รายงานการศึกษาค้นควา้ ระยะสนั้ (Quick Research) เรือ่ ง “Regulatory Framework หรือแนวทาง/กฎหมายท่ีควบคุมสอื่ ” โดย ดร. คนึงนิจ ขาวแสง กันยายน 2560
รายงานการศึกษาค้นควา้ ระยะสนั้ ฉบบั น้เี ปน็ ส่วนหนึง่ ในผลงานของ สถาบันวิจัยและพฒั นากระบวนการยุติธรรม สานกั งานกจิ การยุตธิ รรม
บทสรปุ สาหรับผูบ้ รหิ าร คานิยามของ “สื่อ” หรือ “สื่อมวลชน” ไม่มีปรากฏในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมสื่อ หรือในคาพพิ ากษาของศาลในต่างประเทศแต่อย่างใด เนือ่ งจากแนวทางในการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การ ควบคุมสื่อในแต่ละประเภทแต่ละประเด็นน้ันมีความซับซ้อน อีกทั้งลักษณะของสื่อแต่ละประเภทมีความ แตกต่างกัน การกาหนดคานิยามของส่ืออย่างกว้าง เพ่ือใช้ในการกาหนดตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ถูก ควบคุมโดยกฎหมายจึงอาจทาให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติได้ ในกลุ่มประเทศตัวอย่างที่ศึกษาอันได้แก่ สหภาพยุโรป ออสเตรเลียและแคนาดา เห็นได้ว่าวิธีการออกกฎหมายเพ่ือควบคุมสื่อนั้นเป็นการออก กฎหมายควบคุมโดยเจาะจงเพยี งส่ือบางประเภท และออกแบบกฎเกณฑ์ในการควบคุมให้เหมาะสมกับส่ือ ที่ต้องการควบคุมน้ันเป็นการเฉพาะ โดยมีการกาหนดคานิยามของส่ือท่ีต้องการควบคุม และเร่ืองหรือ ประเด็นท่ีต้องการควบคุมไว้อยา่ งชัดเจน ทั้งน้ีหลักการพ้ืนฐานในการออกกฎหมายเพื่อควบคุมสื่อมวลชน น้ัน คือการเคารพสิทธิข้ันพ้ืนฐานของส่ือและประชาชนในการแสดงออกทางความคิด หากเมื่อมีประเด็น เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะหรือคุณค่าทางสังคมอ่ืนๆ เช่น การคุ้มครองผู้รับชมส่ือซ่ึงเป็นเด็ก และการ คุ้มครองหรือป้องกันการนาเสนอข้อมูลข่าวสารที่นาไปสู่ความเกลียดชังต่อกลุ่มบุคคลในสังคม เสรีภาพ ของสื่ออาจถูกจากัดได้ด้วยกฎหมาย กฎหมายในการควบคุมสื่อน้ันสามารถออกแบบได้หลายรูปแบบ ข้ึนอยู่กับประเภทของสื่อแต่ละประเภท ซ่ึงอาจเป็นการควบคุมโดยกฎหมายท่ีบัญญัติขึ้นโดยรัฐ การ ควบคุมโดยการออกกฏเกณฑ์ร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนผู้ประกอบการ (co-regulation) หรือการ ควบคุมโดยกลุ่มเอกชนผู้ประกอบการด้วยกันเอง (self-regulation) อย่างไรก็ดีผู้ออกกฎหมายควร คานึงถึงลักษณะของส่ือแตล่ ะประเภทท่ีมคี วามแตกตา่ งกัน ผลกระทบของกฎหมายต่อสังคม ลักษณะของ เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงพฤติกรรมของผู้คนในสังคม (social norm) การควบคุมสื่อในบางเรื่อง สมควรต้องพิจารณาดูว่ามีกฎหมายที่บังคับใช้ในเร่ืองนั้นแล้วหรือไม่ เช่นการนาเสนอเน้ือหาข่าวสารท่ีขัด ต่อกฎหมายอาญา เม่ือมีประเด็นปัญหาเกิดขึ้นย่อมบังคับได้ตามกฎหมายอาญา แล้วจึงพิจารณาต่อไปว่า สื่อประเภทใดควรถูกควบคุมเป็นการเฉพาะเจาะจง และควรถูกควบคุมในเร่ืองใด โดยต้องมีการกาหนด หรือบญั ญัตไิ วอ้ ยา่ งชัดเจน ก
สารบัญ ก ข บทสรปุ สาหรบั ผบู้ ริหาร ค สารบญั ง สารบญั ตาราง จ สารบัญแผนภาพ 1 ตัวอกั ษรย่อ บทท่ี 1 บทนา 9 - ความเปน็ มา ความสาคญั ของปญั หา 19 - วตั ถปุ ระสงค์ - แนวทางในการค้นควา้ 23 - สภาพปัญหาและข้อเท็จจริงเกีย่ วกับการเปลยี่ นแปลงของส่ือใน ยคุ ดจิ ทิ ัล บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรม - สหภาพยุโรป - ออสเตรเลีย - แคนาดา บทท่ี 3 ผลการศกึ ษา ประเดน็ ศึกษาที่ 1 นิยาม “สื่อ” ประเด็นศึกษาท่ี 2 ประเภทของส่อื และประเภทของเนอ้ื หาท่ีถูกควบคมุ บทท่ี 4 บทสรุป บรรณานกุ รม 26 ข
สารบญั ตาราง 8 ตาราง ตารางท่ี 1 เปรียบเทยี บประเภทของส่อื ท่ีถูกควบคุมในปัจจุบันในกล่มุ ประเทศทศี่ ึกษา ตารางที่ 2 แสดงตวั อย่างประเด็นเก่ยี วกับสื่อทถี่ ูกควบคุมโดยกฎหมายเฉพาะ 18 ในกลุ่มประเทศทศี่ ึกษา สารบญั แผนภาพ 20 แผนภาพ แผนภาพที่ 1 ตัวอย่างรูปแบบความทับซ้อนกนั ของส่อื ใหม่ (new media) ประเภทตา่ งๆ แผนภาพท่ี 2 แสดงให้เหน็ ถงึ พฤติกรรมการชมรายการทางโทรทศั น์เปรียบเทยี บกับการ 21 ชมรายการทาง Netflix ในประเทศแคนาดาในช่วงปี ค.ศ.2011 จนถงึ 2016 ค
ตัวอักษรย่อ ACMA Australian Communications and Media Authority AVMSD Audiovisual Media Services Directive CRTC Canadian Radio-television and Telecommunications Commission EU European Union UGC user-generated content VOD video on-demand ง
บทที่ 1 บทนา (1) ความเป็นมา ความสาคัญของปญั หา สื่อ (media) เป็นพื้นฐานสาคัญในการติดต่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารในชีวิตประจาวันและการอยู่ ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม ในทางพัฒนาการตามประวัติศาสตร์ สื่อในความหมายอย่างกว้างอาจอยู่ในรูปแบบ ของตวั กลางในการสื่อสารระหว่างมนุษยด์ ้วยกันและสื่อที่เป็นตวั กลางในการส่ือสารกับเทพเจ้าหรือจิตวิญญาณ เช่น ลัทธิและองค์กรศาสนา เป็นต้น ในอดีตส่ืออาจอยู่ในรูปแบบของผู้บอกเล่าเร่ืองราวแบบปากต่อปาก เช่น การเล่านิทานปรัมปรา หรือการบันทึกเหตุการณ์เป็นรูปภาพหรือลายลักษณ์อักษรลงในวัตถุต่างๆ เช่น ศิลา จารึกและบันทึกใบลาน เป็นต้น รูปแบบของส่ือมีการเปล่ียนแปลงไปตามยุคสมัยโดยเฉพาะอย่างย่ิงตามการ พัฒนาของเทคโนโลยีการสื่อสาร เทคโนโลยีทาให้เกิดสื่อที่สามารถถ่ายทอดเน้ือหาและข้อมูลไปยังผู้คนในวง กว้างและรวดเรว็ มากกว่าในอดตี (mass media) ไม่เพียงแต่เป็นการกระจายขอ้ มูลในหมบู่ ้านหรือในชมุ ชนหน่ึง แต่ยังขยายไปถึงการส่งข่าวสารในระดับภูมิภาค ระดับประเทศและระหว่างประเทศ ต้ังแต่เทคโนโลยีการพิมพ์ (printing press) ที่ทาให้เกิดส่ือสิ่งพิมพ์เช่น หนังสือ หนังสือพิมพ์ วารสารและใบปลวิ เทคโนโลยีการถ่ายทอด ภาพและเสียงผ่านทางสายตัวนาไปจนถึงเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สายทาให้เกิดสื่อกระจายเสียงทางวิทยุ และโทรทัศน์ (broadcasting) และเทคโนโลยีการบันทึกเสียง (recording) ซ่ึงทาให้เกิดสื่อบันทึกเสียงอันเป็น วัตถุท่ีจับต้องได้ท้ังท่ีเป็นแผ่นเสียง เทปคาสเซ็ต (compact cassette) และแผ่นซีดี (compact disc) อย่างไร ก็ตาม เน่ืองจากการหลอมรวมของเทคโนโลยี (convergence) การพัฒนาของอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยี ดิจิทัล รูปแบบของส่ือในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดและมีความหลากหลายมากกว่าที่เคย เป็นมา ทาให้รูปแบบของส่ือเปลี่ยนจากกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มที่ทาหน้าท่ีเฉพาะเป็นสื่อท่ีค่อนข้างชัดเจน กลายเปน็ บรกิ ารการสือ่ สารที่หลากหลายซบั ซ้อนแต่มีลักษณะคล้ายคลึงกับส่อื ในรปู แบบเดิม อีกทง้ั บคุ คลทั่วไป สามารถผลิตเน้ือหาและมีช่องทางการส่ือสารในบทบาทและลักษณะเดียวกับสื่อมวลชน เช่น นักข่าวพลเมือง (citizen journalist) เป็นตน้ เทคโนโลยีการส่ือสารในปัจจุบันจึงทาให้เกิดประเด็นปัญหาในทางกฎหมายเกี่ยวกับการ กาหนดตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีบทบาทและทาหน้าท่ีเป็นส่ือซ่ึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าบุคคล ท่ัวไป รูปแบบสื่อใหม่เหล่าน้ันควรถูกควบคุมหรือไม่ มาตรการหรือวิธีการในการควบคุมส่ือควรเป็นอย่างไร รวมทงั้ กฎหมายควรควบคุมประเด็นหรือเนื้อหาประเภทใดบ้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูลอนั เป็นเท็จหรือเป็นการ ละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน ข้อมูลลามกอนาจารหรือเน้ือหาที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน และถ้อยคาท่ีเป็นการ ปลุกป่ันทาใหเ้ กดิ ความเกลียดชงั (hate speech) เปน็ ตน้ 1
(2) วัตถปุ ระสงค์ งานค้นคว้าวิจัยเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่า นิยามและขอบเขตของ “สื่อ” และบทบาท เป็นสื่อมวลชน ในทางกฎหมายน้ันควรครอบคลุมถึงบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใด รวมถึงศึกษาวิเคราะห์ประเด็น และมาตรการทางกฎหมายท่คี วบคมุ ส่ือในกลุ่มประเทศตวั อย่างท่ีศึกษาอนั ไดแ้ ก่ สหภาพยุโรป ออสเตรเลยี และ แคนาดา เพ่ือให้เห็นถึงแนวทางหรือกรอบของกฎหมายในการควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพหรือองค์กรท่ีทาหน้าท่ี สื่อ และบุคคลที่มีบทบาทเป็นส่ือมวลชนในยุคปัจจุบัน อันจักเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพิจารณากาหนด แนวทางในการออกกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ในการควบคุมสื่อในประเทศไทย (3) แนวทางในการค้นควา้ ผู้วิจัยจะศึกษาสภาพการณ์และลักษณะรูปแบบของสื่อในยุคปัจจุบัน ศึกษาและวิเคราะห์ กฎหมายหรือกฎเกณฑ์ในการควบคุมส่ือในต่างประเทศอันได้แก่ สหภาพยุโรป ออสเตรเลียและแคนาดา และ นาเสนอแนวทางในการควบคมุ สื่อประเภทตา่ งๆ ในปัจจุบัน (4) สภาพปัญหาและขอ้ เท็จจริงเกีย่ วกบั การเปลยี่ นแปลงของส่ือในยคุ ดจิ ิทัล นิยามของคาวา่ “สื่อ” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.25541 หมายถงึ “ผหู้ รือ ส่ิงที่ติดต่อให้ถึงกันหรือชักนาให้รู้จักกัน” ส่วนคาว่า “ส่ือมวลชน” หมายถึง “ส่ือกลางท่ีนาข่าวสาร สาร และ เน้ือหาสาระทุกประเภทไปสู่มวลชน เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์, (ปาก) นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ เป็นต้น” และคาว่า “สื่อสารมวลชน” หมายถึง “กระบวนการติดต่อส่ือสารสู่มวลชนโดยส่ง สารผ่านสอ่ื มวลชน” ท้ังนี้ คาว่า “สื่อ” ในภาษาอังกฤษเทียบได้กับคาว่า medium หรือ media ในพจนานุกรม ภาษาอังกฤษ Cambridge Dictionary2 คาว่า medium (เอกพจน์) เป็นคานามที่มีความหมายว่า “วิธีหรือ ช่องทางในการส่ือสาร (a method or way of expressing something)” คาว่า media (พหูพจน์) หมายถึง “อนิ เตอรเ์ น็ต หนงั สือพิมพ์ นิตยสาร โทรทศั น์ ฯลฯ ซึ่งพิจารณารวมกันเป็นกลมุ่ (the internet, newspapers, magazines, television, etc., considered as a group)” สว่ นคาว่า “ส่ือมวลชน” เทียบได้กบั คาว่า “mass 1 ส า นั ก ง า น ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ภ า . พ จ น า นุ ก ร ม ฉ บั บ ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ า น พ . ศ . 2554. สื บ ค้ น จ า ก http://www.royin.go.th/dictionary. 2 Cambridge Dictionary. From http://dictionary.cambridge.org/. 2
media” ในภาษาอังกฤษซึ่งมีความหมายว่า “หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ และอินเตอร์เน็ต (newspapers, television, radio, and the internet)” เมื่อพิเคราะห์จากคานิยามตามพจนานุกรมของคาว่าส่ือและสื่อมวลชนทั้งในภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษ จะเห็นได้ว่าคาว่า “ส่ือ” ในบริบทของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อผู้คนเป็นจานวนมากน้ันเป็น คาเรียกโดยย่อท่ีมาจากคาว่า “ส่ือมวลชน” ซ่ึงมีความหมายถึง สื่อกลางท่ีนาข่าวสาร ข้อมูลและเน้ือหาสาระ ทั้งหลายไปสู่มวลชน เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และยังรวมไปถึงสื่อกลางในอินเตอร์เน็ตอีก ด้วย ดังน้ันเมื่อวิเคราะห์จากความหมายข้างต้น ส่ือหรือส่ือมวลชนที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจถูกจาแนก ได้ตามการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยแี ละตามรูปแบบของการให้บริการของส่ือ โดยสามารถแบ่งออกได้อย่าง กว้าง คือ สื่อเดิม (traditional media) ซึ่งเป็นสื่อท่เี กิดขึ้นก่อนการเกิดขึ้นของอนิ เตอรเ์ น็ต และสือ่ ใหม่ (new media) ซึ่งเป็นส่ือท่ีเกิดขึ้นในระบบอินเตอร์เน็ตโดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับส่ือเดิม แต่มีลักษณะเฉพาะบาง ประการอันเน่อื งมาจากระบบอินเตอร์เนต็ และเทคโนโลยีดจิ ิทลั ส่ือเดิมท่ีอาจถือได้ว่าเป็นสื่อมวลชน (mass media) ประเภทแรกนั้นคือ สื่อส่ิงพิมพ์ นับแต่ เครื่องพิมพ์เคร่ืองแรกได้ถูกประดิษฐ์ข้ึนในช่วงปี ค.ศ.1440 สื่อส่ิงพิมพ์หลัก คือ หนังสือและหนังสือพิมพ์ กลายเป็นสื่อท่ีผู้คนใช้เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารมาจนถึงปัจจุบัน สื่อส่ิงพิมพ์มีความหลากหลายในเน้ือหาทั้งที่ เกี่ยวกับข่าวสารในชีวิตประจาวัน สถานการณ์ในสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไปจนถึงสื่อส่ิงพิมพ์เพ่ือการให้ ความรู้และเพื่อความบันเทิง เช่น นิตยสารและหนังสือการ์ตูน เป็นต้น ดังนั้นสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทจึงถูก ควบคุมในประเด็นและลักษณะท่ีแตกต่างกัน เช่น หนังสือพิมพ์มักถูกกากับพิเศษทางด้านจรยิ ธรรมของนักขา่ ว เนื่องจากมีบทบาทสาคัญในฐานะผู้เฝ้าระวังของสังคม (watchdog) ขณะท่ีหนังสือและนิตยสารมักถูกควบคุม เน้ือหาดว้ ยกฎหมายทั่วไปและภาษสี ่ิงพิมพ์ เปน็ ตน้ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีการบันทึกและกระจายเสียงหรือภาพเคลื่อนไหว ทาให้เกิด สื่อแพร่เสียงแพร่ภาพทางวิทยุและโทรทัศน์ (broadcasting) พฤติกรรมการติดตามข่าวสารและวิถีชีวิตของ ผู้คนในสังคมเปล่ียนแปลงไปจากการอ่านส่ือสิ่งพิมพ์เป็นการฟังและการชมวิทยแุ ละโทรทัศน์ ในยุคเริ่มแรกท่ีมี วิทยุและโทรทัศน์น้ัน ประเด็นทางกฎหมายยังไม่ได้แยกต่างหากจากกฎหมายโทรคมนาคม เน่ืองจากรัฐบาล เป็นผู้ผูกขาดดาเนินการ และต่อมามีการอนุญาตให้เอกชนเพียงไม่ก่ีกลุ่มเป็นผู้ประกอบกิจการทางวิทยุและ โทรทัศน์ ส่ือประเภทน้ีจึงถูกควบคุมดูแลได้ไม่ยุ่งยากนัก ส่วนประเด็นการควบคุมทางด้านเน้ือหามีพัฒนาการ หลังจากช่วงสงครามโลกครั้งท่ีสองเน่ืองจากมีการตระหนักรู้ถึงอิทธิพลของส่ือต่อสงครามในตะวันตก สื่อวิทยุ และโทรทัศน์มักถูกควบคุมทางด้านเนื้อหาเข้มงวดกวา่ สื่อส่ิงพิมพ์ นอกจากนี้ ส่ือเดิมอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นสอื่ 3
ที่มีการถ่ายทอดเสียงและภาพคือ ภาพยนตร์ (film and cinema) ภาพยนตร์นั้นมักจะถูกควบคุมเนื้อหาโดย ผ่านทางการควบคมุ โรงภาพยนตรท์ ่นี าภาพยนตร์ตา่ งๆ มาฉายใหแ้ ก่ผชู้ ม สื่อประเภทต่างๆ ท่ีได้กล่าวมาข้างต้นน้ันเป็นสื่อเดิม (traditional media) ลักษณะเด่นของ ส่ือเดิมคือการรวมศูนย์ของผู้ผลิต (คัดเลือก) เน้ือหา (editorial control) และบริการเผยแพร่เน้ือหา (broadcasting) ไว้ที่องค์กรเดียวกันและมีจานวนจากัดโดยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพส่ือสารมวลชนโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หลังจากท่ีอินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหน่ึงในชีวิตประจาวันของมนุษย์และเม่ือเกิดการหลอม รวมกันของเทคโนโลยี รูปแบบของสอื่ กเ็ ปลยี่ นแปลงไป ทาใหเ้ กดิ สื่อใหม่ (new media) ส่ือใหม่ (new media) เป็นส่ือที่อยู่บนแพลตฟอร์มในอินเตอร์เน็ตในรูปของดิจิทัล (internet/digital platforms) และมีเนื้อหาหรือบริการท่ีคล้ายคลึงหรืออยู่ในลักษณะเดียวกับส่ือเดิม (traditional media) ทั้งน้ีด้วยลักษณะเฉพาะของอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัล ทาให้ผู้ผลิต (คัดเลือก) เน้ือหาและบริการเผยแพร่เน้ือหาอาจไม่ใช่องค์กรเดียวกันอีกต่อไป นอกจากนี้ผู้ผลิตเน้ือหาอาจเป็นบุคคลใดก็ ได้ และมีรูปแบบที่หลากหลายมากข้ึนจนยากจะจาแนกได้ชัดเจน และไม่อาจแยกประเภทออกจากกันได้อย่าง เด็ดขาด ลักษณะพิเศษเหล่าน้ที าให้การควบคมุ ส่ือใหมม่ ีความยงุ่ ยากมากกว่าการควบคุมสือ่ เดมิ สอื่ ใหมท่ ี่มคี วามโดดเด่นและเปน็ ประเด็นถกเถียงในทางสังคมและวิชาการอาจถกู จาแนกออก ไดอ้ ยา่ งนอ้ ยเป็น 6 ประเภท ดงั นี้ 1. บล็อกเกอร์ (blogger) และพ็อตแคสเตอร์ (podcaster) ผู้เขียนบล็อกหรือที่เรียกว่า บล็อกเกอร์ (blogger) คือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตท่ีเขียนบทความ ข่าวสาร ข้อมูลหรือสาระหลากหลายประเภทลงในบล็อก (blog) เพ่ือสื่อสารกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจานวนมาก เช่น บล็อกชื่อ “High on dreams”3 และ “ไปคนเดียว”4 ซึ่งเป็นบล็อกของนักเดินทางท่ีเล่าเรื่องราวการ เดินทางของตนเองไปยังสถานท่ีต่างๆ แต่เดิมบล็อกเกอร์จะเขียนบล็อกผ่านทางการเช่าพ้ืนที่เว็บไซต์ อย่างไรก็ ตามปจั จบุ ันบลอ็ กเกอรอ์ าจรวมถงึ คนเขียนบลอ็ กในสอ่ื สังคมออนไลน์ดว้ ย เชน่ คนทาเพจในเฟสบุ๊ค เป็นตน้ ส่วนพ็อตแคสเตอร์ (podcaster) น้ันคือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่อัดเสียงพูดของตนเป็นคลิปเสียง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ (podcast) มีลักษณะในการบอกเล่าเร่ืองราวคล้ายกับบล็อกเกอร์ แต่ส่ือสารเป็น เสียงพูดแทนที่จะส่ือสารเป็นตัวหนังสือหรือภาพ แม้ว่าแรกเร่ิมน้ันพ็อตแคสจะมีรูปแบบเพียงคลิปบันทึกเสียง 3 High on Dreams. From http://www.highondreams.com/. 4 ไปคนเดยี ว. สืบคน้ จาก http://paikondieow.com/. 4
แต่ในปัจจุบันพ็อตแคสยังรวมถึงคลิปภาพและเสียงอีกด้วย ท้ังน้ีผู้ชมผู้ฟังอาจดาวน์โหลดคลิปเหล่าน้ันเก็บไว้ เพ่อื เปดิ ฟังเมื่อใดก็ไดต้ ามท่ีต้องการ ตวั อย่างของพอ็ ตแคสเชน่ “ช่างคยุ ”5 และ “TED talks”6 เปน็ ต้น บล็อกเกอร์และพ็อตแคสเตอร์นน้ั บางกรณีมีลกั ษณะท่ีใกล้เคียงกับผรู้ ายงานข่าว (journalist) หรอื รายการวิทยแุ ละโทรทัศน์เปน็ อย่างมาก จึงเป็นประเด็นปัญหาทนี่ า่ สนใจอย่างยงิ่ ว่าบล็อกเกอร์และพ็อตแค สเตอร์น้ันควรถูกควบคุมหรือควรมีหลักเกณฑ์ทางวชิ าชพี เชน่ เดียวกับนักข่าวหนังสือพิมพ์ และผู้จัดทารายการ วทิ ยแุ ละโทรทัศนใ์ นสื่อเดมิ หรือไม่ 2. เวบ็ ไซตร์ วบรวมข่าว (news aggregator) เว็บไซต์รวบรวมข่าว เช่น “MSN ข่าว”7 “Sanook”8 “Yahoo News”9 และ “Google News”10 เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการข่าวโดยนาข้อมูลข่าวสารหลากหลายประเภทมาจากแหล่งข่าวต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ สานักข่าว รวมถึงบล็อกต่างๆ แล้วรวบรวมไว้ในเว็บไซต์เดียว โดยส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์รวบรวม ข่าวไม่ได้เป็นผู้ผลิตเนื้อหาข่าวหรือคอนเทนต์เอง แต่เป็นการคัดเลือก ตัดทอนหรือสรุปข่าวสารมาจาก แหล่งข่าวอ่ืนๆ ซึ่งแม้จะมีการอ้างถึงแหล่งท่ีมาของข่าวนั้นอยู่บ้าง แต่ก็มักจะไม่ได้ใส่ลิงค์ (link) ของแหล่งข่าว ต้นฉบับน้ันไว้แต่อย่างใด ในปัจจุบันผู้คนในหลายประเทศท่ัวโลกเลือกบริโภคข่าวสารจากเว็บไซต์รวบรวมข่าว เป็นแหล่งข่าวอันดับต้นๆ11 ดังนั้นเว็บไซต์รวบรวมข่าวเหล่าน้ีจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมการรับรู้ ข่าวสารของประชาชน 3. งานทส่ี รา้ งสรรคข์ ึน้ โดยผ้ใู ชง้ านอินเตอรเ์ น็ต (user-generated content (UGC)) งานท่ีสร้างสรรคข์ ึน้ โดยผู้ใช้งานอินเตอรเ์ น็ตหรือ UGC นนั้ เปน็ งานหลากหลายประเภทท่ีผู้ใช้ อนิ เตอรเ์ นต็ สร้างสรรคข์ ึน้ และเผยแพรบ่ นโลกออนไลน์ งานที่สรา้ งสรรคข์ ึ้นโดยผูใ้ ช้งานอินเตอรเ์ นต็ น้ันอาจเป็น งานท่ไี ม่ได้มีการทาซา้ หรอื ลอกเลียนงานของผู้อื่น (user-authored content) เช่น การสรา้ งวิดีโอเพื่อเผยแพร่ เร่ืองราวต่างๆ โดยผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นผู้ผลิตเน้ือหาเอง เช่นคลิปสอนแต่งหน้าและคลิปสอนภาษา เป็นต้น หรือ งานที่เป็นการทาซ้างานต้นฉบับของผู้อ่ืน (user-copied content) เช่นการแชร์เพลงและภาพยนตร์ซ่ึง เป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิ หรือ งานท่ีสร้างสรรค์ใหม่โดยใช้งานของผู้อ่ืน (user-derived content) เช่น การแต่ง 5 ช่างคยุ . สืบค้นจาก http://www.changkhui.com/. 6 TED. From https://www.ted.com/talks. 7 MSN ขา่ ว. สบื คน้ จาก https://www.msn.com/th-th/news. 8 Sanook. From http://www.sanook.com/. 9 Yahoo News. From https://www.yahoo.com/news/. 10 Google News. From https://news.google.com/. 11 Nic, N. (2015). Reuters Institute Digital News Report 2015, Reuters Institute for the Study of Journalism. 5
นิยาย (fan fiction)12 หรือทาวิดีโอตัดต่อหรือทาภาพยนตร์ส้นั (fan film)13 โดยใช้ตัวละครหรือเค้าโครงมาจา กนวนิยายที่โด่งดัง การใช้งานของผู้อื่นบางส่วนเพ่ือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง (parody) และการนางานของ ผอู้ ่นื มาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื สรา้ งเปน็ งานช้ินใหม่ (mash-up) 14 4. สื่อสังคมออนไลน์ (social media) ส่ือสังคมออนไลน์ หมายถึง ส่ือในโลกดิจิทัลท่ีใช้สื่อสารระหว่างกันในเครื่อข่ายทางสังคม (social network) ซ่ึงเป็นการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้ใช้ผ่านทางเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่มีการเช่ือมต่อกับ อินเตอร์เน็ต โดยผู้ใช้ส่ือสังคมออนไลน์สามารถเป็นผู้รับสารและผู้ส่งสารได้ในขณะเดียวกัน ท้ังที่เป็นการรับส่ง สารที่อยู่ในรูปของตัวอักษร ภาพและเสียง ยกตัวอย่างเช่น Facebook15 สื่อสังคมออนไลน์อาจรวมถึง แพลตฟอร์มเพื่อการแลกเปล่ียนวิดีโอออนไลน์ (video-sharing platform) เช่น YouTube16 ซ่ึงมีการจัดสรร พื้นที่ให้ผู้ใช้สามารถแชร์หรือแลกเปลี่ยนวิดีโอและความคิดเห็นได้ ท้ังนี้ข้อมูลท่ีมีการกระจายและแลกเปลี่ยน หรือแชร์กันนั้น อาจเป็นเนื้อหาของสื่อใหม่ประเภทอ่ืนๆ ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว เช่นการแชร์บล็อก พ็อตแคส และ UGC เปน็ ต้น 5. บรกิ ารเรยี กดวู ิดที ัศนต์ ามคาสั่ง (video on-demand (VOD)) การให้บริการเรียกดูวิดีทัศน์ตามคาส่ังหรือ VOD เช่น “Netflix”17 และ “iflix”18 เป็นระบบ การเรียกดูภาพยนตร์หรือข้อมูลภาพเคล่ือนไหวพร้อมเสียงที่ผู้ใช้สามารถเลือกดูในเวลาใดและสถานท่ีใดก็ได้ ตามที่ต้องการ โดยผู้ใช้ยังสามารถควบคุมการเล่นได้ด้วยตนเอง ผู้ใช้บริการ VOD มักจะต้องสมัครสมาชิกและ ชาระคา่ บรกิ ารซ่งึ มักอยู่ในรูปแบบการชาระค่าบริการรายเดือนหรือรายปี (subscription) การใชบ้ ริการเรียกดู วิดีทัศน์ตามคาส่ังให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้มากกว่าระบบแพร่เสียงแพร่ภาพทางโทรทัศน์ (video broadcast) เพราะในระบบการกระจายภาพและเสียงทางโทรทัศน์ ผู้ใช้ทุกคนจะได้ชมวิดีทัศน์อันเป็นสัญญาณอันเดียวกัน และรายการตา่ งๆ ทฉ่ี ายนั้นมกี าหนดเวลาไว้ตามผังรายการทีก่ าหนดโดยผใู้ หบ้ ริการโทรทัศน์แต่ละช่อง ในขณะ 12 Rebecca, T. (1997). Legal Fictions: Copyright, Fan Fiction, and a New Common Law. Loy. L.A. Ent. L. Rev. 17, 651. 13 Noda, N. ( 2010) . Copyrights Retold: How Interpretive Rights Foster Creativity and Justify Fan- Based Activities, Seton Hall Journal of Sports & Entertainment Law, 20(1), 131. 14 Vera, G. ( 2012) . The Transformative Tribute: How Mash- Up Music Constitutes Fair Use of Copyrights. Hastings Comm. & Ent. L.J., 34, 381. 15 Facebook. From https://www.facebook.com/. 16 YouTube. From https://www.youtube.com/. 17 Netflix. From https://www.netflix.com/th-en/. 18 iFlix. From https://www.iflix.com/. 6
ท่ีการให้บริการเรียกดูวิดีทัศน์ตามคาส่ังน้ัน ผู้ใช้ไม่ต้องรอเวลาเพ่ือท่ีจะได้รับชมรายการที่ตนเองต้องการ แต่ สามารถเลือกดูรายการทตี่ นสนใจในเวลาใดกไ็ ด้ ทง้ั นี้ดว้ ยเหตุที่การให้บริการเรยี กดวู ดิ ีทัศนต์ ามคาสั่งหรอื VOD นั้นมีลักษณะการให้บริการท่ีคล้ายคลึงกับการให้บริการทางโทรทัศน์ ในปัจจุบันจึงมีประเด็นถกเถียงในหลาย ประเทศวา่ ผ้ใู ห้บริการ VOD ควรถกู ควบคุมหรือไม่ และควรจะมกี ารควบคมุ อยา่ งไร 6. สือ่ ออนไลนท์ ี่มีลักษณะเหมอื นหรือมาจากส่ือเดิม ส่ือใหม่ประเภทนี้โดยพ้ืนฐานแล้วคือองค์กรส่ือเดิมท่ีนาเสนอข้อมูลข่าวสารในเว็บไซต์หรือบน แพลตฟอร์มออนไลน์แทนที่จะอยู่ในพ้ืนที่เดิม เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์19 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ20 และ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์21 ซึ่งจากเดิมที่นาเสนอข้อมูลข่าวบนกระดาษหนังสือพิมพ์ แต่ในปัจจุบันยังมีการนาเสนอ ข่าวบนเว็บไซต์ของตนเอง รวมถึงรายการข่าวหรือรายการทีวีที่จากเดิมมีเพียงช่องทางเดียวในการนาเสนอคือ การแพร่เสยี งแพรภ่ าพทางวิทยุหรือโทรทศั น์ แต่ในปัจจบุ ันมกี ารนาเสนอขอ้ มลู ผ่านทางเวบ็ ไซต์อกี ช่องทางหนึ่ง เช่น สานักข่าว BBC22 รายการข่าวของไทยทีวีสีช่อง 323 และรายการโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์24 เป็นต้น นอกจากนี้สื่อออนไลน์ท่ีมีลักษณะเหมือนหรือมาจากส่ือเดมิ ยังรวมถึงสอื่ สานักใหม่ที่เติบโตจากการเสนอข้อมลู ข่าวสารในเว็บไซต์หรือบนแพลตฟอร์มออนไลน์แต่เพียงอย่างเดียว แต่มีลักษณะเหมือนและแข่งขันกับสื่อเดิม เช่น the Huffington Post และ The MATTER เปน็ ต้น แม้ว่าสื่อใหม่อาจถูกจาแนกออกได้อย่างน้อยเป็น 6 ประเภทดังท่ีได้อธิบายไว้ข้างต้น แต่สื่อ เหล่าน้ีอาจมีลกั ษณะท่ีเหมือนหรอื ใกล้เคียงกันจนไม่สามารถจัดแบ่งประเภทจนแยกขาดจากกันไดอ้ ย่างชัดเจน เช่น ในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เน้ือหาในบล็อกต่างๆ หรือแชร์และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับงานท่ี สรา้ งสรรคข์ นึ้ โดยผใู้ ชง้ านอินเตอรเ์ น็ตหรือ UGC หลากหลายประเภท นอกจากนเี้ ว็บไซตร์ วบรวมขา่ วอาจมีการ เผยแพรเ่ นือ้ หาที่ตนเป็นผู้ผลิตเองอันมีลักษณะใกล้เคียงอย่างมากกบั ส่ือออนไลน์ท่มี ีลักษณะเหมือนหรือมาจาก สอ่ื เดิม (ดูแผนภาพท่ี1) 19 Bangkok Post. From www.bangkokpost.com. 20 ไทยรัฐ. สืบค้นจาก www.thairath.co.th. 21 เดลินิวส.์ สืบค้นจาก www.dailynews.co.th. 22 BBC news. From http://www.bbc.com/news. 23 ครอบครวั ข่าว. สบื ค้นจาก http://www.krobkruakao.com/tvonline. 24 เวริ ค์ พอยต์. สบื คน้ จาก http://www.workpointtv.com/. 7
สื่อออนไลน์ทีม่ ีลกั ษณะ เหมือนหรอื มาจากสอ่ื เดิม เว็บไซตร์ วบรวมขา่ ว บริการเรยี กดูวดิ ที ัศน์ (news aggregator) ตามคาส่ัง (video on-demand) สื่อสงั คมออนไลน์ บลอ็ กเกอร์ (blogger) (เชน่ Facebook, และพ็อตแคสเตอร์ Twitter, LinkedIn, (podcaster) YouTube) งานที่สรา้ งสรรค์ขึน้ โดย ผูใ้ ช้งานอนิ เตอร์เน็ต (UGC) แผนภาพที่ 1 ตวั อย่างรปู แบบความทับซ้อนกันของส่ือใหม่ (new media) ประเภทต่างๆ ดว้ ยความหลากหลายของสื่อทีม่ ีอยใู่ นปจั จบุ ัน ท้ังท่ีเป็นสอ่ื เดมิ และสอ่ื ใหม่ ประเดน็ ปญั หาของ กฎหมายท่ีควบคุมสื่อที่สาคัญประการแรกจึงเป็นการค้นหาและกาหนดขอบเขตนิยามของคาว่า “ส่ือ” ว่า หมายถึงบุคคลและบริการรูปแบบใดได้บ้าง ในกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมสื่อในต่างประเทศได้มีการให้คา นิยามคาว่า “ส่ือ” หรือ “ส่ือมวลชน” ไว้หรือไม่ อย่างไร อีกท้ังกลุ่มประเทศตัวอย่างท่ีศึกษาอันได้แก่สหภาพ ยุโรป ออสเตรเลยี และแคนาดาน้นั มีกฎหมายทบี่ ัญญตั ิขึน้ เพ่ือควบคุมส่ือประเภทใดบ้าง ควบคมุ ประเด็นเนื้อหา ใดและมีมาตรการในการควบคุมอย่างไร ในงานวิจัยค้นคว้าฉบับนี้ ผู้ค้นคว้าจึงนาเสนอแนวคิดและกฎหมายท่ี เก่ียวกับการควบคุมส่ือมวลชนในประเทศท่ีศึกษาในบทท่ี 2 วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอผลการศึกษา และทา ข้อเสนอแนะพร้อมบทสรุปในบทท่ี 3 และบทท่ี 4 ตามลาดบั 8
บทที่ 2 ทบทวนวรรณกรรม มาตรการทางกฎหมายท่คี วบคุมส่ือในกลุม่ ประเทศตัวอยา่ งทศ่ี กึ ษาอนั ได้แก่ สหภาพยโุ รป ออสเตรเลยี และแคนาดา สามารถสรปุ โดยสังเขปไดด้ ังน้ี สหภาพยุโรป กฎหมายสาคัญเกย่ี วกบั การควบคุมส่อื ในสหภาพยุโรปคอื กฎหมายวา่ ด้วยสื่อประเภทภาพและ เสยี ง (audiovisual media) ทม่ี ีช่ือเรยี กอยา่ งสั้นว่า Audiovisual Media Services Directive25 หรือ AVMSD กฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรป (EU Directive) ฉบับน้ีอยู่ภายใต้นโยบายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการให้บริการ ข้อมูลภาพและเสียงอย่างอิสระและเป็นธรรมและสอดคล้องกับกฎตลาดเดียว (single market) ของสหภาพ ยุโรป ซึ่งควบคุมดูแลทั้งข้อมลู ทีเ่ ผยแพรท่ างโทรทัศน์อย่างสื่อเดิม และสือ่ ใหม่อย่างการให้บริการเรยี กดูวิดีทัศน์ ตามคาสง่ั หรือ VOD และสื่ออน่ื ๆ บนอนิ เตอรเ์ นต็ 26 เป้าหมายของ AVMSD คอื การสรา้ งบรรทัดฐานที่สอดคล้องกันภายในกลุ่มประเทศสมาชิกให้ ออกกฎหมายควบคุมส่ือของแต่ละประเทศในลักษณะเดียวกันเช่น กฎหมายควบคุมสื่อเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และเด็ก คุ้มครองความหลากหลายของสื่อท่ีนาเสนอต่อประชาชน ป้องกันความเกลียดชังทางเช้ือชาติและ ศาสนา คมุ้ ครองความหลากหลายทางวัฒนธรรม ควบคุมการนาเสนอโฆษณาเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ บหุ ร่แี ละยา รกั ษาโรค หลกั เกณฑค์ วบคุมสื่อเก่ียวกบั การรายงานเหตุการณ์สาคญั เช่นการแขง่ ขันกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอล โลก และการสนับสนุนเนื้อหารายการท่ีเป็นภาพและเสียงหรือภาพยนตร์ของประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป เปน็ ตน้ ผู้ให้บริการสื่อประเภทภาพและเสียงท่ีถูกควบคุมภายใต้ AVMSD ได้แก่ ผู้กระจายภาพและ เสยี งทางโทรทัศน์ สือ่ โฆษณาภาพและเสียง รวมถึงเนอ้ื หาทผ่ี ใู้ ช้ VOD เลือกชมผ่านทางเครือขา่ ยอิเล็กทรอนิกส์ 25 DIRECTIVE 2 0 1 0 / 1 3 / EU on the coordination of certain provisions laid down by law, regulation or administrative action in Member States concerning the provision of audiovisual media services (Audiovisual Media Services Directive). 26 European Union. Audiovisual and media. From https://europa.eu/european-union/topics/audiovisual- media_en. 9
เช่นเลือกชมรายการผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อโทรทัศน์ (connected TV sets) อุปกรณ์โทรศัพท์ไร้สายและ อนิ เตอรเ์ นต็ ซงึ่ ผู้ชมสามารถเลอื กเข้าชมเวลาใดก็ได้27 ท้ังนี้เนื้อหาข้อมูลท่ีจะถูกควบคุมภายใต้ AVMSD จะต้องเป็นการให้บริการในลักษณะ ดังต่อไปนี้คือ เป็นไปในทางการค้า (ไม่รวมถึงเว็บไซต์ส่วนตัว) เผยแพร่ต่อสาธารณะ (ไม่รวมถึงการเผยแพร่ เน้ือหาในกลุ่มส่วนตัว) เนื้อหานั้นถูกนาเสนอในรูปแบบรายการ (as a programme) ซึ่งไม่รวมถึงเว็บไซต์ที่มี ภาพและเสียงเพียงเพื่อประกอบเน้ือหาหลักในเว็บไซต์ เช่นภาพกราฟิกและโฆษณาสั้น) และเป็นเนื้อหาท่ีถูก ควบคุมจัดการโดยผู้ให้บริการสื่อ กล่าวคือผู้ให้บริการส่ือควบคุม คัดเลือกเนื้อหาและจัดรูปแบบรายการ ดังกลา่ ว AVMSD กาหนดกฎเกณฑ์พื้นฐานสาหรับสื่อทั้งสองประเภทคือ สื่อแพร่เสียงแพร่ภาพทาง โทรทศั นแ์ ละการให้บรกิ ารเรียกดวู ิดีทศั นต์ ามคาสง่ั หรอื VOD เช่น หลักเกณฑ์เกย่ี วกบั การนาเสนอเนือ้ หาที่อาจ เป็นการปลุกป่ันให้เกิดความเกลียดชัง28 (Incitement to hatred) การอานวยให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงเน้ือหา ทีน่ าเสนอได2้ 9 และหลักเกณฑเ์ กย่ี วกับการถ่ายทอดงานภาพยนตร์30 เปน็ ต้น เน้ือหาของสอื่ แตล่ ะประเภททีถ่ กู ควบคุมโดย AVMSD ในปัจจบุ นั มดี ังน้ี “การกระจายภาพและเสียงทางโทรทัศน์” (television broadcasting หรือ television broadcast) มคี านิยามปรากฏใน AVMSD ว่าคือการให้บรกิ ารสอื่ ในรูปของภาพและเสียงซึ่งผู้ชมรับชมได้พร้อม กันตามผังรายการท่ีกาหนดไว้31 AVMSD ได้กาหนดกฎเกณฑ์ไว้เฉพาะสาหรับสื่อทางโทรทัศน์ เช่นกฎเก่ียวกับ การรายงานเหตุการณ์สาคัญและข่าวสั้น32 โควตาสาหรับการฉายรายการเพ่ือสนับสนุนและเผยแพร่รายการ โทรทัศน์ของประเทศในสหภาพยุโรป33 การจากัดเวลาสาหรับโฆษณาทางโทรทัศน์ (television advertising) และการขายสนิ คา้ ทางโทรทัศน์ (teleshopping)34 และกฎเกณฑ์เพอ่ื คุ้มครองผูเ้ ยาว์35 เปน็ ตน้ 27 Article 1(1) a of the AVMSD. 28 Article 6 of the AVMSD. 29 Article 7 of the AVMSD. 30 Article 8 of the AVMSD. 31 Article 1 (1) e of the AVMSD. 32 Chapter V of the AVMSD. 33 Chapter VI of the AVMSD. 34 Chapter VII of the AVMSD. 35 Chapter VIII of the AVMSD. 10
นอกจากสื่อทางโทรทัศน์ดังที่กล่าวไปข้างต้น บริการ “on-demand audiovisual media service” หรือสื่อใหม่ซ่ึงเป็นการให้บริการเรียกดูวิดีทัศน์ตามคาส่ังหรือ video on-demand (VOD) อาจถูก ควบคุมภายใต้ AVMSD ดว้ ยเชน่ กัน บริการประเภทนี้ มีคานิยามใน AVMSD หมายถงึ บรกิ ารส่ือที่อยู่ในรูปของ ภาพและเสียงซึ่งผู้ใช้แต่ละรายสามารถรับชมรายการใดก็ได้ที่ตนต้องการและรั บชมในเวลาใดที่ต้องการก็ได้ โดยเลือกชมจากรายชื่อของรายการ (catalogue of programmes) ที่ผู้ให้บริการคัดเลือกมานาเสนอ36 กฎเกณฑ์ท่ี AVMSD ได้กาหนดไว้เฉพาะสาหรับบริการสื่อประเภท VOD ซ่ึงมีผลบังคับใช้ในปัจจุบันนั้นมีเพียง สองประเด็น ได้แก่ การคุ้มครองเยาวชนจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และการสนับสนุนและเผยแพร่รายการของ ประเทศในยุโรป37 ในปัจจุบัน AVMSD กาลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขโดยมีการออกร่างกฎหมายแก้ไข AVMSD38 (proposal amending the AVMSD) ขึ้น ด้วยเหตุที่สหภาพยุโรปได้ตระหนึกถึงรูปแบบสื่อที่หลากหลายใน ศตวรรษที่ 21 ซ่ึงพฤติกรรมของผู้ชมและผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเปล่ียนไปอย่างมาก โดยเปลี่ยน จากการรบั ชมโทรทัศน์อยา่ งส่อื เดิม (traditional TV) ไปเปน็ การรับชมสอ่ื ในโลกออนไลน์มากขน้ึ 39 ทัง้ ท่ีสื่อทาง โทรทัศน์กลับถูกควบคุมมากกว่าส่ือออนไลน์ การแก้ไข AVMSD ในครั้งน้ีจึงมีข้ึนเพ่ือลดความเข้มงวดในการ ควบคุมส่ือทางโทรทัศน์ในบางเรื่อง และควบคุมเน้ือหาจากส่ือ video on-demand หรือ VOD และสื่อใน อินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการปิดกั้นขัดขวางนวัตกรรมทางเทคโนโลยี แนวความคิดหลัก ในการแก้ไขกฎหมายฉบับน้ีจึงเป็นไปเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างสมดุลระหว่างการแข่งขันและการ คมุ้ ครองผูบ้ รโิ ภค การเพ่ิมเติมแก้ไข AVMSD เพื่อยกระดับการควบคุมเน้ือหาในสื่อบางประเภทและในบาง ประเด็นให้สูงขึ้น เช่น กาหนดให้ผู้ให้บริการเรียกดูวิดีทัศน์ตามคาส่ังหรือ VOD ต้องมีหน้าที่ในการสนับสนุน เน้ือหาของยุโรปตามกาหนดโควต้าข้ันต่า (minimum quota obligations) ซึ่งกาหนดให้ผู้ให้บริการสื่อ VOD ต้องจัดให้มีเนื้อหารายการของยุโรปในสัดส่วนที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของรายชื่อหรื อแคตตาล็อก 36 Article 1 (1) g of the AVMSD. 37 CHAPTER IV, Article 12 and Article 13 of the AVMSD. 38 Proposal for a DIRECTIVE OF THE EUROPEAN PARLIAMENT AND OF THE COUNCIL amending Directive 2010/13/EU on the coordination of certain provisions laid down by law, regulation or administrative action in Member States concerning the provision of audiovisual media services in view of changing market realities (COM/2016/0287 final - 2016/0151 (COD)). From https://ec.europa.eu/digital-single- market/en/news/proposal-updated-audiovisual-media-services-directive. 39 European Commission. AVMSD: a media framework for the 21st century. From https://ec.europa.eu/digital- single-market/sites/digital-agenda/files/avmsd1.jpg. 11
(catalogues) ของรายการท่ีคัดเลือกมานาเสนอท้ังหมด40 หากเกณฑ์ข้อกาหนดน้ีมีผลบังคับใช้ผู้ให้บริการสื่อ ประเภท VOD ในสหภาพยโุ รปเช่น Netflix และ Amazon จะตอ้ งปฏิบัติตามกฎดังกล่าว41 นอกจากน้ียังมีการเพ่ิมเติมประเด็นในการควบคุมเนื้อหา เช่น เพ่ิมเติมมาตรการควบคุม เน้ือหาของสื่อเพื่อคุ้มครองผู้เยาว์42 และเพ่ิมเติมให้มีกฎเกณฑ์เพ่ือควบคุมเน้ือหาที่เป็นการแสดงออกถึงความ เกลียดชัง (hate speech) จากเดิมที่ AVMSD ไม่ได้บัญญัติมาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ ร่างแก้ไข AVMSD กาหนดให้ต้องมีการควบคุมเนื้อหาที่อาจเป็นการปลุกปั่นทาให้เกิดการใช้ความรุนแรงและความเกลียดชังต่อ กลุ่มบุคคลหรือสมาชิกของกลุ่มบุคคลอันเนื่องมาจากเพศ เชื้อชาติ สีผิว ศาสนา ชาติกาเนิดหรือสัญชาติและ เผ่าพันธุ์ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสหภาพยุโรปว่าด้วยการต่อต้านการแสดงออกถึงการเหยี ยด เชอ้ื ชาตแิ ละการเกลยี ดกลวั ต่างชาติ (racism and xenophobia)43 นอกจากนี้ร่างแก้ไข AVMSD ยังเพ่ิมสื่อท่ีจะถูกควบคุมขึ้นอีกหน่ึงประเภทคือบริการ แพลตฟอร์มเพื่อการแลกเปลี่ยนวิดีโอออนไลน์ (video-sharing platform service) เช่น YouTube อย่างไรก็ ดี ประเด็นในการควบคุมสื่อประเภทน้ีเป็นการควบคุมเพียงสองประเด็นเท่านั้นคือ ควบคุมเร่ืองการแสดงออก ถึงความเกลียดชัง (hate speech) และการเผยแพร่เนื้อหาท่ีอาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์44 ท้ังนี้ บริการส่ือใน สังคมออนไลน์ (social media services) ยังไม่ถูกควบคุมตามร่างแก้ไขฉบับน้ี เว้นแต่เน้ือหาที่นาเสนอในส่ือ สังคมออนไลน์น้ันเป็นบริการสื่อท่ีตรงตามนิยามของ video-sharing platform45 ทั้งนี้ ร่างแก้ไข AVMSD ได้ ใหค้ านยิ ามของบริการแพลตฟอร์มเพ่ือการแลกเปลี่ยนวดิ ีโอออนไลน์ “video-sharing platform service” ไว้ โดยการเพมิ่ เติมมาตรา 1 (aa) ใน AVMSD นอกจากการควบคุมสื่อและเนอ้ื หาของส่อื บางประเภทดว้ ยกฎเกณฑ์ใน AVMSD แลว้ สหภาพ ยุโรปยังมีการควบคุมเนื้อหาส่ือในโลกอินเตอร์เน็ตด้วยกฎหมาย e-Commerce Directive46 มาตราหลักท่ีใช้ ในการควบคุมเนอื้ หาหรือขอ้ มูลท่ีขัดต่อกฎหมาย (illegal activity or information) ท่ีเผยแพรบ่ นแพลตฟอร์ม ออนไลน์ คือมาตรา 14 ของ e-Commerce Directive ซ่ึงวางหลักว่า ผู้ให้บริการข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต 40 อย่ใู นระหวา่ งการแกไ้ ขเพิ่มเติม Article 13 ใน AVMSD. 41 The Guardian. Netflix and Amazon must guarantee 20% of content is European https://www.theguardian.com/media/2016/may/25/netflix-and-amazon-must-guarantee-20-of-content-is- european. 42 อยู่ในระหวา่ งการแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ Article 12 ใน AVMSD. 43 FRAMEWORK DECISION 2008/913/JHA of 28 November 2008 on combating certain forms and expressions of racism and xenophobia by means of criminal law. 44 อยใู่ นระหว่างการเพ่มิ เตมิ CHAPTER IX, Article 28a. 45 Proposal for AVMSD, Page 15. 46 Directive 2000/31/EC of the European Parliament and of the Council of 8 June 2000 on certain legal aspects of information society services, in particular electronic commerce, in the Internal Market ('Directive on electronic commerce'). 12
(online service provider) เช่น เจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเพื่อการแลกเปลี่ยนวิดีโอ ออนไลน์ (video-sharing platform service) เช่น YouTube และผู้ให้บริการส่ือสังคมออนไลน์เช่น Facebook47 มีหน้าท่ีตามกฎหมายในการจากัดหรือลบเน้ือหาหรือข้อมูลท่ีขัดต่อกฎหมายซึ่งอยู่ในการจัดเก็บ ของตน (host) ในทันทีที่ผู้ให้บริการข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนั้นได้ทราบหรอื ได้รับการแจ้งถึงข้อมูลหรือเน้ือหาท่ี ขัดต่อกฎหมายน้ัน เน้ือหาหรือข้อมูลท่ีขัดต่อกฎหมาย (illegal activity or information) เช่น เน้ือหาท่ีเป็น การละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ ข้อมูลหรือการแสดงความเหน็ ที่เป็นการหมน่ิ ประมาทบคุ คลอืน่ เนือ้ หาท่ไี ม่เหมาะสมสาหรับ เด็ก เช่นภาพหรือวิดีโอลามกอนาจารหรือการใช้ความรุนแรง และเน้ือหาข้อมูลที่ขัดต่อกฎหมายอาญาอื่นๆ เปน็ ตน้ ออสเตรเลยี ประเทศออสเตรเลียได้ออกกฎหมายท่ีกาหนดแนวทางในการควบคุมส่ือประเภทวิทยุและ โทรทัศน์ รวมถึงบริการส่ือทางดิจิทัลไว้ใน Broadcasting Services Act 1992 ซึ่งมาตรา 122 ของกฎหมาย ฉบับนี้ได้กาหนดให้มีการจัดต้ังองค์กรที่มีอานาจควบคุมดูแลสื่อมวลชนที่มีช่ือว่า Australian Communications and Media Authority หรือ ACMA ข้ึน ACMA จึงเป็นผู้มีอานาจจัดสรรคล่ืนวิทยุและ โทรทัศน์ ออกใบอนุญาตประกอบกิจการถ่ายทอดภาพและเสียง รวมถึงควบคุมดูแลเนื้อหาของรายการวิทยุ และโทรทัศนท์ นี่ าเสนอต่อประชาชน การควบคุมเนื้อหาของข้อมูลท่ีถูกนาเสนอต่อประชาชนในออสเตรเลียน้ันมีหลายรูปแบบ สถานวี ิทยแุ ละโทรทัศน์เปน็ สอ่ื อันดับต้นๆ ที่ตอ้ งจัดการเนื้อหาข้อมลู ให้สอดคล้องกับมาตรฐานวชิ าชีพของกลุ่ม ผูป้ ระกอบการ เนื้อหารายการส่วนใหญ่ถูกควบคุมด้วยมาตรฐานการปฏิบัติวชิ าชีพ (codes of practice) ซึง่ รัฐ ใหก้ ลมุ่ ผปู้ ระกอบการส่อื แตล่ ะประเภทกาหนดมาตรฐานการปฏบิ ัตวิ ชิ าชีพของตนเอง ทง้ั นตี้ ้องมีการควบคุมใน เรื่องดังต่อไปน้ี เช่น ความรุนแรงทั้งทางกายและทางจิตใจ สื่อที่มีภาพเปลือยหรือการกระทาทางเพศ การใช้ ถอ้ ยคารุนแรงหยาบคาย การนาเสนอขอ้ มลู เก่ยี วกับการเสพยาเสพตดิ เครื่องดืม่ แอลกอฮอลแ์ ละบุหรี่ และการ นาเสนอเนื้อหาท่ีอาจเปน็ การยัว่ ยุให้เกิดความเกลียดชงั หรือประณามบุคคลใดหรือกลุ่มบคุ คลใดอันเป็นพื้นฐาน มาจากชาตพิ ันธุ์ เชื้อชาติ เพศ ศาสนาหรือความบกพร่องทางร่างกายหรือทางจิตใจ เป็นต้น48 นอกจากนี้ยังต้อง มีเนื้อหารายการของออสเตรเลีย (Australian programs) ในระดับท่ีเหมาะสมเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ 47 The IT Law Community. (2017). Facebook, Illegality and the E-commerce Directive. From https://www.scl.org/articles/3832-facebook-illegality-and-the-e-commerce-directive. 48 Article 123 of Broadcasting Services Act 1992. 13
ของประเทศและความหลากหลายทางวัฒนธรรม เช่น รายการสาหรับเด็ก49 ละครโทรทัศน์และรายการสาร คด5ี 0 เป็นต้น ท้ังน้ีเม่ือกลุ่มผู้ประกอบการส่ือได้กาหนดมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ (codes of practice) ACMA จะพิจารณาว่าว่ากลุ่มผู้ประกอบกิจการน้ันได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน (public consultation) แล้วหรือไม่ และมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพน้ันเหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายใน Broadcasting Services Act 1992 หรือไม่ หากพิจารณาแล้วเห็นสมควร ให้ ACMA รับลงทะเบียนมาตรฐาน การปฏิบัติวิชาชีพน้ันไว้ ท้ังน้ี ACMA มีอานาจในการบังคับให้ผู้ประกอบการสื่อดาเนินกิจการให้เป็นไปตาม มาตรฐานการปฏบิ ตั วิ ชิ าชีพท่ีจดทะเบยี นไว้ อย่างไรก็ตามสื่อใหม่ไม่ได้ถูกควบคุมในลักษณะเช่นเดียวกับส่ือเดิม แต่ถูกควบคุมในรูปแบบ เช่นเดียวกับข้อมูลข่าวสารในอินเตอร์เน็ตซึ่งถูกควบคุมภายใต้กฎหมาย Broadcasting Services Act 1992 ด้วยเช่นกัน51 โดยในภาคท่ี 5 และ 7 ของ Broadcasting Services Act 199252 กาหนดช่องทางให้ ผู้บริโภคหรือผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐท่ีมีอานาจตามกฎหมาย ได้หากพบเห็น เน้ือหาในอินเตอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย เช่น ในกรณีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตพบเนื้อหาท่ีไม่เหมาะสม สาหรับเด็ก ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถแจ้งหรือร้องเรียนไปยัง Children’s eSafety Commissioner ได้53 นอกจากนี้ Broadcasting Services Act 1992 ยังมีการจัดประเภทของเนื้อหา (classification) เพื่อห้ามการ เผยแพร่เนื้อหาท่ีไม่เหมาะสมและไม่ถูกกฎหมาย54 ซ่ึงหากมีการร้องเรียนเร่ืองเน้ือหาในอินเตอร์เน็ตท่ีไม่ เหมาะสม ผู้ฝ่าฝนื มโี ทษทางอาญา55 อกี ทั้งหากเป็นเนือ้ หาทถ่ี ูกจดั เก็บไว้ในเครือขา่ ยภายในประเทศออสเตรเลีย หน่วยงานผู้มีอานาจสามารถสั่งให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (content service provider) ลบข้อมูลดังกล่าวได้ แตห่ ากเป็นเน้ือหาที่ถูกจัดเก็บไว้ในเครือข่ายท่ีอย่นู อกเขตอานาจของประเทศออสเตรเลีย หนว่ ยงานผู้มีอานาจ 49 ACMA. (2016). Children’s Television Standards. From http: / / www. acma. gov. au/ Citizen/ TV- Radio/Television/Kids-and-TV/childrens-television-standards-kids-tv-and-advertising-i-acma 50 Broadcasting Services ( Australian Content) Standard 2016. From https: / / www. legislation. gov. au/ Details/ F2016L00392; https://www.legislation.gov.au/Details/F2016L00392/Explanatory%20Statement/Text. 51 WikiJuris. (2016). Content regulation and online classification. From http://wikijuris.net/cyberlaw/content. 52 Schedule 5 and 7 of the Broadcasting Services Act 1992. 53 Australian Government. Online content regulation. From https://www.communications.gov.au/policy/policy-listing/online-content-regulation. 54 Australian Government. Australian Classification. From http://www.classification.gov.au/About/Pages/National-Classification-Scheme.aspx. 55 Schedule 7 Broadcasting Services Act 1992. 14
จะทาการแจ้งไปยังผู้ให้บริการกลั่นกรองทางอินเตอรเ์ น็ต (suppliers of approved filters) เพื่อทาการบล็อก เนื้อหาดงั กล่าว นอกจากนี้ไมว่ ่าเนอ้ื หานน้ั จะถูกจดั เก็บไว้ในที่ใด หากหนว่ ยงานผ้มู ีอานาจเหน็ ว่าเป็นเนือ้ หาที่ไม่ เหมาะสมรา้ ยแรง หน่วยงานดังกล่าวต้องแจง้ เรอื่ งไปยังกรมตารวจแหง่ ออสเตรเลียอีกดว้ ย แคนาดา แนวคิดเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมส่ือมวลชนในประเทศแคนาดา56นั้นตั้งอยู่บนฐานของการให้ เสรีภาพแก่ส่ือในการแสดงออกทางความคิด (freedom of expression) รวมถึงเสรีภาพในการนาเสนอข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ต่อสังคม (freedom of the press) อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานซ่ึงได้รับการรับรองใน รัฐธรรมนูญแห่งประเทศแคนาดา57 กฎหมายสื่อสารมวลชนของประเทศแคนาดาเกิดข้ึนในช่วงก่อนศตวรรตท่ี 20 ดังนั้นประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมส่ือมวลชนจึงมีลักษณะเจาะจงท่ีสื่อเดิม กล่าวคือ หนังสือพิมพ์และการ แพร่ภาพและเสียงผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ และมีการใช้มาตรการหรือประเด็นในการควบคุมที่แตกต่างกันใน ส่ือแต่ละประเภท ตัวอยา่ งเชน่ กลุม่ วชิ าชีพผสู้ ่ือข่าวและนักหนงั สือพมิ พ์ (journalist) อาจถูกจากัดสทิ ธเิ สรีภาพ ในการนาเสนอข่าวสารด้วยกฎหมายทั่วไปอันเก่ียวกับมาตรฐานทางสังคมและประโยชน์สาธารณะ (public order and public interest) เช่น การควบคุมเรื่องการนาเสนอข้อมูลอันกระทบต่อความม่ันคงของรัฐ (national security) หรือถูกควบคุมด้วยกฎหมายอาญาเพื่อการคุ้มครองคุณค่าทางสังคมและกลุม่ ทางสงั คม58 เช่น การดูหม่ินศาสนา (blasphemy) การแสดงออกถึงความเกลียดชังและการเหยียดเช้ือชาติ (expressions of racism) หรือ สื่อลามกอนาจาร (obscenity/pornograpy) เป็นต้น นอกจากนี้ศาลในประเทศแคนาดายัง วางแนวทางในการควบคุมสอ่ื เพิ่มเติมดว้ ยแนวคาพิพากษาของศาลตามหลักคอมมอนลอว์ เช่น ในประเด็นการ หมิ่นประมาท (defamation) สิทธิความเป็นส่วนตัว (privacy) และการนาเสนอข่าวสารเกี่ยวกับคาฟ้องและ การพจิ ารณาคดีของศาล59 (open courts and publication bans) เป็นตน้ นอกจากการควบคุมกลุ่มวิชาชีพผู้สื่อข่าวและนักหนังสือพิมพ์ (journalist) ด้วยกฎหมาย อาญาและแนวคาพิพากษาของศาลตามระบบคอมมอนลอว์แล้ว ประเทศแคนาดาได้กาหนดกฎเกณฑ์ในการ 56 Robert, M., Gordon, A., (1994). A Sourcebook of Canadian Media Law, Canada: Carleton University Press; Robert, M., ( 2003) . Media Law ( Essentials of Canadian Law) (2nd ed.). Irwin Law; Dean, J., Media Law for Canadian Journalists, (2011) (2nd ed.). Emond Montgomery Publications. 57 Canadian Charter of Rights and Freedoms, “Section 2 ( b) Everyone has the following fundamental freedoms… (b) freedom of thought, belief, opinion and expression, including freedom of the press and other media of communication”. 58 Criminal Code (R.S.C., 1985, c. C-46). 59 Historica Canada. Open Courts and Publication Bans. http://www.thecanadianencyclopedia.ca/en/article/open-courts-and-publication-bans/. 15
ควบคุมสื่อในรูปแบบเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ด้วยการออกกฎหมาย Broadcasting Act 199160 กฎหมายฉบับน้ีไมไ่ ด้กาหนดนยิ ามของคาว่า “ส่อื ” ไวแ้ ตก่ าหนดนยิ ามของ “การเผยแพรภ่ าพและ เสียง” วา่ หมายถงึ การเผยแพร่ทางคล่นื วทิ ยแุ ละวธิ ีการสอื่ สารอ่ืนทางโทรคมนาคมหรือก็คือการออกอากาศผ่าน ทางวิทยุหรือโทรทัศน์นั่นเอง61 ในขณะเดียวกัน Broadcasting Act 1991 ได้วางกฎเกณฑ์ในการควบคุมการ เผยแพร่เน้ือหาในหลายประเด็น เช่น มาตรา 3 (1) กาหนดลักษณะของรายการหรือข้อมูลที่เผยแพร่ว่าจะต้อง เปน็ ภาษาอังกฤษและภาษาฝร่ังเศสโดยพื้นฐานเน่ืองจากประชากรในประเทศแคนาดาโดยส่วนใหญ่สื่อสารด้วย สองภาษานี้62 และรายการที่เผยแพร่ต้องคุ้มครองและทาให้วัฒนธรรม การเมือง สังคมและเศรษฐกิจของ ประเทศแข็งแกร่งขึ้น สนับสนุนและสะท้อนให้เห็นถึงมุมมอง ความคิด ความเห็น รวมถึงคุณค่าและงาน สร้างสรรค์ทางศิลปะของชาวแคนาดา สร้างคุณค่าและค่านิยมของความเท่าเทียมกันในสังคม เป็นต้น นอกจากน้ียังกาหนดกฎเกณฑ์อันเป็นไปตามหลักการเรื่องความหลากหลายของสื่อ เช่นรายการและเนื้อหาท่ี ออกอากาศต้องสะท้อนให้เห็นถึงความหลายหลายทางภาษาและวัฒนธรรมในประเทศรวมถึงกลุ่มชนพ้ืนเมือง (aboriginal peoples) ในสังคม และข้อมูลที่นาเสนอต้องมีความหลากหลายและเหมาะสมกับผู้คนทุกเพศทุก วัยและทุกรสนิยม อีกทั้งยังต้องนาเสนอข้อมูลที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางความคิด และมีรายการท่ีให้ ความรูแ้ ละรายการของชุมชน เปน็ ต้น นอกจากนี้กฎหมาย Broadcasting Act ยังบัญญัติให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งแคนาดา63 (Canadian Radio-television and Telecommunications Commission หรือ CRTC) ซึง่ เป็นองค์กรอิสระของรัฐ64เพื่อให้เป็นผู้มีอานาจกาหนดกฎเกณฑ์ในการควบคุมเนื้อหาที่เผยแพร่ ด้วยการกระจายเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ใหส้ อดคล้องและเป็นไปตามนโยบายในการควบคุมเนื้อหาท่ีกาหนด ใน Broadcasting Act ดงั ท่ีไดก้ ล่าวถงึ ไปข้างต้น กฎเกณฑ์ข้อบงั คับของ CRTC มีอย่หู ลายฉบับและมีการแก้ไข เพิ่มเติมอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในแต่ละช่วงเวลา65 กฎเกณฑ์ที่ CRTC ได้กาหนดข้ึนเพื่อ ควบคุมเนื้อหาของรายการโทรทัศน์กาหนดไว้ใน Television Broadcasting Regulations66 เช่น ผู้กระจาย เสียงทางโทรทศั น์จะต้องนาเสนอข้อมูลท่ีไมเ่ ปน็ การวิพากวิจารณ์อย่างรนุ แรงซึ่งอาจนาไปสู่ความเกลยี ดชัง เช่น ทางเช้ือชาติ ศาสนา สผี ิว อายุ เพศ และความบกพรอ่ งทางจติ และทางกายภาพ ถอ้ ยคาดหู ม่ินศาสนาและลามก 60 Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). 61 Article 2 (1) of Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). 62 Article 3 (1) of Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). 63 องคก์ ร CRTR ถกู จัดตงั้ ขึน้ ตามกฎหมาย Canadian Radio-television and Telecommunications Commission Act. 64 Article 3 (2) Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). 65 CRTC. Decisions, Notices and Orders – Indexes. From http://www.crtc.gc.ca/eng/dno.htm. 66 Television Broadcasting Regulations, 1987 (SOR/87-49). From http://laws-lois.justice.gc.ca/eng/regulations/SOR-87-49/. 16
อนาจาร ข่าวที่คลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง67 การควบคุมการโฆษณาเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์68 นอกจากนี้รายการโทรทัศน์ต้องมีสดั สว่ นการฉายรายการของแคนาดาตามท่ีกาหนด เช่น ในช่วงเวลาเยน็ ต้องมี รายการของแคนาดาฉายไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 60 ของรายการทงั้ หมดทีฉ่ ายในชว่ งเวลาดังกล่าว69 CRTC ยังมีอานาจในการพิจารณาอนุญาตประกอบการแก่ผู้กระจายภาพและเสียง70 ท้ังน้ี CRTC อาจออกเกณฑ์ท่ีเป็นข้อยกเว้นให้ผู้ประกอบกิจการแพร่เสียงแพร่ภาพที่อยู่ในเกณฑ์ที่กาหนดได้รับการ ยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต (broadcasting exemption orders)71 ซึ่ง CRTC ได้ออกเกณฑ์ยกเว้นให้ส่ือใหม่ (new media) หรือส่ือดิจิทัล (digital media) บางลักษณะและ VOD บางประเภทไม่ต้องขออนุญาตในการ ประกอบกจิ การแพร่เสียงแพร่ภาพ72 แม้สื่อใหม่ที่เกิดข้ึนในยุคอินเตอร์เน็ตน้ันจะมีลักษณะในการนาเสนอข้อมูลที่คลา้ ยคลงึ กับการ แพร่เสียงแพร่ภาพทางโทรทัศน์ แต่ส่ือใหม่ก็ยังไม่ถูกควบคุมตามกฎหมายสื่อสารมวลชนโดยเฉพาะในลักษณะ เช่นเดียวกับส่ือเดิม อย่างไรก็ดีในประเทศแคนาดาเริ่มมีความเคล่ือนไหวเรียกร้องให้มีการสร้างกฎเกณฑ์เพื่อ ควบคุมสื่อบนอินเตอร์เน็ตมากขึ้น73 โดยมีการเรียกร้องให้ CRTC ยกเลิกเกณฑ์ข้อยกเว้นการขออนุญาต ประกอบการที่เก่ียวกับสื่อใหม่และบังคับให้สื่อใหม่เช่น Netflix และ YouTube อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ เช่นเดยี วกบั สอ่ื เดิม74 ทง้ั นช้ี าวแคนาดามีพฤติกรรมในการชมส่ือทางออนไลน์มากขึ้นเร่ือยๆ เช่น เพียงช่วงเวลา 5 ปี ชาวแคนาดาเข้าชมวิดีโอและภาพยนตร์บน Netflix ซึ่งเป็นสื่อใหม่ประเภท VOD ราวครึ่งหน่ึงของ ประชากรในประเทศแคนาดาทั้งหมดและจานวนการสมัครสมาชิกเพื่ อชมรายการโทรทัศน์มีจานวนลดล ง ในขณะที่ผู้สมัครสมาชิกเพื่อเข้าชม Netflix มีจานวนท่ีเพ่ิมมากขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ ดังปรากฏในแผนภาพ ดา้ นล่างนี้ 67 Article 5 of Television Broadcasting Regulations, 1987 (SOR/87-49). 68 Article 6 of Television Broadcasting Regulations, 1987 (SOR/87-49). 69 Article 4 of Television Broadcasting Regulations, 1987 (SOR/87-49). 70 Article 9 of Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). 71 CRTC. Broadcasting Exemption Orders. From http://www.crtc.gc.ca/eng/forms/form_206.htm. 72 CRTC. Broadcasting Order CRTC 2015-356. From http: / / www. crtc. gc. ca/ eng/ archive/ 2015/ 2015- 355.htm#a356. 73 Historica Canada. Media and the Law. From http://www.thecanadianencyclopedia.ca/en/article/media- and-the-law/. 74 TheStar.com. Time to tax and regulate Netflix and YouTube. From https: / / www. thestar. com/ opinion/ commentary/ 2 0 1 6 / 0 7 / 1 2 / time- to- tax- and- regulate- netflix- and- youtube.html. 17
แผนภาพที่ 2 แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการชมรายการทางโทรทัศน์เปรยี บเทยี บกับการชมรายการทาง Netflix ในประเทศแคนาดาในชว่ งปี ค.ศ.2011 จนถึง 201675 75 Creative Canada. Facing an uncertain future. From http://future.cbc.ca/chapter3.html. 18
บทท่ี 3 ผลการศึกษา ประเด็นศกึ ษาที่ 1 นยิ าม “สอ่ื ” ในกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมสื่อในต่างประเทศไม่ปรากฎการให้คานิยามคาว่า “ส่ือ” หรือ “สื่อมวลชน” ไว้ ในกลุ่มประเทศตัวอย่างท่ีศึกษาอันได้แก่สหภาพยุโรป ออสเตรเลียและแคนาดานั้นมี กฎหมายท่ีบัญญัติข้ึนเพื่อควบคุมสื่อบางประเภท แล้วจึงบัญญัตินิยามความหมายของส่ือแต่ละประเภทน้ันไว้ เช่น การให้คานิยามของ “การกระจายภาพและเสียงทางโทรทัศน์” (television broadcasting/ television broadcast) และคานิยามของบริการ “on-demand audiovisual media service” หรือส่ือใหม่ซึ่งเป็นการ ให้บริการเรียกดูวีดิทัศน์ตามคาสั่งไว้ในกฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการควบคุมส่ือภาพและเสียง (Audiovisual Media Services Directive (AVMSD)) ประเทศออสเตรเลยี ได้ใหค้ านยิ ามของคาว่า “หนังสอื พิมพ์” (newspaper) “บรกิ ารแพรเ่ สียง แพร่ภาพ” (broadcasting service) และ “ข้อมูลในอินเตอร์เน็ต” (internet content) ไว้ใน Broadcasting Services Act 1992 ส่วนในประเทศแคนาดา Broadcasting Act 1991 ได้บัญญัติคานิยามของ “การแพร่ เสียงแพร่ภาพ” (broadcasting) ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งส่ือประเภทแพร่เสียงแพร่ภาพน้ันถูกควบคุมอย่างเจาะจง ตามกฎหมายของแคนาดาฉบบั นี้ ประเดน็ ศึกษาที่ 2 ประเภทของสื่อและประเภทของเนื้อหาทถี่ ูกควบคมุ การศึกษาแนวคิดและกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมสื่อมวลชนในประเทศท่ีศึกษาในบทท่ี 2 ทาให้วิเคราะห์ได้ว่ารูปแบบการควบคุมสอ่ื ในต่างประเทศมีลักษณะท่ีเหมือนกันกล่าวคือ รัฐไม่ได้ออกกฎหมาย เพื่อควบคุมสอ่ื ทุกประเภทดว้ ยการกาหนดคานิยามของคาวา่ “ส่อื ” ไวใ้ นกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง แตร่ ฐั เลือก ควบคุมส่ือบางประเภทเป็นการเฉพาะเจาะจง กาหนดคานิยามของสื่อที่ต้องการควบคุมนั้น และควบคุมเพียง บางเรอื่ งตามท่จี าเป็นเพอ่ื รักษาประโยชน์สาธารณะหรอื คุณค่าทางสงั คมอน่ื ๆ 19
ตารางที่ 1 เปรยี บเทยี บประเภทของส่ือท่ีถกู ควบคุมในปัจจบุ นั ในกลมุ่ ประเทศทศ่ี ึกษา ประเภทของส่ือ สหภาพยุโรป ออสเตรเลยี แคนาดา หนงั สือพมิ พ์ (newspapers) √ √ √ สอ่ื แพร่เสียงแพรภ่ าพทางวิทยุและโทรทัศน์ √ √ √ (broadcasting) ภาพยนตร์ √√√ (film and cinema) บลอ็ กเกอร์ (blogger) และพ็อตแคสเตอร์ × × × (podcaster) เว็บไซตร์ วบรวมขา่ ว ××× (news aggregator) งานทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ โดยผใู้ ช้งานอนิ เตอรเ์ นต็ × × × (user-generated content (UGC)) สอื่ สังคมออนไลน์ × × × (social media) √ √ × (อย่ใู นระหวา่ งแกไ้ ข บริการเรยี กดูวดี ิทัศน์ ตามคาสง่ั เพิ่มเตมิ ใน AVMSD) (video on-demand (VOD)) √ ส่อื ออนไลน์ทม่ี ลี กั ษณะเหมือนหรอื มาจากสื่อเดิม √ √ √ หมายเหตุ ประเภทของส่ือท่ีได้รับเครื่องหมาย × ไม่ถูกควบคุมด้วยกฎหมายเฉพาะ แต่อาจถูกควบคุมด้วย กฎหมายท่ัวไปในแต่ละเร่ือง เช่น การควบคุมด้วยกฎหมายอาญาในประเด็นสื่อลามกอนาจาร หรือข้อความ หม่ินประมาท เปน็ ตน้ 20
ตารางท่ี 2 แสดงตัวอยา่ งประเด็นเกยี่ วกับส่ือทถ่ี ูกควบคุมโดยกฎหมายเฉพาะ ในกลมุ่ ประเทศทศี่ ึกษา สหภาพยุโรป กฎหมายทค่ี วบคุม: Audiovisual Media Services Directive (AVMSD) ส่ือทางโทรทัศน์ - การปลกุ ป่ันใหเ้ กดิ ความเกลยี ดชัง และ - การอานวยใหผ้ ู้พกิ ารสามารถเข้าถึงเน้ือหาที่นาเสนอได้ สอ่ื VOD - การถ่ายทอดงานภาพยนตร์ - การรายงานเหตุการณ์สาคัญและขา่ วสนั้ สื่อทางโทรทัศน์ - การฉายรายการของประเทศในสหภาพยโุ รป - การจากดั เวลาสาหรับโฆษณาทางโทรทัศน์และการขาย ่สือ ีท่ควบ ุคม สนิ คา้ ทางโทรทัศน์ เร่อื งที่ควบคมุ - การคุม้ ครองเยาวชนจากเน้ือหาทไี่ มเ่ หมาะสม - การสนบั สนุนและเผยแพร่รายการของประเทศในยโุ รป ส่อื VOD - การคมุ้ ครองเยาวชนจากเน้อื หาทไ่ี ม่เหมาะสม (มหี ลักเกณฑ์แตกตา่ งจากสื่อทางโทรทัศน์) บรกิ ารแพลตฟอร์ม - การแสดงออกถึงความเกลียดชัง เพอ่ื การแลกเปลยี่ น - การเผยแพร่เน้ือหาท่ีอาจเป็นอนั ตรายต่อผเู้ ยาว์ วิดีโอออนไลน์ (อย่ใู นระหว่างแก้ไข (อยูใ่ นระหวา่ งแก้ไขเพ่มิ เตมิ ใน AVMSD) เพ่มิ เติมใน AVMSD) ออสเตรเลยี กฎหมายที่ควบคุม: Broadcasting Services Act 1992 - การแสดงออกถงึ ความรนุ แรงทัง้ ทางกายและทางจิตใจ - ภาพเปลือยหรือการกระทาทางเพศ สื่อ ี่ทควบ ุคม - การใช้ถ้อยคารนุ แรงหยาบคาย เร่อื งที่ควบคมุ ส่ือทางวิทยุ - การนาเสนอข้อมลู เกีย่ วกบั การเสพยาเสพติด และโทรทศั น์ - เครื่องด่ืมแอลกอฮอลแ์ ละบหุ ร่ี - การย่วั ยใุ ห้เกดิ ความเกลียดชัง - การนาเสนอเนื้อหารายการของออสเตรเลยี (Australian programs) 21
ส่อื ทางวทิ ยุ แคนาดา และโทรทศั น์ กฎหมายที่ควบคุม: Broadcasting Act 1991 ่ืสอที่ควบ ุคม - การนาเสนอข้อมลู เปน็ ภาษาอังกฤษและภาษาฝรง่ั เศส เร่อื งที่ควบคมุ - รายการทีเ่ ผยแพรต่ ้องคุ้มครองและทาใหว้ ัฒนธรรม การเมือง สงั คมและเศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งขน้ึ - การสนบั สนนุ และสะท้อนให้เห็นถึงมุมมอง ความคดิ ความเห็น รวมถึงคุณค่าและงานสรา้ งสรรค์ทางศิลปะ ของชาวแคนาดา สรา้ งคณุ คา่ และคา่ นยิ มของความเทา่ เทยี มกันในสังคม - ความหลากหลายของสือ่ เช่นรายการและเน้ือหาที่ ออกอากาศตอ้ งสะท้อนให้เห็นถงึ ความหลายหลายทาง ภาษาและวัฒนธรรมในประเทศรวมถึงกลุ่มชนพ้ืนเมอื ง (aboriginal peoples) ในสังคม และขอ้ มลู ทน่ี าเสนอ ตอ้ งมีความหลากหลายและเหมาะสมกบั ผูค้ นทุกเพศทุก วยั และทกุ รสนยิ ม อีกท้ังยงั ต้องนาเสนอข้อมูลที่สะทอ้ น ถึงความหลากหลายทางความคดิ - รายการทใ่ี ห้ความรแู้ ละรายการของชุมชน 22
บทท่ี 4 บทสรุปและข้อเสนอแนะ จากการวิเคราะห์คานิยามของสื่อในความหมายอย่างกว้างและลักษณะของส่ือประเภทต่างๆ ในปัจจุบัน และการศึกษามาตรการทางกฎหมายที่ควบคุมสอื่ ในกลุ่มประเทศตัวอย่างท่ีศึกษาอันได้แก่ สหภาพ ยโุ รป ออสเตรเลียและแคนาดา สามารถสรปุ ผลการศกึ ษาได้ดงั น้ี 1) คานิยามของ “ส่ือ” หรือ “ส่ือมวลชน” ไม่มีปรากฏในกฎหมายหรือในคาพิพากษาของศาลใน ต่างประเทศซึ่งเก่ียวกับการควบคุมส่ือแต่อย่างใด เนื่องจากแนวทางในการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การ ควบคุมสื่อในแต่ละประเภทแต่ละประเด็นนั้นมีความซับซ้อน อีกทั้งลักษณะของสื่อแต่ละประเภทมี ความแตกต่างกัน การกาหนดคานิยามของส่ือเพื่อใช้ในการกาหนดตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ถูก ควบคุมโดยกฎหมายจึงอาจทาให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติเช่น เกิดปัญหาในการกาหนดวิธีการในการ ควบคุมและการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนเห็นว่าการกาหนดกฎหมายหรือหลัก เกณฑม์ าตรฐานเพื่อควบคุมสือ่ ทกุ ประเภทและควบคุมส่ือในทุกเรอ่ื งทกุ ประเดน็ นัน้ ไมส่ มควรอย่างยง่ิ 2) จากแนวทางและมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมสื่อในกลุ่มประเทศตัวอย่างที่ศึกษาอันได้แก่ สหภาพยุโรป ออสเตรเลียและแคนาดา เห็นได้ว่าวิธีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมส่ือนั้นเป็นการออก กฎหมายควบคุมโดยเจาะจงเพียงส่ือบางประเภท และออกแบบกฎเกณฑ์ในการควบคุมให้เหมาะสม กับส่ือท่ีต้องการควบคุมนั้นเป็นการเฉพาะ โดยมีการกาหนดคานิยามของสื่อที่ต้องการควบคุม และ เร่ืองหรือประเด็นที่ต้องการควบคุมไว้อย่างชัดเจน เช่น ใน Audiovisual Media Services Directive76 หรือ AVMSD ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมสื่อประเภทภาพและเสียงในสหภาพยุโรป (audiovisual media) AVMSD ได้กาหนดชัดเจนว่าบริการส่ือประเภทภาพและเสียงลกั ษณะใดบ้างท่ี อยู่ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ โดยมีการให้คานิยามของ “การกระจายภาพและเสียงทางโทรทัศน์” (television broadcasting/ television broadcast)77 และคานิยามของบริการ “on-demand audiovisual media service” หรือสื่อใหม่ซึ่งเป็นการให้บริการเรียกดูวีดิทัศน์ตามคาสั่งหรือ video 76 DIRECTIVE 2 0 1 0 / 1 3 / EU on the coordination of certain provisions laid down by law, regulation or administrative action in Member States concerning the provision of audiovisual media services (Audiovisual Media Services Directive). 77 Article 1 (1) e of the AVMSD. 23
on-demand (VOD) ซ่ึงสื่อท้ังสองประเภทน้ีถูกควบคุมโดย AVMSD ท้ังน้ีกฎหมายจะควบคุมส่ือทั้ง สองประเภทนีเ้ ทา่ นนั้ และควบคมุ เพียงเฉพาะบางเรื่องบางประเด็น ท้งั นีน้ อกจากจะมีกฎเกณฑ์ในบาง เรื่องที่ควบคุมส่ือท้ังสองประเภทในเรื่องเดียวกันแล้ว ก็ยังมีกฎเกณฑ์ที่เป็นเร่ืองที่ควบคุมเป็นการ เฉพาะสาหรับสื่อทางโทรทัศน์เท่านั้น และกฎเกณฑ์เฉพาะสาหรับสื่อ VOD เท่านั้นซ่ึงเป็นกฎเกณฑ์ท่ี แตกต่างกนั อีกดว้ ย 3) หลักการพ้ืนฐานประการแรกในการออกกฎหมายเพ่ือควบคุมส่ือมวลชนน้ัน คือการเคารพสิทธิข้ัน พ้ืนฐานของส่ือและประชาชนในการแสดงออกทางความคิด (freedom of expression) หากเมื่อมี ประเดน็ เกย่ี วกบั ประโยชนส์ าธารณะหรือคุณค่าทางสังคมอืน่ ๆ เช่น การค้มุ ครองผูร้ ับชมส่ือซ่ึงเป็นเด็ก และการคมุ้ ครองหรือป้องกันการนาเสนอข้อมูลข่าวสารท่ีนาไปสู่ความเกลียดชงั ต่อกลุ่มบุคคลในสังคม เสรภี าพดังกล่าวอาจถูกจากดั ไดด้ ้วยกฎหมาย อยา่ งไรก็ดีเสรีภาพของสื่อในการแสดงออกทางความคิด (freedom of expression) และเสรีภาพในการนาเสนอข้อมูลข่าวสารต่างๆ ต่อสังคม (freedom of the press) น้นั ไม่ควรถูกจากดั เกินสมควร 4) จากการศึกษากฎหมายของต่างประเทศ การควบคุมสื่อในบางประเด็นอาจถูกควบคุมด้วยกฎหมาย เฉพาะ ในขณะที่บางเร่ืองอาจถูกควบคุมด้วยกฎหมายทั่วไปซ่ึงมีบังคับใช้อยู่แล้ว เช่น กฎหมายอาญา ดังจะเห็นได้ว่าส่ือบางประเภทเช่น งานท่ีสร้างสรรค์ขึ้นโดยผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต (user-generated content (UGC)) และบล็อกเกอร์ (blogger) มักถูกควบคุมด้วยกฎหมายทั่วไป เช่นการเขียนข้อมูลท่ี ละเมิดลิขสิทธิ์ย่อมขัดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ หรือการเขียนข่าวท่ีเป็นการหม่ินประมาทย่อมมี ความผิดตามกฎหมายอาญา เพราะสื่อประเภทเหล่านี้แม้ว่าจะมีการนาเสนอข้อมูลในลักษณะท่ี คล้ายคลึงกับผู้ประกอบวิชาชีพส่ือ แต่ผู้ที่นาเสนอมักไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพส่ือ หากแต่เป็นปัจเจกชน หรือประชาชนคนธรรมดาทั่วไปที่แสดงออกทางความคิดของตน ท้ังนี้ผู้ท่ีทาหน้าที่เป็นส่ือโดยวิชาชีพ ย่อมต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าบุคคลท่ัวไป ดังนั้นหากนากฎหมายเฉพาะมาปรับใช้กับ กลุ่มบุคคลเหล่าน้ีในลักษณะเดียวกับผู้ที่ประกอบวิชาชีพสื่อ เช่น นักหนังสือพิมพ์และผู้กระจายเสียง ทางวิทยุหรือโทรทัศน์ ย่อมเป็นการไม่เหมาะสม ดังนั้นในแต่ละประเด็น สื่อแต่ละประเภทควรถูก ควบคุมด้วยระดับท่ีแตกต่างกัน ดังท่ีเห็นได้ว่าส่ือหนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นการนาเสนอข้อมูลข่าวสารทาง ตัวอักษรและภาพย่อมถูกควบคุมต่างจากส่ือประเภทภาพและเสียงอย่างส่ือทางโทรทัศน์ เน่ืองจาก ขอ้ มลู ขา่ วสารในรูปแบบภาพและเสยี งย่อมมีผลกระทบต่อผูร้ บั สารมากกวา่ สอ่ื ท่ีเป็นตัวหนังสอื 24
5) เม่ือพิจารณาคานิยามของคาว่า \"ส่ือมวลชน\" ใน “ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจรยิ ธรรมและมาตรฐานวชิ าชีพสอ่ื มวลชน พ.ศ. ....” (“ร่างพระราชบญั ญัติฯ”) ของไทย เหน็ ได้ ว่าเป็นการกาหนดนิยามในกรอบความหมายที่กวา้ งและครอบคลมุ ถึงการสอื่ สารไปยังประชาชนในทกุ รูปแบบ ดงั ทผี่ ู้เขียนไดแ้ จกแจงประเภทของส่ือประเภทต่างๆ ทมี่ อี ยใู่ นปจั จุบนั ไว้โดยสังเขปในบทท่ี 1 6) มาตรา 3 ของร่างพระราชบัญญัติฯ \"ส่ือมวลชน\" หมายความว่า “ส่ือหรือช่องทางที่ใช้ในการสื่อสาร ภาพ เสยี ง ข้อความ ไมว่ า่ จะอยู่ในรูปหนังสอื พิมพ์ วทิ ยุกระจายเสียง วทิ ยุโทรทศั น์ สือ่ ออนไลนห์ รือใน รูปอ่ืนใดท่ีสามารถส่ือความหมายให้ประชาชนทราบได้เป็นการทั่วไป” คานิยามนี้เป็นผลให้ส่ือทุก ประเภทและการแสดงออกทางความคิดของบุคคลทุกคนต่อสาธารณะไม่ว่าในรูปแบบใดตกอยู่ภายใต้ นิยามนี้ด้วย การกาหนดนิยามเช่นน้ีไม่สอดคล้องกับแนวทางของกฎหมายควบคุมส่ือในต่างประเทศ ดังทไ่ี ด้กล่าวไปข้างตน้ การกาหนดนิยามของบุคคลที่ถูกควบคุมกว้างเกินไปจนครอบคลุมบุคคลทุกคน ย่อมทาให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติและทาให้เกิดการโต้แย้งถึงความเหมาะสมของกฎหมายได้ เช่น ส่ือ ทกุ ประเภทควรถูกควบคมุ ในเร่ืองเดียวกนั หรือไม่ทัง้ ท่ลี ักษณะของสอ่ื แต่ละประเภทมคี วามแตกต่างกัน และจะจัดการควบคุมสอื่ ท่ีมลี กั ษณะรปู แบบท่ีแตกตา่ งกนั เชน่ ไร 7) กฎหมายในการควบคุมสื่อน้ันสามารถออกแบบได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของสื่อแต่ละ ประเภท ซ่ึงอาจเป็นการควบคุมโดยกฎหมายท่ีบัญญัติข้ึนโดยรัฐ การควบคุมโดยการออกกฏเกณฑ์ ร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนผู้ประกอบการ (co-regulation) หรือการควบคุมโดยกลุ่มเอกชน ผ้ปู ระกอบการด้วยกันเอง (self-regulation) อยา่ งไรก็ดผี ู้ออกกฎหมายควรคานงึ ถึงลักษณะของสื่อแต่ ละประเภทท่ีมีความแตกต่างกัน ผลกระทบของกฎหมายต่อสังคม ลักษณะของเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้อง รวมถึงพฤตกิ รรมของผู้คนในสงั คม (social norm) การควบคุมส่อื ในบางเร่ืองสมควรต้องพิจารณาดูว่า มีกฎหมายท่ีบังคับใช้ในเร่ืองนั้นแล้วหรือไม่ เช่นการนาเสนอเนื้อหาข่าวสารที่ขัดต่อกฎหมายอาญา เม่ือมีประเด็นปัญหาเกิดข้ึนย่อมบังคับได้ตามกฎหมายอาญา แล้วจึงพิจารณาต่อไปว่า สื่อประเภทใด ควรถูกควบคุมเป็นการเฉพาะเจาะจง และควรถูกควบคุมในเรื่องใด โดยต้องมีการกาหนดหรือบัญญัติ ไวอ้ ยา่ งชัดเจน 25
บรรณานุกรม ACMA. (2016). Children’s Television Standards. From http: / / www. acma. gov. au/ Citizen/ TV- Radio/Television/Kids-and-TV/childrens-television-standards-kids-tv-and-advertising-i-acma Australian Government. Australian Classification. From http://www.classification.gov.au/About/Pages/National-Classification-Scheme.aspx. Australian Government. Online content regulation. From https://www.communications.gov.au/policy/policy-listing/online-content-regulation. Bangkok Post. From www.bangkokpost.com. BBC news. From http://www.bbc.com/news. Broadcasting Act (S.C. 1991, c. 11). Broadcasting Services (Australian Content) Standard 2016. Broadcasting Services Act 1992. Cambridge Dictionary. From http://dictionary.cambridge.org/. Creative Canada. Facing an uncertain future. From http://future.cbc.ca/chapter3.html. Criminal Code (R.S.C., 1985, c. C-46). CRTC. Broadcasting Exemption Orders. From http://www.crtc.gc.ca/eng/forms/form_206.htm. CRTC. Broadcasting Order CRTC 2015-356. From http: / / www. crtc. gc. ca/ eng/ archive/ 2015/ 2015- 355.htm#a356. CRTC. Decisions, Notices and Orders – Indexes. From http://www.crtc.gc.ca/eng/dno.htm. Dean, J., Media Law for Canadian Journalists, (2011) (2nd ed.). Emond Montgomery Publications. Directive 2000/31/EC of the European Parliament and of the Council of 8 June 2000 on certain legal aspects of information society services, in particular electronic commerce, in the Internal Market ('Directive on electronic commerce'). DIRECTIVE 2 0 1 0 / 1 3 / EU on the coordination of certain provisions laid down by law, regulation or administrative action in Member States concerning the provision of audiovisual media services (Audiovisual Media Services Directive). European Commission. AVMSD: a media framework for the 21st century. From https://ec.europa.eu/digital-single-market/sites/digital-agenda/files/avmsd1.jpg. European Union. Audiovisual and media. From https://europa.eu/european- union/topics/audiovisual-media_en. Facebook. From https://www.facebook.com/. FRAMEWORK DECISION 2 0 0 8 / 9 1 3 / JHA of 2 8 November 2 0 0 8 on combating certain forms and expressions of racism and xenophobia by means of criminal law. Google News. From https://news.google.com/. 26
High on Dreams. From http://www.highondreams.com/. Historica Canada. Media and the Law. From http://www.thecanadianencyclopedia.ca/en/article/media-and-the-law/. Historica Canada. Open Courts and Publication Bans. http://www.thecanadianencyclopedia.ca/en/article/open-courts-and-publication-bans/. http://laws-lois.justice.gc.ca/eng/regulations/SOR-87-49/. iFlix. From https://www.iflix.com/. MSN ข่าว. สืบคน้ จาก https://www.msn.com/th-th/news. Netflix. From https://www.netflix.com/th-en/. Nic, N. ( 2015) . Reuters Institute Digital News Report 2015, Reuters Institute for the Study of Journalism. Noda, N. (2010). Copyrights Retold: How Interpretive Rights Foster Creativity and Justify Fan-Based Activities, Seton Hall Journal of Sports & Entertainment Law, 20(1), 131. Proposal for a DIRECTIVE OF THE EUROPEAN PARLIAMENT AND OF THE COUNCIL amending Directive 2010/13/EU on the coordination of certain provisions laid down by law, regulation or administrative action in Member States concerning the provision of audiovisual media services in view of changing market realities (COM/2016/0287 final - 2016/0151 (COD)). From https://ec.europa.eu/digital-single- market/en/news/proposal-updated-audiovisual-media-services-directive. Rebecca, T. (1997). Legal Fictions: Copyright, Fan Fiction, and a New Common Law. Loy. L.A. Ent. L. Rev. 17, 651. Robert, M., (2003). Media Law (Essentials of Canadian Law) (2nd ed.). Irwin Law. Robert, M., Gordon, A., (1994). A Sourcebook of Canadian Media Law, Canada: Carleton University Press. Sanook. From http://www.sanook.com/. TED. From https://www.ted.com/talks. Television Broadcasting Regulations, 1987 (SOR/87-49). From The Guardian. Netflix and Amazon must guarantee 20% of content is European https://www.theguardian.com/media/2016/may/25/netflix-and-amazon-must-guarantee-20-of-content-is- european. The IT Law Community. (2017). Facebook, Illegality and the E-commerce Directive. From https://www.scl.org/articles/3832-facebook-illegality-and-the-e-commerce-directive. TheStar.com. Time to tax and regulate Netflix and YouTube. From https: / / www. thestar. com/ opinion/ commentary/ 2 0 1 6 / 0 7 / 1 2 / time- to- tax- and- regulate- netflix- and- youtube.html. Vera, G. (2012). The Transformative Tribute: How Mash-Up Music Constitutes Fair Use of Copyrights. Hastings Comm. & Ent. L.J., 34, 381. WikiJuris. (2016). Content regulation and online classification. From http://wikijuris.net/cyberlaw/content. Yahoo News. From https://www.yahoo.com/news/. 27
YouTube. From https://www.youtube.com/. ครอบครวั ข่าว. สบื ค้นจาก http://www.krobkruakao.com/tvonline. ชา่ งคุย. สบื คน้ จาก http://www.changkhui.com/. เดลนิ วิ ส.์ สืบค้นจาก www.dailynews.co.th. ไทยรัฐ. สืบคน้ จาก www.thairath.co.th. ไปคนเดียว. สบื คน้ จาก http://paikondieow.com/. เวิรค์ พอยต.์ สืบคน้ จาก http://www.workpointtv.com/. ส า นั ก ง า น ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ภ า . พ จ น า นุ ก ร ม ฉ บั บ ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ า น พ . ศ . 2554. สื บ ค้ น จ า ก http://www.royin.go.th/dictionary. 28
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: