Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-05-13 10:15:42

Description: สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

Search

Read the Text Version

ย้อนรอย ป่าใหญ่ในหมู่บ้านเล็ก พอ่ เสมอื น เลา่ วา่ นอกจากการขยายตวั ของพืชเศรษฐกิจในสมัยน้ันแล้ว ราวปี พ.ศ. โตะ๊ ไมเ้ ลก็ ๆ ใตร้ ม่ เงาของตน้ มะมว่ งสงู ใหญภ่ ายในศนู ยเ์ รยี นรู้ 2545 กระแสนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็น การพัฒนาที่ดินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงถูกเปลี่ยนให้เป็นวง ทนุ ของภาครฐั ทเี่ ขา้ มา ท�ำ ใหช้ าวบา้ นหลายคน เสวนาเล็กๆ ระหว่างคณะผู้เดินทางและชาวบ้านท่ีแวะเวียนมา ตคี วามวา่ การปลอ่ ยทดี่ นิ ใหเ้ ป็นปา่ รกรา้ งว่าง ต้อนรับ เสมือน ดาทอง หรือ พ่อเสมือน อดีตกำ�นัน ตำ�บล เปลา่ อาจทำ�ให้ทด่ี นิ ตอ้ งถกู ยดึ คืน ชาวบา้ นจึง ชุมแสง เลา่ วา่ ป่าผืนนีแ้ ตกตา่ งจากปา่ ทว่ั ไป เพราะไม่ใช่ป่าชมุ ชน พากันถางป่าหัวไร่ปลายนา บางคนถึงขั้นขาย หรอื ปา่ สาธารณะ แตเ่ ปน็ ปา่ ทม่ี เี จา้ ของ มกี รรมสทิ ธใิ์ นการถอื ครอง พ้ืนที่ท้ิง ที่ดินถูกเปลี่ยนมือ น่ันคือจุดเริ่มต้น ท่ีดินชัดเจน แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของคนในหมู่บ้านอุดม- การรวมพลังของกลุ่มคนทตี่ ้องการอนรุ ักษป์ า่ สมบูรณ์ รวมท้ังหมู่บ้านอื่นๆ ในตำ�บลชุมแสง ทำ�ให้ป่าหัวไร่ ปลายนาผืนนี้ถูกอนุรักษ์เพ่ือเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กับคนในชุมชน “ผมมีท่ีดินอยู่ 26 ไร่ ตอนนั้นมีเร่ือง มากว่า 10 ปีแล้ว เอกสารสทิ ธ์ิ มนี ายทนุ บางคนมาชวนปลกู ออ้ ย ยูคา ยางพารา เขามีแรงจูงใจเยอะ เอาพันธ์ุ ในอดีตพื้นทตี่ �ำ บลชุมแสง เปน็ พ้ืนท่ีปา่ ประกอบกบั ท่ีรกร้าง เอาปุ๋ยมาให้ ทุกอย่างเลย แต่พอผมหันมาดู ว่างเปล่าเสียส่วนมาก เม่อื ชาวบ้านเรม่ิ อพยพเข้ามาอยู่ มกี ารถาง ต้นไม้ในพ้ืนท่ีของผม ทุกอย่างมีหมด ความ ปา่ เพอ่ื ท�ำ ไรท่ �ำ นา ดว้ ยสภาพพนื้ ทบ่ี รเิ วณนม้ี ลี กั ษณะเปน็ ทลี่ มุ่ และ หลากหลายทางชีวภาพ เห็ดก็มี สมุนไพรก็มี ที่ดอน ที่ลุ่มไว้ใช้ทำ�นา ท่ีดอนคนรุ่นปู่ย่าตายายใช้เล้ียงวัว ควาย พลังงานก็มี เอ๊ะ แล้วถ้าผมต้องจ้างเขามาตัด แตล่ ะบ้านท�ำ คลา้ ยๆ กัน ผนื ป่าทีต่ ิดกันเกดิ เปน็ ป่าขนาดย่อมตาม ตรงน้ีทิ้ง ต้องจ้างรถเข้ามาปรับพื้นท่ีเขาคิด ธรรมชาติ ชาวอีสานเรยี กวา่ “ปา่ หัวไรป่ ลายนา” หรอื ภาษาเขมร เรยี กวา่ “กะบาลสะแร” 51 “ป่าหัวไร่ปลายนา เป็นที่โปรดปรานของเด็กๆ สมัยก่อน นอกจากสนกุ กบั การเกบ็ มนั เกบ็ เหด็ แลว้ ยงั เปน็ ทปี่ ระลองฝมี อื ของ เด็กเลี้ยงควาย รมู้ ้ัยอะไร” ประนอม ดาทอง หรือ “พี่ประนอม” หนงึ่ ในผรู้ ิเรมิ่ การอนุรกั ษ์ป่าหวั ไร่ปลายนา ต้งั ค�ำ ถาม ก่อนเฉลยวา่ “การลา่ กง้ิ กา่ ไง” ค�ำ เฉลยทพี่ าใหช้ าวบา้ นหวั เราะกนั อยา่ งสนกุ สนาน เม่อื กาลเวลาผ่านไป การเปลีย่ นมอื ในการครอบครองพน้ื ท่ี จากรนุ่ สรู่ นุ่ เปลยี่ นความคดิ ของผคู้ น คนรนุ่ ลกู รนุ่ หลานมแี นวคดิ ใน การปรบั ทดี่ นิ เพอื่ ปลกู พชื เศรษฐกจิ ตน้ ไมน้ บั พนั ถกู โคน่ ลงปลกู ออ้ ย ยางพารา และมนั ส�ำ ปะหลงั บรรดาพชื เชงิ เดย่ี วทใ่ี ครหลายคนเชอ่ื วา่ เปน็ พชื แห่งความหวัง

ไรล่ ะ 10,000 บาท 26 ไร่ รวม 260,000 การให้ทุกคนเห็นพ้องเป็นเรื่องที่ยาก บาท แลว้ ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ มาก โดยในชว่ งเวลานน้ั นอกจากเสมอื น จิตสำ�นึกตรงน้ี ทำ�ให้ผมลองคิดกับ ดาทอง และแกนน�ำ ของชมุ ชนบางสว่ น ตัวเองดู ผมคิดว่าผมต้องทำ�ลาย มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทรัพยากรธรรมชาติอย่างโหดเหี้ยม ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ผลักดันให้การ ผมจึงไม่ทำ�” อนุรักษ์ป่ามีความเข้มแข็งมากย่ิงข้ึน หน่วยงานท่ีมีบทบาทสำ�คัญ ได้แก่ “ผมกเ็ หมอื นกนั นะ” พปี่ ระนอม มลู นธิ พิ ฒั นาอสี าน ส�ำ นกั งานโครงการ พดู เสรมิ ขน้ึ กอ่ นเลา่ วา่ “ผมไดร้ บั มรดก พัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Na- จากพ่อแม่ เป็นท่ีดิน 1 แปลง เน้ือที่ tions Development Programme: ประมาณ 5 ไร่ เดมิ วา่ จะปลูกต้นยูคา UNDP) องค์การบริหารส่วนตำ�บล หรือยางพารา เห็นว่าราคามันสูง พอ ชุ ม แ ส ง แ ล ะ สำ � นั ก ง า น พั ฒ น า เขา้ ไปดพู นื้ ที่ จ�ำ ได้ว่าชว่ งหนา้ ฝนพอดี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เหน็ เห็ด ตน้ ไม้ต้นเล็ก ตน้ ใหญ่ ขน้ึ เต็ม (สวทช.) ไปหมด รสู้ กึ เสยี ดาย เลยตดั สนิ ใจวา่ ไม่ ตดั ทิง้ ” วิจิตรา ชูสกุล หรือ พ่ีต๋อย มูลนิธิพัฒนาอีสาน เล่าว่า ช่วงแรกๆ ด้วยกระแสพืชเศรษฐกิจที่รุก เข้ามาส่งเสริมการจัดการไม้ การ เข้ามาอย่างหนัก พ่อเสมือนซ่ึงดำ�รง อนุรักษ์พลังงาน การเผาถ่านให้มี ตำ�แหน่งกำ�นันในสมัยน้ัน เรียกระดม ประสิทธิภาพสูงให้ชาวบ้านตำ�บล ชาวบ้านในตำ�บลชุมแสงมาสอบถาม ชุมแสง พอดีมีเร่ืองป่าเข้ามา ทั้งการ และรณรงคเ์ รอ่ื งการอนรุ กั ษป์ า่ แตด่ ว้ ย รุกของพืชเศรษฐกจิ มคี นต่างพืน้ ทเี่ อา ป่าหัวไร่ปลายนาเป็นป่าที่มีเจ้าของ รถเข้ามาเก็บของในป่าจำ�นวนมาก 52

มูลนิธิพัฒนาอีสานจึงเข้ามาทำ�เรื่องน้ี “เราทำ�งานร่วมมือกับมูลนิธิ ชุมชนด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาคน ช่วงนั้นร่วมมือกับโครงการ UNDP พัฒนาอีสานแบบคู่ขนานกันไป” เ พ่ื อ เ ต รี ย ม ค ว า ม พ ร้ อ ม ก่ อ น นำ � ตระเวนคุยแต่ละบ้านเลยว่า จะรักษา กัลยารัตน์กล่าว และหันหน้าไปย้ิมให้ เทคโนโลยีเข้ามา” ป่าตรงน้อี ยา่ งไร พยายามสรา้ งกระแส วิจิตรา ท่ีกำ�ลังตักข้าวร้อนๆ ใส่จาน การจัดการป่าร่วมกัน มีการต้ังกลุ่ม ก่อนเล่าต่อว่า “แน่นอนว่าเราเป็น “ใชค่ ่ะ สวทช. เขา้ มารว่ มกบั เรา อนุรักษ์ป่าหัวไร่ปลายนาบ้านสมบูรณ์ หน่วยงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอนท่ีเข้ามาทำ�ชุมชนวิทยาศาสตร์” เกดิ ขนึ้ มกี ารตง้ั กฎกตกิ าในการใชพ้ นื้ ท่ี แตโ่ จทยแ์ รกทน่ี �ำ เขา้ มาไมใ่ ชเ่ ทคโนโลยี วจิ ติ รากลา่ ว พรอ้ มทง้ั เลา่ ยอ้ นความถงึ ร่วมกัน หลังจากนนั้ ไม่นาน สวทช. เข้า แต่เปน็ เรอ่ื งของวิทยาศาสตร์ คอื หลกั จุดเชื่อมร้อยการทำ�งานร่วมกัน “ช่วง มาร่วมผนกึ ก�ำ ลงั ดว้ ย คิดทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการคิด นั้ น อ า จ า ร ย์ ช า ญ ชั ย นำ � เ ค รื่ อ ง มื อ อย่างเป็นเหตุผล รู้จักสังเกต ตั้ง วิเคราะห์ตนเอง วิเคราะห์ครอบครัว “เราได้มีโอกาสเข้าไปในพ้ืนที่ สมมติฐาน สรุปผล หลังจากนั้นได้มี แผนภูมิทุกข์สุขมาพูดคุยกับคนใน เห็นสภาพปัญหา และพลังความเข้ม การจัดทำ�โครงการเรียนรู้ตลอดชีวิต ชมุ ชน ชาวบา้ นมกี ารส�ำ รวจชวี ติ รายรบั แข็งของชุมชน จึงมีแนวคิดในการนำ� เ พ่ื อ พั ฒ น า ชุ ม ช น วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ รายจา่ ย มองการเชอ่ื มโยงกบั ทรพั ยากร ความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี บนฐานเศรษฐกจิ พอเพยี ง น�ำ ทมี โดย ในชุมชน ท�ำ ใหเ้ หน็ ภาพการดูแลระดบั เข้าไปช่วยเสริมชุมชนอีกแรงหน่ึง” ผศ.ชาญชยั ลมิ ปยิ ากร ทป่ี รกึ ษาฝา่ ย ครัวเรือนกับระดับชุมชน มีความเป็น กัลยารัตน์ รัตนะจิตร หรือ “รวย” ชุมชนและผู้ด้อยโอกาส สวทช. นำ� อันหน่ึงอันเดียวกันมากข้ึน เป็นการ นักวิชาการจากฝ่ายชุมชนและผู้ด้อย เครื่องมือและกระบวนการที่ช่วยให้ ดแู ลซงึ่ กนั และกัน ถา้ เรารักษาป่าไวไ้ ด้ โอกาส สวทช. เอ่ยขึ้นระหวา่ งยกหมอ้ ชาวบ้านสร้างความรู้และแก้ปัญหาใน อย่างน้อยเพ่ือเป็นฐานการพ่ึงตนเอง ขา้ วรอ้ นๆ มาวางบนโตะ๊ กลน่ิ ขา้ วหอม ของชมุ ชน เปน็ ตน้ ทนุ เพราะมลู คา่ ของ สุรินทรโ์ ชยมาแต่ไกล ขบอง้าดนีชุมอชุดนม: -สมบูรณ์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ “อุดม -สมบูรณ์” ขา้ วเพอื่ สขุ ภาพ ปลอดสารเคมี หอม นมุ่ อรอ่ ย ปลกู ดว้ ย ระบบเกษตรอนิ ทรีย์ เน้นการใชอ้ นิ ทรียวัตถุ ปุ๋ยหมัก ปยุ๋ พชื สด และปุ๋ยชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมีกำ�จัดศัตรูพืชและฮอร์โมนต่างๆ ปลอดภยั ตอ่ ผบู้ ริโภค เกษตรกร และธรรมชาติ ผลิตและจ�ำ หน่ายโดย: กล่มุ เกษตรอนิ ทรีย์บ้านอุดม-สมบรู ณ์ ต�ำ บลชุมแสง อำ�เภอจอมพระ จังหวดั สุรนิ ทร์ โทรศัพท์: 08 5418 6807 53

ป่าที่เราได้กินได้ใช้สอยมันค่อนข้างเยอะ ภาพความ ส�ำ คญั ของป่าสำ�หรับชาวบ้านก็เดน่ ชดั มากข้นึ ” ผศ.ชาญชยั ลมิ ปยิ ากร กลา่ ววา่ หลกั การท�ำ งาน ของชมุ ชนวทิ ยาศาสตร์ คอื ท�ำ อยา่ งไรใหช้ าวบา้ นคดิ เปน็ เปน็ ส่ิงส�ำ คญั ท่สี ุด เรียกว่าใชค้ วามรูเ้ ป็นฐาน ท�ำ ใหช้ าว บา้ นรปู้ ญั หา รเู้ ปา้ หมายของตนเอง ดว้ ยการจดั เวทมี กี าร พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แล้วผลักดันให้เขาลุกข้ึนมาสร้าง ความรู้ วางแผนแกป้ ญั หาดว้ ยตัวเขาเอง ขณะที่ สวทช. เปน็ พเ่ี ลยี้ งคอยเติมเตม็ ช่วยสรา้ งแกนน�ำ สรา้ งตน้ แบบ ขึ้นมา เพ่ือให้เกิดการขยายผล เป็นการสร้างเกราะ ป้องกันให้ชุมชนรู้เท่าทันกับสถานการณ์ของสังคมท่ี เปลย่ี นแปลงไป 54

“พักกินข้าวกันก่อนจ้า ยังมีเวลาคุยกันอีกนาน” เสียงเล็กๆ ของหญิงกลางคนรูปร่างผอมบาง ทว่าดู คลอ่ งแคลว่ พร้อมส�ำ รับกับข้าวเตม็ มอื “เช้านี้ มีน้ำ�พริกปลาทู ผักจิ้มมีดอกกระเจียว แตงกวา มะเขอื ฟักทอง ต้มฟกั มีตม้ เห็ดใส่ใบส้มโมงจะ้ ” มาลี มงุ่ ดี หรือ พ่ีมาลี ภรรยาของพดี่ �ำ เกิงกลา่ ว อาหารที่ถูกเอ่ยชื่อยังไม่ทันลำ�เลียงวางบนโต๊ะ เสร็จสิ้น เสียงท้องร้องจ๊อกๆ ของใครบางคนดังข้ึนมา พาเอาคนท่ีนง่ั อยู่ตา่ งส่งเสยี งหัวเราะกันยกใหญ่ “กนิ เยอะๆ เลยนะ กบั ขา้ วทน่ี ี่ รบั ประกนั วา่ ปลอด- สาร ข้าวปลอดสาร ผักก็ปลอดสาร เก็บมาจากในสวน ในป่าหวั ไรป่ ลายนาท้งั น้นั แหละ” พด่ี �ำ เกงิ กลา่ ว 55

เปิด “กะบาลสะแร”...ตู้กับข้าวของชาวนา หลังกินข้าวจนอิ่มท้อง คณะผู้เดินทางทยอยขน เคร่ืองมือหนึ่งท่ีกระตุ้นให้เขาเห็นว่าส่ิงท่ีเขามีมันมีคุณค่า สัมภาระไปเก็บยังท่ีพัก ล้างหน้าล้างตาให้พอคลายความ จริงๆ เหน่ือยล้าจากการเดินทาง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำ�หรับ การส�ำ รวจป่าหวั ไรป่ ลายนาในช่วงบ่าย ดังน้ันเพ่ือให้คนในชุมชนตระหนักรู้คุณค่าของป่า อย่างเป็นรูปธรรม สวทช. ได้รว่ มกับมูลนิธิพฒั นาอีสานจัด ทรปิ นม้ี พี อ่ เสมอื นและพดี่ �ำ เกงิ เปน็ ผนู้ �ำ ทาง ระหวา่ ง ทำ�โครงการการรวบรวมความรู้การอนุรักษ์และการ การเดินไปป่าเราสังเกตเห็นว่าชาวบ้านที่น่ีนิยมปลูกพืชผัก จดั การใชป้ ระโยชนป์ า่ หวั ไรป่ ลายนาโดยภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ สวนครัวหลายชนดิ มีคอกเลี้ยงววั ควาย ผ่านหมู่บา้ นไปไม่ โดยใช้เครื่องมือวิจัยหรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไกลมีแปลงนา แซมดว้ ยแปลงปลูกตน้ ยคู าลิปตัส ในการสบื คน้ บนั ทกึ วเิ คราะห์ และสรปุ ผล ทงั้ หมดเปน็ การ ด�ำ เนนิ งานเองโดยชุมชนร่วมกับนกั วจิ ยั ทอ้ งถ่ิน “บางบา้ นเขาเลอื กปลูกพชื เศรษฐกจิ นะ” พอ่ เสมอื น เอ่ยข้นึ คยุ ไดไ้ มน่ าน รถคอ่ ยๆ ชะลอ เมอื่ มาถงึ ทห่ี มาย ภาพ เบ้ืองหน้า คือ ป่ารกครึ้ม เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ท่ีเรือน แน่นอนการเปล่ียนความคิดของคนทั้งหมดให้มา ยอดเบียดเสียดอย่างแนน่ ขนดั อนรุ กั ษป์ า่ หวั ไรป่ ลายนาไว้ ท�ำ ไดย้ าก แตก่ ารฉดุ รง้ั ความคดิ ของคนส่วนใหญ่ไว้ได้ ถือเป็นความสำ�เร็จท่ีมากเพียงพอ “ตอนนั้นนักวิจัยมาตีแปลงในป่ากันเลยนะ” พ่อ แลว้ อะไรท�ำ ใหค้ นหมมู่ ากเลือกเก็บป่าเอาไว้ เสมอื นเลา่ กอ่ นเดนิ น�ำ เขา้ ไปในป่า กัลยารัตน์ เล่าวา่ ป่ามีอยดู่ งั้ เดิมแล้ว เขารูว้ ่าในป่ามี “อาจารยป์ ยิ ะศกั ดิ์ สคุ นั ธพงษ์ นกั พฒั นาและนกั วจิ ยั ประโยชน์ มพี ชื เหด็ ไขม่ ดแดง ความหลากหลายทางชวี ภาพ อิสระ ร่วมกบั ชาวบ้านหลายๆ คน มาชว่ ยกนั ตแี ปลงขนาด สูง แต่ในมุมมองทางวิชาการ ไม่มีการสำ�รวจอย่างเป็นรูป 4x4 ตารางเมตร ชว่ ยกนั ส�ำ รวจวา่ ตารางตรงนมี้ คี วามหลาก- ธรรมเลยวา่ ความหลากหลายทางชวี ภาพเปน็ อยา่ งไร มชี นดิ หลายทางชีวภาพอย่างไรบ้าง มีต้นไม้ก่ีต้น สมุนไพรกี่ต้น พนั ธอุ์ ะไร ฉะนั้นการบอกคนอืน่ ว่าป่ามปี ระโยชน์ บางครัง้ เกบ็ ข้อมลู บนั ทึกไว้ ตอนแรกผมไม่รู้นะ พอเราไปตีตาราง มันเหมือนคำ�พดู ลอยๆ เปน็ นามธรรม ไม่เหน็ ภาพ การใช้ ป๊ับ ทำ�ให้เรารูเ้ ลย โอ้โหพ้นื ทเี่ ท่านม้ี ันให้ความหลากหลาย กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการเก็บ ส�ำ รวจขอ้ มลู เปน็ มาก มีพืชหลายชนิดเลย ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ใช้เป็น 56

อาหาร บางคนใชส้ รา้ งทอี่ ยอู่ าศยั บางคนใชท้ �ำ ฟนื ใชใ้ บเปน็ สมุนไพร การส�ำ รวจทำ�ให้เราตระหนักและเห็นคุณค่าข้ึนมา เอง เม่ือก่อนเราไมไ่ ดม้ านั่งพจิ ารณาคุณคา่ อะไร มเี ท่าไหรก่ ็ ใช้ไปอย่างน้ัน แต่พออาจารย์พาเราไปสำ�รวจจริงจัง ทำ�ให้ เราเกดิ จติ สำ�นึก เหน็ คณุ คา่ ขึ้นมากกวา่ เดิม รักป่ามากขนึ้ ” การส�ำ รวจไมเ่ พยี งกระตนุ้ จติ ส�ำ นกึ ในการหวงแหนปา่ มากขนึ้ แตก่ ารเกบ็ ขอ้ มลู อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ท�ำ ใหช้ าวบา้ นจดั ท�ำ “ปฏิทินวงจรอาหารชุมชน” ผลผลิตท่ีผลิดอกออกผล ตลอดปี “ต้นนี้คือ กระเจียว ขึ้นตามน้ีแหละเต็มไปหมด” พ่ีดำ�เกิงเรียกเราเข้าไปดูกาบใบและแผ่นใบสีเขียวที่ห่อ รวมเปน็ กอแน่นเหนือดนิ กระจายเต็มไปหมด “เราเหน็ เลยนะวา่ 12 เดอื น หาอะไรจากปา่ ได้บ้าง ฤดแู ลง้ มดี อกกระเจยี ว หวั มนั ผกั ตว้ิ ไขม่ ดแดง พอเขา้ ฤดฝู น เรมิ่ มีเห็ดนานาชนดิ หัวมนั กลอย กระทอื สมุนไพรกม็ นี ะ พอเขา้ ฤดหู นาว มมี นั สะเดา ผกั ตา่ งๆ อกี มากมาย นอกจาก กนิ แล้วบางคนเกบ็ ไปขายได้อกี เหด็ ในหมูบ่ ้าน 10 บาท ได้ เปน็ ตะกรา้ พอเอาไปขายข้างนอกราคา 50 บาท 100 บาท” พ่ีด�ำ เกงิ เลา่ ต่อ 57

“นักวิจัยบอกว่าถ้าทำ�ข้อมูล ไม่เช่ือไม่เห็นคุณค่า เริ่มเปล่ียนความ ให้กินได้ตลอด ทรัพยากรที่เราใช้ ถ้า จรงิ ๆ เป็นลา้ นบาท” พ่อเสมือนกลา่ ว คดิ เขาเรมิ่ เชอ่ื วา่ ปา่ ส�ำ คญั มปี ระโยชน”์ กลับมาคดิ เปน็ เงนิ เหลือเชื่อ มนั เยอะ เสริม และเล่าว่า “ชาวบ้านไม่ไดพ้ ึง่ แค่ มาก เหมอื นเราปลกู ยาง ปลกู ออ้ ย เหน็ อาหารจากป่า แตร่ วมถึงปจั จัยสี่ ปลกู “ตรงนๆ้ี มเี หด็ ระโงก เหน็ มย้ั รปู เป็นไรๆ่ เห็นมูลค่าของมนั สำ�หรบั ปา่ บ้านตดั ไมใ้ นปา่ มาใช้ สยี ้อมผา้ มาจาก ร่างคล้ายไข่ไก่เลย” พ่ีดำ�เกิงขานเรียก ถ้าเราคดิ มลู ค่า ผมว่าเยอะกว่ามลู คา่ ที่ เปลือกไม้ในป่า ยาหาได้จากสมุนไพร ไม่ทนั เดนิ ไปถึงจดุ ทพี่ ่ีด�ำ เกงิ ยนื อยู่ เรา เปน็ ตวั เงิน มันเยอะกว่ามาก นอกจาก ในป่า พลังงานใช้กันท้ังตำ�บล ฟืนทุก สงั เกตเหน็ พชื ประหลาด เหมอื นวุ้นลูก ให้ปัจจัยส่ีแล้วยังมีผลต่อสภาพอากาศ คนได้ใช้ เพราะที่นี่ไม่มีแก๊ส ท่ีน่ีเราใช้ กลมๆ คล้ายลูกตา ยังไม่ทันเอ่ยถาม ในวนั ขา้ งหนา้ ดว้ ย เราท�ำ คนเดยี วไมไ่ ด้ ฟนื กันเยอะ มีขอ้ มลู เก็บไว้ ลองคิดว่า พ่ีดำ�เกิงเดินมาและบอกว่า “นี่คือเห็ด ต้องสร้างจิตสำ�นึกให้ทุกคนช่วยกัน” ทุกคนใช้ฟืนใช้ถ่านวันละก่ีกิโล อย่าง ตาโล่ ของดีบ้านเราเลยนะ เอามาต้ม พีด่ �ำ เกิงกล่าว นอ้ ยตอ่ ครวั เรอื นคณุ ตอ้ งใช้ 3 กโิ ลกรมั มายำ� อรอ่ ยมาก” กิโลกรัมละ 12 บาท แล้วปีหนึ่ง 365 การเดนิ ส�ำ รวจปา่ หวั ไรป่ ลายนา วนั ตอี อกมากบี่ าท เหด็ ออกจากปา่ เขา เดินต่อไปอีกไม่ไกล พบเห็ด ครั้งน้ี แม้เราไมเ่ จอพรรณไม้ หรือสัตว์ ขายกโิ ลละ 60 บาท ไปถงึ ตลาด กโิ ลละ นานาชนิด ท้ังเห็ดโคน เห็ดไค เห็ด ป่าหายาก แต่การได้เก็บเห็ดและ เป็น 100 บาทนะ ผมมานั่งคดิ วา่ เป็น ปลวก เห็ดถา่ น พืชพันธ์ุอาหารท่ีผลิดอกออกผลจาก ลา้ นจรงิ ๆ ดว้ ย เปน็ สบิ ลา้ นดว้ ยซ�ำ้ พอ จิตสำ�นึกรักษ์ของชาวบ้าน เพียงเท่านี้ ท�ำ ข้อมูลออกมา มันเหน็ ชดั เจน คนท่ี “บ้านเรามีทรัพยากรอยู่แล้ว กส็ ุขใจเกนิ พอ ปา่ เปรียบเสมอื น “ตู้กับข้าว” มอี าหาร เห็ดตาโล่ กอเปลอปหันอcอรูกอน็ุ้มeอ่เกะบปaกสอนมมeอน็ นัยาาเลกเนู่ชณสหหลใเั้นกูนด็หน็นผุม่ ุล2นมรด็ริวผไูปลีอะดตเเนCรซดบกัก้าังีaยนาษโบชlบลoวตเณนั้นมsส่เิ ิเtมะกอ่ือีเมวoหเตลยอศีสmปลราู่ใีขาน็aนอืเงยาใหกทงอนวลุม็ดอ้ ี่มหันกัส5าตนีคดรกษ-ว่ า7กือนขวบัณโลขึ้นาลปอะมมา่อBสลนั เวแเด่วาoาหอลจนเlย่นeปนะอเขขtขตมa็นียกอออิบlเีชeเวงงงมหโsอ่หลเเตอืจหลงูกุ้มเวลกือส็ดดกสงล�ำใงหี่ยลศ่วนาหวมร์นตโสรอืๆSๆตทินบักcเเรแุลปตจหlนeงหนลล็มรrี้มกo้ง้ีล่อือทีรลคแdายออี่มมือลeตสยยีขrคะนิmป่รูแในหลในวอยaาส้ลามวtกรดๆยุดaยั์ - ขบขมา้ า้รักงงิเพสวแณูงบหตง้พเแหาื้นลมด็ ทง้ขตี่ปอกา่าาโนขลรไอพ่มเปงบ้ หเน็เนหมดนิ ด็ู่บชั เต้านขานาชี โทอว้ีลี่มดัุดใ่ นคีดมปวิน-สาา่ทมมหบั ชบวั ถมุ่ไูรมรณชป่กน้ื ์นลนั ข้ีมานอยีคางนวนพาานื้ เมทปดสาน็นิ งมกอไบดาสี ูรดร้ าณบีนเง่พ์คคช่อร่อว้ี านนา่ ะ ขอ้ มลู จาก: ศูนย์วิจยั พืชสวนศรีสะเกษ 58

The Hero: รักษ์ป่าบ้านเฮา การอนุรักษ์ป่าหัวไร่ปลายนา เห็ดระโงกชอบข้ึนบนต้นยางนา เด็กรู้ อยา่ งยง่ั ยืน สง่ิ สำ�คญั คอื การปลูกจติ วา่ อยากกนิ เหด็ ระโงกตอ้ งมาทตี่ น้ นน้ี ะ “เด็กๆ มาเขา้ แถวตามกล่มุ เลย สำ�นึกให้เยาวชนรุ่นลูกหลาน หากเด็ก ถ้าอนุรักษ์ต้นยางนาไว้เราได้กินเห็ด ครบั กอ่ นเข้าไปส�ำ รวจเหด็ และพนั ธ์ไุ ม้ ในชมุ ชนไมส่ นใจเหน็ คณุ คา่ ของปา่ แลว้ ระโงกทกุ ปี มนั เชอ่ื มโยงกนั ถา้ อยากให้ ในป่าหัวไร่ปลายนา เช้านี้พี่ๆ จาก ป่าหัวไร่ปลายนาคงอยู่ได้แค่รุ่นพ่อ เห็ดในธรรมชาติมีมากข้ึน ลองเอา สวทช. จะมาใหค้ วามรเู้ รื่องเทคโนโลยี รุ่นแม่เท่าน้ัน สวทช. เล็งเห็นและ สปอรไ์ ปขยร้ี อบโคนตน้ ไมด้ วู า่ เหด็ จะขน้ึ ที่ใช้สำ�รวจป่า หรือการใช้จีพีเอสกัน ตระหนักถึงการสร้างพลังเยาวชนเพื่อ มยั้ ถา้ ไมข่ นึ้ เปน็ เพราะมคี วามชน้ื ไมพ่ อ ก่อน” เสียงเด็กหนุ่ม ผมยาว รูปร่าง สานต่อและดูแลรักษาปา่ อยา่ งย่ังยนื หรือลองเอาท่อนไม้ในป่ามาเพาะใน สันทัด ดังขึ้นแข่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจ บ้าน เห็ดเจริญเติบโตได้หรือไม่ ของเด็กๆ ที่มารวมกันใต้อาคาร อุไรพรรณ ปรางอุดมทรัพย์ กิจกรรมท้ังหมดนี้เป็นเคร่ืองมือท่ีไม่ได้ โรงเรยี นกว่า 40 คน หรอื หมูแดง ผู้อำ�นวยการฝา่ ยชมุ ชน สอนแค่ให้เด็กหาเห็ดเป็น แต่สอนให้รู้ และผู้ด้อยโอกาส สวทช. กล่าวว่า วา่ การดแู ลเหด็ ดแู ลปา่ ตอ้ งท�ำ อยา่ งไร” ภิรมย์ ประพฤติธรรม หรือ พยายามดึงเยาวชนมาเรียนรู้และ ยอด หนึ่งในเยาวชนที่ไม่เดินตาม ตระหนักเรื่องป่าหัวไร่ปลายนา พ้ืนที่ การจดั กจิ กรรมเรยี นรใู้ นปา่ หวั ไร่ กระแส ภริ มยล์ ะทงิ้ ชวี ติ แรงงานในเมอื ง ตรงนี้มีความหลากหลายของเห็ดมาก ปลายนาไมเ่ พยี งน�ำ วทิ ยากรจากหนว่ ย หลวง หันกลับสู่บ้านเกิดเพื่อเป็น เร่ิมแรกใช้เห็ดเป็นตัวนำ�เร่ืองในการ งานภายนอกเข้าไปให้ความรู้ แต่ดึง เกษตรกร และร่วมเป็นแกนนำ�รุ่นสอง อนุรักษป์ ่า จดั กิจกรรมคา่ ยเยาวชนคน เยาวชนในพ้ืนท่ีมาร่วมเป็นแกนนำ�ใน ในการสานต่อการสร้างจิตสำ�นึกรักษ์ รักเห็ด หลังจากน้ันมีค่ายสำ�รวจป่า การจดั กิจกรรมด้วย ปา่ หวั ไร่ปลายนาใหเ้ ยาวชน อนรุ กั ษ์ปา่ อไุ รพรรณ กลา่ ววา่ จดุ เดน่ ของ “เริ่มต้น พี่ดำ�เกิงชวนไปร่วม “เดก็ ๆ เขา้ ไปชว่ ยพอ่ แมเ่ กบ็ เหด็ พ้ืนท่ีหมู่บ้านอุดม-สมบูรณ์ คือ ทีม กิจกรรมกับมูลนิธิพัฒนาอีสาน และ แต่ไม่รู้ว่าเห็ดเติบโตอย่างไร ทำ�หน้าท่ี เยาวชนเขม้ แขง็ มาก เปน็ เดก็ จบแค่ ม.3 สวทช. ครบั ตอนแรกไปเพราะหาคนไป อะไรในระบบนิเวศ หรือหากจะเพาะ หรอื ปวช. แตไ่ มเ่ ขา้ เมอื ง ไมอ่ ยากเปน็ ไมไ่ ด้ (หวั เราะ) แตพ่ อท�ำ กจิ กรรมตา่ งๆ ขยายเห็ดในธรรมชาติต้องทำ�อย่างไร ลกู จา้ ง เลอื กมารวมตวั กนั มาเรยี นรกู้ บั ท้ังพลงั งานทางเลอื ก กิจกรรมอนรุ ักษ์ เราปูความรู้พื้นฐานเหล่าน้ีให้เด็ก ให้ ผรู้ ใู้ นหมบู่ า้ น ทดลองท�ำ นา ปลกู ผกั แลว้ ป่าหัวไร่ปลายนา ไปเรียนรู้ ดูงาน มี เขาสงั เกตวา่ เหด็ ชนดิ ไหนมลี กั ษณะเดน่ มาชว่ ยสานตอ่ จดั กจิ กรรมการอนรุ กั ษป์ า่ โอกาสแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ ได้รับ อยา่ งไร มักพบอยใู่ กลต้ ้นไมอ้ ะไร เช่น หวั ไรป่ ลายนาใหเ้ ดก็ ๆ ในชมุ ชน 59

ความรใู้ หมๆ่ อยากเอามาพฒั นาบ้าน เพอ่ื นๆ อยากชว่ ย มาสอนบา้ ง จดั กจิ กรรมใหบ้ า้ ง มโี ครงการเพาะพนั ธุ์ ของเราเอง โดยเฉพาะปา่ หวั ไรป่ ลายนา กล้าไม้ให้เด็กๆ ช่วยกันเตรียมดิน ลงเมล็ด เฝ้าดูการเจริญเติบโต ได้ เวลาไปพูดคุยในเวทีต่างๆ รู้สึกภูมิใจ เรยี นรกู้ ารเจรญิ เตบิ โตของพชื เมอื่ ไดก้ ลา้ ไมม้ ากพอ จงึ จดั กจิ กรรมปลกู เนื่องจากหมู่บ้านอ่ืนเขาไม่มีป่าเหลือ ปา่ อยากใหเ้ ด็กรักปา่ เหมอื นท่ีเรารัก” ภิรมยเ์ ล่าอยา่ งภูมใิ จ แล้ว แตเ่ รามี อยากใหค้ นในชุมชนช่วย กันอนรุ กั ษเ์ อาไว”้ ทงั้ หมดนนั้ คอื ท่มี าของการจัดกจิ กรรมให้เดก็ ๆ ในชมุ ชน วันนี้ เราจะไปติดตามเด็กๆ ในค่าย “The Hero: รกั ษ์ปา่ บา้ นเฮา” แม้มาแบบไม่ตั้งใจ แต่หลังจาก ติดสอยห้อยตามพ่ีดำ�เกิงไปอบรมใน “ก่อนไปสำ�รวจปา่ หัวไร่ปลายนา ตอ้ งรู้จักวธิ กี ารเก็บข้อมลู และ หนว่ ยงานตา่ งๆ ไมน่ านนกั การไดเ้ หน็ จดบนั ทกึ กนั กอ่ น” ณฐั วฒุ ิ ด�ำ รหิ ์ หรอื บอย นกั วชิ าการจากฝา่ ยชมุ ชน ความต้ังใจจริงและการทำ�งานอย่าง และผดู้ อ้ ยโอกาส สวทช. กลา่ วถงึ กจิ กรรมทดี่ งึ ดดู ความสนใจจากเดก็ ๆ หนักของพด่ี �ำ เกงิ เปน็ แรงบนั ดาลใจให้ ไดไ้ ม่น้อย ภิรมย์ก้าวจาก “ผู้รับ” สู่บทบาทของ “ผถู้ ่ายทอด” ใหก้ บั เยาวชน “กจิ กรรมทเี่ ราท�ำ ไมใ่ ชแ่ คใ่ หเ้ ดก็ เดนิ เขา้ ปา่ หวั ไรป่ ลายนาแลว้ บอก ว่าเจอต้นอะไรแค่นั้นครับ เพราะนั่นเป็นวิถีของเขาอยู่แล้ว สิ่งท่ีเรา “ เริ่ ม แร ก เ ป็ น ค ณ ะ ทำ � ง า น พยายามทำ� คอื ใหเ้ ดก็ ไดส้ ำ�รวจและสัมผัสกับปา่ อย่างจรงิ จัง เด็กตอ้ ง ประชาสัมพันธ์ จากน้ันมาร่วมเป็น น�ำ เขม็ ทศิ และจพี เี อสมาใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการวางแปลงส�ำ รวจอยา่ งถกู พ่ีเลี้ยงจัดค่ายเยาวชนของ สวทช. ได้ ตอ้ ง และทสี่ �ำ คญั คอื บอกต�ำ แหนง่ ของแปลงส�ำ รวจ เพอื่ ใหเ้ ดก็ ๆ กลบั เรยี นรกู้ ระบวนการอนุรกั ษ์ การสำ�รวจ ไปส�ำ รวจตดิ ตามแปลงเดมิ ไดต้ อ่ เนอื่ ง เมอื่ เดก็ ไดเ้ หน็ พฒั นาการของปา่ ป่า พอมีความรู้มากข้ึน เห็นพ่ีดำ�เกิง ท่เี ขาอนุรกั ษไ์ ว้ ต้นไมโ้ ตขึ้นแคไ่ หน มีพชื อะไรเพม่ิ ขนึ้ บา้ ง ท�ำ ใหเ้ ด็กๆ ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมีความพยายามใน รู้สึกผูกพันกับป่า ความรู้เก่ียวกับจีพีเอสเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเปิด การอนุรักษ์ป่ามาก ทำ�ให้ผมและ โลกทัศน์ของเด็กให้กวา้ งมากยิ่งข้นึ ” ณัฐวุฒอิ ธิบาย 60

นอกจากใช้เครื่องมือจพี ีเอสแล้ว เดก็ ๆ ได้ฝกึ ใช้ “เม่ือก่อนเข้ามาช่วยแม่เก็บเห็ด เก็บดอก ความรทู้ างคณิตศาสตร์ เชน่ การใช้ตรีโกณมิตวิ ัดความ กระเจียวไปขายเท่าน้ันค่ะ ไมไ่ ด้มาสำ�รวจอะไรแบบน้”ี สูงของต้นไม้ การวัดเส้นรอบวงของต้นไม้เพ่ือหาเส้น นอ้ งนวล หรือ ด.ญ.พิกุลทอง สนี สนั งาม เลา่ ให้ฟัง ผ่านศูนย์กลางสำ�หรับการคำ�นวณหาปริมาณก๊าซ ระหวา่ งเดินทาง คารบ์ อนไดออกไซด์ ที่สะสมอยู่ในเน้ือไม้ ทั้งหมดนี้เป็น วิธีการเก็บข้อมูลท่ีเด็กๆ ต้องนำ�ไปปฏิบัติจริงในการ กวา่ สามชว่ั โมงส�ำ หรบั หอ้ งเรยี นในปา่ เดก็ ๆ ชว่ ย สำ�รวจปา่ หวั ไร่ปลายนา กนั ทำ�กิจกรรมอยา่ งต้งั ใจ คนหนง่ึ วัด คนหน่งึ จดบันทกึ มีพี่เล้ียงเยาวชนในหมู่บ้านคอยดูแล ช่วยเหลืออย่าง รถกระบะและรถบรรทุกขนาดเล็กเต็มไปด้วย ใกล้ชิด อีกทั้งยังมีพ่อดำ�เกิง พ่อเสมือน ปราชญ์ เด็กๆ ที่กำ�ลังส่งเสียงหัวเราะ หยอกล้อกันอย่าง ชาวบา้ นทสี่ ละเวลามาเป็นผรู้ ู้ใหเ้ ด็กๆ ไดซ้ ักถามตน้ ไม้ สนุกสนาน รถค่อยๆ เคล่ือนขบวนออกจากโรงเรียน ท่ีพวกเขาไม่รู้จักตลอดเวลา เป็นห้องเรียนท่ีน่าร่ืนรมย์ เพอื่ เดนิ ทางไปบกุ ปา่ หวั ไรป่ ลายนา ดเู หมอื นวา่ การเดนิ ยิ่งนกั ทางครั้งนีส้ รา้ งความตืน่ เต้นให้พวกเขาไม่นอ้ ย 61

“เด็กๆ การขุดมันที่ถูกวิธี ต้องทำ�อย่างไรบ้าง” พ่อ “พวกเรากเ็ กบ็ ได้ นเ่ี หด็ โคน เหด็ ไค และกระเจยี วดว้ ย” เสมือนเอ่ยถาม เด็กผู้หญิงพากันโชว์ส่ิงของท่ีอยู่ในมือ ก่อนหัวเราะอย่าง สนุกสนานกับบรรดาพันธ์ุพชื และเหด็ ทีม่ มี ากเหลือเกนิ “ขุดลงไปตรงๆ ครบั ” เดก็ คนหนึง่ ตอบ “ขดุ ไปตรงๆ ตน้ กข็ าดละ่ ส”ิ พอ่ เสมอื นบอก กอ่ นหยบิ บ่ายคล้อยเต็มที ชั่วโมงเรียนอันแสนสนุกท่ามกลาง จอบมาสาธติ การขุดมนั ให้เด็กๆ ดู ธรรมชาติจวนหมดเวลาแลว้ “การขุดมันต้องขุดห่างจากลำ�ต้นเล็กๆ ที่งอกข้ึนมา เหนอื ดนิ สกั ประมาณหนง่ึ นว้ิ เพราะวา่ หวั มนั อยดู่ า้ นขา้ ง ถา้ “ทุกวันน้ีป่าหัวไร่ปลายนาของพ้ืนท่ีตำ�บลชุมแสง ขุดลงไปเลยจะชนโคนต้นขาด แล้วก็ตาย ถ้าขุดด้านข้าง รวม 7 หมบู่ า้ น และปา่ ของหมบู่ า้ นอดุ ม-สมบรู ณม์ ี 2,409 ไร่ สงั เกตหวั มนั ยงั คงอยู่ เวลาขดุ เสรจ็ ตอ้ งเอาดนิ กลบไวเ้ หมอื น ก า ร อ นุ รั ก ษ์ ป่ า หั ว ไ ร่ ป ล า ย น า ต อ น น้ี แ ผ่ ข ย า ย ไ ป ยั ง เดิม หวั มันแทงออกมาใหม่ มีมันกนิ ตลอดปี ถา้ ไมก่ ลบดนิ หมู่บ้านอ่ืนๆ และเกิดเป็นแนวร่วมทั้งตำ�บล มีการจัดต้ัง ตน้ มนั จะตาย ส�ำ คญั นะ นเ่ี ปน็ การใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง เป็นกลุ่มเครือข่ายป่าหัวไร่ปลายนาและป่าชุมชนของตำ�บล และยั่งยืน” พ่อเสมอื นกลา่ ว ชมุ แสงครบั ” ภริ มยก์ ลา่ วกบั เราระหวา่ งเกบ็ อปุ กรณก์ อ่ นเดนิ “ได้มาสำ�รวจป่ากับเพื่อนๆ พี่ๆ รู้สึกสนุก ดีใจและ ทางกลบั ภมู ใิ จวา่ ปา่ ของเรามพี ชื มากมายทเี่ อามากนิ มาใชป้ ระโยชน์ ไดค้ รบั ” นอ้ งแบงค์ หรอื ด.ช.ชวมยั สามารถ กลา่ วถงึ ความ “เราคาดหวังกันว่าการอนุรักษ์ป่าหัวไร่ปลายนา ประทับใจ และเมื่อถามว่า ถ้าโตข้ึนจะถางป่าเพ่ือปลูกพืช ขอแคไ่ มล่ ดลงและไมท่ �ำ ลาย ปา่ กวา่ จะโตไดใ้ ชเ้ วลาเปน็ สบิ ๆ ปี อย่างอ่ืนมั้ย เขาตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ผมไม่ตัดป่าหรอก อยากใหเ้ ยาวชนรุ่นนอ้ ง รวมถงึ คนในชมุ ชนเห็นคุณคา่ ของ ครับ เอาไวเ้ กบ็ เห็ดกิน” ต้นไม้ในป่า ถ้าไม่เพิ่มป่าก็อย่าทำ�ลายป่า น่ันคือ ส่ิงท่ี “เห็ดๆ เราเจอเห็ดแลว้ ” เด็กชายรูปรา่ งทว้ ม ผวิ คล้�ำ เยาวชนอย่างพวกเราหวังไว”้ บทสนทนาสุดท้ายจากภริ มย์ เก็บเห็ดและรีบว่ิงมาให้เพ่ือนดู ด้วยความม่ันใจว่าเขาเป็น ก่อนปลีกตัวไปถา่ ยรูปกับเด็กๆ ทคี่ อยอยู่ คนแรกท่ีเจอเหด็ ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า คือ สายใยรักและความ ผูกพันระหว่างคนในชุมชน และคนกับป่า อุดมด้วยคุณค่า ไมต่ า่ งจากความสมบรู ณข์ องปา่ เบอ้ื งหลงั ทเ่ี ราเดนิ จากมาเลย 62

ใช้ธรรมชาติสร้าง “พลังงานทดแทน” การอนุรักษ์ปา่ หวั ไรป่ ลายนา ไมเ่ พียงปรับเปล่ียนวิถชี วี ิตและรปู แบบการ ใชท้ รัพยากรอย่างเหมาะสมเทา่ นั้น แตม่ ผี ลให้คนในหมบู่ า้ นเปล่ยี นแนวคิดมาสู่ การใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด หรือ พลังงานทดแทน เดมิ การใช้พลงั งานในหมู่บา้ นอดุ ม-สมบูรณ์ มาจากการเผาถ่านเปน็ หลกั ชาวบา้ นเผาถา่ นด้วยวิธเี ผากลบดนิ หรอื เตาผี ตอ้ งใชท้ ่อนไมข้ นาดใหญ่ มกี าร ตัดต้นไม้จากป่าหัวไร่ปลายนามาใช้จำ�นวนมาก ช่วงนั้นชาวบ้านพยายามหาวิธี แก้ปัญหา มูลนิธิพัฒนาอีสานและอาศรมพลังงานนำ�โครงการผลิตถ่านและ การจดั การทรพั ยากรปา่ ไมอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเขา้ มาในพน้ื ท่ี มกี าร อบรมใช้เตาเผาถ่านดว้ ยถังนำ�้ มนั 200 ลิตร จดุ เดน่ คอื ใชเ้ ศษกงิ่ ไม้ ปลายไมจ้ ากการ ตดั แตง่ กง่ิ มาเผาถา่ นได้ และเตาหงุ ตม้ ประสิทธิภาพสูงท่ีใช้ถ่านน้อยแต่ให้ พลังงานมาก การเลอื กใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสม ลดการใช้ทรัพยากรป่าไม้ได้มาก ทำ�ให้ ชาวบ้านสนใจและหันมาใช้พลังงานทาง เลือกอย่างจริงจัง สวทช. จึงนำ�เทคโนโลยี พลังงานเข้ามาช่วยส่งเสริมถ่ายทอดให้กับ คนในชุมชน 63

หุงต้มด้วย “แก๊สชีวภาพ” จากมูลสัตว์ อาชีพหลักของชาวบ้านในหมู่บ้านอุดม-สมบูรณ์ แต่ สวทช. แนะนำ�ว่าลองมาทำ�ไบโอแก๊ส เอามูลสัตว์ นอกจากการทำ�นา ปลูกผักแลว้ รองลงมาคือเลี้ยงวัว ควาย เหลา่ นี้ไปใสใ่ นบ่อปนู หมกั ไว้ 2-3 วนั ก็มแี กส๊ ลอยขน้ึ มา เรา “มูลสัตว์” ถือเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำ�แก๊สชีวภาพ หรือ ต่อท่อจากบ่อ นำ�แก๊สไปใช้หุงต้มในครัวเรือนได้เลย ใช้ได้ ไบโอแก๊สเลยทีเดียว อยา่ งนอ้ ยวันละ 2 ชัว่ โมง กากข้ีวัวท่ผี า่ นการหมักยงั น�ำ ไป ใชเ้ ปน็ ปยุ๋ ตอ่ ได้ เอาไปใชร้ ดผกั ใสแ่ ปลงนาไดเ้ ลย พชื ผลเขยี ว กัลยารตั น์ กล่าวว่า บอ่ แก๊สชีวภาพทใ่ี ช้ในบา้ นอุดม- งามตลอด ได้ท้งั พลงั งาน ท้ังปุ๋ย ครบเลย เป็นอะไรท่ีดมี าก สมบรู ณ์ เปน็ บ่อแบบโอ่งฝังดิน ดดั แปลงจากแบบยอดโดม เปน็ บอ่ สรา้ งจากโอง่ น�้ำ ขนาดใหญเ่ ปน็ โครงสรา้ งหลกั มบี อ่ - ไมต่ อ้ งเสยี เงนิ สกั บาท เอาของทม่ี มี าท�ำ หมัก บ่อเติม บ่อล้น และหัวแก๊สเป็นองค์ประกอบหลัก เปน็ พลังงาน ไม้ในป่าไมต่ อ้ งตัด ชอบ บ่อหมักต้องปิดอย่างมิดชิด เป็นการหมักภายใต้สภาวะท่ี มากเลย (หวั เราะ)” พ่ีด�ำ เกงิ เล่า ปราศจากออกซิเจน เมื่อนำ�มูลสัตว์และเศษอาหารมาหมัก เกิดแก๊สชีวภาพ น�ำ มาเปน็ เช้อื เพลงิ ใหค้ วามรอ้ นได้ “แตก่ ่อนผมเลี้ยงววั ควาย เอาขี้วัว ข้คี วาย มาลงนาหมด เพราะผมท�ำ เกษตร อินทรีย์ ข้ีวัว คือ ปุ๋ยช้ันดีเลย 64

“สูบน้Ó” ด้วย “ไฟฟ้า” พลังงานจากแสงอาทิตย์ ในพื้นท่ีห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ “ตอนนั้น สวทช. มาอบรมใน บอ่ น้�ำ เพอ่ื สูบนำ�้ มาใส่ถงั ขนาด 2,000 ของภาคอีสาน แสงแดดอันร้อนระอุ พนื้ ทเ่ี ลย พอมีการติดต้ัง ใช้ได้ ดใี จนะ ลิตร สำ�หรับรดนำ้�ต้นไม้และปลูกผัก ถือเป็นทางเลือกหน่ึงในการแปลงเป็น เอามาใชส้ ูบนำ้�เลย้ี งวัว มนั ง่าย เดก็ ๆ และต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่าง พลังงานเพ่ือการเกษตรได้เหมาะสม มาหัดตัดแผงโซลาร์แล้วประยุกต์ทำ� กบั ชาวบา้ นที่มาใชน้ �ำ้ ช่วงหวั ค�่ำ และคุม้ คา่ ทีส่ ุด เป็นไฟฉาย ชาร์จโทรศัพท์ ใช้กับวิทยุ ไมต่ อ้ งใช้ไฟฟา้ ไม่ต้องใชถ้ า่ นเลย เอา “ทีมนักวิจัยไปวัดปริมาณความ อไุ รพรรณ กลา่ ววา่ พนื้ ทบี่ างจดุ แบตเตอร่ีโทรศัพท์เก่าต่อจากวิทยุมา เข้มแสงและออกแบบการวางแผง ในหมบู่ า้ นอดุ ม-สมบรู ณ์ เปน็ พนื้ ทไ่ี มม่ ี เชื่อมตอ่ กับทรานซิสเตอร์ ฟังสบายทั้ง โซลาร์เซลล์ ต้องใช้ประมาณ 6 แผง ไฟฟ้าใช้ ทำ�ให้การเกษตรทำ�ได้ยาก วันเลย (หวั เราะ)” พี่ดำ�เกงิ เล่า โซลารเ์ ซลลท์ เ่ี อามาตดิ ตง้ั มี 2 ระบบ คอื ชาวบา้ นสนใจพลงั งานแสงอาทติ ยเ์ ปน็ ระบบอาศัยแบตเตอรี่เพื่อชาร์จไว้ใช้ ทุนเดิม จึงมีการนำ�เทคโนโลยีน้ีมา ดว้ ยความตง้ั ใจจรงิ ของชาวบา้ น จ่ายไฟกลางคืน กับระบบท่ีไม่ต้องใช้ ถ่ายทอดให้ชุมชน แต่ไม่ได้นำ�แบบ จนเรียนรู้การติดต้ัง บำ�รุงรักษาด้วย แบตเตอรี่ ส�ำ หรบั สูบน้�ำ สำ�เร็จรูปมาให้ เร่ิมต้นด้วยการเอา ตนเอง ทำ�ให้หลายฝ่ายมองว่าการนำ� แผงโซลาร์ที่แตกหัก แต่ยังจ่ายไฟได้ เทคโนโลยีไปให้คงไม่สูญเปล่า ต่อมา แน่นอนว่าในพ้ืนที่ท่ีไม่มีไฟฟ้า ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบัน สวทช. ไดน้ �ำ ต้นแบบแผงโซลารเ์ ซลล์ที่ เขา้ ถึง ไมม่ เี ครอ่ื งสบู น�้ำ การนำ�น�้ำ จาก พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ สวทช. สมบูรณ์มาตดิ ตง้ั ในพ้นื ท่ี บ่อมาสู่พืน้ ทีเ่ กษตรไม่ง่ายเลย การขอ ไปให้ชาวบ้านทดลองก่อน จัดอบรม ไฟฟ้าต้องใช้งบประมาณสูงมากและมี โดยทีมวิทยากรอาจารย์นันท์ ภักดี ชาตรี ตั้งอมตะกุล นักวิจัย ขั้นตอนยุ่งยาก ในขณะท่ีการใช้โซลาร์ นกั วชิ าการอสิ ระ มาสอนการซ่อมแซม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ เซลล์ แค่ติดตั้ง ก็ได้ทั้งไฟฟ้าและแสง ติ ด ต้ั ง แ ล ะ บำ � รุ ง รั ก ษ า เ บ้ื อ ง ต้ น ใ ห้ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) (เดิม สว่าง ต้นทุนในปัจจุบันไม่ได้แพงมาก ชาวบา้ นทศี่ นู ยเ์ รยี นรู้ เพราะเชอ่ื วา่ หาก สั ง กั ด ส ถ า บั น พั ฒ น า พ ลั ง ง า น แ ส ง เหมือนเม่ือก่อน จากแผงละ 3,500 ชาวบ้านไม่มีทักษะในการใช้ การดูแล อาทติ ย)์ ส�ำ นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ บาท ตอนนเ้ี หลอื 2,000 กวา่ บาท อายุ และรักษาแล้ว ย่อมไม่สามารถใช้ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) การใช้งานประมาณ 10-20 ปี ถอื เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ั ยนื กล่าวว่า ชาวบ้านประชุมกันและลง เทคโนโลยีที่เหมาะสมและเป็น ความเห็นว่า ให้มีการติดต้ังแผงโซลาร์ ประโยชน์ต่อชาวบา้ นมากท่สี ดุ ” ชาตรี เซลล์ที่บริเวณสนามหญ้าในวัดใกล้กับ กล่าว 65

อบเมล็ดพันธุ์ ใน “โรงเรือนอบแห้งพลังแสงอาทิตย์” นอกจากลดการใช้พลังงานจากภายนอก พึ่งพาพลังงานของตัวเองแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้าน อุดม-สมบูรณ์ มีการผลิตเมลด็ พนั ธ์ุพชื ผกั เพอ่ื ใชใ้ นการเพาะปลูกภายในครัวเรือน พด่ี �ำ เกงิ เลา่ วา่ มกี ารท�ำ เมลด็ พนั ธ์ุ และ มผี ลผลติ พชื อยมู่ าก การท�ำ เมลด็ พนั ธ์ุ เรม่ิ จากน�ำ เมลด็ มาตากใหแ้ หง้ เดมิ ใชว้ ธิ ตี ากแดดบนสงั กะสตี ามไรน่ าตอนกลางวนั ชว่ งเยน็ รบี มาเกบ็ เพราะตอนกลาง คนื กับตอนเชา้ มหี มอก มนี �ำ้ ค้าง ท�ำ ให้เมลด็ ไมแ่ ห้งกรอบ กลบั มานมิ่ ใหม่ ตอ้ งทำ�เชน่ น้ีเปน็ เดอื นกว่า เมลด็ จะแหง้ สนทิ เพอื่ ประหยดั เวลา ลดการปนเปอ้ื นของผลผลติ และเมลด็ พนั ธุ์ สวทช. น�ำ เทคโนโลยี โรงเรอื นอบแหง้ พลังงานแสงอาทิตย์ ไปใหช้ าวบา้ นในพ้นื ท่ี ปร“ุงถดินั่วดพ้วยร้า” ดทเนิฉำ�ทพนีม่าาะอาจนิเ“กานทกษารขตีย“า้ถร์ขวกว่ัออรพงบินครา้ท้านน”รพอียื้น”์ดุ ทมทีน่ -ี่เรสี้ ค่ิมมอืขบยรูกาณายรม์ตใอีชวั ป้อาชยยุ๋ พี่าพงหืชมลสากัดกใสนเำ�คกหลารด็รับทลป�ำบั รนใับนาปกโรดาุงรย เเคเไพกมไมรื่นโิอปื่อลหไ่ลใไดโลเชง็วดดกตอม้สูกจ้่า้อทรราปี�ำ่าไนมัเย่ีดสแอยจรผ่า้าะกตานปลห6งโรงถ่ำ�่จลผ0ดยรไพัว่ั1ดกู-ดือลีชวพ6ิ0ษแนล้ินิธต5-รบอปกีิยอเข์2า้พวาบอ๋ยุอม0กเรยนัี แโกปงปผเรงกถอพล็นยิทเวิโั่วปมผูกาเลพหำ�พปน็ะโลหกกุ้ืชมมป็นริปตมารใเ้าเลแย๋รัุมหเนุนมปไถูกช้ธียเถ(ลว็วนทนน้ัเามกท็ียดตดนี่ำ้�อซลปียนแหไุเีิยาลับทนลบสลนมหเา่กูโลเฟ้วเักใตานทแพชับตตแรรน้ั่าบป้่อืกสเ้หมกจบฏับเ4ัต้งับฝปลนห7ิบพ)วกัก้น็าป-ยตั์ืชอ9า2งปรอมิให5อร่0นิมชุย๋ดใีล0น้ำา�้ส3สใเกักหใณปห่ปกชโิกวก้ล็นัุ๋ยดเสล้ิิธโปปบักหลยูงทีาลน็รดคกลูเยำ�เูกรัมอนิอืปรุมยๆียไาัมน็ดาถปหหป้งห2ั่วลาคม่าล3ยุ๋พรรกูยรีธัง-ืพอไรแ4้ัจงาด้าืชบ8คาต้ สก่าบุ ด- 66

โรงเรือนอบแห้งพลังงานแสง “มันต่างกันเยอะเลยนะ มีโรง ประตู สบายเลย แคไ่ มก่ วี่ นั เทา่ นนั้ ใชไ้ ด้ อาทติ ย์ เปน็ เรอื นไมส้ ดี �ำ หลงั คามงุ ดว้ ย เรือนกับไม่มีโรงเรือน” พ่ีดำ�เกิงกล่าว นอกจากน้ีชาวบ้านเอาผลผลิต เช่น ไฟเบอรก์ ลาสใส รอบโรงเรอื นดา้ นนอก ก่อนเดินไปขยุ้มถ่ัวพุ่มท่ีตากไว้ใส่มือ พรกิ กล้วย ปลา สมนุ ไพรมาตาก เก็บ ถูกตปี ิดด้วยลวดตะแกรง ดา้ นในมกี าร ใหด้ ู ไวก้ นิ ได้ ประโยชนข์ องโรงเรอื นอบแหง้ ปิดคลุมด้วยพลาสติกหนา 2 ช้ัน น้ีไม่ได้แค่แห้งเร็วนะ แต่ว่าป้องกันฝุ่น แสงแดดที่พาความร้อนเข้าไปบางส่วน “แห้งกรอบเลย ดสู ิ เรว็ มากนีใ่ ช้ เชื้อโรค เช้ือรา แล้วตากได้ในฤดูฝน ถูกพลาสติกกักเก็บไว้ ไม่สะท้อนออก เวลาแค่สองสามวนั เมอ่ื ก่อนต้องตาก ดว้ ย” ไป อุณหภูมิภายในโรงเรือนจึงสูงกว่า 3 เดือน สบาย ไมต่ ้องมานงั่ กงั วลเป็น บริเวณโดยรอบ ห่วงเลย เอามาตากในโรงเรือน ปิด ปั จ จุ บั น ศู น ย์ เ รี ย น รู้ ก า ร พั ฒ น า ท่ี ดิ น ต า ม ห ลั ก เศรษฐกิจพอเพียง ไม่เป็นเพียงศาลาชุมชนวิทยาศาสตร์ เล็กๆ ท่ีมีไว้เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้เร่ืองการจัดการป่าหัวไร่ ปลายนา การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารท�ำ เกษตรอนิ ทรยี ์ หรอื พลังงานทางเลือกให้กับคนในหมู่บ้านอุดม-สมบูรณ์เท่าน้ัน แต่ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เป็นศูนย์ต้นแบบ สำ�หรับขยายผลการ ใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี นการพฒั นาชมุ ชนใหค้ นเดนิ ทางมาเย่ียมชมอย่างไม่ขาดสาย วิทยากรไม่ใช่ใครอ่ืนไกล คือ ชาวบ้านในพ้ืนท่ีที่พัฒนา สั่งสมองค์ความรู้และฝึกฝน ลงมือทำ� กระท่ังก้าวสู่การเป็นปราชญ์ที่พร้อมถ่ายทอด เร่ืองราวความสำ�เร็จของหมู่บ้านเล็กๆ ท่ีอุดมสมบูรณ์ด้วย ป่าหัวไร่ปลายนาและพลังงาน รวมทั้งได้รับการคัดเลือก ให้เป็น “หมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ของกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี  67

“หศมูนูบ่ ย้า์คนทชชอ่า้ศงงึกทเษที่ ใา่ียหบวญ้ารนท่ิมตี่สทาดุ ากใงนลาโลง”ก ภาพถา่ ยโดย นายพิเชฐ นุ่นโต จากอำ�เภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ไปทางทิศใต้ มีบริการนั่งหลงั ช้างชมหมบู่ ้าน เลอื กซือ้ สนิ ค้าโอทอป และ ท่หี มู่ 9 และ 13 บา้ นตากลาง ต�ำ บลกระโพ อำ�เภอทา่ ตูม มีโฮมสเตยส์ �ำ หรับผตู้ อ้ งการพักคา้ งแรม จังหวัดสุรินทร์ เป็นที่ตั้งของศูนย์คชศึกษาบ้านตากลาง (หมู่บ้านช้าง) นับว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก หา่ งจากศนู ยฯ์ ไป 3 กโิ ลเมตร สามารถเดนิ ทางไปชม การเลย้ี งชา้ งของชาวบา้ นตากลางไมเ่ หมอื นการเลย้ี งชา้ งของ บริเวณแม่นำ้�ชีและแม่น้ำ�มูลไหลมาบรรจบกัน หรือเรียกว่า ชาวภาคเหนือที่เล้ียงไว้ใช้งาน แต่ท่ีนี่เลี้ยงช้างไว้เป็นเพื่อน “วังทะลุ” ซึ่งมีทัศนียภาพท่ีงดงามน่าพักผ่อนและชวนให้ ร่วมชายคา ศึกษาในเชงิ ธรรมชาติ นักท่องเท่ียวได้สัมผัสการดำ�รงชีวิตของคนและช้าง หากมีโอกาสไปเท่ียวงาน “เทศกาลช้างและงาน รวมถึงประเพณีและวัฒนธรรมอันน่าชื่นชมของ “ชาวกวย” กาชาดจงั หวดั สรุ นิ ทร”์ ซงึ่ จดั ขนึ้ ทกุ ปใี นชว่ งสปั ดาหท์ ่ี 3 ของ แต่ละครัวเรือนเลี้ยงช้างไว้ในบ้าน เปรียบเสมือนเป็นส่วน เดือนพฤศจิกายน ที่สนามกีฬาศรีณรงค์จางวางและสนาม หนง่ึ ในครอบครวั นอกจากน้ีไดพ้ บปะพูดคุยกบั หมอช้างทีม่ ี แสดงช้าง จังหวัดสุรินทร์ ในงานมีการประกวดขบวนรถ ประสบการณใ์ นการคล้องชา้ งมานาน อาหารช้าง ชมขบวนแห่ช้างเข้าเมืองกว่า 300 เชือก การ แสดงชา้ ง ทงั้ ชา้ งเต้นรำ� ชา้ งวาดรูป ช้างปาลกู โปง่ ช้างเตะ ภายในอาคารศนู ยค์ ชศกึ ษาบา้ นตากลาง มพี พิ ธิ ภณั ฑ์ ฟตุ บอล ทไี่ มค่ วรพลาดคอื การแสดงจ�ำ ลองการท�ำ ยทุ ธหตั ถี ช้างรวบรวมประวัติความเป็นมาเก่ียวกับช้าง อุปกรณ์ที่ใช้ บนหลงั ชา้ ง มนี กั แสดงทง้ั คนและชา้ งหลายรอ้ ยชวี ติ ดสู มจรงิ คลอ้ งชา้ ง ขอ้ มลู ความรเู้ กยี่ วกบั ชา้ ง เชน่ ลกั ษณะส�ำ คญั ของ และอลงั การไมแ่ พ้หนังฟอรม์ ยักษ์ในโรงภาพยนตร์ ชา้ ง โครงกระดกู ชา้ ง วิธีการจับชา้ งในรปู แบบตา่ งๆ พธิ ีการ ต่างๆ ที่เก่ียวกบั ช้าง กิจกรรมทผ่ี ่อนคลายและเรียกรอยย้ิม ไดอ้ ย่างดีคือ การแสดงความสามารถของชา้ ง นอกจากนีย้ งั 68

แนะนÓการเดินทาง จงั หวดั สรุ นิ ทร์ หมบู่ า้ นอดุ ม-สมบรู ณ์ อÓเภอจอมพระ ตงั้ อยู่หมู่ที่ 5 ต�ำ บล ชุมแสง อำ�เภอจอมพระ จงั หวดั สรุ นิ ทร์ เดมิ ชาวบา้ น อพยพมาจากบา้ นผาง ชาว- บ้านถางป่าเพื่อทำ�ไร่ทำ�นา เน่ืองจากพื้นที่แห่งนี้เป็น เนินสูงใหญ่ไม่ค่อยมีแหล่ง น้ำ� สภาพโดยท่ัวไปเป็น พน้ื ท่ีทีแ่ ห้งแลง้ ชาวบา้ นจึง ต้ังชื่อหมู่บ้านตามสภาพ ภูมิศาสตร์ท่ีเรียกเป็นภาษา ท้องถิ่นว่า กูกทม หรอื โคก ใหญ่ และต่อมาเปลี่ยนชื่อ เปน็ “บา้ นอุดม” ภาพถ่ายดาวเทยี มจาก http://www.google.com/earth/index.html การเดินทาง รถยนต์ รถโดยสาร จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนน มรี ถโดยสารประจําทาง สาย 31 กรงุ เทพฯ-สนม-จอมพระ พหลโยธนิ ) แลว้ แยกเขา้ ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนน ออกจากสถานีขนสง่ สายตะวันออกเฉยี งเหนอื ถนน มติ รภาพ) ทจ่ี งั หวดั สระบรุ ี เมอ่ื ถงึ อ�ำ เภอสคี ว้ิ จงั หวดั กําแพงเพชร 2 (หมอชติ 2) ทกุ วนั โทร.0 2936 0667, นครราชสมี า มเี สน้ ทางใหเ้ ลอื ก 2 เสน้ ทาง 0 2936 0657 เสน้ ทางแรก เปน็ เสน้ ทางโชคชยั -เดชอดุ ม (ทางหลวง รถไฟ หมายเลข 24) ผา่ นอ�ำ เภอนางรอง จงั หวดั บรุ รี มั ย์ ผา่ น ออกจากสถานรี ถไฟกรงุ เทพฯ (สถานหี ัวลำ�โพง) และ อำ�เภอปราสาทแล้วเล้ยี วซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข สถานีบางซื่อ มีรถธรรมดา รถเร็ว และรถด่วนสาย 214 ตรงเขา้ ตวั จงั หวดั สรุ นิ ทร์ จากอ�ำ เภอเมอื งสรุ นิ ทร์ กรงุ เทพฯ-อบุ ลราชธานี แวะจอดทจ่ี งั หวดั สรุ นิ ทร์ และ ใช้ทางหลวงหมายเลข 214 ม่งุ หน้าอำ�เภอจอมพระ รถดเี ซลราง กรงุ เทพฯ-สุรนิ ทร์ สอบถามรายละเอียด ขบั ตอ่ ไปประมาณ 25 กโิ ลเมตร ใหเ้ ลย้ี วซา้ ยเขา้ สถู่ นน โทร. 0 2223 7010 และ 0 2223 7020, 1690 สถานี หมายเลข 2378 มงุ่ หนา้ อ�ำ เภอสตกึ ขบั ตอ่ ไปประมาณ รถไฟจงั หวดั สรุ นิ ทร์ โทร. 0 4451 1295, 0 4451 5393 12 กโิ ลเมตร ผา่ นบา้ นกระหาด มปี า้ ยบอกไป ต�ำ บล จากสถานีรถไฟไปอำ�เภอจอมพระ มีรถสองแถว ชมุ แสง เลย้ี วขวา ให้บริการ เสน้ ทางทส่ี อง ตรงเขา้ ตวั จงั หวดั นครราชสมี า วง่ิ ไป อ้างองิ ข้อมลู : http://www.paiduaykan.com/province/ ตามทางหลวงทจ่ี ะไปอ�ำ เภอดา่ นเกวยี น กอ่ นออกจาก ตวั เมอื งนครราชสมี าใหเ้ ลย้ี วซา้ ยเขา้ อ�ำ เภอหว้ ยแถลง Northeast/surin/transporation.html ตรงเข้าจังหวดั บรุ รี มั ยเ์ พ่อื วง่ิ เขา้ ส่จู ังหวัดสุรินทร์ จาก อ�ำ เภอเมอื งสรุ นิ ทรใ์ ชเ้ สน้ ทางเดยี วกบั เสน้ ทางแรก 69

“บหุกพมงบู่ ไพา้ รนแหดง่ บาาหลาลชาม” อ�ำ เภอแวง้ณจบา้งั นหบาลวาดแั ละนเจร๊ะเดาง็ ธวิ าส 70

71

ชื่นไอปท่าี่ฮชาลิมาด-บาหาลลาา ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบบนพื้นที่ ปลายด้ามขวาน ทำ�ให้ชื่อป่า “ฮาลา-บาลา” ดูเลือนลางไปจากความทรงจำ� ทว่าภายใต้ฉาก ความรุนแรงที่ปรากฏนั้น ฮาลา-บาลา ยังงดงาม ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด สิ่งมีชีวิต บางชนิดขึ้นชื่อว่าเป็น “หนึ่งเดียวแห่งสยาม” คือใบไม้สที อง นอกจากนี้ยงั มี “หมบู่ า้ นดาหลา” แ ห ล่ ง ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ จ า ก ไ ม้ ด อ ก สี ห ว า น ทั้ ง ดอกดาหลา ชาดาหลา รวมถงึ “ขา้ วย�ำ ฮาลา-บาลา” ของดขี น้ึ ชอื่ แหง่ เมอื งนราทร่ี อคอยนกั ทอ่ งเทย่ี ว มาเยี่ยมเยือน 72

ค้นขุมทรัพย์แห่งพงไพร “ตอนนดี้ เู งยี บเหงา เมอื่ ก่อนนักท่องเทย่ี วเยอะมาก ท้งั ปา่ ฮาลา-บาลาและปา่ พรุโตะ๊ แดง” สนุ ทร โต๊ะดำ� หรือ ทันทีท่ีล้อแตะรันเวย์สนามบินนราธิวาส ภาพข่าว “พ่บี ัง” เอย่ ขึ้น เหตกุ ารณค์ วามไมส่ งบในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใตแ้ วบขนึ้ มาชวั่ ขณะ ท�ำ ใหร้ สู้ กึ พะวงในใจ ทวา่ ตลอดเสน้ ทางทม่ี งุ่ หนา้ สุนทร โต๊ะดำ� นักวิชาการป่าไม้ ผู้ทำ�งานปกปักษ์ สู่ป่าฮาลา-บาลา แม้บ้านเรือนดูเงียบสงัด มีบังเกอร์ทหาร รกั ษาปา่ บาลาควบคกู่ บั การพฒั นาชมุ ชนแหง่ นย้ี าวนานกวา่ รักษาความปลอดภัยต้ังอยู่เป็นระยะ เรายังได้เห็นรอยยิ้ม 10 ปี ปัจจุบันดำ�รงตำ�แหน่งหัวหน้าโครงการสำ�รวจและ ของชาวบ้านท่ีข่ีมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมา ผู้คนดูเป็นมิตรและ รวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับป่าภาคใต้ กรมอุทยานแห่ง ใชช้ วี ิตตามวถิ ปี กติ ยิ่งเม่ือรถมงุ่ หน้าเขา้ สูเ่ ขตปา่ บาลา ภาพ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื และผอู้ �ำ นวยการหนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร ภูเขาสูงใหญ่สีเขียวขจีภายใต้ริ้วเมฆขาวได้กลบภาพแดน วจิ ยั รว่ มทางธรรมชาตวิ ทิ ยาปา่ พรแุ ละปา่ ดบิ ชนื้ ฮาลา-บาลา สนธยาทด่ี ูน่าหวาดกลัวไปอยา่ งสนิ้ เชิง จงั หวัดนราธวิ าส “ฮาลา-บาลา” ป่าดิบช้ืนติดชายแดนภาคใต้ เปน็ ทท่ี ราบกนั ดวี า่ ปา่ ฮาลา-บาลาและปา่ พรโุ ตะ๊ แดง บริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี มีพ้ืนที่ครอบคลุมสองจังหวัด คือ ป่าที่มีชื่อเสียงเป็นท่ีกล่าวขานของนักท่องไพรเสมอมา ส่วนทเี่ รียกว่า “ฮาลา” อยู่ในจงั หวดั ยะลา ส่วน “บาลา” อยู่ ว่า เป็นแหล่งรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพของ ในจงั หวดั นราธิวาส ปา่ ผืนนมี้ ีพน้ื ที่ต่อเน่อื งกับปา่ เบลมุ่ ของ สง่ิ มชี วี ติ ทง้ั พชื และสตั ว์ เปน็ ปา่ ทม่ี มี นตเ์ สนห่ แ์ ละเอกลกั ษณ์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อรวมกันแล้วกลายเป็นพ้ืนที่ป่าฝนเขต เฉพาะตัว ดงึ ดูดให้ผ้คู นเดนิ ทางเข้ามาสมั ผสั ไม่ขาดสาย รอ้ นขนาดใหญ่ทีส่ ุดในคาบสมทุ รมลายู 73

ธรี พชั ส ประสานสารกจิ หรอื “เอ” ผจู้ ดั การงานบรหิ าร การเข้าไปส่งเสริมครูและเยาวชนในพ้ืนที่เปรียบ โปรแกรมเทคโนโลยีฐาน ไบโอเทค สวทช. เล่าย้อนความ เสมือนการปลูกกล้าไม้เล็กๆ ท่ีขยายผลเติบโตไปสู่ความ เมื่อคร้ังท่ีไบโอเทคเดินทางลงพื้นท่ีว่า ไบโอเทคเป็นหน่วย ร่วมมือในการสำ�รวจวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ งานศกึ ษาความหลากหลายทางชวี ภาพ ปา่ ในภาคใตม้ คี วาม ในพ้นื ทปี่ ่าพรโุ ตะ๊ แดงและปา่ ฮาลา-บาลา พิเศษซ่อนอยู่มาก ตอนน้ันมองไปที่ป่าพรุโต๊ะแดงก่อน เพราะเปน็ ปา่ ผนื ใหญผ่ นื เดยี วและเปน็ ปา่ พรผุ นื สดุ ทา้ ยของ ธีรพัชส เล่าว่า ช่วงท่ีไปจัดกิจกรรมให้ครูและค่าย ประเทศไทย พอดี ดร.เฉลมิ พล เกดิ มณี นกั วจิ ัย ไบโอเทค เยาวชนในป่าพรุโต๊ะแดง มีโอกาสพบกับพี่สุนทร และ รู้จักกับนักวิจัยในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง จึงประสานนัดหมาย ดร.เชาวลติ นยิ มธรรม ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั หอพรรณไม้ กรม ขอเยี่ยมชมหน่วยงานวิจัยในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง คณะ ป่าไม้ (ตำ�แหน่งในขณะนั้น) ท้ังสองท่านอยู่ระหว่างการ ไบโอเทคจึงมีโอกาสลงพื้นท่ีร่วมกันในปี พ.ศ.2541 สำ�รวจพันธ์ุไม้ในป่าฮาลา-บาลา จึงชักชวนไบโอเทคร่วม สำ�รวจด้วยกัน เราพบว่า ป่าฮาลา-บาลาเป็นป่าดิบช้ืนที่ “หลงั จากลงพนื้ ทเี่ ราพบวา่ ปา่ พรโุ ตะ๊ แดง เปน็ ปา่ ทม่ี ี สมบูรณ์มาก และงานสำ�รวจบางส่วนขาดคนทำ� ต่อมา ลกั ษณะเฉพาะตวั มาก ดนิ มอี นิ ทรยี วตั ถนุ อ้ ย แตต่ น้ ไมเ้ ตบิ โต โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการ สูงใหญ่แน่นขนัด เป็นโจทย์วิจัยที่น่าศึกษา แต่เราไม่ได้เริ่ม ทรพั ยากรชวี ภาพในประเทศไทย หรอื โครงการ BRT หนว่ ย วจิ ยั ทนั ที เราเขา้ ไปสง่ เสรมิ การศกึ ษากบั ครแู ละเยาวชนกอ่ น งานภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของไบโอเทค และส�ำ นกั งานกองทนุ เน่ืองจากป่าพรุโต๊ะแดง มีนักเรียน นักท่องเท่ียวเข้ามา สนบั สนนุ การวจิ ยั (สกว.) ใหท้ นุ แกน่ กั วจิ ยั ทส่ี นใจเดนิ ทางไป ทัศนศกึ ษาจำ�นวนมาก เจา้ หน้าทีแ่ ละไบโอเทคเห็นพ้องกัน ศึกษาวิจัยใน “โครงการสำ�รวจความหลากหลายทาง วา่ นอกจากความรู้ด้านการอนุรกั ษ์ธรรมชาติแล้ว อยากให้ ชีวภาพป่าฮาลา-บาลา” มีการสง่ เสริมขอ้ มลู ทางวิทยาศาสตรเ์ ข้าไปด้วย ป่าฮาลา-บาลา เป็นป่าฝนเขตร้อนท่ีมีความอุดม ตอนน้ันไบโอเทคได้รับทุนสนับสนุนจากสำ�นักงาน สมบรู ณโ์ ดดเดน่ ทง้ั ความหลากหลายของพนั ธพ์ุ ชื และสตั วป์ า่ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งออสเตรเลีย (AusAID) มีไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงพืชสมุนไพรและพรรณ จึงนำ�เงินทุนดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการจัดนิทรรศการ ไม้ดอกหายากใกล้สูญพันธุ์จำ�นวนมาก ในปี พ.ศ.2542 ท�ำ ปา้ ยสอ่ื ความหมายในเสน้ ทางเดนิ ศกึ ษาธรรมชาติ รวมถงึ ไบโอเทค ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ การจัดอบรมครูและเยาวชนในพ้ืนที่ให้มีความรู้และทักษะ พนั ธพ์ุ ชื กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม จดั ตง้ั ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ตามแนวพระราชด�ำ รขิ องสมเดจ็ พระเทพ- “หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั รว่ มทางธรรมชาตวิ ทิ ยาปา่ พรแุ ละ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เก่ียวกบั การพฒั นาเด็ก ปา่ ดบิ ชน้ื ฮาลา-บาลา จงั หวดั นราธวิ าส” เปน็ นมิ ติ หมายอนั และเยาวชนในถิ่นทุรกนั ดารใหม้ ีชีวิตความเป็นอยู่ทด่ี ขี นึ้ ” ดวี า่ การออกตามหาขมุ ทรัพย์ของผืนปา่ ใหญ่ไดเ้ ริ่มต้นข้ึน สนุ ทร เลา่ เสรมิ วา่ “ตอนนน้ั ดร.กติ ตมิ า ไกรพรี พรรณ ส้ินสุดการพูดคุย รถกระบะสมรรถนะดีของสุนทร นักวิชาการจากไบโอเทค เข้ามาอบรมครูในโรงเรียนตำ�รวจ พาเราเดินทางมาถึงที่พัก เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอิงแอบ ตระเวนชายแดน (ตชด.) เพื่อให้ครูมีความรู้และนำ�กลับไป ขนุ เขาและธรรมชาติ เมื่อก้าวข้นึ บนั ไดหน้าบา้ นพัก เราพบ สอนให้เด็กท่ีโรงเรียนต่อ การสอนนักเรียนด้วยครูเพียงคน นกเงอื กตวั ใหญ่ ปากสเี หลอื ง คอสขี าวนวล ปกี สดี �ำ มะเมอ่ื ม เดียว เด็กอาจได้รับความรู้ไม่เต็มที่ เพราะครูแต่ละคนมี บินโฉบมาเกาะบนต้นไม้หน้าบ้าน เอนหัวไปมาเหมือน ความถนัดไม่เหมือนกัน ทีมงานจึงชวนครูท่ีผ่านการอบรม ก�ำ ลังทกั ทาย มาท�ำ กจิ กรรมรว่ มกนั จดั คา่ ยวทิ ยาศาสตรแ์ ละธรรมชาติ ดงึ จุดเด่นและความถนัดของครูแต่ละคนมาใช้ ให้ตัวแทนเด็ก “นกกกครับ เป็นนกของกลางที่ยึดมาจากพรานป่า จากแต่ละโรงเรียนหมุนเวียนมาร่วมกิจกรรม แรกๆ มีไม่กี่ เราท�ำ กรงใหม้ นั อยใู่ กลๆ้ บา้ นพกั เจา้ หนา้ ที่ มนั จะบนิ ไปบนิ โรงเรยี นหรอก ตอ่ มาชวนครจู ากโรงเรยี นในสงั กดั ส�ำ นกั งาน มาใกล้ๆ แถวนี้เป็นประจำ� เป็นนกรับแขกของท่ีน่ีครับ” คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) มารว่ มด้วย จน อัสมีลี อับดุลรอแม หรือ อามีน เด็กหนุ่มตำ�บลโละจูด เกิดเป็นเครือข่ายรักษ์ป่าบาลา ปัจจุบันมีสมาชิก 18 จงั หวดั นราธวิ าส เจา้ หนา้ ทห่ี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพาะเลยี้ งเนอ้ื เยอ่ื โรงเรยี นแลว้ ” ประจำ�หน่วยฯ อธิบาย 74

เมื่อหน่วยฯ จัดต้ังข้ึน นักวิจัยจากท่ัวประเทศเดินทางมาสำ�รวจ อย่างต่อเนื่อง ได้องค์ความรู้และความมหัศจรรย์ใหม่ๆ มากมาย สง่ิ มชี วี ติ หลายชนดิ ถกู คน้ พบเผยแพรส่ สู่ ายตาคนทวั่ โลกเปน็ ครง้ั แรก เชน่ ค้างคาวหน้าย่น ค้างคาวจมูกหลอด ท่ีนี่เป็นแหล่งรวมสัตว์ป่าท่ีหาพบ ไดย้ าก เชน่ นกเงอื ก มี 10 สายพนั ธ์ุ จาก 13 สายพนั ธทุ์ พี่ บในประเทศไทย ขาดเพยี งนกเงอื กสนี �ำ้ ตาล นกเงอื กสนี �้ำ ตาลคอขาว และนกเงอื กคอแดง เท่าน้ัน จากการศึกษานิเวศวิทยาและพันธุกรรมของนกเงือกพบว่า มีความหนาแน่นของนกเงือกสูงท่ีสุดประมาณ 47 ตัวต่อหนึ่งตาราง กโิ ลเมตร ปา่ ฮาลา-บาลาเปน็ แหลง่ รวมพนั ธพุ์ ชื กวา่ 300 ชนดิ ในจ�ำ นวนนน้ั มีพันธ์ุไม้ท่ีสำ�รวจพบใหม่และมีแห่งเดียวในโลก คือ ใบไม้สีทอง มีพันธไ์ุ มส้ �ำ คญั เช่น สยา กุหลิม หลุมพอ รวมถงึ พนั ธุไ์ มเ้ ฉพาะถิน่ อีก หลายชนิดที่ไมพ่ บในป่าดงดบิ อน่ื ๆ ของประเทศไทย เชน่ ปาลม์ บังสรู ย์ ตะเคียนชันตาแมว สยาเหลืองสยาแดง สยาขาว จากเขา หมากอ่อน “ไมต่ อ้ งเดนิ ปา่ ไปถงึ ยอดเขาสงู กช็ มพรรณไมป้ า่ ทสี่ วยงามและหา ยากไดค้ รบั ” อามนี กลา่ ว เพราะไมไ่ กลจากทพี่ กั มเี สน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติ ระยะ 1,500 เมตร และ 500 เมตร มีปา้ ยส่ือความหมายตลอดเส้นทาง ให้ศึกษาข้อมูลพันธ์ุไม้ เป็นห้องเรียนธรรมชาติป่าดิบช้ืนของที่น่ีครับ” อามนี กล่าว ...และนัน่ คือ จุดหมายส�ำ หรับการเดนิ ทางในรงุ่ เช้าของวนั พรุ่งน้ี 75

นานาชีวิต ใน “บาลาอินโฟ” ดวงตะวันไม่ทันปรากฏโฉม ของอิเล็กทรอนิกส์ไฟล์เพื่อให้ง่ายต่อ สองข้างทางเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นสูง เสียงชะนีกู่ร้องดังก้องป่าปลุกเราจาก การจัดเก็บข้อมูล ไบโอเทคได้พัฒนา ใหญ่เบียดเสียดแน่นขนัด สลับกับไม้ ท่ีนอน ไอเย็นจากขุนเขาที่คลอเคลีย โปรแกรมทน่ี �ำ เอาเทคโนโลยสี ารสนเทศ พมุ่ ขา้ งทางท่แี ตกกง่ิ ก้านสวยงาม หมอกขาวลอยมาปะทะกายให้ชื่นใจ ทางภูมิศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการ ต้นไม้หน้าบ้านยังชุ่มฉำ่�ด้วยหยาด รวบรวมข้อมูลความหลากหลายทาง “เดินป่าอยากเจอต้นอะไรเป็น นำ้�ค้างที่กลั่นตัวจากความช้ืนของ ชีวภาพของพรรณไม้ สัตว์ป่า และ พิเศษบ้างมั้ย” แบฮะถาม ค่ำ�คนื ที่ผา่ นมา ท�ำ ใหบ้ รรยากาศเชา้ น้ี ขอ้ มลู ทางกายภาพของผืนป่า ช่างเหมาะตอ่ การเดนิ ป่า “ใบไม้สีทอง” ใครบางคนตอบ เดินคุยไม่ก่ีนาที ถึงปากทาง อยา่ งไมล่ ังเล ก า ร สำ � ร ว จ เ ส้ น ท า ง ศึ ก ษ า เส้นทางศึกษาธรรมชาติ 500 เมตร ธรรมชาตริ ะยะทาง 500 เมตร ในวนั นี้ บริเวณนั้นมีชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง แน่นอนว่ามาเยือนป่าฮาลา- เราเดินทางพร้อมเจ้าหน้าท่ีหน่วย กำ�ลงั ถอื เชอื กร้อยโยงไปยงั เจา้ ลิงนอ้ ย บาลา นอกจากนกเงอื กแลว้ นกั เดนิ ทาง ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั รว่ มทางธรรมชาตวิ ทิ ยา ทีเ่ ดนิ สาละวนไปรอบๆ คอยอยู่ ส่วนใหญ่อยากเห็นใบไม้รูปหัวใจผิว ป่าพรุและป่าดิบช้ืนฮาลา-บาลา เพ่ือ กำ�มะหย่สี ีทอง ความงามทซี่ อ่ นอย่ใู น เก็บข้อมูลพันธ์ุพืชและสัตว์ป่ามาเติม “ลิงตวั น้ี ผ้ชู ่วยเราครบั ช่วยท�ำ ผนื ปา่ ฮาลา-บาลาแหง่ เดียวเทา่ น้ัน เต็มฐานขอ้ มลู ทีช่ ือ่ ว่า “บาลา อินโฟ อะไร ตอ้ งตามไปดกู นั ในปา่ ” ศาษนนั ท์ (Bala Info)” วาโซะ๊ หรอื แบฮะ คนสไุ หงปาดี จงั หวดั “ถ้าเป็นพันธุ์ไม้ท่ีมีข้อมูลอยู่ใน นราธิวาส เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ บาลา อนิ โฟ แลว้ อยากเหน็ ตอ้ งไดเ้ หน็ ระหว่างการเดินไปเส้นทาง ประจ�ำ หนว่ ยฯ มหี นา้ ทห่ี ลกั ในการดแู ล ครับ” แบฮะกลา่ ว ศกึ ษาธรรมชาติ ธีรพัชส เลา่ ความเป็น บาลา อนิ โฟ กลา่ วและยิม้ ก่อนนำ�ทาง มาของ บาลา อนิ โฟ วา่ เดมิ นกั อนกุ รม- เขา้ ปา่ ท้งิ ความฉงนสงสยั ให้ผูร้ ว่ มทาง ระบบสารสนเทศทางภมู ศิ าสตร์ วธิ านจดั เกบ็ ขอ้ มลู พนั ธไุ์ มด้ ว้ ยการวาด หน้าใหม่อย่างเรา ทไ่ี บโอเทคเขา้ มาพฒั นานน้ั ท�ำ งานรว่ ม ภาพทางพฤกษศาสตร์ เช่น ลักษณะ กบั ระบบจีพเี อส หรือ ระบบบอกพกิ ดั ของ ใบ ดอก ผล ตน้ บนกระดาษ พวก เดินเข้าป่าเพียงไม่กี่ก้าว เรา ทางดาวเทยี ม เมอ่ื นกั วจิ ยั เขา้ ปา่ ส�ำ รวจ เรามองกันว่า ควรจัดเก็บให้อยู่ในรูป สมั ผสั ถงึ ความสมบรู ณข์ องพงไพรผนื น้ี เจอพันธุ์ไม้ชนิดใด ใช้เคร่ืองจีพีเอส ค้นหาตำ�แหน่งเพื่อระบุพิกัดซึ่งมีค่า เป็นละติจดู ลองจจิ ูด บันทกึ ตำ�แหน่ง 76

ลงในฐานข้อมูล ดังนั้น บาลา อินโฟ ตลอดเสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาตไิ ม่ คำ�บอกเล่าทำ�เอาผู้เดินทาง ไมไ่ ดบ้ อกแคช่ นดิ ลกั ษณะทางกายภาพ เพียงพบพันธุ์ไมข้ ึน้ ชือ่ เชน่ ใบไม้สีทอง หลายคนรีบเดนิ จ้ำ�อ้าวออกจากป่า และชีวภาพของพืชและสัตว์ป่าเท่าน้ัน เรายงั ไดเ้ หน็ พชื เฉพาะถน่ิ ทหี่ าดไู ดย้ าก แต่ยังระบุตำ�แหน่งทพี่ บดว้ ย ในป่าดิบช้ืนหลายชนิด เช่น สยาแดง “นอกจากทากยกั ษแ์ ลว้ เสน้ ทาง ยวน ปาลม์ บงั สูรย์ เฟิร์นยกั ษ์ ดาหลา ศึกษาธรรมชาติ 500 เมตรนี้ ยังมี “เมื่อใดที่นักวิจัยหรือเจ้าหน้าที่ ปุดเดอื น มดไมย้ กั ษ์ ดว้ ย เปน็ มดทขี่ นึ้ ชอ่ื วา่ ใหญ่ อยากกลบั เขา้ ไปเกบ็ ขอ้ มลู พนั ธไุ์ มช้ นดิ เปน็ อันดบั สองของโลก” แบฮะเล่าตอ่ น้ันๆ อีก ทำ�ได้ไม่ยาก ให้เข้าไปดู “กอ่ นหนา้ นมี้ คี นเจอชา้ งในเสน้ ตำ�แหน่งพิกัดใน บาลา อินโฟ เท่านี้ ทางศกึ ษาธรรมชาตดิ ว้ ยนะ เปน็ ชา้ งแม่ “ทุกวันนี้คนที่มาขอใช้ข้อมูล นักวจิ ยั สามารถกลับเข้าไปศึกษาข้อมูล ลกู คาดวา่ นา่ จะขา้ มมาจากฝง่ั มาเลเซยี ” บาลา อินโฟ มีพอสมควรนะ ท้ังนัก เพิ่มเตมิ ได้ง่ายข้นึ ” ธรี พชั สกล่าวเสรมิ แบฮะเลา่ วชิ าการ นกั ทอ่ งเทยี่ ว ใครอยากรขู้ อ้ มลู มาขอเปดิ ดู เราชว่ ยสบื คน้ ใหค้ �ำ แนะน�ำ “ตน้ ไมต้ น้ นก้ี �ำ ลงั ออกดอกเรายงั “มนั มาแลว้ ” หญงิ สาวผรู้ ว่ มทาง มีประโยชน์มากสำ�หรับคนที่เข้ามา ไมม่ ขี อ้ มลู อาจตอ้ งเกบ็ ตวั อยา่ งมาถา่ ย ตะโกนข้ึน หลายคนหันไปด้วยความ ศึกษา ได้รู้ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง โดย ภาพ ถึงเวลาของผู้ช่วยแล้ว” แบฮะ ตกใจ เฉพาะนักวิจัยถือว่าช่วยเขาค้นหา กลา่ วและหนั ไปพยกั หนา้ กบั ชาวบา้ นท่ี ข้อมลู ไดม้ าก” แบฮะกล่าว คอยดูแลลงิ อยู่ “ทากนะไมใ่ ชช่ า้ ง” หญงิ สาวเอย่ เป็นคำ�เฉลยท่ีทำ�เอาหน้าถอดสีของ การเดนิ ทางวนั นแี้ มเ้ ปน็ เสน้ ทาง ลงิ กระโจนขน้ึ ตน้ ไมอ้ ยา่ งรวดเรว็ ผรู้ ว่ มทางเปลย่ี นไปเปน็ เสยี งหวั เราะใน ระยะสนั้ ๆ แตร่ อยทางทเ่ี ดนิ ผา่ นมา ได้ หายไปไม่ก่ีนาที ลงมาพร้อมกับช่อ ฉบั พลนั สัมผัสธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ ได้ ดอกไม้สีขาวในมือ พบเห็นความงามท่ีซ่อนตัวอยู่ในป่า “ธรรมดานะ มาป่าฮาลา-บาลา ฮาลา-บาลาแห่งนี้ ช่างคุ้มคา่ เหลือเกนิ “ตน้ ไมท้ อ่ี ยสู่ งู หลายเมตร คนปนี ไมเ่ จอทากสแิ ปลก ขนาดทเ่ี หน็ ยงั เลก็ นะ ข้ึนไปเก็บเองไม่ได้ อาศัยลิงทำ�หน้าที่ ในป่าด้านในตัวใหญ่น้องๆ ปลิงเลย เปน็ ผชู้ ว่ ยนกั วจิ ยั แทนครบั ” แบฮะกลา่ ว ทีเดียว” แบฮะกล่าว (หัวเราะ) 77

“เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ” เพื่อชีวิต การเดนิ เทา้ ท่องไพรกว่าหนงึ่ ช่วั โมงพอให้เหง่อื ซึมเล็กน้อย เราแวะ พักเหนื่อยท่ีโครงการสำ�รวจและรวบรวมพันธ์ุไม้ดอกไม้ประดับป่าภาคใต้ เป็นอาคารปูนชั้นเดียว ตั้งบนลานกว้างใจกลางหุบเขา รอบๆ อาคารจัด แสดงพันธุ์ไม้สำ�คัญท่ีรวบรวมมาจากการสำ�รวจป่า มีแปลงปลูก “ดอก ดาหลา” ไมด้ อกงามผลผลิตจากการเพาะเล้ยี งเนื้อเย่อื สนุ ทร เลา่ วา่ ในการเดนิ ทางส�ำ รวจรวบรวมพันธุไ์ ม้ “ตอนนั้นทำ�กันเองเลย ทุบห้องทำ�กันเอง หัวหน้า ดอกไมป้ ระดบั ปา่ ภาคใต้ มกี ารเกบ็ ตวั อยา่ งพนั ธไุ์ มถ้ งึ 4,400 สนุ ทรไดเ้ งนิ สนบั สนนุ จากนายอ�ำ เภอสไุ หงโก-ลกมาซอ้ื แอร์ ตน้ และหน่งึ ในจำ�นวนนนั้ คือ การค้นพบ “แดงประดบั ผา” สว่ นตเู้ พาะเลย้ี งเนอ้ื เยอ่ื เอาไมก้ ระดานอดั มาตอกเอง เรยี กวา่ ต้นไม้วงศ์กุหลาบป่ามีสีสันสวยงาม กำ�ลังออกดอกเป็นช่อ ไม่มีอะไรเลยนะ เพ่ือนๆ ล้อวา่ เป็นห้องเพาะเล้ียงเช้ือรา ในปา่ ลึกบนเขาหินปนู (หวั เราะ) เพราะทำ�ทีไร ข้ึนราทกุ ที แตไ่ ม่ทอ้ ใจนะ” สวุ ทิ ย์ วัลลิโก หรือ แอะ๊ เจ้าหนา้ ทีก่ รมอุทยานฯ กลา่ ว แดงประดบั ผา เปน็ พชื เฉพาะถน่ิ หายาก หลงั จากเกบ็ ตัวอย่าง นำ�มาอนุบาลและทดลองเพาะปลูกที่โครงการฯ เมอ่ื ไบโอเทค สวทช. ทราบขา่ ว จงึ สนบั สนนุ การสรา้ ง กระทั่งวันท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ.2542 ในงานของดีเมืองนรา ห้องปฏิบัติการเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือและถ่ายทอดความรู้ จังหวัดนราธิวาส ได้นำ�ต้นแดงประดับผาถวายแด่สมเด็จ- เทคโนโลยกี ารเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ ใหเ้ จา้ หนา้ ทใ่ี นปี พ.ศ.2542 พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงมพี ระราชด�ำ ริ ขณะเดียวกัน สุนทรพยายามประสานงานกับจังหวัด ว่า “ใหท้ ำ�การขยายพันธุ์ โดยวิธเี พาะเลย้ี งเนอื้ เยือ่ ” จุดเรม่ิ นราธิวาสเพ่ือของบประมาณในการสร้างอาคาร กระทั่งปี ตน้ การเพาะเลีย้ งเนอื้ เยือ่ เพอื่ เพิ่มชวี ติ พืชพนั ธใ์ุ นปา่ ฮาลา- พ.ศ.2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสสนับสนุนงบ บาลา ประมาณเป็นจำ�นวนเงิน 19 ล้านบาท เพ่ือก่อสร้างถนน บ้านพักนักวิจัย และอาคารสำ�นักงานโครงการสำ�รวจและ หลงั จากมพี ระราชด�ำ ริ โครงการฯ พยายามสรา้ งหอ้ ง รวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับป่าภาคใต้ นับแต่นั้นมา ทดลองเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือบนพ้ืนท่ีท่ีมีอยู่ แต่ด้วยความไม่ เทคโนโลยกี ารเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอ่ื คอ่ ยๆ เตบิ โตขน้ึ พรอ้ มกบั พร้อมของสถานที่ อุปกรณ์และบุคลากร ทำ�ให้การทำ�งาน การเบ่งบานของเหล่าพรรณพชื ในผนื ปา่ ฮาลา-บาลา เป็นไปอย่างยากลำ�บาก 78

ธรี พชั ส เลา่ วา่ ไบโอเทค สวทช. มเี ทคโนโลยกี ารเพาะ “เน่ืองจากโครงการฯ มีการส�ำ รวจ คดั พนั ธส์ุ มุนไพร เล้ียงเน้ือเย่ือ และมีประสบการณ์ในการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อ และพชื กนิ ไดบ้ างชนดิ มาเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอ่ื เพอื่ น�ำ ไปแจกให้ กบั ชาวเขาอยู่แล้ว จึงไม่ยากมาก เริ่มแรกมีการส่งเจ้าหน้าท่ี ชาวบา้ นปลกู ไวใ้ ชก้ นิ ตอ่ มาเรม่ิ มองพชื ทสี่ รา้ งรายไดใ้ หช้ าว- จากโครงการฯ มาอบรมกบั ดร.เฉลมิ พล เกดิ มณี ทไ่ี บโอเทค บ้าน จงึ ให้ความสนใจดาหลา เช่น ดาหลาขาว ดาหลาแดง สวทช. รวมทั้งพาไปดูงานและอบรมแลกเปลี่ยนเรื่องการ พืชเฉพาะถิ่นที่สวยงาม นำ�มาปลูกขายเป็นไม้ตัดดอกและ เพาะเลี้ยงเนอื้ เยอ่ื ในสถาบันต่างๆ มกี ารสนับสนนุ อปุ กรณ์ เป็นอาหารได้ท่ีสำ�คัญการเพาะพันธุ์ดาหลาทุกชนิด หาก ลงไปทโี่ ครงการฯ ด้วย เพาะจากเมลด็ มกั กลายพนั ธ์ุ เชน่ ดาหลาขาว เมอ่ื น�ำ มาเพาะ เมลด็ มักกลายเปน็ สชี มพู แตถ่ า้ ใชว้ ิธีการเพาะเลยี้ งเนือ้ เยือ่ “ผมมโี อกาสได้เรียนรกู้ ับ ดร.เฉลิมพล ทา่ นถอื เป็น เราได้สีขาวแน่นอน นั่นคือ ประโยชน์อย่างหนึ่งของ อาจารย์และผทู้ ีจ่ ุดประกายผมอย่างมากครับ” สุวิทย์เลา่ เทคโนโลยกี ารเพาะเลย้ี งเน้อื เย่อื ” “นอกจากน้ันผมได้ไปศึกษาดูงานในสถาบันต่างๆ นอกจากดาหลาแลว้ โครงการฯ ยงั เพาะเลยี้ งเนอ้ื เยอ่ื ขณะเดียวกันผมพยายามหาความรู้ด้วย ไปเรียนท่ี ต้นกระทอื ว่านสาวกอด รวมถึง “ส้มแขก” พันธพ์ุ ชื ท่ีตลาด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พอเร่ิมมี มีความต้องการสงู ความรู้ มกี ารทดลอง จากเดมิ ทมี่ กี ารปนเปอ้ื น คอ่ ยๆ พฒั นา ข้ึน จนเตรียมอาหารได้ และเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือขยายพันธุ์ “ส้มแขก เป็นพืชปลูกร่วมกับยางพาราได้ เหตุผล แดงประดบั ผาสำ�เร็จในท่ีสดุ ” คลา้ ยดาหลา คือ เมล็ดส้มแขกเมือ่ นำ�มาปลูก ได้ต้นทเ่ี ปน็ ตัวเมียไมถ่ งึ 10% ใน 100 เมล็ด มีไม่ถงึ 5 ต้นด้วยซ้ำ�ท่เี ปน็ นอกจากแดงประดับผาแล้ว โครงการฯ เพาะเล้ียง ตัวเมีย การนำ�ต้นส้มแขกตัวเมียมาเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือ ได้ เนอื้ เยอื่ กลว้ ยไมห้ ายากกลบั คนื สปู่ า่ หลายชนดิ เชน่ เออื้ งผา เมล็ดที่เปน็ ตวั เมียทัง้ หมด ตอนนี้ส้มแขกเปน็ ทีต่ ้องการของ หมอก เอื้องพร้าว สายนำ�้ ผงึ้ เออ้ื งเงินหลวง แตก่ ารเพาะ ตลาดมาก มสี รรพคณุ หลายอยา่ ง ทง้ั ลดความอว้ น ความดนั เล้ียงเนื้อเย่ือไม่ได้ดำ�เนินการในมิติของการอนุรักษ์เพียง ถ้าชาวบ้านผลิตได้จำ�นวนมาก มีตลาดรับซ้ือแน่นอน อยา่ งเดยี ว ยงั มกี ารเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอ่ื พชื อกี หลายชนดิ เพอ่ื อาจเปน็ อาชพี ท่ียัง่ ยนื ผมคิดฝันไปเรอื่ ยๆ นะ” สุวทิ ย์กลา่ ว ตอ่ ชวี ิตใหค้ นในชมุ ชน อย่างมคี วามหวงั “แม้มีการขยายผลการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือสู่ชุมชน มากขน้ึ เราไมไ่ ดท้ งิ้ เรอื่ งการอนรุ กั ษน์ ะครบั ” อามนี เลา่ เสรมิ “ผมกำ�ลังเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อกล้วยไม้เพชรหึงษ์ หรือ หางช้างอยู่ครับ เป็นกล้วยไม้ท่ีใหญ่ท่ีสุด และใกล้สูญพันธ์ุ ตอนน้ีอยู่ระหว่างการขยายพันธุ์สู่แปลงทดลอง เพ่ือนำ�ไป ปลกู คนื สปู่ า่ ” อามนี กลา่ วพลางเดนิ น�ำ ไปหอ้ งสเี่ หลย่ี มเลก็ ๆ ด้านในมีชั้นทำ�จากโครงเหล็กเต็มไปด้วยขวดแก้วใสขนาด ย่อมที่บรรจตุ น้ ไม้จว๋ิ วางเรียงรายเต็มไปหมด อามีนเดินไปหยิบขวดแก้วใบหนึ่ง ซ่ึงมีต้นหางช้าง ขนาดจวิ๋ อยภู่ ายในมาให้เราดู “อกี 10 ปขี า้ งหนา้ คอื วนั ท่ี “หางชา้ ง” บานครบั ” อามนี กลา่ วดว้ ยแววตาของคนรนุ่ ใหมท่ เ่ี ตม็ ไปดว้ ยพลงั ความมงุ่ มน่ั พวกเราจะรอคอยวันหางช้างบานเต็มผืนป่าฮาลา- บาลาเชน่ กนั 79

80

“ดาหลา” ไม้ดอกงามจากป่าสู่ชุมชน “ปลาอะไรอยู่บนฟ้า? ปลากา ด้านหน้าประดับด้วยต้นไม้ดอกไม้ (ฟา้ ผา่ ) กาอะไร? กากี (ขา) กอี ะไร? กลี ะ ประดับ พืชกนิ ได้และแปลงเกษตร โรง (ฟ้าแลบ) ละอะไร? ละซอ (ขนมจีน) เพาะชำ�ต้นไม้ ตรงกลางเป็นท่ีต้ัง ซออะไร? แซแดะ (ทัพพ)ี แดะอะไร? ส�ำ นกั งาน เปน็ บ้านไมช้ ั้นเดยี ว มชี าน แดะดมึ แดะดมึ แดะดมึ (ตกี ลอง) เสยี ง ดา้ นหนา้ เพอ่ื วางโตะ๊ เลก็ ๆ ส�ำ หรบั การ เดก็ ๆ รอ้ งเพลงตอ่ ค�ำ ดว้ ยภาษามลายู ประชุมและต้อนรับแขกผู้มาเยือน สนุกสนานแว่วมาแต่ไกล บรเิ วณดา้ นขา้ งส�ำ นกั งาน เปน็ หอ้ งครวั เลก็ ๆ ทต่ี ดิ อยกู่ บั โรงเรอื นไสเ้ ดอื น เมอ่ื เมื่อเดินเข้าไปที่หน่วยปฏิบัติ- เดินทะลุผ่านห้องครัวไปด้านหลัง พบ การวจิ ยั รว่ มทางธรรมชาตวิ ทิ ยาปา่ พรุ บอ่ น�ำ้ กบั โรงเรอื นเลย้ี งเปด็ เดก็ ๆ ก�ำ ลงั และป่าดิบช้ืนฮาลา-บาลา พบเด็กๆ ใหอ้ าหารเปด็ กว่า 20 ชีวิต กำ�ลังวุ่นวายช่วยกัน ขุดดิน รดน้ำ� บนแปลงผักกันอย่าง “นอกจากเด็กๆ มาเรียนทุกวัน สนุกสนาน อังคาร วันละสองช่ัวโมงแลว้ พวกเขา แบ่งเวรหมนุ เวยี นมารดน้�ำ ตน้ ไม้ เรียน “เดก็ ๆ ก�ำ ลงั เรยี นวชิ าการงาน รทู้ �ำ แปลงเกษตรพชื ผกั สวนครวั รวมทงั้ พ้ืนฐานอาชีพครับ สอนการเกษตร น�ำ เศษอาหารจากโรงเรยี นมาเลยี้ งเปด็ ปลกู พชื ผกั สวนครวั ” ศภุ โยค ลอดงิ หรอื และปลาดว้ ย” ศุภโยคเดินมาสมทบ ยะ ผละจากเดก็ ๆ หนั มาทกั ทายและ อธิบายให้คณะผ้เู ย่ยี มเยือนฟัง ชาย- ผลผลิตจากการปลูกผัก เล้ียง หนุ่มร่างสูงใหญ่คนน้ีทำ�หน้าท่ีท้ังครู ปลาและเปด็ น�ำ ไปเปน็ อาหารกลางวนั และนกั วชิ าการประจ�ำ หนว่ ยฯ แหง่ น้ี ในโรงเรยี นของเดก็ ๆ หากมเี หลอื น�ำ ไป ขายทีต่ ลาด เงนิ ท่ไี ดม้ า คอื ค่าอาหาร หลงั จากการกอ่ ตง้ั หนว่ ยฯ ในปี เลี้ยงเด็กๆ ที่มาช่วยงานในวันเสาร์ พ.ศ.2542 มกี ารจดั ตง้ั ศนู ยป์ ระสานงาน อาทิตย์ ชว่ั คราว ทบ่ี า้ นบเู กะ๊ ตา ต�ำ บลโละจดู อ�ำ เภอแวง้ จงั หวดั นราธวิ าส เพอ่ื เปน็ “เราเนน้ สอนปฏบิ ตั คิ รบั สอนให้ สำ�นักงาน ต่อมา ศ.เกียรติคุณ ดร. เดก็ เลย้ี งเปด็ เลย้ี งปลา ปลกู ผกั เพาะช�ำ มรกต ตนั ตเิ จรญิ ซอ้ื ทด่ี นิ จ�ำ นวน 2 ไร่ พนั ธไ์ุ มไ้ ด้ อยา่ งนอ้ ยเดก็ ชนบททฐี่ านะ 2 งาน บริจาคให้ชาวบ้าน เพ่อื สร้าง ยากจน เรียนจบป.6 แลว้ ไมไ่ ด้เรียนต่อ หนว่ ยฯ มกี ารเปดิ ตวั เปน็ ทางการในวนั ท่ี ยงั ปลกู ผัก เลี้ยงเป็ดกนิ เองได”้ ศภุ โยค 20 กรกฎาคม พ.ศ.2547 พนั ธกจิ ของ กล่าว หน่วยฯ ไม่เพียงสนับสนุนการวิจัย แตท่ �ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ศนู ยเ์ รยี นรใู้ หเ้ ยาวชน ค ว า ม รู้ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี จ า ก ในพน้ื ท่ีเปน็ ศนู ยก์ ลางถา่ ยทอดเทคโนโลยี หนว่ ยฯ ไมเ่ พียงชว่ ยให้เด็กๆ มีความรู้ เพอ่ื สง่ เสรมิ อาชพี ใหก้ บั ชมุ ชน ติดตัวและอิ่มท้อง แต่ช่วยสร้างรายได้ เสริมให้กับชาวบา้ น ลดการรกุ ล้ำ�พืน้ ที่ ระหว่างที่รอศุภโยคสอนเด็กๆ ปา่ รวมถงึ น�ำ เศรษฐกจิ พอเพยี งมาเปน็ เรามโี อกาสเดนิ รอบๆ หนว่ ยฯ บรเิ วณ หลกั ใชใ้ นชวี ิตประจำ�วนั 81

ศุภโยค เล่าว่า อาชีพหลักของ “คณุ ศภุ โยคบอกวา่ “ปลกู ดาหลา ชาวบ้านหมู่บ้านบาลาและเจ๊ะเด็ง คือ มั้ยล่ะ” ตอนนั้นไม่มีใครสนใจเลย ปลูกยางพารา ถ้าเป็นยางพาราปลูก แต่ผมเอา เพราะผมชอบเรียนรู้ ชอบ ใหม่ ตอ้ งรอ 7 ปี ถงึ กรดี ได้ ระหว่างนั้น ลองของใหม่ ดกี วา่ อยเู่ ฉยๆ คณุ ศภุ โยค เป็นช่วงว่าง บางคนเข้าป่าหาของป่า แนะนำ�ว่าถ้าปลูกเป็นอาชีพควรปลูก เกิดปัญหาการรุกป่าอยู่บ้าง เมื่อการ เยอะหนอ่ ย เรอ่ื งพนั ธ์ุ ไบโอเทค สวทช. เพาะเล้ียงเน้ือเยื่อเร่ิมเพาะขยายพันธุ์ สนับสนุนให้ เป็นดาหลาที่ได้จากการ พชื สมนุ ไพร ดาหลา กระทอื ได้ จึงนำ� เพาะเล้ยี งเน้อื เยื่อ ผมปลกู เลย 18 ไร่ มาส่งเสริมชาวบ้านให้ปลูกแซมกับต้น 360 หลุม ยางพารา นอกจากน้ันมีการแปรรูป ดาหลา และการเลย้ี งเปด็ เปน็ การด�ำ เนนิ ตอนน้นั ไปไหนมาไหน มแี ต่คน งานภายใต้โครงการหมู่บ้านพิทักษ์ป่า ว่าผมประสาท ปลูกดาหลา หาว่า รักษาส่งิ แวดล้อม ยางพาราจะไม่โตบ้าง แต่ปลูกแล้ว ก็เหมือนเดิม ทุกปีเจ้าหน้าท่ีมาวัด “ดาหลา เดิมเขาไม่ปลูกกัน เส้นรอบวงของต้นยางไม่มีปัญหา” เพราะเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองเห็นทั่วไป แวอับดุลเลาะ แวนุ หรือ โต๊ะแว เขาคดิ วา่ ไมม่ ปี ระโยชน์ แรกๆ ชาวบา้ น เกษตรกรปลกู สวนยาง สมาชกิ โครงการ ไมก่ ลา้ เพราะกลวั ดาหลาไปแยง่ ปยุ๋ ตน้ หมู่บ้านพิทกั ษป์ า่ รกั ษาส่ิงแวดลอ้ ม ยางพารา ผมเข้าไปคยุ กบั ชาวบา้ น ให้ ความรู้ มีบางส่วนเห็นดีด้วย คิดว่า ไมถ่ งึ ปี ดาหลาทงั้ สขี าวและชมพู เป็นการเสรมิ รายได้” งอกงาม บานสะพรง่ั ท่ัวสวนยางพารา 82

“พอได้ผลผลิต ผมเอาไปแจก นอกจากกลยุทธ์การขายของ จำ�นวน 15 ราย บางรายส่งจำ�หน่าย ชาวบา้ นกอ่ นเลยครบั เอาไปใหแ้ มบ่ า้ น โตะ๊ แวแล้ว ไบโอเทค สวทช. ประสาน ประเทศมาเลเซีย เกิดรายได้ประมาณ ขายขนมจนี ขายข้าวย�ำ เขาใชด้ าหลา กับเครอื เจรญิ โภคภัณฑ์ หรอื ซีพี เพอื่ 120,000 บาท/ปี เป็นผักได้ ตอนหลงั มาถามว่า โตะ๊ แวมี ส่ ง ด า ห ล า ข า ย เ ป็ น ไ ม้ ตั ด ด อ ก ใ น อกี มั้ย ผมบอกว่าไม่ทันแล้ว ผมส่งโก- กรุงเทพ “ต้นทุนไม่มีอะไรเลย เฉล่ียไร่ ลกหมดแลว้ แตท่ จ่ี รงิ ไมห่ รอก (หวั เราะ) หนึ่งไม่ถงึ 50 บาท คา่ ขวี้ ัว ขไี้ ก่ แถม จากน้นั เขาขอซ้ือเลย สัง่ ไวก้ ่อน ธรี พชั ส เลา่ วา่ ซพี รี บั ซอื้ ดอกละ ปลูกครั้งเดียว ตัดไป มันก็แทงหน่อขนึ้ 15 บาท คา่ ดอก 5 บาท ค่าส่ง 5 บาท มาใหม่ กอหนึง่ ถ้าไม่คดั เกรดนะ มี 10- การขายดอกดาหลามี 2 ขนาด ค่าแพ็ค 5 บาท จากเดิมที่ขายเพียง 12 ดอกต่อกอ ตอนนเ้ี ริ่มมคี นสนใจมา คอื ดอกตูม และดอกบาน ตัดสง่ ขายที่ ดอกละ 1 บาท เพิม่ มลู คา่ ไดม้ าก แต่ ถาม เพราะมรี ายได้ อย่าไปดถู กู ว่าตน้ สุไหงโก-ลก เอาไปใชส้ ารพัด คนมุสลมิ น่าเสียดายพอเกิดเหตุการณ์ความไม่ ละบาท สองบาท ตอนนไ้ี มต่ อ้ งท�ำ อะไร ใช้ท�ำ กับขา้ ว แกงสม้ แต่คนพทุ ธกบั คน สงบในภาคใต้ การซื้อขายต้องหยุด เปน็ ผลก�ำ ไรจาก 18 ไร่ ไม่ตอ้ งเอาจาก จนี ใชไ้ หวพ้ ระ ผมขายดอกละ 1 บาท ชะงักไป อย่างอ่ืนเลย ปลูกดาหลาอย่างเดียว ช่วงไหนราคาตก เหลือ 3 ดอก 2 บาท แถมตอนนีป้ ลูกตน้ กระทอื ดว้ ย เอาใบ ผมไม่ขาย เก็บเป็นผลไปส่งท่ีมาเลเซีย ปจั จบุ นั การพฒั นาและสง่ เสรมิ ไวข้ ายพรอ้ มกบั ดาหลา มโี รงแรมเขา้ มา หน่ึงก้านผมขายเหรียญห้าสิบเซ็นต์ ก า ร ป ลู ก ด อ ก ด า ห ล า แซ ม ส ว น ติดต่อขอซ้ือเอาไว้จัดดอกไม้ประดับ หรือ 15 บาท คนจีนซอื้ ผมเคยถามนะ ยางพาราใช้เป็นไม้ตัดดอก ผลิตส่ง ต้ น ก ร ะ ทื อ ม า จ า ก ก า ร เ พ า ะ เ ลี้ ย ง วา่ เอาไปท�ำ อะไร เขาบอกวา่ สกดั ยาแก้ จำ�หน่ายในพ้ืนที่ใกล้เคียงสร้างรายได้ เนื้อเย่ือท่ีหน่วยฯ มาส่งเสริมเหมือน โรคเบาหวาน” โตะ๊ แวกลา่ ว เสริมให้คนในชมุ ชน ประมาณ 8,000 กัน” โต๊ะแวกล่าวพร้อมรอยย้ิมแสน บาท/ครอบครวั /ปี มคี นในชุมชนปลูก ภูมใิ จ น่ารู้ เรื่อง “ดาหลา”ดภนลตาเาใ้ำ�หดักปห้นคกบไทสมอษมรลใาะภะตเือกราณ่กรปเมูป้ขานลขลเ็นะแพาอหปยาขททณพงยิงอแา็นปางืชพยวกพกง8รตดมพปันพ้าืชะ0รีลลลธนันทเ-ฤะท1ำ�ุ์้)าอดธีก่มกต2ยศมอุ์ ูลีถษ0้นแไทกเขิ่นทศหดเเจยี่ปเกซยาลียหาา็นำน�สมวกยมกเเตตกหนพหราิเับระนิใดะมงัน์บขจ้าใส่อตธนิงกาอมใุ์รโขยวปตดยใ่า้ตาด้ด่าูย่ในแงตัวอดินกกตปท้ดกงา่าสรดั่ิวนมรระกูงิไแบีสเมก้าปยจเีแลวนาขใกรด่านำณ�ตดหิญงตพรอสน้น้อ6เชืก้นูงต่อนบมปเทนิปบนพรเี่ติ้วพ็นพโะดูั้งตบมปแาินแยะลมาลตชเาเปณะา้ออ่ลวขก1็นงบี้ยา0ใ2ค1กงทนว0.0ลาเ5ี่แช-น-บ้าก-41ถื้น3ยื้อล04บแไเีบ0เผยเลนมดท่สื่เอะติ้วมอือีเมรขต(กกใคีรียบรเเเ่มุณรขปวจมียเาา็นสงีสสบทกาไมีเูงเามรขบปะงีย้ลัต็นดว้มิเมับเดลขันุ่กน้ม กอหยาารารหือใแาใชชกร้ป้ย้โรดรำ�คะอมโผกยีริวตชสหูมนเนผ์ หัง็ดนรแ้่ออกนอ้ล่อมนพติษ้มขจับิ้มลนม้ำ�พริก ผสมในข้าวยำ� แกงเผ็ด แกงกะทิ แกงคั่ว 83

ข้าวยÓและชาดาหลา ของดีเมืองนรา นอกจาก ดาหลา เบ่งบานทว่ั ปลายดา้ มขวานแลว้ หนว่ ยฯ “มาถึงบ้านเจ๊ะเด็งแล้วต้องชิม ได้ส่งเสริม “กลุ่มแม่บ้าน” นำ�ดอก ดาหลามาแปรรูปเป็น นะชาดาหลา” มากลอื ซง ไซนานอาบเี ดง็ “ชาดาหลา” และ “ข้าวยำ�ฮาลา-บาลา” ผลิตภัณฑ์ขึ้นช่ือของดี สมาชกิ กลมุ่ แมบ่ า้ นแปรรปู ผลผลติ จาก เมอื งนรา นำ�มาซึ่งรายไดแ้ ละความภาคภมู ิใจใหค้ นในท้องถนิ่ ปา่ บาลากลา่ วและคอ่ ยๆ รนิ ชาดาหลา ใสแ่ กว้ ใสใบขนาดย่อมให้เรา ชไมภร เวทมาหะ หรือ กุ้ง นกั วจิ ยั โครงการกระบวนการ แปรรูปผลผลิตจากป่าบาลา ประจำ�หน่วยปฏิบัติการวิจัยร่วมทาง ชาดาหลาร้อนๆ มีรสชาติไม่ ธรรมชาตวิ ทิ ยาปา่ พรแุ ละปา่ ดบิ ชน้ื ฮาลา-บาลา เลา่ วา่ การขายดอก เหมือนชาท่ัวไป ออกเปร้ียวนิดหน่อย ดาหลามีการคัดเอาเฉพาะดอกที่สมบูรณ์และสวยงาม ดอกที่ไม่ แต่กลิน่ หอมๆ ของดาหลา ท�ำ ใหร้ สู้ กึ สมบูรณ์ถูกท้ิงไว้ จึงมองในเรื่องการแปรรูป ปกติชาวบ้านต้มนำ้� ผ่อนคลายได้อย่างดี ดาหลากนิ เป็นประจำ� จงึ ทดลองทำ�เป็น “ชาดาหลา” “บางคนไม่ชอบเปร้ียว ใส่ “การท�ำ ชาดาหลา ใช้สว่ นกลบี นอก เกสร เปลอื กเมลด็ และ น�้ำ ตาลนดิ หนอ่ ย รสชาตพิ อดี แตค่ วาม เมล็ดดอกดาหลา มาหั่นฝอย ตากแดด แล้วนำ�มาคั่วด้วยไฟอ่อน เปรี้ยวมีฤทธิ์เป็นยานะ ชาดาหลามี ก่อนอบแหง้ อีกคร้ังในเตาอบท่ีไบโอเทค สวทช. สนับสนุน การอบ สรรพคุณแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม ใช้อุณหภมู ิประมาณ 350 องศาเซลเซียส เม่อื อบแห้งแลว้ นำ�มาผ่งึ ลดความดัน และช่วยบำ�รุงผิวพรรณ และบรรจุลงซองชาเย่ือกระดาษ นำ�เข้าเตาอบฆ่าเชื้ออีกครั้งหน่ึง ด้วย” มากลือซงกลา่ ว เสรจ็ แล้วนำ�มาบรรจซุ องเพอ่ื จ�ำ หน่ายตอ่ ไป” 84

“สรรพคุณเยอะแบบนี้คงต้องขออีกสักแก้วแล้วค่ะ” “เวลามงี านข้าวยำ� ขายดมี าก หมดเลย ไม่เคยพอ ผ้รู ่วมทางเอย่ ขาย ขนาดขายในพ้ืนท่ียังแย่งกันซื้อ บางคร้ังประธานยัง ไมท่ ันมา ขายเกอื บหมดแลว้ ต้องบอกว่ารอกอ่ น เด๋ยี วไมม่ ี “ด่ืมได้เยอะๆ เลย แต่ถ้าสนใจซื้อเป็นของฝาก โชว์ ไม่มใี หช้ ิม” แม่บา้ นเลา่ (หัวเราะ) นอกจากทบี่ า้ นเจะ๊ เดง็ แลว้ มขี ายทสี่ นามบนิ นราธวิ าส ราคา ซองละ 35 บาท” มากลือซงกลา่ ว พรอ้ มรอยยิ้มหวานๆ ชไมภร เล่าว่า ทกุ วันน้ี ถ้าบอกว่าข้าวยำ�ฮาลา-บาลา เขารู้เลย เหมือนว่า ถ้ากินข้าวยำ�เมืองนรา ต้องข้าวยำ� แนน่ อนวา่ ดาหลาไม่ไดม้ ดี ีแค่ท�ำ ชา แต่นำ�มาใช้เป็น ฮาลา-บาลา เรยี กวา่ ถา้ มาบาลาแลว้ ไมไ่ ดก้ นิ ขา้ วย�ำ แสดงวา่ ส่วนประกอบส�ำ คัญในข้าวย�ำ ปักษ์ใต้ท่นี ่ี มาไมถ่ งึ ชไมภร เลา่ ว่า ขา้ วย�ำ เป็นอาหารพนื้ เมืองของคนใต้ “ไม่ต้องกลัวว่ามาไม่ถึงนะคะ เพราะม้ือเย็นน้ี คือ ดว้ ยยคุ สมยั ที่เปลี่ยนไป มกี ารนำ�ผักทห่ี าไดง้ ่าย เช่น ผักบุ้ง ข้าวย�ำ ฮาลา-บาลาคะ่ ” ชไมภรกลา่ ว กะหล่ำ�ปลี มาใช้แทนผักสมุนไพร คุณค่าอาหารจึงหายไป เราพยายามรือ้ ฟื้นภูมปิ ญั ญาดง้ั เดิมกลบั มา น�ำ ผกั สมุนไพร เปน็ ค�ำ กลา่ วทที่ �ำ ใหพ้ วกเราใจชนื้ วา่ กลบั ไปพดู ไดเ้ ตม็ ทมี่ อี ยกู่ ลบั มาใช้ เชน่ ตะไครต้ น้ ใบกระเสม พรกิ ไทย สม้ แขก ปากว่ามาถงึ ฮาลา-บาลาแลว้ ดาหลา น�ำ มาเปน็ ผกั เคยี งดว้ ย หรือแม้แต่นำ้�บดู ูมีสมนุ ไพร ผสมลงไป “พวกเรารู้สกึ ดใี จที่พก่ี งุ้ และไบโอเทค สวทช. เข้ามา แนะน�ำ คะ่ ถา้ ไมม่ ที กุ คน ขา้ วย�ำ ฮาลา-บาลา แหง่ บา้ นบาลา จดุ เดน่ ของขา้ วย�ำ ฮาลา-บาลา ไมม่ ดี แี คพ่ ชื สมนุ ไพร และเจ๊ะเด็งอาจไมเ่ ปน็ ทร่ี ู้จักมากขนาดนี”้ มากลือซงกลา่ ว แตร่ สชาติจดั ว่า “อร่อย” เปน็ ทีเ่ ล่ืองลือ 85

นอกจากการส่งเสริมการปลูก นอกจากการถา่ ยทอดเทคโนโลยี ไบโอเทค สวทช. ปตท. หน่วยงาน สมุนไพร ดาหลา กระทือ และการ สรา้ งอาชพี และรายไดใ้ หช้ าวบา้ นจนได้ ต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาส แม้แต่นัก แปรรูปดาหลาแล้ว หน่วยฯ มีการส่ง รับคัดเลือกเป็นชุมชนต้นแบบแล้ว ท่องเท่ียวที่เข้ามาให้คำ�แนะนำ� เจ้า- เสริมการเล้ียงเป็ด ให้ความรู้เรื่องการ สุนทร โตะ๊ ดำ� และกลมุ่ เยาวชนรักษ์ปา่ หนา้ ทีท่ กุ คน คือ พลังสำ�คญั ทีผ่ ลักดนั เ ก็ บ ด อ ก ห ญ้ า ม า ทำ � ไ ม้ ก ว า ด ต า ม บาลา โรงเรียนเทพประทาน (บ้าน ใหป้ า่ ฮาลา-บาลาเปน็ ทร่ี จู้ กั ท�ำ ใหโ้ ครง ฤดูกาล และอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยี เจ๊ะเด็ง) จงั หวดั นราธวิ าส ไดร้ บั รางวลั การฯ และหนว่ ยฯ เปน็ ทย่ี อมรบั ในวนั น้ี การแปรรูปและสุขลักษณะที่ดีในการ “ลูกโลกสีเขียว” ประเภทกลุ่มเยาวชน ผลติ อาหารเพอ่ื ยกระดบั การแปรรปู และ ประจำ�ปี พ.ศ.2551 จากบรษิ ัท ปตท. ธรี พชั ส กลา่ ววา่ การท�ำ งานของ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน โดย ชายกร สนิ ธสุ ยั จ�ำ กดั (มหาชน) จากผลงาน “การส�ำ รวจ กรมอทุ ยานฯ หนว่ ยฯ รว่ มกบั ชมุ ชนใน นกั วชิ าการจากหนว่ ยบรกิ ารเทคโนโลยี และรวบรวมพันธ์ุไม้ดอกไม้ประดับป่า พื้นท่ี เป็นโมเดลที่น่าสนใจ คนกับป่า เพื่อการพัฒนาชนบท ไบโอเทค ร่วม ภาคใต”้ และมกี ารสรา้ งเยาวชนรนุ่ ใหม่ อยู่ร่วมกนั ได้อย่างสมดลุ ถือเป็นความ กับมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา เป็นไกด์เพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิง สำ�เรจ็ ทน่ี ่าภาคภูมใิ จ นิเวศและเพ่มิ รายไดใ้ ห้ทอ้ งถ่ิน ทุกวันน้ีดอกดาหลาแห่งผืนป่า แม้เหตุการณ์ความไม่สงบใน ฮาลา-บาลา ไม่เพียงผลิบานใน สนุ ทร กล่าวว่า การอนรุ กั ษ์ปา่ สามจงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ �ำ ใหผ้ นื ปา่ สวนยางพารา เป็นผักเคียงในอาหาร ทำ�เพียงคนเดียวไม่ได้ ส่ิงสำ�คัญ คือ ฮาลา-บาลาเสมือนถูกตัดขาดจาก และชาเพ่ือสุขภาพ ดาหลายังเป็น ชุมชนต้องทำ�หน้าที่เป็นผู้พิทักษ์รักษา ภายนอก ทว่าเจ้าหน้าท่ีและชาวบ้าน สัญลักษณ์ของชุมชนบ้านบาลาและ ป่า การสง่ เสริมใหช้ าวบ้านมีรายได้ มี รอบผนื ปา่ แหง่ น้ี ยงั คงความเขม้ แขง็ ใน เจะ๊ เดง็ อ�ำ เภอแวง้ จงั หวดั นราธวิ าส ใน สุขภาวะ ความเป็นอยทู่ ีด่ ี มีความรู้ใน การพิทักษ์ป่าไวไ้ ดอ้ ยา่ งงดงาม เพ่ือรอ ฐานะ “หม่บู ้านดาหลา” หมบู่ า้ นแม่ การใช้ทรัพยากรป่าอย่างถูกต้อง ช่วย วันฟ้ากระจ่าง เผยความสงบงามของ ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำ�ให้ปัญหาการรุกป่าน้อยลง ความ ธรรมชาตใิ นผนื ปา่ ฮาลา-บาลาอกี ครง้ั  ที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวง สำ�เร็จท่ีเกิดขึ้นไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เป็นความร่วมมือทั้งจากกรมอุทยานฯ ของดีชุมชน: หมู่บ้านบาลาและเจ๊ะเด็ง จังหวัดนราธิวาส ดอกดาหลา ชาสมุนไพรดาหลา ผลิตและจำ�หนา่ ยโดย: ข้าวยำ� โครงการสำ�รวจและรวบรวมพนั ธุ์ ไม้ดอกและไม้ประดับป่า ภาคใต้ โทรศัพท์: 0 7355 1901 86

“เลีย้ งเปด็ ” อนรุ กั ษ์ “ป่าสาค”ู การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือของชุมชน การให้ชุมชนหยุดรุกป่าและหันมา ร่วมเป็นผู้พิทักษ์ ส่ิงสำ�คัญคือชาวบ้านต้องมีความเป็นอยู่ ทดี่ ี มอี าชพี และรายไดท้ เี่ หมาะสม ทผี่ า่ นมาหนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร วจิ ยั รว่ มทางธรรมชาตวิ ทิ ยาปา่ พรแุ ละปา่ ดบิ ชนื้ ฮาลา-บาลา จงั หวดั นราธวิ าส ไมแ่ คส่ ง่ เสรมิ การปลกู ดาหลา และถา่ ยทอด เทคโนโลยกี ารเลย้ี งเปด็ เพื่อเป็นแหล่งโปรตนี ใหช้ ุมชน ธีรพัชส เล่าว่า ปัญหาส่วนหนึ่งของชาวบ้านตำ�บล โละจดู คอื ชาวบา้ นไมค่ อ่ ยบรโิ ภคอาหารโปรตนี เนอ่ื งจากนยิ ม กินแป้ง เช่น แป้งโรตี เป็นอาหารหลัก เน้ือสัตว์ กินปลา เน้อื แพะ เนอ้ื แกะบ้างแตไ่ มม่ าก และตอ้ งซ้อื จากรถทพี่ อ่ ค้า วิ่งเขา้ มาขาย เงนิ ไหลออกนอกหมูบ่ า้ น ไบโอเทค สวทช. ไดท้ �ำ โครงการถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเลยี้ งไกไ่ ข่ ไกเ่ นอื้ และ เพาะเหด็ เปน็ แหลง่ โปรตนี ใหช้ าวบา้ นหมบู่ า้ นผาคบั อ�ำ เภอ บอ่ เกลอื จงั หวดั นา่ น พวกเราจงึ ประสานงานใหพ้ ส่ี นุ ทรและ ทีมงานไปดูงาน 87

“ครับ ดูไก่แต่ออกมาเป็นเป็ด” ส�ำ เรจ็ รปู ราคาแพง อีกทัง้ แป้งจากขา้ ว การสร้างเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ สุนทรเล่าพลางหัวเราะ เปลอื กสว่ นผสมหลกั เปน็ วตั ถดุ บิ หาได้ ของหนว่ ยฯ ไมเ่ พยี งค้นพบภมู ิปญั ญา ยากในพนื้ ทภี่ าคใต้ การใช้แป้งจากสาคู การพูดคุยกันเป็น “พอไปดูการเลี้ยงไก่ที่ผาคับ ประจำ�ของชาวบ้าน ทำ�ให้เกิดเทคนิค แล้วกลับมาหารือกับชาวบ้าน มาตี ศุภโยค เลา่ วา่ ตอนแรกเอาเป็ด ใหมๆ่ ในการเลย้ี งเป็ดให้ดขี นึ้ โจทย์กัน คิดว่าไก่ไม่เหมาะเพราะ มาใหเ้ ลย้ี ง 15 ตัว มีการประชุมกันใน สภาพอากาศบ้านเราช้ืนมาก ฝนตก กลุ่มชาวบ้านที่เลี้ยงเป็ด มองว่าจะลด ศุภโยค เล่าว่า สมาชิกกลุ่ม ตลอด ไกเ่ ป็นหวัดงา่ ย ขณะที่เป็ดเปน็ ปัญหาต้นทุนอาหารได้อย่างไร คิดว่า เลย้ี งเป็ดนดั ประชมุ ทุก 2 เดอื น มกี าร สตั วท์ ที่ นกวา่ ชาวบา้ นเคยเลยี้ งเปด็ มา เอาเศษอาหารจากครัวเรือนและ นำ�อุปสรรค ปัญหาในการเล้ียงมา ก่อนแล้ว เลยตัดสินใจเล้ียงเป็ดไข่และ โรงเรียนมาเป็นส่วนผสม ส่วนปัญหา คุยกัน ชาวบ้านช่วยกันคิดแก้ปัญหา เปด็ เน้อื เทศแทนไก่” เร่ืองแป้งถึงไม่มีข้าวเปลือก แต่เรามี เช่น เทคนิคการขูดต้นสาคูได้มาจาก แป้งจากต้นสาคู อาจนำ�มาใช้แทนได้ มะอาแด สะอิ หรือ แบเซง็ เกษตรกร น อ ก จ า ก ก า ร ส นั บ ส นุ น ข อ ง เลยทดลองนำ�ต้นสาคูมาใช้ผสมเป็น สมาชิกกลุ่มเล้ียงเป็ด สาเหตุที่เอา ไบโอเทค สวทช. แล้ว ทางกรมอุทยาน อาหาร ตน้ สาคมู าขดู เปน็ ฝอย เพราะเปด็ จกิ กนิ แห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์ุพืชยัง สาคูเองไมไ่ ด้เหมอื นไก่ เดิมเราเอาปี๊บ สนับสนุนงบประมาณการส่งเสริม “เมอ่ื กอ่ น คนแก่ คนเฒา่ เขาตัด มาตอกตะปแู ลว้ น�ำ มาใชข้ ดู ตน้ สาคู แต่ อาชีพให้ชุมชน เจ้าหน้าท่ีหน่วยฯ น�ำ ต้นสาคู เอาใบไปใช้มุงหลังคาบ้าน แบเซง็ บอกว่าใชย้ าก เสยี เวลา ให้ใช้ท่ี งบประมาณมาจดั ซอ้ื พอ่ แมพ่ นั ธเ์ุ ปด็ ไข่ ล�ำ ต้นตัดวางท้งิ ไว้ ไกม่ าจกิ แทะกิน แต่ ขดู มะพรา้ วขดู เลย ไดผ้ ลดมี าก ตน้ หนง่ึ และเป็ดเนื้อเทศแจกจ่ายให้ชาวบ้านท่ี ไม่ได้ทำ�เป็นสูตรอาหารอย่างตอนน้ี” ขดู สองวันเสรจ็ นอกจากน้มี ีชาวบา้ นที่ สนใจ ปญั หาส�ำ คญั ในการเลยี้ งเปด็ คอื แบซะ เกษตรกรผู้เล้ียงไก่ หมู่บ้าน ดูไข่เป็นว่า ไข่เป็ดใบไหนฟักเป็นตัวผู้ ต้นทุนด้านอาหาร เพราะอาหารสัตว์ บาลาเลา่ หรือตัวเมีย เอาความรู้ที่ได้จากการ เลย้ี งมาแบ่งปนั กนั 88

“อาหารเปด็ ตอนนี้ มสี ว่ นผสม “ตอนนี้มีขายทั้งไข่เป็ด ลูกเป็ด สาคู 3 สว่ น อาหารสตั วส์ �ำ เรจ็ รปู 1 สว่ น เปด็ พอ่ แมพ่ ันธ์ุกม็ ขี ายนะ พ่อแมพ่ ันธุ์ ดนี ะ ลดคา่ อาหารสตั วส์ �ำ เรจ็ รปู ไดเ้ ยอะ เลี้ยงเอง ไม่ต้องซ้ือแล้ว เม่ือวานขาย อาหารสำ�เร็จกระสอบละ 440 บาท เปด็ ไป 40 ตวั ขายกโิ ลละ 80 บาท สอง สาคู ทอ่ นละ 40 บาท 3 ทอ่ น คอื 1 อาทิตย์ที่แล้วขายลูกเป็ดตัวละ 45 กระสอบ ราคา 120 บาท ถ้าใชอ้ าหาร บาท” แบเซ็งเล่า สตั วอ์ ยา่ งเดยี วเปลอื งมาก แตม่ าใชส้ าคู ผสมด้วย ลดต้นทุนไปเยอะ แล้วเอา การเลี้ยงเป็ดด้วยต้นสาคูไม่ได้ ของท้องถน่ิ อยา่ งกลว้ ยป่า บอนมาสับ ประโยชน์แค่การลดต้นทุน แต่ทำ�ให้ ตม้ ใหเ้ ปน็ อาหารเสรมิ ไดอ้ กี ” แบเซง็ เลา่ ชาวบา้ นเหน็ คณุ คา่ และชว่ ยกนั อนรุ กั ษ์ ป่าสาคมู ากข้นึ “นอกจากสาคูแล้ว หน่วยฯ มี การเลี้ยงไส้เดือนเป็นอาหารเสริมให้ “ เ ม่ือ ก่ อ น ช า ว บ้ า น ไ ม่ เ ห็ น เป็ด” ศุภโยคเล่าเสรมิ ประโยชน์ ใครจะใชพ้ น้ื ท่ี ขดุ บอ่ เขาตดั ทง้ิ หมดเลย พอรวู้ า่ เอาสาคมู าเลย้ี งเปด็ ได้ การส่งเสริมการเลี้ยงเป็ดในช่วง เขากอ็ ยากเกบ็ ปา่ สาคไู ว”้ ศภุ โยคกลา่ ว แรกมชี าวบา้ นสนใจเขา้ รว่ มเปน็ สมาชกิ 15 ครวั เรอื น ปจั จบุ นั มสี มาชกิ เพมิ่ เปน็ ความสำ�เร็จจากการเล้ียงเป็ด 37 ครวั เรอื น จาก 8 หม่บู ้านในตำ�บล แห่งตำ�บลโละจูด ไม่เพียงสร้างรายได้ โละจูด เกิดรายได้จากการขายเป็ด และสุขภาวะท่ีดีให้คนในชุมชน แต่ 8,000 บาทต่อปตี อ่ ครัวเรือน ทำ�ให้ชาวบ้านเกิดทัศนคติที่ดีในการ หวงแหนทรพั ยากรอยา่ ง “ตน้ สาค”ู ดว้ ย 89

ในถิ่นทุรกันดาร เด็กจำ�นวนไม่น้อยขาดโอกาสด้าน เร่ืองเลา่ ของ การศกึ ษา ความร้แู ละทกั ษะด้านวิทยาศาสตร์ น้อยคนนักมี โอกาสสมั ผัส เมือ่ อามนี หรอื อสั มลี ี อบั ดลุ รอแม หนมุ่ นอ้ ย “อามีน” จากหมบู่ า้ นบาลา จงั หวดั นราธวิ าส ไดเ้ ข้าร่วมโครงการเรียน รู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในโรงเรียนชนบท (SiRS) ซึ่ง ปฏิบัติการวิจัยร่วมทางธรรมชาติวิทยาป่าพรุและป่าดิบชื้น สนับสนุนโดยไบโอเทค สวทช. อามีนไม่เพียงพบอาชีพที่ ฮาลา-บาลา และกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใฝฝ่ นั แตม่ ่งุ มน่ั ไขว่คว้าฝันน้ันมาไดส้ ำ�เรจ็ ความคิดฝันของหนมุ่ นอ้ ยผู้นเี้ รม่ิ เปลีย่ นไป อั ส มี ลี ห รื อ ท่ี เ พ่ื อ น ๆ เ รี ย ก ติ ด ป า ก ว่ า “ตอนน้ันไบโอเทค สวทช. เข้ามาจัดค่ายครบั ผมอยู่ “อามีน” เป็นเด็กจากหมู่บ้านบาลา ชุมชนเล็กๆ ในพ้ืนที่ ป.5 ได้ท�ำ กิจกรรมวิทยาศาสตรร์ ู้สึกสนกุ มาก แปลกใหม่ ยงิ่ ตำ�บลโละจดู อำ�เภอแว้ง จังหวดั นราธวิ าส แต่ละวันอามนี ได้ใช้อุปกรณ์การทดลองก็ตื่นตาต่ืนใจ ได้เห็นนักวิจัย ใชช้ วี ติ เหมอื นเดก็ มสุ ลมิ ทว่ั ไป เรยี นและเลน่ ตามปกติ กระทง่ั เจ้าหนา้ ทอี่ ทุ ยานฯ ท่ีมีความรู้ ผมตงั้ ฝันไวเ้ ลยว่าสกั วนั หนง่ึ วันหน่ึงได้มาร่วมกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ ตอ้ งเปน็ นกั วิทยาศาสตรท์ ีห่ นว่ ยฯ สถานวี จิ ัยสตั วป์ า่ ปา่ พรุ จดั ขน้ึ โดยความรว่ มมอื ของ โครงการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ หรือ ปา่ ฮาลา-บาลา ใหไ้ ด้” อามีนเลา่ เทคโนโลยีในโรงเรียนชนบท (SiRS) ไบโอเทค สวทช. หน่วย การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์อย่างต่อเน่ือง บ่มเพาะให้อามีน มีความรู้และทักษะมากข้ึน ผลักดันให้ อามนี ตดั สนิ ใจเรยี นสายสามัญ สาขาวิชาวทิ ยาศาสตร์ 90

“พอเขา้ คา่ ยแลว้ อยากเรยี นสาย “ ผ ม ทำ � บั น ทึ ก ข้ อ ค ว า ม ถึ ง และส้มแขกให้สำ�เร็จ อยากใหช้ าวบ้าน สามญั พยายามเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ผู้อ�ำ นวยการ เลยครับ วา่ อยากฝกึ งาน มีอาชพี เสรมิ ท่ยี ่งั ยนื ” เพ่ือได้ทำ�งานตามฝัน พอจบ ม.6 ไป ทน่ี ี่ สุดท้ายไดม้ า” อามีนเลา่ เรี ย น ต่ อ ท่ี วิ ท ย า ลั ย เ ก ษ ต ร แ ล ะ นอกจากรับหน้าที่ในการเพาะ เทคโนโลยสี งขลา เรยี นสาขาพชื ศาสตร์ อามีน เข้าฝกึ งานที่หน่วยฯ รว่ ม เลย้ี งเนอื้ เยอื่ ขยายพนั ธพ์ุ ชื เพอื่ สง่ เสรมิ ตอนเรียนมีวิชาหนึ่ง คือ เพาะเลี้ยง กบั พแ่ี อะ๊ หรอื สวุ ทิ ย์ วลั ลโิ ก จนจบการ อาชพี ใหช้ มุ ชนแลว้ อามนี มคี วามตงั้ ใจ เนือ้ เยือ่ เรารูอ้ ยู่แล้วว่าท่ีหน่วยฯ ของ ศึกษา และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีเพาะเล้ียง บ้านเรามีห้องปฏิบัติการเพาะเล้ียง นราธวิ าสราชนครนิ ทร์ จนจบปรญิ ญาตรี เนือ้ เย่อื ใหเ้ ยาวชนในพนื้ ที่ เน้ือเย่อื อยู่ เลยท�ำ เร่อื งขอมาฝึกงานท่ี จากนั้นสมัครงานที่ สวทช. เป็น หนว่ ยฯ” เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการเพาะเล้ียง “ตอนนี้พยายามประสานกับ เน้ือเย่ือประจำ�หน่วยฯ บนผืนป่า โรงเรียน เร่ืองการสร้างห้องแล็บเพาะ ด้วยหน่วยฯ ต้ังอยู่ในเขตสาม ฮาลา-บาลา สำ�เรจ็ เล้ียงเนื้อเย่ือครับ มีหลายโรงเรียนท่ี จังหวัดชายแดน ทำ�ให้อาจารย์ประจำ� สนใจ อยากขยายในโรงเรียนท่ีใกล้ๆ วชิ ากงั วลเรอ่ื งความปลอดภยั อามนี ถกู “ดใี จท่ีท�ำ ตามฝนั ไดส้ �ำ เรจ็ กลับ กอ่ น เราแคห่ วงั วา่ เมอื่ เราเคยไดร้ บั แรง ปฏเิ สธไมใ่ ห้มาฝึกงานในพื้นทีด่ ังกลา่ ว มาท�ำ งานในพน้ื ที่ อยากกลบั มาดแู ลปา่ บันดาลใจก็อยากให้ความรู้และสร้าง มาพัฒนาบา้ นเราเอง เป้าหมายจากนี้ แรงบันดาลใจให้คนอ่ืนบ้างครับ” คำ� ผมอยากเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยอื่ ตน้ หางชา้ ง บอกเล่าสุดท้ายจากใจของชายหนุ่มท่ี ชือ่ วา่ “อามนี ” 91

ทเขอ่ ตงเรทักย่ีษวารพมิ ันทธาง์สุ ตั วป์ า่ ฮาลา-บาลา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา- ตอ้ งการศกึ ษาพนั ธไ์ุ ม้ สามารถเดนิ ทาง ฤดูกาลที่เหมาะกับการท่อง บาลา เป็นพน้ื ท่อี นุรักษข์ องไทย มกี าร มาสมั ผสั และศกึ ษาธรรมชาตทิ ปี่ า่ บาลา เที่ยวศึกษาธรรมชาติที่เขตรักษาพันธุ์ ประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการเม่ือปี ได้ไม่ยาก มาตามทางหลวงหมายเลข สัตว์ป่าฮาลา-บาลา คือ ปลายเดือน พ.ศ.2539 พนื้ ทตี่ ง้ั อยบู่ รเิ วณทวิ เขาสนั 4062 ซ่ึงเป็นถนนลาดยางอย่างดี ตัด กุมภาพันธ์จนถึงเดือนกันยายน เป็น กาลาคีรี เป็นเขตแนวชายแดนไทย- ผา่ นพน้ื ท่ีปา่ และแหลง่ ศกึ ษาธรรมชาติ ช่วงท่ีฝนตกไม่มากเกินไป สามารถ มาเลเซยี มพี นื้ ทปี่ ระมาณ 270,725 ไร่ เดินทางท่องเท่ียวแบบไปเช้าเย็นกลับ ประกอบด้วยผืนป่าดงดิบท่ีสมบูรณ์ 2 สองขา้ งทางมพี นั ธไ์ุ มต้ า่ งๆ ทไ่ี ม่ ไดร้ ะหวา่ งปา่ บาลากบั อ�ำ เภอสไุ หงโก- ส่วน คอื ปา่ ฮาลา ในเขตอำ�เภอเบตง อาจหาชมได้ง่ายๆ จากท่ีอ่ืนในเมือง ลก โดยไม่จำ�เป็นต้องไปค้างแรมใน จังหวัดยะลา อำ�เภอจะแนะ จังหวัด ไทย เชน่ ตน้ ยวน ไม้ยืนตน้ ในวงศ์ถัว่ ที่ พน้ื ทป่ี า่ แตอ่ ยา่ งใด ดว้ ยพน้ื ทเ่ี ขตรกั ษา นราธิวาส และปา่ บาลา ในเขต อำ�เภอ สวยเด่นสะดุดตา เห็นได้แต่ไกลจาก พันธ์ุสัตว์ป่า เป็นพ้ืนท่ีเปราะบาง ไม่ แว้ง อำ�เภอสคุ ิริน จงั หวดั นราธวิ าส ถนน มักถูกตัดไปทำ�เฟอร์นิเจอร์ ต้น อนุญาตใหน้ ักทอ่ งเทยี่ วเข้าไปพกั แรม สยา ไมใ้ นวงศ์ยางไมเ้ ดน่ ของปา่ ฮาลา- พน้ื ทเ่ี กอื บทง้ั หมดของเขตรกั ษา บาลา จากจุดชมวิวเห็นเรือนยอดของ การเดินทาง พนั ธุส์ ตั วป์ ่าฮาลา-บาลา เปน็ เทือกเขา ต้นสยาข้ึนเบียดเสียดกัน หากสังเกต สลับซับซ้อนและปกคลุมด้วยป่าดงดิบ ดๆี อาจพบนกเงอื ก เพราะตน้ สยาเปน็ เ ห ม า ร ถ ส อ ง แ ถ ว ไ ด้ ท่ี ต ล า ด หรือป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์ มีอาณาเขต แหลง่ ทำ�รงั ส�ำ คัญของนกเงือก อ�ำ เภอแวง้ หรอื สถานรี ถไฟสไุ หงโก-ลก ติ ด ต่ อ กั บ พ้ื น ท่ี ป่ า ข น า ด ใ ห ญ่ ข อ ง หรือขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข ประเทศมาเลเซีย ทำ�ให้ผืนป่าฮาลา- นอกจากน้ีมีสัตว์ป่าท่ีทำ�ให้ป่า 4057 มุ่งหน้าไปยังอำ�เภอแว้ง จนถึง บาลา เปน็ แหลง่ อาศยั ของพชื พรรณและ แห่งน้ีมีความสมดุลทางระบบนิเวศ บ้านบูเก๊ะตา มีป้ายบอกทางให้ขับรถ สัตว์ป่าหายากจำ�นวนมาก แต่ส่วนท่ี สตั วอ์ าศยั อยทู่ นี่ ห่ี ลายชนดิ เปน็ สตั วห์ า ต่อไปทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา- เปิดให้ประชาชนท่ัวไปเข้าไปท่องเที่ยว ยากในไทย เช่น ชะนีดำ�ใหญ่ หรือ บาลา และศึกษาธรรมชาติเป็น “ป่าบาลา” เซยี มงั มสี ดี �ำ ตลอดตวั มขี นาดใหญก่ วา่ เทา่ นน้ั ชะนีธรรมดาเกือบเท่าตัว ชะนีมือดำ� ปกติพบเฉพาะในป่าบนเกาะสุมาตรา ผู้สนใจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิง บอรเ์ นยี ว และปา่ บรเิ วณทางเหนอื ของ นเิ วศ โดยเฉพาะการดูนก ดูผเี สือ้ หรอื มาเลเซียถงึ ทางใต้ของไทยเท่าน้นั 92

แนะนÓการเดนิ ทาง จ.นราธิวาส เขตรักษาพนั ธส์ุ ตั วป์ ่าฮาลา-บาลา ในผืนป่าแห่งน้ีบริเวณ หน้าดินลึก มีพรรณไม้ขึ้นหนา แน่นมักมีเรือนยอดชิดกันและ มกั เปน็ พืชในวงศย์ าง เปน็ ทอี่ ยู่ อาศยั ของสตั วป์ า่ ในเขตอนภุ าค ซุนดา เน่ืองจากสภาพป่าเป็น ปา่ ดงดบิ ชนื้ และยงั มคี วามอดุ ม สมบูรณ์ประกอบกับมีพื้นที่ป่า ต่อเนื่องติดกับป่าเบลุ่ม ในเขต ประเทศมาเลเซีย สัตว์ป่าที่ อาศัยอยู่มีการเดินทางไปมา ระหวา่ งประเทศ ภาพถา่ ยดาวเทียมจาก http://www.google.com/earth/index.html การเดินทาง รถยนต์ จากกรงุ เทพฯ ใชท้ างหลวงหมายเลข 4 เมอ่ื ผา่ นสแ่ี ยกเขา้ ตวั เมืองชุมพร ตรงเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านจังหวัด สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง จากน้นั ใช้ทางหลวง หมายเลข 4 อกี ครง้ั จนถงึ อ�ำ เภอหาดใหญ่ จากหาดใหญ่ ใช้ ทางหลวงหมายเลข 43 ผา่ นอ�ำ เภอโคกโพธ์ิ เขา้ จงั หวดั ปตั ตานี จากนน้ั ใชท้ างหลวง หมายเลข 42 จนถงึ อ�ำ เภอบาเจาะ จงั หวดั นราธวิ าส แลว้ ใชท้ างหลวงหมายเลข 4055 และ 4056 ผา่ น อ�ำ เภอสไุ หงปาดี จากนน้ั แยกเขา้ ทางหลวงหมายเลข 4057 ไป อ�ำ เภอแวง้ ไปตอ่ จนถงึ บา้ นบเู กะ๊ ตา กอ่ นถงึ เขตแดน เหน็ ปา้ ย บอกทางไปเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ฮาลา-บาลา และน�ำ้ ตกสริ นิ ธร เลย้ี วขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 4062 ทท่ี �ำ การเขตรกั ษา พนั ธส์ุ ตั วป์ า่ ฮาลา-บาลา อยดู่ า้ นขวามอื รถไฟ อ้างอิงข้อมลู : สำ�นักอนรุ ักษส์ ตั วป์ ่า เดนิ ทางโดยรถไฟ มาสดุ ทส่ี ถานปี ลายทางสไุ หงโก-ลก สามารถ จา้ งเหมารถรบั จา้ งมาสง่ ทเ่ี ขตฯ หรอื น�ำ้ ตกได้ http://web3.dnp.go.th/wildlifenew/animConserve- DepView.aspx?depId=12 93

94

เคสคเวียสวางาียมมงสสสสำ�ะ�ำ ะทเรเท้อร็จนอ้ จ็ น 95

แเกห่งษ“ตบรก้านรหผนู้กอลง้ามัง” หลังยุคการปฏิวัติเขียวที่เปลี่ยนการปลูกพืชเพื่อกินเพื่อใช้ สู่การค้าขายและขยายตัวเพื่อรองรับการเพิ่มของประชากรอย่าง รวดเร็ว “ปุ๋ยเคมี” และ “สารเคมี” จึงกลายเป็นวัตถุดิบหลัก ของการทำ�นา รวมถึงการปลูกพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะ ในพื้นที่อีสานดินค่อนข้างขาดความสมบูรณ์ “ปุ๋ยเคมี” ถือเป็น ปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้สำ�หรับเกษตรกร 96

ปิยะทัศน์ ทัศนิยม หนึ่งในเกษตรกร “วันหน่ึง ขณะที่กำ�ลังฉีดยาฆ่าแมลงในแปลงนา ผู้ปฏิเสธการใช้สารเคมี หันมาพลิกฟื้นผืน ผมเห็นลูกชายเลือดกำ�เดาออก ผมทุ่มกระป๋องยาท้ิงเลย ดินแห่ง “หมู่บ้านหนองมัง” ให้เป็นแหล่ง หลังจากน้ันผมมาทบทวนตวั เองว่า เอาเงนิ หรือเอาลูก เอา “เกษตรอินทรีย์” อันเลื่องชื่อของ สิ่งแวดล้อมหรือเอาโรค ผมจึงตัดสินใจเลิกทำ�นาแบบเคมี จังหวัดอุบลราชธานี ความสำ�เร็จที่ได้มา เพราะคดิ กบั ตวั เองวา่ คนรนุ่ พอ่ รนุ่ แมไ่ มไ่ ดใ้ ชส้ ารเคมมี ากอ่ น ด้วยความกล้าและจิตใจที่มุ่งมั่น รวมถึง ยงั อยไู่ ด้ ผมจงึ เรม่ิ หนั มาเรยี นรทู้ �ำ เกษตรอนิ ทรยี แ์ บบจรงิ จงั ” องค์ความรู้จากหลายๆ หน่วยงาน ที่เข้า มาช่วยเหลือ อาทิ อาศรมพลังงาน ในช่วงแรก ปิยะทัศน์ ใช้การแสวงหาความรู้ด้วย สำ�นักงานพัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ตนเองเป็นใบเบิกทาง เริ่มหาความรู้จากสมาคมเทคโนโลยี แหง่ ชาติ (สวทช.) ท�ำ ให้ “หมบู่ า้ นหนองมงั ” ที่เหมาะสม (อาศรมพลังงาน) เรยี นรู้ทดลองใช้พลงั งานทาง ได้รับเลือกจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เลือก เช่น การทำ�นำ้�ส้มควันไม้ การใช้ไบโอแก๊ส ต่อมาปี เทคโนโลยี (วท.) ให้เป็น “หมู่บ้านแม่ข่าย พ.ศ.2536 ได้เข้ารับการอบรมท่ีศูนย์คิวเซ จังหวัดสระบุรี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ในด้าน เรียนรู้เร่ืองเกษตรอินทรีย์ เกษตรแบบปลอดสารพิษและ “หมู่บ้านเกษตรอินทรีย์” สารเคมี โดยยึดหลักการผลิตท่ีอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาศัย เทคโนโลยีการประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ ปิยะทศั น์ ทศั นิยม เล่าว่า ชีวิตการทำ�เกษตรอนิ ทรีย์ อีเอ็ม (Effective Micro-organisms: EM) เพ่ือสร้างความ ของเขาเรมิ่ ตน้ ในปี พ.ศ.2533 เพราะรู้สึกเบ่อื ชีวติ มนษุ ยเ์ งิน สมบรู ณใ์ นดินให้มีคุณภาพและเป็นประโยชนต์ ่อพืช เดือน แม้มีรายได้ตอ่ เดือนมาก แตร่ ายจา่ ยมากตามไปดว้ ย เขาจงึ ตดั สนิ ใจน�ำ เงนิ ทเ่ี กบ็ ไวซ้ อ้ื ทดี่ นิ เกอื บ 40 ไร่ ทบี่ า้ นเกดิ “ไดค้ วามรกู้ ม็ าทดลอง ผมเรมิ่ ท�ำ การหมักปยุ๋ และใช้ ของภรรยา คือ หมู่บ้านหนองมัง อำ�เภอสำ�โรง จังหวัด จุลินทรีย์อีเอ็มปรับปรุงบำ�รุงดิน ทำ�ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์ อุบลราชธานี ในช่วงแรกเร่ิมจากทำ�เกษตร ปลูกขา้ ว ปลูกผกั แกลบ ร�ำ จลุ นิ ทรยี อ์ เี อม็ และกากน�้ำ ตาล จากการสงั เกตพบ ใชส้ ารเคมี ปยุ๋ เคมเี หมอื นเกษตรกรทวั่ ไป และยงั เปน็ วทิ ยากร วา่ ผืนดนิ ทเ่ี คยแข็งกระด้าง ปลกู อะไรไมเ่ จริญเตบิ โต แม้แต่ สาธิตการใช้ปุ๋ยเคมีให้กับเพ่ือนเกษตรกร แต่ในที่สุดเขา หญ้าริมทาง แตเ่ มือ่ ลองบ�ำ รงุ ดว้ ยจุลินทรียอ์ ีเอม็ พบว่า ดนิ ตดั สินใจล้มเลกิ ทำ�นาเคมีด้วยปัญหาสุขภาพ ร่วนซุยดขี ึน้ ” นอกจากการออกไปหาความรจู้ ากสถาบนั ตา่ งๆ แลว้ ปยิ ะทศั น์ยงั มเี ครือข่ายภาคีต่างๆ เข้ามาชว่ ยเป็นเพ่ือนรว่ ม เรียนรู้ หนึ่งในน้ันคือ สำ�นักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ปิยะทัศน์ เล่าว่า กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง รู้จัก สวทช. ผ่านการแนะนำ�ของ ผศ.ชาญชัย ลิมปิยากร ทปี่ รกึ ษา สวทช. (ตำ�แหนง่ ในขณะนน้ั ) ซง่ึ รจู้ กั กบั ดร.โคทม อารียา นายกสมาคมเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เมื่ออาจารย์ ชาญชัย ทราบว่ากลุ่มเกษตรอินทรีย์ฯ สนใจทำ�เกษตร อินทรีย์ อาจารย์พาคุณอุไรพรรณ ปรางอุดมทรัพย์ และ คณุ กลั ยารตั น์ รัตนะจิตร ทีมงานจาก สวทช. เข้ามาด้วย ท�ำ ใหไ้ ดเ้ รยี นรซู้ ง่ึ กนั และกนั โดยเฉพาะเรอ่ื ง จลุ นิ ทรยี ธ์ รรมชาติ “เจ้าหน้าท่ี สวทช. พากลุ่มไปศึกษาข้อมูลจาก ดร.อานัฐ ตันโช อาจารย์ประจำ�คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลยั แม่โจ้ เครือข่ายของ สวทช. ท�ำ ใหพ้ วกเรารจู้ กั หนา้ ทข่ี องจลุ นิ ทรยี ม์ ากขน้ึ วา่ มกี ก่ี ลมุ่ กช่ี นดิ และมผี ลอยา่ งไร ต่อการท�ำ เกษตรอนิ ทรีย์ จากเดมิ ทีพ่ วกเราท�ำ ปยุ๋ หมกั แบบ ไมร่ ้กู ระบวนการและหน้าทีข่ องจุลนิ ทรยี เ์ ลย 97

จลุ นิ ทรยี ต์ ามธรรมชาตทิ เ่ี กษตรกรควรรมู้ ี 3 กลมุ่ คอื ปิยะทศั น์ เลา่ วา่ ในปี พ.ศ.2544 เร่ิมปลกู ผกั อินทรยี ์ 1.กลมุ่ ทเ่ี นา่ เหมน็ 2.กลมุ่ ทเี่ ปน็ กลาง และ 3.กลมุ่ สรา้ งสรรค์ แรกๆ ปลูกไว้กินเอง แต่ภายหลังมีผักมากข้ึนจึงนำ�มาขาย ส�ำ หรบั ผมท�ำ อเี อม็ อยแู่ ลว้ จงึ ศกึ ษาจลุ นิ ทรยี ก์ ลมุ่ สรา้ งสรรค์ เป็นรายไดใ้ หค้ รอบครัว เพราะสามารถนำ�มาประยุกต์ใช้ในการทำ�นำ้�หมักชีวภาพ และปยุ๋ หมกั ได้ นอกจากนยี้ งั มคี วามรเู้ รอื่ งงา การปลกู งาและ “กลุ่มนำ�ความรู้เร่ืองจุลินทรีย์สร้างสรรค์ที่ได้จาก ไถกลบต้นท่ีเก็บเก่ียวแล้วเพื่อเพิ่มธาตุอาหารฟอสฟอรัส สวทช. มาใชใ้ นการท�ำ ผกั อินทรยี ์ ทำ�ให้เกดิ ประโยชนห์ ลาย การนำ�เอากระดูกสตั ว์มาทำ�เปน็ แคลเซียมเสริม เปน็ ความรู้ ดา้ น ไดแ้ ก่ 1.ประหยดั ตน้ ทนุ คา่ ปยุ๋ 2.พชื ผกั งอกงามขนึ้ จาก ทไ่ี ด้ประโยชนม์ าก” การใชจ้ ลุ นิ ทรยี ์ 3.ดนิ รว่ นซยุ เนอ่ื งจากจลุ นิ ทรยี ช์ ว่ ยปรบั คา่ ความเป็นกรด-ด่าง เพิ่มปริมาณธาตุอาหารหลักของดินทั้ง การเข้ามาช่วยเหลือและเรียนรู้ร่วมกันของเครือข่าย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เมื่อดินมีธาตุอาหาร ภาคี ทำ�ให้งานด้านเกษตรอินทรีย์พัฒนาอย่างต่อเน่ือง ท่ดี ี พชื ผักอินทรยี เ์ จรญิ งอกงามดีข้ึน” กระท่งั ในปี พ.ศ.2549 สวทช. เลือกพน้ื ที่ “หมูบ่ า้ นหนอง- มัง” เปน็ “หมู่บา้ นแม่ข่ายวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย”ี แม้การปลูกผักอินทรีย์ให้ผลผลิตดี ขายได้ราคา แต่ โดยมี รศ.ดร.อริยาภรณ์ พงษ์รัตน์ อาจารย์ประจำ�คณะ มกั มปี ญั หาในฤดฝู นทที่ �ำ ใหต้ น้ ผกั เนา่ ใบเปน็ รู ใบช�ำ้ ไมส่ วย เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เข้ามาเป็น ไม่เปน็ ท่ีตอ้ งการของตลาด ทำ�ใหข้ าดรายได้ในฤดฝู น ท่ปี รึกษาและพ่ีเล้ียง น�ำ เคร่ืองมอื การเรียนรูด้ ้วยตวั เอง เช่น แผนภมู ชิ วี ติ บญั ชคี รวั เรอื น การเรยี นรเู้ รอื่ งเกษตรอนิ ทรยี ์ “เมอ่ื กอ่ นฤดฝู นปลกู แทบไมไ่ ดเ้ ลย ผกั บงุ้ จนี กป็ ลกู ไม่ จากแปลงสาธติ ที่ ม.อบุ ลฯ ชว่ ยเตมิ ความรดู้ า้ นวชิ าการ และ สวยนะ ปลูกได้แต่ผักประเภทหัวเท่านั้น จำ�พวก บวบ เป็นแรงผลักดันให้พวกเขามุ่งม่ันทำ�นาข้าวอินทรีย์อย่าง มะระจีน ผักอ่ืนปลูกฤดูฝนไม่ได้เลย นำ้�ไม่ท่วมก็เหมือน จริงจัง ในที่สุดกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง ได้รับการ น�ำ้ ท่วม เพราะเมอ่ื โดนฝน ผักโตช้า ออ่ นแอ ไมต่ ิดผลผลิต รบั รองมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ ทเี่ รยี กวา่ “ออรแ์ กนกิ ไทย- เดอื นสิงหาคม-กนั ยายน ต้องเกบ็ ของเก่ากนิ กว็ า่ ได้” แลนด”์ จากกรมการข้าว ต่อมา สวทช. ซึ่งเป็นเครือข่ายร่วมเรียนรู้นำ� “ผลผลิตของเราไม่ได้เรียกว่า “ปลอดสาร” เพราะ เทคโนโลยีโรงเรือนพลาสติกคัดกรองแสง มาให้ทดลอง “ปลอด” หมายถงึ มีการใส่สารเคมี แตเ่ กบ็ ผลผลิตในระยะ ปลกู ผกั อินทรยี ์ในโรงเรอื นฯ ชว่ ยป้องกันฝนได้ดี ทำ�ใหก้ ลุ่ม ปลอดภัย แต่สำ�หรับกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมังแล้ว เกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง สามารถปลูกผักในฤดูฝนได้ ทุกกระบวนการผลิตต้ังแต่ต้นนำ้�ถึงปลายนำ้� ไม่ใช้สารเคมี ใหผ้ ลผลติ ดีเป็นทน่ี ่าพอใจอย่างมาก ไมท่ �ำ ลายสง่ิ แวดลอ้ ม ไมต่ ดั แตง่ พนั ธกุ รรมพชื เพราะเกษตร อินทรีย์ ต้องคำ�นงึ ถงึ ระบบนเิ วศเป็นหวั ใจหลกั ทำ�ใหร้ ะบบ นเิ วศในแปลงไรน่ าดีขึน้ กว่าเกษตรแบบใชส้ ารเคมี เม่ือก่อนผมทำ�เกษตรแบบเคมีทั้งนาข้าว และสวน ไร่นา ความหลากหลายทางชวี ภาพไม่คอ่ ยมี สง่ิ มชี วี ิตในนา ขา้ ว ทง้ั ปู ปลา สาหรา่ ยสเี ขยี วแกมน�ำ้ เงนิ กไ็ มค่ อ่ ยมี แตว่ นั น้ี เมอ่ื เปล่ียนมาทำ�เกษตรอนิ ทรยี ์ สาหร่ายสีเขยี วแกมน�ำ้ เงิน มมี ากขน้ึ น�ำ ไปบรโิ ภคได้ ระบบนิเวศดีขน้ึ ไมต่ ้องพง่ึ ยาหรอื สารเคมอี นื่ ๆ” หลังจากทำ�นาข้าวอินทรีย์ ปิยะทัศน์และกลุ่ม เกษตรกรเรม่ิ มแี นวคดิ พงึ่ พาตนเองมากขนึ้ โดยหนั มา “ปลกู ผกั อนิ ทรยี ”์ บรโิ ภคภายในครวั เรอื น เพอ่ื ลดการพงึ่ พาปจั จยั จากภายนอก 98

“เม่ือนำ�ผักมาลองปลูกในโรงเรือนฯ ผมสังเกตว่า โครงการก็จบ แต่พวกผมพสิ ูจนแ์ ล้วว่า ความรมู้ คี ่ามาก ผลผลิตมีปริมาณมากกว่าปลูกนอกโรงเรือนฯ ผักมีขนาด ท่สี ุด สวทช. เปน็ พเ่ี ลี้ยง มาเติมเตม็ ความรู้ สง่ิ ใดทีก่ ลมุ่ ใหญแ่ ละนำ�้ หนกั เพม่ิ ข้นึ ด้วย ช่วงรอบเก็บเก่ียวสัน้ ลง สผี กั เกษตรอินทรีย์บ้านหนองมังขาดความรู้ สวทช. ช่วย เขียวสวยเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าฤดูไหนๆ ผักในโรงเรือนฯ แนะนำ�ให้ความรู้ พาไปศึกษาดูงานเครือข่ายอื่นๆ เจริญเตบิ โตดี ท่สี ำ�คญั นำ�ไปขายไดห้ ลายชนิด อาทิ ผกั สลดั เป็นการเติมเต็มให้เสมอ โดยเฉพาะความรู้ด้าน เบบค้ี อส สลดั ใบแดง สลดั โอค๊ ลฟี ผกั กวางตงุ้ ผกั คะนา้ ผกั ชี วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เปน็ เรอื่ งยากทคี่ นในชมุ ชน ต้นหอมญ่ปี ุ่น เปน็ ตน้ เปน็ ทีช่ น่ื ชอบของเกษตรกรมาก แม้ จะเข้าถงึ ได้โดยล�ำ พัง ต้นทุนการทำ�โรงเรือนพลาสติกคัดกรองแสงค่อนข้างสูง เกษตรกรท่เี หน็ ประโยชนจ์ ากโรงเรอื นตน้ แบบพยายามรวม สว่ นตวั ผมมองวา่ เทคโนโลยเี ปน็ เรอื่ งจ�ำ เปน็ หาก กลมุ่ หาทนุ กนั เอง คอ่ ยๆ สรา้ งโรงเรอื นขนึ้ ตามก�ำ ลงั ทแ่ี ตล่ ะ ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั บรบิ ททเ่ี ราท�ำ จะเกดิ ประโยชนม์ ากๆ คนมี ตอนนี้สมาชิกในเครือข่ายสร้างโรงเรือนต้นแบบได้ ถ้าพูดถึงเทคโนโลยี และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ 1 โรงเรอื น และท�ำ เพ่ิมเตมิ อกี 7 โรงเรือน” สวทช. น�ำ มาตอ่ ยอดและเรยี นรรู้ ว่ มกบั เรา ผมพดู ไดเ้ ลย วา่ ถ้า สวทช. เป็นธนาคารกเ็ หมอื นแบงคก์ รงุ เทพ คอื ปัจจุบันกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง ปลูกข้าว “เพอื่ นคคู่ ดิ มติ รคบู่ า้ น” (หวั เราะ) คอื มอี ะไรกเ็ รยี นรแู้ ลก อินทรีย์ (ข้าวหอมมะลิและข้าวหอมนิล) สร้างรายได้สูงถึง เปลี่ยนกัน ทำ�ด้วยกันเหมือนพ่ีเหมือนน้อง โดยเฉพาะ ปลี ะลา้ นกวา่ บาท ถอื เปน็ “กลมุ่ ปลกู ผกั อนิ ทรยี ”์ ทใี่ หญท่ สี่ ดุ เรื่องความรู้ สวทช. ระมัดระวังในการเสนอเทคโนโลยี ในจงั หวดั อบุ ลราชธานี ในปี พ.ศ.2554 กลมุ่ มรี ายไดจ้ ากการ ใหมๆ่ วา่ เหมาะสมกบั แตล่ ะพน้ื ทห่ี รอื ไม่ ขณะทพี่ วกผม ขายผักอินทรยี ส์ ูงถึง 900,000 กวา่ บาทต่อปี กร็ ะมัดระวงั เช่นกนั เพราะหากน�ำ เทคโนโลยที ีไ่ มเ่ หมาะ สมกับพ้ืนท่ี ไม่เหมาะสมกับกลุ่มเข้ามา ย่อมไม่เกิด แน่นอนว่าความส�ำ เร็จของ “หมูบ่ ้านเกษตรอินทรีย์” ประโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ท่ี แตส่ ง่ิ ท่ี สวทช. ใหน้ นั้ คอื “เราตอ้ ง ไม่เพียงอาศัยใจ ความมุ่งมั่น ศรัทธา และไม่ท้อถอยแล้ว เรียนรูร้ ่วมกนั ” เครือข่ายร่วมเรียนรู้และภาคีต่างๆ ถือเป็นปัจจัยสนับสนุน ทส่ี �ำ คญั เชน่ กนั สิ่งเหล่าน้ีทำ�ให้เราแข็งแกร่ง เดินได้ด้วยตัวเอง แม้วันข้างหน้า สวทช. มีความจำ�เป็นต้องไปให้ความรู้ “สงิ่ ทเ่ี ราไดจ้ าก สวทช. คอื องคค์ วามรทู้ ม่ี คี า่ มาก ในที่อืน่ พวกเราม่นั ใจวา่ จะเดนิ ได้ดว้ ยตวั เอง ใช้ความรู้ มีหน่วยงานราชการหลายแห่งมาสนับสนุนงบประมาณ เป็นฐานในการพง่ึ ตนเองได”้ เสียงสะทอ้ นความรู้สกึ ถึง พาเกษตรกรทำ�โครงการต่างๆ แต่สุดท้ายพอหมดเงิน สวทช. ก่อนจบการสนทนาของ “ปยิ ะทศั น์ ทัศนยิ ม”  99

บทเพลงโนนกลาง (ภาษาอสี าน) บทเพลงเพ่อื สวทช. ผ้ปู ระพนั ธ์ ปิยะทัศน์ ทัศนยิ ม ฟ้ามดื ก็คงไม่นาน โนนกลางของเราก�ำ ลงั จะสวา่ ง สสี ม้ ตะวนั สาดแสง ค�ำ แพงรบี กลบั มานะ ไปหาท�ำ งานทใ่ี ด หาดใหญ่ หรือพทั ยา พเ่ี ขา้ กรุงเทพฯ ตามหา ขวญั ตาก็ยังไม่เจอ ฟ้าสว่างแลว้ หรือพ่ีจา๋ นอ้ งมาถงึ บา้ นเราแล้ว เสียงคนถามขา่ วเยอะแยะ เพราะ ลงุ ปา้ หว่ งหา เหน็ พท่ี �ำ นาแบบนนั้ ดใี จเหน็ ความอตุ สาหะ อกนอ้ งช�้ำ หนองกลบั มา เพราะ วาจาผ้ชู ายคนลวง ใหฟ้ น้ื จากฝนั ทม่ี นั ไมด่ ี อยา่ ไปสนค�ำ คนนนิ ทา หนั มาพลกิ ดนิ ปลกู พชื อนิ ทรยี เ์ ถอะ แมข่ วัญเรอื น สวทช. ช่วยฟ้ืน ทุ่งนาจะคนื ส่คู วามสมบูรณ์ ฟ้าสวา่ งจริงๆ พี่จา๋ ดวงตาของนางก็สวา่ ง ปลูกขา้ ว ปลูกฟัก ปลกู แฟง ถั่วแตง พชื ไรน่ าสวน เลย้ี งปลา เลย้ี งเปด็ เลย้ี งไก่ ปลาชอ่ นใหญเ่ อามาปง้ิ ยา่ ง เหลอื กนิ คอ่ ยขายเอาตงั ค์ โนนกลางบา้ นเราสขุ ขี ให้ฟื้นจากฝันที่มันไม่ดี ลืมซะสารภี อย่าไปสนคำ�คนนินทา หันมาพลิกดิน ปลกู พชื อนิ ทรียเ์ ถอะแมข่ วญั เรอื น สวทช. ช่วยฟน้ื ทุง่ นาจะคืนสู่ความสมบูรณ์ ฟา้ สว่างจรงิ ๆ พี่จา๋ ดวงตาของนางก็สวา่ ง ปลกู ขา้ ว ปลูกฟัก ปลกู แฟง ถัว่ แตง พืชไรน่ าสวน เลยี้ งปลา เลย้ี งเปด็ เลย้ี งไก่ ปลาชอ่ นใหญเ่ อามาปง้ิ ยา่ ง เหลอื กนิ คอ่ ยขายเอาตงั ค์ โนนกลางบ้านเราสขุ ขี ถา้ ตัวนอ้ งตั้งใจท�ำ จริงๆ อกี ปีสองปหี ายจน 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook