เหมำะสำหรับครู ผูด้ แู ล และพอ่ แม่ที่ดูแลเด็กท่ีมีควำมบกพรอ่ งทำงสตปิ ัญญำ คู่มือสำหรบั ผปู้ กครอง เด็กทมี่ คี วำมบกพรอ่ งทำงสตปิ ญั ญำ ผู้จัดทำ นักศกึ ษำคณะครุศำสตร์ สำขำกำรศึกษำพิเศษและภำษำอังกฤษ ช้นั ปีที่ 4 มหำวิทยำลัยรำชภฏั รำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี
ก คำนำ เด็กที่มีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องใน การทางานของกระบวนการทางปัญญา และมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการ ปรบั ตัว โดยจะสงั เกตเห็นไดจ้ ากพฤติกรรมของเด็ก หากดภู ายนอกผปู้ ่ วยส่วน ใหญ่จะดูไม่เหมือนกับผูท้ ี่มีความบกพร่องทางสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างย่ิง หากความบกพรอ่ งนนั้ เกิดจากปัจจยั ทางสภาพแวดลอ้ ม ในค่มู ือนี้ ไดม้ ีการเพ่ิมเติมเทคนิคในการสอนเด็กที่มีความบกพรอ่ งทาง สติปัญญา และดแู ลชว่ ยเหลอื ดา้ นอารมณจ์ ติ ใจ หลกั การสรา้ งแรงจงู ใจ และการ ปรับพฤติกรรม ซึ่งเป็ นการรวบรวมข้อมูลความรูท้ ั้งจากตาราและข้อ มูลท่ี ผู้เช่ียวชาญท่านอ่ืนๆไดอ้ า้ งอิงไวน้ ามาเรียงรอ้ ยเป็นคู่มือที่ง่ายต่อการท่ีคุณ พ่อคุณแม่และผูป้ กครองจะนาไปปฏิบตั ิจริง คณะผูจ้ ัดทาหวังว่าค่มู ือเล่มนีจ้ ะ เป็นตวั ชว่ ยทด่ี ีในการดแู ลเด็กที่มีความบกพรอ่ งทางสติปัญญาต่อไป คณะผจู้ ดั ทา
สำรบัญ ข สารบญั หน้า เร่ือง 2 ความหมายของเดก็ ท่มี ีความบกพร่องทางสติปัญญา 3 ความสามารถทางสติปัญญา 4 - ลกั ษณะของภาวะบกพร่องทางสติปัญญา 7 สาเหตุของภาวะบกพร่องทางสติปัญญา 9 การป้องกนั ภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา 10 การวนิ ิจฉัย 13 การออกเอกสารรับรองความพกิ าร 14 15 - บตั รประจาตวั คนพิการ - เอกสารหลกั ฐานประกอบการยน่ื คาขอมีบตั รประจาตวั คนพิการ 16 สิทธปิ ระโยชน์และความค้มุ ครองคนพกิ าร 18 การเสริมสร้างศักยภาพครอบครัว 19 การให้คาปรึกษาสาหรับครอบครัว
สำรบญั ข สารบัญ หน้า 20 เร่ือง 21 23 การดแู ลเดก็ ทีม่ คี วามต้องการพเิ ศษในสถานการณ์โควดิ - 19 24 - มาตรการจากกรมอนามยั กระทรวงสาธารณะสุข 31 39 การสอนกจิ กรรมทางกาย 40 - ทกั ษะการเคลื่อนไหวแบบไมเ่ คล่ือนที่ - ทกั ษะการเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนท่ี 41 แนวทางการฟื้ นฟูสมรรถภาพ 42 43 การฟื้ นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ 44 - ยาที่ใชใ้ นเดก็ ที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา 46 ที่มีปัญหาพฤติกรรม - การใชย้ าในเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา ท่ีมีปัญหาพฤติกรรม การรักษาด้านจติ สังคม การฟื้ นฟสู มรรถภาพทางการศึกษา เอกสารอ้างองิ
1 เดก็ ทม่ี คี วามบกพรอ่ งทาง สติปัญญาคอื อะไรกันนะ
2 ความหมายของเดก็ ทม่ี ี ความบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา หมายถึง ความสามารถทางสติปัญญาต่ากว่าเกณฑ์ เฉล่ียอย่างน้อย สาคญั ซงึ่ เป็นผลใหเ้ กิด หรอื เก่ียวขอ้ งกบั ความบกพรอ่ งในพฤติกรรมการปรบั ตวั และปรากฎใหเ้ ห็นในระหวา่ งระยะของพฒั นาการต่ากวา่ เกณฑเ์ ฉลี่ยมีนัยสาคญั หมายถงึ IQ หรอื ตงั้ แต่ 70 ลงมาจากแบบทดสอบมาตราฐานท่ีทาสอบเด็กเป็น รายบคุ คล คาวา่ ความบกพรอ่ งในพฤติกรรมการปรบั ตวั หมายถงึ ความจากดั ใน ประสิทธิภาพของบคุ คล ทจ่ี ะพฒั นาใหถ้ ึงเกณฑม์ าตรฐานในดา้ นวฒุ ิภาวะ การ เรยี นรู้ การพงึ่ ตนเอง และความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ซึ่งเป็นท่ีคาดหวงั ของเด็กใน กลมุ่ อายเุ ดยี วกนั และอยใู่ นวฒั นธรรมเดยี วกนั ความบกพรอ่ งในพฤติกรรมนีถ้ กู กาหนดดโังดนยั้นกากราปรรวะินเมิจนิฉ3ทัย.าวอง่าาคเกดลา็ินกรติกพอ้ แิกงลปาะรรกาปการฎระใกชเอ่ ภแ้นทบอปาบยัญปุ 1รญ8ะเปามี อิน่อมนาตจระฐตาอ้ นงมีหลักฐาน ปรากฎชดั เจน 2 ดา้ น ดงั นี้ 1. ความสามารถทางสตปิ ัญญาต่ากวา่ เกณฑเ์ ฉล่ีย คือมีเชาวป์ ัญญาตา่ กวา่ 70 2. ความสามารถทางทกั ษะในการปรบั ตวั ลกู ทาให้เราเห็น ความเข้มแขง็ ของตัวเองชดั เจนขน้ึ
3 ความสามารถทางสตปิ ญั ญาต่ากวา่ เกณฑ์ การแบง่ ภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญาตามระดบั ความรนุ แรง ระดบั ความชว่ ยเหลอื ทตี่ อ้ งการและรอ้ ยละทพ่ี บ ระดบั ความรุนแรง ระดบั IQ ระดบั ความชว่ ยเหลือท่ี ร้อยละ บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาเลก็ นอ้ ย 50-70 ต้องการ ทพี่ บ ตอ้ งการความช่วยเหลอื เป็นครงั้ คราว 85 บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาปานกลาง 35-49 ตอ้ งการความช่วยเหลอื ปานกลาง 10 บกพรอ่ งทางสติปัญญารุนแรง 20-34 ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื มาก 3-4 บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญารุนแรงมาก นอ้ ยกว่า20 ตอ้ งการความช่วยเหลอื ตลอดเวลา 1-2 กล่มุ ที่ระดบั เชาวนป์ ัญญาสงู กว่า 50 มกั เป็นกลมุ่ ท่ีเรยี นได้ ซ่ึงไดร้ บั ประโยชน์ จากโปรแกรมการศึกษา ส่วนกล่มุ ท่ีระดับเชาวนป์ ัญญาต่ากวา่ 50 จะเนน้ ที่การฝึก ทกั ษะทจี่ าเป็นตอ้ งใชใ้ นการดารงชีวิตประจาวนั มากกวา่ ท่ีจะเนน้ การเรยี น รู้ได้อย่างไรวา่ มีความบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา “พฒั นาการลา่ ช้า” เป็นอาการท่ีส่าคัญของภาวะบกพร่องทาง สติปญั ญา ยิ่งภาวะบกพร่องทางสติปัญญามีความรุนแรงมากเท่าใด ความลา่ ชา้ ของพฒั นาการกย็ งิ่ ปรากฏใหเ้ หน็ เรว็ ขนึ้ เทา่ นนั้ ลักษณะของ ภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา แบง่ ตามระดบั ไดต้ ามตารางขา้ งตน้
ลกั ษณะของภาวะบกพรอ่ งทางสติปญั ญา 4 แบ่งตามระดบั ได้ดังน้ี บกพร่องทางสตปิ ัญญาเล็กน้อย หากไดร้ บั การวินิจฉัยเม่ือเขา้ ส่วู ัยเรียนแลว้ ก่อนหนา้ นั้นพัฒนาการ ตา่ งๆจะยงั อยใู่ นเกณฑป์ กติ ชว่ ง ป.1- ป.2 อาจจะเรม่ิ พบวา่ เรยี นไม่ทนั เพ่ือน อ่านออกเขียนไม่คล่อง ชอบเล่นกับเด็กที่เล็กกว่า ส่วนใหญ่เรียนไดถ้ ึงชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 หรอื สงู กวา่ เมื่อเป็นผใู้ หญ่สามารถทางานดแู ลครอบครวั ได้ แต่อาจตอ้ งการความช่วยเหลือบา้ งเป็นครงั้ คราว เมื่อมีปัญหาชีวิตมกั ไม่ พบสาเหตชุ ดั เจน สว่ นใหญ่จะสมั พนั ธก์ บั ปัจจยั ทางสงั คม ความยากจน ดอ้ ย โอกาส ขาดการกระตนุ้ พฒั นาการท่เี หมาะสม บกพร่องทางสตปิ ัญญาปานกลาง หากไดร้ บั การวนิ ิจฉัยตงั้ แตก่ อ่ นวยั เรยี น เมอื่ อายปุ ระมาณ 2-3 ปี อาจจะพบประวตั ิพูดชา้ การดูแลตนเองในชีวิตประจาวัน เช่น การแต่งตัว การทาความสะอาดรา่ งกายชา้ กว่าเด็กวยั เดียวกัน สามารถเรียนไดถ้ ึงชั้น ประถมศกึ ษาปีท่ี2-3 ในชนั้ เรยี นปกติ ในวยั เรียนจะตอ้ งการการจดั การศกึ ษา พิเศษ สามารถเรียนรูก้ ารเดินทางตามลาพงั ในสถานที่ที่คนุ้ เคย ใชช้ ีวิตใน ชมุ ชนไดด้ ที งั้ การดารงชวี ติ และการงานแต่ตอ้ งการความช่วยเหลือปานกลาง ตลอดชวี ิต ประมาณรอ้ ยละ 20 ดารงชีวิตอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง
ลกั ษณะของภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญา 5 แบง่ ตามระดับได้ดงั นี้ บกพร่องทางสตปิ ัญญารนุ แรง เมือ่ พบความผิดปกติของพฒั นาการในระยะแรก อาจจะมีพฒั นาการ ล่าช้าทุกด้าน โดยเฉพาะพัฒนาการดา้ นภาษา สื่อความหมายได้เพีย ง เล็กนอ้ ย หรอื พดู ไมไ่ ดเ้ ลย บางรายเรมิ่ พดู ไดเ้ มอ่ื เขา้ สวู่ ยั เรยี น มีปัญหาในการ เคล่ือนไหว ในบางรายพบความผิดปกติมากกว่าหนึ่งอย่าง มีทักษะการ ป้องกันตนเองนอ้ ย ดูแลตนเองได้จากัด อาจจะทางานง่ายๆได้ ส่วนใหญ่ ตอ้ งการการดแู ลอยา่ งใกลช้ ิดหรอื ตอ้ งชว่ ยเหลอื ในทกุ ๆดา้ น บกพร่องทางสติปัญญารุนแรงมาก มพี ฒั นาการลา่ ชา้ ชดั เจนตงั้ แตแ่ รกเกิด มกั พบความบกพรอ่ งทางดา้ น อ่ืนรว่ มดว้ ย เช่น ดา้ นประสาทสมั ผัสและการเคลื่อนไหว ส่วนใหญ่พบว่ามี ความผิดปกติของสมอง อาจฝึกการช่วยเหลือตนเองได้ แต่ตอ้ งอาศยั การ ฝึกฝนอยา่ งมาก แมจ้ ะเป็นผใู้ หญ่แลว้ ก็ตาม เราจะ ผ่านไป ด้วยกนั นะครับ ☺
6
7 สาเหตขุ องภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา สภาพทางพนั ธกุ รรม ในบางครงั้ ความบกพรอ่ งมีสาเหตมุ าจากความผิดปกติทางพนั ธุกรรมที่ไดร้ บั การถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ซึ่งเป็นความผิดปกติของ ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีพบในปัจจุบัน รวมไปถึงกลุ่มอาการดาวนซ์ ินโดรม กลุ่ม อาการเวโลคารด์ ิโอเฟเชียล และกล่มุ อาการของทารกที่ถือกาเนิดจากมารดาที่ดื่ม แอลกอฮอล์ ซง่ึ เกิดไดม้ ากในเด็กผชู้ าย โรคทา้ วแสนปม ภาวะพรอ่ งไทรอยด์ฮอรโ์ มน แต่กาเนิด กล่มุ อาการวิลเล่ียม ฟี นิลคีโตนเู รีย และกล่มุ อาการเพรเดอร-์ วิลลี โรคที่ เกิดจากความผิดปกติทางพนั ธุกรรมอื่นๆ ยงั รวมไปถึงกล่มุ อาการพรแี ลน-แมคเดอร์ มดิ กลมุ่ อาการโมวทั -วิลสนั ปญั หาระหวา่ งการตง้ั ครรภ์ ความบกพร่องทางสติปัญญาสามารถเกิดได้จากการที่ทารกในครรภไ์ ม่ได้ เจริญเติบโตอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม ตัวอย่างเช่น การเกิดปัญหาในระหว่างการแบ่ง เซลลข์ องตัวอ่อนในครรภร์ ะหว่างการเจรญิ เติบโต มารดาที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือป่ วย เป็นโรคหัดเยอรมันระหว่างการตั้งครรภ์ อาจใหก้ าเนิดบุตรท่ีมีความบกพร่องทาง สตปิ ัญญาได้
8 สาเหตขุ องภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา ปญั หาระหวา่ งการคลอด หากเกิดปัญหาระหวา่ งการทาคลอด เชน่ ทารกไดร้ บั ออกซิเจนในปรมิ าณท่ีไม่ เพยี งพอ อาจก่อใหเ้ กิดความบกพรอ่ งเน่ืองจากสมองถกู ทาลาย การทเี่ ดก็ ไดร้ บั สารพษิ การที่เด็กไดร้ บั สารพิษ หรอื ป่ วยเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคไอกรน โรคหัด เยื่อหมุ้ สมองอกั เสบ สามารถก่อใหเ้ กิดความบกพรอ่ งทางสติปัญญา หากไดร้ บั การรกั ษาที่ ล่าชา้ หรือการไดร้ บั การรกั ษาท่ีไม่เพียงพอ การท่ีเด็กไดร้ ับสารพิษ เช่น สารตะก่ัว หรอื สารปรอท อาจกอ่ ใหเ้ กิดความบกพรอ่ งทางสติปัญญาไดเ้ ชน่ กนั การขาดสารไอโอดนี เป็ นสาเหตุท่ีก่อใหเ้ กิดความบกพร่องทางสติปัญญาท่ีสามารถป้องกันได้ เนื่องจากปัญหาปรมิ าณไอโอดีนขาดแคลนในบางทอ้ งถ่ิน ปัญหานีไ้ ดส้ ง่ ผลกระทบตอ่ ประชากรราวๆสองลา้ นลา้ นคนท่วั โลก การขาดสารไอโอดีนก็ยงั เป็นสาเหตทุ ่ีทาใหเ้ กิด โรคคอพอกอีกดว้ ย ความบกพร่องทางสติปัญญาท่ีเกิดจากการขาดสารไอโอดีนท่ี รุนแรง จะทาใหส้ ติปัญญาแยล่ ง หรอื อาจทาใหก้ ลายเป็นโรคเออ๋ หรอื เครทนิ ิซมึ
9 การป้องกนั ภาวะบกพรอ่ งทางสติปญั ญา ระยะกอ่ นตั้งครรภ์ ระหวา่ งตง้ั ครรภ์ ประชาชนควรได้รบั ความรูเ้ ร่ือง ค ว ร ฝ า ก ค ร ร ภ์ ท่ี ส ถ า น บ ริ ก า ร ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาและสาเหตุ สาธารณสขุ เพ่ือป้องกนั ปัจจยั เสี่ยงหญิง ท่ีสามารถป้องกนั ได้ เชน่ การใหว้ คั ซีนหดั ตั้งค รรภ์ค วรได้รับวัคซีน ท่ีจา เป็ น เยอรมันหรือเกลือไอโอดีน เมื่อวางแผน ค ร บ ถ้ว น ไ ด้รับ ส า ร อ า ห า ร ที่ เ ป็ น จะตงั้ ครรภ์ ใหค้ าแนะนาค่สู มรสเร่ืองอายุ ประโยชนอ์ ย่างเพียงพอ หลีกเล่ียงการ มารดาท่ีเหมาะในการตงั้ ครรภ(์ 19-34 ปี) ด่ืมเหลา้ การสบู บุหร่ี หรือใชส้ ารเสพติด และระยะห่างระหวา่ งตงั้ ครรภ์ (2 ปี) โรค ไม่ควรซือ้ ยากินเองเพราะอาจมีผลต่อ ทางพนั ธุกรรมท่ีสามารถตรวจวนิ ิจฉัยได้ ทา ร กใ น ค รร ภ์ ได้รับ กา ร ส่งเ ส ริม ก่อนตงั้ ครรภ์และก่อนคลอดรวมถึงการ สขุ ภาพจิตในครอบครวั และแนะนาการ วางแผนครอบครวั เป็นตน้ วนิ จิ ฉยั ก่อน ระยะคลอด ระยะหลงั คลอด ควรคลอดในสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ควรใหแ้ มแ่ ละลกู ไดอ้ ยดู่ ว้ ยกนั เรว็ ท่ีสดุ เพื่อปอ้ งกนั ภาวะแทรกซอ้ นต่างๆท่ีอาจเกดิ ขนึ้ เพื่อใหล้ กู ไดด้ ื่มนมแม่ซง่ึ มีภมู ิคมุ้ กนั โรคต่างๆ และมีสารอาหารท่ีจาเป็นตอ่ พฒั นาการสมอง และการเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย เฝา้ ระวงั ภาวะตวั เหลืองในทารกแรกเกดิ
10 การวนิ ิจฉยั
การวนิ จิ ฉยั 11 1. ซักประวัติ ไดแ้ ก่ ประวตั ิกอ่ นคลอด การคลอด และหลงั คลอด รวมทงั้ พงศาวลี ของครอบครัว 3 รุ่นในปัญหาการเรียน ความผิดปกติทางจิตเวช ภาวะบกพร่องทาง สตปิ ัญญา ความผิดปกติทางระบบ ประสาท หรอื พฒั นาการถดถอย 2. ตรวจรา่ งกาย และตรวจทางระบบประสาท • ประเมินลกั ษณะผิดปกติ • การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการดา้ นรา่ งกาย • เสน้ รอบศีรษะเทยี บกบั คา่ ปกติ •ลกั ษะณะของใบหนา้ เชน่ คางเล็ก ตาหา่ ง หรอื รมิ ฝีปากบนบาง เป็นตน้ • ใชร้ ูปถา่ ยหรอื วิดที ศั นเ์ พ่อื ดลู กั ษณะรา่ งกายและทา่ เดนิ • ลกั ษณะพฤติกรรมทีแ่ สดงออก 3. ประเมินระดับเชาวนป์ ัญญาและพฤติกรรมการปรับตน โดยใชเ้ คร่ืองมือ ตอ่ ไปนี้ 3.1กรณีทหี่ น่วยบริการไม่มนี ักจติ วทิ ยาอาจใช้ •ค่มู ือประเมินความสามารถทางเชาวน์ปัญญาเด็กอายุ 2-15 ปี (เชาวนเ์ ล็ก) ซ่ึงเป็น เครอื่ งมอื คดั กรองสติปัญญาที่งา่ ย ทดสอบไดใ้ นเวลารวดเร็ว ซึง่ ผทู้ ดสอบไม่จาเป็นตอ้ ง เป็นนกั จิตวิทยา คลินิกแตค่ วรผ่านการอบรม •อาจใชว้ ิธีการประเมนิ ระดบั เชาวนป์ ัญญาเบอื้ งตน้ 3.2กรณีที่ประเมินระดับสติปัญญาโดยนักจิตวิทยา สามารถใชแ้ บบประเมินระดบั เชาวน์ ปัญญาตอ่ ไปนีต้ ามขอ้ จากดั ของเด็กแตล่ ะราย
การวินิจฉัย 11 4. ประเมินเพื่อหาสาเหตุของภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญา เมื่อวินิจฉัยภาวะ บกพรอ่ งทางสติปัญญาไดแ้ ลว้ ควรมีการประเมินเพื่อหาสาเหตุของภาวะบกพร่องทาง สตปิ ัญญา 5. ประเมนิ ความผิดปกตทิ พ่ี บร่วมกบั ภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา ไดแ้ ก่ •ปัญหาพฤติกรรม ไดแ้ ก่ ซน อย่ไู ม่น่ิง สมาธิสนั้ ทารา้ ยตนเอง กา้ วรา้ ว กระตนุ้ ตนเอง เช่น ตบมือ เขย่งเทา้ ดือ้ เกเร อาจพบโรคอารมณส์ บั สนแปรปรวน และโรคจิตไดบ้ า้ ง รกั ษาโดยการปรบั พฤติกรรมและการใชย้ า •ประสาทสมั ผสั บกพรอ่ ง ไดแ้ ก่ การไดย้ ินบกพรอ่ งหรอื มปี ัญหาในการมองเหน็ เชน่ ตาเข และสายตาผิดปกติ โดยการสง่ ตรวจการไดย้ ินและตรวจตา •โรคทางกาย ไดแ้ ก่ โรคหวั ใจพิการแตก่ าเนิด ภาวะพรอ่ งไทรอยดฮ์ อรโ์ มนในกลุ่มอาการ ดาวน์ หรอื อาการชกั ซงึ่ พบไดบ้ อ่ ยกวา่ บคุ คลท่วั ไป
12 Flow chart การวนิ ิจฉัยเดก็ ทีม่ คี วามพิการทางสติปญั ญา พฒั นาการชา้ /ปัญหาการเรยี น/ พฤติกรรม/สงสยั ID ประเมนิ ปัญหาทางกาย จิต สงั คม ภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา IQ test/ ประเมินพฤตกิ รรมการปรบั ตน+ Adaptive test บกพรอ่ งตามเกณฑ์ ไม่ ภาวะบกพรอ่ งทาง Achievement test ไม่ สติปัญญา(ID) ผิดปกติ LD ประเมนิ เพ่ือหาสาเหตแุ ละความผิดปกติ แนะนา ทีร่ ว่ มดว้ ย แนะนาดตู าม แนวทางและตดิ ตาม
13 การออกเอกสารรับรองความพกิ าร
14 การออกเอกสารรบั รองความพิการ บัตรประจา่ ตวั คนพกิ าร ขนั้ ตอนการบรกิ ารออกบตั รประจา่ ตัวคนพิการ 1. คนพิการ หรอื ผปู้ กครอง/ผพู้ ทิ กั ษ/์ ผอู้ นบุ าล/ผดู้ แู ลคนพิการ ยนื่ คารอ้ ง 2. เจา้ หนา้ ทร่ี บั คารอ้ งตรวจสอบหลกั ฐานประกอบคาขอมีบตั ร 3 นาที 3. สอบขอ้ เท็จจรงิ ตามแบบฟอรม์ และบนั ทกึ ขอ้ มลู ในระบบ 10 นาที 4. ถ่ายรูปคนพิการนารูปเขา้ ระบบคอมพิวเตอร์ 2 นาที 5. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู และพมิ พบ์ ตั รประจาตวั คนพกิ าร 5 นาที 6. มอบบตั รคนพกิ าร คุณสมบตั ขิ องคนพกิ ารทย่ี น่ื ค่าขอ 1. เป็นบคุ คลผมู้ สี ญั ชาติไทย 2. บคุ คลทีย่ งั ไมไ่ ดแ้ จง้ เกิดหรอื บคุ คลทไ่ี มป่ รากฏแน่ชดั วา่ สญั ชาตไิ ทย ตอ้ งดาเนินการตามขนั้ ตอนตามพระราชบญั ญัตกิ ารทะเบยี นราษฎร์ พ.ศ.2534 และท่แี กไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ 2) กอ่ น สถานทยี่ นื่ ค่าขอมบี ตั รประจา่ ตวั คนพกิ าร กรุงเทพมหานคร 1. ฝ่ายสงั คมสงเคราะหง์ านเวชศาสตรฟ์ ื้นฟู โรงพยาบาลศิรริ าช 2. ฝ่ายสงั คมสงเคราะห์ สถาบนั สขุ ภาพเด็กแหง่ ชาตมิ หาราชินี 3. โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ ตา่ งจงั หวดั 1. โรงพยาบาลประจาจงั หวดั /อาเภอ ทมี่ ีศนู ยบ์ รกิ ารแบบเบด็ เสรจ็ ใน โรงพยาบาล 2. องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น 3. หนว่ ยงานของรฐั อืน่ ตามท่ีผวู้ า่ ราชการจงั หวดั
15 เอกสารหลักฐานประกอบการยื่นคาขอมีบตั ร ประจาตวั คนพิการ 1. เอกสารหลกั ฐานของคนพกิ าร 1.1 เอกสารประจาตวั อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง ดงั นี้ ก. บตั รประจาตวั ประชาชน ข. บตั รประจาตวั ขา้ ราชการ ค. สตู ิบตั รสาหรบั บคุ คลอายตุ า่ กวา่ สิบหา้ ปี ง. หนงั สอื รบั รองการเกิดตามแบบท่กี รมการปกครองกาหนด 1.2 ทะเบียนบา้ นของคนพิการ กรณีที่คนพิการมที ะเบยี นบา้ น แตไ่ มม่ ีบตั รประชาชน ตอ้ งดาเนินการตาม ขนั้ ตอนตามพระราชบญั ญตั กิ ารทะเบยี นราษฎร์พ.ศ.2534 และท่ีแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2551 กอ่ น 1.3 รูปถา่ ยคนพิการ ขนาด 1 นิว้ ถา่ ยมาแลว้ ไมเ่ กิน 6 เดอื น จานวน 2 รูป ในกรณี ท่ีคนพิการไมไ่ ดม้ ายนื่ คาขอดว้ ยตนเอง 1.4 เอกสารรบั รองความพกิ าร ซงึ่ รบั รองโดยผปู้ ระกอบวชิ าชีพเวชกรรมของ สถานพยาบาลของรฐั หรอื สถานพยาบาลเอกชนทอี่ ธิบดปี ระกาศกาหนด 1.5 สภาพความพิการเป็นท่ีเหน็ ไดโ้ ดยประจกั ษ์ ใหเ้ จา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั คาขอถ่ายสภาพ ความพกิ ารไวเ้ ป็นหลกั ฐาน 2 เอกสารหลกั ฐานของผดู้ แู ลคนพกิ าร (เป็นผซู้ งี่ มชี ่อื อยใู่ นทะเบียนบา้ นเดียวกนั กบั คนพิการ หรอื เป็นผดู้ แู ลคนพิการซ่งี คนพิการอาศยั อยดู่ ว้ ยตามความเป็นจรงิ ) 2.1 บตั รประชาชนของผดู้ แู ลคนพกิ าร 2.2 ทะเบยี นบา้ นของผดู้ แู ลคนพิการ
สิทธิประโยชนแ์ ละความคมุ้ ครองคนพกิ าร 16 การคุม้ ครองสทิ ธคิ นพกิ ารทางการศกึ ษา ในเรื่องการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือแผนการศึกษ า แห่งชาติตามความเหมาะสมในสถานศึกษาเฉพาะ หรือในสถานศึกษาท่ัวไป หรือ การศึกษาทางเลือก หรือการศึกษานอกระบบ โดยใหห้ น่วยงานท่ีรบั ผิดชอบเกี่ยวกบั ส่ิง อานวยความสะดวกส่ือ บริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษาอย่างท่ัวถึง การคมุ้ ครองสิทธิคนพกิ ารด้านการประกอบอาชีพและการมงี านทา่ ในเรือ่ งการฟื้นฟูสมรรถภาพดา้ นอาชีพ การใหบ้ รกิ ารที่มีมาตรฐาน การคุม้ ครอง แรงงาน มาตรการเพื่อการมีงานทา ตลอดจนไดร้ บั การสง่ เสรมิ ประกอบอาชีพอสิ ระ และ บรกิ ารส่ือ สง่ิ อานวยความสะดวกเทคโนโลยี หรือความชว่ ยเหลืออนื่ ใด เพื่อการทางาน และประกอบอาชีพของคนพิการ การคุ้มครองสทิ ธคิ นพกิ ารทางสงั คมและสวสั ดกิ ารสงั คม เพื่อใหก้ ารคมุ้ ครองสทิ ธิคนพิการทางสงั คมและสวสั ดิการสงั คมเป็นไปอย่างท่วั ถึง เช่น การใหบ้ ริการล่ามภาษามือ การช่วยเหลือทางกฎหมาย การจดั ใหม้ ีผชู้ ่วยคนพิการ การปรบั สภาพแวดลอ้ มท่ีอยอู่ าศยั ใหแ้ ก่คนพกิ าร การช่วยเหลือคนพิการท่ีไม่มีผดู้ แู ล การ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ผดู้ แู ลคนพกิ าร และการจดั สวสั ดกิ ารเบยี้ ความพกิ าร การจดั ใหม้ สี งิ่ อา่ นวยความสะดวก การจดั ใหม้ ีสง่ิ อานวยความสะดวกที่คนพิการเขา้ ถงึ ได้ เพ่ือคมุ้ ครองสทิ ธิคนพิการมี ใหส้ ภาพแวดลอ้ มเป็นอปุ สรรคตอ่ การเขา้ มามีสว่ นรว่ มทางสงั คมสาหรบั คนพิการ กรมสง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนพกิ าร
17 ครอบครวั คอื สง่ิ ที่สาคัญที่สุด เพราะครอบครวั คือพ้นื ฐานของการเรยี นรู้
18 การเสรมิ สร้างศักยภาพครอบครวั การเสริมสร้างศักยภาพครอบครัว ในการดูแลผู้ที่มีความบกพร่องทาง สติปัญญาโดยการใหค้ วามรู้ ปรบั เจตคติ และฝึกปฏิบตั ิ เพื่อเพิม่ พูนทกั ษะในการดแู ล เสริมสรา้ งใหค้ รอบครัวมีศกั ยภาพ และม่นั ใจในศักยภาพที่มีอยู่รวมทั้งปรบั ความ คาดหวังใหต้ งั้ อย่บู นพืน้ ฐานที่เป็นจรงิ ดว้ ย เพ่ือลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทาง จติ เวชครอบครวั ควรมคี วามเขา้ ใจในเบอื้ งตน้ ดงั นี้ 1. ยอมรบั ความเป็นจรงิ ในสภาพปัญหา แตไ่ มย่ อมแพต้ อ่ สภาพปัญหา 2. ครอบครัวมีบทบาทสาคัญที่สุดในการดูแลช่วยเหลือ ส่วนแพทย์และ ผเู้ ช่ยี วชาญสาขาตา่ งๆ มีบทบาทในการใหค้ าปรกึ ษา แนะนาวิธีการทเี่ หมาะสม 3. เด็กจะมีขั้นตอนของพัฒนาการเช่นเดียวกับเด็กปกติท่ัวไป เพีย งแต่ พฒั นาการแตล่ ะขนั้ จะใชเ้ วลานานกวา่ การฝึกฝนทกั ษะตา่ งๆ จงึ ควรทาอยา่ งตอ่ เน่ือง 4. เด็กที่ไดร้ บั การฝึกฝนท่ีดีและสม่าเสมอตั้งแต่แรก จะสามารถประกอบ กิจวัตรประจาวันได้ และเม่ือเด็กโตขึน้ จะสามารถดาเนินชีวิตในสงั คมไดด้ ีเพียงใด ขนึ้ กบั คณุ ภาพของการศกึ ษา การฝึกฝน และความรุนแรง 5. เด็กตอ้ งการความรกั ความเขา้ ใจเชน่ เดียวกบั เดก็ ท่วั ไป 6. ใหก้ าลังใจกับความพยายามของเด็ก เปิดโอกาสในการทาส่ิงต่างๆตาม ความสามารถ 7. เน้นการเรียนรูใ้ นครอบครัวและชุมชน เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้า กับ สิง่ แวดลอ้ มไดง้ า่ ย ลกู คอื ความพเิ ศษ ที่มีค่ามากทส่ี ุด
การใหค้ า่ ปรึกษาส่าหรบั ครอบครวั 19 การใหค้ ่าปรกึ ษาส่าหรบั ครอบครัว 1. เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจสภาพปัญหา การดาเนินของปัญหา แนวทางการดแู ลรกั ษา ปรับความคาดหวังที่มีต่อตัวเด็กใหเ้ หมาะสมตามความเป็นจริง และจัดการ ความเครยี ดภายในครอบครวั 2. ใหค้ าปรึกษาทางพันธุศาสตร์ ในกรณีที่พบว่ามีสาเหตุจากโรคทาง พนั ธกุ รรม ใหข้ อ้ มลู เพอ่ื ชว่ ยในการตดั สินใจวางแผนครอบครวั อยา่ งเหมาะสม และ ป้องกนั การเกิดซา้ การใหค้ า่ แนะนา่ และความรแู้ กพ่ อ่ แม่ 1. จุดมุ่งหมายสูงสุดของการฝึกสอนเด็ก เพื่อให้เด็กไดม้ ีความเป็นอยู่ ใกลเ้ คียงคนปกติ 2. เด็กจะพฒั นาความสามารถไดม้ ากหรอื นอ้ ยขนึ้ อยกู่ บั ปัจจยั ดงั นี้ 2.1 ระดับของภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญา เด็กท่ีมีภาวะบกพร่อง ทางสตปิ ัญญาระดบั นอ้ ยจะ มีโอกาสพฒั นาใหส้ ามารถดาเนินชวี ิตไดใ้ กลเ้ คยี งเด็ก ปกติมากกวา่ เดก็ ทม่ี ีภาวะบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาระดบั ปานกลางหรอื รุนแรง 2.2 ความผิดปกติที่พบร่วมต่างๆ ที่เป็ นอุปสรรคต่อการฟื้ นฟู สมรรถภาพ ทาใหไ้ มป่ ระสบผลดีเทา่ ท่คี วร 2.3 การสง่ เสรมิ พฒั นาการ ถา้ เด็กไดร้ บั การส่งเสรมิ พฒั นาการในวยั เยาว์ จะมีความพรอ้ มในการเรียนรว่ มกับเด็กปกติในโรงเรียนท่วั ไป มากกว่าการ ฝึกเม่ือเดก็ โตแลว้ 2.4 ความร่วมมือของครอบครัว มีความสาคัญต่อเด็กท่ีมีภาวะ บกพรอ่ งทางสติปัญญามากที่สดุ ตงั้ แต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต จึงควรเขา้ ใจความ บกพรอ่ ง ขอ้ จากดั ของความสามารถ ความตอ้ งการพิเศษ คาดหวงั อยา่ งเหมาะสม ตลอดจนอบรมเลยี้ งดแู ละฝึกสอนในทศิ ทางทีถ่ กู ตอ้ ง
20 การดูแลเดก็ ทม่ี คี วามตอ้ งการพเิ ศษ ในสถานการณ์ covid-19
21 มาตรการจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณะสขุ มาตรการควบคมุ หลัก 1. จดั หาอปุ กรณก์ ารปอ้ งกนั ตนเองและอปุ กรณล์ า้ งมือ เชน่ สบู่ เจลแอลกอฮอล์ และหนา้ กากอนามยั ใหเ้ พียงพอ 2. มีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับบริบทการเขา้ ถึงการ เรยี นรูข้ องนกั เรยี น 3. มมี าตรการสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นไดร้ บั บรกิ ารสขุ ภาพขนั้ พนื้ ฐานอยา่ งท่วั ถงึ 4. มมี าตรการการทาความสะอาดและจดั สภาพแวดลอ้ มของที่พกั และเรือนนอน ใหถ้ กู สขุ ลกั ษณะ ข5อ.้ บมญัีมาญตตั รกิ กาารรปกฏาบิ รตัทดิ าา้คนว3.าศอมาาสสกนะารกอติจาอ้ ดงปแรลาะกฎจกัด่อสนภอาายพุ แ18วดปีลอ้ มใหส้ อดคลอ้ งกับ 6. มีมาตรการดแู ลนกั เรยี นท่ีมคี วามบกพรอ่ งดา้ นพฒั นาการ การเรยี นรู้ หรอื ดา้ น พฤติกรรมอารมณ์ มาตรการเสรมิ 1. สนบั สนนุ วสั ดอุ ปุ กรณก์ ารปอ้ งกนั โรคโควิด-19 2. ดาเนินงานตามแนวทางพฒั นากิจกรรมผเู้ รยี นขอกระทรวงศกึ ษาธิการ กรณีมีขอ้ จากดั ดา้ นเทคโนโลยที างการศกึ ษา 3. ใชส้ ื่อสรา้ งความเขา้ ใจเรอ่ื งโรคโควิด-19 และแนวทางการดแู ลตัวเอง โดยคานึงถึงขอ้ จากดั ทาง ภาษาและสงั คม กลมุ่ นกั เรยี นพิการเรยี นรว่ ม เม่อื ตกอยใู่ นสถานการณ์ท่ี แย่กาลงั ใจจากครอบครัว สาคัญท่ีสุดนะคะ
22 คุณแม่ มี covid-19 แบบนคี้ ณุ แม่จะสอนน้องอย่างไรคะ ง่ายมากเลยค่ะ ทางเราจะส่งคู่มือการสอน กิจกรรมทางกายส่าหรับเด็กท่ีมีความบกพร่องทาง สตปิ ญั ญาใหค้ ณุ แมเ่ องค่ะ ☺ ว้าว! น่าสนใจมากเลยคะ่
23 การสอนกจิ กรรมทางกาย สา่ หรบั เด็กที่มีความบกพรอ่ งทางสติปญั ญา (ฉบบั ผปู้ กครอง)
24 ทกั ษะการเคล่อื นไหวแบบไมเ่ คลื่อนท่ี Non-Locomotor Movement การดงึ การพยายามทาใหว้ ตั ถเุ ขา้ มาหารา่ งกายโดยการใชม้ ือ การดงึ โดยหนั หน้าเข้าหาวัตถุ วิธกี ารปฏบิ ตั ิ ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ยิ นื หนั หนา้ เขา้ หาวตั ถุ ระยะห่างพอประมาณ ใชม้ ือทงั้ สองขา้ งจบั ยดึ วตั ถุ จากนนั้ คอ่ ยๆ เอนตวั ไปดา้ นหลงั โดยกา้ วเทา้ ไปทางดา้ นหลงั เล็กนอ้ ย และ ใชแ้ รงดงึ เขา้ หาตวั หรอื แรงถีบเทา้ ชว่ ยออกแรง
25 การดัน การพยายามทาวตั ถใุ หห้ า่ งออกจากรา่ งกาย เชน่ การดนั รถยนต์ การดนั กา่ แพง วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบัติหนั หนา้ ไปทางวัตถุ ใชม้ ือวางท่ีวตั ถุ โนม้ ตวั ไปด้านหนา้ เพื่อใหแ้ นว แรงที่สง่ ออกไปจากเทา้ สมู่ ือคอ่ ยๆ ออกแรงดนั ไปท่วี ตั ถุ
26 การแกวง่ การใชแ้ ขนหรอื ขา เคลอ่ื นไหวแบบลกู ตมุ้ เป็นเสน้ โคง้ ครง่ึ วงกลมหรอื วงกลม เชน่ การแกวง่ แขนแบบเหยียดแขนขา้ งเดียวหรอื สองขา้ ง การแกวง่ แขน แบบเหยียดแขนสลบั ขนึ้ ลงซา้ ย-ขวา การงอศอกแกวง่ แขน การแกว่งแขนแบบเหยยี ดแขนข้างเดยี ว วิธกี ารปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบตั ิยนื ตรงปลายเทา้ ชีไ้ ปดา้ นหนา้ แขนทงั้ สองขา้ งหนั ฝ่ ามือเขา้ หาลาตวั เหยียดแขนตรง ค่อยๆ ออกแรงยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้น ปลายมือชีไ้ ปทาง ดา้ นหนา้ ออกแรงยกแขนต่อเนื่องใหแ้ ขนอย่ขู า้ งศีรษะหรอื อาจจะเลยศีรษะไปทาง ดา้ นหลงั เลก็ นอ้ ย แลว้ คอ่ ยๆ ลดมอื ลง ตามแนวเดียวของการเคลอ่ื นไหวขา้ งตน้
27 การโยกตวั การโยกตวั ไปทางซา้ ย-ขวา โดยการถา่ ยนา้ หนกั ตวั จากดา้ นหนึง่ ไปยงั อีกดา้ นหน่งึ การโยกตัว วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏบิ ตั ิเรม่ิ ตน้ จากการยนื ตรง แยกเทา้ ทงั้ สองขา้ งกวา้ งกว่าช่วงไหล เล็กนอ้ ย และกางแขนทงั้ สองขา้ ง จากนัน้ ค่อยๆ ถ่ายนา้ หนกั ตวั ไปที่เทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึง แลว้ โยกตวั เปลี่ยนถ่ายนา้ หนกั ตวั ไปทเี่ ทา้ อกี ขา้ งหน่งึ ตอ่ เน่ืองไปมา
28 การบดิ ตวั การทาใหส้ ว่ นตา่ งๆของรา่ งกายบดิ ไปจากแกน เชน่ การบดิ ลาตวั การบิดปลายแขน การบดิ ตวั วธิ ีการปฏบิ ตั ิ บิดลาตัวไปทางด้านซ้าย โดยเท้าทั้งสองข้างไม่เคลื่อนท่ีแต่ส ามารถ เคล่ือนไหว ไดเ้ ลก็ นอ้ ยแลว้ บิดกลบั ไปทางดา้ นขวา โดยทาตอ่ เนื่องหลายๆ ครงั้
29 การทรงตวั นงิ่ การรกั ษาสมดลุ ของรา่ งกาย เชน่ การยืนกางแขน การยืนขาเดียว การยนื ทรงตวั สองเทา้ บนวตั ถทุ ี่ไมเ่ รยี บ การยนื ขาเดยี ว วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ผู้ปฏิบัติเร่ิมตน้ จากการยืนตรง ปลายเทา้ ทั้งสองชีต้ รงไปดา้ นหน้า ถ่าย นา้ หนักตวั ไปท่ีเทา้ ทงั้ สองขา้ งใหร้ ูส้ ึกม่นั คง จากนัน้ กางแขนทั้งสองขา้ งเพื่อรกั ษา สมดลุ ของร่างกาย งอเข่าขา้ งใดขา้ งหนึ่งไปทางดา้ นหลงั แลว้ พยายามยืนทรงตัว ดว้ ยเทา้ ขา้ งเดยี ว
30 การยดื เหยยี ด การน่ังงอตัว วิธกี ารปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏบิ ตั ิเรมิ่ ตน้ ดว้ ยการน่งั หลงั ตรง เหยยี ดขาไป ทางดา้ นหนา้ จากนนั้ คอ่ ยๆ งอตวั ไปทาง ดา้ นหนา้ กม้ ศีรษะ แขนเหยยี ดตรงแตะทปี่ ลาย เทา้ ควบคมุ ใหป้ ลายเทา้ ชตี้ รงขึน้ ดา้ นบน การกม้ ตวั วิธีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏบิ ตั ิเรมิ่ ตน้ ดว้ ยการยนื ตรง คอ่ ยๆ กม้ ตวั ลง ไปดา้ นลา่ ง แขนเหยยี ดตรงแตะทปี่ ลายเทา้ ควบคมุ ใหเ้ ขา่ ไมง่ อ พยายาม เหยียดเขา่ ใหต้ รง
ทกั ษะการเคล่อื นไหวแบบเคลอ่ื นท่ี 31 Locomotor Movement การคลาน การเคลื่อนทโ่ี ดยใชแ้ ขนและขาเป็นตวั ออกแรงในการเคลอื่ นที่ ลักษณะลาตวั เป็นแนวราบกบั พนื้ หรอื ขนานกบั พนื้ เชน่ การคลานเข่า การคลานศอก การคลานเข่า วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ผู้ปฏิบัติจัดท่าคลาน โดยให้เข้าและมือทั้งสองข้างวางบนพื้น เป็ นรูป สเี่ หลย่ี มผืนผา้ ยกสะโพกขนึ้ ใหล้ าตวั ขนานกบั พนื้ ถ่ายนา้ หนักตวั ไปที่เข่าและมือทงั้ สองขา้ ง จากนัน้ ค่อยๆ ยกมือขา้ งหน่ึงขึน้ เคลื่อนที่ไปดา้ นหนา้ พร้อมกับงอสะโพก ยกเข่าดา้ นตรงข้ามกับมือท่ียกเคล่ือนท่ีไปด้านหน้าแล้ววางลงสู่พื้น สลับการ เคล่ือนไหวทงั้ ขา้ งซา้ ยและขา้ งขวาตอ่ เน่ืองกนั
32 การกลง้ิ การกลงิ้ มว้ นตวั ไปดา้ นขา้ ง มว้ นหนา้ มว้ นหลงั โดยใชก้ ารประสานงานของกลา้ มเนือ้ สว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย การกลง้ิ ตัวดา้ นขา้ ง วิธีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบตั ินอนหงายเหยยี ดตวั เทา้ ทงั้ สองขา้ งชิดกนั แขนทงั้ สองขา้ ง แนบลาตวั หรือเหยียดขึน้ เหนือศีรษะ จากนั้นพยายามออกแรง โดยใช้การออกแรงจาก แกนกลางลาตัวไปทางดา้ นข้าง หันศีรษะ ไปทิศทางท่ีจะกลิง้ ไป ควบคมุ ใหก้ าร เคลอื่ นที่ตรงท่ีสดุ ท่ีสามารถควบคมุ ได้
33 การเดนิ การเดินไปข้างหน้า วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบตั ิยืนตรงเหยียดแขนลงขา้ งลาตวั ปลายเทา้ ชีต้ รงไปดา้ นหนา้ จากนั้น ยกเทา้ ขา้ งใดขา้ งหนึ่งขนึ้ งอเข่าเล็กนอ้ ย แขนตรงกนั ขา้ มแกวง่ ไปดา้ นหนา้ เดินสลบั เทา้ และแขนตอ่ เน่ือง
34 การวง่ิ การเคลื่อนทีโ่ ดยมีการถา่ ยนา้ หนกั จากเทา้ ขา้ งหน่ึงไปสเู่ ทา้ อกี ขา้ งหนึง่ ขณะถ่าย นา้ หนกั นนั้ เทา้ ทงั้ สองขา้ งจะลอยขนึ้ จากพนื้ การว่ิงไปด้านหนา้ วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบตั ยิ ืนตรงเหยียดแขนสองขา้ งลงขา้ งลาตวั จากนนั้ เม่ือจะเริม่ ออกตวั ว่ิง ใหจ้ ดั ทา่ ของแขน โดยการงอศอกเพอื่ จะแกว่งแขนในขณะที่ว่ิง ยกเข่าซา้ ยขึน้ ตรงไป ดา้ นหนา้ แลว้ กา้ วเทา้ ขณะที่กาลงั จะกา้ วเทา้ ลงพืน้ ใหเ้ หยียดปลายขา วางเทา้ ลง กบั พืน้ โดยแขนขวาแกว่งมาทางดา้ นหนา้ แขนซา้ ยไปทางดา้ นหลัง กา้ วเท้า และ แขนสลบั กนั ตอ่ เน่ือง
35 การกระโดด กระโดดไปด้านหน้า วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ผูป้ ฏิบัติยืนตรงแยกเทา้ เท่าช่วงไหล่ แขนเหยียดลงขา้ งลาตวั หนา้ มองตรง จากนั้นย่อเข่าเล็กน้อย ลาตัวโน้มลงไปดา้ นหน้า พรอ้ มกับเหว่ียงแข นไป ทาง ดา้ นหลังเล็กน้อย จากนัน้ ออกแรงขาทงั้ สองขา้ งกระโดดไปทิศทางดา้ นหน้า แลว้ เหยียดลาตัวและแขนขึน้ ตัวจะลอยอยู่กลางอากาศโดยลาตัว จะถูกเหยียดออก เล็กนอ้ ย การลงสพู่ นื้ ใหย้ อ่ เขา่ ลงเลก็ นอ้ ย ขณะทเี่ ทา้ กาลงั จะตกลงสพู่ นื้
การกระโดดสลบั เทา้ 36 การเคล่ือนทด่ี ว้ ยการกา้ วเทา้ ใดเทา้ หน่ึง พรอ้ มกระโดดเขยง่ ดว้ ยเทา้ นั้น สว่ นขาอีก ขา้ งหนงึ่ ใหง้ อเขา่ ยกขนึ้ แลว้ เคลอ่ื นทไ่ี ปโดยสลบั ขากระโดดเขยง่ การกระโดดสลับเท้าไปดา้ นหน้า วิธีการปฏบิ ตั ิ ผปู้ ฏิบตั ิยนื เทา้ นาดว้ ยเทา้ ซา้ ย แขนเหยียดลงขา้ งลาตวั หนา้ มองตรง กา้ วเทา้ ซา้ ยไปดา้ นหนา้ กระโดดเขยง่ เทา้ ซา้ ยส่งแรงขึน้ ไปดา้ นบน งอเข่าขวายกขึ้น เหว่ียง แขนซา้ ยไปดา้ นหนา้ แขนขวาไปดา้ นหลงั ลงสพู่ นื้ ดว้ ยเทา้ ซา้ ยก่อน แล้วจึงตามดว้ ย เทา้ ขวา จากนนั้ กระโดดเขยง่ ดว้ ยเทา้ ขวาสง่ แรงขนึ้ ไปดา้ นบน งอเข่าซา้ ยแลว้ ยกเข่า ซา้ ยขนึ้ ขาขวาเหยยี ดตรงสพู่ นื้ ดว้ ยเทา้ ขวากอ่ น ทาสลบั เทา้ ตอ่ เน่ือง
37 การโยน การโยนบอลสองมอื ล่าง วิธกี ารปฏบิ ตั ิ ผูป้ ฏิบตั ิยืนแยกเทา้ ประมาณช่วงไหล่ ลูกบอลวางอย่บู นมือสองข้าง มือทั้ง สอง ประคองจับค่อนไปดา้ นลา่ งของลกู บอล เหยียดแขนตรงเฉียงไปทางดา้ นล่าง สายตามองที่ลกู บอล จากนนั้ ค่อยๆ ออกแรงเหวี่ยงแขนขึน้ ทงั้ สองขา้ ง ใหเ้ ทา่ กันไป ดา้ นบน สายตามองเปา้ หมายที่จะโยนขึน้ เมื่อแกวง่ แขนขนึ้ ขนานกบั หัวไหล่ ใหอ้ อก แรงปลอ่ ยลกู บอลออกจากมือและสง่ แรงตามไป ในทิศทางของลกู บอล เมื่อลกู บอล กาลงั ตกลงใหเ้ ตรยี มรบั บอลดว้ ยมอื สองขา้ ง
38 เดก็ ทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางดา้ นสตปิ ญั ญาตอ้ ง ได้รบั การฟนื้ ฟดู า้ นไหนบา้ งนะ?
39 แนวทางการฟืน้ ฟูสมรรถภาพ ช่วงแรกเกิด-6 ปี เนน้ การฟื้นฟสู มรรถภาพดา้ นการแพทย์ ซงึ่ รวมทงั้ การส่งเสริมป้องกัน บาบดั รกั ษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ นอกจากการส่งเสริม สุขภาพเช่นเด็กปกติ การบาบัดรักษาความผิดปกติที่อาจ พบร่วมด้วย เช่น โรคหวั ใจพิการแต่กาเนิดหรือภาวะพรอ่ งไทรอยดฮ์ อรโ์ มนที่พบในกลุ่มอาการ ดาวนซ์ นิ โดรมแลว้ จะใหก้ ารสง่ เสรมิ พฒั นาการเพ่ือพฒั นาทกั ษะดา้ นกลา้ มเนือ้ มดั ใหญ่ กลา้ มเนือ้ มดั เล็กและสติปัญญา ภาษา สงั คมและการช่วยเหลือตนเอง เพือ่ ใหเ้ ด็กมีความพรอ้ มในการศกึ ษาและพฒั นาทกั ษะตอ่ ไป ช่วงอายุ 7-15 ปี เป็นการฟื้นฟสู มรรถภาพดา้ นการศกึ ษา มีการจดั การ การศกึ ษาโดยมีแผนการศกึ ษาสาหรบั แต่ละบคุ คล ในโรงเรียนซึง่ อาจเป็ นการ เรยี นในชนั้ เรยี นรว่ ม หรอื มีการจดั การศกึ ษาพิเศษ ชว่ งอายุ 15-18 ปี เป็นการฟื้นฟสู มรรถภาพดา้ นสงั คมและดา้ นอาชีพ มกี ารฝึกวิชาชพี และ ลกั ษณะนิสยั ที่ดีในการทางาน ทงั้ นีเ้ พ่ือใหบ้ คุ คลท่ีมีภาวะ บกพรอ่ งทางสติปัญญา สามารถดารงชวี ิตอสิ ระ ในสงั คมไดอ้ ยา่ งคนปกติ การดูแลลกู กเ็ หมอื นการเล่นเกม เหมือนการทเี่ ราได้ทามชิ ช่ันใหส้ าเร็จไปแตล่ ะด่าน และเห็นลูกเตบิ โตและอัพสกลิ ของตนเองได้ น่ันคือความสุขของพ่อแม่
40 การฟ้นื ฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์ เป็นการบริการทางการแพทยช์ นิดหน่ึง เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค ประเมิน รกั ษา ฟื้นฟสู มรรถภาพ ดว้ ยวิธีการใชย้ า การทาหตั ถการ การใชเ้ ครอื่ งมอื การออกกาลงั กาย จาเพาะ การใหค้ าแนะนาทางการแพทย์ การใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยเหลือหรือทดแทน หรือ วิธีการอ่ืนๆ อีกทงั้ ยังม่งุ ส่งเสริมสขุ ภาพ และป้องกนั การเป็นซา้ หรือภาวะแทรกซอ้ น ใหก้ บั บคุ คลท่วั ไป และผปู้ ่ วยทม่ี ีความพิการหรอื สมรรถภาพเสื่อมถอย ทงั้ ทางรา่ งกาย ทางสตปิ ัญญา ทางการเรยี นรู้ ทางการส่อื ความหมาย และทางจิตใจ โดยใชบ้ คุ ลากรที่ เก่ียวข้องจากหลายๆสาขา ร่วมกันใหก้ ารรกั ษาและฟื้นฟู เพื่อส่งเสริมศักยภาพท่ี เหลอื อยขู่ องผปู้ ่ วยนนั้ ๆ ใหส้ ามารถดารงชวี ติ ในสภาวะแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมได้ เพ่ือให้ เป็นภาระตอ่ คนรอบขา้ งและสงั คมใหน้ อ้ ยท่สี ดุ ประกอบไปดว้ ย 1. การส่งเสรมิ พฒั นาการ หมายถึง การจดั โปรแกรมการฝึกทักษะที่จาเป็นใน การเรยี นรู้ เพอ่ื นาไปสพู่ ฒั นาการปกติตามวยั ของเด็ก เพื่อเตรยี มเด็กใหม้ ีความพรอ้ ม ในการเรยี น โดยเนน้ บทบาทของพอ่ แมแ่ ละผเู้ ลยี้ งดใู นการฝึกเด็กอยา่ งสมา่ เสมอ 2. กายภาพบาบัด กรณีท่ีมีกลา้ มเนือ้ อ่อนน่ิม หรือมีอาการเกร็งของแขน ขา ลาตวั เพ่อื ชว่ ยลด การยดึ ตดิ ของขอ้ ตอ่ และการสญู เสียกลา้ มเนือ้ 3. กิจกรรมบาบดั ฝึกการใชก้ ลา้ มเนือ้ มัดเล็ก การทางานประสานกันของตา และมือ ไดแ้ ก่ การใชม้ อื หยบิ จบั สิง่ ของ 4. การแก้ไขการพูด ฝึกใชก้ ลา้ มเนือ้ ในการพูด เปล่งเสียงและออกเสียงให้ ถกู ตอ้ ง 5. การรกั ษาดว้ ยยา • กรณีท่มี โี รคทางกายทีจ่ า่ เปน็ ต้องได้รบั การรักษาด้วยยา เช่น ยากันชัก ในเดก็ ทมี่ โี รค ลมชกั ร่วมด้วย ไทรอยดฮ์ อร์โมนในกรณที ่ีมภี าวะพรอ่ งไทรอยด์ ฮอรโ์ มน เป็นต้น • กรณที ่ีมีปัญหาพฤติกรรม, อาจพจิ ารณาใชย้ าในกรณที ีม่ ปี ญั หารนุ แรง
41 ยาทีใ่ ชใ้ นเดก็ ท่มี ภี าวะบกพร่องทางสติปญั ญา ท่ีมปี ัญหาพฤติกรรม ปัญหาพฤตกิ รรม ประเภทของยา ยา Short-acting stimulants Methylphenidate (Ritalin) สมาธสิ น้ั ไมอ่ ยู่นง่ิ Long-acting stimulants Methylphenidate (Concerta) Other medications Clonidine Atomoxetine (Strattera) ก้าวร้าว Antipsychotics -conventional Haloperidol (Haldol), (ท่ารา้ ยตนเอง,ทา่ รา้ ยผอู้ ่นื ) -atypical Risperidone(Risperdal), Aripiprazole (Abilify) Mood stabilizers Sodium valproate (Depakine), Carbamazepine (Tegretol) Antipsychotics Haloperidol (Haldol), Risperidone (Risperdal) การเคลอ่ื นไหวซ้่าซาก -conventional -atypical **การใช้ยาตอ้ งอย่ใู นการดูแลของแพทยเ์ ท่าน้นั
การใชย้ าในเดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา 42 ที่มีปญั หาพฤตกิ รรม การใชย้ าในเดก็ ท่ีมคี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ัญญาท่มี ีปัญหาพฤติกรรม เป็น การชว่ ยใหเ้ ด็กมสี มาธิ และควบคมุ ตนเองไดบ้ า้ ง ควรใชร้ ว่ มกบั การปรบั พฤตกิ รรม แตก่ ารที่เดก็ ที่มีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา จะมีทกั ษะความสามารถดขี นึ้ นนั้ เดก็ ตอ้ งไดร้ บั การฟื้นฟสู มรรถภาพที่เหมาะสมตามชว่ งวยั การใชย้ าควรเรม่ิ ตน้ ดว้ ยขนาดยาตา่ งๆ และคอ่ ยๆ เพมิ่ ขนาดยา ควรระวงั ผลขา้ งเคยี งของยา และ ปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งยาทางจติ เวชกบั ยาอืน่ ที่ผูป้ ่ วยไดร้ บั อยู่ เชน่ ยากนั ชกั ประเมินผลการรกั ษาเป็นระยะ และ เมื่อผปู้ ่ วยมีอาการดีขนึ้ เป็นที่นา่ พอใจ ควรพจิ ารณาระดบั ยาท่เี ป็น maintenance dose ระยะเวลาหนงึ่ แลว้ คอ่ ยๆ ลดขนาดยาลง ระหว่างการใช้ยาควร สังเกตอาการบุตรหลานของ ท่าน หากบุตรหลานของท่าน แพย้ าควรพบแพทยท์ ันทีคะ่ **และไม่ควรซื้อยามารักษา อาการเองนะคะ ควรปรึกษา แพทย์และดาเนินการรักษาจะดี ท่สี ดุ คะ่
43 การรักษาดา้ นจิตสงั คม 1. การปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม คือ การลดพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา การ เพ่ิมพฤติกรรมที่เหมาะสม และการคงพฤติกรรมท่ีเหมาะสมใหม้ ีอย่างต่อเน่ือง วิธีการทีน่ ิยมใช้ ไดแ้ ก่ การใหร้ างวลั เมอื่ มพี ฤติกรรมท่ีตอ้ งการเกิดขึน้ การเบ่ียงเบน ความสนใจ การเพกิ เฉยหรอื หยดุ พฤติกรรมทีไ่ มเ่ หมาะสม เป็นตน้ 2.การปรบั เปล่ียนสภาพแวดลอ้ ม ลดตวั กระตนุ้ ต่างๆ เพ่ือลดความรุนแรง และความถี่ของพฤติกรรม 3.ให้การศึกษาแก่ผูป้ ่ วยและครอบครวั เพื่อใหเ้ ข้าใจปัญหา พฤติกรรม ความผิดปกติทางจิต และรูถ้ ึงวิธีจดั การกบั ปัญหา 4. การทาจิตบาบดั แบบกลมุ่ หรอื ตวั ตอ่ ตวั เพอื่ แกป้ ัญหา ส่งเสรมิ การเขา้ ใจ ตนเอง และการจดั การอารมณอ์ ยา่ งเหมาะสม 5. การเลือกใชเ้ ทคนิคใดขึน้ อย่กู ับความสามารถของผูป้ ่ วย ความร่วมมือ ของครอบครวั และความชานาญของทีมผรู้ กั ษา หากคนในครอบครัวเขา้ ใจ ในความพิเศษ ทกุ ๆอย่างกจ็ ะผา่ นไปดว้ ยดคี รบั
44 การฟน้ื ฟสู มรรถภาพ ทางการศกึ ษา การฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการศึกษา หมายถึง การใหบ้ ริการดา้ น การศึกษาพิเศษ เพื่อใหเ้ ยาวชนผูพ้ ิการมีโอกาสไดร้ บั การศึกษา เช่นเดียวกับ เด็กปกติท่วั ไป อาจจดั ใหไ้ ดห้ ลายรูปแบบ เช่น เยาวชนผพู้ ิการเรียน รว่ มในชนั้ เรียนปกติ เรียนกบั ครูการศกึ ษาพิเศษ ในหอ้ งสอนเสริม ในชนั้ เรยี นพิเศษ หรือ ในโรงเรยี นพเิ ศษ ควรเปิดโอกาสใหเ้ ด็กที่มีภาวะบกพรอ่ งทางสติปัญญาเรียนรว่ มกับเด็ก ปกติมากท่ีสุด การจัดการศึกษาพิเศษเฉพาะเด็กท่ีมีภาวะบกพร่องท าง สติปัญญาลว้ นๆ จะจดั ใหเ้ ท่าที่จาเป็นจริงๆเท่านัน้ แต่จะส่งเสริมการจดั การ เรยี นรว่ ม และ การเรยี นรวมใหม้ ากทีส่ ดุ 1. การเตรียมความพร้อม การจัดกิจกรรมการสอนต้องคานึงถึง ความสามารถของแตล่ ะบคุ คล เนื่องจากมกี ารเรียนรูช้ า้ การสอนจึงควรทาซา้ ๆ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ควรมีความหลากหลายและแตกต่างกนั ไป เพ่อื ไมใ่ หน้ า่ เบือ่ การสอนควรเรม่ิ จากส่ิงท่ีงา่ ยไปหายาก และใหเ้ รยี นกิจกรรมที่ เรยี นรูไ้ ดง้ า่ ยก่อน
45 การฟน้ื ฟสู มรรถภาพ ทางการศกึ ษา 2. การจัดกิจกรรมนันทนาการ เพื่อใหเ้ กิดความสนกุ สนานผ่อนคลาย และ พฒั นาทกั ษะดา้ นสังคม ใหส้ ามารถเลน่ กับเพ่ือนได้ รูก้ ฎกติกาของการเล่นและการ ปฏิบตั ติ น สามารถนาไปปรบั ใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั ตอ่ ไป 3. การปรับพฤติกรรม เป็นกระบวนการในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมจาก พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ตลอดจนการสรา้ งพฤติกรรมใหม่ การปรบั พฤติกรรมมี หลายวธิ ี เชน่ การใชแ้ รงเสรมิ การเป็นแบบอยา่ งที่ดี การใหร้ างวลั การสะสมเหรียญ หรือคะแนนเพื่อนามาแลกรางวัล อย่างใดอย่างหนึ่ง การเรียนของเด็กท่ีมีภาวะ บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา ควรพิจารณาตามความสามารถของเด็กมากกวา่ คา่ คะแนน IQ รายละเอียด ตามตาราง ระดบั การเรยี น นอ้ ย เรียนรว่ มกบั เดก็ ปกติหรอื เรยี นห้องเรียนพิเศษในโรงเรยี นปกติ ปานกลาง เรยี นห้องเรียนพิเศษในโรงเรียนปกติหรือเรียนในโรงเรียนพิเศษเฉพาะทาง
Search