Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อินโดนีเชีย-indonesia

อินโดนีเชีย-indonesia

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-04-20 11:26:53

Description: อินโดนีเชีย-indonesia

Search

Read the Text Version

เป้าหมายจะสร้างให้เกิดเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมด้วยการ สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การวจิ ยั ในวงกวา้ ง โดยรฐั บาลมเี ปา้ หมายทจี่ ะสนบั สนนุ งบประมาณดา้ นการวจิ ยั เพม่ิ เปน็ รอ้ ยละ 1 ของ GDP จนถงึ ปี พ.ศ. 2557 (2014) และจะเพ่มิ ขน้ึ เร่อื ยๆ เป็นรอ้ ยละ 3 ของ GDP ในปี พ.ศ. 2568 (2025) โดยจะท�ำให้เกิดศูนย์นวัตกรรมต่างๆ ขึ้นท่ัวประเทศ และเพื่อ สนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมให้หันมาใช้นวัตกรรมเพ่ือการผลิตและสร้าง มูลคา่ เพม่ิ มากกว่าเนน้ การใช้ทรพั ยากรหรือแรงงาน และมงุ่ สรา้ งใหเ้ กิด แผนภาพที่ 1 การบรู ณาการระหว่างการศึกษาระดับกลางและระดบั สูง ของอินโดนีเซยี 150

แรงงานทม่ี ฝี มี อื มกี ารศกึ ษา และมที กั ษะดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพิม่ มากขึ้น โดยมีเป้าหมายท่ีจะเพ่ิมจ�ำนวนผู้จบปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีขึ้นอีก 7,000-10,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2557 เนื่องจากแผน MP3EI เชื่อว่า ในยุคเศรษฐกิจแห่งปัญญาและความรู้ (Knowledge-based Economy) เศรษฐกจิ ต้องพัฒนาจากการผลิตท่ี ขับเคล่ือนโดยนวัตกรรม รัฐบาลจึงจ�ำเป็นต้องจัดการศึกษาท่ีดีให้แก่ ประชากร เพอ่ื ท�ำใหเ้ กดิ การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีตอ่ ไปใน อนาคต เพ่ือเป็นเสาหลกั ทางเศรษฐกจิ ทส่ี �ำคญั ของอนิ โดนีเซีย 6.3 หน่วยงานที่รบั ผดิ ชอบดา้ นการพฒั นาข้าราชการ 6.3.1 องค์การข้าราชการแหง่ ชาติ (National Civil Service Agency-NCSA) องคก์ ารขา้ ราชการแหง่ ชาต ิ (NCSA) หรอื ทเ่ี รยี กตามชอ่ื ภาษาทอ้ งถนิ่ ว่า Badan Kepegawaian Negara เป็นหน่วยงานท่ีข้ึนตรงต่อ ประธานาธบิ ดี มหี นา้ ทก่ี �ำหนดกฎ ระเบยี บ และหลกั เกณฑ์ รวมทงั้ ก�ำกบั ดแู ลการด�ำเนนิ การของสว่ นราชการใหเ้ ปน็ ไปตามที่ NCSA ก�ำหนด ทงั้ น้ี การก�ำหนดกฎ ระเบยี บ และหลกั เกณฑจ์ ะตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งกบั แนว นโยบายของชาติ ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 151

6.3.2 ศูนย์การประเมินข้าราชการ (Civil Service Assessment Center) ศูนย์การประเมินข้าราชการ มีหน้าที่รับผิดชอบการประเมินระบบ การบรหิ ารจดั การราชการพลเรอื น โดยมเี ปา้ หมายส�ำคญั คอื การพฒั นา ศกั ยภาพและสมรรถนะของขา้ ราชการในประเทศอนิ โดนเี ซยี เพอื่ ใหท้ นั กับการเปล่ียนแปลงทีเ่ กิดข้ึนในยุคโลกาภิวตั น์ 6.3.3 สถาบันการบรหิ ารรัฐกจิ แห่งชาติ (National Institute of Public Administration-NIPA) กอ่ ตงั้ เพอื่ พฒั นาทกั ษะการเปน็ ผนู้ �ำและทกั ษะการบรหิ ารจดั การของ ผบู้ รหิ ารในระบบราชการของสาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี รวมถงึ การวจิ ยั และ พัฒนาการบริหารงานของรัฐใหเ้ หมาะสมกับสถานการณท์ ี่เปลย่ี นแปลง ไปในอนาคต 152

7 กฎหมายส�ำ คญั ทีค่ วรรู้ ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอินโดนีเซยี 153

7.1 กฎระเบียบข้าราชการ บรรดาขา้ ราชการอินโดนีเซียถือได้ว่าเป็นข้าราชการแห่งชาติ แม้ว่า บางส่วนจะมีการสรรหาและบริหารงานโดยรัฐบาลในระดับภูมิภาค (Pegawai daerah) กฎหมายการกระจายอ�ำนาจทถ่ี กู น�ำมาใชใ้ นปี พ.ศ. 2542 ให้อ�ำนาจกับรัฐบาลในระดับภูมิภาคในการจัดการกับข้าราชการ ทท่ี �ำงานในระดบั ภมู ภิ าค รวมทงั้ การสรรหาเจา้ พนกั งานใหมแ่ ละการจา่ ย เงนิ เดอื น  โดยวางอยู่บนพน้ื ฐานของนโยบาย  มาตรฐาน  และวธิ กี าร ท่ีก�ำหนดจากศูนยก์ ลาง พ้ืนฐานกฎหมายขา้ ราชการพลเรือนสามญั ระบบราชการไดจ้ ดั อยู่ในกฎหมายฉบบั ที่ 8 ปี พ.ศ. 2517 และได้ รบั การแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ในฉบบั ที่ 43 ปี พ.ศ. 2542 ระบบราชการอนิ โดนเี ซยี ถกู ควบคมุ และจดั การโดยหนว่ ยงานราชการระดบั ชาติ (Badan Kepega- wai Negri: BKN) ซึง่ จะท�ำหนา้ ท่เี กบ็ รวบรวมข้อมลู ทงั้ หมดเอาไว้ และมี ส่วนในการให้ความเห็นชอบการแต่งต้ังบางต�ำแหน่ง การเปล่ียนแปลง ต�ำแหนง่ ทกุ ๆ ต�ำแหน่งจะต้องผา่ นการยินยอมจาก BKN กฎหมายใหม่ ท่ีว่าด้วยระบบราชการนี้ จะเน้นที่ความถูกต้องในการท�ำงานของ ข้าราชการที่ต้อง “บริการประชาชน” อย่างที่รัฐควรจะท�ำ และก�ำจัด การกระท�ำทจุ ริต การเลน่ พรรคเลน่ พวก การตระหนักถึงความต้องการในการบรรจุ ความต้องการต�ำแหน่ง และการเล่ือนต�ำแหน่ง สิ่งเหล่าน้ีจะพิจารณาจากประสิทธิภาพในการ ท�ำงาน  การแขง่ ขนั และความจ�ำเปน็ ในการปฏริ ปู เงนิ เดอื น  นอกจากนี้ 154

ในกฎหมายฉบบั ทไี่ ดร้ บั การแกไ้ ขแลว้ นี้ ยงั มเี รอื่ งการหา้ มไมใ่ หข้ า้ ราชการ เข้ารว่ มกบั พรรคการเมอื งฝ่ายใดอีกดว้ ย กระทรวงการปฏริ ปู การบรหิ าร (The Ministry of Administrative Reform : MENPAN) จะท�ำหนา้ ทใ่ี นการรบั ผดิ ชอบขอ้ บงั คบั การบรหิ าร งานของประเทศ ซ่ึงต้องผ่านการประกาศนโยบายและลงนามจาก รัฐมนตรีก่อน หน่วยงานราชการระดับชาติ (Badan Kepegawaian Nasional: BKN) เปน็ หนว่ ยงานราชการทรี่ บั ผดิ ชอบการด�ำเนนิ การตาม กฎหมายฉบบั ที่ 8 ปี พ.ศ. 2517 ซ่ึงแกไ้ ขเพิม่ เติมในฉบับที่ 43 ปี พ.ศ. 2542 ซ่ึงวางแนวทางในการบรรจุ การถอดถอน และการเล่ือนขัน้ ของ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ในขณะที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแลการ จัดสรรงบประมาณ ซ่งึ กม็ ผี ลต่อการควบคุมขนาดข้าราชการพลเรือน ซ่งึ ในประเทศอนิ โดนีเซยี อาชีพทีเ่ รยี กไดว้ า่ เป็นท่ตี อ้ งการมากที่สดุ คอื การเปน็ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการคืออะไร ผูส้ มัครเข้ารับราชการ (Calon Pegawai Negeri Sipil) เรยี กสั้นๆ ว่า CPNS เป็นกลุ่มเจ้าหน้าทท่ี ไ่ี ดผ้ า่ นการทดสอบ และไดร้ ับการยอมรบั ในข้ันตอนแรก แตย่ ังไมไ่ ด้มกี ารท�ำสญั ญาข้อตกลงใดๆ อยา่ งข้าราชการ ท่ีผ่านการคัดเลือกแล้วอย่างสมบูรณ์ เมื่อผู้สมัครได้รับเลือกแล้ว จะได้ รับค่าจ้างในอัตราร้อยละ 80 ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยผู้สมัคร ข้าราชการพลเรือน (SKCPNS) ระบุไว้ ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงในกฎหมายท่ี บงั คบั ใชใ้ นประเทศอินโดนีเซยี   การระบุสถานะของผสู้ มคั รข้าราชการ ทไี่ ดร้ ับการยอมรบั ในปจั จบุ นั จะเกดิ ขึน้ เม่ือผ้สู มคั รแสดงความสามารถ ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนีเซีย 155

และประสิทธิภาพของตน โดยการผ่านการทดสอบต่างๆ หากผู้สมัคร เหลา่ นยี้ งั ไมผ่ า่ นเกณฑข์ น้ั ทส่ี องของการประเมนิ สถานะของผสู้ มคั รอาจ เล่ือนไปได้ตามการข้อบัญญัติเวลา หากเกินระยะเวลาท่ีก�ำหนดก็อาจ ถูกตัดสิทธหิ์ รือตัดออกจากการเปน็ ข้าราชการ ขอ้ ตกลงกอ่ นการเปน็ ขา้ ราชการ ก่อนการเข้าเป็นข้าราชการ ผู้สมัครทุกคนจะต้องยอมรับกฏเกณฑ์ บางประการ ดังต่อไปนี้ 1) ผู้สมัครทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนการเป็นข้าราชการ นอกจากน ี้ เมอื่ ผา่ นการผกึ อบรมแลว้  ผสู้ มคั รทกุ คนจะตอ้ งไดร้ บั ใบรบั รอง เพ่ือยืนยันว่าได้ผ่านการอบรมน้ีแล้ว  (ต่างจากของประเทศไทยที่ไม่มี การฝึกอบรมลักษณะน้ี) ในขณะเดียวกันเอกสารที่ผู้สมัครต้องมี คือ ใบรบั รองสขุ ภาพกายและสุขภาพจิตจากโรงพยาบาลที่ไดร้ ับการรับรอง 2) ผู้สมัครจะต้องมีเอกสารการประเมินผลสัมฤทธ์ิจากการท�ำงาน ตามที่กฎหมายบังคับ (DP3) หมายถึง การประเมินผลการท�ำงานของ แต่ละคนในแต่ละหน่วยงาน โดยในเอกสารจะต้องมีการวินิจฉัยการ ประเมินค่าข้ันต�่ำสุดที่ผ่านการก�ำหนดแล้ว หมายถึง จะต้องมีการสรุป ผลการประเมินของแต่ละบุคคลเปน็ ขนั้ ต่ำ� สดุ 3) หลงั จากผา่ นการทดสอบตา่ งๆ  ตามท่ไี ดก้ ลา่ วมาข้างต้นแล้ว ขนั้ ตอนทส่ี ามทเ่ี กดิ ขน้ึ  คอื  ผสู้ มคั รขา้ ราชการพลเรอื นจะไดร้ บั สถานะเปน็ ขา้ ราชการพลเรอื นเตม็ รปู แบบ และไดร้ บั อตั ราเงนิ เดอื นเตม็ จ�ำนวนกต็ อ่ เม่ือได้รับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบรรจุเป็นข้าราชการ (SKPNS) แทนที่พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยผู้สมัครข้าราชการพลเรือน  (SKCPNS) 156

ที่ไดร้ บั มาเม่ือยงั เปน็ ผู้สมคั ร 4) ภายใตบ้ ทบญั ญตั ขิ องกฎหมายฉบบั ที่ 8 ปี พ.ศ. 2517 ในประเดน็ หลักท่ีเกี่ยวกับบุคลากร ซ่ึงได้รับการแก้ไขเพ่ิมเติมโดยกฎหมายฉบับที่ 43 ปี พ.ศ. 2542 ระบุว่า ขา้ ราชการที่เคยผา่ นการทดสอบการเข้าเป็น ขา้ ราชการพลเรอื นอยา่ งนอ้ ย 1 ปี สามารถเข้าเปน็ ข้าราชการพลเรือน ได้ เมือ่ ปฏิบัติตามขอ้ บังคับและข้อก�ำหนดอย่างครบถ้วน เปรยี บเทียบกับต�ำรวจและทหาร 1) สถานะของผู้สมัครข้าราชการพลเรือนตรงกับกระบวนการของ ผสู้ มัครขา้ ราชการทหาร หรือข้าราชการทหารเรอื 2) การสมัครเป็นข้าราชการพลเรือนถือเป็นกระบวนการที่จะน�ำไป สู่การจัดล�ำดบั ข้นั ต�่ำสดุ ของทหารและต�ำรวจ 3) การสมัครเปน็ ข้าราชการพลเรือนถือเปน็ ขั้นทส่ี องของการสมัคร เป็นข้าราชการทหารเรอื 4) อ�ำนาจและพื้นที่ในการท�ำงานของผู้สมัครขา้ ราชการพลเรอื นไม่ ต่างจากของทหารและต�ำรวจ 5) เงนิ เดอื นของผสู้ มคั รขา้ ราชการขน้ั ทสี่ ามยงั ไมแ่ ตกตา่ งกนั ในชว่ ง เวลานี้ ขา้ ราชการพลเรือนมสี ถานะเหมือนกับทหารและต�ำรวจ 6) บ่อยครั้งที่ข้าราชการพลเรือนเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจและตระหนักถึง สงิ่ ทเี่ กดิ ขน้ึ อนั มผี ลมาจากการขาดความรู้ ความเขา้ ใจ และการขดั เกลา ทางสงั คมเกย่ี วกบั การเผยแพรข่ า่ วสารขอ้ มลู ตา่ งๆ แตใ่ นทางตรงกนั ขา้ ม ฝ่ายต�ำรวจและกองทัพกลับมีความเข้าใจในเรื่องท่ีเกี่ยวกับข้าราชการ พลเรือนโดยเฉพาะอย่างยงิ่ เรื่องของการจา้ งงาน ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรฐั อนิ โดนีเซีย 157

7) การแต่งต้ัง การถ่ายโอน และการส้ินสุดการเป็นข้าราชการ พลเรอื นตามทก่ี ฎหมายฉบับที่ 8 ปี พ.ศ. 2517 เกี่ยวกับหลักการบริหาร ทรพั ยากรบุคคล ซึ่งได้มีการแก้ไขเพ่ิมเตมิ ในกฎหมายฉบับท่ี 43 ปี พ.ศ. 2542  เพ่ือใหไ้ ดร้ ับการยืนยนั ว่าหน่วยงาน  และองค์การของรัฐบาล รวมถึงข้าราชการพลเรือนจะท�ำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ “ในการบริหารงานของข้าราชการพลเรือนซึ่งข้ึนตรงกับประธานาธิบดี ในฐานะของหัวหนา้ คณะรัฐบาลตามมาตราที่ 25 กฎหมายฉบบั ที่ 8 ปี พ.ศ. 2517 ซง่ึ ไดม้ กี ารแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ในกฎหมายฉบบั ท่ี 43 ปี พ.ศ. 2542 เก่ียวกับการแต่งตั้ง ถอดถอน และการหมดวาระการเป็นข้าราชการ พลเรอื นเปน็ หนา้ ทขี่ องประธานาธบิ ด ี และเพอ่ื การด�ำเนนิ งานอยา่ ง ต่อเนื่องและราบร่ืน ประธานาธิบดีสามารถมอบอ�ำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ กรรมาธิการบุคลากรศูนย์กลาง (Pejabat Pembina Kepegawaian Pusat) และเจา้ หนา้ ทกี่ รรมาธกิ ารบคุ ลากรในพน้ื ที่ (Pejabat Pembina Kepegawaian Daerah) เพื่อมีอ�ำนาจในการแต่งตั้ง โยกย้ายและ ถอดถอนข้าราชการพลเรือนได้ ภายใต้กฎระเบียบท่ีออกโดยรัฐบาล (Peraturan Pemerintah)” 8) ตามค�ำสง่ั ของพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วขา้ งตน้ มคี วามจ�ำเปน็ ทจี่ ะ ตอ้ งแกไ้ ขบทบญั ญตั เิ กยี่ วกบั การแตง่ ตงั้ โยกยา้ ย และถอดถอนขา้ ราชการ พลเรือน เพ่ือเป็นการตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ในการท่ีจะเปิด โอกาสใหข้ า้ ราชการพลเรอื นอนื่ ๆ ที่มคี วามรู้ ความสามารถ และความ ช�ำนาญข้ึนมาท�ำหน้าท่ีด้วยความเต็มใจและมีความเป็นผู้น�ำ ซึ่งก็ สอดคลอ้ งกบั กฎหมายฉบบั ท่ี 8 ปี พ.ศ. 2517 เกี่ยวกบั หลักการบริหาร ทรัพยากรบุคคลซ่ึงได้มีการแก้ไขเพ่ิมเติมในกฎหมายฉบับท่ี 43 ปีพ.ศ. 158

2542 ว่า เป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพในการท�ำงานให้มากท่ีสุดเท่าท่ีจะ ท�ำได้ ในความหมายของรัฐบาลเห็นว่าเป็นสิ่งที่รัฐควรจะกระท�ำเพื่อ ให้การด�ำเนินงานของรัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระบบโครงสร้างอาชีพที่ ต้องบังคับตามกฎหมาย จึงหมายถึงระบบการท�ำงานแบบปิดในความ หมายของรฐั บาล 9) ด้วยระบบปิดในความหมายของรัฐบาลแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าการ แทนทขี่ ้าราชการพลเรือนจากกรม สถาบัน จงั หวัด อ�ำเภอ และเทศบาล ทหี่ นงึ่ ไปยงั กรม สถาบนั จงั หวดั อ�ำเภอ และอกี เทศบาลหนงึ่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งต�ำแหน่งต่างๆ ท่ีมีลักษณะของการบริหาร น่ีก็หมายความว่า ขา้ ราชการพลเรอื นทงั้ หมดเปน็ เอกภาพเพยี งแคส่ ถานทท่ี �ำงานทแ่ี ตกตา่ ง กันเท่านน้ั 10) ในกฎระเบียบรฐั บาลน้ี จะถูกจดั การโดยกลไกการควบคมุ เรอ่ื ง การแต่งตั้งและการถอดถอนเลขานุการส่วนภูมิภาคหรือจังหวัด โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและกลไกการแต่งตั้งและถอดถอน เลขานกุ ารสว่ นอ�ำเภอและเมอื ง พรอ้ มดว้ ยโครงสรา้ งเจา้ หนา้ ที่ เจา้ หนา้ ที่ ระดับสองในอ�ำเภอหรือเมือง โดยเจ้าหน้าที่กรรมาธิการบุคลากรส่วน ทอ้ งถนิ่ 11) การจดั การโครงสรา้ งลกั ษณะน้ี มจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ใหต้ ระหนกั ถงึ โครงสร้างอาชพี ขา้ ราชการพลเรอื นในประเทศ และเพอ่ื เนน้ ย้�ำถึงความ เทา่ เทยี มของคณุ ภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการ ของงานในประเทศ 12) ในกฎระเบียบของรัฐบาลน้ี ยังรวมถึงการฝึกฝนเตรียมความ พร้อมก่อนการเป็นข้าราชการพลเรือนส่วนภูมิภาค ในข้ันตอนน้ีโดย ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอินโดนีเซยี 159

เฉพาะอยา่ งยงิ่ การฝกึ ฝนทเ่ี พม่ิ ระดบั ของขา้ ราชการเหลา่ นนั้ ดงั นน้ั จงึ ยงั คงมีความสัมพันธ์ที่จะท�ำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลภูมิภาค (จังหวัด) และรฐั บาลทอ้ งถ่ิน (อ�ำเภอหรือเมือง) “โครงสร้างอาชีพน้ีมีไว้เพ่ือให้การท�ำงานของข้าราชการพลเรือนมี ประสทิ ธภิ าพและบรรลจุ ดุ มงุ่ หมายของรฐั บาล และเพอ่ื ฝกึ ใหข้ า้ ราชการ มคี วามซอ่ื สตั ย์ มคี วามรบั ผดิ ชอบ และเปน็ กลาง การฝกึ ฝนนก้ี ระท�ำผา่ น ความส�ำเรจ็ จากการท�ำงานและโครงสรา้ งอาชีพ” ด้วยผลกระทบจากโลกโลกาภิวัตน์ รัฐบาลอินโดนีเซียพยายามที่จะ พัฒนาระบบราชการในประเทศ ท้ังในแง่ของข้าราชการซึ่งถือเป็น บคุ ลากรท่สี �ำคัญของรฐั บาล พรอ้ มทง้ั พัฒนาระบบตา่ งๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งให้ มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ การท่ีจะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จ�ำเป็นจะต้องพัฒนาระบบการให้การบริการแก่ประชาชนเสียก่อน ซ่ึงถือเป็นงานหนักส�ำหรับรัฐบาลอินโดนีเซียท่ีต้องเผชิญหน้ากับความ หลากหลายของการพฒั นาอยตู่ ลอด เชน่ ระบบประชาธิปไตย หรือการ กระจายอ�ำนาจ เพอื่ ความกา้ วหนา้ ของระบบขา้ ราชการพลเรอื นอนิ โดนเี ซยี ไดม้ กี าร ออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรบและการสอบบรรจุ ซ่ึงด�ำเนินการ โดยสถาบนั การบรหิ ารแหง่ ชาติ (The National Administration Insti- tute: LAN) การประเมนิ ผลการปฎบิ ตั งิ านเหลา่ นจี้ ะถกู บนั ทกึ โดยผบู้ งั คบั บญั ชาในหนว่ ยงานตา่ งๆ การตดั สนิ ใจมกั จะขน้ึ กบั หวั ขอ้ ความภกั ดี การ เชอ่ื ฟงั และความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ เมอื่ มตี �ำแหนง่ วา่ งสถาบนั การบรหิ ารแหง่ ชาติจะไม่มีส่วนในการจัดหาข้าราชการมาด�ำรงต�ำแหน่งต่างๆ ถือเป็น หนา้ ทขี่ องผบู้ งั คญั บญั ชาทจี่ ะท�ำการเลอื กผสู้ มคั รทม่ี คี ณุ สมบตั เิ หมาะสม 160

โดยดูจากประวัติส่วนตัวและผลการประเมินงาน คณะกรรมการที่ท�ำ หนา้ ทด่ี แู ลการเลอ่ื นต�ำแหนง่ ภายในจะท�ำการคดั เลอื ก โดยทวั่ ไปแลว้ จะ ไมม่ กี ารสอบสมั ภาษณใ์ ดๆ การเลอ่ื นขน้ั ในต�ำแหนง่ ทส่ี องและตำ�่ กวา่ จะ ถูกท�ำอยา่ งมปี ระสิทธิภาพในกรมหรือหนว่ ยงานต่างๆ การแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการระดบั หนงึ่ จะท�ำดว้ ยความเหน็ ชอบสว่ นบคุ คล ของผู้มีอ�ำนาจในการบริหาร (หรือในบางกรณีรองประธานโดยคณะ ผูแ้ ทน) ต�ำแหนง่ เหลา่ น้ีรวมถึงเลขาธกิ ารของแตล่ ะกรม คณะกรรมการ ทว่ั ไป (อาจจะห้าหรอื หกคนในแตล่ ะกรม) และหัวหน้าของหนว่ ยงานท่ี ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อินโดนีเซยี 161

ไม่สงั กัดกระทรวงใด คณะกรรมการคดั เลอื กในระดับสงู (Baperjanas) จะได้รับการแต่งตั้งและมีสิทธ์ิตรวจสอบศักยภาพของผู้สมัคร รวมท้ัง รายงานการประเมนิ จากหนว่ ยงานตรวจสอบ (BPKP) รายชอื่ ของผสู้ มคั ร อย่างนอ้ ยสามคนจะถกู ส่งต่อไปยงั ผ้มู อี �ำนาจในการบริหารตอ่ ไป ซง่ึ ถือ เป็นการคดั เลอื กรอบสุดท้าย จ�ำนวนของขา้ ราชการพลเรอื นในประเทศอนิ โดนเี ซยี ปี พ.ศ. 2555 ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศท่ีมีจ�ำนวนของข้าราชการพลเรือน โดยประมาณ 4,467,982 คน ในปี พ.ศ. 2555 ซ่ึงจ�ำนวนดังกล่าวนี้ ลดลงจากปี พ.ศ. 2517 ในช่วงต้นปีนั้น เรียกได้ว่าเป็น New Order Government (พ.ศ. 2509–2541) ในปีน้ีมีอัตราส่วนของข้าราชการ พลเรือนอย่ทู ีร่ ้อยละ 2.1 ของประชากรทัง้ หมดในปี พ.ศ. 2517 ซ่ึงใกล้ เคียงกบั ประเทศอ่ืนๆ ในภูมิภาค อยา่ งอนิ เดีย (รอ้ ยละ 1.2) ปากสี ถาน (รอ้ ยละ 1.5) ฟิลิปปนิ ส์ (ร้อยละ 2.1) และเวยี ดนาม (ร้อยละ 3.2) ระบบเงนิ เดือน ในขณะเดียวกนั แมว้ ่าจ�ำนวนข้าราชการในประเทศอนิ โดนีเซยี จะมี เพยี งรอ้ ยละ 1.9 ของประชากรทงั้ หมด ดว้ ยจ�ำนวนเพยี งเลก็ นอ้ ยน้ี มผี ล จากระบบเงินเดือนที่ข้าราชการได้รับไม่ดึงดูดพอ ด้วยการท�ำงานของ บรรดาข้าราชการท่ีท�ำงานให้กับภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ ทจุ รติ ขา้ ราชการจงึ ตอ้ งการเงนิ เดอื นและผลประโยชนท์ เี่ หมาะสม เพราะ การมีเงินเดือนที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อการท�ำงานของ ขา้ ราชการ แตย่ งั เปน็ การลดการทจุ รติ ของขา้ ราชการพลเรอื นเหลา่ นดี้ ว้ ย 162

เงนิ เดอื นของขา้ ราชการพลเรอื นจะถกู ก�ำหนดจากระดบั ความรบั ผดิ ชอบ ของแตล่ ะบคุ คล ประเภทของงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยในชวี ติ ประจ�ำวนั โดยจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มระบบเดียว (The Single Scale System) และกลมุ่ สองระบบ (The Double Scale System) ภายใตก้ ลุ่มระบบเดียว หมายถึง ข้าราชการท่ที �ำงานในระดับเทา่ กนั จะ ไดร้ บั เงนิ เดอื นเทา่ กนั โดยไมไ่ ดค้ �ำนงึ ถงึ ประเภทของงานทท่ี �ำ หรอื ระดบั ความรบั ผดิ ชอบ ภายใตก้ ลมุ่ สองระบบ เงนิ เดอื นขา้ ราชการจะวางอยบู่ น ฐานของระดับความรบั ผดิ ชอบและประเภทของงานที่ท�ำ โดยท่วั ไปแล้ว ประสทิ ธภิ าพในการปฎบิ ตั งิ านของแตล่ ะบคุ คลมกั เขา้ มาเกย่ี วขอ้ งกบั การ รับเงินเดือนภายใต้ระบบของการแบ่งเป็นสองกลุ่มดังท่ีได้กล่าวไปแล้ว นน้ั ขา้ ราชการบางคนอาจจะมเี งนิ เดอื นทมี่ ากกวา่ เพอื่ นรว่ มงานในระดบั เดยี วกัน การสรรหา ข้าราชการพลเรือนจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ จากระดับที่ 1 (ตำ่� ทส่ี ดุ ) ถึงระดบั ที่ 4 (สงู ที่สุด) แตล่ ะระดับจะมเี งินเดือนขน้ั พน้ื ฐานท่ี ถูกก�ำหนดไว้แลว้ นอกจากน้ี ระดบั ที่ 1-4 ก็จะถกู แบง่ ออกมาอกี เป็น 4 ข้ัน ระดับท1่ี -3 จะแบง่ เปน็ 4 ข้ัน (a, b, c และ d) ส่วนระดับท่ี 4 จะ แบ่งเป็น 5 ข้ัน (a, b, c, d และ e) รวมเปน็ ทัง้ หมด 17 ขน้ั จาก 1a-4e ซง่ึ ระดบั ของขา้ ราชการพลเรอื นแตล่ ะคน จะวางอยบู่ นพน้ื ฐานของระดบั การศกึ ษาและความอาวโุ ส ซึง่ แยกออกเป็นล�ำดบั ตามตารางดา้ นล่าง ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรฐั อินโดนเี ซีย 163

(Namชaื่อรPะaดnับgkat) (Goรloะดnบั gan) (Ruขaั้นng) ระดบั ท่ี 4 (GOLONGAN 4) E D Pembina Utama 4 C B Pembina Utama Madya 4 A Pembina Utama Muda 4 D C Pembina Tingkat I 4 B A Pembina 4 D ระดับท่ี 3 (GOLONGAN 3) C B Penata Tingkat I 3 A Penata 3 Penata Muda Tingkat I 3 Penata Muda 3 ระดับที่ 2 (GOLONGAN 2) Pengatur Tingkat I 2 Pengatur 2 Pengatur Muda Tingkat I 2 Pengatur Muda 2 164

(Namชaื่อรPะaดnับgkat) (Goรloะดnบั gan) (Ruขa้นั ng) ระดบั ที่ 1 (GOLONGAN 1) D C Juru Tingkat I 1 B A Juru 1 Juru Muda Tingkat I 1 Juru Muda 1 ข้าราชการในระดับท่ี 3 และ 4 ต้องมีวุฒิปริญญามหาวิทยาลัย ข้าราชการระดับ 1A ต้องมีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายข้ึนไป ไม่ ค�ำนึงถึงอาชีพและระดับของความรับผิดชอบ เงินเดือนข้ันพ้ืนฐานอยู่ที่ 41- 61 ดอลลารส์ หรฐั ฯตอ่ เดอื น ส�ำหรบั กลมุ่ อาชพี ตำ่� สดุ และสงู สดุ เงนิ เดอื นส�ำหรบั เจา้ หนา้ ทร่ี ะดบั 4E เงนิ เดอื นขนั้ พนื้ ฐานอยทู่ ่ี 155 ดอลลาร์ สหรัฐตอ่ เดอื น ความจรงิ แลว้ เงินเดอื นของข้าราชการเหลา่ นใี้ นชว่ งกอ่ น ปี พ.ศ. 2544 ขาดความเสถยี รอย่างมาก ระหวา่ งกลุม่ ขา้ ราชการระดบั สูงและระดับต�่ำอยู่ที่อัตราส่วน 1 : 7 แต่หลังจากปี พ.ศ. 2544 ประธานาธิบดีซูฮาร์โตพยายามที่จะปฎิวัติระบบการปกครองให้มีความ เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น  เงนิ เดอื นของขา้ ราชการพลเรือนจงึ ถกู ปรบั ไมใ่ ห้มีความแตกต่างกนั มากจนเกนิ ไปอย่ทู ี่อัตราสว่ น 1 : 3 ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอินโดนเี ซีย 165

166

เมื่อไม่กี่ปีมาน้ี รัฐบาลของประเทศอินโดนีเซียได้ตระหนักถึงการ เชอ่ื มโยงเงนิ เดอื นขา้ ราชการพลเรอื นกบั เงนิ เดอื นทข่ี า้ ราชการจะตอ้ งจา่ ย ให้กับภาคเอกชน หากต้องการที่จะดึงดูดและรักษาประสิทธิภาพการ ท�ำงานของภาครัฐไว้ และการที่ระบบการจ่ายเงินเดอื นทีต่ ่ำ� ยิ่งสง่ เสรมิ ให้เกิดการกระท�ำผิดทางกฎหมายมากข้ึน เช่น การรับสินบน หรือ การขอรบั คา่ ชดเชยส�ำหรบั การใหบ้ รกิ ารต�ำแหนง่ การท�ำงานในกรม จะแบง่ ออกเปน็ สองประเภท คือ กลุม่ โครงสร้าง (การบรหิ ารงานท่ัวไป) และกลมุ่ อเนกประสงค์ (ผเู้ ชยี่ วชาญในวชิ าชพี และกลมุ่ งานเทคนคิ ) กลมุ่ โครงสร้างจะแบ่งแยกย่อยออกเป็นระดับต่างๆ ระดับที่อาวุโสที่สุด คือ ระดบั 1 การฝึกอบรบตามท่กี ฎหมายก�ำหนดและการสอบ จะท�ำหนา้ ท่ี เป็นอุปสรรคในการเล่ือนขน้ั แตล่ ะระดบั สว่ นกลมุ่ อเนกประสงค์จะแบ่ง ย่อยอีก 48 ประเภท (Families) ขึ้นอยู่กับพื้นฐานวิชาชีพ (แพทย์ เจ้าหนา้ ทางการแพทย์ อาจารย์ หรอื อื่นๆ) BKN รับผิดชอบโดยรวมในการรับสมัคร การบรรจุ การส่งเสริม นโยบาย การเก็บระเบียนบุคลากร การออกใบรับรอง การแต่งต้ัง การเล่ือนต�ำแหนง่ ในทางปฏบิ ตั ิ กรมและหนว่ ยงานระดับสงู จะควบคมุ การตัดสินใจของบุคลากรแต่ละคนภายใตข้ ้อจ�ำกัดตา่ งๆ การจัดระเบยี บขา้ ราชการพลเรือนสามัญ ในกฎระเบยี บรัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนเี ซยี ฉบบั ท่ี 53 ปี พ.ศ. 2553 เกย่ี วกับวินัยของข้าราชการพลเรือนสามัญ 1) เพ่อื ใหต้ ระหนกั ถึงความนา่ เชอ่ื ถอื ของขา้ ราชการพลเรือน ความ เป็นมืออาชีพ และความมีศีลธรรม เป็นสิ่งที่ผู้ได้ช่ือว่าเป็นที่พึ่งของ ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอินโดนีเซยี 167

ประชาชนพึงปฎิบัติ และการยดึ หลักธรรมาภบิ าล คอื การปฎบิ ตั ิหนา้ ที่ ของตนเองอย่างดีท่ีสุดและไม่ทุจริต ข้าราชการพลเรือนถือได้ว่าเป็น เคร่ืองมือหน่ึงของรัฐบาลที่ต้องเคารพในหลัก Pacasila หรือหลัก คุณธรรม 5 ประการ รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียปี 2488 สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี และรฐั บาลจะตอ้ งรกั ษาวนิ ยั ความซอื่ สตั ย์ ความ ยตุ ิธรรม ความโปรง่ ใส และความรับผิดชอบต่อหน้าทท่ี ี่ตนเองได้รับ 2) ขา้ ราชการพลเรอื นจะตอ้ งยดึ หลกั ผลประโยชนข์ องรฐั ตอ้ งมากอ่ น ผลประโยชน์ส่วนตน และต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานที่ ตนสังกัดทันทีที่พบความผิดปกติใดๆ อันจะส่งผลต่อการรักษาความ ปลอดภัยของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสงั คม 3) เพ่ือส่งเสริมความมีวินัยในตนเองของข้าราชการพลเรือนตาม มาตราท่ี 30 ในกฎหมายฉบบั ท่ี 8 ปี พ.ศ. 2517 เกยี่ วกบั หลกั การบรหิ าร ทรพั ยากรบคุ คลในหวั ขอ้ วนิ ยั ของขา้ ราชการพลเรอื น แมว้ า่ จะมกี ารตรา กฎหมายไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ในความเป็นจริงวินัยของ ขา้ ราชการพลเรอื นเหลา่ นี้ กส็ ามารถปรบั ปรงุ และพฒั นาใหเ้ ขา้ กบั สภาพ และสถานการณ์ในปัจจุบันได้ การตระหนักถึงข้าราชการพลเรือนท่ี เชอื่ ถอื ได้ มคี วามเปน็ มอื อาชพี และมศี ลี ธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ แนน่ อนวา่ มคี วาม จ�ำเปน็ อยา่ งมากทจ่ี ะท�ำใหก้ ฎระเบยี บวนิ ยั ขา้ ราชการพลเรอื นเกดิ ขน้ึ ได้ เปรยี บเสมอื นกบั เปน็ แนวทางส�ำหรบั การบงั คบั ใชร้ ะเบยี บวนิ ยั ตอ่ ไป และ เพื่อให้ม่ันใจว่าความเป็นระเบียบและการด�ำเนินงานเพื่อประเทศชาติ อย่างราบรื่นจะเกิดข้ึน เช่นเดียวกับการส่งเสริมให้ข้าราชการพลเรือน สามารถสร้างผลผลิตที่ต้ังอยู่บนฐานของระบบอาชีพ (Sistem Karier) ได้มากขึน้ และการท�ำงานอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 168

4) กฎระเบียบของรัฐบาลว่าด้วยเร่ืองของวินัยข้าราชการพลเรือน ภาระหน้าที่ ข้อห้าม และบทลงโทษส�ำหรับข้าราชการท่ีถูกตัดสินว่า กระท�ำผิด การก�ำหนดบทลงโทษทางวินัยน้ี มีไว้เพื่อให้ข้าราชการท่ี กระท�ำผดิ เกดิ ความละอายตอ่ ตนเอง และไม่กระท�ำความผิดอกี เป็นครั้ง ท่ีสอง รวมท้ังเพ่ือให้ข้าราชการเหล่านี้ปรับปรุงแก้ไขตนเองต่อไปใน อนาคต 5) ในกฎระเบียบของรัฐบาลน้ีได้กล่าวถึง ประเภทของการลงโทษ ทางวนิ ยั ไวอ้ ยา่ งชดั เจน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปน็ แนวทางใหห้ นว่ ยงานตา่ งๆ ที่จะลงโทษผู้กระท�ำผิด และสร้างความเชื่อม่ันในการพิจารณาคดีต่างๆ ในท�ำนองเดียวกันข้อจ�ำกัดของผู้มีอ�ำนาจในการลงโทษผู้กระท�ำผิดก็ได้ ถกู ก�ำหนดเอาไว้ในระเบยี บของรัฐบาลดว้ ยเช่นกัน 6) ระดับความรนุ แรงในการลงโทษ จะพจิ ารณาจากการกระท�ำผิด โดยค�ำนึงถึงเจตนาและผลกระทบจากการละเมิดกฎระเบียบท่ตี ้งั ไว้ แต่ หากว่าผู้ท่ีมีอ�ำนาจตัดสินใจยกฟ้องต่อการกระท�ำผิดของข้าราชการ พลเรือนสามารถท�ำได้ โดยวางอยู่บนฐานระเบียบของรฐั บาลเป็นหลัก 7) ประเภทของการลงโทษทางวินัยในกรณีที่ข้าราชการพลเรือน ปฎบิ ตั ติ นผดิ กฎหมาย และผดิ วนิ ยั ราชการ มสี องประเภท คอื การลงโทษ หนกั และการลงโทษเบา การลงโทษอยา่ งเบาแบง่ เปน็ การเรยี กเตอื นและ การเตือนทางลายลักษณ์อักษร การลงโทษที่รุนแรงท่ีสุด คือ การถอด ออกจากการเปน็ ข้าราชการ 3 ปี หรอื การลดระดับราชการลง 8) มาตราท่ี 7 วา่ ดว้ ยการลงโทษ กรณที ขี่ า้ ราชการพลเรอื นไมป่ ฎบิ ตั ิ ตามหนา้ ที่ การลงโทษทางวนิ ยั จะเบากวา่ ตวั อยา่ ง การกระท�ำผดิ โดยไม่ ปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ท่ี เชน่ ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อนิ โดนเี ซีย 169

● หากข้าราชการนั้นค�ำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่า ผลประโยชนข์ องประเทศชาติ ● การหยุดท�ำงานโดยไม่มีสาเหตุ กรณีที่ข้าราชการน้ันหยุดงาน เกิน 5 วัน ต้องมีการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของตนทราบ หากไม่ปฎิบัติ โทษจะอยทู่ ีก่ ารเรยี กไปเตือน ● ส�ำหรับข้าราชการที่หยุดงาน 6-10 วัน จะได้รับการเตือนเป็น ลายลักษณ์อักษร ● นอกเหนือไปจากกรณีข้างต้นแล้ว ส�ำหรับข้าราชการพลเรือนท่ี ถูกตัดสินจ�ำคุกทางวินัย ให้ได้รับสิทธิส�ำหรับการปกป้องตนเอง เช่น การฟ้องศาลอุทธรณ์ กรณีท่ีข้าราชการพลเรือนไม่พอใจต่อการตัดสิน ความผิด หรือไม่พอใจกบั การลงโทษ การฝกึ อบรบกอ่ นการเปน็ ขา้ ราชการ และการฝกึ อบรบการท�ำงานของ ข้าราชการ การฝึกอบรมและการเตรียมความเป็นผู้น�ำ จะถูกจัดท�ำข้ึนโดย โปรแกรมการฝึกอบรมภายใน โดย LAN และการฝกึ อบรบย่อยในสาขา ของหน่วยงาน หรือกรมที่ข้าราชการน้ันๆ สังกัดอยู่ มุ่งเน้นไปท่ีการ ประเมนิ และการพฒั นาคณุ ภาพของบคุ ลากร ความรเู้ กยี่ วกบั กฏระเบยี บ และวิธีการปฎิบัติ การปฎิบัติงานในส�ำนักงาน การใช้และประยุกต์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ในส�ำนักงาน และความเข้าใจกฎหมายและกรอบคิด เก่ียวกับการจ้างงานและการเลื่อนขั้นในระบบข้าราชการ การมีการฝึก อบรมนี้ จะชว่ ยใหผ้ สู้ มคั รเปน็ ขา้ ราชการ (CPNS) มกี ารเตรยี มพรอ้ ม และ เรียนรู้การท�ำงานก่อนท่ีจะมาเป็นข้าราชการจริงๆ (PNS) นับว่าเป็น 170

สิ่งที่ดีและหลายๆ ประเทศควรเอาเป็นตัวอย่าง เพ่ือให้ข้าราชการใน ประเทศ มคี วามเปน็ ผนู้ �ำและท�ำงานเพอ่ื ประเทศและประชาชนไดอ้ ยา่ ง เตม็ ประสทิ ธภิ าพ 7.2 กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานและอัตราคา่ จ้างแรงงาน กฎหมายแรงงานหลักทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับแรงงาน และมีความสมั พันธ์กับ อตุ สาหกรรมมที ้งั หมด 4 ฉบบั ไดแ้ ก่ 1. กฎหมายเลขท่ี 3/2535 ว่าดว้ ยสวัสดิการทางสังคมของแรงงาน ซงึ่ เกย่ี วขอ้ งกบั สทิ ธปิ ระโยชนข์ องการเกษยี ณอายุ การไดร้ บั อบุ ตั เิ หตจุ าก การท�ำงาน การเสยี ชีวติ และการประกนั สุขภาพ (ใช้บังคบั ในบรษิ ทั ทม่ี ี แรงงานตัง้ แต่ 10 คนข้ึนไป) 2. กฎหมายเลขที่ 21/2546 วา่ ดว้ ยสหภาพแรงงาน ซง่ึ เกยี่ วขอ้ งกบั สิทธิในการจัดต้ังสหภาพแรงงาน การเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน การจดั ต้ังสมาพนั ธส์ หภาพแรงงาน และสภาแห่งชาติแรงงาน 3. กฎหมายเลขที่ 13/2546 วา่ ดว้ ยก�ำลงั คน ซงึ่ เกยี่ วขอ้ งกบั องคก์ าร ความร่วมมือด้านแรงงานแบบพหภุ าคแี ละไตรภาคี 4. กฎหมายเลขท่ี 2/2547 ว่าด้วยการระงับข้อพิพาทของแรงงาน ซ่ึงเก่ียวข้องกับวธิ ีระงับข้อพพิ าทระหว่างนายจ้างและลกู จา้ ง การน�ำคดี ไปสู่ศาล และการตัดสนิ ชีข้ าดตามกฎหมาย หน่วยงานท่ีดูแลรับผิดชอบด้านแรงงาน คือ กระทรวงแรงงานและ การอพยพย้ายถนิ่ (Ministry of Manpower and Transmigration) ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรฐั อินโดนเี ซยี 171

172

ซงึ่ มนี โยบายก�ำลงั คนอยบู่ นพนื้ ฐานของกฎหมายแรงงานเลขท่ี 13/2546 ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ถึงปัจจุบัน สาระส�ำคัญของกฎหมายแรงงาน ประกอบดว้ ย ● พื้นฐาน หลักการ และเปา้ หมายของการพฒั นาแรงงาน ● การวางแผนแรงงาน และขอ้ มูลข่าวสารแรงงาน ● การจัดหาโอกาสท่ีเท่าเทียมของแรงงาน และการปฏิบัติต่อ แรงงาน ● การฝึกอบรมแรงงาน เพื่อส่งเสริม ปรับปรุงทักษะแรงงานและ ประสิทธิภาพในการท�ำงานให้ดขี ้ึน ● การจ้างแรงงานภายใต้โครงการสร้างพลังอ�ำนาจที่สมดุลของ แรงงาน ซง่ึ เปน็ ความรบั ผดิ ชอบของรฐั บาลในการขยายโอกาสการท�ำงาน ● การจา้ งแรงงานตา่ งชาตทิ ถี่ กู ตอ้ งและตรงกบั ทกั ษะความสามารถ ของแรงงาน ● การพัฒนาความร่วมมือของแรงงานตามแนวทางปัญจศีล (Pancasila)  เพอื่ มงุ่ สคู่ วามเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั   (Harmonious) มีพลงั และสร้างสรรค์ (Dynamic) และมีความสัมพันธ์กัน (Relation) ● การพฒั นาสงิ่ อ�ำนวยความสะดวก สถาบัน และข้อตกลงร่วมกัน รวมทง้ั องคก์ ารพหภุ าคี องคก์ ารไตรภาคี ความรว่ มมอื กนั ทางสงั คม และ การแก้ปัญหาความขัดแย้งของแรงงาน ● ปกปอ้ งคมุ้ ครองแรงงาน รวมทงั้ สทิ ธขิ องแรงงานในการเจรจาตอ่ รองกับนายจา้ ง ความม่ันคงของแรงงาน สวัสดิภาพในการท�ำงาน การ คมุ้ ครองแรงงานสตรี แรงงานเดก็ และแรงงานทุพลภาพ ประกนั คา่ จ้าง แรงงาน สวัสดกิ ารและความมน่ั คงทางสงั คมของแรงงาน ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซีย 173

● การควบคุมก�ำกับแรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่าง ถกู ต้อง จ�ำนวนแรงงาน จากข้อมูลทางสถิติด้านแรงงานของหน่วยงานสถิติแห่งชาติ (The Central Bureau of Statistics: BPS) จะเห็นได้ว่าจ�ำนวนแรงงาน (วยั ท�ำงาน) ในประเทศอนิ โดนเี ซยี เพมิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ 2.01 ตอ่ ปี จากจ�ำนวน 158.92 ล้านคน ในปี พ.ศ.2547 และเป็นจ�ำนวน 166.64 ลา้ นคน ในปี พ.ศ. 2551 ในปี พ.ศ. 2551 จ�ำนวนแรงงานรวมทัง้ สน้ิ 111.95 ลา้ นคน เพม่ิ ขน้ึ จากจ�ำนวน 102.97 ลา้ นคนในปี พ.ศ. 2547 หรอื มอี ัตราขยายตวั โดย เฉลีย่ ตอ่ ปรี ้อยละ 1.87 โอกาสในการท�ำงานของแรงงานไดเ้ พม่ิ ขน้ึ เลก็ นอ้ ยจากรอ้ ยละ 90.14 ในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 91.60 ในปี พ.ศ. 2551 และหากพิจารณา จากพนื้ ฐานการศกึ ษาพบวา่ ผทู้ จ่ี บการศกึ ษาระดบั ประถมตน้ (Elemen- tary School: SD) หรือผู้ท่ีจบการศึกษาต�่ำกว่าระดับพ้ืนฐานจะเป็น คนสว่ นใหญ่ของแรงงานกลุ่มวัยท�ำงานในปี พ.ศ. 2551 ซึง่ มีจ�ำนวนรวม ทั้งสน้ิ 85.66 ลา้ นคน โดยสว่ นใหญ่จ�ำนวน 59.57 ลา้ นคน อยู่ในชนบท และที่เหลืออยูใ่ นเมือง 174

ตารรางท่ี 8 จ�ำแนกแรงงานตามพืน้ ฐานการศึกษา จ�ำนวนแรงงานวัยท�ำงานแยกตามพนื้ ฐานของ การศึกษาปี พ.ศ. 2551 ประเภทของนายหน้าคา้ หลักทรัพย์ จ�ำนวน (ลา้ นคน) จ�ำนวนแรงงานวยั ท�ำงาน 166.64 ก�ำลงั แรงงาน 111.95 คนว่างงาน 9.39 แรงงานวัยท�ำงานแยกตามการศกึ ษา: 85.66 ระดบั ประถมตน้ (SD) 36.75 ระดับมัธยมตน้ (SMP) ระดบั มธั ยมปลาย (SMA) 33.93 ระดบั อนุปรญิ ญา (Diploma) 4.14 ระดับมหาวทิ ยาลัย (University) 5.09 ทีม่ า: Manpower and Transmigration Ministry ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอินโดนเี ซยี 175

ผู้ท่จี บการศกึ ษาระดับมธั ยมต้น (Junior High School: SMP) จะ มปี ระมาณรอ้ ยละ 22.19 หรอื ร้อยละ 36.75 ของจ�ำนวนแรงงานที่อยู่ ในวยั ท�ำงาน และประมาณ 19.39 ลา้ นคนอยู่ในชนบท สว่ นทเ่ี หลืออยู่ ในเมอื ง ผทู้ จี่ บการศกึ ษาระดบั มธั ยมปลาย (Senior High School: SMA) มรี อ้ ยละ 20.49 หรอื มจี �ำนวน 33.93 ลา้ นคน โดยสว่ นใหญห่ รอื ประมาณ 22.52 ลา้ นคนอยใู่ นชนบท และทเ่ี หลอื อยใู่ นเมอื ง ผทู้ จ่ี บการศกึ ษาระดบั ปริญญา (Diploma) มีเพียง 4.14 ล้านคน อยู่ในชนบทจ�ำนวน 1.31 ลา้ นคน และจ�ำนวน 2.83 ลา้ นคนอยใู่ นเมอื ง สว่ นผทู้ จ่ี บการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรจี �ำนวน 5.09 ลา้ นคน โดยสว่ นใหญห่ รอื จ�ำนวน 4.19 ลา้ นคน อยู่ในชนบท และทเ่ี หลอื อยใู่ นเมือง 176

ประเภทของงาน บรษิ ทั จะจา้ งพนกั งานแบง่ เปน็   3  ประเภท  คอื   พนกั งานประจ�ำ (Permanent Workers) พนกั งานสญั ญาจา้ ง (Contract Workers) และ พนักงานรบั ชว่ งตอ่ (Outsourcing Workers) พนกั งานประจ�ำ (Permanent Workers) จะไดร้ บั เงนิ เดอื น โบนสั และสวัสดิการอ่ืนๆ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานสัญญาจ้าง และพนักงาน แบบรับช่วงต่อ พนักงานสัญญาจ้าง (Contract Workers) จะได้รับค่าจ้างตาม ระยะเวลาทกี่ �ำหนดตามสญั ญาจา้ งไดท้ �ำกบั นายจา้ ง และในปจั จบุ นั การ จา้ งระบบนเี้ รมิ่ เปน็ ทนี่ ยิ มใชอ้ ยา่ งแพรห่ ลายในบรษิ ทั ตา่ งๆ หลงั จากเกดิ วกิ ฤตการณท์ างการเงินในปี พ.ศ. 2541 ซ่ึงเป็นช่วงเวลาที่หลายบริษทั ลม้ ละลายหรอื เรม่ิ จะเกดิ การลม้ ละลาย จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งใหพ้ นกั งานบรษิ ทั ออกจากงานโดยการจา่ ยเงินชดเชย ปัจจุบันหลายบริษัทเลอื กใช้วธิ ีการ จ้างพนกั งานแบบสัญญาจ้าง เพ่ือหลีกเล่ยี งการจ่ายเงินชดเชยในชว่ งทม่ี ี การใหพ้ นกั งานออกจากงาน โดยปกตสิ ญั ญาการจา้ งงานจะมตี ง้ั แต่ 6-24 เดือน และนายจ้างมีสิทธิที่จะบอกเลิกหรือต่อสัญญาจ้าง พนักงานท่ีมี การจ้างแบบสัญญาจ้างจะได้รับเงินเป็นรายเดือน วันหยุดตามศาสนา และไมม่ สี วสั ดกิ ารใดๆ รฐั บาลมกี ฎระเบยี บวา่ สญั ญาการจา้ งงานจะมอี ายุ สงู สดุ เพยี ง 2 ปี และสามารถต่อสญั ญาได้ 1 ปี แต่ไมเ่ กนิ 2 ปี พนกั งานรับช่วงต่อ (Outsourcing Workers) เป็นระบบท่ีมีการ จัดหาพนักงานใหก้ ับบรษิ ทั อ่ืนๆ ที่มีความตอ้ งการพนักงาน พนกั งานที่ ได้รับการคัดเลือกภายใต้ระบบการรับช่วงต่อ อาจจะมีสถานะเป็น พนกั งานประจ�ำหรือพนักงานชัว่ คราว ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อินโดนเี ซีย 177

โดยบรษิ ทั ทใ่ี หบ้ รกิ ารจดั หาพนกั งานรบั ชว่ งตอ่ จะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจาก กระทรวงแรงงาน โดยพนกั งานรบั ชว่ งตอ่ อาจท�ำงานพเิ ศษนอกเหนอื จาก งานประจ�ำหรือท�ำงานพิเศษที่เก่ียวข้องกับงานประจ�ำก็ได้ภายใต้ กฎหมายแรงงานเลขท่ี 13/2546 มาตราท่ี 50-55 และมาตราที่ 56-59 ภายใต้กฎหมายเลขที่ 13/2546 มาตราที่ 66 มีงานเพียง 5 ประเภท เท่านั้น ที่จะได้รับการเสนอให้พนักงานท�ำงานภายใต้ระบบการรับช่วง ต่อ ไดแ้ ก่ 1) งานบรกิ ารจดั เล้ยี ง 2) งานใหบ้ รกิ ารท�ำความสะอาด 3) งานรักษาความปลอดภยั 4) งานสนับสนุนการท�ำเหมือง และ 5) งาน ขนสง่ พนกั งาน และหากเปน็ งานทน่ี อกเหนอื จากงาน 5 ประเภทดงั กลา่ ว อาจไม่ได้รับการเสนอให้พนักงานท�ำงานภายใต้ระบบดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ บริษัทหลายแห่งไม่ได้ให้ความสนใจต่อ กฎระเบียบ และการจ้างแรงงานภายใตร้ ะบบรบั ชว่ งต่อ โดยเฉพาะงาน ประเภทอนื่ ๆ ท่ีนายจ้างมักจะมกี ารหลบเลยี่ งการจา้ งงาน ซ่ึงเปน็ งานที่ ขัดกับกฎระเบียบและผลประโยชน์ของพนกั งาน เวลาท�ำงาน ภายใต้กฎหมายแรงงานเวลาท�ำงานจะต้องไมม่ ากกว่า 40 ชว่ั โมงต่อ สัปดาห์ โดยปกติเวลาท�ำงานจะเปน็ 8 ชั่วโมงต่อวัน ส�ำหรับผู้ทที่ �ำงาน 5 วนั ต่อสปั ดาห์ หรอื 7 ชวั่ โมงตอ่ วัน ส�ำหรับผู้ทีท่ �ำงาน 6 วันตอ่ สัปดาห์ ท้ังนี้ กฎระเบยี บของเวลาท�ำงานจะไม่มีผลบังคบั ใช้กับงานในบางสาขา ทก่ี �ำหนด 178

วนั ท�ำงาน อัตราคูณพนื้ ฐาน วันจันทร์-วันเสาร์ ปกติ ชั่วโมงท่ี 1 ช่ัวโมงถดั ไป วนั อาทติ ยแ์ ละวนั หยดุ - 1.5 2 23 4 การท�ำงานล่วงเวลา การท�ำงานล่วงเวลาจะถูกควบคุมและก�ำกับโดยการตัดสินใจของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตามกฎกระทรวงเลขท่ี KEP.102/ MEN/VI/2004 ทั้งนี้ การท�ำงานล่วงเวลาจะเป็นไปตามข้อก�ำหนดของ แต่ละบริษัท โดยพนักงานมีสิทธิท่ีจะได้รับการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาใน อัตราพเิ ศษ การฝึกอบรมพนกั งาน ตามกฎกระทรวงเลขท่ี KEP.261/MEN/XI/2004 ไดก้ �ำหนดใหบ้ รษิ ทั ทม่ี พี นกั งานตงั้ แต่ 100 คนขนึ้ ไป จะตอ้ งจดั ฝกึ อบรมใหแ้ กพ่ นกั งานอยา่ ง นอ้ ยรอ้ ยละ 5 ของจ�ำนวนพนกั งานทงั้ หมดในแตล่ ะปี บรษิ ทั ทถี่ กู ก�ำหนด ให้จัดฝึกอบรมในแต่ละปีนั้น จะต้องจัดเตรียมก�ำหนดการฝึกอบรม รายปี ประกอบดว้ ย ประเภทของการฝึกอบรม ระยะเวลา และสถานท่ี ของการฝึกอบรม ท้ังน้ี ค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมจะเป็นความ รับผดิ ชอบของบริษทั ท้ังหมด ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนีเซยี 179

สิทธพิ นักงาน และวันหยุด ● เงินเดอื น ● โบนสั ● สวัสดกิ ารอ่ืนๆ รวมท้งั ค่าใชจ้ า่ ยเรื่องท่พี ักอาศัย และเงนิ กู้ ● คา่ ใช้จา่ ยในการรกั ษาพยาบาล ● คา่ ใช้จ่ายในการคลอดบตุ ร และวันลาพักคลอดบุตร 3 เดือน (1.5 เดอื นก่อนคลอดบตุ ร และ 1.5 เดือนหลงั จากคลอดบุตร) ● ประกันสังคม ● วันหยุดรายสัปดาห์ ก�ำหนดให้หยุด 1 วนั หลังจากท�ำงาน 6 วัน และวนั หยุด 2 วนั หลังจากท�ำงาน 5 วัน ● วนั หยดุ รายปี ก�ำหนดใหม้ วี นั หยดุ 12 วนั ท�ำงาน หลงั จากทท่ี �ำงาน ตอ่ เนื่องกัน 12 เดอื นขนึ้ ไป ● วนั หยดุ พกั ผอ่ น ก�ำหนดใหม้ วี นั หยดุ ไดไ้ มเ่ กนิ 2 สปั ดาห์ หลงั จาก ทีท่ �ำงานมาแลว้ อยา่ งน้อย 6 ปี ● วันหยดุ ตามกฎกระทรวงแรงงานเลขท่ี 01/MEN/1994 บรษิ ทั จะถูกก�ำหนดให้พนักงานไดร้ บั วันหยุดทางศาสนาทกุ ปี สหภาพแรงงาน ภายใตก้ ฎหมายฉบับท่ี 21 ปี พ.ศ. 2543 รัฐบาลอนุญาตให้แรงงาน ทุกคนมีสิทธิในการจัดต้ังสหภาพแรงงานและเป็นสมาชิกของ สหภาพแรงงาน ทั้งน้ี บรษิ ทั ทม่ี ีแรงงานอย่างน้อย 10 คน ก็สามารถจัด ต้ังสหภาพแรงงานได้ เพ่ือปกป้องผลประโยชน์ของตนกับนายจ้าง สหภาพแรงงานสามารถจดั ตง้ั โดยพนกั งานในบรษิ ทั หรอื บคุ คลภายนอก 180

บริษัทก็ได้ ท้ังนี้รูปแบบสหภาพแรงงานถือเป็นองค์การอิสระ เปิดเผย ประชาธปิ ไตย  และรบั ผดิ ชอบในการตอ่ สเู้ พอื่ แรงงานในกรณที มี่ ี ขอ้ โตแ้ ยง้ กบั นายจา้ ง องคก์ ารของรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งแรงงาน คอื สมาพนั ธ์ แรงงานแหง่ ชาต ิ (Federation of  Indonesian  Workers:  FSPSI) ซงึ่ ประกอบด้วยสหภาพแรงงาน 21 แหง่ และ SPLP 13 แหง่ ตามกฎกระทรวงแรงงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ฉบับที่ 03/Men/1993 ก�ำหนดให้สมาพันธ์สหภาพแรงงานของบริษัท ตา่ งๆ อยา่ งน้อย 5 แห่ง ใน 25 เกาะ และ 5 จังหวัด หรือมีสมาชิกเป็น แรงงานท่ัวประเทศ อย่างน้อย 10,000 คน หรือมีสมาชิกเป็น ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอินโดนเี ซยี 181

สหภาพแรงงาน 10 แห่ง สมาชิกของสหภาพแรงงานน้ันต้องจ่ายค่า สมาชกิ รายเดอื นตามกฎกระทรวงฉบับที่ KEP.187/MEN/IX/2004 นอกจากนี้ก�ำหนดให้สามารถจัดตั้งสภาแห่งสหภาพแรงงานได้ โดย มีสมาพันธ์ของสหภาพแรงงานตั้งแต่ 3 สมาพันธ์ขึ้นไป นับตั้งแต่ช่วง ปฏิรูปของประเทศ สหภาพแรงงานมีบทบาทท่ีส�ำคัญในการต่อสู้เรียก ร้องสทิ ธขิ องแรงงาน  เรยี กร้องค่าจ้างขัน้ ต่�ำ  (Regional  Minimum Weight: UMR) การระงบั ขอ้ พพิ าท การประทว้ งตามทอ้ งถนน การรอ้ งเรยี น ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อป้องกันการปลดพนักงานจ�ำนวนมาก  และ การระงับข้อพิพาทระหว่างพนักงานและนายจ้าง รัฐบาลจึงได้จัดตั้ง คณะกรรมการ 2 ฝ่าย ขึ้นตามกฎกระทรวงแรงงานท่ี PER.32/MEN/ XII/2008 ณ.ปี พ.ศ. 2552 คณะกรรมการ 2 ฝ่าย ประกอบดว้ ย 11,832 บรษิ ทั 210 ตวั แทนในเทศบาลชมุ ชนตา่ งๆ ครอบคลมุ 31 แหง่ และคณะ กรรมการของรฐั ในระดบั ชาติ คณะกรรมการไตรภาคี (LKS) ประกอบดว้ ย ตัวแทน ภาครัฐจากสหภาพแรงงานและองค์การนายจ้าง ซึ่งผลประโยชน์ของ ทง้ั สองฝ่ายนี้จะถูกก�ำหนดและปกปอ้ งให้ความเปน็ ธรรมโดยกฎหมาย การประกนั สังคมของแรงงาน รัฐบาลได้จัดต้ังโครงการประกันสังคมเพ่ือแรงงานที่เรียกว่า Jamsostek Jaminan Sosial Tenaga Kerja ภายใต้กฎหมายฉบับที่ 3 ปี 2535 ตามการอนุญาตของกระทรวงแรงงานท่ี KEP.67/MEN/2004 โครงการประกันสังคมดังกล่าวน้ีอยู่ภายใต้การก�ำกับของหน่วยงาน ประกันสงั คมของรัฐ ซง่ึ ครอบคลุมเรอ่ื งต่างๆ ดังน้ี 182

● การประกนั การเกษยี ณอายุ ● การประกันสขุ ภาพ ● การประกนั อบุ ัตเิ หตจุ ากการท�ำงาน ● การประกันการเสยี ชีวติ เบย้ี ประกนั ของโครงการประกนั สงั คมดงั กลา่ ว จะคดิ จากรอ้ ยละ 5.7 ของเงินเดือน เงินสมทบจากนายจ้าง และท่ีเหลือจากส่วนสมทบของ พนกั งาน นายจา้ งท่ีมลี ูกจ้าง 10 คนขน้ึ ไป มีอัตราคา่ จา้ งตอ่ คน 1 ล้าน รเู ปียหข์ น้ึ ไป จะต้องเขา้ ร่วมโครงการดงั กลา่ วน้ี หากเจ้าของธรุ กิจท่ีไม่มี ลกู จา้ งกส็ ามารถเขา้ ร่วมโครงการนี้ไดเ้ ช่นกัน ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อินโดนีเซยี 183

อยา่ งไรกต็ าม มหี ลายบรษิ ทั ทีไ่ มไ่ ดค้ �ำนึงถึงความส�ำคัญตอ่ สิทธขิ อง แรงงานที่ควรจะได้ ก็ไม่ตอ้ งการทีจ่ ะเข้ารว่ มโครงการดงั กล่าว แม้ว่าจะ มบี ริษทั เพยี ง 91,000 บรษิ ัทเทา่ นั้นท่เี ขา้ ร่วมโครงการดงั กลา่ ว รัฐบาล พยายามทจี่ ะขยายขอบเขตของโครงการประกนั แหง่ ชาตขิ น้ึ โดยการออก กฎหมายฉบับที่ 40 ในปี พ.ศ. 2547 เรียกว่า โครงการประกันสังคม แห่งชาติ (National Social Security System: SJSN) อัตราค่าจ้างแรงงาน อตั ราคา่ จ้างข้ันต�ำ่ (The Regional Minimum Wage: UMR) เปน็ มาตรฐานค่าจ้างแรงงานในประเทศ อัตราคา่ จ้างข้นั ต่�ำน้ถี ูกก�ำหนดโดย สภาคา่ จา้ ง ภายใต้ความรับผิดชอบดแู ลของประธานาธบิ ดีที่ 107 ในปี พ.ศ. 2547 ซง่ึ ประกอบดว้ ยคณะกรรมการไตรภาคี คอื ตวั แทนภาครัฐ การก�ำหนดอตั ราคา่ จา้ งขนั้ ตำ�่ เรม่ิ จากการส�ำรวจคา่ ใชจ้ า่ ยทเี่ หมาะสมใน การด�ำรงชีวิต ซึ่งน�ำเสนอโดยสภาค่าจ้างในแต่ละภูมิภาคต่อองค์การ ปกครองทอ้ งถนิ่ นน้ั ๆอตั ราคา่ จา้ งขน้ั ตำ่� นจี้ ะมกี ารทบทวนความเหมาะสม ทกุ ปใี หก้ บั แรงงานทว่ั ไป และแรงงานทม่ี ีสญั ญาจ้าง 1 ปีขนึ้ ไป อตั ราคา่ จา้ งในแตล่ ะภมู ภิ าคถกู ก�ำหนดโดยผวู้ า่ ของแตล่ ะจงั หวดั ซง่ึ จะแตกต่างกันไป ในปี พ.ศ. 2552 อัตราค่าจ้างขั้นต�่ำถูกปรับสูงข้ึน รอ้ ยละ 9-16 จากปี พ.ศ. 2551 ในหม่เู กาะอเี รยี น จายาตะวันตก อตั รา ค่าจา้ งข้ันต�่ำปี พ.ศ. 2552 อย่ทู ่ี 1,180,000 รูเปยี ห์ ขณะทหี่ ม่เู กาะชวา ตะวนั ออก คา่ จา้ งข้นั ต�่ำอยทู่ ี่ 570,000 รูเปยี ห์ วันท่ี 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ภายใต้การประชุมร่วมของรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง 3 กระทรวง คอื กระทรวงแรงงาน กระทรวงอตุ สาหกรรม 184

และกระทรวงมหาดไทย ได้เปล่ียนแปลงการก�ำหนดค่าจ้างขั้นต�่ำว่า รัฐบาลจะไม่เข้าไปเก่ียวข้องกับการก�ำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่�ำอีกต่อไป หากแต่จะเปน็ การเจรจาต่อรองระหว่างตัวแทนของนายจา้ งและลกู จ้าง เทา่ น้ัน แรงงานต่างชาติ ตามกฎกระทรวงแรงงานฉบับท่ี PER 02/MEN/III/2008 อนญุ าตให้ แรงงานตา่ งชาตทิ ถ่ี อื วซี า่ อนิ โดนเี ซยี สามารถท�ำงานในอนิ โดนเี ซยี ได้ รว่ ม กบั แรงงานทอ้ งถน่ิ เพื่อการถ่ายทอดความรู้ หนว่ ยงานทีอ่ นุญาตให้สามารถจา้ งแรงงานต่างชาติได้ (TKAs) ● ส�ำนักงานตัวแทนการคา้ ระหวา่ งประเทศ ● ส�ำนักตัวแทนบริษทั ในตา่ งประเทศ หรอื ส�ำนกั ข่าวตา่ งประเทศ ● บริษัทลงทนุ ต่างประเทศ (PMA) ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 185

● บรษิ ทั ลงทุนอินโดนีเซยี (PMDN) ● บริษัทท่ีด�ำเนินงานเพอื่ โครงการของรัฐ และโครงการชว่ ยเหลอื ต่างๆ ● สถาบนั เพ่อื สังคม การศึกษา วฒั นธรรม และศาสนา ● ธรุ กิจบรกิ าร นายจ้างแรงงานต่างชาติจะต้องมีการจัดท�ำแผนการใช้แรงงาน ตา่ งชาติ (PPTKA) ซง่ึ จะตอ้ งมเี หตผุ ลในการใชแ้ รงงานตา่ งชาติ ต�ำแหนง่ คา่ จ้าง จ�ำนวน สถานท่ที �ำงาน ระยะเวลาการจ้าง และจ�ำนวนแรงงาน ท้องถิ่นที่จะท�ำงานด้วย และแผนการใช้แรงงานต่างชาติท่ีมากกว่า 50 คนขึ้นไป จะต้องได้รับการอนุมัติจากอธิบดีกระทรวงแรงงาน แต่หาก ความต้องการจ้างแรงงานต่างชาติท่ีน้อยกว่า 50 คนน้ัน ก็สามารถ ขออนุมัติจากผู้อ�ำนวยการกอง กระทรวงแรงงาน ท้ังนี้ใบอนุญาตให้ใช้ แรงงานต่างชาติน้ีจะต้องมกี ารตอ่ อายุทกุ ๆ ปี นายจา้ งทม่ี ีแรงงานต่างชาติท�ำงานนนั้ จะต้องจดั ใหแ้ รงงานตา่ งชาติ นั้นเข้าร่วมโครงการประกันสังคมด้วย โดยท่ีแรงงานต่างชาติท่ีได้รับ คา่ จา้ งตอ่ เดอื นเกิน 100 เหรียญสหรัฐ นายจา้ งจะต้องจา่ ยเงนิ ลว่ งหนา้ ใหก้ ับกองทนุ พฒั นาฝีมอื แรงงาน (Dana Pengembangan Keahlian dan  Keterampilan:  DPKK)  โดยการโอนเขา้ บัญชีธนาคารของรัฐ ทีร่ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก�ำหนดไว้ แรงงานตา่ งชาตไิ มอ่ นญุ าตใหท้ �ำงานมากกวา่ 1 ต�ำแหนง่ และท�ำงาน สองแห่ง ต�ำแหน่งของแรงงานต่างชาติ คือ ช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญ ผจู้ ัดการ ผู้อ�ำนวยการ คณะผูแ้ ทน ท่ปี รึกษา 186

7.3 กฎหมายเขา้ เมือง พลเมืองของทุกประเทศจ�ำเป็นต้องขอวีซ่าส�ำหรับการเดินทางเข้า ประเทศอินโดนเี ซีย โดยตอ้ งทราบหลักเกณฑด์ งั นี้ 7.3.1 เอกสารในการย่นื ขอวีซ่าอนิ โดนเี ซยี (Indonesia Visa) 7.3.1.1 วีซ่าธุรกจิ ตอ้ งมีเอกสารดังต่อไปน้ี 1) แบบฟอร์มวซี า่ ทกี่ รอกขอ้ มลู ถูกตอ้ งครบถ้วน พรอ้ มเซน็ ช่ือ 1 ชดุ และตอ้ งมใี บอนุญาตจากกองตรวจคนเขา้ เมืองท่อี นิ โดนเี ซีย 2) หนงั สอื เดนิ ทาง (Passport) ทมี่ อี ายมุ ากกวา่ 6 เดอื น มหี นา้ วา่ งอย่างนอ้ ย 3 หน้า พรอ้ มส�ำเนา และหนงั สือเดินทางเลม่ เกา่ (ถ้ามี) 3) รูปสีพื้นหลงั ขาว ขนาด 2×2 น้วิ จ�ำนวน 2 รูป 4) หลักฐานการเงินยอ้ นหลงั อย่างน้อย 6 เดือน เชน่ สมดุ บญั ชี เงนิ ฝาก หนังสือรบั รองจากธนาคาร 5) หลกั ฐานการจองท่พี ัก/โรงแรม 6) ใบจองตวั๋ เครือ่ งบินไป-กลบั พรอ้ มส�ำเนา 7) จดหมายรับรองการท�ำงาน (ตัวจริง) และใบอนุญาตให้ ลาหยุด โดยระบุต�ำแหน่ง เงนิ เดือน อายุการท�ำงาน และวันลาหยุดงาน 8) ใบอนุญาตท�ำงาน (Work Permit) ส�ำหรบั ชาวตา่ งชาติ 9) จดหมายเชญิ จากบรษิ ทั หรอื องคก์ ารจากประเทศอนิ โดนเี ซยี ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซยี 187

7.3.1.2 วีซ่าทอ่ งเทีย่ ว ตอ้ งมเี อกสารดงั ตอ่ ไปนี้ 1) แบบฟอร์มวซี ่าที่กรอกขอ้ มูลถกู ต้องครบถ้วน พรอ้ มเซน็ ชือ่ 1 ชดุ 2) หนงั สอื เดนิ ทาง (Passport) ทมี่ อี ายมุ ากกวา่ 6 เดอื น มหี นา้ วา่ งอยา่ งนอ้ ย 3 หนา้ พร้อมส�ำเนา และหนงั สอื เดินทางเล่มเก่า (ถา้ ม)ี 3) ส�ำเนาบัตรประชาชน และส�ำเนาทะเบยี นบา้ น 4) รปู สีพน้ื หลังขาว ขนาด 2×2 น้วิ จ�ำนวน 2 รปู 5) หลักฐานการเงนิ ยอ้ นหลงั อยา่ งน้อย 6 เดอื น เช่น สมุดบญั ชี เงนิ ฝาก หนังสือรบั รองจากธนาคาร 6) เอกสารการจองที่พกั /โรงแรม 7) ใบจองต๋ัวเครอ่ื งบนิ ไป-กลบั 8) จดหมายรับรองการท�ำงาน (ตัวจริง) และใบอนุญาตให้ ลาหยุด โดยระบุต�ำแหน่ง เงนิ เดือน อายกุ ารท�ำงาน และวันลาหยุดงาน 7.3.2 ศุลกากร 7.3.2.1 สิ่งของทีอ่ นิ โดนเี ซยี อนุญาตให้น�ำเขา้ 1) ยาสูบ บหุ รี่ 200 มวน และซิการ์ 50 มวน 2) เคร่อื งดม่ื ทเี่ ป็นแอลกอฮอล์จ�ำนวน 1 ลติ ร 3) น�ำ้ หอมส�ำหรับใชส้ ว่ นตัว 4) สิง่ ของมีคา่ ที่มมี ลู ค่าไมเ่ กนิ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ 5) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ของเด็กเล่น รองเท้า อาหาร และเครื่องด่มื 188

โดยการน�ำเข้าสนิ คา้ ในข้อที่ 5 นนั้ ต้องน�ำเข้าผา่ นทา่ เรอื ท่ีก�ำหนด 5 แหง่ เทา่ น้นั คือ 1) ท่าเรอื Belawan เมอื งเมดัน 2) ทา่ เรอื Tanjung Priok เมอื งจาการต์ า 3) ทา่ เรอื Tanjung Emas เมอื งเซอมารงั 4) ทา่ เรอื Tanjung Perak เมอื งสรุ าบายา และ 5) ทา่ เรอื Soekarno Hatta เมือง มากัสซาร์ และท่าอากาศยานระหว่างประเทศทุกแห่งตามกฎระเบียบ รฐั มนตรกี ารค้าอนิ โดนเี ซยี คอื Regulation of the Minister of Trade Number 44/M-DAG/ PER/ 20/2008 dated October 31, 2008 Concerning Importation of Certain Products ลงวันท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551 และกฎระเบยี บฉบบั แก้ไข คือ กฎระเบยี บรฐั มนตรีการคา้ ของอินโดนีเซยี คอื Regulation of the Minister of Trade Number 52/M-DAG/PER/12/2008 Concerning Changing in the Minister of Trade Regulation No.44/M-DAG/PER/10/2008 ลงวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 7.3.2.2 ส่ิงของต้องหา้ มท่ปี ระเทศอินโดนีเซียไม่อนุญาตให้น�ำเขา้ 1) สารเสพตดิ และยาเสพตดิ (มโี ทษรนุ แรงถงึ ขนั้ ประหารชีวิต) 2) ส่ือลามกอนาจาร 3) อาวธุ ปนื และวตั ถุระเบิด 4) สือ่ หรอื สิ่งพมิ พท์ เี่ กี่ยวขอ้ งกบั ความออ่ นไหวทางการเมอื ง ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนีเซยี 189

7.4 กฎหมายอ่ืนๆ ที่ควรรู้ กฎหมายการลงทุน อินโดนีเซียทบทวนสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติใหม่เมื่อปลายปี 2556 โดยรัฐบาลอินโดนีเซียได้ทบทวนสัดส่วนการลงทุนและการถือ กิจการของต่างชาตใิ นอนิ โดนเี ซีย (Negative Investments List-DNI) ในสาขาส�ำคัญต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการท่าอากาศยาน ท่าเรือ โทรคมนาคม โรงไฟฟ้า รวมถึงอัตราส่วนการลงทุนของต่างชาติใน ลักษณะ PPP ในสาขาต่างๆ ซ่ึงรัฐบาลได้เร่ิมทบทวนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 รายละเอียดส�ำคัญ ดังนี้ 1) สาขาทเ่ี ปดิ ให้มกี ารลงทนุ จากตา่ งชาตมิ ากขึ้น ตารางท่ี 9 ตารางอัตราการลงทนุ จากต่างชาตทิ เี่ พิ่มมากข้ึน สาขา อัตราเดมิ อตั ราใหม่ รอ้ ยละ รอ้ ยละ สง่ิ อ�ำนวยความสะดวกในการคมนาคมทางบก 0 49 การตรวจเชค็ ยานพาหนะ 0 49 เภสัชภณั ฑ์ 75 85 ธุรกจิ เงนิ ร่วมลงทนุ 80 85 ธรุ กจิ โฆษณา (เฉพาะนกั ลงทนุ จากอาเซียน) 0 49 190

2) สาขาทีจ่ �ำกดั การลงทนุ จากต่างชาตมิ ากข้นึ ตารางที่ 10 ตารางแสดงขอ้ จ�ำกดั ของการลงทุนจากต่างชาติ สาขา อตั ราเดมิ (รอ้ ยละ) อัตราใหม่ (ร้อยละ) การกระจายสนิ คา้ 100 33 การจัดเก็บสนิ คา้ 100 33 หอ้ งเยน็ 100 33*/37** ฟารม์ เกษตรกรรม 95 30 * ในเกาะสมุ าตรา ชวาบาหลี ** ในเกาะกาลิมันตนั สลุ าเวสี นซู าเตงการาตะวันออก มาลุกุ และปาปวั 3) สดั ส่วนการลงทนุ ในสาขาโทรคมนาคม ตารางท่ี 11 ตารางการลงทนุ ในสาขาโทรคมนาคม สาขา อ(รตั ้อรยาลเดะิม) อ(รตั ้อรยาใลหะม) ่ Fixed ไมม่ ีการควบคมุ 65 Telecommunications ไม่มกี ารควบคมุ 65 โครงข่ายโทรคมนาคม ไมม่ ีการควบคมุ 49 มัลติมีเดยี ผู้ให้บรกิ ารมลั ติมีเดีย ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอินโดนเี ซยี 191

4) อัตราส่วนการลงทนุ ของตา่ งชาตใิ นลักษณะ PPP ตารางที่ 12 ตารางอัตราส่วนการลงทนุ ของตา่ งชาตใิ นลักษณะ PPP ด้าน อตั ราเดิม อัตราใหม่ (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) ทา่ อากาศยาน - 49 สถานขี นส่งทางบก - 49 ท่าเรือ - 95 ประปา - 95 ทางดว่ น - 95 โรงไฟฟ้า ก�ำลงั ผลติ 1-10 เมกะวตั ต์ - 49 โรงไฟฟา้ ก�ำลงั ผลิตมากกว่า 10 เมกะวตั ต์ - 100 การสง่ และการกระจายไฟฟา้ - 100 192

8 ลกั ษณะเด่นของระบบราชการทนี่ า่ เรยี นรู้ ระบบบริหารราชการของสาธารณรัฐอินโดนเี ซีย 193

ก(แโาลกระตจสอัดิ่งงตแโวร้ังยนดอโลยง้อบ)มาขยอทงาองงคควก์ ารม(รCับSผRิด)ชใอนบสตัง่อคสมังชคนมบท ความคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมขององค์กร (Corporate Social Responsibility)  หรือ CSR นน้ั   เป็นเร่ืองใหมท่ ี่ พูดกันในกระแสของโลกาภิวตั นท์ ต่ี ้องการให้องคก์ รทางธุรกิจเขา้ ไป มีสว่ นรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ในขณะเดยี วกันองคก์ รภาครัฐกต็ ้องเอ้อื อ�ำนวย ใหเ้ กดิ การพฒั นาไปพรอ้ มๆ กนั ซงึ่ การจดั ตงั้ นโยบายดา้ นความรบั ผดิ ชอบ ตอ่ สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ มขององคก์ ร (CSR) ในสงั คมชนบทของอนิ โดนเี ซยี ที่ได้จัดท�ำน้ัน ต้องวางนโยบายให้สอดคล้องกับข้อก�ำหนดทางกฎหมาย ประเพณใี นสงั คมตามความเชอื่ ในศาสนา  ทย่ี งั ตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งเครง่ ครดั และสบื ทอดกนั มานานแลว้   โดยมสี าระส�ำคญั   คอื   ความผกู พนั ระหวา่ ง สามีกบั ภรรยา พอ่ แม่กับลูก และพลเมอื งต่อสังคม คือ การชว่ ยเหลอื พงึ่ พา อาศยั กนั ในงานดา้ นตา่ งๆ  เชน่   การเพาะปลกู  การเกบ็ เกย่ี ว การแตง่ งาน และการสร้างบา้ นท่อี ยูอ่ าศยั  [4] 194

บรรณานุกรม ระบบบรหิ ารราชการของสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซยี 195

[1] ทวศี กั ด์ิ เผือกสม. 2555. ประวัติศาสตร์อนิ โดนีเซีย. ส�ำนักพมิ พ์ เมืองโบราณ กรงุ เทพฯ. [2] ภูวดล ทรงประเสรฐิ . 2547. อินโดนเี ซยี : อดตี และปจั จบุ นั . ส�ำนักพมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย กรงุ เทพฯ. [3] มัลลกิ า พงศ์ปริตร. 2549. หน้าตา่ งสโู่ ลกกวา้ ง อนิ โดนีเซีย. บริษัท ส�ำนกั พมิ พ์หนา้ ตา่ งสโู่ ลกกว้าง จ�ำกัด. กรุงเทพฯ. [4] วนั เพ็ญ ต่อทรพั ย์ไพศาล. 2556. ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การปรบั ตัวทาง ด้านวัฒนธรรมของชาวอินโดนเี ซยี ทท่ี �ำงานในประเทศไทย. สารนิพนธน์ ีเ้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู ร วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ (การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยแ์ ละองคก์ าร) คณะพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ สถาบันบัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร.์ [5] สถานเอกอัครราชฑตู ณ กรงุ จาการต์ า. 2556. คูม่ ือคนไทยในอนิ โดนีเซยี [6] Gropello, Emanuela Di; Kruse, Aurelien; Tandon, Prateek. 2011. Skills for the Labor Market in Indonesia: Trends in Demand, Gaps, and Supply. The World Bank. [7] Human Development Department East Asia and Pacific Region. 2010. Indonesia Skills Report: Trends in Skills Demand, Gaps, and Supply in Indonesia. Document of the World Bank. [8] IMD World Competitiveness Center. IMD World Competitiveness Yearbook 2013 25th Edition. Switzerland. 156-159 [9] Johnson, Dann. 2011. Labor Law Measure Plus: Indonesia. Publication for the Business Growth Initiative. 196

[10] Ministry for Economic Affairs. 2011. Masterplan for Acceleration and Expansion of Indonesia Economic Development. Jakarta: Coordinating Ministry For Economic Affairs, Republic of Indonesia. [11] Ministry of National Development Planning. 2010. Regulation of the President of The Republic of Indonesia Number 5 of 2010 Regarding the National Medium-Term Development Plan 2010-2014. Ministry of National Development Planning, National Development Planning Agency. [12] Paranoan, Dan Buntu. 2013. Apparatus Resources Development Model to Improve Public Service Quality in Indonesia. Journal of Information Engineering and Applications. 3 (30): 38-45. [13] Siswo. 2004. HRD and its critical factors according to practitioners in training division of Telekom Indonesia. Doctoral Dissertation, Texas A&M University. [14] Turner, Mark; Imbaruddin, Amir; Sutiyono, Wahyu. 2009. Human resource management: the forgotten dimension of decentralisation in Indonesia. Bulletin of Indonesian Economic Studies. 45 (2): 231-249. [15] Wagner, Joachim. 2008. Background 1: Skills Development for Employment: Scope and Strategies. Corporate HRD and Skills Development for Employment: Scope and Strategies International Conference during ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อนิ โดนเี ซีย 197

November 24-26, 2008. InWEnt-Internationale Weiterbildung und Entwicklung gGmbH. p.3-5. [16] Weston, Stuart. 2008. A Study of Junior Secondary Education in Indonesia. United States Agency for International Development. [17] World Bank. 2010. Transforming Indonesia’s Teaching Force Voloume II: From pre-service training to retirement: Producing and maintaining a high-quality, efficiant, and motivated workforce. Jakarta: World Bank Office Jakarta. [18] World Health Organization, Country Office for Indonesia 2008. WHO country cooperation strategy 2007-2011 Indonesia. Page 9-12. [19] กรมเอเซยี ตะวนั ออก กระทรวงต่างประเทศ. Retrieved from http://www.mfa.go.th/main/th/world [20] Asia-Pacific Economic Corporation. 2011. Indonesia’s Structural Reform Priorities. Retrieved from http://mddb. apec.org/Documents/2011/SOM/WKSP/11_som_ wksp_009.pdf [21] BPS-RI, Susenas. 2011. Quoted in Statistic Indonesia. 2012. Educational Indicator 1994-2011. Retrieved from http://www.bps.go.id/eng/tab_sub/view.php?kat=1&ta bel=1&daftar=1&id_subyek=28&notab=1 [22] Central Intelligence Agency. (2013). The World Factbook 2013-14. Washington, DC. Retrieved from https://www.cia. gov/library/publications/the-world-factbook/index. html 198

[23] Dewi, Utami; Winarsih, Atik Septi. 2011. Career Path Development for Indonesian Public Servant. Retrieved from http://staff.uny.ac.id/sites/default/files/penelitian/ Utami%20Dewi,%20M.PP/PAPER%20DEWI.pdf [24] Dirk, A. 1997. Quoted in Park, Jin; SAVIRA, Evi Maya. 2010. Improving HRD System for Indonesian Civil Servants: Lesson from Korea. Retrieved from http://www.dbpia.co.kr/Journal/ArticleDetail/1376740 [25] International Cooperation Study Center Thammasat University. Retrieved March 22, 2013 http://www.apecthai.org/apec/th/profile1.php?continen tid=2&country= i3&name=สาธารณรัฐอินโดนีเซยี [26] International Labor Organization. 2004. Major Labour Laws of Indonesia. Retrieved from http://www.ilo.org/ wcmsp5/groups/public/---asia/---ro-bangkok/---ilo-jakar ta/documents/publication/wcms_120126.pdf [27] McLagan, Patricia A. 1989. Quoted in Human Resources Development Working Group. 2013. Human Resources Development in Indonesia. Retrieved from http://hrd.apec.org/images/1/18/78.15.pdf [28] National Civil Service Agency. 2012. Country Paper: People’s Participation on Public Service Accountability in Indonesia. Retrieved from http://www.ocsc.go.th/ocsc/ th/files/Asean_Unit/Country%20paper/Indonesia.pdf [29] Sekretariat Negara Republik Indonesia. Vision, Mission and ระบบบริหารราชการของสาธารณรฐั อนิ โดนีเซยี 199


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook