การปอ้ งกนั กำจดั 1. วิธีกล การเผาทำลายเศษใบพืชทถี่ ูกทำลายเนือ่ งจากแมลงวันหนอนชอนใบตามพื้นดิน จะสามารถชว่ ยลดการแพร่ระบาดได ้ เน่อื งจากดักแด้ท่อี ยู่ตามเศษใบพืชจะถกู ทำลายไปดว้ ย 2. สารสกัดสะเดาอัตรา 100 ppm สามารถปอ้ งกนั และกำจัดแมลงวนั หนอนชอนใบไดด้ ี 3. สารฆ่าแมลงท่ีมีประสทิ ธิภาพ ไดแ้ ก่ เบตาไซฟลทู รนิ 2.5% อซี ี หรือ ฟโิ ปรนลิ 5 % เอสซ ี อัตรา 30 มล. และ 20 มล./น้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ แมลงวันหนอนเจาะต้นถัว่ (bean fly) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Melanagromyza sojae (Zehntner); Ophiomyia phaseoli (Tryon) วงศ์ Agromyzidae อันดบั Diptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย หนอนแมลงวันเจาะต้นถั่ว (bean fly) เข้าทำลายถั่วฝกั ยาวม ี 2 ชนดิ คือ หนอนแมลงวัน เจาะโคนต้น Melanagromyza sojae (Zehntner) และหนอนแมลงวันเจาะเถาและลำต้น Ophiomyia phaseoli (Tryon) โดยหนอนจะเขา้ ไปกดั กนิ ส่วนตา่ งๆ ของพชื เชน่ ลำตน้ เถา กา้ นใบ หรือแม้แต่เส้นกลางใบ การทำลายเริม่ ตั้งแต่ถัว่ เป็นต้นออ่ น เมือ่ มกี ารทำลายรุนแรงหนอนจะกัดกิน เนอื้ เยอื่ ภายในต้น ทำให้เถา ก่ิง และลำต้นเหีย่ ว ใบร่วง ในระยะต้นกล้าเปน็ ระยะทีอ่ นั ตรายทีส่ ุด เพราะหนอนแมลงวันจะเขา้ ทำลายจนทำใหต้ น้ กลา้ เหี่ยว หักล้มและตายไปในทีส่ ดุ หรือหากเกิดทเ่ี ถา กง่ิ หรอื ส่วนอ่ืนจะเกดิ รอยแตก ทำใหส้ ว่ นน้นั เป็นแผลแตกสนี ้ำตาลและเสยี หายเม่ือพชื เจรญิ เตบิ โตขน้ึ ดังนัน้ หนอนแมลงวนั เจาะต้นถ่ัวนจ้ี ะต้องพงึ ระวงั ในระยะชว่ งตงั้ แต่เร่มิ ปลูกจนถึงอาย ุ 30 วนั รปู ร่างลักษณะและชีวประวัติ ตัวเต็มวัยเป็นแมลงวันขนาดเลก็ สีดำ ลำตัวยาวประมาณ 1.1-1.3 มม. มกั จะพบบริเวณ ใบออ่ น โดยเฉพาะตน้ กลา้ ของถว่ั ฝักยาว ตัวเตม็ วยั ดดู กินน้ำเลีย้ งทซ่ี มึ ออกมาจากใบอ่อนทถี่ ูกทำลาย โดยใชอ้ วยั วะวางไขท่ แ่ี หลมแทงลงไปก่อน ดงั น้ัน หากพบมจี ุดสขี าวขนาดเล็กตามบริเวณใบออ่ นก็จะ ทราบว่ามีแมลงวันเจาะต้นถั่วระบาดและเข้าทำลายแล้ว ตัวเต็มวัยเพศผมู้ ีอายรุ ะหว่าง 4-12 วัน เพศเมยี 9-22 วนั เพศเมียวางไข่เดีย่ วๆ ในเนือ้ เย่ือพืชส่วนท่ีกำลงั เจริญ เพศเมยี วางไข่ได ้ 48-56 ฟอง ระยะฟกั ไข ่ 2-3 วนั การเจรญิ เตบิ โตของหนอนม ี 3 ระยะ หนอนมีขนาด 2-2.5 มม. ระยะหนอน 7-8 วนั เข้าดักแด้ในสว่ นของพืช เช่น เถา ก่งิ หรือเส้นกลางใบ ดกั แด้มีรปู รา่ งคลา้ ยเมล็ดขา้ วสาร ระยะดกั แด ้ 7-9 วนั รวมวงจรชวี ติ ของแมลงวนั เจาะตน้ ถ่วั 17-20 วนั แมลงศัตรผู กั เหด็ และไมด้ อก 41
พชื อาหาร แมลงศัตรูทัง้ สองชนิดน้สี ามารถทำลายพชื ตระกูลถ่ัว เชน่ ถว่ั ฝักยาว ถ่วั เขยี ว ถั่วเหลือง และ ถ่ัวลิสง เป็นตน้ ศตั รูธรรมชาติ - การป้องกันกำจัด 1. ก่อนหยอดเมลด็ ถั่วควรคลกุ ด้วยสารคลกุ เมล็ด เช่น คาร์โบซัลแฟน 25% เอสท ี หรือ อมิ ิดาโคลพริด 70 % ดับบลิวเอส อัตรา 40 และ 5 กรมั /เมล็ด 1 กิโลกรมั ตามลำดับ 2. หากพบหนอนแมลงวันเจาะต้นถัว่ ระบาดอยา่ งรุนแรง ช่วงพืชอาย ุ 1-35 วัน ควรใช้สาร ฆา่ แมลงที่มีประสทิ ธภิ าพ เชน่ ฟโิ ปรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลติ ร เพลย้ี ไฟพริก (chili thrips) ช่อื วิทยาศาสตร์ Scirtothrips dorsalis Hood วงศ์ Thripidae อันดับ Thysanoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย การทำลายโดยใช้ปากเป็นแท่ง (stylet) ดูดนำ้ เลยี้ งจากสว่ นของพืช ชอบทำลายยอด ใบอ่อน ตาดอกอ่อน เมอื่ พืชถูกทำลายโดยเฉพาะบริเวณก้านใบหรือเนือ้ ใบด้านลา่ งจะเป็นรอยด้าน สีนำ้ ตาล ถ้าการระบาดรุนแรงพืชจะชะงักการเจริญเติบโต หรือแห้งตายในทีส่ ดุ ถ้าเกิดกับใบอ่อน หรือยอดออ่ น ก็จะทำใหใ้ บ หรือยอดออ่ นหงิก ขอบใบหงิกและมว้ นงอขึน้ ด้านบน ทั้งสองข้าง ใบทีถ่ ูก ทำลายมากจะเห็นเป็นรอยด้านสีน้ำตาล ถ้าเกิดในระยะพริกกำลงั ออกดอกก็จะทำให้ดอกพริกร่วง ถ้าระบาดในช่วงพริกติดผลแลว้ จะทำให้รูปทรงของผลบดิ งอ หากเป็นช่วงทมี่ ีอากาศแห้งแลง้ อาจ ทำความเสยี หายมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ดินฟ้าอากาศมีสว่ นช่วยและเปน็ อปุ สรรคต่อการแพร่ กระจายอย่างเดน่ ชัด สภาพอณุ หภมู สิ งู ความช้นื ตำ่ และแสงแดดจัด ตลอดจนกระแสลมเป็นปจั จัยท่ี เพลีย้ ไฟสามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว เช่น ในฤดูแลง้ มอี ากาศแห้งและร้อนติดต่อกันนานๆ แต่หากมีฝนตกมากๆ ก็กำจัดหรือควบคุมการแพร่ระบาดของเพลยี้ ไฟพริกได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จะพบวา่ ในฤดฝู นมักจะไมค่ อ่ ยมีแมลงศัตรชู นิดนร้ี ะบาดเหมือนในฤดูแลง้ แมลงศัตรูผกั เห็ดและไมด้ อก 42
รูปร่างลักษณะและชวี ประวัติ เพลี้ยไฟพรกิ เป็นแมลงที่มขี นาดเลก็ ลำตัวยาวเพยี ง 1.0 มม. จะมีสีน้ำตาลอ่อน ทำลายพชื เมอ่ื อยใู่ นระยะตัวอ่อนและตวั เต็มวัย มปี กี 2 คู่ ประกอบด้วยขนเสน้ เลก็ ตัวอ่อนแตกตา่ งจากตัวเตม็ วัยทไี่ มม่ ปี ีกและมขี นาดเล็กกว่า และตัวเต็มวัยยังเคลอื่ นไหวได้เร็วกว่าด้วย เพลยี้ ไฟพริกเจริญเติบโต จากไข่ทตี่ ัวแมว่ างไว้ตามเส้นใบ ตัวอ่อนเมอื่ ออกจากไข่จะอาศัยดูดกินนำ้ เลีย้ งเช่นเดียวกับตัวเต็มวัย มกั จะพบอยูบ่ นต้นพืช โดยเฉพาะทีใ่ บ ดอก ผลหรือส่วนทอี่ อ่ นๆ ของต้นพริก เมือ่ โตเต็มทกี่ ็จะเข้า ดกั แดต้ ามพื้นดินบริเวณโคนตน้ และออกเป็นตัวเต็มวยั พืชอาหาร พบทำลายพืชทีส่ ำคัญหลายชนดิ ได้แก่ พริก ถัว่ ลสิ ง เงาะ มะมว่ ง ส้ม สม้ โอ มะละกอ มะขาม มงั คดุ ทเุ รียน มะม่วงหมิ พานต ์ เปน็ ต้น ศัตรธู รรมชาติ - การป้องกนั กำจัด 1. สำรวจเพลยี้ ไฟพริกบริเวณใต้ใบหรือส่วนออ่ นๆ ของพืช เช่น ตาดอก ดอกและใบออ่ น เมอื่ เริม่ พบเพลยี้ ไฟ 5 ตัวขึน้ ไปต่อสว่ นของพืชนนั้ ๆ ควรหาทางกำจัดเสียตัง้ แต่เนิน่ ๆ ในขั้นต้นควร เพ่ิมความชื้นโดยการใหน้ ำ้ อย่าปล่อยให้พืชขาดนำ้ เพราะจะทำให้พชื อ่อนแอและเพล้ียไฟพรกิ ก็อาจ จะระบาดอยา่ งรวดเรว็ 2. ใช้สารฆ่าแมลงทมี่ ีประสิทธิภาพปอ้ งกันกำจัด เช่น อมิ ิดาโคลพริด 10% เอสแอล หรือ ฟิโปรนิล 5% เอสซ ี หรอื อิมาเม็กตนิ เบนโซเอต 1.92% อซี ี อตั รา 40, 40 และ 20 มล./นำ้ 20 ลิตร ตามลำดับ เพล้ียไฟฝ้าย (cotton thrips) ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Thrips palmi Karny วงศ์ Thripidae อนั ดับ Thysanoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย ตัวออ่ นและตัวเต็มวัยทำลายสว่ นต่างๆ ของพืช โดยใช้ปากทีเ่ ปน็ แท่ง (stylet) เขี่ยเนอื้ เยอื่ พชื ใหช้ ้ำแล้วจงึ ดูดน้ำเล้ียงจากเซลล์พืช ทำใหบ้ ริเวณทถี่ กู ดดู มลี กั ษณะอาการแตกต่างกนั เช่น อาการ แมลงศตั รผู กั เห็ดและไม้ดอก 43
ที่มักเกิดกับพชื แตงโม หากเกิดในระยะแตงโมทอดยอดจะทำให้ชะงกั การเจรญิ เติบโต ลักษณะอาการ ทีเ่ กิดจากเพลีย้ ไฟนเี้ รียกวา่ ยอดต้ัง ในพชื มะเขอื เปราะผลจากการทำลายทำให้เกดิ รอยดา้ นทผี่ ล เมอ่ื โตขึ้นทำให้คุณภาพผลผลิตต่ำ สว่ นในพืชผักชนิดอืน่ เช่น กระเจีย๊ บเขียว ถัว่ ฝกั ยาว มะระ และ แตงกวา ทำให้บริเวณใบทถี่ ูกทำลายมีรอยแผลสีนำ้ ตาล ใบแห้ง ในการทำลายของเพลยี้ ไฟต่อส่วน เจริญของพืช ทำให้ยอด ดอก ตาอ่อน ไม่เจริญเติบโต หากเป็นระยะพืชขาดน้ำแลว้ ไมท่ ำการแก้ไข ปอ้ งกันกำจัด จะทำให้พืชตายได ้ ความเสียหายทีเ่ กิดจากเพลีย้ ไฟแตกต่างกัน เช่น ในกรณีของพืช แตงโมหากเพลีย้ ไฟระบาดในช่วงอายุระยะ 1 เดือนหลังปลกู จะก่อให้เกิดความเสียหายมาก ถ้าพ้น ช่วงนัน้ แล้วแตงโมจะทอดยอดก็จะทนการทำลายได้ดีกว่า ในกรณีของพืชผกั ทีม่ กี ารสง่ ออกถึงจะมี ความเสียหายไม่ชัดเจน แต่การติดไปของเพลีย้ ไฟชนดิ นีไ้ ม่ว่าจะเปน็ ระยะไข่ ตัวออ่ น หรือตัวเต็มวัย ก็ตาม จะมผี ลกระทบต่อการส่งออกทันท ี พบทำลายพืชได้เกือบตลอดป ี การระบาดมกั พบเสมอใน ช่วงฤดรู อ้ น หรือชว่ งทีม่ ีอากาศแหง้ แลง้ ฝนทงิ้ ชว่ งเป็นเวลานาน รูปร่างลักษณะและชวี ประวตั ิ เพล้ียไฟวางไขเ่ ปน็ ฟองเด่ียวๆ ในเน้อื เย่อื พชื ไข่มีสขี าวใส รปู รา่ งคล้ายเมลด็ ถั่ว มีขนาดเล็ก ประมาณ 0.1-0.2 มม. จากการศกึ ษาในอณุ หภมู ริ ะหวา่ ง 20-30 องศาเซลเซยี ส อายุไขป่ ระมาณ 4-8 วนั ฟักเป็นตัวอ่อน การเจริญเติบโตของเพลีย้ ไฟฝ้ายในระยะตัวอ่อนพบม ี 3 ระยะ คือ ระยะแรกมี ลกั ษณะสีขาวใส ผอมเรียวเล็ก ขนาดลำตัวยาว 0.2-0.3 มม. ปลายท้องคอ่ นข้างแหลม ตารวมขาวใส หนวดม ี 7 ปลอ้ ง เคลือ่ นไหวตลอดเวลา และเริ่มทำลายพืชทนั ทโี ดยดูดกินน้ำเลยี้ งเมอื่ เข้าสตู่ ัวออ่ น ระยะทีส่ อง มีขนาดลำตัวยาว 0.3-0.4 มม. ลำตัวมีสีเหลืองเข้มขึน้ บริเวณปลายส่วนทอ้ งไมแ่ หลม เหมอื นระยะต้น ในระยะนีเ้ คลือ่ นไหวรวดเร็วและว่องไวมาก ส่วนตัวออ่ นระยะทสี่ ามเป็นระยะก่อน เขา้ ดักแด ้ มสี เี หลืองเข้ม ลำตวั มขี นาด 0.5-0.7 มม. ตารวมสเี ทาปนดำ ตาเดีย่ วสีแดง ตุ่มปีกบรเิ วณ อกปล้องทีส่ องและสามเริม่ เจริญเติบโต ในระยะนีเ้ คลือ่ นไหวช้าลงแต่ยังคงทำลายพืชโดยดูดกินน้ำ เลยี้ ง ระยะตวั ออ่ นประมาณ 6-10 วัน ดักแด้มีสเี หลอื งเข้ม ขนาดลำตัว 0.7-0.8 มม. ในระยะน้หี นวด กลับไปทางด้านหลงั แผน่ ปีกทงั้ สองเจริญมากขึ้นและมีขนาดเกือบถึงปลายส่วนท้อง เพลีย้ ไฟระยะนี้ ไมเ่ คลอื่ นไหวไมก่ ินอาหารและเข้าดักแด้ในดิน ดักแด้มอี าย ุ 3-4 วัน ตัวเต็มวัยมสี เี หลืองเข้ม ขนาด ลำตัวยาว 0.8-1.0 มม. หนวดสีเหลืองมีจำนวน 7 ปล้อง ตารวมสีเทาดำ ตาเดีย่ ว 3 ตาสีแดง ปกี ยาว คลมุ มดิ สว่ นท้องมสี เี หลอื งปนนำ้ ตาลอ่อน ขนสีเทายาวรอบปกี ปลอ้ งทอ้ งมีจำนวน 10 ปลอ้ ง เพลยี้ ไฟระยะนีเ้ คลือ่ นไหวรวดเร็วและว่องไว อายุตัวเต็มวัยพบระหว่าง 16-24 วัน จากการศึกษาที่ อุณหภูมิระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส วงจรชีวิตของเพลีย้ ไฟจากไข่ถึงตัวเต็มวัยมอี ายรุ ะหว่าง 14-23 วนั แมลงศตั รูผกั เหด็ และไมด้ อก 44
พืชอาหาร เพลีย้ ไฟฝ้ายเป็นแมลงศัตรูทสี่ ำคัญมากทีส่ ดุ อกี ชนดิ หนงึ่ สามารถทำลายพืชได้หลายชนิด เช่น แตงโม มะเขือเปราะ มะเขือยาว แตงกวา มะระ ฟักเขียว ถัว่ ฝกั ยาว หน่อไมฝ้ รั่ง ไม้ผล เช่น มะม่วง ส้มโอ องุ่น พืชไร ่ เช่น ฝ้าย ยาสบู งา ทานตะวัน ข้าวโพด ทำลายไม้ดอก เช่น กล้วยไม ้ กุหลาบ เบญจมาศ ดาวเรือง เปน็ ตน้ ศัตรธู รรมชาติ - การป้องกนั กำจัด 1. ขัน้ ตน้ ควรเพ่ิมความชื้นโดยการใหน้ ้ำ อย่าปล่อยให้พชื ขาดน้ำ เพราะจะทำให้พชื ออ่ นแอ และเพล้ยี ไฟพริกกอ็ าจจะระบาดอยา่ งรวดเรว็ 2. ใช้สารฆ่าแมลงทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพปอ้ งกันกำจัด เช่น สไปนโี ทแรม 12% เอสซี หรือ อมิ ดิ าโคลพริด 70% ดับบลวิ จี หรือ ฟิโปรนลิ 5% เอสซ ี หรือ อิมาเม็กตินเบนโซเอต 1.92% อีซี อตั รา 20 มล. 4 กรมั 40 มล. และ 30 มล. ตามลำดับ เพล้ียไฟหอม (onion thrips) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Thrips tabaci Lindeman วงศ์ Thripidae อันดบั Thysanoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย เพลีย้ ไฟหอมทำลายหนอ่ ไมฝ้ รัง่ และก่อให้เกิดปัญหาในด้านการสง่ ออกในป ี 2530 ซึ่งมผี ล ทำให้ประเทศญีป่ ุน่ ไม่ยอมรับซื้อหนอ่ ไม้ฝรัง่ ทีส่ ่งออกจากประเทศไทย เกษตรกรผปู้ ลูกประสบความ เสียหายอยา่ งมาก เพลีย้ ไฟหอมชนิดนีท้ ัง้ ตัวออ่ นและตัวเต็มวัยสามารถเข้าทำลายหนอ่ ไม้ฝรัง่ โดย การใชป้ ากท่มี ลี ักษณะเปน็ แท่ง (stylet) เขย่ี เนื้อเย่อื พชื ให้ชำ้ แล้วดดู นำ้ เลีย้ งจากเซลล์พชื ท่ปี ลายหนอ่ กาบใบและใบ ในระยะแรกของการเข้าทำลาย ถ้าไมส่ ังเกตให้ดีจะไมพ่ บร่องรอย หรืออาการทถี่ ูก ทำลาย แต่จะเห็นได้ชัดเจนก็ต่อเมือ่ พืชถูกทำลายรุนแรงแลว้ หนอ่ ไมฝ้ รั่งจึงจะมีลักษณะแคระแกร็น ปลายหน่อเหลอื งซีด กาบใบทหี่ ุ้มบริเวณลำต้นมีสีนำ้ ตาลและแสดงอาการเหี่ยว ซึ่งหนอ่ ไม้ฝรัง่ ทีม่ ี ลกั ษณะดังกล่าวจะขายไม่ได้ราคา และทีส่ ำคัญอยา่ งยิง่ คือ ไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่าง ประเทศได ้ ปัจจยั ท่สี ำคญั ตอ่ การระบาดของเพล้ียไฟหอม ไดแ้ ก ่ ฝน และอณุ หภมู ติ ำ่ กวา่ 15 องศาเซลเซยี ส แมลงศตั รูผัก เหด็ และไม้ดอก 45
ซึ่งจะลดการเคลอื่ นยา้ ยและการระบาดของเพลยี้ ไฟหอมลงได้มาก พบระบาดในช่วงฤดูร้อนหรือ อากาศแห้งแล้ง ชว่ งระหวา่ งเดือนกมุ ภาพันธ-์ พฤษภาคม ของทกุ แหลง่ ท่ีปลกู หน่อไมฝ้ รั่ง รูปร่างลกั ษณะและชีวประวตั ิ เพลยี้ ไฟหอมวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ในเนอื้ เยื่อพชื ประมาณ 28-55 ฟอง ไข่มีสขี าวใส ระยะ ไข่ ประมาณ 4.8-8.5 วนั การเจริญเติบโตของเพลีย้ ไฟหอมในระยะตัวอ่อนพบม ี 3 ระยะ คือ ระยะ แรกมีสเี หลอื งใส หลังเข้าสู่ตวั อ่อนระยะท่สี ามซึ่งเป็นระยะกอ่ นเข้าดกั แด้ ตวั ออ่ นมสี ีเหลืองออ่ น หรอื นำ้ ตาลออ่ น ในระยะน้ีจะปรากฏตุ่มปกี บรเิ วณอกปลอ้ งท่ีสองและสามเหน็ ชดั เจน เคล่อื นไหวชา้ ลงแต่ ยังคงทำลายพชื โดยการดดู กนิ น้ำเลยี้ ง ระยะตวั ออ่ นประมาณ 6.8-8.5 วนั ดกั แดม้ ีสีเหลอื ง ในระยะน้ี หนวดวกชีไ้ ปทางด้านหลัง ตุม่ ปีกทงั้ สองข้างเจริญมากขึน้ จะขยายออกมาและโค้งไปตามลำตัวเกือบ มิดส่วนท้องและมขี นเสน้ เล็กๆ สีน้ำตาลเห็นชัดเจน เพลยี้ ไฟหอมระยะนีไ้ ม่เคลือ่ นไหว ไมก่ ินอาหาร และเข้าดักแด้ในดิน ดักแด้มีอายุประมาณ 2.4-4 วัน ตัวเต็มวัยมขี นาดลำตัว 1-1.1 มม. มสี ีเหลือง ออ่ นหรือนำ้ ตาลออ่ น ซ่งึ เกดิ จากจดุ สนี ำ้ ตาลท่ีกระจายตามแผน่ แขง็ บริเวณ หัว อก และทอ้ ง บางคร้ัง พบว่าจุดสนี ำ้ ตาลเหล่านรี้ วมตัวกันมลี กั ษณะเปน็ แถบสีน้ำตาลเข้ม เพลีย้ ไฟหอมในระยะนีเ้ คลือ่ นไหว รวดเรว็ และวอ่ งไว ตัวเต็มวัยอายุระหวา่ ง 18-20 วนั รวมวงจรชีวิต 14-19 วนั พชื อาหาร เพลย้ี ไฟหอม เป็นแมลงศตั รทู ่สี ำคัญของพืชหลายชนดิ เช่น หนอ่ ไมฝ้ รั่ง หอม กระเทยี ม ฝา้ ย ทานตะวัน นำ้ เต้า บวบ ปอ มะเขือ ถ่วั ยาสูบและมะเขือเทศ เป็นตน้ ศัตรธู รรมชาติ - การปอ้ งกนั กำจดั 1. วิธกี ล โดยการติดกบั ดักกาวเหนยี วสีเหลืองจำนวน 80 กบั ดกั /ไร่ พบวา่ มีประสทิ ธภิ าพ ในการดกั จบั เพลี้ยไฟชนิดน้ีไดเ้ ป็นอย่างดแี ละสามารถลดการระบาดลงได้ 2. ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสทิ ธิภาพ เช่น สไปนีโทแรม 12% เอสซี หรอื อมิ ิดาโคลพรดิ 70% ดับบลิวจี หรอื ฟโิ ปรนลิ 5% เอสซี อตั รา 20 มล. 4 กรมั และ 40 มล. ตามลำดับ แมลงศตั รผู ัก เห็ดและไม้ดอก 46
เพล้ียจกั จั่นฝา้ ย (leafhopper) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Amrasca biguttula biguttila (Ishida) วงศ์ Cicadellidae อันดับ Hemiptera ความสำคญั และลกั ษณะการทำลาย เพลีย้ จักจั่นฝ้ายระบาดตามแหล่งปลูกทวั่ ไปในประเทศไทย เข้าทำลายในช่วงต้นพืชยังเลก็ ทำให้ต้นไมเ่ จริญเติบโตหรือตายได ้ โดยทัง้ ตัวออ่ นและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลีย้ งจากใบมผี ลทำให้ใบ เปลีย่ นเป็นสนี ำ้ ตาลและงอลง ใบจะเห่ยี วแหง้ และแหง้ กรอบในท่สี ุด ดงั น้ัน ในช่วงที่พชื เล็กควรหม่นั ตรวจนับแมลงหากพบเพลยี้ จักจ่นั ฝา้ ยเฉลย่ี สงู กว่า 1 ตัวตอ่ ใบควรทำการป้องกันกำจัด รูปร่างลกั ษณะและชีวประวัติ ตัวเต็มวัยวางไข่เป็นฟองเดีย่ วๆ ตามบริเวณเส้นใบหรือก้านใบพืช ไข่มีรูปร่างลักษณะโค้งงอ สีเขียว ระยะไขเ่ ฉล่ยี ประมาณ 6.3 วัน ตัวอ่อนทีฟ่ ักออกจากไข่มีสเี ขยี วอมเหลอื งจาง ตัวออ่ นโตเตม็ ท่ี มขี นาด 2 มม. เคลอื่ นไหวรวดเร็ว มีการเจริญเติบโต 5 ระยะ ระยะที่ 1 อายุ 1.5 วัน ระยะท่ี 2 1.1 วัน ระยะท่ี 3 1.2 วัน ระยะท ี่ 4 1.5 วัน และระยะที่ 5 2 วนั รวมระยะตวั ออ่ นเฉล่ีย 7.3 วัน ตัวเต็มวยั รปู รา่ งลกั ษณะยาวรีขนาดเลก็ ประมาณ 2.5 มม. มีสเี ขยี วจาง ปกี โปร่งใสมจี ุดสดี ำอยกู่ ลาง ปกี ข้างละจุด เคลอื่ นไหวและบินได้รวดเร็วมากเมือ่ ถูกรบกวน ตัวเต็มวัยมอี ายุประมาณ 21-30 วัน รวมวงจรชีวติ เพล้ียจักจนั่ ฝา้ ยเฉลีย่ 13.6 วัน พืชอาหาร พบทำลายพืชผักหลายชนดิ ทีส่ ำคัญ ได้แก่ มะเขือเปราะ มะเขือยาว และกระเจีย๊ บเขียว เปน็ ต้น นอกจากนี้ ยงั พบทำลายฝา้ ยและปอแก้ว ศตั รูธรรมชาติ - การปอ้ งกันกำจดั 1. คลกุ เมล็ดกอ่ นเพาะกล้าดว้ ยสารคารโ์ บซลั แฟน 25% เอสที อัตรา 40 กรมั /เมล็ด 1 กก. 2. ใช้สารฆ่าแมลงทมี่ ปี ระสิทธิภาพ เช่น อมิ ิดาโคลพริด 10% เอสแอล หรือ ฟิโปรนลิ 5% เอสซ ี อตั รา 20 และ 20 มล./นำ้ 20 ลิตร ตามลำดบั แมลงศัตรผู ัก เห็ดและไมด้ อก 47
แมลงหวขี่ าวยาสูบ (tobacco whitefly) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Bemisia tabaci (Gennadius) วงศ์ Aleyrodidae อันดบั Hemiptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย แมลงหว่ีขาวยาสูบเปน็ แมลงศตั รทู ส่ี ำคญั ของมะเขอื เทศ โดยตัวอ่อนและตัวเตม็ วยั จะดดู กนิ นำ้ เลยี้ งบริเวณใบและเป็นพาหะนำโรคทีเ่ กิดจากไวรัส การกระจายของแมลงและโรคทเี่ กิดจากแมลง หวี่ขาวยาสบู ส่วนใหญจ่ ะอยใู่ นเขตร้อน แต่ก็พบในเขตกึ่งร้อนและเขตอบอุน่ ด้วยเช่นกัน ทำความเสีย หายให้กับมะเขือเทศในแหลง่ ปลกู ทัว่ โลก ไวรัสของมะเขือเทศทถี่ ่ายทอดโดยแมลงหวีข่ าวยาสบู ม ี 1 ชนิด คอื Tomato yellow leaf curl virus แมลงหว่ขี าวยาสูบพบระบาดท่ัวไปในแหล่งปลกู มะเขอื เทศ รปู รา่ งลกั ษณะและชวี ประวตั ิ แมลงหวี่ขาวยาสูบวางไข่เป็นกลุม่ ใต้ใบพืช ก้าน ไข่จะติดกับเนอื้ เยือ่ ของพืช รูปร่างยาวร ี สเี หลืองอ่อน ไขม่ ขี นาด 0.1-0.3 มม. ตัวอ่อนมีลักษณะแบนราบติดกบั ผวิ ใบ ลอกคราบ 3 คร้ัง ระยะ ตัวอ่อน 11-18 วัน ดักแด้มขี นาด 0.6-0.8 มม. ระยะดกั แด้ 5-7 วัน ตวั เต็มวัยจะออกจากดักแด้ตรง รอยแตกทสี่ ว่ นอก เพศเมียวางไข่ได้สูงสดุ มากกว่าร้อยฟอง ตัวเต็มวัยมอี าย ุ 2-11 วัน สืบพันธุแ์ บบ parthenogenesis (การออกลูกเปน็ ตวั โดยไมม่ ีการผสมพันธุ)์ พชื อาหาร พบทำลายในพชื เศรษฐกจิ หลายชนดิ เชน่ ฝา้ ย ยาสบู พรกิ มันเทศ มะเขอื เทศ กระเจ๊ยี บเขยี ว มะเขอื เปราะ ปอแก้ว ถ่ัวเหลืองและถว่ั ตา่ งๆ ศตั รธู รรมชาติ ศัตรูธรรมชาติทีพ่ บว่ามที งั้ ตัวห้ำและตัวเบยี น เช่น แตนเบียน Encrasia sp. (F. Aphelinidae) แมลงช้างปีกใส Chrysopa basalis Walker และ Chrysopa sp. (F. Chrysopidae) ดว้ งเตา่ (Coccinellidae) บางชนดิ และแมงมมุ สกุลไลคอซา (Lycoza sp.) และ ออกซอี อพิส (Oxyopes sp.) การป้องกนั กำจดั 1. คลกุ เมลด็ ก่อนเพาะกล้าดว้ ยสารคาร์โบซัลแฟน 25% เอสท ี อตั รา 40 กรมั /เมลด็ 1 กก. 2. ใช้สารฆา่ แมลงที่มปี ระสทิ ธิภาพปอ้ งกนั กำจัด เชน่ บโู พรเฟนซิน 40% เอสซี หรือ ไดโน ทฟี แู รน 10% เอสแอล อตั รา 15 และ 10 มล./นำ้ 20 ลติ ร ตามลำดับ 3. ใช้นำ้ มนั ปิโตรเลียม เชน่ ไวท์ออย 67% อีซี อัตรา 100 มล./นำ้ 20 ลติ ร แมลงศตั รูผัก เหด็ และไม้ดอก 48
บรรณานุกรม ปยิ รตั น ์ เขียนมสี ขุ กอบเกยี รต์ ิ บนั สิทธิ ์ นงพร กจิ บำรงุ จกั รพงศ์ พริ ิยพล ศรีสุดา โท้ทอง สมศักด์ิ ศิริพล ต้ังมั่น ลดั ดาวัลย ์ อินทร์สงั ข์ อรุ าพร ใจเพ็ชร ศรีจำนรรจ์ พิชิตสวุ รรณชัย สมรวย รุ่งรตั นวาร ี สัจจะ ประสงค์ทรพั ย.์ 2542. แมลงศตั รูผัก กลุ่มงานวจิ ยั แมลงศัตรูผกั ไมด้ อก และไม้ประดบั . กองกฏี และสัตววทิ ยา, กรมวชิ าการเกษตร. 97 หน้า. ปยิ รัตน์ เขียนมสี ุข พมิ ลพร นันทะ และสมศักด์ิ ศิรพิ ลตงั้ มน่ั . 2544. การปอ้ งกันกำจดั ศัตรกู ะหล่ำปลี โดยวธิ ผี สมผสาน. หนา้ 270-280. ใน รายงานผลการดำเนินงาน การป้องกันกำจัดศตั รพู ืช โดยวิธีผสมผสาน ครัง้ ท่ ี 4 กองกีฏและสตั ววิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ สหกรณ.์ สมศักด ์ิ ศริ พิ ลตั้งม่ัน สัจจะ ประสงคท์ รพั ย ์ และ ปิยรตั น ์ เขยี นมีสุข. 2544ก. ประสทิ ธิภาพของสาร ฆ่าแมลงและเชือ้ แบคทเี รียในการป้องกันกำจัดด้วงหมดั ผัก. หน้า 133-138. ใน รายงาน การค้นคว้าและวิจัยประจำป ี 2544 กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวง เกษตรและสหกรณ์. สมศักดิ์ ศิริพลตง้ั มัน่ สจั จะ ประสงคท์ รพั ย ์ และ ปยิ รตั น ์ เขียนมสี ขุ . 2544ข. ทดสอบประสทิ ธิภาพ ของสารฆา่ แมลงเพอ่ื ป้องกนั กำจัดหนอนเจาะยอดกะหล่ำ. หน้า 139-144. ใน รายงานผล การค้นคว้าและวิจัยประจำป ี 2544 กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร กระทรวง เกษตรและสหกรณ์. สมศักดิ ์ ศิริพลตัง้ มัน่ สจั จะ ประสงค์ทรัพย ์ อจั ฉรา ตันติโชดก และ ปิยรัตน ์ เขียนมีสขุ . 2544. ประสิทธภิ าพสารฆา่ แมลง เชอ้ื แบคทเี รยี และสารสกดั สะเดาในการปอ้ งกนั กำจดั หนอนใยผัก. หนา้ 93-106. ใน รายงานผลการค้นคว้าและวิจัยประจำป ี 2544 กองกีฏและสตั ววิทยา กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ อรญั งามผ่องใส. 2547. สารเคมคี วบคมุ ศตั รพู ชื . ภาควชิ าการจดั การศตั รพู ชื คณะทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์. 348 หน้า. สมศักด ิ์ ศิริพลตั้งมนั่ ธีราทัย บุญญะประภา และ สุภราดา สคุ นธาภิรมย ์ ณ พัทลุง. 2555. ประสิทธิภาพเชื้อแบคทเี รียและสารฆ่าแมลงในการปอ้ งกันกำจัดหนอนใยผัก และผล กระทบตอ่ แมลงศัตรธู รรมชาตใิ นกะหล่ำปล.ี หนา้ 46-63. ใน รายงานการประชุมวิชาการ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ประจำป ี 2555. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร และสหกรณ.์ Anonymous. 2006. IRAC Mode of Action Classification Version 5.2 (http:// www.iraconline.org/ classification/10/09/2006) แมลงศัตรผู กั เห็ดและไมด้ อก 49
แมลงศัตรู เหด็ และการปอ้ งกนั กำจดั อรุ าพร หนูนารถ เห็ด เปน็ พืชเศรษฐกิจทมี่ ีความสำคัญอีกชนดิ หนึง่ ทมี่ ีคุณค่าทางด้านโภชนาการ และให้ผล ตอบแทนต่อหนว่ ยสงู ในระยะเวลาอันรวดเร็ว สามารถทำเป็นอาชีพเสริมรายได้หรือทำเปน็ อาชีพ หลักเกษตรกรผูเ้ พาะเห็ด สามารถเพาะได้ภายในครัวเรือน โดยใช้วัสดุเหลอื ใช้ นำมาทำเป็นวัสด ุ ในการเพาะเหด็ เชน่ ฟางขา้ ว ขเ้ี ล่อื ย และเปลือกถ่วั เหด็ ท่มี คี วามสำคญั ทางเศรษฐกจิ ไดแ้ ก ่ เหด็ นางฟา้ เหด็ ฟาง เหด็ หอม เหด็ นางรม เหด็ เป๋าฮ้ือ เหด็ แชมปิญอง เหด็ หลนิ จอื และเหด็ หหู น ู สภาพภมู อิ ากาศ และการเกษตรของประเทศไทยเหมาะสมกบั การผลิตเหด็ มาก ทงั้ น ้ี เพราะประเทศไทยมีสภาพภมู ิอากาศ ทไี่ มร่ ้อนหรือหนาวเกินไป มคี วามชืน้ สูง จากการติดตามปัญหาการระบาดด้านแมลงศัตรู พบว่า เห็ดตระกลู นางฟา้ -นางรม หรือเห็ดทเี่ พาะถุงส่วนมาก มีปญั หาเกี่ยวกบั แมลงศตั รลู งทำลาย จนทำให้ เกดิ ความเสยี หายแก่ผลผลิต หนอนแมลงวันเซยี รดิ (sciarid, Lycoriella sp.) หรือแมลงหวีเ่ ห็ดปีกดำ จะลงทำลาย กัดกินเห็ดในระยะทีเ่ ปน็ ตัวหนอน โดยแมลงวันเซียริดจะวางไข่บนก้อนเชือ้ ตัง้ แต่ช่วงบม่ ก้อนเชือ้ ไขม่ ีลักษณะกลมรี ระยะไข่ 4 วนั จงึ ฟกั เปน็ หนอน หนอนเม่อื ฟกั ออกจากไขใ่ หมๆ่ สว่ นหัวมจี ุดสดี ำ เหน็ ไดช้ ดั เจน หนอนมีลำตัวสขี าวใส สคี รีม หรอื อาจมีเหลืองส้ม บางคร้ังส่วนหัวมสี ดี ำ หนอนมีความ ยาวประมาณ 5-7 มม. ตัวหนอนเคลือ่ นไหวได้รวดเร็วและกนิ จมุ าก ระยะหนอน 10 วนั จงึ เข้าดกั แด้ เมือ่ เข้าดักแด้ใหม่ๆ จะเปน็ สีขาวและสีจะเข้มขึ้นจนกลายเป็นสดี ำเห็นได้ชัดเจนก่อนออกเป็นตัวแก่ ระยะดักแด ้ 3-5 วัน ลกั ษณะของตวั แกจ่ ะมีสีดำโดยเฉพาะที่ปกี ขนาดตวั ใกล้เคยี งกบั ยุงบ้าน มีขนาด 2-3 มม. ชว่ งท้องแคบ ตวั แกไ่ มท่ ำลายหรอื กดั กนิ เห็ดแต่อย่างไร วงจรชวี ิตทงั้ หมดคอื จากไข่ออกเปน็ ตวั แก่ประมาณ 25-30 วนั หรอื หนงึ่ เดือน หนอนแมลงวนั เซยี รดิ ปัจจุบันเปน็ แมลงศัตรทู ส่ี ำคญั ของ การผลติ เหด็ เชิงการค้าโดยท่ัวไป หนอนแมลงวันฟอริด (phorid, Megasellia sp.) หรือ แมลงวันหลงั โกง ตวั แก่จะพบทง้ั ชนิดมปี กี และไมม่ ีปีกอยใู่ นวงศ ์ Phoridae ระยะหนอนจะทำลายเสน้ ใยเห็ดทีก่ ำลังเดิน และมกั จะ เจาะเข้าไปทำลายส่วนของโคนต้นและหมวกดอก ทำให้พรุนและเสยี หายได ้ แต่ความรุนแรงพบนอ้ ย กวา่ พวกแมลงวันเซยี รดิ ตวั แก่ชอบอยูใ่ นท่ีสวา่ ง เชน่ บริเวณรอบโรงเรือนเพาะเห็ด แมลงศัตรูผกั เหด็ และไมด้ อก 50
แมลงหวเ่ี ห็ด (Scatpse sp.) เปน็ แมลงสดี ำมีขนาดเล็กคลา้ ยกับแมลงหวี่ ตัวแกม่ กั จะเกาะ ตามดอกเหด็ ก้อนเชือ้ เหด็ ผนังโรงเรอื น และมกั จะทำความรำคาญโดยตอมตาของผเู้ ข้าปฏบิ ัตงิ านใน โรงเห็ดได้ ลกั ษณะการทำลายของหนอนจะเรม่ิ เจาะที่โคนดอกเห็ด โดยเฉพาะระยะก้ามปู ทำให้เห็ด แคระแกร็นด้านนำ้ ตาลและเน่าเสยี ทัง้ ถุง การระบาดของแมลงชนดิ นีจ้ ะพบมากหลังการเพาะเห็ดได้ ประมาณ 5-6 เดือน หรือระบาดเป็นครัง้ คราว หนอนผีเสื้อ (tineid moth, Dasyses rugosella Stainton) ตัวหนอนหลงั จากฟักออกมาแล้วก็จะกินอยูบ่ ริเวณปากถุงหรือชอนไชไปตามผวิ หรือเจาะ เข้าไปในก้อนเชื้อทมี่ เี สน้ ใยเห็ดสีขาว ทำให้เส้นใยขาดเห็ดไมเ่ จริญและไม่ผลิตดอก หนอนบางสว่ น อาจเจาะรูเข้าไปในก้อนเชื้อหรือชักใยรวมกับขีเ้ ลือ่ ยไมย้ างพารา ซึ่งเปน็ ส่วนประกอบของก้อนเชือ้ เพอ่ื ทำเปน็ รงั หอ่ หุ้มตัว เมอ่ื กอ้ นเชอื้ เหด็ ในถุงถกู ทำลายจะสงั เกตเห็นเป็นขยุ สนี ำ้ ตาลเป็นทางยาวคด เคีย้ วไปมาและหากพบการทำลายอย่างรุนแรงก็จะเห็นมูลหนอนทีถ่ ่ายออกมาสีน้ำตาลเต็มไปหมด บริเวณนจี้ ะพบเสน้ ใยเห็ดเพียงเลก็ นอ้ ยและเห็ดจะไมส่ ามารถผลติ ดอกได้ ตัวแก่เปน็ ผเี สือ้ กลางวัน ขนาด 8-9 มม. พบเกาะอยตู่ ามฝาผนังของโรงเรือนและปากถุงก้อนเชื้อเห็ด ปกี มสี ีนำ้ ตาลสลบั ลาย สนี ้ำตาลดำ ปกี ด้านลา่ งยาวกว่าปกี ด้านบน สว่ นท้องสีนำ้ ตาลอ่อน ขณะเกาะนิง่ อยูก่ ับทีจ่ ะเปน็ รูป สามเหล่ียมคล้ายหลังคา การวางไขจ่ ะวางบนจกุ สำลปี ดิ ถุงก้อนเชื้อ ไขเ่ ป็นกลุ่มมเี สน้ ใยสคี รมี ปกคลุม หนอนระยะวยั เลก็ จะมสี คี รมี ต่อมาจะเปลย่ี นเป็นสนี ้ำตาลแดง ส่วนหัวและปากเปน็ สีนำ้ ตาลเข้มเหน็ ได้ชัด บนส่วนอกด้านหลังติดสว่ นหัวจะมีขีดสีน้ำตาลพาดตามขวางของลำตัว หนอนโตเต็มทีม่ ีขนาด 15 มม. ระยะวัยหนอนประมาณ 14-21 วัน หนอนผเี สือ้ กินใบจาก ตัวแกเ่ ป็นผเี สือ้ กลางคนื ขนาดกลางมขี นปุกปยุ ดา้ นปลายท้อง วางไข่ บริเวณใบจากทน่ี ำมาทำโรงเรือนตวั หนอนมสี ีน้ำตาลหัวดำโต มขี นาดประมาณ 10-20 มม. หนอนวัย แรกจะกินวัตถุทนี่ ำมาทำหลังคาโรงเห็ด เช่น ใบจากทีแ่ ห้ง ประมาณฤดูฝนหรืออากาศเริม่ ชื้นจนใบ จากทีน่ ำมามงุ หลงั คาเริ่มเปียก ประกอบกับเห็ดทีเ่ พาะในถุงเริม่ ออกดอก หนอนชนิดนีก้ ็จะเริม่ เคลอื่ นย้ายลงมาทำลายเห็ดในถุง ความรุนแรงของการทำลายทพี่ บประมาณ 20% แต่อยา่ งไรก็ควร จะตดิ ตามอย่างใกล้ชิด เนือ่ งจากเปน็ ศตั รูชนิดใหมท่ ีม่ ีบทบาท และเกษตรกรโดยทั่วไปยงั จำเปน็ ต้อง ใช้ใบจาก ใบตอง หญ้าคา เปน็ วสั ดสุ ำหรบั หลงั คาโรงเรือนเห็ด ดว้ งเจาะเห็ด พบระบาดทำลายเห็ดในสกุลนางฟ้า-นางรม โดยตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของ ด้วงจะเจาะกัดกินเห็ดเป็นอาหาร ระบาดมากในช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว โดยตัวเต็มวัยเพศเมีย วางไข่เป็นกลุม่ ๆ กลุม่ ละ 4-8 ฟอง ไข่จะฟักเป็นตัวหนอนภายใน 2-3 วัน หนอนเมือ่ ฟักออกมา ใหม่ๆ จะใส แล้วจะเปล่ยี นเปน็ สขี าวขุ่น กัดกินอยู่ใตห้ มวกเหด็ ระยะหนอน 3-4 วนั แล้วเขา้ ดักแด้ บนก้อนเชื้อเห็ด ระยะดักแด ้ 5-6 วัน วงจรชีวิตทงั้ หมดของด้วงเจาะเห็ดจากไข่จนเปน็ ตัวเต็มวัย ประมาณ 15-16 วนั แมลงศัตรผู กั เห็ดและไมด้ อก 51
แมลงหางดีด เป็นแมลงโบราณทมี่ ขี นาดเลก็ มาก 0.5-1 มม. ไมม่ ปี ีก ลำตัวออ่ นนมุ่ มีส ี แตกต่างกัน เช่น สีขาว สเี ทาดำและสแี ดง มปี ากแบบกัดกิน ทอ้ งม ี 6 ปล้อง และมีท่อเล็กๆ อยู่ บริเวณปลายท้อง เรียกว่า collophore ซึง่ เป็นลักษณะเฉพาะทีพ่ บในแมลงหางดีด มีหน้าทเี่ ป็นตัว ช่วยในการควบคุมความชืน้ และปริมาณน้ำทเี่ หมาะสม ทีเ่ ราเรียกว่าแมลงหางดีดนัน้ มาจากลักษณะ เฉพาะท่มี ีลักษณะคล้ายส้อมเรยี กว่า furcula ซง่ึ อยูบ่ รเิ วณตอนปลายของสว่ นท้อง เปน็ อวัยวะท่ีใช้ใน การดดี ตวั เองเม่อื ถกู รบกวน ในสภาพปกติ furcula จะถกู พับเก็บไว้ดา้ นใตข้ องสว่ นทอ้ ง โดยมอี วัยวะ ทย่ี ดึ ตดิ ไวเ้ รยี กว่า tenaculum และเมื่อตอ้ งการดดี ตวั เองจะปลอ่ ย furcula ออกมา สามารถดีดตวั เองได้สูงถึง 20 เท่าของความยาวลำตัว แมลงหางดดี ท่พี บระบาดเขา้ ทำลายในเหด็ ท่ีเพาะดว้ ยถงุ พลาสตกิ อยู่ในวงศ ์ Entomobrinae ชอบอาศยั อยู่ในทีช่ ื้น เช่น วสั ดเุ พาะ (ขเี้ ล่ือย) หรอื ตามฟางข้าว เขา้ ทำลายเหด็ โดยกดั กนิ เส้นใยออ่ น และก้อนอาหารเห็ด ทำให้ก้อนเชือ้ เห็ดทีม่ เี สน้ ใยเดินเกิดการยบุ ตัว กลายเป็นก้อนขี้เลอื่ ย แมลงหาง ดีดสามารถปรับตัวและแพร่ขยายพันธุไ์ ด้รวดเร็ว ชอบอยูร่ วมกันเปน็ กลุม่ ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่ เป็นฟองเดีย่ วๆ หรอื เปน็ กลุ่มไข ่ ไขม่ ีลกั ษณะกลม สีครีม ตวั ออ่ นหลังจากฟักใหม่ๆ มสี ขี าวใส จะเร่ิม กัดกินเส้นใยเห็ด ตัวออ่ นมีการเจริญเติบโตหลายระยะ หลงั จากนนั้ จะกลายเป็นตัวเต็มวัยทสี่ มบรู ณ ์ อาศัยอย่ใู นกอ้ นเชอ้ื เหด็ และกนิ เส้นใยเหด็ เป็นอาหาร การป้องกันกำจดั แมลงศัตรเู ห็ดทป่ี ลูกในโรงเรอื น 1. ระยะเตรยี มโรงเรือน - ระยะนเี้ ป็นช่วงเวลาทีส่ ำคัญมากเพราะหากเตรียมภายในโรงเรือนทสี่ ะอาดดี ถูกสขุ ลกั ษณะ จะทำใหป้ ัญหาตา่ งๆ ท่เี คยเกิดข้นึ ลดลงมากกว่า 80% - ต้องทำความสะอาดเพื่อฆ่าแมลงและเชือ้ โรคสะสมด้วยสารคลอรอกซ์ อตั รา 20 มล./น้ำ 20 ลิตร หรอื ใชส่ ารฆ่าแมลงชนดิ ไดอะซนี อน อัตรา 40 มล. หรอื มาลาไทออน อตั รา 40 มล./นำ้ 20 ลติ ร พ่นบริเวณพื้นฝาผนังและหลงั คาโรงเรือนให้ทวั่ ทุกซอกทุกมุม ควรปิดโรงเรือนให้มิดชิดและ ทงิ้ ไว้อย่างน้อย 7-10 วนั 2. ระยะโรยเชือ้ เหด็ (At spawning) หรือระยะเตรยี มเปดิ จกุ หรือระยะขนถุงเห็ดเขา้ พกั โรงเรือน 2.1 ติดตัง้ กับดักกาวเหนยี วสีเหลอื งชนดิ แบนหรือทรงกระบอกชนดิ ใดชนิดหนง่ึ จำนวน 6-8 ตวั / โรงเรือน (ขนาด 8x20 เมตร) โดยติดตั้งระหว่างชัน้ เห็ดและมีระดับสูงจากพืน้ โรงเรือนประมาณ 1.5-1.8 เมตร ทีส่ ำคัญควรติดตั้งในทๆี่ ไมเ่ ปน็ อุปสรรคขัดขวางการเข้าไปปฏิบัติงาน ไม่ถูกนำ้ บอ่ ย ถา้ เปน็ ไปไดค้ วรติดตง้ั ใกลม้ มุ มืดเพราะตวั แกข่ องแมลงชอบเกาะอาศัยอยู่ 2.2 เปลยี่ นหรือนำกับดักมาลา้ งด้วยน้ำมันเบนซินและทากาวเหนียวใหมท่ ุก 10–15 วัน ตลอด ฤดูการผลิตเห็ดแต่ละชนิด หรือพิจารณาว่าหากมีแมลงติดเต็มแล้วก็ควรนำมาเปลีย่ นหรือทากาว เหนยี วซ้ำอกี กจ็ ะเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการดกั จบั และลดปริมาณของแมลงที่จะทำลายเห็ดได ้ แมลงศตั รูผกั เห็ดและไม้ดอก 52
2.3 พจิ ารณาพน่ เช้ือแบคทีเรีย (บาซิลลัส ทูรงิ เยนซิส) หรอื สารระงับการลอกคราบ (IGR) ชนดิ ใด ชนิดหนงึ่ ตามคำแนะนำตอ่ ไปนี้ รวม 1 ครัง้ ทันที (ในกรณเี ห็ดกระดมุ ) หรอื กอ่ นและหลงั เปิดจกุ สำลี (ในกรณีเหด็ ถงุ ) และเลอื กใชส้ ารฯ ชนดิ ใดชนิดหน่งึ ตามคำแนะนำต่อไปนี้รวม 1 ครั้งทันท ี - เช้ือแบคทเี รยี (บาซลิ ลสั ทูรงิ เยนซิส) อตั รา 60-80 กรัม/น้ำ 20 ลิตร พ่นทับลงบนถงุ เพาะ - ไดฟเู บนซรู อน 25% ดับบลวิ พี อัตรา 20 กรมั /น้ำ 20 ลติ ร พน่ ทบั ลงบน compost หรือ กอ้ นเชอ้ื เหด็ 3. ระยะกลบหนา้ (At casing) ในกรณเี พาะเห็ดกระดุม พจิ ารณาพน่ สารเช่นเดียวกบั ขอ้ 2.3 อีก คร้งั 4. ระยะเกบ็ เกี่ยวรนุ่ แรก (At first picking) หรือดอกเหด็ รนุ่ แรก หากพบตัวแก่ของแมลงเกาะตามมุมโรงเรือนหรือฝาผนงั มุมอับ และพิจารณาแลว้ ว่าจำเปน็ ใช้ สารฯ แนะนำให้พน่ ดว้ ยมาลาไทออน อตั รา 20 มล. หรือ ไดอะซินอน อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลติ ร โดยพ่นตามพืน้ มุมโรงเรือนหรือพื้นทีๆ่ แมลงเกาะอย ู่ แต่ห้ามพ่นลงบนเห็ดหรือถูกเห็ดโดยตรง ซึง่ นอกจากจะเกิดพิษตกค้างในดอกเห็ดแล้ว ยังอาจจะทำให้ดอกเห็ดเกิดอาการผดิ ปกติจนส่งขายใน ตลาดไมไ่ ด้ 5. ระยะเกบ็ เก่ียวผลผลติ รนุ่ ที่ 2-3 (second-third picking) หากยงั พบว่าการระบาดยงั รุนแรงใหป้ ฏิบตั ิตามขอ้ 3 และ 4 หลกั การบรหิ าร แมลงศตั รเู หด็ โดยท่วั ไป ตามทไี่ ด้กล่าวมาแล้วแต่ต้นว่าแมลง ไรและศัตรูเห็ดทีส่ ำคัญๆ มกั จะมีขนาดเล็กมาก การกำจัดนับได้ว่าค่อนข้างลำบากมาก ทีว่ ่าลำบากนนั้ ก็เพราะว่าการทจี่ ะกำจัดศัตรูต่างๆ โดยการใช้ สารเคมีเหมอื นอย่างพืชอืน่ ๆ นั้น เป็นการเสีย่ งต่ออนั ตรายอย่างมหาศาล คือ ด้านผูป้ ลูกพืชหรือ ผลิตเอง ถา้ ใชโ้ ดยขาดความร้ ู ความรอบคอบและประสบการณ์ กม็ ักจะทำให้ดอกเหด็ หรือเส้นใยเห็ด เปน็ พิษ แสดงอาการบิดเบยี้ วผดิ ปกติ (Phytotoxic) ซึง่ ก็แนน่ อนทำให้คุณภาพและราคาลดลงไป อกี ทัง้ ยงั เป็นการเพิ่มต้นทนุ ในการผลติ จากสารเคมีด้วย สำหรับด้านผบู้ ริโภคสดหรือสุกๆ ดิบๆ หากได้บริโภคเห็ดทีม่ สี ารเคมตี กค้างอยมู่ ากก็อาจถึงตายหรืออมั พาตได้ ดังน้ัน การทจี่ ะกำจัดแมลง ศัตรูโดยใช้สารเคมีนัน้ จึงควรใช้อย่างระมดั ระวังและควรหลกี เลีย่ งมากทีส่ ุดเทา่ ทีจ่ ะทำได ้ ควรพิจารณาเน้นถงึ วิธีการป้องกนั ล่วงหน้ามากกวา่ กำจัด แต่ละวธิ ีก็สามารถนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ไมย่ ากนัก กลา่ วคอื แมลงศตั รูผัก เหด็ และไม้ดอก 53
1. การผลิตเห็ดเพือ่ บริโภคหรือจำหน่ายเป็นการค้านัน้ การรกั ษาความสะอาดอย่างถูก หลักอนามัยและบริเวณรอบโรงเรอื นเป็นสิง่ สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ซึง่ อาจกระทำได้โดยการ ดูแลความสะอาดของผเู้ ข้าไปปฏิบัติงานหรือผเู้ ข้าเยีย่ มชมอย่างเคร่งครัด หรือก่อนทีจ่ ะนำเอาถุงก้อน อาหารเห็ดเข้าโรงเรือนเพาะควรผา่ นการฆ่าเชือ้ อย่างถูกวิธีทุกครั้งและก้อนอาหารเห็ดทีเ่ น่าไมว่ ่าจะ เกดิ จากสาเหตอุ ะไรนำออกไปทำลายโดยทันท ี ซง่ึ ถา้ สามารถทำไดเ้ ชน่ น ้ี อยา่ งนอ้ ยกเ็ ปน็ การหลกี เล่ียง หรอื ลดความเสี่ยงตอ่ ระบาดทำลายของแมลง-ศัตรเู หด็ ได้มากกวา่ 90% 2. การวา่ งเวน้ พักโรงเรอื นหรอื ทำโรงเรือนเพาะให้วา่ งเปล่า ไว้สกั ระยะเวลาหนงึ่ (emptying) จะเปน็ การตัดวงจรชีวิตทงั้ โรคแมลง-ศัตรูเห็ดชนดิ ต่างๆ ทรี่ ะบาดและสะสมอยใู่ น โรงเรือนได ้ เช่น เรารูว้ ่าหนอนแมลงวันทรี่ ะบาดทำลายเห็ดมีอายคุ ่อนข้างสัน้ และชอบเข้าดักแด้ทีถ่ ุง บรรจุก้อนอาหารเห็ดหรือสว่ นของเห็ดทเี่ นา่ ซึง่ ถ้าหากสามารถตัดช่วงนอี้ อกได้คือ ไม่มีถุงเห็ดให้ วางไข่หรือดักแด ้ พวกทเี่ หลอื สว่ นมากก็จะตายหรือมีเปอร์เซ็นต์การรอดนอ้ ยทีส่ ดุ และเมอื่ โรงเรือน ว่างเปลา่ ก็จะสามารถใช้สารรมได้ เช่น ใช้ฟอสฟิน เมททิลโบรไมด ์ เพือ่ ฆ่าศัตรูทกุ ชนิดได้ และหลงั จากน้ยี ังสามารถทำความสะอาดไดอ้ ย่างถกู หลักวธิ ดี ้วย 3. การดูแลเอาใจใส ่ ในความเปลีย่ นแปลงของเห็ดทปี่ ลูกไว้ทกุ ระยะอย่างละเอียดเท่าที่ ทำได ้ โดยเป็นคนช่างสังเกต หม่ันเสาะหาความรหู้ รือเทคโนโลยีใหมๆ่ เพิม่ เชน่ การนำเอาเครือ่ งดกั จับไฟฟ้าชนดิ หลอด (black-light) หรือกับดักกาวส ี (sticky-trap) มาใช้ในโรงเรือน เพื่อควบคุม ปรมิ าณตวั แกข่ องแมลงวนั ศัตรูเห็ดและอ่นื ๆ ก็จะเป็นประโยชน์อยา่ งมากโดยจะสามารถแก้ไขปัญหา หรือเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขน้ึ ไดท้ นั ท่วงที 4. หากมีความจำเป็นหรอื หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงและศัตรไู ม่ไดจ้ ริงๆ กค็ วรไดม้ ีการศกึ ษาถึงรายละเอยี ดเก่ยี วกับวิธใี ชใ้ ห้ถูกตอ้ ง การออกฤทธิ์ของสารแตล่ ะชนดิ การเลอื ก ใช้สารให้ถูกกับชนิดของแมลงศัตร ู ความเป็นพิษของสารและการสลายตัวของสารฯ ในเห็ด เปน็ ต้น สารเคมีแต่ละชนดิ นนั้ มีประสิทธิภาพสามารถฆ่าแมลง-ศัตรูเห็ด แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ดอก เห็ดผดิ ปกติจนเสียหายหรือมีพิษตกค้างอยมู่ ากก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอย่างยิ่งทีจ่ ะใช้สารเคมี พ่นบนเห็ดโดยตรง แต่ควรเน้นในแง่การป้องกันจะดีกว่า เช่น ใช้กับพืน้ โรงเรือนชัน้ วางเห็ด ตัวอาคารโรงเรือน เมือ่ อยใู่ นระยะว่างเว้น (emptying) หรืออาจใช้สารเคมผี สมกับก้อนอาหารเห็ด ก่อนบรรจุถุง แต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีจริงๆ ก็ควรพิจารณาใช้สารเคมีทไี่ ด้รับการทดสอบจาก ผูท้ ำงานด้านนีท้ ัง้ ในและนอกประเทศแลว้ อาท ิ ไดอะซินอน (diazinon) หรือบาซูดิน (basudin) มาลาไทออน (malathion) เชื้อแบคทีเรีย (บาซลิ ลสั ทูริงเยนซสิ ) ซึ่งบางชนิดสามารถระงับการลอก คราบชนิดตา่ งๆ เช่น สาร IGR (Insect Growth Regulator) สารในกลุ่มไพรีทรอยดซ์ ง่ึ มฤี ทธิ์ตกคา้ ง คอ่ นขา้ งส้นั และสำหรบั ยาโรคน้ัน มีเบนโนมิล (benomyl) หรอื เบนเลท (benlate) และคารเ์ บนดาซมิ (carbendazim) เปน็ ต้น แมลงศตั รูผกั เห็ดและไมด้ อก 54
5. สำหรบั ท่านท่ีกำลังคิดจะขยายกจิ การปลกู เหด็ ให้ใหญโ่ ตกว้างขวางขน้ึ ไป กค็ วรจะมกี าร วางแผนการจัดการ (management) ในระดบั ตา่ งๆ ใหด้ ีกอ่ นลงมือดำเนินการ เช่น มกี ารวางแผน ลว่ งหนา้ เกี่ยวกับสายพันธุ ์ การป้องกันและกำจัดแมลงและโรค โดยเฉพาะแผนการตลาดหรือจะ ขายสินคา้ อยา่ งไร เม่ือไร และทไ่ี หนน่นั เอง ซึ่งควรจะวางแผนไว้ทงั้ 2 แบบ คือ แผนปฏบิ ตั ิการ เมอ่ื เหตกุ ารณป์ กติและแผนฉุกเฉิน ทั้งน้ี เพือ่ หลกี เล่ยี งต่อการขาดทนุ หรือล้มละลายใหม้ ากที่สุด ดังนั้น หากมีการปฏิบตั ิตามทางเลือกในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูเห็ดในการผลิตเห็ด โรงเรือน เพือ่ การค้าอยา่ งจริงจังและให้ผลตามที่คาดหวังไว้ก็จะสามารถแก้ไขปญั หาการเข้าทำลาย ของแมลงศตั รเู ห็ดทเี่ กดิ ขนึ้ ตอ่ เกษตรกรผู้เพาะเห็ดท้ังในปัจจบุ ันและอนาคตได้ นอกจากน ี้ ยังสามารถควบคุมการระบาดของแมลงวันศัตรูได ้ สามารถลดความเสยี หายของ ผลผลิตเห็ดได้อย่างนอ้ ย 40% ของผลผลติ ทีไ่ ด้ทั้งหมด ซึ่งจะเปน็ ปจั จัยหนงึ่ เพือ่ สร้างความมนั่ ใจใน การสง่ เสริมการเพาะและการผลติ เหด็ เพือ่ อตุ สาหกรรมการเกษตรเปน็ “สนิ ค้าสง่ ออก” แมลงศตั รผู ัก เห็ดและไมด้ อก 55
บรรณานุกรม กอบเกียรติ์ บันสิทธิ์ พรทิพย ์ วสิ ารทานนท์ ฉตั รชยั ศฤงฆไพบูลย์ และ สัจจะ ประสงค์ทรัพย.์ 2544. แมลงไรศัตรูเห็ดในประเทศไทย. กองกีฏและสัตววิทยา. กรมวิชาการเกษตร, กระทรวง เกษตรและสหกรณ์, กรงุ เทพฯ. 80 น. แมลงศตั รผู ัก เห็ดและไม้ดอก 56
แมลงศัตรู ไม้ดอกและการป้องกนั กำจดั สมรวย รวมชยั อภิกุล ไมด้ อก จัดเปน็ พืชทสี่ ำคัญทางเศรษฐกิจชนดิ หนึง่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการสง่ ออกหรือใช้ภายใน ประเทศ มีปลูกอยู่ทวั่ ทกุ ภาคของประเทศไทยแต่พื้นทปี่ ลูกทสี่ ำคัญ ได้แก่ ภาคกลางและภาคเหนือ ในปจั จุบันได้ขยายพื้นทีป่ ลูกมากขึ้น ทำให้เกิดปญั หาแมลงลงทำลายผลผลิตหรือติดไปกับไม้ดอกท ี่ ส่งออก ไม้ดอกทปี่ ลกู เป็นการค้าและมีปัญหาแมลงศัตรูพืชระบาดอยูเ่ ป็นประจำ คือ กลว้ ยไม ้ กหุ ลาบ เบญจมาศ เยอบรี ่าและดาวเรือง เปน็ ตน้ ซึ่งการผลติ ไมด้ อกให้ได้คุณภาพเป็นทตี่ ้องการของ ตลาดนนั้ ในการผลติ ต้องคำนงึ ถึงแมลงศัตรูพืช เมือ่ แมลงศัตรูพืชระบาดก็จำเปน็ ต้องทำการปอ้ งกัน กำจัด เพือ่ ลดการระบาดของแมลง ซึ่งจะต้องอาศัยทัง้ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปร่างลกั ษณะ ชีวประวัติ ฤดูกาลระบาด ลกั ษณะการทำลาย พืชอาหารและวิธีการป้องกันกำจัดทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ ปลอดภัยต่อทัง้ ผูผ้ ลิตและผบู้ ริโภค ซึ่งปญั หาของแมลงศัตรูพืชของไม้ดอกแต่ละชนดิ ก็มคี วามแตก ต่างกันไป และจากการศึกษาและสำรวจ พบแมลงศัตรูทสี่ ำคัญ ได้แก ่ เพลีย้ ไฟฝา้ ย เพลีย้ ไฟพริก เพล้ียไฟขอบปลอ้ งหยัก หนอนกระทู้ผกั หนอนกระท้หู อม หนอนเจาะสมอฝา้ ย ดว้ งกหุ ลาบ เพล้ยี หอย เพลี้ยออ่ น หนอนเจาะดอกมะลิ บวั่ กล้วยไม้และหนอนชอนใบ เปน็ ต้น ชนิดของ ไมด้ อกและแมลงศตั รทู ่ที ำลาย กลว้ ยไม้ กล้วยไม้เปน็ พืชสง่ ออกทมี่ ีความสำคัญทางเศรษฐกิจ พืชชนดิ นอี้ ยใู่ นวงศ์ Orchidaceae พืน้ ทกี่ ารผลิตกลว้ ยไมส้ ว่ นใหญอ่ ยูใ่ นแถบภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพฯ ราชบุร ี ปทมุ ธาน ี อยุธยา สมุทรสาคร และนครปฐม และแหลง่ ปลูกเลยี้ งกลว้ ยไมใ้ หม ่ อยใู่ นแถบจังหวัดกาญจนบรุ ี เพชรบุรี และชลบรุ ี ตลาดส่งออกท่สี ำคัญ ได้แก่ ญป่ี ุ่น สหรัฐอเมริกา และกลมุ่ ประเทศในสหภาพยโุ รป โดยใน ปี พ.ศ. 2549 มกี ารสง่ ออก 23,334 ตัน มูลคา่ 2,581 ลา้ นบาท ปัญหาการปลกู กลว้ ยไม้ท่ีสำคัญ คอื แมลงศัตรูพืช ซึง่ การผลิตดอกกลว้ ยไม้เพื่อการสง่ ออกจะต้องเนน้ คุณภาพและผลผลิตต้องปลอดศัตรู พชื แมลงศตั รกู ลว้ ยไมท้ ส่ี ำคญั คือ เพลีย้ ไฟฝ้าย บ่ัวกล้วยไม้ หนอนกระทูห้ อม หนอนกระท้ผู กั แมลงศัตรผู ัก เหด็ และไม้ดอก 57
ชนดิ ของแมลงศัตรูกลว้ ยไมแ้ ละสว่ นของพืชทีถ่ กู ทำลาย ชนิดแมลงศัตรพู ืช สว่ นของพืชที่ถกู ทำลาย ดอก ช่ือสามัญ ช่ือวทิ ยาศาสตร์ ดอกตมู 1. เพล้ียไฟฝ้าย Thrips palmi Karny ยอด ดอก ใบ กา้ นดอก (cotton thrips) ยอด ดอก ใบ ก้านดอก 2. บ่ัวกล้วยไม้ Contarinia maculipennis Felt (orchid midge, blossom midge) 3. หนอนกระทผู้ ัก Spodoptera litura (Fabricius) (common cutworm) 4. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua (Hübner) (beet armyworm) กุหลาบ กุหลาบเป็นไมต้ ัดดอกทีม่ ีสีสนั สวยงาม และนยิ มปลกู กันแพร่หลายในประเทศไทย มีพื้นท่ี ปลกู ท่ัวประเทศประมาณ 3,500 ไร่ แหล่งปลกู ทสี่ ำคญั ได้แก่ อ.พบพระ จ.ตาก กรงุ เทพฯ นนทบรุ ี นครปฐม ราชบรุ ี เชยี งใหม ่ เชยี งราย หนองคาย อบุ ลราชธานี เลย สงขลา เป็นตน้ กหุ ลาบเปน็ พชื ทมี่ ี แมลงศัตรูทำลายมากมายหลายชนิด ได้แก่ หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะสมอฝา้ ย เพลยี้ ไฟ ด้วงกุหลาบ เพล้ยี หอย เพลี้ยออ่ น หนอนกระทผู้ กั หนอนปลอกและหนอนเจาะลำตน้ กาแฟ ชนดิ ของแมลงศตั รกู หุ ลาบและส่วนของพืชทถ่ี กู ทำลาย ชนดิ แมลงศัตรพู ืช ส่วนของพืชท่ีถกู ทำลาย ใบ ดอก ชอ่ื สามญั ช่อื วิทยาศาสตร์ ใบ ดอก 1. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua (Hübner) ใบ ดอก (beet armyworm) ใบ ดอก 2. หนอนเจาะสมอฝา้ ย Helicoverpa armigera (Hübner) ใบ ดอก (cotton bollworm) 3. หนอนกระทผู้ กั Spodoptera litura (Fabricius) ก่ิง ก้าน ลำต้น (common cutworm) 4. เพล้ยี ไฟพริก (chili thrips) Scirtothrips dorsalis Hood 5. ดว้ งกหุ ลาบ (rose beetle) Adoretus compressus (Weber) 6. เพลย้ี หอย (scale insect) Aulaeaspis rosae แมลงศัตรผู กั เห็ดและไมด้ อก 58
เบญจมาศ เบญจมาศเป็นไมต้ ดั ดอกที่มีความสำคญั ทมี่ กี ารพฒั นาเพ่อื การส่งออกในอนาคต เน่ืองจากใน ปัจจุบันยงั มีการนำเข้าดอกเบญจมาศจากต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยในป ี พ.ศ.2543 มีพื้นท่ี ปลูกประมาณ 1,400 ไร่ แหล่งปลูกใหญท่ ีส่ ำคัญได้แก่ นนทบรุ ี เชียงใหม ่ เชียงราย สงขลา สุราษฎรธ์ านี ยะลา อบุ ลราชธาน ี อดุ รธานี ขอนแก่น หนองคาย นครราชสีมา เปน็ ต้น แมลงศัตรทู ่ี พบทำลายเบญจมาศมดี ้วยกันหลายชนดิ อาทิ เพลีย้ ไฟ เพลย้ี อ่อน หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะสมอ ฝา้ ย หนอนกระท้ผู กั หนอนชอนใบ หนอนมว้ นใบส้มและหนอนกนิ ใบซินกาเมีย ชนิดของแมลงศตั รเู บญจมาศและสว่ นของพืชท่ีถูกทำลาย ชือ่ สามัญ ชนิดแมลงศัตรพู ชื สว่ นของพชื ทถี่ ูกทำลาย ชอื่ วิทยาศาสตร์ 1. เพลีย้ ไฟขอบปล้องหยัก Microcephalothrips abdominalis ดอก (composite thrips) (Crawford) 2. เพล้ียอ่อน Macrosiphoniella sanborni Gillette ใบ ดอก ยอดออ่ น (chrysanthemum aphid) 3. หนอนกระทู้หอม Spodoptera exigua (Hübner) ใบ ดอก (beet armyworm) 4. หนอนเจาะสมอฝ้าย Helicoverpa armigera (Hübner) ใบ ดอก (cotton bollworm) 5. หนอนกระท้ผู กั Spodoptera litura (Fabricius) ใบ ดอก (common cutworm) 6. หนอนชอนใบ Liriomyza huidobrensis ใบ (chrysanthemum leaf miner) (Blanchard) เยอบีร่า เยอบรี ่าเป็นไม้ตัดดอกทีม่ ลี ูท่ างทีจ่ ะพัฒนาเพื่อการสง่ ออกในอนาคต เปน็ ไมต้ ัดดอกทีไ่ ด้รับ ความนิยมสูง เพราะมสี สี ดใส มีหลายส ี อายุการใช้งานทนทาน ในประเทศไทยมพี ืน้ ทปี่ ลูกประมาณ 3,000 ไร ่ มีแหล่งผลิตที่สำคญั อยใู่ นจังหวัดพิจติ ร พิษณโุ ลก เชยี งใหม ่ เชยี งราย นนทบรุ ี สมทุ รสาคร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ขอนแก่นและอบุ ลราชธาน ี แมลงศัตรูทีพ่ บทำลายเยอบีร่า มีประมาณ 7 ชนดิ อาทิ เพล้ยี ไฟ หนอนกระท้หู อม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระท้ผู กั หนอนชอนใบ หนอนม้วน ใบสม้ และหนอนกนิ ใบซินกาเมยี แมลงศัตรผู กั เห็ดและไมด้ อก 59
ชนดิ ของแมลงศัตรเู ยอบีรา่ และส่วนของพืชที่ถูกทำลาย ชนิดแมลงศัตรูพชื สว่ นของพืชที่ถูกทำลาย ใบ ดอก ชอื่ สามัญ ชอื่ วิทยาศาสตร์ ใบ ดอก 1. เพลย้ี ไฟขอบปลอ้ งหยกั Microcephalothrips abdominalis ใบ ดอก (composite thrips) (Crawford) 2. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua (Hübner) (beet armyworm) 3. หนอนกระทู้ผัก Spodoptera litura (Fabricius) (common cutworm) มะลิ มะลเิ ปน็ ไม้ดอกทีม่ กี ารผลติ เพื่อใช้ในประเทศ พืน้ ทีป่ ลกู มะลิของประเทศไทยในป ี พ.ศ. 2542 มีประมาณ 5,500 ไร ่ แหลง่ ปลูกใหญ่ไดแ้ ก ่ นครปฐม นครสวรรค์ พษิ ณโุ ลก ลำพนู หนองคาย สมทุ รสาครและขอนแก่น พันธุ์ทีน่ ยิ มปลกู เปน็ การค้า ได้แก่ มะลิลา ส่วนมะลพิ ันธุส์ ่งเสริม ได้แก่ พันธุเ์ พชร พันธุแ์ มก่ ลอง พันธุ์ราษฎร์บรู ณะและพันธุช์ ุมพร เป็นต้น ปญั หาการผลิตมะล ิ คือ เกษตรกรมีการใช้สารฆ่าแมลงหลายชนดิ ผสมกันเป็นประจำทุก 2-3 วัน เพือ่ ปอ้ งกันกำจัดแมลงศัตรู ท่ีสำคญั โดยเฉพาะหนอนเจาะดอกมะลิ แมลงศตั รมู ะลจิ ากการสำรวจของพสิ มัย (2538) พบมดี ว้ ยกนั 13 ชนดิ ได้แก ่ หนอนเจาะดอกมะล ิ เพลยี้ ไฟ หนอนกระทูห้ อม หนอนกระทูผ้ ัก หนอนฟัก หนอน ลายจุด หนอนมว้ นใบสม้ แมลงหวี่ขาว หนอนชอนใบ มวน เพลีย้ หอย หนอนเจาะลำต้นและเพลีย้ ไกฟ่ ้า ชนิดของแมลงศัตรมู ะลแิ ละส่วนของพชื ที่ถูกทำลาย ชนดิ แมลงศตั รูพชื สว่ นของพชื ทถ่ี ูกทำลาย ดอก ยอดออ่ น ชื่อสามญั ชือ่ วิทยาศาสตร์ 1. หนอนเจาะดอกมะลิ Hendecasis duplifascialis (jasmine flower borer) Hampson แมลงศตั รูผัก เห็ดและไม้ดอก 60
ดาวเรือง ดาวเรืองเป็นไม้ดอกทสี่ ำคัญอีกชนดิ หนึง่ ทีผ่ ลิตเพื่อใช้ในประเทศ นิยมปลกู กันทัว่ ไปใน ประเทศไทย พืน้ ทีป่ ลูกจากการสำรวจในป ี พ.ศ. 2542 มปี ระมาณ 4,000 ไร่ โดยมแี หลง่ ปลูกที่ สำคัญคือ จังหวัดพะเยา ลำปาง นนทบุร ี กรุงเทพฯ ราชบรุ ี สมุทรสาคร สพุ รรณบุรีและอุดรธาน ี พบแมลงศตั รทู ำลาย 5 ชนิด ไดแ้ ก ่ หนอนกระทูห้ อม หนอนกระท้ผู กั เพลีย้ ไฟ เพล้ียออ่ นและหนอน ชอนใบ ชนิดของแมลงศตั รดู าวเรืองและสว่ นของพชื ที่ถูกทำลาย ชนิดแมลงศตั รพู ชื สว่ นของพืชทถ่ี ูกทำลาย ชื่อสามัญ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ 1. หนอนกระท้ผู กั Spodoptera litura (Fabricius) ใบ ดอก (common cutworm) 2. หนอนกระทหู้ อม Spodoptera exigua (Hübner) ใบ ดอก (beet armyworm) 3. หนอนเจาะสมอฝ้าย Helicoverpa armigera (Hübner) ใบ ดอก (cotton bollworm) แมลงศัตรูผัก เห็ดและไม้ดอก 61
แมลงศตั รูไมด้ อกทส่ี ำคัญบางชนดิ และ การปอ้ งกนั กำจัด เพล้ยี ไฟฝา้ ย (cotton thrips) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Thrips palmi Karny วงศ์ Thripidae อันดับ Thysanoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย เพลยี้ ไฟทีส่ ำคัญทีพ่ บทำลายกล้วยไมม้ ีชือ่ ว่า เพลยี้ ไฟฝา้ ย โดยพบครัง้ แรกในฝ้ายและยาสบู ทีเ่ กาะสุมาตรา ชวาและอนิ เดีย มีเขตแพร่กระจายทัว่ ไปในแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มานานแลว้ และเริ่มเปน็ แมลงศัตรูทมี่ ีความสำคัญในเขตร้อนและเขตอบอุน่ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ทำลายกลว้ ยไมบ้ ริเวณดอก โดยใช้ปากทมี่ ีลกั ษณะเป็นแทง่ (stylet) เขีย่ เนอื้ เยือ่ พืชเพื่อดูดนำ้ เลีย้ ง ทำให้บริเวณทีถ่ ูกทำลายมีรอยแผลสีนำ้ ตาล ความเสียหายจะเกิดขึ้นเมอื่ พบทำลายทดี่ อกทำให้ ดอกมตี ำหน ิ นอกจากน ี้ หากติดไปกับช่อดอกแล้วอาจมีปญั หาด้านการส่งออกในอนาคตต่อไปได ้ ซง่ึ ประเทศปลายทางมีการเผาผลผลติ และไม่รับซื้อมาแล้ว เพลยี้ ไฟฝา้ ยพบทำลายพชื ได้เกือบตลอดป ี และพบปริมาณต่ำในช่วงฤดูฝน การระบาดมักพบเสมอในช่วงฤดูร้อน หรือช่วงทมี่ อี ากาศแห้งแล้ง ฝนทิ้งชว่ งเปน็ เวลานาน รูปรา่ งลกั ษณะและชวี ประวตั ิ ไข่ เพลีย้ ไฟฝ้ายวางไข่เปน็ ฟองเดีย่ วๆ สอดไว้ใต้เนอื้ เยอื่ พืช ไข่มีสีขาวใส รูปร่างคลา้ ยเมลด็ ถ่ัว มีขนาดเล็กมากประมาณ 0.1-0.2 มม. อายุไขป่ ระมาณ 4-5 วนั ตวั อ่อน การเจริญเติบโตของเพลย้ี ไฟฝ้ายในระยะตวั ออ่ นมี 3 ระยะ คอื ระยะแรกมลี ักษณะ ขาวใส ผอมเรียวเลก็ ขนาดลำตวั ยาว 0.2-0.3 มม. ปลายทอ้ งคอ่ นขา้ งแหลม ตารวมขาวใส หนวดมี 7 ปล้อง เคลอื่ นไหวตลอดเวลาและเริม่ ทำลายพืชทันท ี โดยดูดกินน้ำเลีย้ ง เมือ่ เข้าสูต่ ัวออ่ นระยะที่ สอง มขี นาดลำตัวยาว 0.3- 0.4 มม. ลำตวั มีสเี หลืองเขม้ ข้ึน บรเิ วณปลายส่วนท้องไม่แหลมเหมือน ระยะแรก ในระยะนีเ้ คลอื่ นไหวรวดเร็วและว่องไวมาก สว่ นตัวอ่อนระยะทสี่ ามเปน็ ระยะก่อนเข้า ดักแด้มสี ีเหลอื งเข้ม ลำตัวมีขนาด 0.5-0.7 มม. ตารวมสเี ทาปนดำ ตาเดีย่ วสแี ดง ตุ่มปกี บริเวณอก แมลงศัตรผู กั เหด็ และไม้ดอก 62
ปล้องสองและสามเริม่ เจริญเติบโต ในระยะนีเ้ คลอื่ นไหวช้าลงแต่ยังคงทำลายพืชโดยดูดกินนำ้ เลยี้ ง ระยะตวั อ่อนประมาณ 6-10 วัน ดักแด ้ มีสเี หลืองเขม้ ขนาดลำตัว 0.7-0.8 มม. ในระยะนีห้ นวดจะวกกลบั ช้ไี ปทางดา้ นหลัง เหนือส่วนหัว แผ่นปกี ทัง้ สองเจริญมากขึน้ และมีขนาดเกือบถึงปลายสว่ นท้อง เพลยี้ ไฟระยะนไี้ ม่ เคลื่อนไหว ไมก่ ินอาหารและเขา้ ดกั แดใ้ นดิน ดักแด้มีอายุ 3-4 วัน ตวั เต็มวยั มีสเี หลืองเขม้ ขนาดลำตัวยาว 0.8-1 มม. หนวดสเี หลืองมจี ำนวน 7 ปล้อง ตา รวมสเี ทาดำ ตาเดี่ยว 3 ตา ปีกยาวคลุมมิดส่วนท้องมสี ีเหลอื งปนน้ำตาลอ่อน ขนยาวสีเทารอบปกี ปลอ้ งทอ้ งมจี ำนวน 10 ปล้อง เพลีย้ ไฟในระยะนเี้ คลอื่ นไหวรวดเร็วและว่องไว อายตุ ัวเต็มวัยพบ ระหวา่ ง 16- 24 วัน วงจรชีวติ จากไขถ่ ึงตวั เตม็ วัย 14-23 วนั พชื อาหาร นอกจากพบทำลายกลว้ ยไม้แลว้ ยังพบเป็นแมลงศัตรูทมี่ พี ืชอาหารทสี่ ำคัญโดยเฉพาะพืชผกั เศรษฐกิจมากมายหลายชนดิ ในพืชผัก เช่น มะเขอื เปราะ แตงโม แตงกวา มะระ ฟักเขียว ถ่วั ฝักยาว หน่อไมฝ้ ร่งั และกระเจี๊ยบเขียว ในไม้ผล เชน่ มะมว่ ง ส้มโอและพทุ รา ในพืชไร่ ไดแ้ ก่ ฝา้ ย ยาสบู งา ทานตะวันและขา้ วโพด ในไมด้ อก เชน่ กหุ ลาบ เบญจมาศและดาวเรอื ง เป็นต้น ศตั รธู รรมชาติ แมงมุม การปอ้ งกันกำจดั 1. ควรหลกี เลยี่ งการปลูกพืชอาหารในบริเวณแปลงกล้วยไม ้ เพราะเป็นสาเหตุหนึง่ ทเี่ ปน็ แหลง่ ขยายพนั ธุ ์ และแพร่พนั ธข์ุ องเพล้ียไฟชนิดนี ้ 2. ในกรณีทมี่ กี ารปลูกพืชอาหารรอบๆ แปลงกลว้ ยไม้ควรทำการปอ้ งกันกำจัดเพลีย้ ไฟบน พชื อาหารเหล่านัน้ ด้วย เพอื่ ลดการระบาดของเพลี้ยไฟ 3. แนะนำให้เกษตรกรพ่นสารฆ่าแมลงทีม่ ปี ระสิทธิภาพดีในการปอ้ งกันกำจัดเพลีย้ ไฟใน แปลงกลว้ ยไม ้ หรือพืชอาหารรอบๆ แปลง โดยการพ่นสลบั กลุม่ กลไกการออกฤทธ ิ์ โดยแต่ละกลุม่ พ่นตดิ ต่อกนั ไม่ควรเกนิ 3 ครั้ง/รอบวงชีวติ หรือ 14 วัน เพื่อชะลอการสร้างความต้านทานตอ่ สารฆ่า แมลงของเพลีย้ ไฟด้วยอตั ราพ่น 120 ลติ ร/ไร่ ด้วยสารฆา่ แมลงกลุ่มต่างๆ ดงั นี้ คอื 3.1 สารฆา่ แมลงที่มีประสทิ ธิภาพดใี นการปอ้ งกนั กำจัด คอื กลุ่ม 5 สไปนีโทแรม 12% เอสซ ี อัตรา 10 มล./นำ้ 20 ลิตร 3.2 สารฆา่ แมลงทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพปานกลางในการปอ้ งกันกำจัด คือ กล่มุ 6 อิมาเมก็ ตินเบนโซเอต 1.92% อีซ ี อัตรา 20 มล./ต่อนำ้ 20 ลิตร กลุ่ม 2 ฟิโปรนิล 5% เอสซี อตั รา 30 มล./นำ้ 20 ลติ ร หรอื อาจจะประยกุ ต์ใชส้ ารฆา่ แมลงอีก 1 กลุ่ม มาสลบั เพ่ิมได้ แมลงศตั รผู ัก เห็ดและไมด้ อก 63
เพลี้ยไฟพริก (chili thrips) ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Scirtothrips dorsalis Hood วงศ์ Thripidae อนั ดับ Thysanoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย เพลยี้ ไฟพริกเปน็ เพลยี้ ไฟชนิดสำคัญของกุหลาบ โดยตัวออ่ นและตัวแก่จะใช้ปากเขี่ยดูดกิน นำ้ เลย้ี งจากบริเวณยอดออ่ น ทำให้ยอดอ่อนมลี ักษณะหงกิ งอ มรี อยสีน้ำตาลดำ เห่ียวแห้ง ถา้ ทำลาย สว่ นดอกจะทำให้แคระแกร็น หรือทำให้กลีบดอกมสี ีนำ้ ตาลไหมไ้ ม่ได้คุณภาพตามความต้องการของ ตลาด รูปรา่ งลักษณะและชีวประวตั ิ ดเู พลีย้ ไฟพรกิ หนา้ 43 พืชอาหาร ดเู พลย้ี ไฟพริก หนา้ 43 ศัตรูธรรมชาติ ดูเพล้ียไฟพริก หน้า 43 การปอ้ งกันกำจดั แนะนำให้เกษตรกรพ่นสารฆ่าแมลงทมี่ ีประสิทธิภาพดีในการปอ้ งกันกำจัดเพลีย้ ไฟพริก ในแปลงกหุ ลาบ หรือพืชอาหารรอบๆ แปลง ได้แก ่ - สไปนโี ทแรม 12% เอสซ ี อัตรา 10 มล./น้ำ 20 ลิตร - ฟิโปรนิล 5% เอสซี อัตรา 30 มล./น้ำ 20 ลติ ร แมลงศัตรผู กั เหด็ และไมด้ อก 64
เพลี้ยไฟขอบปลอ้ งหยัก (composite thrips) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Microcephalothrips abdominalis (Crawford) วงศ์ Thripidae อนั ดบั Thysanoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เพลยี้ ไฟทัง้ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัยทำลายพืชโดยใช้ปากเขีย่ ดูดน้ำเลยี้ งโดยเฉพาะสว่ นอ่อน หรือส่วนเจริญ การทำลายในดอกเพล้ยี ไฟจะเรมิ่ เขา้ ทำลายตงั้ แต่ดอกตมู ทำใหด้ อกมีรูปร่างผิดปกต ิ เพลีย้ ไฟจะทำลายดอกเบญจมาศ ดาวเรืองและเยอบรี ่าโดยการดูดน้ำเลีย้ งดอก ทำให้กลีบหงิกงอ ดอกมสี ีคล้ำ หรือถ้าทำลายมากๆ ก็จะเป็นสีน้ำตาลเหี่ยวแห้ง ถ้าทำลายตัง้ แต่ยงั เป็นดอกตูมดอกจะ ไมบ่ าน หรือมขี นาดเล็ก กลบี ดอกเหย่ี วแห้งจนเป็นสีน้ำตาล ในแกลดิโอลัสดอกทีถ่ ูกทำลายจะมีสซี ดี เป็นทางขาวๆ ดอกมขี นาดเลก็ ลง ใบทถี่ กู ทำลายจะหงิกงอเปน็ คล่ืน มรี อยสนี ้ำตาลดำ เหี่ยวแห้ง รูปรา่ งลกั ษณะและชีวประวตั ิ เป็นเพลีย้ ไฟขนาดกลาง สนี ้ำตาลเข้ม หัวค่อนข้างเล็ก ปลอ้ งหนวดมีจำนวน 7 ปล้อง มีลกั ษณะเด่นตรงขอบปลายของปลอ้ งทอ้ งทุกปล้องมีลกั ษณะหยักคล้ายฟันเลือ่ ยสม่ำเสมอตลอด ปล้อง จึงเรยี กวา่ เพล้ียไฟขอบปลอ้ งหยัก พชื อาหาร นอกจากพบทำลายไมด้ อก เช่น เบญจมาศ เยอบีร่า ดาวเรือง แกลดิโอลัสแลว้ ยังพบลง ทำลายหน่อไม้ฝรั่ง กะเพรา ถว่ั ลสิ ง ข้าวสาล ี พริก ทุเรยี น มังคุด อีกด้วย ศัตรูธรรมชาติ - การป้องกันกำจัด แนะนำให้เกษตรกรฉดี พ่นสารฆ่าแมลงทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพดีในการปอ้ งกันกำจัดเพลยี้ ไฟใน แปลงเบญจมาศ และเยอบรี ่า หรือพืชอาหารรอบๆ แปลง ด้วยสารฆ่าแมลงทีท่ างกลุม่ กีฏและ สตั ววทิ ยาได้มกี ารศกึ ษาวิจยั มาแลว้ ซึ่งได้แก่ - อิมดิ าโคลพรดิ 10% เอสแอล อัตรา 10-20 มล./นำ้ 20 ลติ ร - ไซเพอร์เมทริน/โฟซาโลน 28.75% อีซ ี อตั รา 40 มล./น้ำ 20 ลติ ร - คารโ์ บซลั แฟน 20% อีซี อตั รา 50 มล./นำ้ 20 ลิตร แมลงศัตรูผัก เหด็ และไม้ดอก 65
เพลีย้ ไฟทที่ ำลายดอกเบญจมาศและเยอบรี ่า จะทำการปอ้ งกันกำจัดยากกว่าพืชอนื่ ๆ หลายๆ ชนดิ เพราะเบญจมาศและเยอบีร่ามีกลีบดอกแนน่ ซ้อนกัน เพลยี้ ไฟสามารถซุกซ่อนได ้ โอกาสทสี่ ารฆ่าแมลงจะกระจายทวั่ ถึงอาจทำได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิง่ เพลีย้ ไฟในระยะดักแด ้ จะสามารถทนได้ด ี โดยจะหลบอยูภ่ ายในกลีบดอกย่อยของดอกเบญจมาศและเยอบีร่า การพ่นสาร ฆ่าแมลงในการปอ้ งกันกำจัดเพลยี้ ไฟ ค่อนข้างจะมตี ลอดฤดูกาลปลกู คือ ตัง้ แต่เริ่มเห็นกลีบดอก สีเหลอื งจนเก็บดอกหมดแปลง เพลย้ี อ่อน (chrysanthemum aphid) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Macrosiphoniella sanborni Gillette วงศ์ Aphididae อันดบั Hemiptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย เพลยี้ ออ่ น ทงั้ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลีย้ งอยูท่ ีด่ อกเบญจมาศ เพลีย้ อ่อนจะขับ ถ่ายนำ้ หวานออกมา และทำให้เกิดราดำทดี่ อกเบญจมาศ พบระบาดได้ทัว่ ๆ ไป โดยเฉพาะในช่วง อากาศค่อนขา้ งแห้งแลง้ ถา้ ฝนตกเพลยี้ ออ่ นจะลดปริมาณลงบา้ ง รปู รา่ งลกั ษณะและชีวประวตั ิ เพลีย้ ออ่ นเปน็ แมลงศัตรูขนาดเลก็ ตัวเต็มวัยจะมีรูปรา่ งกลม คอื สว่ นหวั และอกมขี นาดเล็ก ส่วนท้องโต มีสีดำขนาดประมาณ 2.0-2.5 มม. ตัวเตม็ วยั มที ้งั แบบมีปีกและไมม่ ีปกี เพลี้ยอ่อนจะมวี ง ชีวิตโดยตัวเต็มวัยจะออกลูกเปน็ ตัวอ่อนได้โดยไม่ต้องผสมพันธุก์ ับตัวผ ู้ ตัวออ่ นมีลักษณะเหมอื นตัว เตม็ วยั แล้วจะเจรญิ กลายเป็นตวั เต็มวยั เลย ระยะตวั ออ่ นประมาณ 4-8 วัน ปีหน่งึ ๆ มีได้หลายอายุขัย ศัตรธู รรมชาติ เพลีย้ ออ่ นเปน็ แมลงทมี่ ีศัตรูธรรมชาติหลายชนดิ ทัง้ ตัวห้ำตัวเบยี น ตัวห้ำทีพ่ บกัดกินเพลยี้ อ่อนทีพ่ บเห็นอยูเ่ สมอโดยเฉพาะถ้าในบริเวณนนั้ ไม่ได้ใช้สารฆ่าแมลง แมลงเหล่านนั้ คือ ด้วงเต่า อยใู่ นอนั ดับ Coleoptera วงศ์ Coccinellidae ทพี่ บเสมอ ได้แก่ ดว้ งเต่าชนิด Micraspis discolor (Fabricius) ตัวกลมมีสีส้มเป็นมัน ขนาดประมาณ 4-5 มม. อกี ชนดิ หนึง่ คือ Menochilus sexmaculatus (Fabricius) ตัวกลมมีสีสม้ ซีด มีลายเปน็ หยกั 4 จุด และมจี ุดสีดำ 2 จุด อยู่ส่วนท้าย และ Coccinella transversalis (Fabricius) ตัวกลมสีสม้ แดง มลี ายสีดำเป็นหยัก 6 จดุ ซึ่งดว้ งเต่า ทัง้ ตัวออ่ นและตัวเตม็ วัยจะกดั กินเพลีย้ อ่อนไดถ้ งึ 1,167 ตัวตลอดชวี ิต แมลงศตั รผู ัก เห็ดและไม้ดอก 66
สว่ นแตนเบียนทพี่ บทำลายเพลยี้ อ่อนเสมอๆ ได้แก ่ Aphidencytis sp. อยูใ่ นวงศ ์ Encyrtidae อันดบั Hymenoptera จะทำลายเพล้ียออ่ นโดยแตนเบียนจะวางไขอ่ าศยั อยใู่ นตัวเพลยี้ อ่อนจนกว่าเพลีย้ อ่อนตาย มีลักษณะเป็นมมั มีก่ ้อนกลมสนี ำ้ ตาลดำแล้วตัวเต็มวัยก็ออกมา เพื่อ ทำลายเพลีย้ ออ่ นต่อไป การปอ้ งกันกำจัด แนะนำให้เกษตรกรฉดี พ่นสารฆ่าแมลงทีม่ ปี ระสิทธิภาพดีในการปอ้ งกันกำจัดเพลีย้ ออ่ นใน แปลงเบญจมาศและเยอบรี ่า หรือพืชอาหารรอบๆ แปลง ด้วยสารฆ่าแมลงทีท่ างกลุม่ กีฏและ สตั ววิทยาได้มีการศึกษาวิจยั มาแลว้ ซึง่ ไดแ้ ก ่ - อมิ ดิ าโคลพริด 10% เอสแอล อตั รา 10-20 มล./น้ำ 20 ลติ ร หนอนกระทูห้ อม (beet armyworm) ชือ่ วิทยาศาสตร์ Spodoptera exigua (Hübner) วงศ์ Noctuidae อันดับ Lepidoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย ดูหนอนกระทูห้ อม หน้า 20 รปู ร่างลกั ษณะและชวี ประวตั ิ ดูหนอนกระทหู้ อม หน้า 20 ศัตรูธรรมชาติ ดูหนอนกระทู้หอม หน้า 21 การปอ้ งกันกำจัด 1. วิธกี ล โดยเก็บกลมุ่ ไข ่ และหนอนทำลาย วิธนี ้ีพบว่าไดผ้ ลดี และลดการระบาดลงไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธิภาพ 2. สารสกัดสะเดา อัตรา 100 มล./นำ้ 20 ลติ ร 3. สารฆา่ แมลง เชน่ คลอรฟ์ ลูอาซูรอน 5% เอสซ ี อตั รา 20-40 มล./น้ำ 20 ลิตร พน่ สลบั กับสารสกัดสะเดา แมลงศัตรูผกั เหด็ และไม้ดอก 67
หนอนเจาะสมอฝ้าย (cotton bollworm) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Helicoverpa armigera (Hübner) วงศ์ Noctuidae อันดับ Lepidoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย ดหู นอนเจาะสมอฝ้าย หน้า 25 รูปรา่ งลกั ษณะและชีวประวัติ ดหู นอนเจาะสมอฝ้าย หนา้ 26 ศัตรธู รรมชาติ ดูหนอนเจาะสมอฝ้าย หนา้ 26 การปอ้ งกันกำจัด ดหู นอนเจาะสมอฝ้าย หนา้ 26 หนอนกระทู้ผัก (common cutworm) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Spodoptera litura (Fabricius) วงศ์ Noctuidae อนั ดบั Lepidoptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย ดูหนอนกระทูผ้ กั หนา้ 23 รปู รา่ งลกั ษณะและชีวประวัติ ดูหนอนกระทผู้ กั หนา้ 23 ศัตรธู รรมชาติ ดูหนอนกระทผู้ กั หนา้ 23 แมลงศัตรผู ัก เห็ดและไมด้ อก 68
การป้องกนั กำจดั 1. วิธีกล โดยเกบ็ กลุ่มไข ่ และหนอนทำลาย วธิ นี ีพ้ บวา่ ได้ผลด ี และลดการระบาดลงไดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ 2. สารฆ่าแมลง เมือ่ พบมีการระบาด สารฆ่าแมลงทแี่ นะนำ ไดแ้ ก่ - คลอรฟ์ ลอู าซรู อน 5% เอสซ ี อัตรา 20 มล./น้ำ 20 ลติ ร - เมททอ็ กซีฟ่ โี นไซด ์ 24% เอสซี อตั รา 8 มล./นำ้ 20 ลิตร - ลเู ฟนนรู อน 50% อีซ ี อัตรา 24 มล./นำ้ 20 ลติ ร หนอนเจาะดอกมะลิ (jasmine flower borer) ช่ือวิทยาศาสตร์ Hendecasis dupifascialis Hampson วงศ์ Pyralidae อันดับ Lepidoptera ความสำคัญและลักษณะการทำลาย หนอนเจาะดอกมะลเิ ป็นแมลงศัตรทู ีส่ ำคัญที่สดุ และทำความเสียหายรา้ ยแรงให้กบั การปลูก มะล ิ การทำลายโดยตัวหนอนจะเจาะเข้าไปกัดกินภายในดอก ก่อให้เกิดความเสยี หาย ในปจั จุบนั มี การระบาดสะสมและทวีความรุนแรงมากยิง่ ขึน้ จนนำไปสปู่ ัญหาทตี่ ้องใช้สารฆ่าแมลงค่อนข้างถี่และ ตลอดฤดูกาลปลกู ด้วยช่วงพ่น 2-3 วันครัง้ และในแต่ละครั้งมกี ารใช้สารฆ่าแมลงหลายชนดิ ผสมกัน เพ่อื ป้องกนั กำจดั แมลงชนดิ น้ี พบการระบาดท่ัวทุกภาคในแหลง่ ท่ปี ลกู มะลิ ในประเทศไทยพบตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดฝู น รปู ร่างลักษณะและชวี ประวตั ิ ผีเสือ้ หนอนเจาะดอกมะลิมขี นาดเลก็ มากประมาณ 1.3 ซม. ตัวเมียวางไข่เป็นฟองเดีย่ วๆ สเี หลอื งบนกลีบดอก หรือก้านกลีบเลยี้ งดอกและยอดอ่อน ระยะไข่ประมาณ 2-4 วัน ต่อมาเมือ่ ฟัก เปน็ ตวั หนอน จะเจาะเขา้ ไปกัดกนิ อยภู่ ายในดอกทำใหด้ อกเปน็ รอยช้ำ เหี่ยวแห้งและรว่ งหล่น หนอน มี 4 วัย ระยะหนอนประมาณ 6-9 วัน ตัวหนอนโตเต็มทลี่ ำตัวมสี ีเขียวหัวสดี ำ ขนาดประมาณ 6.9 มม. ต่อมาจะเขา้ ดักแด้ที่โคนใบ หรอื ดอก ใบมใี ยสีขาวหุ้มดักแด ้ มขี นาด 5.1 มม. ระยะดักแด ้ 4-6 วัน ศตั รธู รรมชาติ - แมลงศัตรูผัก เหด็ และไมด้ อก 69
การป้องกนั กำจัด พ่นสารฆ่าแมลง เม่อื พบมกี ารระบาด สารฆา่ แมลงท่ีแนะนำได้แก ่ - ฟิโปรนลิ 5% เอสซ ี อัตรา 40 มล./นำ้ 20 ลิตร - ไซเพอรเ์ มทรนิ /โฟซาโลน 28.75% อีซี อตั รา 80-120 มล./นำ้ 20 ลติ ร - คลอรไ์ พริฟอส 40% อซี ี อตั รา 80 มล./นำ้ 20 ลิตร ถ้าหากพบการระบาดทำการพ่นสารทกุ 4 วันครัง้ และไมค่ วรพ่นสารฆ่าแมลงชนิดเดียวกัน ติดต่อกันหลายครัง้ เพราะจะทำให้แมลงสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงชนิดนนั้ ในแหล่งทีม่ กี าร ตา้ นทานให้ใชอ้ ัตราสูง ดว้ งกหุ ลาบ (rose beetle) ช่ือวิทยาศาสตร์ Adoretus compressus (Weber) วงศ์ Rutelidae อนั ดับ Coleoptera ความสำคัญและลกั ษณะการทำลาย ด้วงกุหลาบเป็นแมลงศัตรูทสี่ ำคัญของกุหลาบ มักจะพบการทำลายของแมลงชนดิ นีเ้ มือ่ มี การปลกู กหุ ลาบท่ีไมม่ กี ารดแู ลท่ีเหมาะสม การทำลายจะเกดิ เม่อื ดว้ งกหุ ลาบอย่ใู นชว่ งท่เี ปน็ ตวั เตม็ วยั เทา่ นน้ั สว่ นในระยะตัวหนอนจะอาศยั กนิ ตามหน้าดนิ หรอื มลู สตั ว์ ด้วงกหุ ลาบจะออกหากนิ ในเวลา กลางคืน ส่วนในเวลากลางวนั จะพบตามดนิ ใกล้รากพืช ดังนัน้ ถ้าไปตรวจดใู นเวลากลางวนั จะไม่พบ แต่จะพบรอยทำลายเทา่ นัน้ ด้วงกุหลาบจะทำลายกุหลาบโดยกัดกินใบทำให้ต้นกุหลาบชะงักการ เจริญเติบโต ถ้าทำลายส่วนของดอกก็จะทำให้ดอกเสยี คุณภาพและไมเ่ ปน็ ทีต่ ้องการของตลาด ใน ประเทศไทยจะพบด้วงกหุ ลาบอย่ทู ั่วไปและมกั มีการทำลายรุนแรงในฤดูฝน รูปร่างลักษณะและชวี ประวัติ ไข่ ตัวเตม็ วยั เพศเมยี วางไขต่ ามกองซากพืช กองมูล ปยุ๋ หมักต่างๆ โดยวางไขเ่ ป็นกลมุ่ ๆ ละ ประมาณ 20-50 ฟอง ไข่มีลักษณะกลมรีเปลือกเรียบสีขาวขุ่น ระยะไขป่ ระมาณ 6-9 วัน หนอน ตัวหนอนเมอ่ื ฟกั ออกจากไขจ่ ะกินอาหารตามผวิ ดนิ หรือมูลสัตว ์ ในระยะตัวหนอนจะ ใชเ้ วลาประมาณ 52-95 วัน หนอนตวั เตม็ วัยยาว 2-2.5 ซม. ดักแด ้ เมอื่ หนอนโตเตม็ ทกี่ ็จะเข้าดักแด้ในดิน ในระยะดกั แด้จะใชเ้ วลาประมาณ 11-14 วนั จงึ จะออกมาเปน็ ตัวเต็มวัย แมลงศตั รผู กั เห็ดและไมด้ อก 70
ตวั เต็มวัย มลี กั ษณะตัวอว้ นปอ้ มค่อนข้างแบน สีนำ้ ตาลออ่ น ตาสดี ำ มขี นสัน้ ละเอยี ด ปกคลมุ ทวั่ ตัว ขนาดลำตัวยาวประมาณ 1 ซม. ตัวเมียมอี าย ุ 7-57 วัน หรือโดยเฉลยี่ แลว้ จะมีอาย ุ 28 วัน สว่ นตัวผู้จะมอี ายุ 7-26 วัน หรอื โดยเฉล่ยี ประมาณ 18 วัน พืชอาหาร พบด้วงกุหลาบทำลายกุหลาบ และพบทำลายข้าวโพด มันสำปะหลงั กาแฟ กล้วย อ้อย องนุ่ มะพรา้ ว ขนนุ เงาะและชมพ ู่ ศัตรธู รรมชาติ - การปอ้ งกนั กำจัด 1. ทำลายกองหญา้ หรือมลู สตั ว์ ไมใ่ หเ้ ปน็ ท่ีเพาะขยายพันธ ุ์ 2. ถ้าสามารถทำได้ใหเ้ ก็บตวั เต็มวยั ของดว้ งกุหลาบท่อี อกหากินในเวลากลางคืนทำลายเสยี 3. ใชก้ ับดกั แสงไฟ 4. ในชว่ งท่มี กี ารระบาดใหใ้ ช้สารฆ่าแมลง เช่น คารบ์ าริล 85% ดับบลวิ พี อัตรา 40 กรมั / นำ้ 20 ลิตร พน่ ตอนเยน็ เมอื่ พบวา่ ดว้ งกหุ ลาบระบาดและควรพ่นห่างกนั ทุก 7 วนั หรอื เทา่ ที่จำเปน็ บวั่ กล้วยไม้ (orchid midge, blossom midge) ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Contarinia maculipennis Felt วงศ์ Cecidomyiidae อนั ดับ Diptera ความสำคญั และลักษณะการทำลาย บัว่ กลว้ ยไม ้ เป็นแมลงศัตรูทสี่ ำคัญอกี ชนิดหนงึ่ ของกล้วยไม ้ ตัวหนอนจะกัดกินกลีบดอก ด้านในใกลก้ ับบริเวณเกสร ทำให้กลบี ดอกด้านในผดิ ปกต ิ มีผลให้ดอกตูมชะงักการเจริญเติบโต บิดเบยี้ วและหงิกงอ ต่อมาจะมอี าการเนา่ เหลืองฉ่ำน้ำ และหลุดร่วงจากช่อดอก หากพบระบาด รุนแรงดอกตูมจะหลุดร่วงอย่างรวดเร็วฮวบฮาบจนเหลอื แต่ก้านดอก ผูป้ ลูกเลีย้ งจึงเรียกแมลงชนดิ นี้ วา่ “ไอ้ฮวบ” พบระบาดตลอดป ี มักพบกบั กลว้ ยไมส้ กลุ หวาย และพบระบาดรนุ แรงในฤดูฝน แมลงศตั รูผัก เห็ดและไมด้ อก 71
รปู ร่างลกั ษณะและชีวประวัติ ตัวเต็มวัยเปน็ แมลงวันขนาดเลก็ คล้ายยุงยาวประมาณ 1-2 มม. มีลำตัวสีดำ ขายาว มีปีก บาง 1 คู ่ ปลายสดุ ของส่วนทอ้ งมอี วัยวะวางไข่เป็นท่อเรยี วยาว ตวั เต็มวัยวางไข่ในเนอื้ เย่อื ของกา้ นชอ่ ดอกกล้วยไม ้ ระยะไข ่ 2-4 วนั ตวั หนอนท่ฟี ักออกมามีสีขาวใส ไม่มีขา รปู รา่ งค่อนขา้ งแบน หนอน เมือ่ โตเต็มทีม่ สี เี หลอื งเข้มขนาดประมาณ 2-3 มม. เคลือ่ นทีไ่ ด้โดยอาศัยการขยับตัวของกล้ามเนือ้ ส่วนอกและทอ้ ง ระยะหนอน 15–23 วัน หลงั จากนนั้ เข้าดักแด้ มสี ีนำ้ ตาลในบริเวณวัสดุปลกู ระยะดกั แด ้ 4-7 วัน ตัวเตม็ วัยมีอายปุ ระมาณ 2-5 วัน พืชอาหาร กล้วยไม้สกุลหวาย, มะลิ ศัตรูธรรมชาติ - การป้องกันกำจัด 1. ใช้วธิ ีกล โดยทำลายดอกตมู ทีม่ อี าการเน่าฉำ่ นำ้ หรือมอี าการบดิ เบยี้ ว 2. หากพบมีการระบาดรุนแรง ควรพน่ ด้วยสารฆา่ แมลง - อมิ ดิ าโคลพรดิ 10% เอสแอล อัตรา 40 มล./น้ำ 20 ลติ ร - ไซเพอร์เมทรนิ /โฟซาโลน 28.75% อีซี อตั รา 80 มล./น้ำ 20 ลิตร - คารโ์ บซลั แฟน 20% อซี ี อัตรา 100 มล./นำ้ 20 ลิตร - คลอร์ไพริฟอส 40% อซี ี อัตรา 80 มล./นำ้ 20 ลิตร โดยใชช้ ่วงพ่น 3-5 วนั จนกวา่ การ ระบาดลดลง แมลงวันหนอนชอนใบ (chrysanthemum leaf miner) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Liriomyza huidobrensis (Blanchard) วงศ์ Agromyzidae อันดับ Diptera ความสำคญั และลกั ษณะการทำลาย แมลงวันหนอนชอนใบ เปน็ แมลงศัตรูทีเ่ ริม่ มบี ทบาทสำคัญต่อไมด้ อกหลายชนิด ได้แก ่ เบญจมาศ ดาวเรือง เยอบีร่า เป็นต้น ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ทีม่ ีขนาดเล็กภายในผวิ พืช เมือ่ ไข่ฟัก แมลงศตั รูผัก เห็ดและไมด้ อก 72
เป็นตัวหนอนทีม่ ลี ักษณะหัวแหลมท้ายปา้ น ตัวหนอนชอนไชอยใู่ นใบทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวคดเคี้ยว ไปมา เมื่อนำใบพืชมาส่องดูจะพบหนอนตวั เล็กๆ สเี หลอื งออ่ นโปรง่ แสง ใส อยภู่ ายในเนื้อเยอ่ื ใบพชื หากระบาดรุนแรงจะทำใหใ้ บเสียหายร่วงหล่น ซึง่ จะมผี ลตอ่ ผลผลิต หากพชื นน้ั ๆ ไม่สามารถสรา้ งใบ ทดแทนไดห้ รือถกู ทำลายอยา่ งหนกั พืชก็จะตายไปในทส่ี ดุ รูปรา่ งลักษณะและชีวประวตั ิ แมลงวันหนอนชอนใบ ตัวเตม็ วัยเป็นแมลงวันขนาดเลก็ มขี นาด 1-2 มม. ตัวเตม็ วัยเพศเมีย วางไข่ใต้สว่ นของเนอื้ เยือ่ บางๆ ของพชื ระยะไข ่ 2-4 วนั เมอ่ื ฟักเปน็ ตวั หนอน จะมลี ักษณะหัวแหลม ท้ายปา้ น (รูปกระสวย) ไม่เปน็ ปลอ้ งชัดเจน ไม่มีขา เคลอื่ นทีโ่ ดยการดีดตัว มขี นาดยาวประมาณ 0.5-1 มม. จะชอนไชไปตามเนื้อเยอื่ พืช ในระยะหนอนใชเ้ วลาประมาณ 7-10 วนั จงึ เข้าดกั แด้ ดักแด้ รูปร่างคลา้ ยเมล็ดข้าวสารอยูต่ ามสว่ นของพืชทถี่ ูกทำลายและตามใบทีร่ ่วงหล่นลงดิน ขนาดดักแด้ ยาว 0.8-1 มม. ในระยะดักแดใ้ ช้เวลาประมาณ 5-7 วัน จงึ ออกเปน็ ตวั เต็มวัย แมลงวันจะมีสีดำและ มสี เี หลอื งแตม้ วงจรชวี ิตประมาณ 3-4 สัปดาห์ พืชอาหาร พบทำลาย ไมด้ อก เชน่ เยอบรี ่า แอสเตอร์ กุหลาบ ดาวเรือง เบญจมาศ ฯลฯ ศัตรธู รรมชาติ - การป้องกนั กำจดั 1. วิธีกล การเผาทำลายเศษใบพืชทีถ่ ูกแมลงวันหนอนชอนใบทำลายตามพื้นดินจะสามารถ ชว่ ยลดการแพรร่ ะบาดได ้ เนอ่ื งจากดกั แดท้ ี่อยตู่ ามเศษใบพชื จะถูกทำลายไปด้วย 2. การใช้กบั ดกั กาวเหนียวสเี หลอื ง อัตรา 80 กับดัก/ไร ่ พบว่ามีประสิทธิภาพดใี นการดักจบั ตัวเต็มวัยของหนอนชอนใบเบญจมาศ 3. สารสกัดสะเดา อตั รา 100 มล./น้ำ 20 ลิตร สามารถป้องกันและกำจัดแมลงวันหนอน ชอนใบได ้ 4. สารฆ่าแมลง เบต้าไซฟลทู ริน 2.5% อีซ ี อัตรา 30 มล./นำ้ 20 ลิตร สามารถกำจัด แมลงวันหนอนชอนใบได ้ แมลงศตั รูผกั เห็ดและไม้ดอก 73
บรรณานุกรม กรมส่งเสริมการเกษตร. 2540. รายงานพื้นทปี่ ลูกไมด้ อกไมป้ ระดับเพือ่ การค้า. กองแผนงาน กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. กรงุ เทพฯ. กองกีฏและสัตววิทยา. 2540. แมลงศัตรูผกั -ไม้ดอกไมป้ ระดับ. เอกสารประกอบการบรรยาย การอบรมหลกั สูตรแมลง- สตั ว์ศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด ครั้งที่ 9, 24 มีนาคม -4 เมษายน 2540. กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. 76 น. กองแผนงานและวิชาการ. 2542. ลำดับความสำคัญของพืชเพือ่ การวิจัยของกรมวิชาการเกษตร. กองแผนงานและวิชาการ กรมวิชาการเกษตร. 12 น. กองส่งเสรมิ พชื สวน. 2537. คมู่ อื การผลติ ไม้ตดั ดอก. กองสง่ เสรมิ พชื สวน กรมวชิ าการเกษตร. 126 น. พสิ มยั ชวลิตวงษ์พร. 2538. แมลงศัตรไู ม้ดอก ไม้ประดับของประเทศไทย. เอกสารวิชาการประจำป ี 2538. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 148 น. พสิ มัย ชวลิตวงษ์พร และ อนันต์ วัฒนธญั กรรม. 2531. แมลงศัตรูไมด้ อก. กลุ่มงานวจิ ยั แมลงศตั รผู กั ไมด้ อก และไม้ประดับ. กองกีฏและสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. บางเขน กรุงเทพฯ. 41 น. ศริ ณิ ี พูนไชยศรี. 2544. เพลย้ี ไฟ Terebrantia. โรงพิมพค์ ุรุสภา ลาดพร้าว กรงุ เทพฯ. 75 น. สำนกั วิจัยพัฒนาการอารักขาพืช. 2553. คำแนะนำการใช้สารฆ่าแมลงและสัตว์ศัตรูพืช ปี 2549. กรมวิชาการเกษตร, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. กรงุ เทพฯ. 62 น. Wongsiri, N. 1991. List of Insect Mite and Other Zoological Pest of Economic Plants in Thailand. Feclnical, Bulletin. Entomology and Zoology Department of Agriculture, Bangkok. 168 pp. แมลงศัตรูผัก เหด็ และไมด้ อก 74
แมลงศตั รผู กั หนอนใยผกั (Plutella xylostella Linnaeus) Lepidoptera: Yponomeutidae ไขห่ นอนใยผัก หนอนใยผกั ดกั แด้หนอนใยผกั ผเี ส้อื หนอนใยผกั หนอนใยผักกดั กินทำใหผ้ ักเสียหาย ดักแดแ้ ตนเบยี นหนอนใยผกั ลกั ษณะการตายของหนอนใยผกั ท่ตี ายดว้ ยแบคทเี รยี
หนอนกระทหู้ อม (Spodoptera exigua (Hübner)) Lepidoptera: Noctuidae ไข่หนอนกระทูห้ อม หนอนกระทหู้ อม ดกั แดห้ นอนกระทหู้ อม ผีเส้อื หนอนกระท้หู อม
ลักษณะการทำลายของหนอนกระทู้หอมบนพืช หนอนกระทหู้ อมกัดกินใบพรกิ ลกั ษณะการทำลายของหนอนกระทู้หอมบนพรกิ หนอนกระทู้หอมกัดกนิ บนหนอ่ ไมฝ้ ร่งั หนอนกระทหู้ อมกัดกนิ ใบหอมหัวใหญ ่
หนอนกระทผู้ กั (Spodoptera litura (Fabricius)) Lepidoptera: Noctuidae ไขห่ นอนกระทูผ้ ัก หนอนกระทผู้ กั ท่ีเพิ่งฟักออกจากกลมุ่ ไข่ หนอนกระทผู้ ัก ดักแด้หนอนกระท้ผู ัก ผีเสอื้ หนอนกระทผู้ ัก หนอนกระทูผ้ กั กดั กนิ ผกั กวางตุง้ ฮอ่ งเต้
ลกั ษณะการทำลายของหนอนกระทูผ้ ักบนพืช หนอนกระท้ผู กั กัดกินใบคะน้า หนอนกระท้ผู ักกดั กนิ ใบพริก หนอนกระท้ผู กั ทำลายต้นพริก หนอนกระทผู้ ักเขา้ ทำลายพรกิ ระยะดอก หนอนกระทผู้ กั เข้าทำลายผลพริก ลักษณะของพริกที่โดนหนอนกระทู้ผักเขา้ ทำลาย
หนอนเจาะยอดกะหลำ่ (Hellula undalis (Fabricius)) Lepidoptera: Pyralidae ไขห่ นอนเจาะยอดกะหล่ำ หนอนเจาะยอดกะหล่ำ ดกั แด้หนอนเจาะยอดกะหลำ่ ผเี สอื้ หนอนเจาะยอดกะหลำ่ ลกั ษณะการทำลายของหนอนเจาะยอดกะหลำ่ ลักษณะการทำลายของหนอนเจาะยอดกะหลำ่ ในผกั กาดขาวปลี
หนอนเจาะสมอฝา้ ย (Helicoverpa armigera (Hübner)) Lepidoptera: Noctuidae ไข่หนอนเจาะสมอฝา้ ย หนอนเจาะสมอฝา้ ย วัย 1-2 หนอนเจาะสมอฝา้ ย ผีเสอ้ื หนอนเจาะสมอฝา้ ย ลักษณะการทำลายของหนอนเจาะสมอฝ้ายบนพืช หนอนเจาะสมอฝา้ ยกัดกินใบและดอกมะเขอื เทศ
ลักษณะการทำลายของหนอนเจาะสมอฝา้ ยในมะเขอื เทศ หนอนเจาะสมอฝา้ ยเจาะผลมะเขือเปราะ หนอนเจาะสมอฝา้ ยทำลายในหนอ่ ไม้ฝร่งั หนอนเจาะสมอฝ้ายกดั กนิ ผลพริก
หนอนเจาะสมอฝ้ายกดั กินฝักกระเจ๊ียบเขียว ศัตรูธรรมชาตขิ องหนอนเจาะสมอฝ้าย มวนพฆิ าต มวนพิฆาตดูดกินหนอนเจาะสมอฝ้าย ลกั ษณะการตายของหนอนเจาะสมอฝา้ ย ดว้ ยเชื้อไวรสั หนอนเจาะสมอฝา้ ย
หนอนคบื กะหล่ำ (Trichoplusia ni Hübner) Lepidoptera: Noctuidae หนอนคบื กะหลำ่ หนอนและดักแด้หนอนคบื กะหล่ำ ดักแดห้ นอนคืบกะหลำ่ ผเี สอ้ื หนอนคบื กะหลำ่ หนอนผเี สอ้ื สีนำ้ เงนิ (Lampides boeticus (Linnaeus)) Lepidoptera: Lycaenidae หนอนผีเสอ้ื สีน้ำเงนิ ตัวเตม็ วัยหนอนผีเสื้อสีนำ้ เงนิ
หนอนเจาะฝักลายจดุ (Maruca testulalis (Hübner)) Lepidoptera: Pyralidae หนอนเจาะฝักลายจุด ผีเสือ้ หนอนเจาะฝกั ลายจดุ ลักษณะการทำลายของหนอนเจาะฝกั ลายจุดบนพืช หนอนเจาะฝกั ลายจดุ ทำลายดอกถ่วั ฝักยาว ลกั ษณะการทำลายของหนอนเจาะฝกั ลายจดุ หนอนเจาะฝกั ลายจดุ กดั กินท่ีฝกั ถ่วั ฝักยาว หนอนเจาะฝักลายจุดเข้าทำลายถั่วฝักยาว
หนอนเจาะผลมะเขือ (Leucinodes orbonalis (Guenée)) Lepidoptera: Pyralidae การทำลายยอดมะเขือของหนอนเจาะผลมะเขอื รอยทำลายของหนอนเจาะผลมะเขอื ลกั ษณะการทำลายของหนอนเจาะผลมะเขอื หนอนเจาะผลมะเขอื หนอนผเี สื้อเจาะหวั มนั ฝรั่ง (Phthorimaea operculella (Zeller)) Lepidoptera: Gelechiidae ตัวเต็มวัยหนอนผีเสื้อเจาะหัวมนั ฝรัง่ ลักษณะการทำลายของหนอนผีเสื้อเจาะหวั มนั ฝร่งั
ดว้ งหมัดผัก (Phyllotreta spp.) Coleoptera: Chrysomelidae ดว้ งหมัดผกั แถบลาย ด้วงหมดั ผกั สีนำ้ เงนิ ลักษณะการทำลายของดว้ งหมดั ผักบนพชื การทำลายของดว้ งหมัดผกั ในคะน้า การทำลายของดว้ งหมดั ผกั ในผักกาด ด้วงหมัดผกั ระบาดทำลายคะนา้
การทำลายของด้วงหมดั ผักในใบผักกาดหัว รอยทำลายของหนอนดว้ งหมัดผักบนผกั กาดหวั ด้วงเตา่ แตงแดง (Aulacophora indica (Gmelin)) Coleoptera: Chrysomelidae ดว้ งเตา่ แตงแดง ด้วงงวงมันเทศ (Cylas formicarius (Fabricius)) Coleoptera: Curculionidae ด้วงงวงมนั เทศ
แมลงวันทองพริก (Bactrocera latifrons (Hendel)) Diptera: Tephritidae แมลงวันทองพรกิ กำลังวางไข่ที่ผลพริก รอยแผลหลงั แมลงวันทองพรกิ วางไข ่ รอยช้ำของผลพรกิ หนอนแมลงวันทองพริก ซงึ่ มีหนอนแมลงวนั ทองพริกอย่ภู ายใน ทำลายอยภู่ ายในผลพรกิ แมลงวันหนอนชอนใบ (Liriomyza spp.) Diptera: Agromyzidae หนอนแมลงวันชอนใบ ลักษณะหัวแหลมท้ายปา้ น หนอนแมลงวันชอนใบ
แมลงวันหนอนชอนใบ มขี นาด 1-2 มลิ ลเิ มตร ลักษณะการทำลายของแมลงวนั หนอนชอนใบบนพืช ตวั หนอนของแมลงวนั หนอนชอนใบ ชอนไชอยู่ในใบทำใหเ้ กดิ เป็นรอยเสน้ สขี าว ลักษณะการทำลายในถั่วฝักยาว รอยทำลายของแมลงวนั หนอนชอนใบบนใบมนั ฝรัง่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116