วันมาฆบูชา “วนั เพญ็ ขึน้ 15 คา่ เดือน 3” วันมาฆบชู า 2564 ตรงกับวันศกุ ร์ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ อา่ น ประวตั วิ นั มาฆบชู า วันเพญ็ ข้ึน 15 ค่า เดือน 3 วันส่าคัญทางพระพุทธศาสนา วันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์ แก่พระภิกษุ จ่านวน 1,250 รูป ท่ีเวฬุวันวิหาร ในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย พระภิกษุสงฆ์เหล่าน้ีล้วนเป็นผู้ท่ีได้รับการ อุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจา้ และบรรลพุ ระอรหนั ตแ์ ล้วทุก ๆ องค์ วันนจ้ี งึ มีเกร็ดความร้เู กย่ี วกบั วนั มาฆบูชามาฝากกนั ค่ะ…..
วันมาฆบชู า ความหมายคอื อะไร คาวา่ \"มาฆะ\" นนั้ เป็นช่อื ของเดือน 3 ย่อมาจากคาวา่ \"มาฆบุรณมี\" หมายถงึ การบชู าพระในวัน เพ็ญกลางเดือนมาฆะ ตามปฏิทินของอนิ เดยี หรือเดือน 3 การกา่ หนดวันมาฆบชู า การกาหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจนั ทรคติของไทยนน้ั จะตรงกบั วันข้นึ 15 คา่ เดอื น 3 แต่ถา้ ปีใดมีเดือนอธกิ มาส คือ มเี ดอื น 8 สองคร้ัง วันมาฆบชู า กจ็ ะเลอ่ื นไปเปน็ วนั ขึ้น 15 ค่า เดอื น 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพนั ธ์หรือมนี าคม ซ่งึ วันมาฆบูชา 2564 ตรงกับวันศกุ รท์ ี่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ ประวัติวันมาฆบูชา ความสา่ คัญของวนั มาฆบชู า ความสาคญั ของวันมาฆบชู า คือ เปน็ วนั ทพ่ี ระสมั มาสมั พุทธเจ้าทรง แสดง \"โอวาทปาติโมกข์\" แก่พระสงฆเ์ ปน็ ครงั้ แรก หลงั จากตรสั รมู้ าแลว้ เป็นเวลา 9 เดือน ซง่ึ หลกั คา สอนนีเ้ ป็นหลักการและวิธีการปฏิบตั ติ า่ ง ๆ หากสรปุ เปน็ ใจความสาคญั จะมีเน้ือหาวา่ \"ทา่ ความดี ละเว้นความชว่ั ท่าจติ ใจให้บริสทุ ธ์ิ\" ทงั้ นี้ ในวนั มาฆบูชา ได้เกดิ เหตุอศั จรรยข์ ึน้ พรอ้ ม ๆ กนั ถงึ 4 ประการ อนั ไดแ้ ก่ 1. วันน้ันตรงกับวนั เพญ็ ขนึ้ 15 ค่า เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ 2. มีพระสงฆ์จานวน 1,250 รปู มาประชมุ พร้อมกันโดยมไิ ดน้ ัดหมาย ณ วดั เวฬุวนั เมือง ราชคฤห์ แคว้นมคธ เพ่อื สกั การะพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้า 3. พระสงฆ์ทมี่ าประชมุ ทัง้ หมดลว้ นแต่เป็นพระอรหันต์ ผไู้ ดอ้ ภิญญา 6 4. พระสงฆ์ทงั้ หมดไดร้ บั การอปุ สมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ \"เอหภิ กิ ขอุ ุปสมั ปทา\" และเพราะเกิดเหตอุ ศั จรรย์ 4 ประการขา้ งต้น ทาใหว้ นั มาฆบูชา เรยี กอกี ชอ่ื หน่งึ ไดว้ ่า \"วนั จาตุ รงคสนั นิบาต\" ซงึ่ คาวา่ \"จาตรุ งคสนั นิบาต\" มคี วามหมายตามการแยกศัพทค์ ือ - จาตุร แปลวา่ 4 - องค์ แปลวา่ สว่ น - สันนิบาต แปลว่า ประชมุ ดงั นัน้ \"จาตุรงคสนั นิบาต\" จงึ หมายความวา่ \"การประชุมด้วยองค์ 4\" นั่นเอง ทงั้ น้ี วนั มาฆบชู า ถือว่าเปน็ “วนั พระธรรม” วนั วิสาขบูชา ถอื ว่าเปน็ “วนั พระพุทธ” ส่วนวันอาสาฬหบูชา เปน็ “วันพระสงฆ”์
ประวัติวันมาฆบชู าในประเทศไทย พธิ ีทาบุญวนั มาฆบชู านี้ ไม่ปรากฏหลกั ฐานวา่ มีมาในสมยั ใด อยา่ งไรก็ตาม ในหนังสือ \"พระราช พธิ สี ิบสองเดือน\" อนั เป็นบทพระราชนพิ นธ์ของ \"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว\" มีเร่ืองราว เก่ยี วกับการประกอบราชกศุ ลมาฆบูชาไว้วา่ ประเทศไทยเริ่มกาหนดพิธีปฏิบัตใิ นวันมาฆบูชาเป็นคร้ังแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 4 ซง่ึ มกี ารประกอบพิธเี ป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2394 ในพระบรมมหาราชวงั ก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราช ประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จานวน 30 รูป มาฉันภัตตาหารในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม เมื่อถึงเวลาค่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทาวตั รเยน็ และสวดคาถาโอวาทปาตโิ มกข์ เม่ือสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เลม่ รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกคร้ังหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์ เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วย จีวรเน้ือดี 1 ผืน เงิน 3 ตาลึง และขนมต่าง ๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรบั ในสมัยรัชกาลที่ 4 น้ัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จออกประกอบพิธีด้วย พระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางคร้ังตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่น้ัน ๆ ข้ึนอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง ตอ่ มาการประกอบพธิ ีมาฆบชู าได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบ พิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศใหเ้ ปน็ วนั หยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุก สาขาอาชีพได้ไปวดั เพื่อทาบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา นอกจากนใ้ี นปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยประกาศใหว้ นั มาฆบูชา เปน็ วนั กตญั ญแู ห่งชาติ อกี ด้วย
วันมาฆบชู า กับหลักธรรมทค่ี วรนา่ ไปปฏบิ ตั ิ หลกั ธรรมท่ีควรนาไปปฏิบัตคิ ือ \"โอวาทปาติโมกข\"์ ซึง่ เปน็ หลกั คาสอนสาคญั อันเป็นหัวใจของ พระพุทธศาสนา เพอื่ นาไปสคู่ วามหลดุ พ้น หลกั ธรรมประกอบดว้ ย หลกั การ 3 อุดมการณ์ 4 และวธิ กี าร 6 ดังนี้ หลกั การ 3 คอื หลักค่าสอนท่ีควรปฏิบตั ิ ได้แก่ 1. การไมท่ า่ บาปทัง้ ปวง คือ การลด ละ เลกิ ทาบาปทง้ั ปวง อนั ได้แก่ อกศุ ลกรรมบถ 10 ซง่ึ เป็นทาง แหง่ ความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชัว่ ทางกาย (การฆ่าสตั ว์ การลกั ทรัพย์ การประพฤติผดิ ในกาม) ทางวาจา (การพูดเทจ็ การพูดสอ่ เสียด การพดู เพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบตั ขิ องผอู้ นื่ การผกู พยาบาท และ ความเหน็ ผดิ จากทานองคลองธรรม) 2. การท่ากุศลให้ถึงพร้อม คือ การทาความดีทุกอย่างตามกุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบยี นผ้อู ืน่ ไมเ่ อาสง่ิ ของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอ้ือเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติ ผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากไดข้ องผูอ้ ื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มคี วามเขา้ ใจถูกตอ้ งตามทานองคลองธรรม) 3. การท่าจิตใจให้ผ่องใส คือ ทาจิตใจให้บริสุทธ์ิ หลุดจากนิวรณ์ท่ีคอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึง ความสงบ ไดแ้ ก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท,้ ความฟุง้ ซ่าน และความลังเลสงสัย ซ่ึงท้ัง 3 หลกั การข้างตน้ สามารถสรุปใจความสาคัญได้ว่า \"ทาความดี ละเวน้ ความช่ัว ทาจิตใจให้ บรสิ ทุ ธ์\"ิ นั่นเอง อดุ มการณ์ 4 ได้แก่ 1. ความอดทน อดกล้ัน คือ ไมท่ าบาปท้ังกาย วาจา ใจ 2. ความไมเ่ บียดเบียน คอื งดเว้นจากการทาร้าย หรือเบยี ดเบียนผู้อื่น 3. ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัตติ นให้สงบทง้ั ทางกาย วาจา ใจ 4. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเปา้ หมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา วธิ กี าร 6 ไดแ้ ก่ 1. ไม่ว่ารา้ ย คือ ไมก่ ล่าวให้รา้ ย โจมตใี คร 2. ไมท่ าร้าย คือ การไมเ่ บยี ดเบยี นผู้อ่ืน 3. สารวมในปาฏิโมกข์ คอื เคารพระเบยี บวนิ ยั กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนยี มประเพณีอนั ดีงามของ สงั คม 4. รู้จักประมาณ คอื รูจ้ ักความพอดีในการบรโิ ภค รวมท้ังการใช้สอยส่ิงต่าง ๆ 5. อยู่ในสถานทส่ี งัด คอื อยู่ในสถานที่ที่มีสิง่ แวดล้อมที่เหมาะสม 6. ฝกึ หัดจิตใจให้สงบ คอื การฝึกหัดชาระจติ ใจใหส้ งบ มีประสิทธภิ าพทด่ี ี
กิจกรรมวันมาฆบูชาทค่ี วรปฏิบัติ การปฏิบัตติ นสาหรบั พุทธศาสนกิ ชนในวนั มาฆบชู า คือ ในตอนเชา้ ควรไปทาบญุ ตักบาตร ไปวัดเพ่อื ฟงั พระธรรมเทศนา หรือจัดสารับคาวหวานไปทาบุญถวายภตั ตาหาร ช่วงบ่าย ฟังพระ แสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เม่ือถึงตอนคา่ นาดอกไม้ ธปู เทยี น ไปเวียนเทยี น 3 รอบ ท่ีพระอุโบสถ โดยการเวยี นเทียนนัน้ จะเวยี นขวา จานวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดนิ อย่นู ้ันให้ ระลกึ ถงึ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนพี้ ุทธศาสนิกชนควรบาเพญ็ สาธารณประโยชน์ ตามสถานทีต่ ่าง ๆ และรักษาศลี สาหรับตามบา้ นเรอื น สถานทร่ี าชการ จะมกี ารประดับธงชาติ ธง ธรรมจักร เพ่ือระลึกถงึ วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ข้อเสนอแนะการจดั กิจกรรมทางวัฒนธรรมในวันมาฆบชู า กิจกรรมวันมาฆบชู าเกยี่ วกบั ครอบครัว กิจกรรมทีค่ รอบครัวควรทาในวนั มาฆบชู า อย่างเชน่ การทาความสะอาดบ้าน จัดแตง่ ท่ี บูชาประจาบ้าน ชกั ชวนครอบครัวไปทาบญุ ตักบาตร ฟังศีล ฟังธรรม บาเพ็ญกุศล ปฏบิ ัติธรรม รวมทง้ั ควรศึกษาหลักธรรมคาสั่งสอน และความสาคัญของวนั มาฆบชู าดว้ ย กิจกรรมวันมาฆบชู าเก่ยี วกบั สถานศกึ ษา ในสถานศกึ ษาเปน็ แหล่งเรียนรทู้ ีส่ าคญั อีกแหง่ โดยภายในสถานศกึ ษาควรมกี ารรว่ มราลกึ ถงึ ความสาคญั ของวันมาฆบูชา เช่น จดั นิทรรศการให้ความรู้ ประกวดเรียงความ ตอบปญั หา ธรรมะ บรรยายธรรม หรอื ร่วมกันทาบุญ ตกั บาตร เวียนเทยี น บาเพญ็ กุศล อกี ทงั้ ประกาศเกียรติ คณุ นกั เรียนผู้ทาประโยชน์ ประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งท่ีดี กิจกรรมวันมาฆบชู าเก่ยี วกับสถานท่ที ่างาน ควรประชาสัมพันธ์ในท่ีทางาน และจดั ใหม้ ีการบรรยายธรรม หรือบาเพญ็ ประโยชน์รว่ มกัน ร่วมทาบุญ บาเพญ็ กุศลรว่ มกัน
กจิ กรรมวนั มาฆบูชาเกีย่ วกบั สังคม ภาคส่วนตา่ ง ๆ ในสงั คม ไมว่ ่าจะเป็น วดั มลู นิธิ สมาคม ส่อื มวลชน สนามบนิ สถานรี ถไฟ ฯลฯ ควรช่วยกันประชาสัมพันธ์ความสาคัญของวันมาฆบชู า อาจเป็นการพิมพ์เอกสารใหค้ วามรู้ จดั ใหม้ กี ารเขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน เชน่ ทาบญุ ตกั บาตร ฟังธรรม ชว่ ยกันรณรงคใ์ ห้เลิก อบายมุข โดยรณรงค์ใหช้ ว่ ยกันทาประโยชน์ตอ่ สังคมแทน อาจช่วยกันปลกู ต้นไม้ ทาความสะอาด ทส่ี าธารณะ ฯลฯ ประโยชน์ที่จะไดร้ บั จากการจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา พทุ ธศาสนิกชนจะมคี วามรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกยี่ วกับความสาคญั ของวนั มาฆบูชา รวมทงั้ หลกั ธรรมต่าง ๆ ซึ่งจะทาใหเ้ กดิ ความตระหนกั ตอ่ ความสาคัญของพระพุทธศาสนา อกี ทงั้ ยงั เปน็ การปฏิบตั ิหน้าที่ในฐานะชาวพุทธ และยังเปน็ การชว่ ยธารงพระพทุ ธศาสนาให้สบื ตอ่ ไป ทีมา : http://hilight.kapook.com/view/20696
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: