Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore _ปีการศึกษา 2563

_ปีการศึกษา 2563

Published by sukhita5926, 2021-02-22 02:07:41

Description: _ปีการศึกษา 2563

Search

Read the Text Version

โครงงานคุณธรรม ประจาปี การศึกษา 2563 กจิ กรรมหนง่ึ ห้องเรยี น หน่ึงโครงงานคณุ ธรรม โรงเรียนทุ่งกว๋าววทิ ยาคม อาเภอเมืองปาน จงั หวดั ลาปาง สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาลาปางเขต 35

โครงงานคณุ ธรรมต้านทุจรติ ปีการศึกษา 2563 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1/1 ทาอย่างไร ใหน้ ักเรียนชน้ั ม.1/1 ทาการบา้ น How getting students to do homework ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1/2 \"Buddy ชว่ ยคิด ชวนเรียน\" Buddy thinks about learning together. ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2/1 \" จิตอาสาเพ่อื นสอนเพ่ือนพัฒนาการเรียนร\"ู้ Peer Assisted-Learning Development Volunteers ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 ม.2/2 เพ่ือนช่วยเพือ่ น .ร่วมเรยี นร่วมรไู้ ปดว้ ยกนั . m2/2 helping each other learn and know together ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ม.3/1 พากันคดิ ชวนกันเรียน เพยี รศกึ ษา Thinking For Education. ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3/2 เพื่อนสอนเพื่อน Friend help me. ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/ เพ่ือนช่วยเพอื่ น Peer-assisted Activities ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/2 ม่งุ ม่นั ขยันเรียน For my will and hard worker ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 ม.5/1 รว่ มใจใส่ใจอนาคต Care for the future ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5/2 ฉันเตือนเพ่ือน I Remind My Friend ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ชว่ ยเพ่ือนเรยี นรู้ส่อู จั ฉริยะ BFF.Best Friends Forever, Learning for the genius. ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6/2 คณิตศาสตรป์ ๎นสุขสู่ ผลO-NET (Mathematics share happiness o-net)

การออกแบบโครงงานคุณธรรม ช่อื โรงเรยี นทุ่งกวา๋ ววทิ ยาคม สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 35 *************************************************** 1.ชือ่ โครงงาน ทาอย่างไรใหน้ ักเรียนช้ัน ม.1/1 ทาการบา้ น How getting students to do homework 2. ความสาคัญของปญั หา นกั เรยี น ม.1/1 มีปญ๎ หาไม่ทาการบา้ นส่งครู เน่ืองจากทาไม่ได้ และข้ีเกียจทา เหตุเพราะว่าเวลาเรยี น ไม่ตัง้ ใจและไม่มสี มาธิ ใจจดจ่ออยู่กบั สง่ิ อืน่ เมื่อครผู สู้ อนสง่ั การบา้ น หรอื ให้ทาแบบฝกึ หัดก็มกั จะทาไม่ได้ ทาใหส้ ่งการบา้ น ช้า หรือไม่สง่ ทาให้ครูประจาวิชาหกั คะแนน ดงั นัน้ นักเรียนชน้ั ม.1/1 จึงร่วมกันวิเคราะห์ถงึ ป๎ญหาทเี่ ป็นต้นเหตขุ องการ ไม่ทาการบ้าน และชว่ ยกันแก้ไขป๎ญหาน้นั จนนาไปสู่การเป็นนกั เรียนทม่ี ีคณุ ภาพ 3. วตั ถปุ ระสงค์ 3.1 เพือ่ ทราบปญ๎ หาท่ีทาใหน้ ักเรยี นไม่ทาการบ้าน 3.2 เพื่อได้แนวทางการแก้ป๎ญหาในดา้ นการเรยี น 3.2 เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นทาการบ้านและส่งการบ้านทุกครงั้ ตรงตามเวลา 4. กลุ่มเป้าหมาย 4.1 เชงิ ปรมิ าณ นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 15 คน 4.2 เชงิ คุณภาพ นักเรียนร้อยละ 100 ทาการบ้านและสง่ การบา้ นทุกคร้งั ตรงตามเวลา 5. แผนการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 วิธีการดาเนนิ งาน ที่ ชอื่ กจิ กรรม วธิ กี ารดาเนินงาน 1. วางแผนจัดการ - นักเรียนรว่ มกนั อภปิ ราย คิดวเิ คราะห์ดสู ภาพปญ๎ หาในปจ๎ จุบัน ที่ นักเรยี นพบ - สร้างความเข้าใจ เพือ่ ให้เพื่อนเหน็ ความสาคัญของป๎ญหา - ตง้ั ชอื่ โครงงาน - แต่งตั้งผ้รู บั ผิดชอบโครงงาน - ประชมุ วางแผนกาหนดวนั เวลา ในการดาเนนิ โครงงาน - นามติในทีป่ ระชมุ เขา้ หารือกับครทู ่ปี รึกษาโครงงานเพื่อหา แนวทางในการปฏิบัติ 2. ทดลองทาดู - ประชมุ เพื่อรับทราบกาหนดการ วนั เวลา และระยะเวลาในการ ดาเนินโครงงาน - ทาการประชาสมั พันธก์ ิจกรรม โดยผา่ นหัวหนา้ ห้องเรยี น - ออกแบบและสรา้ งแบบสอบถาม

ที่ ช่อื กิจกรรม วิธกี ารดาเนินงาน - มกี ารประชมุ สรปุ โครงงานทุกวันศกุ ร์ นาป๎ญหาและแนวทางการ แก้ไขจากท่ปี ระชมุ มาเปน็ ประสบการณเ์ พ่ือใช้ในการขับเคล่ือนการ ทาโครงงานต่อไป 3. ตรวจสอบเข้าใจ - มีประชมุ สรุปงาน ประชมุ แบบประเมินงานและวเิ คราะห์ถึง ภาพรวมของงาน พร้อมทั้งรับฟ๎งข้อเสนอแนะจากนักเรียนแกนนา หวั หน้ากลุม่ และหวั หน้าหอ้ งในเรื่องปญ๎ หาท่ีพบ เพื่อหาแนวทางใน การปรบั ปรุง เพื่อใช้ในการดาเนินงานในโครงงานถัดไป - ครทู ี่ปรึกษาโครงงานให้การดแู ล กากบั ติดตาม เสนอแนะ นเิ ทศ ตรวจสอบการดาเนนิ โครงงานของนักเรยี น - นกั เรยี นแกนนาทาสรปุ โครงงานส่งครทู ่ปี รึกษา หลงั ดาเนิน โครงงานเสร็จสน้ิ 4. ปรับปรุงพฒั นา - เม่ือทราบท่ีมาของปญ๎ หาให้นกั เรียนแกนนานาป๎ญหาหารือกับครู ทป่ี รึกษาโครงงานเพอ่ื หาแนวทางในการแก้ป๎ญหาทัง้ น้จี ะต้องมี การจดบันทึกเป็นการเสนอแนะเพื่อปรบั แนวทางในการเข้าร่วม โครงงานในปถี ดั ไป - วิเคราะหผ์ ลการประเมินในเรอื่ งความสามารถและความ เหมาะสมของระยะเวลาการดาเนินงาน - วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากการจดั โครงงาน ตามวัตถุประสงคท์ ว่ี างไว้ 5.2 ปฏิทนิ การดาเนนิ งาน ท่ี กจิ กรรมการดาเนินงาน ระยะเวลาการ หมายเหตุ ดาเนนิ งาน 1 วางแผนจัดการ 2 ทดลองทาดู กันยายน พ.ศ.2563 ถงึ 3 ตรวจสอบเขา้ ใจ มกราคม พ.ศ.2563 4 ปรบั ปรงุ พฒั นา 5.3 งบประมาณ - บาทแหล่งงบประมาณ –

6. หลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่นี ามาใช้ อิทธิบาท 4 อธบิ ายหลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ อทิ ธิบาท 4\" เป็นแนวทางการเรยี น การทางาน ให้ประสบความสาเรจ็ ทีพ่ ระพทุ ธองค์ไดท้ รงสดบั ไว้อยา่ งแยบคลาย อันประกอบด้วยแนวปฏบิ ัติ 4 ข้อ คือ ฉันทะ วริ ิยะ จิตตะ วิมงั สา 1) ฉนั ทะ คอื การมีใจรักในส่งิ ที่ทา ใจทรี่ ักอันเกดิ จากความศรัทธาและเชอื่ ม่นั ต่อส่งิ ทที่ า จงึ จะเกิดผลจรงิ ตามควร 2) วิริยะ คือ ความมุ่งม่ันทมุ่ เท เปน็ ความม่งุ มั่นทมุ่ เททั้งกายและใจ ทจี่ ะเรียนรแู้ ละทาให้เขา้ ถึงแกน่ แทข้ องส่งิ น้นั เรือ่ งน้ัน 3) จติ ตะ คือ ใจทีจ่ ดจ่อและรับผดิ ชอบ เมื่อมีใจทจี่ ดจ่อแลว้ กจ็ ะเกิดความรอบคอบตาม 4) วิมงั สา คอื การทบทวนในส่งิ ทไี่ ด้คิดได้ทามา อนั เกดิ จาก การมีใจรัก (ฉนั ทะ) แลว้ ทาด้วยความม่งุ มัน่ (วิริยะ) อยา่ งใจจดใจจ่อและรับผดิ ชอบ (จิตตะ) อธิบายการนาแนวคดิ ของหลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดารไิ ปประยกุ ตใ์ ช้ เริม่ จากมีใจรักในสง่ิ ท่ีทา ศรัทธาและเช่อื ม่นั ต่อการเรยี น มีความมงุ่ มั่นทุ่มเท เป็นความมุ่งมัน่ ทุ่มเทท้ังกายและใจ ทีจ่ ะเรยี นรแู้ ละทาใหเ้ ข้าถงึ แก่นแทข้ องเรอื่ งทีเ่ รียน มใี จท่จี ดจอ่ และรบั ผิดชอบในส่ิงที่ครูมอบหมาย และทบทวนในสงิ่ ท่ีได้ คดิ ได้ทามาอยเู่ ป็นประจา 7. ความเช่ือมโยงสู่คณุ ธรรมอัตลักษณข์ องโรงเรยี น 7.1 คุณธรรมเปา้ หมาย ใฝเุ รยี นรู้ 7.2 พฤตกิ รรมบ่งชี้เชิงบวก นักเรียนช้ัน ม.1/1 ทาการบา้ นและส่งการบา้ นทกุ คร้งั ตรงตามเวลา 8. วิธีการวัดและประเมนิ ผล 8.1 ตวั ชว้ี ดั นกั เรียนชั้น ม.1/1 ทาการบ้านและสง่ การบ้านทุกคร้งั ตรงตามเวลา 8.2 วธิ กี ารประเมนิ แบบสอบถาม, บันทึกการสง่ การบ้าน 8.3 เครอ่ื งมือในการประเมนิ แบบสอบถาม, แบบบันทึกการสง่ การบ้าน 8.4 ช่วงเวลาในการประเมิน กันยายน พ.ศ.2563 ถึง มกราคม พ.ศ.2563 9. ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั 9.1 ทราบปญ๎ หาทท่ี าใหน้ กั เรียนไม่ทาการบา้ น 9.2 ไดแ้ นวทางในการแกป้ ๎ญหาในด้านการเรียน 9.2 นกั เรียนทาการบา้ นและส่งการบา้ นทุกครงั้ ตรงตามเวลา 10. ทป่ี รกึ ษาโครงงานคณุ ธรรม 10.1 พระสงฆ์/ผู้นาศาสนาทป่ี รกึ ษา - 10.2 ผู้บริหารท่ีปรกึ ษา นายศานติกรศิ์ วงคเ์ ขยี ว 10.3 ครูท่ีปรกึ ษา นายปรชั ญา จนั ทรแ์ ก้ว นางสาวสนุ ิสา สุพันธ์

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม ช่อื โรงเรียน ทุ่งกวา๋ ววิทยาคม จังหวดั ลาปางสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษาเขต 35 1. ช่อื โครงงานคณุ ธรรม Buddy ช่วยคิด ชวนเรยี น (Buddy thinks about learning together) 2. ความสาคญั ของปัญหา ความร้สู ึกว่าตนเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชนั้ เรียนและการเรยี นแบบรว่ มมือกัน เป็นป๎จจัยทางสังคมที่ทาให้คนๆ หนึ่ง ประสบความสาเร็จในการเรียน การจัดการเรียนในห้องเรียนท่ีแบ่งเวลาออกเป็น 2 ส่วน คือ เวลาสาหรับปฏิสัมพันธ์ กับเพอื่ น และเวลาสาหรับอยู่กับตนเองครึ่งหน่ึง ซึ่งสามารถทาได้โดยให้นักเรียนทางานร่วมกัน พร้อมกับมีส่วนร่วมใน ชน้ั เรียน ผา่ นวิธจี ดั การเรยี นรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน (interdependency) มีผลงานวิจัย ยนื ยนั คุณคา่ ของการมเี พอื่ นคอยช่วยเหลือกันในการเรียน นักเรียนที่มีผลการเรียนดี เป็นคนท่ีมีและให้คุณค่ากับการมี เครอื ข่ายของเพือ่ นคอยชว่ ยเหลอื กัน ชว่ งเปดิ ภาคเรยี นต้นปกี ารศึกษา พวกเรานักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/2 ต่างจบช้ันประถมศึกษามาจากหลาย ๆ โรงเรียน ในชว่ งแรกยังไม่รู้จัก คุ้นเคยกัน และยังต้องปรับตัวกับการมาเรียนในสถานศึกษาใหม่ ทาให้นักเรียนหลายคน รสู้ กึ กังวลใจ ขาดแรงบนั ดาลใจในการเรยี น บางคร้งั ไม่เขา้ ใจบทเรียน ก็ไม่กล้าถามหรือปรึกษาใคร จึงมีแนวคิดว่าหากมี เพ่ือนคู่หูท่ีเรียกว่า Buddy เป็นเกลอร่วมเรียน ช่วยเหลือกัน ให้ตนเองและเพื่อนประสบความสาเร็จในการเรียน ดว้ ยกนั จึงไดร้ ว่ มกันจัดทาโครงงานคณุ ธรรม Buddy ช่วยคิด ชวนเรียน ข้นึ 3. วัตถุประสงค์ 3.1 เพื่อให้นกั เรียนมีเพ่อื นสนทิ ที่คอยดูแล ช่วยเหลอื กนั ดา้ นการเรียนและความประพฤติ 3.2 เพื่อฝกึ ใหน้ ักเรียนได้เรยี นรูก้ ารอยู่ร่วมกบั ผอู้ ืน่ และการมีปฏิสัมพันธ์กบั เพ่ือน 3.3 เพื่อให้นกั เรยี นประสบความสาเรจ็ ในการเรยี น 4. กลุ่มเปา้ หมาย 4.1 เชงิ ปริมาณ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1/2 จานวน 16 คน จับคู่ Buddy จานวน 8 คู่ 4.2 เชิงคณุ ภาพ นกั เรยี นคู่ Buddy รัก สามัคคี หว่ งใย ดแู ล ช่วยเหลือพ่ึงพาซึ่งกันและกัน ใหท้ งั้ ตนเองและเพอ่ื นประสบความสาเร็จในการเรยี นด้วยกนั 5. แผนการดาเนินโครงการ 5.1 วธิ ีดาเนนิ งาน ที่ ชอ่ื กิจกรรม วธิ ดี าเนินงาน 1 กระชบั มิตร แ น ะ น า ตั ว / พู ด คุ ย ท า ค ว า ม รู้ จั ก / แ ล ก เ บ อ ร์ โทรศพั ทแ์ ละอเี มลกนั 2 จับคBู่ uddy ชว่ ยคิด ชวนเรยี น เลือกจับคู่เพื่อนที่รู้ใจวิธีการจับคู่ ต้องให้ได้คู่ท่ี เป็นคน “คอเดียวกัน” มีความสนใจหรือ เปูาหมายชีวิตคล้ายๆ กัน โดยครูให้เขียน

ท่ี ชือ่ กิจกรรม วิธดี าเนินงาน เรียงความส้ันๆ บอกความสนใจ ความคลั่งใคล้ แล้วครูนามาแยกกลุ่ม เพื่อจัดให้นักเรียนได้เกลอ ทีม่ ีจริตคลา้ ยกนั ไปกันได้ 3 คสู่ ญั ญา นักเรียนคู่หู Buddy ร่วมกันกาหนดข้อตกลงหรือ สัญญาใจในการชว่ ยคดิ ชวนเรยี น ดงั นี้ 1) ต้องรกั สามัคคีกัน หว่ งใยกัน 2) รว่ มด้วยชว่ ยกันทางาน 3) ชว่ ยเหลือดูแลกัน 4) สอนการบา้ น/ไมล่ อกการบา้ นกนั 5) เกบ็ งานให้เพอื่ นเมอื่ เพื่อนขาดเรยี น 6) ติดตามเมื่อเพอ่ื นไมเ่ ขา้ เรียน หรือขาดเรยี น 7) ถามไถ่ ทกุ ข์สขุ รบั ฟ๎งปญ๎ หา 8) ซอื่ สัตย์ต่อเพื่อนและผู้อน่ื 9) ไม่ทะเลาะกนั 4 ทาตามสัญญา นกั เรียนคู่หู Buddy ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง ให้คู่หู Buddy ร่วมเรียนนั่งด้วยกันในห้องเรียน แชร์สาระเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทาหน้าท่ีให้ กาลังใจซ่ึงกันและกัน และคอยเอาใจใส่ ความก้าวหน้าในการเรียนของอีกฝุายหน่ึง โดย อาจนาไปหารือกับครูหรือพ่อแม่ของท้ังสองฝุาย หลังจากมีผลการทดสอบออกมาควรให้เวลาคู่หู รว่ มเรยี นได้ปรกึ ษากนั กรณที ี่เกดิ ป๎ญหาข้นึ กับเพอ่ื นคู่ใด กใ็ หม้ ีการ ทบทวนสัญญา โดยการปรบั ความเขา้ ใจกัน และใช้ “ตวั ชว่ ยเชื่อมใจ” คือเพอื่ นในห้องและครู ท่ปี รึกษา 5 สะท้อนคิด คูใ่ จ บอกเล่าความรูส้ กึ ของเราใหเ้ พื่อนคหู่ ฟู ง๎ ในการมีเพอื่ นคหู่ ูดูแลชว่ ยเหลือซ่ึงกันและกัน ผลสาเร็จของการเรียนได้ผลเปน็ อยา่ งไรและจะ ปรบั ปรุงการเรยี นต่อไปอย่างไร 6 สรปุ รายงานโครงงาน/ประเมินผลโครงง่าน

5.2 ปฏทิ ินการดาเนนิ งาน ที่ กจิ กรรมดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนนิ งาน หมายเหตุ 1 ประชุมชี้แจงการดาเนินงานโครงงาน 3 ก.ค. 2563 คณุ ธรรม 2. จุดประกายความคิด /กาหนดป๎ญหา/ 10 ก.ค. 2563 เลอื กหวั ขอ้ โครงงานคณุ ธรรม 3 ออกแบบโครงงาน 17 ก.ค. 2563 4 ลงมือปฏิบัติโครงงาน 24 ก.ค. 2563 - 31 มี.ค. - กจิ กรรมกระชบั มิตร 2564 -กิจกรรมจบั คBู่ uddy -กิจกรรมคสู่ ัญญา -กิจกรรมทาตามสัญญา -กิจกรรมสะท้อนคิด คูใ่ จ 5 สรปุ /รายงานโครงงาน 2 เม.ย.2564 6 นาเสนอ/แลกเปล่ยี นเรียนรโู้ ครงงาน 9 เม.ย 2564 5.3 งบประมาณ – บาท แหลง่ งบประมาณ - 5.4 หลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่ีนามาใช้ หลกั ธรรมอทิ ธบิ าท 4

พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอน นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1/2 จะยึดม่ัน หลักธรรมอิทธิบาท 4 และน้อมนาหลักการทรงงานของในหลวง รัชการลที่ 9 ในการดาเนินงานโครงงาน ด้วยความมุ่งมั่น รักที่จะทา พยายามและต้ังใจทาให้สาเร็จด้วยการ วางแผนรว่ มกนั อยา่ งรอบคอบและร่วมกันดาเนินโครงงานรว่ มกนั รกั สามคั คี ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ให้ทั้งตนเอง และเพือ่ นประสบความสาเร็จในการเรียนด้วยกัน 7.ความเชื่อมโยงสู่คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน 7.1 คุณธรรมเป้าหมาย ใฝุเรียนรู้ และ ความซ่ือสตั ย์สุจริต 7.2 พฤติกรรมบ่งช้เี ชงิ บวก 1. ตง้ั ใจศึกษาเล่าเรียน 2. ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ 3. สอนการบา้ นเพ่ือน ช่วยเหลือกันสง่ งานครบ 4. ผลการเรียนอย่ใู นระดับปกติ ผ่านเกณฑ์ 8. วิธีการวดั และประเมนิ ผล 8.1 ตวั ช้ีวัด นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1/2 รอ้ ยละ 80 มผี ลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ การใฝเุ รียนรอู้ ยู่ในระดับ ดี ขึ้นไป 8.2 วธิ กี ารประเมนิ การสงั เกตคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ในรายวิชาทีเ่ รียน 8.3 เครื่องมือในการประเมิน แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ : ใฝุเรยี นรู้

8.4 ช่วงเวลาในการประเมิน ระยะท่ี 1 หลงั การสอบปลายภาคเรียนท่ี 1 ระยะท่ี 2 หลงั การสอบปลายภาคเรยี นท่ี 2 9. ผลท่ีคาดวา่ จะได้รบั 9.1 นกั เรียนมเี พื่อนสนทิ ทคี่ อยดแู ล ช่วยเหลอื กนั ด้านการเรียนและความประพฤติ 9.2 นกั เรียนสามารถอยู่รว่ มกบั เพือ่ นและผ้อู ่นื และการมีปฏสิ มั พนั ธท์ ่ดี ีกับเพ่อื น 9.3 นักเรยี นประสบความสาเรจ็ ในการเรียน 10. ทปี่ รึกษาโครงงานคณุ ธรรม 10.1 พระสงฆ/์ ผู้นาศาสนาท่ีปรกึ ษา - 10.2 ผูบ้ ริหารทป่ี รึกษา นายศานตกิ รศ์ วงคเ์ ขียว 10.3 ครูท่ีปรกึ ษา นายสรุ เดช ตือ้ ยศ นางสรญั ญา เรือนคา

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม ช่อื โรงเรียนทุ่งกวา๋ ววิทยาคม อาเภอเมืองปาน จังหวดั ลาปาง สังกัด สพม. 35 ************************************************* 1.ช่ือโครงงานคุณธรรม จิตอาสาเพ่ือนสอนเพื่อน พฒั นาการเรียนรู้ ( Peer Assisted Learning Development Volunteers) 2. ความสาคัญของปัญหา นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2/1 มคี วามคดิ ท่ผี ิดในการลอกแบบฝกึ หัดและการบ้านเพอื่ น สาเหตุเกิดจากการไม่ ตงั้ ใจเรียนในเวลาท่ีครสู อนและทางานไม่ได้ จงึ เกิดป๎ญหาการลอกแบบฝกึ หัดและการบ้านเพอ่ื น ซงึ่ ป๎ญหาดังกลา่ วถา้ ไม่รีบ แกไ้ ขก็อาจจะเกดิ ปญ๎ หาอย่างอืน่ ตามมามากมายเชน่ ทาข้อสอบไม่ได้ ผลการเรยี นไม่ดี การจดั ทาโครงงานนเ้ี พ่ือส่งเสริมให้นักเรยี นทางานด้วยตนเองโดยไม่ลอกเพ่ือนจะทาให้นักเรียนมจี ิตอสาและลด ค่านยิ มที่ผดิ เร่ืองการลอกแบบฝึกหัดและการทาการบา้ น ดังนั้นคณะผจู้ ดั ทาจงึ ได้จดั ทาโครงงานคณุ ธรรม จติ อาสาเพื่อนสอนเพ่อื น พัฒนาการเรยี นรู้ ( Peer Assisted Learning Development Volunteers) 3. วตั ถปุ ระสงค์ 3.1 เพื่อใหน้ ักเรยี นมีจิตอาสาในการชว่ ยผู้อน่ื ทางาน หรอื ทาแบบฝึกหัด 3.2 เพอื่ ให้นักเรยี นมีทักษะและมีประสิทธิภาพในการเรยี น 3.3 เพื่อใหน้ ักเรยี นมคี ุณธรรม 4. กลุ่มเปา้ หมาย 4.1 เชงิ ปริมาณ นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2/1 จานวน 19 คน 4.2 เชงิ คุณภาพ นกั เรียนมจี ติ อาสาในการชว่ ยผู้อ่ืนทางาน มที ักษะ มปี ระสิทธิภาพในการเรียน และมีความ ซื่อสัตย์

5. แผนการดาเนนิ งานโครงการ วิธีการดาเนนิ งาน 5.1 วธิ กี ารดาเนินงาน ในคาบวา่ งรวมกลมุ่ กนั และนาการบ้านหรอื ชิน้ งาน แบบฝึกหัด ตา่ งๆท่ีครูประจาวิชามอบหมายใหม้ าร่วมกนั ทาโดยมีเพื่อนท่ีมี ท่ี ชอ่ื กจิ กรรม ความเข้าใจหรือฝาุ ยการเรยี นเปน็ ผู้สอนหรอื อธิบายใหเ้ พ่ือน 1 สอนเพ่ือนกนั เถอะ 2 ใฝเุ รียน ใฝุรู้ ในเวลาพักกลางวนั หรือคาบว่างศกึ ษาเพ่ิมเติมเรื่องท่ีเรยี นจาก 3 จิตอาสาช่วยเพื่อน ยูทบู เมอ่ื เพอ่ื นทาแบบฝึกหัดหรืองานต่างๆไมไ่ ด้ เพ่อื นที่เรียนเก่งจะ ไปชว่ ยอธิบายและสอนเพื่อนใหเ้ ข้าใจ

5.2 ปฏทิ ินการดาเนินงาน ระยะเวลาดาเนินงาน หมายเหตุ ที่ กจิ กรรมดาเนนิ งาน 14 ก.ค. 2563 1 จัดต้ังคณะกรรมการแกนนาโครงงานคุณธรรม และประชุม วางแผน การดาเนินงานโครงงานคณุ ธรรม 10 กันยายน 2563 2 คณะกรรมการร่วมกนั ออกแบบโครงงานคุณธรรม นาเสนอรา่ งโครงงานคุณธรรมเพ่ือขอคาแนะนาจากครทู ี่ คาบว่าง ตลอดปี ปรึกษาโครงงานคุณธรรม การศึกษา 2563 3 ดาเนนิ กิจกรรมโครงงาน จติ อาสาเพ่อื นสอนเพื่อน พัฒนาการเรยี นรู้ 1. กจิ กรรมสอนเพื่อนกนั เถอะ 2. ใฝุเรยี น ใฝรุ ู้ 3. จิตอาสาชว่ ยเพื่อน 5 คณะกรรมการแกนนาโครงงานคณุ ธรรม หลังการดาเนนิ การ - ประชุมสรุปผลการดาเนนิ กจิ กรรม จดั โครงงาน - รายงานใหผ้ ู้บริหารทราบ มีนาคม 2564 - เผยแพรก่ ารดาเนินงานโครงงานคุณธรรม 5.3 งบประมาณ .....-..... บาท แหล่งงบประมาณ .................................................................................................................................... 6. หลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่ใี ช้ หลักธรรม อิทธบิ าท 4 หนทางสูค่ วามสาเรจ็ 1.. ฉันทะ การมีใจรักในส่งิ ที่ทา 2. วิริยะ ความขยันหมน่ั เพยี รในสงิ่ ทที่ า 3. จติ ตะ ความเอาใจใส่จดจ่อในส่ิงท่ีทา 4. วมิ ังสา ไตร่ตรอง ทบทวน หาเหตผุ ลในสิ่งทีไ่ ด้ทา

อธบิ ายการนาแนวคดิ ของหลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริไปประยุกต์ใช้ คณะกรรมการและแกนนาโครงงานทุกคนมีความปรารถนารักในส่ิงที่ทาร่วมกันแก้ป๎ญหานักเรียนลอกการบ้าน หรือลอกแบบฝึกหัด (ฉันทะ ) มีความพากเพียรท่ีจะช่วยกันทากิจกรรมในการแก้ป๎ญหา (วิริยะ) คอยติดตามพฤติกรรม การเรียน และเอาใจใส่ในการเรียนอย่างสม่าเสมอ (จิตตะ) และการทางานจะต้องมีการประชุมปรึกษากัน ทบทวนเพ่ือ แกป้ ญ๎ หาให้สาเร็จ (วมิ งั สา) พระบรมราชโชวาท “...ความซอ่ื สัตย์ สจุ รติ เป็นพื้นฐานของความ ดที ุกอย่าง เด็กๆ จงึ ตอ้ งฝกึ ฝนอบรมให้ เกิดมีขึน้ ในตนเอง เพอ่ื จักได้ เติบโตขึน้ เป็นคนดีมี ประโยชน์ และมีชีวิตท่สี ะอาดท่ีเจริญมั่นคง” ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท พระราชทานเน่ืองในวนั เด็กแห่งชาติ ปี 2531 7. ความเช่ือมโยงสูค่ ุณธรรมอตั ลักษณข์ องโรงเรียน 7.1 คณุ ธรรมเปาู หมาย นักเรียนมีจติ อาสา ใฝุเรียนใฝรุ ู้ และมีความซอื่ สัตย์ 7.2 พฤติกรรมบง่ ชี้เชงิ บวก นักเรียนทาการบ้านด้วยตนเอง ไมล่ อกเพ่ือน และใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ 8. วธิ ีการวัดและประเมิน 8.1 ตัวชี้วัด นักเรยี นมจี ติ อาสา ใฝเุ รียนใฝรุ ู้ และมคี วามซ่ือสัตย์ ทาการบ้านดว้ ยตนเองร้อยละ 80 8.2 วิธีการประเมนิ การสังเกตพฤติกรรม 8.3 เคร่อื งมือ แบบสังเกต 8.4 ชว่ งเวลาในการประเมนิ ประเมนิ ผลหลังเสร็จสน้ิ การดาเนินงานโครงงานคุณธรรม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 9. ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 9.1 นักเรยี นมีทกั ษะและประสทิ ธิภาพในการทางาน 9.2 นกั เรียนมีจิตอาสา และมีความซ่ือสตั ย์ 9.3 นักเรยี นใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 10. ที่ปรกึ ษาโครงงาน 10.1 พระสงฆ์ ท่ปี รึกษา พระครพู ิพัฒน์ วิรยิ คุณ 10.2 ผบู้ ริหารทป่ี รกึ ษา นายศานติกรศ์ิ วงค์เขยี ว 10.3 ครูท่ีปรึกษา 1. นายสถิตย์ ขาวปอน 2. นางสิรภิ างค์ ขาวปอน 11. ผูร้ บั ผดิ ขอบโครงงาน นกั เรยี นชัน้ ม.2/1 จานวน 19 คน

อบรมเชิงปฏิบัตกิ ารการพัฒนาโครงงานพัฒนาจริยคณุ (โครงงานคณุ ธรรม) โรงเรยี นคุณธรรม สพฐ. การออกแบบโครงงานคุณธรรม ชอ่ื โรงเรียน.ทุง่ กว๋าววิทยาคม.....สังกดั ...สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 35....... *************************************************** 1.ชือ่ โครงงานคณุ ธรรม ม.2/2 เพ่ือนช่วยเพื่อน .รว่ มเรียนรว่ มรูไ้ ปดว้ ยกนั . m2/2 helping each other learn and know together 2. ความสาคญั ของปัญหา นักเรียนช้นั ม.2/2 ไม่ชอบทาการบ้านดว้ ยตนเอง มักจะรอลอกการบ้าน จากเพอ่ื น มีสาเหตุจาการไมเ่ ข้าใจเรื่องที่ เรียน ทาไม่ได้ และไมใ่ ส่ใจต่อการเรียน นกั เรียนในหอ้ งจึงคิดวา่ จะทาโครงงาน เพื่อชว่ ยเหลือเพื่อน คนเก่งช่วย คนเรยี นอ่อนกว่า ดังนจ้ี งึ ทา โครงงานคุณธรรม ม. 2/2 เพ่ือนช่วยเพือ่ น .รว่ มเรยี นรว่ มรู้ไปดว้ ยกนั m2/2 helping each other learn and know together 3. วตั ถุประสงค์ 3.1..เพื่อใหน้ กั เรยี นทาการบ้านได้ด้วยตนเอง.................. 3.2 เพ่ือเสรมิ สร้างคณุ ธรรมความซอื่ สตั ย์สุจริต 4. กลมุ่ เป้าหมาย 4.1 เชิงปรมิ าณ ....นกั เรียน ชนั้ ม.2/2จานวน 17 คน................. 4.2 เชงิ คุณภาพ .....นักเรียน ชัน้ ม.2/2มีความชอื่ สัตย์สุจริต (ทาการบ้านด้วยตนเอง). 5. แผนการดาเนินงานโครงการ 5.1 วธิ ีการดาเนนิ งาน ที่ ชอ่ื กิจกรรม วธิ ีการดาเนินงาน 1 กิจกรรมเพ่ือช่วยเพื่อน ทนทวน 1 สารวจปญ๎ หาการเรยี นของนักเรยี นด้วย google form บทเรียน 2. เลอื ก คนเก่งประจาห้อง ในแต่ละรายวชิ า เช่น คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ ฯลฯ เพ่อื เปน็ แกนนาแนะนาเพ่ือนเรื่องการบา้ นท่ไี มเ่ ข้าใจ 3. สรา้ งกลุ่ม face book .ในห้องเรยี น เพื่อแลกเปลี่ยน แนะ แนวทางในการทาการบา้ น อาจจะสอนการบ้านกันเอง หรือถา้ ยากเกินไปก็ ถามใน line หรือ face book กล่มุ โรงเรยี น หรอื แนะนา you tube เก่ียวกบั การเรียน หรือ แนวข้อสอบ เคล็ด ลับตา่ ง ๆ ที่เป็นประโยชนต์ ่อการเรยี น

5.2 ปฏิทินการดาเนนิ งาน ระยะเวลาดาเนนิ งาน หมายเหตุ ท่ี กิจกรรมดาเนินงาน 14 ก.ค. 2563 1. จดั ต้ังคณะกรรมการแกนนาโครงงานคุณธรรม และประชมุ วางแผน การดาเนินงานโครงงานคุณธรรม 10-กนั ยายน 2563 2. คณะกรรมการรว่ มกนั ออกแบบโครงงานคุณธรรม นาเสนอร่างโครงงานคุณธรรมเพอ่ื ขอคาแนะนาจากครทู ่ี ปรกึ ษาโครงงานคุณธรรม 3. ดาเนินกิจกรรมโครงงาน ม.2/2 เพอื่ นชว่ ยเพื่อน .ร่วมเรียน รว่ มรู้ไปด้วยกัน 1กจิ กรรมเพ่อื ชว่ ยเพื่อน ทนทวนบทเรียน คาบว่าง ตลอดปี การศึกษา 2563 2 กจิ กรรมนทิ รรศการ วนั สถาปนาโรงเรยี น 21 กุมภาพันธ์ 2564 นาเสนอโครงงานคณุ ธรรม แลกเปลีย่ นเรียนรู้เพ่ือพฒั นา ตอ่ ยอดโครงงานคุณธรรม 5 คณะกรรมการแกนนาโครงงานคณุ ธรรม หลังจบกจิ กรรม - ประชุมสรปุ ผลการดาเนินกจิ กรรม (มนี าคม 2564) - รายงานให้ผู้บริหารทราบ - เผยแพร่การดาเนนิ งานโครงงานคุณธรรม 5.3 งบประมาณ .....-..... บาท แหล่งงบประมาณ .................................................................................................................................... 6. หลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาร/ิ คาสอนท่ีใช้ หลักธรรม อิทธบิ าท 4 หนทางสูค่ วามสาเรจ็ 1.. ฉนั ทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งน้ัน ๒. วิรยิ ะ ความพากเพียรในสิ่งน้นั ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝ๎กใฝุในสงิ่ น้ัน ๔. วมิ ังสา ความหมัน่ สอดส่องในเหตุผลของสิง่ น้นั อธบิ ายการนาแนวคิดของหลักธรรม อทิ ธิบาท 4 มาประยุกต์ใชใ้ นการขบั เคลื่อนโครงงานคุณธรรมให้ประสบความสาเรจ็ นักเรียน ม2/2 ทุกคนมีความต้องการทีจ่ ะทา โครงงานและปรารถนาจะทาให้ ได้ผลดีย่ิงๆขึ้นไป (ฉันทะ ) มีความ พากเพียร อุตสาหะในการทากิจกรรม จนประสบ ความสาเร็จ (วิริยะ) คอยติดตามพฤติกรรมการเรียน เอาใจใส่ การทา

กิจกรรมอย่างสม่าเสมอ (จิตตะ) การทากิจกรรมจะมีการปรึกษาหารือ ประชุมวางแผน วัดประเมิน ผลกิจกรรม ติดตาม กิจกรรมอยา่ งต่อเนื่อง (วมิ งั สา) พระบรมราชโชวาท \"...ความซือ่ สตั ย์ สจุ รติ เป็นพืน้ ฐานของความ ดที ุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้ เกิดมขี ้ึนในตนเอง เพื่อจักได้เตบิ โตขน้ึ เปน็ คนดีมี ประโยชน์ และมีชวี ติ ที่สะอาดทเี่ จรญิ ม่ันคง...\" ความตอนหนงึ่ ในพระบรมราโชวาท พระราชทานเน่ืองในวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๓๑ 7. ความเชื่อมโยงสู่คุณธรรมอัตลักษณข์ องโรงเรยี น 7.1 คณุ ธรรมเปาู หมาย ........ซอื่ สตั ยส์ ุจริต......... 7.2 พฤตกิ รรมบง่ ชี้ชิงบวก....ทาการบ้านดว้ ยตนเอง 8. วิธีการวดั และประเมิน 8.1 ตัวชี้วัด กจิ กรรมความซื่อสตั ย์สจุ รติ - ระยะท่ี 1 นกั เรียนร้อยละ 60 ทาการบ้านได้ดว้ ยตนเอง -. ระยะท่ี 2 นกั เรยี นร้อยละ 80 ทาการบ้านได้ดว้ ยตนเอง 8.2 วิธีการประเมนิ 1. ประเมนิ ผลโดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาการบ้านด้วยตนเองของนักเรยี น และสอบถามจากนกั เรียน และ ครูประจาวชิ า สอบถาม จาก Google form 2. ดูจากการสง่ รอ้ งเรยี นของนกั เรียน จาก Google form 8.3 เครอ่ื งมือ แบบสอบถามการทาการบ้านดว้ ยตนเองของนักเรยี น จาก Google form 8.4 ช่วงเวลาในการประเมนิ หลงั เสรจ็ กิจกรรม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 9. ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั 9.1 นักเรยี นชัน้ ม.2/2 ทาการบา้ นได้ดว้ ยตนเอง 10. ท่ีปรึกษาโครงงาน 10.1 พระสงฆ์ ท่ปี รกึ ษา พระธนชยั ลุขมาตย์ วดั ปลายนาหลวง ต.ทงุ่ กวา๋ ว อ.เมืองปานจ.ลาปาง 10.2 ผู้บริหารทปี่ รึกษา นายศานติกรศ์ิ วงคเ์ ขยี ว ผู้อานวยการโรงเรยี นทุ่งกว๋าววิทยาคม 10.3 ครทู ี่ปรึกษา 1. นางมงคลยา พานดง 2. นางสาวณัฐรินทร์ บญุ เจริญจิตสริ ิ 11. ผ้รู บั ผิดขอบโครงงาน นกั เรยี นช้นั ม.2/2 จานวน 17 คน

การออกแบบโครงงานคุณธรรม ช่ือโรงเรียน ท่งุ กวา๋ ววิทยาคม สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา มัธยมศกึ ษา เขต 35 *************************************************** 1 .ชอ่ื โครงงานคุณธรรม พากนั คดิ ชวนกนั เรยี น เพยี รศกึ ษา (Thinking For Education.) 2. ความสาคัญของปัญหา คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงความใฝเุ รยี นรู้ ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3/1 ยงั ขาดความมุ่งม่ันตั้งใจศึกษาเลา่ เรียน ไม่ค่อยสนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนร้ตู า่ งๆเท่าท่ีควร และใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชนก์ บั การเรยี นน้อย เช่น การศกึ ษาค้นคว้า จากหนงั สอื ตารา ส่ิงพมิ พ์ สอ่ื เทคโนโลยตี ่างๆท่ีเหมาะสม และนกั เรยี นบางกลุ่มมีป๎ญหาในการลอก การบ้านหรอื การทาแบบฝึกหัด ซ่ึงจะทาใหข้ าดความซื่อสัตย์สุจิตร อีกทงั้ ครูประจาชั้น ครผู ูส้ อน และพ่อ แม่ ผู้ปกครอง มกั จะคาดหวังให้นักเรียนเป็นผทู้ ่ตี ั้งใจเรียน รูจ้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ ให้มีผลสมั ฤทธิ์ทส่ี ูงขึ้น หากปญ๎ หาการขาด ความมงุ่ มนั่ ตง้ั ใจ ศึกษาเรยี นรู้ และใช้เวลาวา่ งไม่เปน็ ไม่ไดร้ ับการแก้ไขกอ็ าจจะเกิดป๎ญหาด้านผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนต่า และเกิดป๎ญหาในการลอกงานหรอื ลอกการบา้ นและเกิดป๎ญหาอน่ื ๆตามมาอีก ดงั น้นั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/1 โรงเรยี นทงุ่ กว๋าววิทยาคม ไดเ้ ห็นปญ๎ หาท่เี กิดขนึ้ ในภายใน ห้องเรยี น จงึ ได้มาปรกึ ษาครูทีป่ รกึ ษาเพื่อขอคาแนะนาในการจัดกจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ ใหน้ ักเรียนใฝเุ รียนรู้ มคี วามตั้งใจเรียน และใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชนท์ าการบ้านด้วยตนเอง(ไม่ลอกการบา้ น) ใหม้ ีความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ โดยมีกจิ กรรมท่ตี ้อง ดาเนินงานอยา่ งตอ่ เน่ือง จงึ ดังนั้นจงึ จดั ทาโครงงานคุณธรรม เรื่อง พากันคดิ ชวนกนั เรยี น เพียรศึกษา (Thinking For Education.) 3. วัตถปุ ระสงค์ 3.1 เพ่อื ให้นักเรียนตงั้ ใจ ศกึ ษาเลา่ เรียน และใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ 3.2 เพ่ือใหน้ ักเรยี น ทาการบา้ นดว้ ยตนเอง (ไม่ลอกการบ้าน) และต่อต้านการทจุ รติ ทุกรูปแบบ 3.3 เพือ่ เสริมสร้างคณุ ธรรมไฝุเรียนร้แู ละความซื่อสตั ยส์ ุจรติ 4. กลุ่มเปา้ หมาย 4.1 เชิงปรมิ าณ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3/1 จานวน 17 คน 4.2 เชิงคณุ ภาพ นกั เรียนระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/1 มพี ฤติกรรมใฝุเรยี นรู้ ตงั้ ใจศกึ ษาเลา่ เรียน และใชเ้ วลา ว่างใหเ้ กิดประโยชน์

5. แผนการดาเนินงานโครงการ วธิ กี ารดาเนนิ งาน 5.1 วิธีการดาเนินงาน 1.นกั เรียนแบ่งกลุ่มเพื่อนตามความสนใจ 2.ในชวั่ โมงว่าง หรอื ในชว่ งพักเทีย่ ง ให้ชวนเพ่ือนในกลมุ่ มานั่งทา ท่ี ช่อื กิจกรรม การบา้ นหรอื ทาแบบฝึกหัดร่วมกนั เพื่อให้เพอ่ื นท่ีเรียนเกง่ ช่วยเหลือ 1 กจิ กรรม ชวนเพ่ือนทาการบา้ น เพื่อนท่เี รียนชา้ 3.คดั เลือกนักเรยี นแกนนาในแต่ละวิชาในห้อง และใหม้ ีบทบาทในกลมุ่ 2 กจิ กรรม คาคม ปลุกฉัน ปลุกเธอ เพ่ือนทคี่ อยช่วยเหลอื เก้ือกลู กัน การให้กาลังใจซง่ึ กันและกัน (คาคม ปลกุ กาลังใจ นักเรยี น 4.การเนน้ ย้าไม่ใหล้ อกการบา้ น แต่ช่วยกันอธบิ ายเพื่อใหเ้ พ่ือนเขา้ ใจ ม.3/1) และได้คาตอบดว้ ยตนเองหรือได้คาตอบร่วมกัน 5.ครูทปี่ รกึ ษาคอยให้กาลังใจนักเรียนแกนนาและนักเรยี นทกุ คนในช้ัน 1. สง่ เสรมิ นิสัยใฝุเรียนรู้ ด้วยการฝึกทักษะการสืบคน้ การฟ๎ง การพดู การอ่าน และการเขียน ทเี่ ปน็ ประโยคทง้ั ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยให้นักเรยี นแต่ละคนไปศึกษา ค้นควา้ และบันทกึ การอ่านใน ชว่ งเวลาว่าง และนามาเขยี น พดู ส่อื สารให้กับเพ่ือนๆในห้อง ฟง๎ สลับกนั ไป ในช่วั โมงแนะแนว และชว่ั โมงอบรมคุณธรรม /การต้าน ทุจรติ 2. จดั บรรยากาศ “ลานมุมนกั คิด นกั เขียนคาคม ปลกุ กาลังใจ ” เพอื่ ใหน้ กั เรียนชั้น ม.3/1ได้แสดงออกให้มากท่ีสุด โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละ คนนาผลงาน จากข้อท่ี 1 มาติดบอร์ด เพื่อเปน็ แหล่งข้อมูลลานนักคดิ นักเขียน 3. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่านเปน็ ประจาอย่างต่อเนอ่ื ง ในช่ัวโมงว่าง หรอื ช่วงพักกลางวัน อาทิเช่น ทกุ ช่วั โมงแรกของวนั จันทร์ ซึ่งเป็นชวั่ โมง แนะแนวหรอื ชัว่ โมงที่ 8 ของวนั ศกุ ร์ ในคาบอบรมคณุ ธรรม เปน็ การเลา่ ข่าวสารที่แต่ละคนสนใจ โดยใหผ้ ้เู รียนหมนุ เวยี นเปน็ ผู้เล่าเรอ่ื ง เพื่อ สง่ เสรมิ ความกล้าแสดงออก และฝึกการพูด ในเน้ือหาสาระความรู้ และ เกมนนั ทนาการนาไปสู่การอา่ น เช่น เกมเติมคาศพั ท์ เกมทายปญ๎ หา เกมต่อคาพงั เพย เกมพบั กระดาษ เกมวาดภาพตวั เลข เกมประดิษฐ์ สิ่งของต่างๆ ใหไ้ ด้ท้ังสาระและสนกุ สนานเพลิดเพลิน เพื่อส่งเสรมิ การ อ่าน และใฝเุ รียนรู้

ที่ ชือ่ กจิ กรรม วธิ กี ารดาเนนิ งาน 3 กจิ กรรมทบทวนความรู้ผ่านสื่อออนไลน์ 1.ครทู ีป่ รึกษาและนักเรยี นแกนนาร่วมกันวางแผนร่วมกัน ในช่วงคาบ 7-8 ของวันพฤหสั บดี ให้นักเรยี น ม.3/1ศึกษาการเรียนรู้ เพิม่ เติมจากชอ่ งทางต่างๆเช่น -เรยี นรเู้ นื้อหาเพิ่มเตมิ จาก DLTV ของมลู นิธิการศึกษาทางไกลผ่าน ดาวเทียมใน 4 วชิ าหลกั (ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และ คณิตศาสตร์) โดยการเปดิ ทวี ี ท่หี อ้ ง 313 เรยี นรกู้ ับครูตน้ ทางและ บนั ทกึ การเรียนรู้ -เรียนรู้การตวิ /การเฉลย การสอบ ผ่านส่ือยทู ูปตา่ งๆ 2.จดั ทาปฏทิ ินเรยี นรู้ และสมุดบันทกึ การเรียนรู้ 5.2 ปฏิทินดาเนินงาน ท่ี กิจกรรมการดาเนนิ งาน ระยะเวลาการดาเนินงาน หมายเหตุ 1. กจิ กรรม ชวนเพ่ือนทาการบ้าน 3 ก.ค. 2563 – 31 ม.ี ค. 2563 10 ก.ค. 2563 – 31 มี.ค. 2563 -แบง่ กลมุ่ เพื่อนตามความสมคั รใจกล่มุ ละ4-5คน -ในช่ัวโมงวา่ ง หรือในช่วงพกั เท่ียงชวนเพอื่ นในกล่มุ มานั่งทา 17 ก.ค. 2563 – 31 มี.ค. 2563 การบ้านรว่ มกนั -คัดเลอื กนักเรียนแกนนาแตล่ ะวิชาในหอ้ ง -ให้เพ่อื นที่เรียนเกง่ ช่วยเหลอื เพ่ือนทีเ่ รยี นชา้ 2. กิจกรรม คาคม ปลุกฉัน ปลกุ เธอ -ส่งเสรมิ นสิ ยั ใฝุเรยี นรู้ ดว้ ยการฝึกทักษะการสืบค้น การฟ๎ง การ พดู การอา่ น และการเขียน –นามาเขยี นบันทึกประโยคคาพูดคติ พจน์ ข้อคิด ทง้ั ภาษาไทย และภาษาองั กฤษ -นามาพดู ส่ือสาร ท้ังพดู ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้กับ เพือ่ นๆในห้อง ฟ๎งสลับกนั ไป ในชว่ั โมงแนะแนว และชวั่ โมงอบรมคณุ ธรรม /การ ตา้ นทุจริต -จัดปาู ยบอรด์ “ลานมุม นกั คิด นักเขยี นคาคม ปลุกกาลังใจ ” 3. กิจกรรมทบทวนความรู้ผ่านส่ือออนไลน์ -ประชุมวางแผนจดั ทาตารางหาส่ือที่จะเรียนรู้ -กาหนดวัน เวลา เรยี นรู้ผ่านส่อื

5.3 งบประมาณ .........-..........บาท แหลง่ งบประมาณ.......................................-........................................................................ 6. หลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาร/ิ คาสอนทีน่ ามาใช้ อิทธบิ าท 4 : ทางไปสคู่ วามสาเร็จ 1. ฉนั ทะ การมีใจรักในส่งิ ท่ที า 2. วิริยะ ความขยัน หมนั่ เพยี รในส่ิงท่ที า 3. จิตตะ ความเอาใจใส่ จดจ่อในสงิ่ ท่ีทา 4. วมิ งั สา ไตรต่ รอง ทบทวน หาเหตุผลในสิง่ ท่ไี ด้ทา อธบิ ายการนาแนวคิดของหลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริไปประยกุ ต์ใช้ นักเรียนทุกคนในช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3/1 มีความต้องการที่จะทาโครงงานและปรารถนาจะทาให้ได้ผลดียง่ิ ๆข้นึ ไป (ฉันทะ ) มคี วามพากเพียร อุตสาหะในการทากจิ กรรมจนประสบความสาเร็จ (วริ ยิ ะ) คอยติดตามพฤติกรรมการเรียน เอา ใจใสก่ ารทากิจกรรมอย่างสม่าเสมอ (จิตตะ) การทากจิ กรรมจะมีการปรึกษาหารอื ประชุมวางแผน วัดผลและประเมินผล กจิ กรรม ตดิ ตามกจิ กรรมอย่างตอ่ เน่ือง (วิมงั สา) 7. ความเชื่อมโยงส่คู ณุ ธรรมอัฒลกั ษณข์ องโรงเรียน 7.1 คณุ ธรรมเป้าหมาย ใฝุเรยี นรู้ และ ความซื่อสัตยส์ ุจริต 7.2 พฤตกิ รรมบ่งช้ีเชงิ บวก 1. ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน 2. ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ 3. ทาการบ้านดว้ ยตนเอง (ไมล่ อกการบ้าน) 8. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล 8.1 ตัวชว้ี ดั ร้อยละ 80 ของนกั เรียน ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3/1 ขนึ้ ไป มีพฤติกรรมใฝุเรียนรู้ 8.2 วิธกี ารประเมิน การสังเกตพฤตกิ รรมในการเรียนรู้ การเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ การทาการบา้ นดว้ ย ตนเอง 8.3 เครอื่ งมอื ในการประเมนิ แบบสงั เกต และแบบสอบถามการประเมนิ ตนเองของนักเรียนจาก Google form 8.4 ชว่ งเวลาในการประเมนิ หลงั สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 และหลังเสรจ็ กิจกรรมภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 9. ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ 9.1 นักเรียนรู้จกั ใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ รู้จักเอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรียนรู้ 9.2 นักเรยี นตั้งใจเรยี นและสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรูต้ ่างๆเพ่ิมขน้ึ 9.3 นกั เรียนมีนิสัยรกั การอา่ น รู้จักศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรูจ้ ากหนังสือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีตา่ งๆ แหลง่ เรียนรทู้ ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น และเลือกใชส้ ่ือได้อย่างเหมาะสม

9.4 นกั เรยี นรจู้ กั บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ข้อมลู จากสิ่งท่เี รยี นรู้ และสรุปเปน็ องค์ความรู้ได้ 9.5 นกั เรยี นไดแ้ ลกเปล่ยี นความรูด้ ว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ 9.6 นักเรยี นมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนที่สงู ข้ึน 9.7 ช่วยทาใหบ้ รรยากาศการเรยี นรู้ทง้ั ห้องเรียน เป็นไปในทางทีด่ ีขน้ึ 10. ท่ีปรกึ ษาโครงงานคุณธรรม 10.1 พระสงฆ์/ผู้นาศาสนาทป่ี รึกษา พระนเรศ ฐสิ ทโฺ ธ 10.2 ผบู้ รหิ ารท่ีปรึกษา นายศานตกิ รศ์ิ วงคเ์ ขียว 10.3 ครทู ่ีปรึกษา นางสุวกิ าญจนส์ ริ ิ พิจอมบตุ ร และนายพงษ์สิทธิ์ สปุ ด๎

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม โรงเรยี นทงุ่ กวา๋ ววทิ ยาคม ตาบลทุ่งกวา๋ ว อาเภอเมืองปาน จังหวัดลาปาง ๕๒๒๔๐ สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต ๓๕ ***************************************************************** ๑.ชื่อโครงงานคุณธรรม ช่อื ภาษาไทย เพอ่ื นสอนเพ่ือน ชอ่ื ภาษาองั กฤษ Friend Itends Me. ๒.ความสาคัญของปญั หา นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/2 มกี ารลอกการบ้านกนั เพราะแต่ละคนถนัดแต่ละวิชาต่างกัน ไม่เข้าใจในวิชานั้นๆ และขาดความซอื่ สัตยส์ ุจรติ ในการเรียนทาให้เกดิ การลอกกันในเกอื บทกุ วิชาเพราะนกั เรียนแต่ละคนไม่เข้าใจในวิชาท่ีตนเอง ไมถ่ นดั และทาไมเ่ ป็นเมือ่ กลับบา้ นไปก็ไม่สามารถให้ผู้ปกคอรงสอนการบ้านได้ แต่เม่ือถึงเวลากาหนดต้องส่งครู จึงหาวิธีท่ี จะต้องทากฎกติกาคือ ต้องส่งการบ้านจึงใช้วิธีท่ีสามารถส่งการบ้านได้คือ การลอกของเพ่ือนท่ีสามารถทาการบ้านวิชานั้น ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่า การให้เพื่อนในห้องได้สอนกันในวิชาที่ตนถนัดจะสามารถทาให้นักเรียนท่ีไม่เข้าใจวิชา นั้นๆ เกิด ความเข้าใจเน้อื หา และเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง มคี วามซอื่ สตั ยส์ จุ รติ และเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่กนั ในห้องเรยี น ความเป็นมา “เพื่อนช่วยเพ่ือน” (Peer Assist) เป็นเคร่ืองมือที่ได้รับการพัฒนาข้ึนใช้ครั้งแรกที่บริษัท BP-Amoco ซึ่งเป็น บริษัทน้ามันยักษ์ใหญ่ของประเทศอังกฤษ โดยการสร้างให้เกิดกลไกการเรียนรู้ประสบการณ์ผู้อ่ืน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วม อุดมการณ์หรือร่วมวิชาชีพ (peers) ก่อนที่จะเร่ิมดาเนินกิจกรรมหรือโครงการใดๆ ทั้งนี้ความหมายของ “เพื่อนช่วย เพื่อน” จะเกี่ยวข้องกบั - การประชุมหรอื การปฏิบัตกิ ารร่วมกันโดยมผี ูท้ ีไ่ ด้รับเชิญจากทีมภายนอก หรอื ทมี อื่น (ทีมเยือน) เพ่ือมาแบ่งป๎น ประสบการณ์ ความรู้ กับทีมเจ้าบ้าน (ทีมเหย้า) ท่ีเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือ- เคร่ืองมือสาหรับแบ่งป๎นประสบการณ์ ความเขา้ ใจ ความรู้ ในเร่ืองตา่ งๆ - กลไกสาหรับแลกเปล่ียนความรู้ผ่านการเช่ือมโยงติดต่อระหว่างบุคคลสาหรับข้อดีของการทา Peer Assist น้ัน ไดแ้ ก่ -- เป็นกลไกการเรียนรู้ก่อนลงมือทากิจกรรม (Learning Before Doing) ผ่านประสบการณ์ผู้อื่น เพื่อให้รู้ว่าใครรู้อะไร และไม่ทาผิดพลาดซ้าในสิ่งท่ีเคยมีผู้ทาผิดพลาด ตลอดจนเรียนลัดวิธีการทางานต่าง ๆ ที่เราอาจไม่ เคยรู้มาก่อนจากประสบการณ์ของทีมผู้ช่วยภายนอก -- ช่วยให้ทมี เจา้ บ้านไดค้ วามช่วยเหลอื ความคิดเหน็ และมมุ มองจากทีมผู้ช่วยภายนอก ซ่ึงอาจนาไปสู่ แนวทางในการแก้ปญ๎ หาหรอื การทางานใหม่ๆ ๓.วตั ถุประสงค์

๓.๑ เพอื่ ใหเ้ พือ่ นได้ช่วยเหลอื กันในแต่ละวชิ า ๓.๒ เพือ่ ใหเ้ พื่อนไดเ้ ข้าใจวชิ าที่เรียน ๓.๓ เพื่อใหเ้ พื่อนได้ทาการบา้ นด้วยตนเอง มีความภาคภูมิใจในตนเอง ๔.กลุม่ เป้าหมาย ๔.๑ เชงิ ปริมาณ นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓/๒ โรงเรยี นทงุ่ กว๋าววทิ ยาคม จานวน ๑๘ คน ๔.๒ เชงิ คุณภาพ นกั เรียนเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผช่ ว่ ยเหลือกนั และมคี วามซอื่ สัตยส์ ุจริต ๕.แผนการดาเนินงานโครงการ วิธีการดาเนนิ งาน ๑. ประชุมปรึกษาหารอื และแบง่ กลมุ่ เพ่ือนออกเปน็ 2 กล่มุ ๕.๑ วิธกี ารดาเนนิ งาน ที่ ช่ือกิจกรรม ๑.๑ กลุ่มทถี่ นดั วิชาการ แบ่งเปน็ วชิ าภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สงั คมศึกษา 1 เพอ่ื นเข้าใจเพอื่ น ๑.๒ กลุ่มทถี่ นดั สง่ เสริมวิชาการ แบ่งเป็นวชิ าพลศกึ ษา, ๒ กิจกรรมเพอื่ นสอนเพื่อนยา้ เตือน เกษตร, การงานอาชพี , ศลิ ปะและดนตรี คุณธรรม ๒. คดั เลอื กนักเรยี นแกนนาในวิชานั้น โดยเป็นแกนนาอธิบาย ในแตล่ ะวิชาท่ตี นถนัดใหเ้ พ่ือนเข้าใจ ช่วยเหลอื กัน ๓. แจง้ จดุ ประสงค์ของโครงการเนน้ ย้าความซ่อื สตั ย์สจุ รติ ไม่ ลอกการบ้านเพ่ือน ๑. แจง้ วัตถุประสงค์การรว่ มกันในการวางแผนรบั ชมส่ือ ออนไลนว์ ชิ าตา่ งๆ ๒. จัดปฏิทินการสอนของนักเรียนทใ่ี ห้เพ่ือนสอนเพ่ือนใน คาบ ๗-๘ ของวันพฤหัสบดี และช่องทางการเรียนรู้ผ่าน สอื่ ตา่ งๆ และสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมในดา้ นความ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ต่อต้านการทจุ ริตทุกรูปแบบ ๓. ประเมินผลการดาเนนิ การจัดกจิ กรรมโดยมีแบบทดสอบ ทางการเรียน ๕.๒ ปฏทิ ินการดาเนนิ งาน

ท่ี กิจกรรมดาเนนิ งาน ระยะเวลาดาเนินงาน หมายเหตุ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ – ๑. แบ่งกลุ่มนักเรีนท่มี ีความสามรถทางการเรยี นออกเป็น 2 ๓๑ มนี าคม ๒๕๖๔ กล่มุ กลุ่มแรกคือ กลุ่มถนดั วิชาการ กลมุ่ สองคอื กลุ่มถนัด ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ – ส่งเสริมวิชาการ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ๒. การจดั ปฏทิ ินการสอนเพ่ือน ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ได้สอน ๒๓-๓๑ มนี าคม ๒๕๖๔ เพ่อื นในคาบว่าง - กาหนดวันเวลาในการสอน - กาหนดการเรียนรผู้ า่ นสื่อ ๓ ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมโดยมแี บบ - วัดผลทดสอบทางการเรียน ๕.๓ งบประมาณ ( - บาท) แหลง่ งบประมาณ - ๖.หลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่ีนามาใช้ หลักธรรมสังคหวตั ถุ ๔ อธบิ ายหลักธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนทน่ี ามาใช้ สังคหวัตถุ แปลว่า ธรรมที่เปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ การสงเคราะห์กัน, ธรรมเป็นเครือ่ งยดึ เหน่ยี วน้าใจกนั หมายถึง หลกั การ ครองใจคน, หลักยดึ เหนย่ี วใจกันไว้, วิธที าให้คนรกั , หลักสังคมสงเคราะห์ ซ่งึ เปน็ เครื่องประสานใจและเหนยี่ วรงั้ ใจคนให้ เปน็ อนั หนึง่ อนั เดียวกันได้ และทาให้อยกู่ ันด้วยความรกั ความปรารถนาดตี ่อกัน เหมือนล่ิมสลกั รถท่ตี รึงตวั รถไวม้ ใิ ห้ชน้ิ ส่วน กระจายไป ทาให้รถแล่นไปได้ตามที่ต้องการ สงั คหวตั ถุมีสปี่ ระการ คือ 1. ทาน การให้ การเสียสละ การแบ่งป๎นเพื่อประโยชนแ์ ก่คนอ่ืน ชว่ ยปลูกฝง๎ ใหเ้ ปน็ คนท่ีไม่เห็นแก่ตวั แบง่ ป๎นกนั (แบง่ ปน๎ ไปมา) 2. ปิยวาจา การพดู จาดว้ ยถ้อยคาไพเราะออ่ นหวาน จริงใจ ไม่พดู หยาบคายก้าวรา้ ว พูดในส่ิงท่ีเปน็ ประโยชน์ เหมาะ กบั กาลเทศะ พดู ดตี ่อกนั (พดู จาจับใจ) 3. อัตถจรยิ า ชว่ ยเหลอื กัน (ช่วยกิจกันไป) 4. สมานตั ตตา การเปน็ ผู้มีความสมา่ เสมอ โดยประพฤติตัวใหม้ ีความเสมอต้นเสมอปลาย วางตัวดตี อ่ กัน (นสิ ัยเปน็ กันเอง) ๗.ความเชอ่ื มโยงสคู่ ุณธรรมอตั ลกั ษณ์ของโรงเรียน

๗.๑ คณุ ธรรมเป้าหมาย นกั เรยี นมคี วามใฝุรู้ ใฝุเรียน มคี วามซื่อสัตย์สุจรติ ๗.๒ พฤติกรรมบ่งชเ้ี ชิงบวก นกั เรยี นรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไปมีการไมล่ อกการบ้านเพ่อื นหรือไม่ทา ๘.วธิ กี ารสดั และประเมินผล ๘.๑ ตัวชีว้ ดั นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓/๒ รอ้ ยละ ๘๐ ไม่ลอกการบ้านกัน และมีพฤติกรรมใฝุเรียนรู้ ๘.๒ วธิ กี ารประเมิน เพอื่ นสอนเพ่ือน และมนี ักเรยี นแกนนาคอยสงั เกต บันทึกล ๘.๓ เครอื่ งมือในการประเมิน แบบสงั เกตและแบบสงั เกตพฤติกรรมเพ่ือนในชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓/๒ ๘.๔ ชว่ งเวลาในการประเมิน ตลอดภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ๙.ผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั ๙.๑ นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓/๒ โรงเรียนทุ่งกว๋าววทิ ยาคม มีความเข้าใจในการเรียนการสอนมากขน้ึ ๙.๒ นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓/๒ โรงเรยี นทงุ่ กว๋าววิทยาคม มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนสงู ขึ้นและมีผล การเรียนดีข้ึน ๙.๓ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓/๒ โรงเรียนท่งุ กว๋าววิทยาคม มีความสามัคคกี ันในหมคู่ ณะ ๙.๔ นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓/๒ โรงเรียนทงุ่ กวา๋ ววิทยาคม ไดช้ ว่ ยเหลอื ซึ่งกนั และกัน ๑๐.ทป่ี รึกษาโครงงานคุณธรรม ๑๐.๑ พระสงฆ์/ผู้นาศาสนาท่ีปรกึ ษา พระนเรศ ฐิตสทโฺ ธ วัดบา้ นจง๋ ตาบลทุ่งกว๋าว อาเภอเมืองปาน จังหวัดลาปาง ๑๐.๒ ผูบ้ ริหารทป่ี รกึ ษา ผูอ้ านวยการศานติกรศิ์ วงคเ์ ขียว ผู้อานวยการโรงเรยี นทงุ่ กวา๋ ววทิ ยาคม ๑๐.๓ ครทู ปี่ รึกษา นายพงศกร ทามา ๑๐.๔ ครทู ปี่ รกึ ษา นางสาวนฤมล จาอินทร์ ครทู ่ปี รึกษาชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓/๒ โรงเรยี นทุ่งกวา๋ ววิทยาคม

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม โรงเรียนท่งุ กวา๋ ววทิ ยาคม ตาบลท่งุ กว๋าว อาเภอเมืองปาน จงั หวัดลาปาง ๕๒๒๔๐ สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๓๕ ***************************************************************** ๑.ชือ่ โครงงานคุณธรรม ชือ่ ภาษาไทย เพอื่ นชว่ ยเพื่อน ชอ่ื ภาษาอังกฤษ Peer-assisted Activities. ๒.ความสาคัญของปญั หา “เพ่ือนช่วยเพื่อน” หรือ “Peer Assist” เป็นการจัดการความรู้ก่อนลงมือทากิจกรรม (Learning Before Doing) เพ่ือ แสวงหาผชู้ ว่ ยท่มี ีความแตกต่าง มาแลกเปลย่ี นประสบการณ์ความรู้ เพ่ือขยายกรอบความคิดให้กว้างและมีประสิทธิภาพมา ย่ิงขึ้น โดยอาศัย “คน” เป็นธงนา (People Driven) เปิดมุมมองความคิดท่ีหลากหลายจากการแลกเปลี่ยนระหว่างทีมท่ีมี ทกั ษะ ความสามารถ และประสบการณท์ ีแ่ ตกตา่ งกัน ทาใหไ้ มม่ องอะไรเพยี งด้านเดยี ว ความเป็นมา “เพ่ือนช่วยเพ่ือน” (Peer Assist) เป็นเครื่องมือท่ีได้รับการพัฒนาข้ึนใช้คร้ังแรกที่บริษัท BP-Amoco ซึ่งเป็น บริษัทน้ามันยักษ์ใหญ่ของประเทศอังกฤษ โดยการสร้างให้เกิดกลไกการเรียนรู้ประสบการณ์ผู้อ่ืน ซึ่งเป็นเพ่ือนร่วม อุดมการณ์หรือร่วมวิชาชีพ (peers) ก่อนท่ีจะเริ่มดาเนินกิจกรรมหรือโครงการใดๆ ทั้งนี้ความหมายของ “เพื่อนช่วย เพอื่ น” จะเกยี่ วขอ้ งกับ - การประชุมหรอื การปฏบิ ตั กิ ารรว่ มกันโดยมผี ้ทู ่ไี ดร้ ับเชญิ จากทมี ภายนอก หรอื ทีมอ่ืน (ทีมเยือน) เพื่อมาแบ่งป๎น ประสบการณ์ ความรู้ กับทีมเจ้าบ้าน (ทีมเหย้า) ท่ีเป็นผู้ร้องขอความช่วยเหลือ- เครื่องมือสาหรับแบ่งป๎นประสบการณ์ ความเขา้ ใจ ความรู้ ในเรอ่ื งต่างๆ - กลไกสาหรับแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านการเชื่อมโยงติดต่อระหว่างบุคคลสาหรับข้อดีของการทา Peer Assist นั้น ไดแ้ ก่ -- เป็นกลไกการเรียนรู้ก่อนลงมือทากิจกรรม (Learning Before Doing) ผ่านประสบการณ์ผู้อ่ืน เพ่ือให้รู้ว่าใครรู้อะไร และไม่ทาผิดพลาดซ้าในสิ่งที่เคยมีผู้ทาผิดพลาด ตลอดจนเรียนลัดวิธีการทางานต่าง ๆ ท่ีเราอาจไม่ เคยรมู้ ากอ่ นจากประสบการณข์ องทีมผู้ช่วยภายนอก -- ช่วยใหท้ ีมเจา้ บ้านได้ความชว่ ยเหลือ ความคดิ เห็น และมมุ มองจากทีมผู้ช่วยภายนอก ซึ่งอาจนาไปสู่ แนวทางในการแกป้ ๎ญหาหรือการทางานใหมๆ่ แนวคดิ ทฤษฎี เม่อื จะเร่ิม \"ลงมอื ทา\" เร่ืองใดเรือ่ งหน่ึงที่เราไม่เคยทา หรือไม่สันทัด หรือยังได้ผลไม่เป็นท่ีพอใจ ข้ันตอนแรกของ การจัดการความรู้คือหาข้อมูล (ความรู้) ว่าเรื่องน้ัน ๆ มีบุคคลหรือกลุ่มคน ท่ีไหน หน่วยงานใด ท่ีทาได้ผลดีมาก (best practice) และถือเป็นกัลยาณมิตร (peers) ท่ีอาจช่วยแนะนาหรือให้ความรู้เราได้ กัลยาณมิตรนี้อาจเป็นเพื่อนร่วมงานใน หน่วยงานเดียวกัน อาจเป็นหน่วยงานอื่นในองค์กรเดียวกัน หรือเป็นคนท่ีอยู่ในองค์กรอ่ืนก็ได้ แล้วติดต่อขอเรียนรู้วิธี ทางานจากเขา ไปเรียนรจู้ ากหนว่ ยงาน จะโดยวิธีไปดูงาน โทรศัพทห์ รือ e-mail ไปถาม เชิญมาบรรยาย หรือวิธีอื่น ๆ ก็ได้

หลักคิดในเร่ืองนี้ก็คือ มีคนอื่นท่ีเขาทาได้ดีอยู่แล้ว ในเร่ืองท่ีเราอยากพัฒนาหรือปรับปรุง ไม่ควรเสียเวลาคิดข้ึนใหม่ด้วย ตนเอง ควร \"เรียนลัด\" โดยเอาอย่างจากผู้ท่ีทาได้ดีอยู่แล้ว เอามาปรับใช้กับงานของเรา แล้วพัฒนาให้ดีย่ิงข้ึน ย้าว่าการ เรยี นรู้จากกลั ยาณมติ รน้ีจะต้องไม่ใชไ่ ปลอกวิธีการของเขามาท้ังหมด แตไ่ ปเรียนรู้แนวคิดและแนวปฏิบัติของเขาแล้วเอามา ปรบั ปรุงใชง้ านใหเ้ หมาะสมต่อสภาพการทางานของเรา วิธีการแบบ “เพ่ือนช่วยเพอื่ น” วธิ ีการแบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” สามารถทาได้ ดงั น้ี 1. กาหนดวัตถุประสงคใ์ หช้ ัดเจนว่าทา “เพ่ือนช่วยเพือ่ น” ทาไปเพอื่ อะไร อะไรคือต้นตอของป๎ญหาที่ต้องการขอ ความชว่ ยเหลอื 2. ตรวจสอบว่าใครทีเ่ คยแกป้ ญ๎ หาทีเ่ ราพบมาก่อนบ้างหรือไม่ โดยทาแจง้ แผนการทา “เพื่อนช่วยเพื่อน” ของทีม ใหห้ นว่ ยงานอน่ื ๆ ได้รบั รู้ เพ่ือหาผ้ทู ่รี ูใ้ นปญ๎ หาดงั กล่าว 3. กาหนด Facilitator (คณุ อานวย) หรือผู้สนับสนุน และอานวยความสะดวกในกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ระหว่างทมี เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามต้องการ 4. คานึงถึงการวางตารางเวลาให้เหมาะสมและทันต่อการนาไปใช้งาน หรือการปฏิบัติจริง โดยอาจเผื่อเวลา สาหรบั ป๎ญหาทไ่ี มค่ าดคิดทอ่ี าจจะเกิดขน้ึ 5. ควรเลือกผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้มีความหลากหลาย (Diverse) ทั้งด้านทักษะ (Skill) ความสามารถ/ ความเชี่ยวชาญ (Competencies) และประสบการณ์ (Experience) สาหรับจานวนผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนอยู่ท่ีประมาณ 6- 8 คนก็เพียงพอ 6. มุ่งหาผลลัพธ์หรือส่ิงที่ต้องการได้รับจริง ๆ กล่าวคือ การทา “เพื่อนช่วยเพ่ือน” นั้นจะต้องมองให้ทะลุถึง ป๎ญหา สรา้ งทางเลอื กหลายๆ ทาง มากกว่าทจี่ ะใชค้ าตอบสาเรจ็ รูปทางใดทางหนง่ึ 7. วางแผนเวลาสาหรับการพบปะสังสรรค์ทางสังคม หรอื การพูดคุยแบบไม่เป็นทางการ (นอกรอบ) 8. กาหนดบทบาทของแต่ละฝาุ ยให้ชัดเจน ตลอดจนสร้างบรรยากาศ เพ่อื ให้เอื้ออานวยต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างกนั 9. แบง่ เวลาทม่ี อี ยูอ่ อกเปน็ 4 สว่ น คือ - สว่ นแรกใช้สาหรบั ทีมเจา้ บา้ นแบง่ ป๎นข้อมูล (Information) บริบท (Context) รวมท้งั แผนงานในอนาคต - ส่วนท่สี องใชส้ นับสนนุ หรือกระตุน้ ให้ทมี ผชู้ ่วยซึง่ เป็นทีมเยือนไดซ้ ักถามในสง่ิ ท่เี ขาจาเป็นตอ้ งรู้ - ส่วนทสี่ าม ใช้เพื่อให้ทีมผู้ช่วยซ่ึงเป็นทีมเยือนได้นาเสนอมุมมองความคิด เพื่อให้ทีมเจ้าบ้านนาส่ิงท่ีได้ฟ๎งไป วเิ คราะห์ - ส่วนทส่ี ่ี ใชส้ าหรบั การพดู คยุ โตต้ อบ พิจารณาไตร่ตรองสิง่ ท่ีได้แลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ่วมกนั ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาการเรียนรู้ร่วมกันโดยการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นหน่ึงใน กระบวนการเรยี นร้ทู ่จี ะสามารถสรา้ งสมั พันธภาพอนั ดีระหว่างเพ่ือนกับเพอ่ื นในห้องเรยี น ทั้งยังจะทาให้เกิดการใช้เวลาว่าง ให้เกิดประโยชน์ สามารถพัฒนาศักยภาพของนักเรียนได้ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๔/๑ โรงเรียนทุ่งกว๋าววิทยาคม ปี การศึกษา จานวน ๑๗ คน จึงได้เสนอโครงการ เพ่ือนช่วยเพ่ือน(Peer-assisted Activities.) ตามแนวทางของโครงงาน คุณธรรมข้ึน

๓.วตั ถปุ ระสงค์ ๓.๑ เพ่อื พัฒนาการเรียนรรู้ ่วมกันโดยการเรยี นรู้แบบเพ่ือนชว่ ยเพื่อน ๓.๒ เพอื่ เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ๔.กลุม่ เปา้ หมาย ๔.๑ เชงิ ปริมาณ นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑ โรงเรยี นทงุ่ กว๋าววิทยาคม ปีการศกึ ษา จานวน ๑๗ คน ๔.๒ เชงิ คุณภาพ ๔.๒.๑ เปาู หมายในระยะสนั้ (ประมาณ ๓ เดอื นแรก) นกั เรียนทาการบ้านด้วยตนเองมากข้ึน ๔.๒.๒ เปาู หมายในระยะยาว(ประมาณ ๑ ภาคเรียน) นักเรียนสามารถทาการบ้านไดด้ ว้ ยตนเองครบร้อยละ ๑๐๐ ๕.แผนการดาเนินงานโครงการ ๕.๑ วธิ ีการดาเนินงาน ที่ ชื่อกิจกรรม วิธกี ารดาเนนิ งาน 1 สอนการบา้ นเพ่อื น 1. เมอื่ คุณครสู ่ังนักเรียนทาการบ้าน ให้สารวจเพอ่ื นว่าสามารถทา การบา้ นด้วยตนเองได้หรือไม่ 2. นดั เวลาที่จะสอนการบ้าน 3. ดาเนนิ การช่วยเหลอื การบ้าน 4. สรปุ ผลและรายงานผล ๒ เสริมเน้อื หา 1. นดั เวลาเสริมเน้อื หา ๒. ดาเนินการเสรมิ เนื้อหา ๓. สรุปผลและรายงานผล ๓ ปรกึ ษา ๑.สังเกตดเู พื่อนท่มี ีพฤติกรรมทเี่ ปลยี่ นไปจากเดมิ ๒.เขา้ ไปสอบถามวา่ เกิดอะไรขนึ้ ๓.ให้คาปรึกษาเพ่อื น ๔.สรปุ ผลและรายงานผล ๔ ยมื อุปกรณก์ ารเรียน ๑.เข้าไปสอบถามเพ่อื นหลักจากเลิกเข้าแถวตอนเชา้ ว่า เพอื่ นขาด แคลนอุปกรณก์ ารเรยี นหรือไม่ ๒.ให้เพือ่ นยืมอปุ กรณก์ ารเรียนก่อนเขา้ เรยี นวชิ าแรก ๕.๒ ปฏิทนิ การดาเนนิ งาน ท่ี กิจกรรมดาเนินงาน ระยะเวลาดาเนนิ งาน หมายเหตุ 1. จดั ตง้ั คณะกรรมการโครงงานคณุ ธรรมช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑-๑๕ สิงหาคม 2563

ที่ กิจกรรมดาเนนิ งาน ระยะเวลาดาเนินงาน หมายเหตุ ๔/๑ และประชุม วางแผน การดาเนินงานโครงงาน ๑๖-๓๑ สิงหาคม 2563 คุณธรรม 2. คณะกรรมการร่วมกนั ออกแบบโครงงานคุณธรรม นาเสนอรา่ งโครงงานคุณธรรมเพือ่ นาคาแนะนาจากครทู ่ี ปรึกษาโครงงานคุณธรรม ๓ ดาเนนิ กจิ กรรม ตลอดภาคเรียนท่ี ๑ 1. สอนการบ้าน ปกี ารศึกษา 2563 2. เสรมิ เนอื้ หา 3. ปรึกษา - ๔.ยืมอปุ กรณ์การเรียน ๕.๓ งบประมาณ ( - บาท) แหล่งงบประมาณ ๖.หลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่นี ามาใช้ หลักธรรมสังคหวัตถุ ๔

อธบิ ายหลกั ธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาร/ิ คาสอนทน่ี ามาใช้ สังคหวัตถุ แปลวา่ ธรรมท่เี ป็นท่ตี ้ังแหง่ การสงเคราะห์กนั , ธรรมเปน็ เครื่องยึดเหน่ียวน้าใจกนั หมายถึง หลักการ ครองใจคน, หลักยดึ เหนี่ยวใจกนั ไว้, วิธีทาใหค้ นรกั , หลักสงั คมสงเคราะห์ ซง่ึ เปน็ เคร่อื งประสานใจและเหน่ยี วร้งั ใจคนให้ เปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ได้ และทาให้อยู่กันด้วยความรกั ความปรารถนาดตี ่อกัน เหมือนลิ่มสลกั รถที่ตรงึ ตวั รถไวม้ ใิ หช้ น้ิ ส่วน กระจายไป ทาใหร้ ถแล่นไปได้ตามทตี่ ้องการ สังคหวัตถมุ สี ่ปี ระการ คือ 5. ทาน การให้ การเสียสละ การแบง่ ปน๎ เพื่อประโยชน์แกค่ นอ่ืน ช่วยปลกู ฝง๎ ให้เปน็ คนท่ีไม่เหน็ แก่ตวั แบง่ ปน๎ กนั (แบง่ ปน๎ ไปมา) 6. ปยิ วาจา การพดู จาดว้ ยถ้อยคาไพเราะออ่ นหวาน จรงิ ใจ ไม่พดู หยาบคายกา้ วรา้ ว พดู ในสิ่งทีเ่ ป็นประโยชน์ เหมาะ กบั กาลเทศะ พดู ดตี ่อกนั (พูดจาจับใจ)

7. อัตถจรยิ า ชว่ ยเหลอื กัน (ช่วยกจิ กนั ไป) 8. สมานัตตตา การเปน็ ผมู้ ีความสม่าเสมอ โดยประพฤติตัวใหม้ คี วามเสมอตน้ เสมอปลาย วางตัวดีต่อกัน (นิสยั เป็น กนั เอง) ๗.ความเช่ือมโยงสูค่ ุณธรรมอัตลกั ษณ์ของโรงเรียน ๗.๑ คุณธรรมเป้าหมาย นักเรียนมคี วามใฝรุ ู้ ใฝุเรียน มีความซอ่ื สัตย์ ๗.๒ พฤตกิ รรมบ่งช้เี ชิงบวก นักเรยี นทางานดว้ ยตนเองและทาการตอ่ ต้านการทุจรติ ทกุ รปู แบบ ๘.วิธกี ารสดั และประเมินผล ๘.๑ ตัวช้ีวัด พฤติกรรมการทางานของนักเรยี น ๘.๒ วิธกี ารประเมิน ประเมนิ จากการการทางานของนักเรยี นดว้ ยตนเอง ๘.๓ เคร่ืองมือในการประเมิน แบบบนั ทึกการทางานของนักเรียนด้วยตนเอง ๘.๔ ชว่ งเวลาในการประเมนิ ตลอดภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ๙.ผลทคี่ าดว่าจะได้รบั ๙.๑ นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔/๑ โรงเรียนทุ่งกว๋าววทิ ยาคม มีความเข้าใจเนือ้ หาในรายวชิ าต่าง ๆ จากการนาไป พฒั นาการเรียนรูร้ ่วมกันโดยการเรยี นรแู้ บบเพ่ือนช่วยเพอ่ื นมากข้ึน ๙.๒ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔/๑ โรงเรียนทุ่งกว๋าววทิ ยาคม มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงขึ้นเป็นที่น่าพึงพอใจทั้ง นกั เรียน ผู้ปกครองนักเรียนและครโู รงเรยี นทุง่ กวา๋ ววิทยาคม ๙.๓ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔/๑ โรงเรยี นท่งุ กวา๋ ววิทยาคม สามารถทางานด้วยตนเองได้อยา่ งมนั่ ใจและมีความ ถกู ต้อง ๑๐.ทปี่ รกึ ษาโครงงานคณุ ธรรม ๑๐.๑ พระสงฆ/์ ผ้นู าศาสนาท่ีปรึกษา พระนเรศ ฐติ สทฺโธ วดั บา้ นจง๋ ตาบลทุ่งกว๋าว อาเภอเมืองปาน จังหวดั ลาปาง ๑๐.๒ ผู้บริหารท่ีปรกึ ษา ผู้อานวยการศานติกรศิ์ วงคเ์ ขียว ผู้อานวยการโรงเรยี นทุ่งกว๋าววทิ ยาคม ๑๐.๓ ครทู ป่ี รึกษา วา่ ท่ีร้อยตรวี รญั ํู เรอื นคา ครทู ่ีปรกึ ษาชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๔/๑ โรงเรียนทุ่งกว๋าววทิ ยาคม ๑๐.๔ ครทู ี่ปรึกษา นางสาวปานตะวนั อินทรจ์ ักร์ ครูทีป่ รึกษาชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๔/๑ โรงเรียนทงุ่ กวา๋ ววิทยาคม

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม ช่อื โรงเรยี นทุ่งกวา๋ ววิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาเขต 35 *************************************************** 1.ชอื่ โครงงาน รว่ มใจใส่ใจอนาคต Care for the future 2. ความสาคญั ของปัญหา ย่ิงศึกษาในระดบั ท่สี งู ขน้ึ ความยากของเนื้อหากเ็ พ่มิ มากขึน้ ซึง่ สง่ ผลใหน้ กั เรียนเรียนไม่ทัน ไมท่ ราบเน้ือหาในวชิ า นนั้ ๆ เกิดการเบ่ือหน่าย เร่มิ ไมส่ นใจ พอครสู ัง่ งาน คดิ ว่างานยาก จึงไม่ทาสง่ หรอื บางคนแบ่งเวลาไม่ได้ ทาให้ทางานสง่ ไม่ ทนั และอีกประการหนง่ึ คือ พอเน้ือหายาก ครูถามคาถามนกั เรียนตอบไม่ได้ เกดิ ความกดดนั ในหอ้ งเรยี น 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 เพื่อใหน้ ักเรียนเกิดการกระตอื รือรน้ ในการเรยี นและการส่งงาน 3.2 เพื่อให้ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นเพ่ิมข้ึน 3.3 เพ่อื ลดจานวนนกั เรยี นติด 0, ร, มส 4. กลุม่ เป้าหมาย

4.1 เชงิ ปริมาณ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5/1 ปกี ารศึกษา 2563 จานวน 11 คน 4.2 เชิงคุณภาพ นักเรยี นมคี วามกระตือรอื ร้นในการเรยี นและการสง่ งาน สง่ ผลใหผ้ ลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นดีขึ้น ลดจานวนการตดิ 0, ร, มส 5. แผนการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 วิธกี ารดาเนนิ งาน ท่ี ชื่อกจิ กรรม วธิ ีการดาเนินงาน 1. Care for the future - ติวแบบจับกลุ่มเพ่ือน - จบั กลุ่มช่วยกันทางาน - เตือนกนั ไม่ใหเ้ ล่นในโทรศัพท์ เวลาเรยี น - ชวนกนั ทากจิ กรรมที่มีประโยชน์ มากกว่าการเล่นโทรศัพท์ 5.2 ปฏิทนิ การดาเนินงาน ที่ กิจกรรมการ ระยะเวลาการ หมายเหตุ ดาเนนิ งาน ดาเนนิ งาน - ติวแบบจับกลุ่มเพื่อน ภาคเรยี นที่ 1 - จับกลมุ่ ช่วยกนั ทางาน - เตือนกันไมใ่ ห้เลน่ ใน โทรศพั ทเ์ วลาเรยี น - ชวนกันทากจิ กรรมท่ี มีประโยชนม์ ากกว่า การเล่นโทรศัพท์ 5.3 งบประมาณ-บาทแหล่งงบประมาณ – 6. หลกั ธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาริ/คาสอนทีน่ ามาใช้อทิ ธบิ าท 4 อธิบายหลักธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาริ 1. ฉนั ทะ หมายถึง การมีใจรัก ศรทั ธาและเชื่อม่นั ต่อสิ่งท่ีทา คือนักเรยี นเช่ือวา่ ตนเองจะสามารถเรยี นได้ดแี ละ สามารถส่งงานไดท้ นั กาหนดส่ง 2. วิริยะ หมายถงึ ความเพียร ความมุ่งมน่ั ทุ่มเทคือ เม่ือนักเรยี นเช่อื วา่ ตนเองสามารถทาไดแ้ ล้ว จึงมุง่ ม่ันท่จี ะทา ส่งิ น้นั ให้สาเรจ็

3. จติ ตะ หมายถึง ใจท่จี ดจ่อและรับผดิ ชอบคือ นกั เรยี นจดจอ่ รับผิดชอบทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมายใหส้ าเรจ็ 4. วิมงั สา หมายถงึ การทบทวนในสงิ่ ที่ได้คดิ ได้ทา คือ นักเรียนทบทวนเนื้อหาที่เรยี น ตรวจดคู วามเรยี บร้อยของ งาน อธบิ ายการนาแนวคิดของหลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดารไิ ปประยุกตใ์ ช้ “...ความร้ทู จ่ี ะศึกษามีอยสู่ ามสว่ น คือ ความรวู้ ชิ าการ ความร้ปู ฏิบัติการ และความคิดอ่านตามเหตุผลความเปน็ จรงิ ซ่ึงแตล่ ะคนควรเรยี นรใู้ ห้ครบ เพือ่ สามารถนาไปใช้ประกอบกิจการงาน และแกป้ ๎ญหาทงั้ ปวงได้อย่างมีประสิทธภิ าพ...” ความตอนหน่งึ ในพระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลยั มหิดล วนั พฤหสั บดที ี่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๕ 7. ความเชื่อมโยงสู่คณุ ธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรียน 7.1 คณุ ธรรมเป้าหมาย ใฝุเรยี นรู้ 7.2 พฤติกรรมบ่งชเ้ี ชงิ บวก นักเรยี นศึกษาเล่าเรยี นและใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ 8. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล 8.1 ตวั ชวี้ ัด ผลการเรียนในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 8.2 วิธกี ารประเมนิ ตรวจสอบจากผลการเรยี นของนกั เรียนรายบคุ คล เปรียบเทียบกับภาคเรียนทื่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 8.3 เครื่องมอื ในการประเมนิ ผลการเรยี น 8.4 ชว่ งเวลาในการประเมิน สน้ิ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 9. ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั 9.1 นักเรียนเกิดการกระตอื รือร้นในการเรียนและการส่งงาน 9.2 ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนเพมิ่ ขนึ้ 9.3 จานวนนกั เรียนตดิ 0 รมสลดลง 10. ทปี่ รกึ ษาโครงงานคณุ ธรรม 10.1 พระสงฆ์/ผนู้ าศาสนาทปี่ รึกษา - 10.2 ผบู้ ริหารที่ปรกึ ษา ดร.ศานติกรศ์ิ วงคเ์ ขยี ว 10.3 ครูท่ปี รึกษา นายหสั รินทร์ ดอนดี นางกิ่งลดา หมืน่ สนธิ อบรมเชิงปฏิบัตกิ ารการพัฒนาโครงงานพัฒนาจริยคณุ (โครงงานคณุ ธรรม) โรงเรยี นคณุ ธรรม สพฐ. การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม

ชื่อโรงเรียน ทงุ่ กว๋าววิทยาคม สังกดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 35. *************************************************** 1.ชอื่ โครงงานคุณธรรม ฉนั เตอื นเพ่ือน ( I Remind My Friend ) 2. ความสาคัญของปญั หา นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/2 บางคนไมช่ อบทาการบา้ นด้วยตนเอง มกั จะลอกการบ้านจากเพ่ือน ซง่ึ มสี าเหตุ มาจากหลายอย่าง เช่น การไมเ่ ข้าใจเน้อื หาในเรอ่ื งทีเ่ รียนในหอ้ ง ไม่คอ่ ยใส่ใจตอ่ การเรยี นรเู้ ท่าที่ควร ทาให้ขาดความ กระตือรอื ร้นในการทาการบ้าน และไม่มีใครคอยสอนหรือแนะนานอกเวลาในการทาการบ้าน อีกทั้งตัวนักเรียนบางคนไม่ มีวินัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ เม่ือครูมอบหมายงานให้ทา มักจะรีบทาให้เสร็จๆไป โดยไมคานึงถึงคุณภาพของผลงาน เพ่ือเอาเวลาท่ีเหลือไปเล่นโทรศัพท์ ความต้ังใจในการเรียนลดน้อยลง ส่งผลให้ผลการเรียนแย่ลง สมาชิกในห้องจึงชว่ ยกัน หาวิธีการท่ีจะแก้ไขป๎ญหาที่จะให้เพ่ือนในห้อง ช่วยกันตักเตือน ท้ังความซ่ือสัตย์ในการไม่ลอกการบ้าน และการมีวินัยใน การใช้โทรศัพท์ จึงได้จัดทาโครงงานฉันเตือนเพ่ือน 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 เพ่อื ให้นักเรียนทาการบ้านได้ ด้วยตนเอง 3.2 เพือ่ ให้นักเรยี นมีวนิ ยั ในการใช้โทรศัพท์ 3.3 เพ่อื เสริมสรา้ งคณุ ธรรมความซอื่ สตั ย์สจุ ริต 4. กลมุ่ เป้าหมาย 4.1 เชงิ ปรมิ าณ นักเรยี นชน้ั ม.5/2 จานวน 14 คน 4.2 เชงิ คณุ ภาพ นกั เรยี นนักเรียนช้ัน ม.5/2 สามารถทางานไดด้ ว้ ยตนเอง ไมล่ อกการบ้านเพอื่ น มีวนิ ัยในการใช้ โทรศพั ทแ์ ละมีความซื่อสตั ย์สจุ รติ 5. แผนการดาเนินงานโครงการ วธิ กี ารดาเนินงาน 5.1 วธิ ีการดาเนนิ งาน 1. รับฟง๎ ปญ๎ หาเกี่ยวกบั การเรียนและการทางานของเพ่ือนในหอ้ ง 2.หาวิธแี ก้ปญ๎ หา ที่ ชอ่ื กิจกรรม 3.ช่วยสอนการบ้านเพื่อนในเวลาวา่ ง 1 การไมล่ อกการบา้ นเพอ่ื น 4.ชว่ ยอธบิ ายการบา้ นเพ่ือนตอนเพื่อนไม่เข้าใจ 5.ตรวจสอบงานของเพื่อนตอนใกล้จะส่ง 6.นั่งสมาธกิ อ่ นเขา้ เรยี นเพ่ือควบคุมตัวเองในการเรียน

ท่ี ชือ่ กจิ กรรม วธิ กี ารดาเนินงาน 2. การมีวินยั ในการใช้โทรศัพท์ 1.ชว่ ยเตอื นเพ่อื นให้มวี นิ ยั ในการใช้โทรศพั ท์ 2.เตือนเพื่อนไม่ให้ใช้โทรศัพท์ในเวลาเรียนถ้าไมจ่ าเปน็ 5.2 ปฏิทนิ การดาเนนิ งาน ที่ กจิ กรรมดาเนินงาน ระยะเวลาดาเนนิ งาน หมายเหตุ 1. ตรวจสอบปญ๎ หาของเพ่ือนในหอ้ งเกีย่ วกบั การเรียนและการ 3 กรกฎาคม 2563 ทาการบา้ น 2. รวบรวมข้อมูลป๎ญหาของเพ่ือนทั้งหมด 6-10 กรกฎคม 2563 3. ปรกึ ษากับครูทป่ี รึกษาเพ่ือหาแนวทางแก้ไขป๎ญหา 6-10 กรกฎาคม 2563 4. ช่วยกระตนุ้ เพ่ือนใหต้ ้ังใจเรยี น 13-31 ตุลาคม 2563 5 ประเมินผล มนี าคม 2564 6 สรปุ ผล หลังจบกิจกรรม (มีนาคม 2564) 5.3 งบประมาณ .......-... บาท แหล่งงบประมาณ .................. 6. หลกั ธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาริ/คาสอนทใ่ี ช้ หลกั ธรรม อิทธิบาท 4 หนทางสู่ความสาเร็จ 1. ฉันทะ ความพอใจรกั ใคร่ในส่ิงนนั้ 2. วิริยะ ความพากเพียรในสิง่ น้นั 3. จติ ตะ ความเอาใจใส่ฝ๎กใฝุในสงิ่ น้ัน 4. วมิ งั สา ความหม่ันสอดสอ่ งในเหตผุ ลของส่ิงน้ัน อธบิ ายการนาแนวคิดของหลักธรรม อิทธิบาท 4 มาประยกุ ต์ใช้ในการขบั เคล่ือนโครงงานคณุ ธรรมให้ประสบ ความสาเรจ็ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี5/2ทุกคน มคี วามต้องการทีจ่ ะทาโครงงานและปรารถนาจะทาให้ได้ผลดียง่ิ ๆขนึ้ ไป (ฉนั ทะ ) มคี วามพากเพียร อุตสาหะในการทากิจกรรมจนประสบความสาเร็จ (วริ ิยะ) คอยติดตามพฤติกรรมการเรยี น เอา ใจใส่การทากิจกรรมอย่างสม่าเสมอ (จติ ตะ) การทากจิ กรรมจะมีการปรึกษาหารือ ประชมุ วางแผน วดั ผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม ติดตามกิจกรรมอย่างตอ่ เน่ือง (วมิ ังสา) พระบรมราชโชวาท \"...ความซ่อื สัตย์ สจุ รติ เป็นพื้นฐานของความ ดีทกุ อย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้ เกดิ มขี น้ึ ในตนเอง เพื่อจักได้ เตบิ โตข้ึนเป็นคนดีมี ประโยชน์ และมชี วี ิตทสี่ ะอาดท่เี จริญมนั่ คง...\" ความตอนหนง่ึ ในพระบรมราโชวาท

พระราชทานเนื่องในวันเด็กแหง่ ชาติ ปี ๒๕๓๑ 7. ความเชื่อมโยงสู่คุณธรรมอัตลกั ษณข์ องโรงเรยี น 7.1 คุณธรรมเปา้ หมาย ซื่อสัตยส์ ุจรติ 7.2 พฤติกรรมบ่งชี้เชงิ บวก นกั เรียนทาการบ้านดว้ ยตนเอง และมวี นิ ยั ในการใช้โทรศัพท์ 8. วธิ ีการวัดและประเมนิ 8.1 ตัวชวี้ ัด กจิ กรรมความซื่อสตั ย์สจุ รติ - ระยะท่ี 1 นักเรยี นช้นั ม.5/2 ร้อยละ 60 ทาการบ้านได้ด้วยตนเอง -.ระยะที่ 2 นกั เรยี นช้นั ม.5/2 ร้อยละ 90 ทาการบา้ นได้ดว้ ยตนเอง 8.2 วธิ กี ารประเมนิ 1. ประเมนิ ผลโดยการสังเกตพฤตกิ รรมการทาการบ้านดว้ ยตนเอง 2. จากผลการเรยี น 8.3 เครอ่ื งมอื แบบสอบถามการทาการบ้านดว้ ยตนเอง/แบบบันทกึ การสง่ การบ้าน 8.4 ช่วงเวลาในการประเมนิ ช่วงท่ี 1 หลงั สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ชว่ งที่ 2 หลงั เสรจ็ กจิ กรรม ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 9. ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 9.1 นกั เรียนชน้ั ม.5/2สามารถทางานไดด้ ้วยตนเอง 9.2 นกั เรียนชน้ั ม.5/2มวี ินัยในการใช้โทรศพั ท์ 9.3 นักเรยี นชัน้ ม.5/2 มีความซื่อสตั ยส์ ุจริต ตอ่ ตา้ นการทุจริตทุกรปู แบบ 10.ทป่ี รึกษาโครงงานคุณธรรม 10.1 พระสงฆ์ ทป่ี รกึ ษา พระนเรศ ฐติ สทโฺ ธ วดั บ้านจง๋ ตาบลท่งุ กว๋าว อาเภอเมืองปาน จงั หวดั ลาปาง 10.2 ผูบ้ รหิ ารท่ีปรึกษา นายศานติกรศ์ิ วงคเ์ ขียว ผ้อู านวยการโรงเรียนทุง่ กว๋าววิทยาคม 10.3 ครูทปี่ รกึ ษา 1. นาย สุพจน์ บญุ มาเทพ 2. นาง จรรยา พทุ ธา

อบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาโครงงานพฒั นาจรยิ คุณ (โครงงานคุณธรรม) โรงเรียนคณุ ธรรม สพฐ. การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม ช่ือโรงเรียน ทุ่งกว๋าววิทยาคม สงั กัด สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 35 ********************************************************************************************* 1.ชือ่ โครงงานคณุ ธรรม เพอื่ นชว่ ยเพ่ือน เรยี นรูส้ ูอ่ ัจฉรยิ ะ (BFF. Best Friends Forever, Learning for the genious) 2. ความสาคญั ของปัญหา นักเรียนช้นั ม.6/1 ไม่มีความรบั ผดิ ชอบ ขาดวนิ ัย ไม่มีการพฒั นาการตนเอง ไม่แสวงหาความรู้ บางคนเหน็ แก่ตวั ไมช่ ว่ ยเหลอื เพื่อน นกั เรยี นในหอ้ งจึงรว่ มกนั คดิ ทาโครงงาน เพือ่ กระตุ้นใหส้ มาชิกในห้องมคี วามรบั ผดิ ชอบ มวี นิ ัยในการ เรียน หมั่นศึกษาหาความรู้เพื่อเตรยี มพรอ้ มสกู่ ารศึกษาต่อในระดบั สูงขนึ้ ไป ตลอดจนสง่ เสริมให้นักเรยี นมีนา้ ใจตอ่ กัน เพอื่ นชว่ ยเหลือเพอ่ื น คนเรยี นเก่งช่วยคนเรียนอ่อน จงึ ได้ดาเนินกิจกรรมตามโครงงานคุณธรรม “เพื่อนชว่ ยเพื่อน เรยี นรสู้ ู่ อัจฉรยิ ะ (BFF. Best Friends Forever, Learning for the genious)” 3. วตั ถุประสงค์ 3.1..เพือ่ ใหน้ ักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 มผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงข้ึน 3.2 เพือ่ เสรมิ สรา้ งคณุ ธรรมการใฝเุ รียนรใู้ หแ้ กน่ ักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/1 4. กลุ่มเปา้ หมาย 4.1 เชงิ ปรมิ าณ นกั เรียน ช้ัน ม.6/1 จานวน 15 คน 4.2 เชงิ คณุ ภาพ นกั เรียนมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู ขนึ้ 5. แผนการดาเนินงานโครงการ 5.1 วิธีการดาเนนิ งาน ท่ี ช่ือกจิ กรรม วธิ ีการดาเนนิ งาน 1 กจิ กรรมเพื่อนชว่ ยเพื่อนเรียนรู้สู่ 1 สารวจป๎ญหาการเรยี นของนักเรยี น อัจฉริยะ 2. คดั กรองนักเรียนคนเก่งประจาห้องในแต่ละรายวิชา เชน่ คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมศึกษา และ ภาษาองั กฤษ ฯลฯ เพอื่ เป็นแกนนาช่วยสอนเพื่อนเรอื่ งการเรียน ในเนอ้ื หาวชิ าทไี่ มเ่ ข้าใจ 3. สรา้ งกลุ่มในห้องเรียน เพื่อแลกเปลยี่ นเรียนรู้ แนะแนวทาง ในการเรียน การทาการบ้าน อาจจะสอนการบา้ นกนั เอง หรือถ้า ยากเกินไปกส็ อบถามครูประจาวิชา ชว่ ยกนั ค้นคว้าใน you tube เกีย่ วกับการเรยี น หรอื แนวข้อสอบ เคลด็ ลบั ต่าง ๆ ที่ เป็นประโยชนต์ อ่ การเรียน

ที่ ช่ือกจิ กรรม วิธีการดาเนนิ งาน 4. นักเรยี นฝึกทาแบบฝึกหดั แบบทดสอบทหี่ ลากหลาย 5. เพือ่ นคอยแนะนา / ช่วยสอนเพ่ือนอย่างต่อเนอ่ื ง 5.2 ปฏทิ นิ การดาเนนิ งาน ที่ กจิ กรรมดาเนนิ งาน ระยะเวลาดาเนินงาน หมายเหตุ 1. ตั้งคณะกรรมการแกนนาโครงงานคุณธรรมชั้น ม.6/1 และ 14 ก.ค. 2563 ประชุม วางแผน การดาเนินงานโครงงาน 2. คณะกรรมการร่วมกันออกแบบโครงงานคณุ ธรรม 10-กนั ยายน 2563 นาเสนอรา่ งโครงงานคุณธรรมเพอ่ื ขอคาแนะนาจากครทู ่ี ปรกึ ษา 3. ดาเนนิ กิจกรรมโครงงาน ม.6/1 “เพ่ือนช่วยเพอื่ นเรยี นรู้สู่ อจั ฉรยิ ะ” 1 กิจกรรม “เพ่ือนชว่ ยเพือ่ นร่วมร้สู่อจั ฉรยิ ะ” -คาบว่าง ตลอดปี ทนทวนบทเรียน ฝึกทาแบบฝึกหดั /แบบทดสอบ การศกึ ษา 2563 2 กิจกรรมนิทรรศการ เน่ืองในวนั สถาปนาโรงเรียน -21 กมุ ภาพนั ธ์ นาเสนอโครงงานคุณธรรม แลกเปลี่ยนเรยี นร้เู พ่ือพฒั นา 2564 ต่อยอดโครงงานคุณธรรม 4 คณะกรรมการแกนนาโครงงานคณุ ธรรม หลงั จบกิจกรรม - ประชุมสรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรม (มีนาคม 2564) - รายงานใหผ้ ู้ครูทีป่ รกึ ษา /บริหารรบั ทราบ - เผยแพรก่ ารดาเนินงานโครงงานคุณธรรม 5.3 งบประมาณ .....-..... บาท แหลง่ งบประมาณ .................................................................................................................................... 6. หลกั ธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาร/ิ คาสอนทีใ่ ช้ หลกั ธรรม อิทธิบาท 4 หนทางสคู่ วามสาเร็จ

1.. ฉนั ทะ ความพอใจรักใคร่ในส่งิ นนั้ ๒. วริ ิยะ ความพากเพียรในส่ิงน้นั ๓. จิตตะ ความเอาใจใสฝ่ ก๎ ใฝุในสง่ิ นั้น ๔. วิมังสา ความหม่ันสอดส่องในเหตผุ ลของสงิ่ น้ัน อธบิ ายการนาแนวคดิ ของหลกั ธรรม อทิ ธิบาท 4 มาประยกุ ต์ใชใ้ นการขบั เคล่ือนโครงงานคุณธรรมใหป้ ระสบ ความสาเร็จ นักเรียน ม6/1 ทกุ คนมีความต้องการทีจ่ ะทา โครงงานและปรารถนาจะทาให้ ได้ผลดีย่ิงๆข้ึนไป (ฉันทะ ) มีความ พากเพียร อุตสาหะในการทากิจกรรม จนประสบ ความสาเร็จ (วิริยะ) คอยติดตามพฤติกรรมการเรียน เอาใจใส่ การทา กิจกรรมอย่างสม่าเสมอ (จิตตะ) การทากิจกรรมจะมีการปรึกษาหารือ ประชุมวางแผน วัดประเมิน ผลกิจกรรม ติดตาม กจิ กรรมอยา่ งต่อเน่ือง (วมิ ังสา) พระราชดารัส “ระเบิดจากข้างใน” อธบิ ายหลักธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาริ “ระเบดิ จากขา้ งใน” เรม่ิ ตน้ จากการคิดค้นดว้ ยตนเองแล้วขยายสู่ผู้อื่น คดิ เปน็ ระบบ มีการวางแผนอย่างเป็นเป็น ข้นั ตอน ผทู้ ี่จะทาหน้าที่ชว่ ยสอนเพ่ือนจะเร่ิมตน้ จากศกึ ษาหาความรู้ ฝึกฝนใหแ้ ม่นยา ก่อนจะถา่ ยทอดไปสูเ่ พอื่ นอย่าง ถูกต้อง พระราชดารัส พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดช ทรงมุ่งเน้นเร่ืองการพฒั นาคน ดังพระราชดารัสวา่ “ระเบิดจากขา้ งใน” หมายความวา่ ตอ้ งสร้างความเขม้ แข็งใหค้ นในชมุ ชนทเี่ ราเข้าไปพัฒนาใหม้ สี ภาพพร้อมท่ีจะรับการ พัฒนาเสยี ก่อน แลว้ จึงคอ่ ยออกมาสูส่ ังคมภายนอก มใิ ช่การนาเอาความเจริญหรอื บุคคลจากสังคมภายนอกเขา้ ไปหาชุมชน ท่ียังไม่ทนั ได้มีโอกาสเตรยี มตัว หรอื ตง้ั ตัว อยา่ ใหโ้ ดยทผ่ี ู้รับยงั ไม่พร้อมทจี่ ะใช้ประโยชนอ์ ย่างเตม็ ท่ี อธิบายการนาแนวคดิ ของหลักธรรม/พระราชดารสั /พระราชดาริ ไปประยุกต์ใช้ “ระเบดิ จากข้างใน” ใหผ้ ทู้ ี่มีความสามารถ มีความรู้ ความเขา้ ใจในแตล่ ะวชิ าศกึ ษาคน้ คว้าความรู้แลว้ นาความร้ทู ี่ ไดไ้ ปชว่ ยสอนเพ่ือนท่ีเรยี นอ่อน ไม่เข้าใจในแต่ละวิชา ฝึกการคดิ อยา่ งเป็นระบบ การทางานเปน็ ขั้นตอน การทา แบบทดสอบซา้ ๆ จะชว่ ยใหเ้ กิดวามเขา้ ใจและวิเคราะห์เนื้อหาได้ 7. ความเชื่อมโยงสู่คุณธรรมอตั ลกั ษณ์ของโรงเรยี น 7.1 คุณธรรมเป้าหมาย ใฝเุ รียนรู้ 7.2 พฤติกรรมบ่งช้ีชิงบวก 1. นักเรียนตง้ั ใจเรยี น 2. นกั เรียนใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ 8. วิธกี ารวดั และประเมิน 8.1 ตัวช้วี ดั “เพ่ือนชว่ ยเพอ่ื นร่วมร้สู่อัจฉริยะ”

- ระยะท่ี 1 นกั เรียนร้อยละ 70 ใฝเุ รียนรู้ ศึกษาเรยี นรู้ด้วยตนเอง สอบถามจากเพ่ือน -. ระยะที่ 2 นักเรยี นร้อยละ 80 ใฝเุ รยี นรู้ ศึกษาเรียนรู้ดว้ ยตนเอง สอบถามจากเพื่อน มผี ลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นสงู ขน้ึ 8.2 วธิ ีการประเมิน 1. การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรใู้ นเวลาวา่ ง การเรยี นรว่ มกบั เพือ่ น 2. ฝกึ ทาแบบฝกึ หดั / แบบทดสอบอย่างต่อเน่ือง 8.3 เครื่องมือ 1.แบบสังเกตพฤติกรรม 2. แบบฝกึ หัด/แบบทดสอบ 8.4 ช่วงเวลาในการประเมิน หลังเสรจ็ กิจกรรม ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 9. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ 9.1 นักเรียนชัน้ ม.6/1 มีความรบั ผดิ ชอบ ใฝเุ รยี นใฝรุ ู้ 9.2 นักเรียนช้นั ม.6/1 มีผลสัมฤทธส์ิ ูงขนึ้ 10. ที่ปรึกษาโครงงาน 10.1 พระสงฆ์ ที่ปรกึ ษา พระนเรศ ฐติ สทโธ วัดจ๋งพฒั นา ต.ท่งุ กวา๋ ว อ.เมืองปานจ.ลาปาง 10.2 ผู้บรหิ ารท่ีปรกึ ษา นายศานตกิ รศ์ิ วงค์เขยี ว ผ้อู านวยการโรงเรียนท่งุ กวา๋ ววทิ ยาคม 10.3 ครูท่ีปรึกษา 1. นายทวี เขอื่ นแกว้ 2. นางศริ ญิ ญา เขอ่ื นแก้ว 11. ผู้รับผดิ ขอบโครงงาน นกั เรียนช้ัน ม.6/1 จานวน 15 คน

การออกแบบโครงงานคณุ ธรรม ช่ือโรงเรียน ทงุ่ กว๋าววทิ ยาคม สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 35. *************************************************** 1.ช่ือโครงงานคณุ ธรรม คณติ ศาสตรป์ น๎ สุขสู่ผล O-NET (Mathe matics share happiness o-net) 2. ความสาคญั ของปญั หา นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6/2 มีป๎ญหาไม่เขา้ ใจในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ สาเหตุมาจากไม่เข้าใจวิชา คณติ ศาสตร์ เกรดเฉลีย่ ได้น้อยหรือตา่ ลง จงึ สนใจเรยี นคณิตศาสตร์เพิ่มเติมโดยใหเ้ พือ่ นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6/1 ที่ถนัดวิชา คณิตศาสตร์ให้สอนเพม่ิ เติม การใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์จึงสนใจเรยี นเพม่ิ เติมเพ่ือทาให้รแู้ ละเข้าใจในรายวิชาคณิตศาสตร์เพม่ิ มากขนึ้ และยกผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนและการทดสอบผล O-NET 3. วัตถปุ ระสงค์ 3.1 เพ่ือให้เข้าใจวชิ าคณติ ศาสตรเ์ พ่ิมมากข้ึน 3.2 เพื่อยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน สามารถนาไปประกอบในการศึกษาต่อ 3.3 เพ่ือใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ มีความรับผิดชอบ 4. กลุ่มเป้าหมาย 4.1 เชงิ ปรมิ าณ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6/2 จานวน 7 คน เรียนคณติ ศาสตร์เพ่ิมเตมิ 4.2 เชงิ คณุ ภาพ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจคณติ ศาสตร์เพิ่มมากขึน้ ร้อยละ 80 ของนกั เรียน 7 คน 5. แผนการดาเนนิ งานโครงการ 5.1 วิธกี ารดาเนินงาน ท่ี ชอ่ื กจิ กรรม วธิ กี ารดาเนนิ งาน 2. คณิตศาสตร์ปน๎ สุขสผู่ ล o-net 1. ศกึ ษาข้อมูลผลการเรียนของเพื่อนในห้องเรยี น 2. สารวจเพื่อนทไ่ี ด้เกรดเฉล่ียหรือวิชาที่สนใจเรยี นเพิ่มเตมิ 3. พูดคุยกนั ในห้องเรยี นและตกลงเลอื กวชิ าทีส่ นใจและปรึกษาครู ประจาชัน้ 4. ช้แี จงขอความช่วยเหลือและติดต่อเพ่ือนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ช่วยสอนในเวลาวา่ งโดยจัดตารางสอนในคาบวา่ ง ในวนั พธุ คาบที่ 8 และวันพฤหัสบดี คาบท่ี 5 ทกุ สปั ดาห์ 2. กิจกรรมสถติ ิศาสตร์ 1.การพดู คุยชกั ถาม ทบทวนบทเรียน ในหนงั สอื เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เร่ืองสถิติศาสตร์ เปดิ โอกาสให้ความรู้ แลกเปลีย่ นกนั 2.ดสู ื่อจาก youtube เรือ่ งสถติ ิศาสตรแ์ ละวธิ ีการคิดของตัวเลข

ที่ ชื่อกิจกรรม วธิ กี ารดาเนนิ งาน 3. ตวิ ขอ้ สอบ O-NET 1.ร่วมกนั ศึกษาคน้ คว้าขอ้ สอบ O-NET มาวเิ คราะหต์ รงตามเรอ่ื งท่ี เรียน ฝกึ ทาข้อสอบไม่เข้าใจปรึกษาเพ่อื นหรือครู 4. กจิ กรรมการแจกแจงข้อมูล 1. ดูส่อื จาก youtube เรอ่ื งการแจกแจงข้อมูลและวิธกี ารคิดของ ตัวเลข 5. สรุปผล 2.ฝึกทาแบบฝึกหัด หาข้อมูลเพ่มิ เตมิ 5.2 ปฏทิ ินการดาเนินงาน 1.รายงานผลการดาเนินงานและคลิปวิดีโอการนาเสนอ ที่ กิจกรรมดาเนนิ งาน ระยะเวลาดาเนินงาน หมายเหตุ 1. 1. ศกึ ษาข้อมูลผลการเรียนของเพื่อนในห้องเรยี น 5สิงหาคม – 6 สิงหาคม 2. สารวจเพื่อนทไ่ี ด้เกรดเฉล่ยี หรอื วิชาท่สี นใจเรียนเพ่มิ เตมิ พ.ศ.2563 3. พดู คยุ กันในหอ้ งเรียนและตกลงเลือกวชิ าที่สนใจและ ปรกึ ษาครปู ระจาชั้น 4. ช้แี จงขอความช่วยเหลอื และตดิ ต่อเพื่อนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 ชว่ ยสอนในเวลาว่างโดยจัดตารางสอนในคาบวา่ ง ในวันพุธ คาบท่ี 8 และวันพฤหัสบดี คาบท่ี 5 ทกุ สปั ดาห์ 2. กจิ กรรมสถิติศาสตร์ 13 สิงหาคม -27 สงิ หาคม พ.ศ.2563 3. ติวขอ้ สอบ O-NET 2กันยายน – 30 กันยายน พ.ศ.2563 4. กิจกรรมการแจกแจงข้อมูล 1ตุลาคม – 22ตุลาคม พ.ศ.2563 5. สรปุ ผล 28ตลุ าคม – 29ตุลาคม พ.ศ.2563 5.3 งบประมาณ .....-..... บาท แหล่งงบประมาณ .................. 6. หลกั ธรรม/พระราชดารัส/พระราชดาริ/คาสอนท่ใี ช้ หลักทศพิศราชธรรม โดยนาหลกั มาปฏิบตั ดิ งั น้ี

1. ความซอ่ื ตรง มีความซ่ือสัตยส์ ุริต 2. ความเพียร มคี วามอุตสาหะไม่เกยี จคลา้ น 3. ความอดทน มีความอดทน ตอ่ สิ่งทัง้ ปวง รักษา กาย วาจาใจ ใหเ้ รียบรอ้ ย อธบิ ายการนาแนวคิดของหลกั ธรรม ทศพศิ ราชธรรม มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนโครงงานคณุ ธรรมให้ ประสบความสาเรจ็ นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/2 นาหลกั ธรรมทศพศิ ราชธรรมโดยเลอื กข้อท่นี ามาปฏิบัตใิ นการเรยี นและ ดาเนินงาน พระราชดารสั ความต้งั ใจ เป็นเครอื่ งมือสาคัญจะช่วยกาจดั ความเกยี จคร้าน ความอ่อนแอ และความทอ้ ถอย 7. ความเชื่อมโยงสู่คุณธรรมอตั ลกั ษณข์ องโรงเรียน 7.1 คณุ ธรรมเป้าหมาย ใฝุเรียนใฝุรู้ มีความรับผดิ ชอบ 7.2 พฤติกรรมบ่งช้ีเชงิ บวก เพือ่ ให้นกั เรยี นมความรบั ผดิ ชอบใฝุเรยี นรู้ มีระเบยี บวินัยในการเรียน 8. วธิ ีการวดั และประเมนิ 8.1 ตวั ชี้วดั กจิ กรรมใฝุเรยี นใฝรุ ู้ เสรมิ สรา้ งการเรียนรวู้ ชิ าครติ ศาสตร์เข้าใจมากข้ึนจากตนเองและเพอ่ื น ธ.ค.-ม.ค. 8.2 วิธีการประเมิน 1. ประเมนิ ผลโดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าเรยี นตามตารางทจี่ ดั การเรียนวิชาคณิตศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ 2. ดูจากผลการเรียนและผลการทดสอบ o-net 8.3 เครือ่ งมือ ใบแสดงผลการเรียน ปพ.1 ภาคเรียนท่ี 1 /2563 8.4 ช่วงเวลาในการประเมิน ช่วงท่ี 1 หลังสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ชว่ งท่ี 2 หลงั เสร็จกจิ กรรม ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 9. ผลทคี่ าดว่าจะไดร้ บั 9.1 นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น 9.2 นกั เรยี นนาผลสัมฤทธ์ทางการเรยี นไปประกอบในการศกึ ษาตอ่ และก่อใหเ้ กดิ ผลกับโรงเรยี น 9.3 นกั เรยี นมคี วามความรับผิด ใฝเุ รียนรู้ สามารถนาหลักธรรมและพระบรมราโชวาทมาดาเนนิ ในการใช้ชีวติ ให้ เป็นคนดี มีคุณธรรม

10. ท่ีปรึกษาโครงงาน 10.1 พระสงฆ์ ท่ปี รึกษา พระนเรศ ฐติ สทฺโธ วัดบ้านจ๋ง ตาบลทงุ่ กว๋าว อาเภอเมืองปาน จังหวดั ลาปาง 10.2 ผูบ้ ริหารทป่ี รกึ ษา นายศานตกิ รศ์ิ วงคเ์ ขียว ผู้อานวยการโรงเรยี นทุง่ กว๋าววิทยาคม 10.3 ครทู ี่ปรกึ ษา 1. นายสนัน่ กาญจนเชษฐ์ 2. นางสาวสพุ รรณภิ า จรยิ า 10.4 วทิ ยากรนกั เรียน นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6/1 1.นางสาวธาริณี เหลก็ ดี 2.นางสาวอรพรรณ เจภูติ 11. ผรู้ ับผิดขอบโครงงาน 1. นายกติ ตศิ ักด์ิ ยืนยง 2. นายจริ วัตร คมใน 3. นายชนานนท์ สุดจา 4. นายวรี ะชัย คมจริง 5. นายศตวรรษ โวมาก 6. นายหสั ดนิ เคม็ มาก 7. นายอดิศร ถาเป็นบุญ

ภาพประกอบกิจกรรมการอบรมโครงงานคุณธรรม คา่ ยยวุ ชนคนคุณธรรม หวั ใจ Strong ประจาปี การศึกษา 2563 นกั เรียนลงทะเบียนเขา้ ร่วมกิจกรรม

ภาพประกอบกิจกรรมการอบรมโครงงานคุณธรรม คา่ ยยวุ ชนคนคุณธรรม หวั ใจ Strong ประจาปี การศึกษา 2563 นาเสนอผลงาน

.ภาพประกอบกิจกรรมการอบรมโครงงานคุณธรรม คา่ ยยวุ ชนคนคุณธรรม หวั ใจ Strong ประจาปี การศึกษา 2563

ภาพประกอบกิจกรรมการอบรมโครงงานคุณธรรม ค่ายยวุ ชนคนคุณธรรม หวั ใจ Strong ประจาปี การศึกษา 2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook