. aureus Smoking HBV ??? Pathogenesis Acute Genetic Immune- Renin inflammation mutation reaction Manifestation Boil Tumor Cirrhosis High blood pressure Sequelae Septicemia Metastasis Liver failure Intracerebral hemorrhage (ท่ีมา Rubin E, Gorstein F, Schwarting R, Rubin R, Strayer D. Rubin’s pathology: Clinicopathologic foundations of medicine, 4th ed. Lippincott Williams & Wilkins, Philadelphia, 2005) การจําแนกชนดิ ของโรค อาจแบงเปนกลุม ใหญๆ ไดคือ 1. Congenital คอื กลุมทม่ี ีความผดิ ปกตมิ าแตกาํ เนดิ อาจเกย่ี วของกับพนั ธุกรรมหรือไมเ ก่ยี วขอ งกไ็ ด 2. Non-congenital คอื กลมุ ทีไ่ มไ ดเ ปน มาแตก ําเนิด อาจแบง กลมุ ยอ ยไดอกี เชน a. Inflammation กลมุ ท่ีเกยี่ วของกับการอักเสบของรา งกาย b. Infection กลุมท่ีเก่ียวของกบั การตดิ เช้ือ c. Immunity กลุมทเี่ ก่ียวของกบั ภมู คิ มุ กัน d. Trauma กลุมท่ีเกีย่ วของกับการเกิดอบุ ัติเหตุ

e. Tumor กลมุ ที่เกีย่ วของกบั การเกดิ เน้อื งอก มะเรง็ f. Metabolism กลุมทเ่ี กี่ยวของกับความผิดปกตขิ องระบบเมตาโบลิสมของรา งกาย g. Hemodynamic กลมุ ท่ีเกยี่ วกบั การไหลเวยี นของเลอื ดและของเหลวในรา งกาย h. Degenerative disorders กลุม ทีเ่ ก่ียวขอ งกบั ความเส่อื มของรา งกาย i. Iatrogenic กลมุ ที่เกดิ จากความผดิ พลาดหรือผลขา งเคยี งในกระบวนการรักษา พยาธวิ ทิ ยา แบง ออกเปน 2 สาขาหลัก คือ 1. พยาธิวทิ ยากายวิภาค (Anatomic Pathology) 2. พยาธวิ ทิ ยาคลนิ กิ (Clinical Pathology) แตใ นปจ จุบนั อาจมีสาขาพิเศษเฉพาะทางเพิม่ ขึ้นอกี เชน molecular pathology Pediatric pathology เปน ตน สวน \"พยาธวิ ทิ ยาทวั่ ไป\" หรอื \"General Pathology\" คอื การศึกษาท้งั ดานของพยาธิ วิทยากายวภิ าคและพยาธวิ ทิ ยาคลินกิ นอกจากการศกึ ษาในคนแลว ยังมกี ารศึกษาพยาธวิ ทิ ยาในสัตว (Veterinary pathology) และในพืช (Phytopathology) ดวย วิชาพยาธวิ ิทยามกั ถูกเขา ใจผดิ วาเปน การศกึ ษาเกยี่ วกบั พยาธิ (พะ-ยาด) หรอื ปรสิตเนอื่ งจากมคี ําทีพ่ อ งรปู กันซึ่งในความเปน จริงวชิ าทศี่ กึ ษา เกี่ยวกับพยาธคิ ือวชิ าปรสิตวทิ ยา (Parasitology) สว นแพทยผูช ํานาญทางดา นพยาธิวทิ ยาเรียกวาพยาธิ แพทย (อานวา พะ-ยา-ทิ-แพด) หรือ Pathologist พยาธวิ ทิ ยากายวภิ าคมงี านบริการหลัก 3 งาน ไดแก 1. งานศัลยพยาธวิ ิทยา (Surgical Pathology)เกย่ี วของกบั การตรวจชนิ้ เน้ือเปน หลัก พยาธิแพทยจ ะ ตรวจชนิ้ เนอ้ื อวัยวะท่ผี ดิ ปกติหรอื เปนโรค เชน ในโรคทางศัลยกรรมที่ตองตดั ชื้นเน้ือหรอื อวยั วะของ ผูป ว ยออกมา เชน เน้ืองอกมะเรง็ เปนตน พยาธแิ พทยจ ะตรวจชน้ิ เนอื้ หรอื อวยั วะทีไ่ ดร บั นน้ั ขนั้ แรกเปน การตรวจดดู ว ยตาเปลาเพอ่ื หาวามีลักษณะผิดปกตทิ แ่ี ตกตา งไปจากเนอื้ เยอ่ื ปกตหิ รือไมเ มื่อตรวจพบแลว จะตดั ชนิ้ เนอ้ื บรเิ วณท่ีผดิ ปกตเิ ปน ชนิ้ เลก็ ๆ ช้นิ เนอ้ื ท่ตี ัดเปน ชิ้นเล็กจะผา นนํา้ ยาเคมอี ีกหลายชนดิ เพอ่ื ทาํ ใหเนอ้ื แขง็ พอทจ่ี ะตัดใหเ ปน ประมาณ 3-5 ไมครอน แลวนํามาวางบนสไลดแ กว ยอมสจี นไดเปน สไลด ท่เี สรจ็ สมบูรณเ พอ่ื ที่จะตรวจชิ้นเนื้อน้ันในระดบั ของเซลลภ ายใตก ลองจลุ ทรรศนตอไปประกอบ รว มกบั ประวตั ิ อาการ อาการแสดง และผลการตรวจอื่น ๆของผปู วยทีไ่ ดรบั จากใบสง ตรวจทางพยาธิ วทิ ยาทแ่ี พทยผ รู กั ษาสง มาพรอมกับช้นิ เนอ้ื หรืออวัยวะน้นั ๆ เพื่อใหการวินิจฉยั ทางพยาธิวทิ ยา ชิ้นเนอื้ ของผูปวยบางรายอาจตองศกึ ษาดวั ยการตรวจพเิ ศษอน่ื ๆเพิม่ เตมิ อกี เพ่อื ชวยในการ วินจิ ฉยั เชน อมิ มูโนฮสิ โตเคมี (immunohistochemistry), อณพู ยาธวิ ทิ ยา (molecular pathology) ในกรณี ที่ชิน้ เนอ้ื นนั้ เปน มะเรง็ ตองบอกวาเปน มะเร็งชนดิ ใด เปน เซลลม ะเรง็ ชนดิ ไหน และลกั ษณะท่พี บอ่นื ๆท่ี

บอกการพยากรณโรคของผูปว ย เชน การแพรก ระจายของมะเรง็ เขา สูระบบนํ้าเหลอื งเปน ตน ซง่ึ ขอ มูล ตาง ๆเหลา นเ้ี ปน ขอ มูลท่สี าํ คัญและจาํ เปน ที่ตอ งใชใ นการดูแลรักษาผูปว ยตอไป นอกจากน้ี พยาธิแพทยย ังใหก ารวินจิ ฉยั โรค ในขณะทีผ่ ูปว ยกําลงั ผา ตดั เพอื่ ทศี่ ลั ยแพทย จะได ตัดสิน เลือกวธิ กี ารรกั ษาโดยรบี ดว นวธิ ีการนีจ้ ะทาํ ใหเนอ้ื เยือ่ แขง็ ตวั โดยใชค วามเยน็ จดั เรยี กวา Frozen section ใชเ วลาในการตรวจวนิ ิจฉยั ประมาณ 30 นาที ชนิ้ เนอื้ ทจ่ี ะสง มาตรวจทางพยาธวิ ิทยากายวภิ าคสวนมากตองแชมาใน 10% buffered formalin โดยปรมิ าตรนา้ํ ยาตอ งมากกวาชนิ้ เนอ้ื 10 เทา แตก ารตรวจบางอยางไมตองแชฟอรม าลนิ เชน frozen section, immunofluorescenceหรอื molecular ตองใชช น้ิ เนอ้ื สดๆ สวนการสงตรวจดว ยกลองจุลทรรศน อิเล็กตรอนตองแชใ น glutaraldehyde เปน ตน ขน้ั ตอนของงานศัลยพยาธวิ ทิ ยา จากชน้ิ เนอ้ื ท่ีแชในฟอรม าลีนจนกระท่งั พยาธิแพทยร ายงานผล มดี งั น้ี • Registerคอื การลงทะเบยี นชน้ิ เนอื้ หรอื สิ่งสง ตรวจอนื่ ทเี่ ขา มาภายในหอ งปฏิบัตกิ าร ตรวจสอบ ชื่อ สกลุ ผปู ว ยใหถ ูกตอ ง • Cutting up/ gross examination เปนการตรวจดพู ยาธสิ ภาพของช้นิ เนื้อน้นั ดว ยตาเปลาโดยพยาธิ แพทย และเลอื กตัดบรเิ วณที่มรี อยโรคหรอื สงสัยรอยโรคไปตรวจ • Tissue processing คอื การนําช้ินเนือ้ ที่พยาธิแพทยตดั เปนชิ้นเล็กๆ ใสไวใ นตลับพลาสตกิ ลง ไปในเคร่อื งมอื ท่ีเรยี กวา tissue processor เครอ่ื งมือน้ีจะมโี ถใสน ํ้ายาหลายโถ นา้ํ ยาสว นใหญ เปนแอลกอฮอลท่ีมคี วามเขมขน ตา งๆ กนั และมี xylene, paraffin เหลว หลกั การของเครอ่ื งมอื น้ีคือการดงึ น้าํ ออกจากเซลลด ว ยความเขมขน ของแอลกอฮอลตา่ํ ไปจนถงึ absolute alcohol จากนั้นเปน xylene แลว แชอ ่ิมชน้ิ เน้อื ดว ย paraffin เหลวหรือ paraplast • Embedding คือข้ันตอนที่นําตลบั ชน้ิ เน้ือทผี่ า นเคร่ือง tissue processor แลวมาใส paraffin ลงไป จนในทีส่ ดุ ชน้ิ เนอ้ื จะถกู ฝง (embed) ดวย paraffin แข็งและสามารถนาํ ไปตัดเปน ช้นิ บางๆ ได • Sectioning คือการตดั ชิ้นเนือ้ ที่ฝง ใน paraffin แขง็ เปนช้นิ บางๆ เม่อื นกั วทิ ยาศาสตรต ัดช้ินเนือ้ เปนชนิ้ บางๆ แลว จะนําไปลอยในอา งน้ําอุน (water bath) เพ่ือทาํ ให paraffin หลอมเหลว แลว ใชส ไลดแกว ชอ นช้นิ เนอื้ แผนบางๆ นน้ั จากน้ันนาํ สไลดผ งึ่ ใหแ หงและนาํ ไปอบ • Staining คือขั้นตอนการยอมสสี ไลดช ิน้ เนือ้ ดวยสี Hematoxylin & Eosin stain (H&E) • Mounting คือการหยด mounting media บนสไลดท ่ยี อ มสเี สร็จแลวปดดวย cover slip • Analyse คอื ขน้ั ตอนการอานวเิ คราะหผลโดยพยาธแิ พทย • Report คือการรายงานผลการตรวจวิเคราะห สรุปแลวระยะเวลาตัง้ แตรบั สิ่งสง ตรวจจนยอ มสไลดเสรจ็ ใชเ วลาประมาณ 24 ชว่ั โมงเปนอยา งตํา่

ชนิ้ เน้ือในตลับ เครื่อง tissue processor paraffin block sectioning ชิน้ เนอ้ื ในอางน้ําอนุ ยอมสี H&E (ท่มี า ภาควชิ าพยาธวิ ทิ ยา คณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยนเรศวร พษิ ณโุ ลก)

2. งานเซลลวิทยา (Cytology) เปน งานตรวจเซลลท ไ่ี ดจ ากสารนํา้ ไดแก นํ้าจากชองตาง ๆ ภายใน รา งกาย (เชน นาํ้ จากชอ งปอด) สารคัดหล่งั เสมหะ นํ้าลา งทางเดินหายใจ หรือเซลลเ นอ้ื ผวิ ทีห่ ลุดลอก เชน เซลลจากปากมดลกู ทเ่ี รยี กวา การตรวจ Pap smear รวมถึงเซลลท ่ีไดจ ากการใชเ ข็มเล็กเจาะดดู ออกมาจากตวั กอ นหรอื ชนิ้ เนือ้ ผดิ ปกติท่ีตรวจพบ (Fine needle aspiration; FNA) เชน กอนจากเตานม โดยตรวจดวู า มีเซลลผ ดิ ปกติหรือเซลลม ะเรง็ หรือไม สง่ิ สง ตรวจท่ีเปน สารคัดหล่ังเชน น้ําจากไขสนั หลงั นาํ้ จากชอ งปอด ชอ งทอง เมอื่ เกบ็ ไดแ ลว ตอ งรีบนําสง หอ งปฏิบตั ิการพยาธวิ ิทยากายวภิ าคทันที เพราะถา ทิง้ ไวน านเซลลจ ะเสื่อมสภาพซงึ่ มผี ล ตอ การวินจิ ฉยั หากไมส ามารถสงตรวจไดท ันทีใหเก็บไวในตเู ยน็ 4 องศาเซลเซียส สิ่งสง ตรวจทเ่ี ปน สารนา้ํ เหลานจี้ ะตอ งนาํ มาปน แลว นําสว นท่เี ปน เซลลตกตะกอนมาเสมยี ร fix ดวย 95% ethyl alcohol ยอ มดวย Pap stain (Papanicolaou stain) สว นส่ิงสง ตรวจทีไ่ ดจ ากเสมยี ร( smear)หรอื FNA ใหร บี แชแผนสไลดใน 95% ethyl alcohol ทนั ที และแชไ วอ ยางนอ ยสองช่วั โมงกอ นท่จี ะนําสไลดไ ปยอ มสี Pap stain AB การเจาะดดู ดว ยเขม็ เล็ก การตรวจภายในดวยวิธดี ้งั เดมิ (Pap smear) (A: ทม่ี า http://www.waent.org/archives/2009/vol2-1/thyroid-nodules) (B: ทมี่ า http://www.hpb.gov.sg/HOPPortal) Fix smear with 95% alcohol Pap stain (ที่มา ภาควชิ าพยาธิวทิ ยา คณะแพทยศาสตร มหาวทิ ยาลัยนเรศวร พษิ ณโุ ลก)

3. งานตรวจศพ (Autopsy หรือ Postmortem examination)เปนการผา ตรวจพยาธิสภาพของรา งกาย ผปู ว ยท่เี สียชวี ติ แลวการผาศพของพยาธิแพทยเรยี กวา การผา ศพทางวชิ าการซงึ่ จะทาํ เพอื่ คน หาสาเหตุ ของการเสยี ชวี ิต และเปนการตรวจสอบวา การวินจิ ฉยั โรคและการรกั ษาในขณะทผ่ี ปู ว ยมชี วี ิตอยนู นั้ เปน อยางไรการตรวจศพนถี้ อื วา เปนแหลง ขอมลู ที่มปี ระโยชนยง่ิ ในทางการแพทยเพอื่ ใหแ พทยน ําไปใชใ น การดูแลรักษาผูป วยรายตอไปวิธีการผาศพทางวิชาการโดยทว่ั ไป คอื พยาธิแพทยและเจา หนาทชี่ ว ยผา ศพ จะทาํ การผา เปด ตรวจอวยั วะภายในตง้ั แตกระโหลกศีรษะจนถงึ ชองทอ ง เพ่ือตรวจหาสิ่งผดิ ปกตทิ ี่ เห็นดว ยตาเปลา และเก็บตวั อยางช้ินเนื้อเพือ่ ทาํ สไลด ดว ยขัน้ ตอนเดยี วกบั การตรวจช้นิ เน้ือศลั ยกรรม สุดทา ยพยาธแิ พทยจะสรุปส่งิ ทตี่ รวจพบ อนั เปนสาเหตุของการเสียชีวติ ในผปู ว ยโดยท่วั ไปการผาศพ ผูใหญหน่งึ รายใชเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง พยาธิวิทยาคลนิ ิก หรอื เวชศาสตรชนั สูตร (อังกฤษ: Clinical pathology หรือ Laboratory Medicine) เปน การแพทยเ ฉพาะทางทเ่ี กย่ี วกบั การวินจิ ฉัยโรคโดยอาศัยการวเิ คระหท างหองปฏิบตั กิ ารทางการแพทย จากส่ิงสงตรวจเชน สารน้ําในรา งกายเลอื ด หรอื ปสสาวะ โดยอาศัยความรูทางเคมีคลนิ กิ จุลชวี วิทยา คลินกิ โลหติ วทิ ยา และพยาธิวิทยาโมเลกลุ (molecular pathology) ซงึ่ แพทยด านนจี้ ะทํางานรว มกนั กบั นักเทคนิคการแพทย วชิ าพยาธวิ ทิ ยาคลินกิ เปน ศาสตรทีเ่ กี่ยวกบั การใชก ารตรวจทางหอ งปฏบิ ตั กิ ารทางการแพทย เพ่อื ชวยในการวนิ ิจฉัยโรค ตรวจติดตามโรค ตลอดจนประเมนิ ผลการดูแลรักษาผูปว ยความเขา ใจใน เนอื้ หาวชิ าของศาสตรอ ยา งลกึ ซงึ้ จะชวยแพทยใ นการเลอื กการทดสอบไดอยา งถูกตอ งเหมาะสมแปลผล การทดสอบไดต รงตามความจริง และวเิ คราะห รวบรวมขอ มลู ทางหอ งปฏิบตั กิ ารไดเ พือ่ นําไปใชเ ปน เครือ่ งมือที่มีประสิทธิภาพในการดแู ลผูปว ยตวั อยางเชน การตรวจระดบั นํา้ ตาลในเลอื ดเพือ่ ดูวา เปน เบาหวานหรือการตรวจดกู ารทาํ งานของไต ตบั ในบางกรณียังสามารถวนิ จิ ฉยั โรคที่ผปู วยเปนกอนท่จี ะ แสดงอาการไดดวย เชน ผปู ว ยท่รี บั การตรวจรางกายประจาํ ป แลวพบวา ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสงู กวาปกตโิ ดยไมม อี าการใดๆ แพทยผูดแู ลจะไดใ หการรักษาแตเนน่ิ ๆกอ นทีจ่ ะปรากฏอาการอนั เนื่องมาจากโคเลสเตอรอลสูงในภายหลัง พยาธิวิทยาคลินกิ แบง ออกไดอ กี เปน สาขาวิชายอ ยหลกั ๆ ไดแ ก เคมีคลนิ กิ (clinical chemistry),  โลหิตวทิ ยาคลนิ กิ (clinical hematology), เวชศาสตรการบรกิ ารโลหติ หรือธนาคารเลือด และจลุ ชวี วิทยา คลินกิ ทัง้ นข้ี ้นึ อยกู ับความพรอ มและบุคลากรของแตละสถานบรกิ าร นิติเวช (Forensic medicine) เปน วชิ าท่ีใชว ชิ าการความรวู เิ คราะหสาเหตแุ หง ความตายวาเกิด จากโรคภยั ใด อาวธุ ประเภทใด ภาวะความผดิ ปกตขิ องรางกายหรือบาดแผลตามรา งกายซง่ึ อาจใชบ ง บอกความผดิ ปกตทิ เี่ กดิ ข้นึ กอ นหรือหลงั ความตาย รวมถึงสิง่ ทที่ าํ ใหเกดิ ความตาย เชน ตายกอ นจมน้ํา หรอื จมนํา้ ตาย โดนวางยาหรอื ฆาตวั ตายเอง เปนตน

การผาศพทางนติ เิ วชจะทําการผา ศพทเี่ กย่ี วขอ งกบั คดหี รอื ศพทีต่ ายผดิ ธรรมชาตจิ ะทาํ การผา โดยนิติเวชแพทยห รือนติ พิ ยาธแิ พทย ศพทีต่ ายผิดธรรมชาติไดแก ฆา ตัวตาย ถกู ผอู น่ื ทาํ ใหต าย ถกู สัตว ทํารายตาย ตายโดยอบุ ตั ิเหตุ และตายโดยยงั มปิ รากฏเหตุ การผาศพทางนิติเวชก็ทําคลา ยกับการผาศพ ทางวิชาการ แตจ ะมเี รื่องของการเกบ็ วตั ถุพยาน เชน การเกบ็ อาหารในกระเพาะ เกบ็ เลอื ด สารคัดหลัง่ ตางๆ เพือ่ ตรวจหาสารพษิ หรอื สง ตรวจดีเอน็ เอ หรืออาจตอ งมกี ารเอ็กซเรยดูตาํ แหนง ของกระสุนปน เปนตน ลักษณะทางกายภาพของศพจะชว ยบอกเริม่ ตนวาเปน การตายธรรมดาหรือฆาตกรรม อนั นําไปสกู ารพสิ ูจนคนหาผกู ระทาํ ความผิดและนาํ ไปลงโทษโดยตาํ รวจ แพทยน ิติเวช (forensic doctor) ตองมีความเชย่ี วชาญดา นกายภาพ พยาธสิ ภาพ ลกั ษณะโรคและบาดแผลท่ีทําใหเ กดิ บาดเจ็บหรือตาย และตอ งไปดสู ถานที่เกิดเหตุ (scene investigation) รวมกับตํารวจดวย เพราะความรูเหลาน้จี ะเปน ประโยชนตอตํารวจในการแยกแยะคดีอยา งเหมาะสม นอกจากนใี้ นบางครั้งนิตเิ วชแพทยยงั ตองไปเปน พยานศาลอกี ดว ย สวนพยาธแิ พทยทีศ่ กึ ษาเฉพาะทางดานนติ เิ วชศาสตรจ ะเรยี กวา นิตพิ ยาธแิ พทย (Forensic pathologist) เอกสารอางอิง 1. ตําราเรียนพยาธวิ ทิ ยาทวั่ ไป ภาควิชาพยาธวิ ิทยาและนิตเิ วชศาสตร คณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลยั นเรศวร 2551. 2. Kumar V, Abbas AK, Fausto N, Aster JC. Robbins pathologic basic of disease, 8th ed. Philadelphia: Elsevier. Saunder, 2010. 3. Kumar V, Abbas AK, Fausto N. Robbins pathologic basic of disease, 7th ed. Philadelphia: ElsevierSaunder, 2005. 4. Underwood JCE. General and Systemic pathology, 3rd ed. Churchill Livingstone. 2000. 5. Rubin E, Gorstein F, Schwarting R, Rubin R, Strayer D. Rubin’s pathology: Clinicopathologic foundations of medicine, 4th ed. Lippincott Williams & Wilkins, Philadelphia, 2005.

แบบฝกหัด 1. คาํ วาพยาธวิ ทิ ยาหมายถงึ อะไร 2. General pathology คอื การเรยี นเกย่ี วกบั อะไร 3. Etiology หมายถึงอะไร 4. Pathogenesis หมายถงึ อะไร 5. Prognosis หมายถงึ อะไร 6. Frozen section หมายถึงอะไร 7. นํ้ายาทใ่ี ชค งสภาพชนิ้ เน้ือทต่ี ัดจากผปู ว ยคอื อะไร 8. เสมียรที่ไดจ ากการตรวจภายในตองแชในนาํ้ ยาคงสภาพชนดิ ใด 9. ธนาคารเลอื ดเปนงานบรกิ ารของพยาธิแพทยสาขาใด 10. การผา ชันสูตรศพทต่ี ายจากสัตวทํารายเปน งานของแพทยส าขาใด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook