ใบเนอ้ื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ที่ : 1/14วิทยาลัยเทคนคิ ทาหลวงซเิ มนตไ ทยอนสุ รณ แผนกวิชา ชา งซอมบาํ รุงเคร่อื งจักรกล เรอื่ ง : การวัดดว ยนาฬกิ าวัด นาฬิการวัด (Dial Gauge) นาฬิกาวัดเปนเครือ่ งมือวัดที่อานคาระยะทางการเคลื่อนทีข่ องแกนวัดดวยเข็มซึง่ ติดอยูกับหนาปทมโดยอานคาความแตกตางทีไ่ ดจากการอางอิงคามาตรฐานใด ๆ ใชวัดระดับความเปนระนาบ ความขนาน ระยะเยื้องศูนยเชนวดั เพื่อหาศูนยใ นงานกลึงไดล ะเอียดมากชนดิ ของนาฬิกาวัด (Type of Dial Gauge) นาฬิกาวัดทีม่ ีอยูใ นปจจุบัน พอที่จะจําแนกตามหลักการทํางานได 2 ชนิด คือ นาฬิกาวัดชนิดมาตรฐานและนาฬกิ าวัดชนิดคาน 6.1 นาฬิกาวัดชนดิ มาตรฐาน (Standard Type) คาความละเอยี ดของนาฬิกาวดั ชนดิ นี้ มีทั้งแบบ 0.01 มม. และ 0.001 มม. เม่ือหัวสัมผสั ถูกดนั ข้ึนเข็ม ยาวของหนาปท มจ ะหมนุ ตามเขม็ นาฬิกา เมื่อเข็มยาว หมุนครบ1 รอบ เข็มสั้นจะหมุนไป 1 ชอ งสเกล เม่ือ มองดูทห่ี นา ปท มของเข็มสน้ั จะทราบทนั ทีวาเขม็ ยาว หมุนไปก่ีรอบภาพที่ 6.1 แสดงลักษณะของนาฬกิ าวัดชนิดมาตรฐาน
ใบเน้อื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนที่ : 2/14 แผนก : แผนกวิชาชา งซอมบํารงุ เครอ่ื งจักรกลวทิ ยาลยั เทคนิคทา หลวงซเิ มนตไ ทยอนุสรณ เรื่อง : นาฬิกาวดั785 394 10 11 6 2 1 ภาพท่ี 6.2 สว นประกอบของนาฬกิ าวัดชนิดมาตรฐานhttp://www.amazonsupply.com/starrett-25-881j-indicator-9-525mm-graduation/dp/B0006J4RKYชอ่ื สว นประกอบ หนา ท่ี1. หวั วดั - เปนตวั สมั ผัสวดั หรอื ตรวจสอบชิน้ งานโดยตรง2. แกนเลอ่ื น - เปน ตวั จับยดึ หัววดั เมอื่ หัววดั ถกู ดนั โดยผิวชิ้นงาน แกนเลอื่ นขึ้น – ลง3. เขม็ ยาว - บอกคา ความคลาดเคลือ่ นของชิน้ งาน ภายหลังการสัมผัสชนิ้ งานของหวั วดั4. เขม็ วดั รอบ - บอกจาํ นวนรอบของเขม็ วา เคล่ือนท่ีไปเปนระยะทางเทาไร (มม.)5. แผน สเกล - บอกคาความละเอียด โดยแบงออกเปน 100 ชองเทา ๆ กัน เมือ่ เข็มยาวหมุนไป 1 รอบ6. กรอบนอก7. ขดี พิกดั จะอานคาได 1 มม.8. สกรลู ็อค - หมุนปรับใหจ ดุ ศนู ย (ขดี 0) ของแผนสเกลตรงกับเข็มยาวพอดีเพื่อทีจ่ ะกําหนดจุดเริม่ ตน9. กระจกหนา ปท ม10. ตวั เรอื น ในการอา นคา หรือตรวจสอบชิ้นงานในขัน้ ตอนตอ ไป11. กา น - กําหนดคา ของพิกัดทีย่ อมรบั หรอื คลาดเคล่ือนจากคา ท่กี ําหนด - ลอ็ คตาํ แหนงสเกลของหนา ปทม - ปองกนั ฝนุ หรือส่ิงแปลกปลอมเขาไปทําความเสียหายใหอุปกรณ หรือ สวนประกอบอื่น ๆ - ปอ งกัน หรอื ครอบอปุ กรณ (กลไกภายใน) ไมใหเกิดความเสยี หาย - สําหรบั จบั ยดึ อุปกรณ (ขาต้ัง) ใชใ นการตรวจสอบ หรอื วดั งาน
ใบเน้ือหา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ที่ : 3/14 แผนก : แผนกวชิ าชา งซอ มบํารุงเคร่อื งจักรกลวิทยาลัยเทคนิคทา หลวงซิเมนตไ ทยอนุสรณ เรื่อง : นาฬิกาวัด6.1.1 หลักการทํางานของนาฬิกาวดั หลักการทํางานของนาฬิกาวัดชนิดมาตรฐาน ภาพท่ี 6.3 แสดงกลไกการทํางานของนาฬิกาวดั ชนดิ มาตรฐาน การสงผานการเคลือ่ นที่ จากหัววัดไปยังเข็มยาว จะใชกลไกของเฟองเปนตัวสง จากภาพที่ 6.3เมือ่ แกน S เคลื่อนที่ขึ้นลง เฟองสะพาน ทีแ่ กนจะดันใหเฟองพิเนียนหมายเลข 1a นั้นหมุน เฟอง 1a จะมีแกนรว มกบั เฟอ งหมายเลข 1b เฟอ ง 1b จะขบอยูกับเฟอ งพเิ นยี นหมายเลข 2c ซึ่งตดิ อยกู บั เขม็ ยาว หรอื หนาปท ม ระยะทางการเคลอื่ นทข่ี องแกน และการเคล่ือนที่ของเขม็ สามารถกําหนดเปน คา คงท่ี ท่ีถูกตองดวย สัดสว นจาํ นวนเฟอง และชวงฟน ของแรค (เฟองสะพาน) ตัวอยางเชน เมื่อ S เคลื่อนท่ีไป 1 มม. เข็มยาวจะหมุนไป 1 รอบ แลวแบงสเกลออกเปน 100 ชอ งเทากันจะไดความกวางของชองสเกลเปน 0.01 มม. นอกจากนี้เข็มส้ันจะติดอยูกบั ฟนเฟอง 1b ดงั นั้นเมื่อเข็มยาวหมนุ ไป 1 รอบ เข็มสั้นจะหมุนไป 1ชอ ง (1/10 รอบ) ถากาํ หนดใหส ดั สวนจํานวนฟนระหวางฟนเฟอ ง 1b และพเิ นียนหมายเลข 2c เปน 10:1เพอื่ ปองกนั การถอยหลัง (Back Lash) ของฟน เฟอง เนื่องจากเฟองแรค และพิเนยี นนน้ั จะมีชว งถอยหลงั (การคลอนตวั ) อยู จงึ มฟี นเฟองซง่ึ มขี นาดและจาํ นวนฟนเฟองเทากบั ฟน เฟองหมายเลข 1 เรียกวา ฟน เฟองหมายเลข2 ขบอยูกับพิเนียน c แลวมสี ปรงิ กนหอยตดิ อยเู พอ่ื ยันรับชวงถอยหลังของฟนเฟองทั้งหมดทําใหห นา ฟนเฟองทกุตัวสัมผสั กันเพียงดานเดยี วตลอดเวลา
ใบเน้อื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนที่ : 4/14 แผนก : แผนกวิชาชา งซอ มบํารุงเครื่องจักรกลวิทยาลัยเทคนิคทา หลวงซิเมนตไทยอนสุ รณ เร่ือง : นาฬิกาวัด6.2 นาฬิกาวัดชนดิ คาน (Cantilever Principle Type) 6 4 3 7 512 ภาพที่ 6.4 แสดงสว นประกอบของนาฬิกาวดั ชนิดคาน ทมี่ า : ณรงค องอาจ ;2555 ชอ่ื สวนประกอบ หนา ท่ี1. หัววัด - สัมผัสวดั หรอื ตรวจสอบโดยตรง2. รอ งหางเหยี่ยว - เปนรอ งเพ่อื ประกอบกับแกนจับยดึ ในตําแหนง ตาง ๆ3. หนาปทม - ตวั เรือนแสดงคา วดั4. ขดี สเกล - บอกคา ความละเอียด โดย 1 ชองจะเทา กับ 0.01 มม.5. แกนจับยึด - ยึดกบั ขาตั้งนาฬิกาวดั6. เขม็ ชี้ - บอกคา วดั7. ตวั เรือน - เปนโครงครอบกลไกภายในของนาฬิกาวัด
ใบเนอื้ หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี : 5/14 แผนก : แผนกวิชาชางซอ มบํารุงเคร่ืองจักรกลวทิ ยาลัยเทคนคิ ทาหลวงซเิ มนตไ ทยอนุสรณ เร่อื ง : นาฬกิ าวัด ภาพท่ี 6.5 ทิศทางการหมุนของหัวสมั ผสั วัด http://www.luchner.com/images/slideshow-capabilities/06-dial-gauge.jpg6.2.1 หลกั การทํางานของนาฬิกาวัดชนิดคาน ภาพที่ 6.6 กลไกการทํางานนาฬิกาวดั ชนิดคาน จากภาพท่ี 6.6 เมื่อหัววัดสัมผัสกับชิน้ งานจะเกิดการเคลือ่ นทีไ่ ปยังเฟองรูปพัด ทําใหเฟองรูปพัดขบั เฟอ งพเิ นียนหมายเลข 1 ซึ่งจะมีแกนรวมกับเฟองกลมทําใหเฟองกลมหมุนไปขับเฟองพิเนียนหมายเลข 2 ทําใหเขม็ หนา ปทมเกดิ การเคล่อื นท่ี นาฬิกาวัดชนิดคานจะมีสปริงกนหอยทีร่ ับชวงถอยหลังของฟนเฟองเชนเดียวกับนาฬิกาวัดชนิดมาตรฐาน
ใบเนื้อหา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ท่ี : 6/14 แผนก : แผนกวิชาชา งซอมบํารงุ เครอื่ งจักรกลวทิ ยาลยั เทคนคิ ทา หลวงซเิ มนตไทยอนุสรณ เรือ่ ง : นาฬกิ าวัด6.3 การอานคาจากการวัด ภาพท่ี 6.7 สวนประกอบในการอานคาการวัด การอานคาบนหนาปทมของนาฬิกาวัด ภาพที่ 6.7 ใหอานจํานวนมิลลิเมตรดวยเข็มวัดรอบ กอ น แลวอานจาํ นวนความละเอยี ด 0.01 มม. ดวยเขม็ ยาว โดยแผนสเกล เมื่อแกนวัดเคลื่อนทีข่ ้นึ ใหอานคา จากตวั เลขดา นนอก ในทศิ ทางตามเขม็ นาฬิกา แตถาแกนวัดเล่ือนเคลื่อนท่ลี งใหใชต วั เลขดานใน ของหนา ปดอานคาในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา แกนวัดเคล่ือนที่ข้นึ อานคาไดในทิศทางบวก เมอื่ เทยี บกับตาํ แหนงอา งอิง จากภาพท่ี 6.8 เข็มวัดรอบอานคาได 1.00 มม. ทเ่ี ข็มวัดละเอยี ด 0.01 มม. อานคา ได 0.91 มม. คารวม 1.91 มม.ภาพที่ 6.8 ระยะการเคลอื่ นที่ของเขม็ ในทศิ ทางตามเขม็ นาฬกิ า
ใบเน้ือหา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี :7/14 แผนก : แผนกวิชาชา งซอมบํารุงเครอื่ งจักรกลวทิ ยาลยั เทคนคิ ทาหลวงซเิ มนตไทยอนุสรณ เร่ือง : นาฬกิ าวดั แกนวัดเคลื่อนที่ลง อานคาไดในทิศทางลบ เมื่อเทยี บกบั ตาํ แหนง อางองิ จากภาพที่ 6.9 เขม็ วัดรอบอานคาได – 1.00 มม. ทเ่ี ข็มวดั ละเอียดอา นคา ได – 0.54 มม. คา รวม – 1.54 มม.ภาพที่ 6.9 ระยะการเคลอ่ื นท่ีของเขม็ ในทศิ ทางทวนเข็มนาฬกิ า6.4 การใชนาฬิกาวัดชนิดมาตรฐานและชนิดคาน (ก) (ข) ภาพท่ี 6.10 ขาต้ังนาฬิกาวดั นาฬกิ าวัดทั้ง 2 ชนิดไมสามารถจะใชไดเองโดยลําพัง จะตองจับยึดโดยใชขาตัง้ (ภาพท่ี 6.10) ซึ่งขาต้งั นาฬกิ าวดั มีอยูห ลายชนดิ ดว ยกัน คือ ขาตัง้ บนราง (ดังภาพ ก) เคลือ่ นทีว่ ัดความเปนระนาบ และระดับความขนานไดอยา งสะดวก ขาต้ังฐานเปน แทน แมเหลก็ (ดงั ภาพ ข) ขาตัง้ ชนิดนสี้ ามารถติดในแนวดิ่ง แนวนอน และแนวเอียงได ถา แทนต้ังเปนเหล็กสามารถติดต้งั เปนมมุ ตา ง ๆ ไดม าก
ใบเนื้อหา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี :8/14 แผนก : แผนกวชิ าชา งซอ มบํารุงเครอ่ื งจักรกลวิทยาลยั เทคนิคทาหลวงซิเมนตไทยอนุสรณ เรื่อง : นาฬกิ าวัด 6.3.1 การใชนาฬกิ าวดั เปรยี บเทียบกับคา มาตรฐานแลวอานความแตกตาง คือวัดความแตกตางของขนาดระหวางชิน้ งานทีว่ ัดกับคามาตรฐาน คามาตรฐานนัน้ มักจะใชเกจบล็อคเปน หลักมากที่สดุ ภาพที่ 6.11 การวัดเปรียบเทียบกับเกจบล็อค จากภาพท่ี 6.11 a เคลอื่ นหวั วดั กระทบกับเกจบล็อค จากภาพท่ี 6.11 b หมุนแผนสเกลใหจ ุด 0 มาอยูทีป่ ลายเข็มหลังจากหัววัดกระทบกับเกจบลอ็ ค จากภาพที่ 6.11c ถาเขม็ หมนุ ไปทางดานขวา (ตําแหนท่ี 1) ของ 0 ความคลาดเคลือ่ นเปนบวก และถาเข็มหมุนไปทางดานซา ย (ตําแหนงท่ี 2) ของ 0 ความคลาดเคลือ่ นเปน ลบ
ใบเน้อื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ท่ี : 9/14 แผนก : แผนกวิชาชางซอมบํารงุ เครือ่ งจักรกลวิทยาลยั เทคนิคทา หลวงซเิ มนตไทยอนุสรณ เร่ือง : นาฬกิ าวดั 6.3.2 การใชนาฬิกาวัดวัดคาความราบเรียบ และความขนานแลวอานคาความแตกตาง คือวัดความราบเรียบของผิว เชน ความเรียบผิวในแนวราบ ความเรียบผิวในแนวตัง้ ฉาก โดยใหชิน้ งาน ที่ถูกวัดอยูก ับโตะงาน (Table) และยึดนาฬิกาวัดติดกับโครงเครือ่ ง หรือสวนที่ไมไดเคลือ่ นทีไ่ ปกับโตะงาน หลังจากนัน้ ก็หมุนเลื่อนโตะงานไปในทิศทางที่ตองการวัด และในขณะเดียวกันก็อานคาความแตกตางที่หนาปทมของนาฬิกาวดัภาพที่ 6.12 การวดั ความราบเรียบและความขนาน
ใบเนอื้ หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ท่ี : 10/14 แผนก : แผนกวิชาชา งซอ มบํารุงเครอ่ื งจักรกลวิทยาลยั เทคนคิ ทา หลวงซิเมนตไ ทยอนุสรณ เรอื่ ง : นาฬิกาวัด 6.3.3 การใชน าฬิกาวัดหาระยะเยื้องศูนยข องเพลา การจับงานเขา กับยันศนู ยทั้งสอง เสียบดามจบั ของนาฬิกาวัดเขา กบั รูเสียบของแขนจบั ปรับตาํ แหนงของเสาตั้งจนหมุดสมั ผสั ของนาฬิกาวดั อยเู หนือผวิ ลูกเบีย้ ว หมุนงานใหผ ิวเพลาลกู เบี้ยวอยูในตําแหนงต่าํ สุดลดแขนวัดลงจนหมดุ สัมผัส สัมผัสกับผวิ งาน และเข็มหมุนไปประมาณ 1 รอบของหนา ปทม กวดแปนเกลยี วยึดแขนจับนาฬิกาวัดกับเสาต้ังใหแนน หมนุ ชิ้นงานใหมเ พือ่ หาตําแหนงตํา่ สดุ ของผิวเพลาลกู เบย้ี ว โดยสงั เกตจากการกระดิกของเข็ม คอยๆ หมุนเพลาลูกเบีย้ วจนผวิ เพลาลกู เบ้ียวอยูในตาํ แหนงสูงสดุ โดยสงั เกตจากการเคลื่อนที่ของเขม็ระยะตา งของผวิ ทงั้ สองตาํ แหนง ทราบไดจ ากการเคลือ่ นทข่ี องเข็ม เชน เข็มหมนุ ไป 5 รอบ แสดงวาคาตางระดบัของผิวเทา กับ 5 มม. หรือเรียกวา “ชวงขยับเทากับ 5 มม. สมมตุ ิเพลาลกู เบ้ยี วมรี ะยะเย้ืองศนู ยเทากับ “e” และชว งขยบั ของนาฬิกาวัดเทากบั “H”จากรูป 2e = H e = H/2 หรอื “ระยะเยอ้ื งศูนยเทากบั ชวงขยบั หารดว ยสองภาพท่ี 6.13 ชว งขยับ (H) เมือ่ ผิวลกู เบยี้ วอยตู าํ่ กวา (M1) และสูงสุด (M2)
ใบเนอื้ หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี : 11/14 แผนก : แผนกวชิ าชา งซอมบํารงุ เครื่องจักรกลวทิ ยาลัยเทคนคิ ทาหลวงซเิ มนตไทยอนสุ รณ เรือ่ ง : นาฬิกาวัดตวั อยา ง งานเพลาลูกเบ้ยี วชิ้นหนง่ึ มีชวงขยับที่เกิดขึน้ เทา กบั 5.4 มม. จะมรี ะยะเยื้องศูนยเ ทาใด จากสตู ร e = H/2 e = 5.4 / 2 = 2.2 มม. งานน้มี รี ะยะเยื้องศนู ยเทา กบั 2.2 มม. ตอบหมายเหตุ วิธีวัดระยะเยอ้ื งศนู ยด วยวิธีนี้มขี อจํากดั อยู 2 ประการ คือประการท่ี 1 ระยะท่ตี างกนั ของผิวเพลาลูกเบี้ยวท่ตี ําแหนง ตํา่ สุดและสูงสุดจะตองไมมากกวา ระยะท่แี กนวดั ของนาฬกิ าวัดสามารถเลอ่ื นที่ขนึ้ ลงไดประการที่ 2 ขนาดความยาวของแทง ยันศนู ยกบั ช้ินงาน 6.3.4 การใชนาฬิกาวัดความเรียวของงานเรียว คือวัดคาความแตกตางของขนาดระหวางโคนเรียวดานโต และโคนเรียวดานเล็กโดยจับยึดชิ้นงาน ทีจ่ ะวัดบนเครือ่ งกลึงดวยวิธียันศูนยหัวทาย และยึดนาฬิกาวัดบนแครเลือ่ นตอมาหมุนมือหมุนพาแครเลือ่ นเคลือ่ นทีไ่ ปแลว อานคา ภาพที่ 6.14 การวัดความเรียวของงาน หลักการใชนาฬิกาวัดทัง้ สองชนิดไมแตกตางกัน แตนาฬิกาวัดชนิดคานจะใชในกรณีที่นาฬิกาวัดแบบมาตรฐานใชง านไดยาก เชนกรณีของรอ งแคบ ๆ
ใบเนือ้ หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี : 12/14 แผนก : แผนกวิชาชางซอมบํารงุ เครอื่ งจักรกลวทิ ยาลัยเทคนิคทาหลวงซเิ มนตไทยอนสุ รณ เร่อื ง : นาฬกิ าวดั 5.1.3 เทคนิคและขอควรระวงั ในการใชน าฬกิ าวัดควรใหแ กนวัดต้งั ฉากกับผิวชนิ้ งานที่วัด ภาพท่ี 6.15 การวดั ผิวงานทมี่ ักเกดิ ข้นึ จากภาพที่ 6.15 ก. ไมวาจะมองจากดานหนา หรือดานขางนัน้ จะอยูใ นแนวตัง้ ฉากเทียบกับผิวที่วดั และชวงระหวางขาตั้งกับนาฬิกาวัด จะตองส้ันทส่ี ดุ เทา ทจี่ ะทาํ ได จากภาพท่ี 6.15 ข. แกนที่อยูใ นแนวเอียงทําใหไมสามารถเคลือ่ นทีใ่ นแนวแกนไดตรง แตจะเอียงไปตามดา นขางทาํ ใหไดค าวดั ทไ่ี มถกู ตอ ง แมแกนวัดจะอยูใ นแนวตั้งฉากกับผิวที่วัด แตขาที่ยื่นออกมาของแทนตั้ง (ขาตั้ง) ยาวเกินไปดังภาพท่ี 6.15 ค. จะทําใหน าฬิกาวดั สน่ั สะเทอื นไดง าย เปนเหตใุ หเ กิดความผดิ พลาดจากการวดั ได
ใบเน้อื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผนท่ี : 13/14 แผนก : แผนกวชิ าชา งซอ มบํารุงเครอื่ งจักรกลวิทยาลัยเทคนคิ ทาหลวงซิเมนตไ ทยอนุสรณ เรือ่ ง : นาฬิกาวดัก. ถูกตอ ง ข.ผิด 1.เอยี ง 2. เอยี ง 3. หวั วัดพลาดจากจุดสูงสุด ของทรงกระบอกการวดั ผวิ ดา นนอกของชนิ้ งานทรงกระบอก ภาพที่ 6.16 การวัดผวิ ดา นนอกของช้นิ งานทรงกระบอก จากภาพที่ 6.16 มีลักษณะเดียวกับการวัดระนาบ จากภาพที่ 6.16 ก. เนือ่ งจากดานหนาและดานขางจะตองใหแกนวัดตัง้ ฉากกับแกนทรงกระบอกและหัววัดจะตองแตะอยูท ีจ่ ุดสูงสุดของทรงกระบอก การวัดแนวเอียงดังภาพที่ 6.16 ข.1 และ 6.16 ข.2 หรือพลาดจากจุดสูงสุดของทรงกระบอกดังภาพที่ 6.16 ข.3 จะทําใหคาที่วัดไดไ มถ กู ตอ ง
ใบเนอ้ื หา บทท่ี : 6 (Information Sheet) แผน ที่ : 14/14 แผนก : แผนกวชิ าชา งซอ มบํารงุ เคร่ืองจักรกลวทิ ยาลยั เทคนิคทาหลวงซเิ มนตไ ทยอนสุ รณ เรื่อง : นาฬิกาวัด6.3.5 การวัดความราบเรยี บของผวิ อยใู นแนวขนาน อยใ นแนวขนาน ทิศทางการวัด ทิศทางการวัด ภาพท่ี 6.17 การวดั ผวิ ช้ินงานในแนวตรงและแนวดงิ่ จากภาพท่ี 6.17 การวดั ระดับความราบเรียบสิง่ ทส่ี าํ คญั ท่ีสุด คอื หัวสัมผัสควรจะขนานกับผิวของ ช้นิ งานท่จี ะวัด กลา วคือ อยูในแนวขนานใหม ากท่ีสุด6.4 การบาํ รงุ รกั ษานาฬิกาวดั 1. วางหรอื เกบ็ นาฬิกาวดั แยกออกจากเครอ่ื งมือชนิดอนื่ และวางบนวัสดอุ อนนมุ 2. จับยึดนาฬิกาวัดใหมั่นคงเพ่อื ปอ งกนั การหลนกระแทก 3. นาฬิกาวัดที่ไมใชงานแลวจะตองรีบเก็บเขาสูส ภาพเดิมทันที เพราะถาไมเก็บเขาทีแ่ ลวหากหลน หรือมีของแขง็ มากระทบเขาจะทาํ ใหเ กิดการชาํ รุดหรอื เสียหายได
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: