การเขยี นแบบแปลนพืน้1. ความหมายของแบบแปลนพนื้ (PLAN)แบบรูปแปลนพืน้ ( FLOOR PLAN ) หมายถึง แบบรูปในแนวระดบั ทางราบของอาคารซงึ่ ถือเสมือนวา่ ตดั อาคารในแนวราบสงู จากระดบั พืน้ ประมาณ 1.20-1.80 เมตร เมื่อเคล่ือนย้ายสว่ นบนที่ถกู ตดั ออกไปแล้วมองตงั้ ฉากลงมาท่ีพืน้ ห้อง จะเหน็ ขอบเขตและการจดั สว่ นของพืน้อาคารทงั้ ชนั้ แนวตดั นีจ้ ะตดั ผา่ นโครงสร้างด้านแนวราบทงั้ หมด ได้แก่ เสา ผนงั และวงกบด้านตงั้ ของประตู หน้าตา่ งทาให้เห็นสว่ นของหน้าตดั เสา ความหนาของผนงั ขนาดหน้าตดั ของวงกบทางแนวตงั้ พร้อมทงั้ แนวการเปิดของประตู หน้าตา่ งด้วย รูปแปลนพืน้ รูปท่ี 1.1 แสดงลกั ษณะการมองแปลนพืน้ ที่มา : สขุ สม เสนานาญ. (2552 : 34)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
โดยการออกแบบอาคารนนั้ ผ้อู อกแบบต้องคานงึ ถึงพืน้ ที่ใช้สอยท่ีสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี ้ เชน่ 1.1 ห้องนอน (BED ROOM) หมายถงึ ห้องท่ีใช้สาหรับพกั ผอ่ นนอนหลบั ดงั นนั้ จงึต้องกาหนดขนาดของห้องให้เหมาะสม เน่ืองจากห้องนอนต้องมีเฟอร์นเิ จอร์เข้ามาตกแตง่ ห้องนอนเชน่ เตียงนอน ต้เู สือ้ ผ้า และเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ตามความต้องการของเจ้าของอาคาร ดงั นนั้ห้องนอนไมค่ วรที่จะมีขนาดเลก็ เกินไป และจานวนห้องนอนควรเหมาะกบั ขนาดของอาคารตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 กาหนดให้ห้องนอนต้องมีความกว้างไมน่ ้อยกวา่2.50 เมตร และต้องมีพืน้ ที่รวมไมน่ ้อยกวา่ 8 ตารางเมตร รูปท่ี 1.2 แสดงรูปห้องนอน ท่ีมา : (http://www.thailandholidayhomes.co.th/ ) รูปท่ี 1.3 แสดงลกั ษณะห้องนอน ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 ท่ีมา : ทรงศกั ดิ์ รวริ ังสรรค์. (2553 : 9)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
1.2 ห้องนา้ (BATH ROOM) หมายถึง ห้องที่ใช้ในการชาระล้างร่างกายและสงิ่ ปฏิกลูโดยการออกแบบอาคารควรคานงึ ถึงจานวนสมาชิกของผ้อู ยอู่ าศยั เป็นหลกั วา่ มากน้อยเพียงใดแตอ่ ยา่ งน้อยควรมีจานวน 1 ห้อง ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 กาหนดให้ห้องนา้ ห้องส้วม ที่อยแู่ ยกกนั ต้องมีพืน้ ท่ีไมต่ า่ กวา่ 0.90 ตารางเมตร ห้องนา้ ห้องส้วมท่ีอยู่รวมกนั ต้องมีพืน้ ท่ีรวมไมน่ ้อยกวา่ 1.50 ตารางเมตร พืน้ ของห้องนา้ ห้องส้วม ต้องมีความลาดเอียงไมน่ ้อยกวา่ 1 ตอ่ 100 และต้องมีชอ่ งระบายอากาศอยา่ งน้อย 10 % ของพืน้ ท่ีห้อง รูปท่ี 1.4 แสดงรูปห้องนา้ ที่มา : (http://www.webyota.com/naru/?infoboard=topic.2.147.1) ตดิ ชอ่ งระบายอากาศ หรือพดั ลมระบายอากาศ ตามข้อกาหนด ตดิ ชอ่ งระบายอากาศ หรือพดั ลมระบายอากาศ ตามข้อกาหนด ห้องนา้ ห้องส้วมท่ีอยแู่ ยกกนั ห้องนา้ ห้องส้วมท่ีอยรู่ วมกนั รูปท่ี 1.5 แสดงรูปขนาดของห้องนา้ ห้องส้วม ที่มา : ทรงศกั ดิ์ รวิรังสรรค์. (2553 : 12)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
1.3 ห้องครัว (KITCHEN ROOM) หมายถึง ห้องที่ใช้ในการทาอาหารโดยการออกแบบห้องครัวควรคานงึ ถึงพืน้ ท่ีการทาอาหารให้เหมาะสม ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 กาหนดให้ห้องครัวที่อยตู่ ดิ กบั ห้องนอน หรือห้องส้วม ห้ามมีประตู หน้าตา่ ง หรือชอ่ งลมในด้านที่ตดิ ตอ่ กบั ห้องครัว พืน้ และวสั ดขุ องห้องครัวต้องทาด้วยวสั ดทุ นไฟ ฝา และเพดานของห้องครัวท่ีอยภู่ ายในอาคาร หากไมไ่ ด้ทาด้วยวสั ดทุ นไฟ ต้องบดุ ้วยวสั ดทุ นไฟ รูปท่ี 1.6 แสดงรูปห้องครัวที่มา : (http://www.hausbangkok.com/site/2011/06/01) ห้องส้วมผนงั และพืน้ ของห้องครัว ห้องครัว ผนงั ห้องส้วมและห้องนอนต้องทาด้วยวสั ดถุ าวร ทนไฟ ด้านที่ตดิ กบั ห้องครัวห้ามมีประตู หน้าตา่ งห้องนอน หรือชอ่ งลม รูปท่ี 1.7 แสดงตาแหนง่ ห้องครัว ที่มา : ทรงศกั ด์ิ รวิรังสรรค์. (2553 : 11)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
1.4 ห้องรับแขก ( GUEST ROOM) หมายถงึ ห้องท่ีใช้ในการรับรองแขก โดยการออกแบบอาคารควรคานงึ การใช้พืน้ ที่ใช้สอย เนื่องจากมีเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแตง่ เป็นต้น รูปท่ี 1.8 แสดงรูปห้องรับแขกที่มา : (http://www.decorreport.com/)2. รายละเอียดท่แี สดงในแบบแปลนพนื้2.1 ช่ือแสดงตาแหนง่ ของเสาในรูปแปลนพืน้ช่ือท่ีแสดงตาแหนง่ เสาด้านบนของรูปแปลนพืน้ ให้แสดงด้วยตวั เลข 1, 2, 3, 4, .......ตามลาดบั โดยเร่ิมจากด้านซ้ายไปด้านขวา และช่ือแนวเสาทางด้านตงั้ ให้แสดงด้วยตวั อกั Aษ,รB, C,D,…ตามลาดบั โดยเริ่มจากด้านบนลงมาด้านลา่ ง รูปท่ี 1.9 แสดงช่ือตาแหนง่ เสา ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
2.2 ตาแหนง่ ของผนงั ประตู หน้าตา่ งผ้อู อกแบบจะเป็นผ้กู าหนดตามความเหมาะสมโดยพจิ ารณาจากทิศทางลม ประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม อยใู่ นตาแหนง่ ใดในอาคาร หา่ งจากริมเสาเทา่ ใด มีจานวนก่ีบานซงึ่ ในแบบขยายจะเขียนขนาดได้อยา่ งถกู ต้อง 2.3 ระดบั (ELEVEL)เป็นการแสดงให้ทราบวา่ ในห้องนนั้ ๆ หรือพืน้ ที่นนั้ ๆ มีระดบั ความสงู เทา่ ใด เพ่ือให้ผู้รับจ้างได้วางแผนการก่อสร้างได้อยา่ งถกู ต้อง เชน่ +1.00 หมายความวา่ ระดบั พืน้ ในสว่ นนนั้ สงู1.00 เมตร จากระดบั อ้างองิ 0.00 เป็นต้น 2.4 แนวแสดงเส้นตดั (SECTION LINE)แนวตดั อาคารท่ีแสดงในแปลนพืน้ เพื่อให้ทราบวา่ อาคารถกู ตดั ตรงสว่ นใด เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการเขียนรูปตดั ตอ่ ไป แนวแสดงเส้นตดั อาคาร เขียนโดยใช้เส้นหนาประกอบด้วยลกู ศรชีท้ ศิ ทางทงั้ 2 ด้าน ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 กาหนดให้เขียนรูปตดั ไม่น้อยกวา่ 2 รูป คอื รูปตดั ตามขวาง และรูปตดั ตามยาว โดยแนวเส้นตดั ต้องตดั ผา่ นห้องนา้ และบนั ได หรือสว่ นที่มีความซบั ซ้อน รูปหนงึ่ รูปใดหรือทงั้ 2 รูป รูปท่ี 1.10 แสดงสญั ลกั ษณ์เส้นแนวตดั ที่มา : นภิ า สขุ แก้ว. เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
2.5 บนั ได ( STAIR )เป็นการแสดงให้ทราบวา่ อาคารนนั้ มีขนั้ บนั ไดกี่ขนั้ ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคารพศ.2522 กาหนดให้บนั ไดมีความกว้างสทุ ธิไมน่ ้อยกวา่ 80 เซนตเิ มตร ลกู ตงั้ ไมส่ งู กวา่ 20เซนตเิ มตรและลกู นอน (หกั สว่ นท่ีขนั้ บนั ไดเหลื่อมกนั ออกแล้ว) ไมแ่ คบกวา่ 22 เซนตเิ มตร และบนั ไดชว่ งหนง่ึ สงู ไมเ่ กิน 3 เมตร ลกู ตงั้ สงู ไมเ่ กิน 20 ซม. ลกู นอนกว้างไมน่ ้อยกวา่ 22 ซม. บนั ไดสาหรับอาคาร 3 ชนั้ ขนึ ้ ไป ต้องทาด้วยวสั ดทุ นไฟชานพกั กว้างอยา่ งน้อย 80 ซม.(วดั สว่ นท่ีแคบที่สดุ ) ราวบนั ได กว้างไมน่ ้อยกวา่ 80ซม. (วดั สว่ นที่แคบที่สดุ )กว้างอยา่ งน้อย 80 ซม.(วดั สว่ นท่ีแคบที่สดุ ) ระดบั พืน้ อาคาร ไมเ่ กิน 3.00 ม. ชานพกัอยา่ งน้อย 1.90 ม.แตไ่ มเ่ กิน 3.00 ม. ระดบั พืน้ อาคาร รูปท่ี 1.11 แสดงรูปลกั ษณะบนั ได ท่ีมา : ทรงศกั ดิ์ รวริ ังสรรค์. (2553 : 14)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
2.6 เครื่องหมายกากบั รูปด้านในแบบแปลนพืน้ จาเป็นต้องมีสญั ลกั ษณ์แสดงรูปด้าน ซง่ึ ให้เขียนบอกไว้ด้านใต้รูปแปลน เพื่อใช้ในการเรียกรูปด้านแตล่ ะด้าน เชน่ รูปด้านหน้ากาหนดชื่อเป็นรูปด้าน 1 รูปด้านซ้ายกาหนดเป็นช่ือรูปด้าน 2 รูปด้านหลงั กาหนดเป็นชื่อรูปด้าน 3 รูปด้านขวากาหนดเป็นช่ือรูปด้าน 4 รูปท่ี 1.12 แสดงสญั ลกั ษณ์กาหนดชื่อรูปด้าน ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว. เขียนแบบ 2.7 เคร่ืองหมายแสดงทิศเหนือ เครื่องหมายแสดงทศิ เหนือ ซง่ึ ตรงกบั ท่ีระบใุ นแบบผงั บริเวณจะทาให้ทราบได้วา่ด้านหน้าของอาคารหนั หน้าไปทางทศิ ใด ตาแหนง่ ของเครื่องหมายแสดงทศิ เหนือจะเขียนอยู่ด้านบนทางขวาของแบบแปลนพืน้ รูปท่ี 1.13 เคร่ืองหมายแสดงทศิ ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบ 2.8 กรอบชื่องานเป็นการแสดงให้รู้วา่ แบบชนิดนีเ้ป็นแบบอะไร โดยใสร่ ายละเอียดท่ีสาคญั ให้ครบถ้วนโดยปกตกิ รอบชื่องานนี ้ผ้เู ขียนหรือหนว่ ยงาน จะเป็นผ้อู อกแบบเอง รูปท่ี 1.14 แสดงรูปรายละเอียดของกรอบช่ืองาน ที่มา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
2.9 การแสดงตวั อกั ษรและตวั เลขตวั อกั ษรและตวั เลขท่ีเขียนแสดงในแบบ เขียนเพื่อประกอบรายละเอียดของแบบให้ถกู ต้อง และแนน่ อน 2.9.1 เขียนให้ชดั เจน เป็นระเบียบ และอา่ นง่าย 2.9.2 การเขียนข้อความประกอบแบบ ควรเขียนเป็นกลมุ่ ไมค่ วรให้กระจดั กระจายออกไป ข้อความท่ีชีเ้ฉพาะควรให้อยใู่ กล้กบั สว่ นที่บง่ ถึงมากท่ีสดุ แตต่ ้องระวงั ไมใ่ ห้ทบั กบั เส้นตา่ ง ๆ ในแบบท่ีเขียน เส้นชีบ้ อกไมค่ วรขีดเส้นใต้นอกจากต้องการให้เป็นข้อความสาคญั 2.9.3 การเขียนตวั อกั ษรและตวั เลขในระนาบตา่ ง ๆให้ใช้ระบบเดียวกบั ตวั เลขมติ ิ 2.9.4 ขนาดตวั อกั ษรและตวั เลขไทย มีขนาดความสงู 2.5, 3.5, 5, 7, 10 ,14และ 20 มม. ขนาดชอ่ งไฟตามความเหมาะสม กขฃ คฅฆงจฉชซฌญฎฏฐฑฒณดตถท ธนบปผพฟ ภ ม ย ร ล วศ ษ ส ห ฬ อ ฮ ABCDEFGHIJKLMNOPQRSTUVWXYZ รูปท่ี 1.15 แสดงรูปแบบตวั อกั ษรท่ีเขียนในแบบกอ่ สร้าง ที่มา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบ 2.10 มติ ิ หรือเส้นบอกขนาดใช้เพ่ือกาหนดระยะหา่ งระหวา่ งจดุ สองจดุ ในแบบก่อสร้าง 2.10.1 เส้นมติ ิ ( Dimension Line ) และ เส้นฉาย ( Projection Line ) มีข้อกาหนดดงั นี ้ - ควรเป็นเส้นบาง และไมข่ าดตอน - เส้นฉาย เร่ิมต้นหา่ งจากเส้นขอบหรือจดุ ที่ต้องการบอกระยะเล็กน้อย โดยตงั้ฉากกบั เส้นมิตทิ ่ีต้องการ และยาวเลยเส้นมติ เิ ลก็ น้อย - หลีกเลี่ยงการเขียนเส้นมิตติ ดั กบั เส้นมิติ และเส้นฉายตดั กบั เส้นฉาย - เส้นมิตเิ ป็นเส้นไมข่ าดตอน นอกจากกรณีที่เว้นชอ่ งสาหรับเขียนมิติ - เส้นแกน ( Axis ) เส้นอ้างอิง ( Reference Line ) หรือเส้นขอบ ห้ามใช้เป็นเส้นมติ แิ ตอ่ าจใช้เป็นเส้นฉายได้ 2.10.2 เคร่ืองหมายกากบั ปลายเส้นมติ ิ (Termination) ใช้เส้นหนาขีดทามมุ 45 องศาตามเข็มนาฬิกาจากเส้นฉาย และเครื่องหมายวงกลม ดงั รูปที่ 1.16การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
หมายถึง ระยะกึง่ กลางถงึ ระยะกง่ึ กลาง หมายถึง ระยะกง่ึ กลางถึงระยะริม หมายถึง ระยะริมถงึ ระยะริม รูปท่ี 1.16 แสดงสญั ลกั ษณ์เส้นบอกระยะ ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบ 2.11 เส้น เส้นท่ีใช้ในการเขียนแบบต้องคานงึ ถงึ ความสม่าเสมอของเส้น นา้ หนกั ความหนาของเส้นที่ใช้เฉพาะงาน และคณุ ภาพของเส้น ความหนาของเส้นมีความหนาท่ีแตกตา่ งกนั ตามความหมายของเส้นเฉพาะนนั้ ๆ ชนิดของเส้นมีดงั นี ้ 2.11.1 เส้นบาง เส้นหนา เส้นหนามาก มีขนาด 0.25, 0.35, 0.5, 0.7, 1.0, 1.4,และ 2.0 มิลลิเมตร ความหนาของเส้นที่ใช้ในแตล่ ะแบบใช้ทงั้ 3 ขนาดตามอตั ราสว่ น 1 : 2 : 4เชน่ เส้นบาง 0.13 มิลลิเมตร เส้นหนา 0.25 มิลลเิ มตร เส้นหนามากใช้ขนาด 0.50 มิลเิ มตร 2.11.2 คณุ ภาพของเส้น นอกจากความหมายของเส้นท่ีใช้ความหนาตา่ งกนั แล้วเส้นท่ีเขียน จะต้องมีความสม่าเสมอตลอดทงั้ เส้น ควรมีความประณีตในการเขียน เชน่ การตอ่เส้นควรบรรจบกนั พอดไี มข่ าด ไมเ่ กิน เป็นต้นการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ตารางท่ี 1.1 แสดงรูปความหนาของเส้นท่ีใช้เฉพาะงานชนิดของเส้น ความหมาย การใช้งาน เส้นหนามาก รูปตดั ทางตงั้ หรือทางนอน เส้นหนา รายละเอียดทว่ั ไป เส้นบาง เส้นมิติ เส้นฉาย เส้นลงเงาตวั เลข ตวั อกั ษร เส้นประหนา สว่ นท่ีมองไมเ่ หน็ และสว่ นท่ีจะรือ้ ถอน เส้นลกู โซบ่ าง เส้นศนู ย์กลาง และเส้นแกน เส้นลกู โซ่ หรือเส้นเตม็ บาง เส้นกากบั ศนู ย์กลางเสา มีวงกลมปลายเส้น เส้นบางที่ขาดตอน หรือ การตดั ตอนสว่ นท่ีตอ่ เนื่องกนั ของวตั ถุ ตอ่ กนั ด้วยสลบั ฟันปลา ทรงเหล่ียม ท่ีมา : มาตรฐานอตุ สาหกรรม 400 เลม่ 1. (2525 : 14-15)3. สัญลักษณ์ และมาตราส่วนของการเขียนแบบแปลนพนื้ 0.10 3.1 สญั ลกั ษณ์สญั ลกั ษณ์ท่ีเขียนใช้ตามมาตรฐาน มอก.440 เลม่ 1-2525 และหลกั สากลที่ผ้เู ก่ียวข้องกบั งานกอ่ สร้างสามารถเข้าใจได้ เชน่ 3.1.1 ผนงั (WALL) เป็นการแสดงกรอบพืน้ ท่ีกนั้ ในแตล่ ะพืน้ ที่ให้เป็นสดั สว่ น โดยมีความหนาเทา่ กบัเมตร พร้อมฉาบปนู เรียบ สญั ลกั ษณ์ท่ีใช้ในแบบกอ่ สร้าง คอื (สามเหล่ียม) รูปท่ี 1.17 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์ของผนงั ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว. เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
3.1.2 ประตู (DOOR) เป็นการบอกตาแหนง่ ของประตแู ตล่ ะบาน โดยประตมู ีรูปแบบหลายชนดิ และหลายขนาด แตโ่ ดยทว่ั ไปที่ใช้กนั อยใู่ นปัจจบุ นั จะมีขนาดกว้าง 0.90 เมตร สงู 2 เมตร และประตหู ้องนา้จะมีขนาดกว้าง 0.70 เมตร สงู 1.80 เมตร สญั ลกั ษณ์ที่ใช้ในแบบก่อสร้างคอื (วงกลม) รูปท่ี 1.18 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์ของประตู ที่มา : นิภา สขุ แก้ว. เขียนแบบ 3.1.3 หน้าตา่ ง (WINDOW) เป็นการบอกตาแหนง่ ของหน้าตา่ งแตล่ ะบาน โดยหน้าตา่ งมีรูปแบบหลายชนิด และหลายขนาดขนึ ้ อยกู่ บั ผ้อู อกแบบโดยสญั ลกั ษณ์ที่ใช้คอื (หกเหลี่ยม) รูปท่ี 1.19 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์ของหน้าตา่ ง ที่มา : นภิ า สขุ แก้ว. เขียนแบบ 3.1.4 ฝ้ าเพดาน (CEILING) เป็นการแสดงให้ทราบวา่ ในห้องนนั้ ๆ ใช้ฝ้ าประเภทใด เชน่ ฝ้ าทีบาร์ ฝ้ าหลมุ ฝ้ าไม้ฯลฯ โดยสญั ลกั ษณ์ท่ีใช้ คอื (วงรี) หรือ (ส่ีเหล่ียมข้าวหลามตดั ) รูปท่ี 1.20 แสดงรูปของฝ้ าเพดาน ท่ีมา : (http://www.plazathai.com/show-535204.html)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
3.1.5 พืน้ (FLOOR) เป็นการแสดงให้ทราบวา่ ในห้องนนั้ ๆ วสั ดทุ ่ีใช้ปพู ืน้ เป็นชนิดใด เชน่ พืน้ ไม้ พืน้ ปาร์เก้พืน้ กระเบอื ้ ง พืน้ แกรนิต พืน้ หินออ่ น ฯลฯ โดยใช้สญั ลกั ษณ์คอื (สี่เหลี่ยม) รูปท่ี 1.21 แสดงรูปพืน้ ปกู ระเบอื ้ ง ที่มา : (http://กระเบอื ้ งปพู ืน้ .net/)ตารางท่ี 1.2 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์คายอ่ และความหมายในแบบแปลนพืน้สัญลักษณ์ ความหมาย + 0.90 ระดบั ท่ีต้องการในการผงั (ตวั เลขสมมตุ )ิ มม. ทิศเหนือ (วงกลม 22 มิลลเิ มตร) ผนงั หมายเลย 1 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบกบั ตารางรายละเอียด พผนืน้ งัท)่ีหมายเลข 1 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบกบั ตารางรายละเอียด หพนืน้ ้า)ตา่ งหมายเลข 1 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบกบั ตาราง รายละเอียดหน้าตา่ ง) ประตหู มายเลข 1 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบกบั ตารางรายละเอียด ประต)ู บนั ไดหมายเลข 1 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบแบบขยายบนั ได) มิลลเิ มตร เส้นผา่ นศนู ย์กลาง ตารางสี่เหล่ียม ที่มา : เจริญ เสาวภาณี. (2553 : 20-21)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ตารางท่ี 1.3 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์ผนงั ในแบบแปลนพืน้สัญลักษณ์ ความหมาย ผนงั หนิ ก่อ มาตราสว่ น 1:50 ผนงั ก่ออฐิ คร่ึงแผน่ มาตราสว่ น 1:100 ผนงั กอ่ อฐิ ครึ่งแผน่ มาตราสว่ น 1:50 ผนงั ก่ออิฐมีรายละเอียดเพิ่มเตมิ ชีบ้ อกด้วยสญั ลกั ษณ์ ผนงั คอนกรีตเสริมเหล็ก มาตราสว่ น 1:50 และ มาตราสว่ น 1:100 ผนงั ทาด้วยวสั ดบุ างสองชนั้ มาตราสว่ น 1:100 ผนงั ทาด้วยวสั ดบุ างชนั้ เดยี ว มาตราสว่ น 1:50 ผนงั ทาด้วยวสั ดบุ างสองชนั้ มาตราสว่ น 1:50 ผนงั หมายเลข 6 (ต้องนาหมายเลขไปดปู ระกอบกบั ตารางรายละเอียดผนงั ) ท่ีมา : เจริญ เสาวภาณี. (2553 : 21-22)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ตารางท่ี 1.4 แสดงรูปสญั ลกั ษณ์ประตู และหน้าตา่ งในแบบแปลนพืน้สัญลักษณ์ ความหมาย บานเปิ ดเดียว บานเปิ ดคู่ บานเปิด 2 ด้าน บานเลื่อนเด่ียว บานเลื่อนคู่ บานเล่ือนซอ่ นในผนงั บานเฟี ย้ ม หรือบานยืด หน้าตา่ งบานเปิดเดียว ใช้บานพบั ชนดิ ขอรับ ขอสบั หน้าตา่ งบ้านเปิดเด่ียว ใช้บานพบั ชนิดปรับมมุ เปิดได้ 90 องศา หน้าตา่ งบานเปิดเด่ียวหลายบานในชอ่ งวงกบเดยี ว หน้าตา่ งบานเกล็ดชนิดปรับมมุ หน้าตา่ งบานกระท้งุ หน้าตา่ งบ้านเปิดคู่ หน้าตา่ งกระจกใสตดิ ตาย กระจกใสตดิ ตาย 2 ชนั้ เว้นวรรคระบายอากาศ ที่มา : เจริญ เสาวภาณี. (2553 : 22-23)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ตารางท่ี 1.5 แสดงสญั ลกั ษณ์ของบนั ไดในแบบแปลนพืน้สัญลักษณ์ ความหมาย บนั ไดชว่ งเดียว (STRAIGHT STAIRS) บนั ไดสองชว่ งแบบมีชานบนั ได ก. แบบหกั พกั ข้อศอก (U-TYPE) ข. แบบชิดมมุ (L-TYPE) บนั ไดเวียน (SPIRAL STAIRS) ทางลาดขนึ ้ (RAMP UP) ทางลาดลง (RAMP DOWN) ท่ีมา : เจริญ เสาวภาณี. (2553 : 23-24) 3.2 มาตราสว่ นมาตราสว่ น คือ การเขียนแบบงานจริงท่ีมีขนาดใหญ่ให้มีขนาดท่ีเลก็ ลง การเลือกใช้มาตราสว่ นควรเลือกให้มีความเหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน โดยมีหลกั การพจิ ารณาดงั นี ้ 3.2.1 ลกั ษณะและขนาดของงาน 3.2.2 ความต้องการแสดงรายละเอียดให้ครบถ้วนชดั เจน 3.3.3 ตามข้อกาหนดพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร 2522 ในกฎกระทรวงฉบบั ท่ี 10/2528 ข้อ 9 (3) ดงั ตารางท่ี 1.6การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ตารางท่ี 1.6 แสดงมาตราสว่ นในงานเขียนแบบมาตราส่วน ความหมาย 1:2000 แบบแสดงผงั ท่ีตงั้ หรือแผนท่ีสงั เขป 1:1000 1:500 ผงั บริเวณ 1:200 แบบแปลนพืน้ ทกุ ชนั้ แบบแปลนโครงสร้างรูปด้านอาคาร 1:100 รูปตดั อาคาร 1:50 แบบขยายสว่ นประกอบอาคาร เชน่ บนั ได ห้องนา้ ระเบยี ง 1:50 และแบบขยายประตหู น้าตา่ ง 1:20 1:10 แบบขยายแสดงสว่ นรายละเอียดเพิ่มเตมิ เชน่ การทารอยตอ่ การเข้า 1:10 ไม้ 1:2 1:1 ที่มา : จรัญพฒั น์ ภวู นนั ท์. (2536 : 6)การเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
แบบแปลนพนื ้ รูปท่ี 1.22 แสดงแบบรูปแปลนพืน้ ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว. เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
4. ขัน้ ตอนการเขียนแบบแปลนพนื้ขัน้ ตอนการเขียนแบบแปลนพนื้ 1. เขียนเส้นร่างศนู ย์กลางเสา โดยใช้ไม้บรรทดั มาตราสว่ น วดั ระยะจากแนวเสาหมายเลข 1 ออกไปด้านขวา 2.00 เมตร จากเสาหมายเลข 2 และหมายเลข 3 ออกไป 3.00,3.00 เมตร ทางด้านแนวนอนวดั ระยะจากแนวเสา A ออกไป 2.00 เมตร และจากชว่ งเสา Bออกไป 2.00 เมตร ตามแบบที่กาหนด เขียนเส้นร่างแนวตงั้ และแนวนอน รูปท่ี 1.23 แสดงรูปการเขียนเส้นร่างกาหนดตาแหนง่ ของเสา ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
2. ใช้ไม้บรรทดั มาตราสว่ น วดั ระยะจากเส้นร่างศนู ย์กลางของเสาทกุ ต้น ตามแนวนอนออกไปข้างละ 7.5 เซนตเิ มตร ทงั้ สองข้าง และวดั ระยะจากเส้นร่างศนู ย์กลางของเสาตามแนวตงั้ออกไปข้างละ 7.5 เซนตเิ มตร ทงั้ สองข้าง เขียนเส้นร่างแนวตงั้ และเขียนเส้นร่างแนวนอนจะได้เส้นร่างขนาดของเสา 15 x 15 เซนตเิ มตร รูปท่ี 1.24 แสดงรูปการเขียนเส้นร่างกาหนดขนาดของเสา ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
3. เขียนรูปหน้าตดั ของเสา ทบั เส้นร่างที่ได้เขียนกาหนดตาแหนง่ ของเสาทกุ ต้นไว้แล้วโดยใช้เส้นเข้มหนา เน้นตาแหนง่ สว่ นของรูปเสาอาคาร รูปท่ี 1.25 แสดงรูปการเขียนรูปหน้าตดั ของเสาตามเส้นร่างท่ีกาหนดไว้ ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
4. เขียนเส้นร่างแนวของผนงั อาคาร ระยะตามที่แบบกาหนด โดยให้เขียนชิดริมเสาด้านนอกเป็นหลกั ผนงั ของอาคารจะมีความหนา 10 เซนตเิ มตร (โดยขนาดของผนงั ขนึ ้ อยกู่ บัวสั ดทุ ่ีนามากอ่ สร้าง) แตส่ ว่ นใหญ่อาคารพกั อาศยั จะใช้ผนงั อฐิ มอญ , ผนงั อฐิ บล็อก ,ผนงั ไม้และผนงั Q-CON เป็นสว่ นมากจงึ มีขนาดความหนาเทา่ กบั 10 เซนตเิ มตร รูปท่ี 1.26 แสดงรูปการเขียนเส้นร่างแนวผนงั ทงั้ หมด ที่มา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
1. เขียนเส้นร่างกาหนดตาแหนง่ ของประตู หน้าตา่ ง ขนาดและรูปร่างให้ดใู นแบบขยายประตหู น้าตา่ งประกอบในการเขียน เพื่อให้ได้ขนาดและรูปร่างท่ีถกู ต้องตามแบบ รูปท่ี 1.27 แสดงการรูปเขียนเส้นร่างเพ่ือกาหนดตาแหนง่ ประต-ู หน้าตา่ ง ที่มา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
ขนั้ ตอนการเขียนประตู หน้าตา่ ง ให้เริ่มเขียนจากวงกบกอ่ นตามด้วยกรอบบานของหน้าตา่ ง ขนาดของวงกบจะมีขนาด 5 x 10 เซนตเิ มตร ซง่ึ ขนึ ้ อยกู่ บั การออกแบบด้วย ขนาดของหน้าตา่ งบานเปิดคู่ ใช้ขนาด 0.60 x 1.10 เมตร/บาน รูปท่ี 1.28 แสดงรูปแบบของหน้าตา่ งบานเปิดคู่ ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบ รูปท่ี 1.29 แสดงรูปแบบของหน้าตา่ งบานเกล็ด ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบ รูปท่ี 1.30 แสดงรูปแบบของประตบู านเดีย่ ว ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
6. เมื่อได้ตาแหนง่ ของการวางประต-ู หน้าตา่ ง ตามแบบเรียบร้อยแล้ว ให้เขียนรูปประตู หน้าตา่ ง ลงในแปลนพืน้ ตามตาแหนง่ ที่ได้เขียนเส้นร่างกาหนดไว้ รูปท่ี 1.31 แสดงรูปการเขียนรูปประตู หน้าตา่ ง ตามตาแหนง่ ที่ได้กาหนดไว้ ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
7. เม่ือเขียนแบบรูปประตู หน้าตา่ งเรียบร้อยแล้ว ให้ทาการเขียนรายละเอียดในสว่ นของผนงั ทงั้ หมด ในการเขียนจะต้องเขียนรายละเอียดให้ถกู ต้อง เชน่ เส้นผนงั ปนู ฉาบ และเส้นแนวอิฐซง่ึ ผิวปนู ฉาบจะมีความหนาประมาณ 1.5 เซนตเิ มตร และผนงั กอ่ อฐิ ประมาณ 7 เซนตเิ มตร ในสว่ นของผนงั ไม้ จะต้องมีโครงเคร่าไม้ขนาด 11/2” x 3” เพื่อยดึ ผนงั ไม้ ตามรูปท่ี 1.32 และ 1.33 รูปท่ี 1.32 แสดงรูปการเขียนรายละเอียดในสว่ นของผนงั อาคาร ที่มา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบ ผนงั ก่ออฐิ มอญครึ่งแผน่ ฉาบปนู เรียบ ผนงั ไม้เนือ้ แข็ง ตซี ้อนเกลด็ รูปท่ี 1.33 แสดงรูปแบบขยายการเขียนผนงั ก่ออฐิ ฉาบปนู และผนงั ไม้ ท่ีมา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
8. ให้เขียนเก็บรายละเอียดตา่ ง ๆ ของแบบแปลนพืน้ ทงั้ หมด เชน่ บนั ได ม้านงั่ พืน้ นอกอาคาร สขุ ภณั ฑ์ห้องนา้ ขอบเขตของหลงั คา (โดยแสดงเป็นเส้นประ) เขียนสญั ลกั ษณ์กาหนดวสั ดุในสว่ นของประตู หน้าตา่ ง, ผนงั , พืน้ และชื่อห้อง รูปท่ี 1.34 แสดงรูปการเขียนรายละเอียดตา่ ง ๆ ของแบบ ท่ีมา : นภิ า สขุ แก้ว เขียนแบบ การเขียนบอกช่ือห้อง มีความหมายดังนี้ ช่ือห้อง หมายเลขฝ้ าเพดาน หมายเลขพืน้ ระดบั ความสงู ของพืน้ ห้องการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
9. เขียนรายละเอียดในแบบทงั้ หมด เพ่ือนาไปก่อสร้างตามแบบท่ีกาหนดได้อยา่ งถกู ต้อง - เขียนเส้นแนวตดั ของอาคาร - เขียนบอกขยายในสว่ นที่มีความซบั ซ้อน เชน่ สว่ นขยายของห้องนา้ , บนั ได ฯลฯ - เขียนสญั ลกั ษณ์ทิศเหนือ ไว้ตรงตาแหนง่ มมุ บน ด้านขวามือของแบบ - เขียนเส้นบอกระยะยอ่ ย และระยะรวม ให้ครบถ้วนตามแบบ - เขียนบอกช่ือแบบ และมาตราสว่ นท่ีใช้ในการเขียนแบบ รูปท่ี 1.35 แสดงภาพรูปแบบแปลนพืน้ ท่ีเขียนเสร็จเรียบร้อยสมบรู ณ์ ที่มา : นิภา สขุ แก้ว เขียนแบบการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
บทสรุปหน่วยท่ี 1แบบรูปแปลนพนื ้ เป็ นแบบเริ่มต้นของแบบทงั ้ หมด โดยผ้เู ขียนจะต้องเขียนแบบให้ถกู ต้องและชดั เจน โดยคานงึ ถึงวตั ถปุ ระสงค์ของการใช้พนื ้ ทีใ่ ช้สอยให้ได้ประโยชน์มากท่สี ดุและมคี วามเช่ือมโยงกนั ระหวา่ งพนื ้ ท่ีใช้สอยของอาคาร แปลนพนื ้ เป็ นแบบทแี่ สดงขนาด รูปร่างและการจดั สว่ นพนื ้ ท่ีภายในตวั อาคารในแนวราบ รวมถึงจะต้องเขียนแบบรูปแปลนพนื ้ ให้ชดั เจนเพ่อื ให้ผ้รู ับจ้างได้ทาการก่อสร้างตามแบบได้อยา่ งถกู ต้องตามหลกั วชิ าการการเขียนแบบก่อสร้าง 1 (2108-2004) : แปลนพนื้
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: