Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTSB

RMUTSB

Published by taweelap_s, 2019-05-17 00:19:20

Description: RMUTSB

Search

Read the Text Version

ปัญหาและอปุ สรรคด้านปจั จัยพ้นื ฐานในการประกอบกิจการอตุ สาหกรรม ผลิตชนิ้ ส่วนยานยนต์ ขนาดยอ่ ม และขนาดกลางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล The Problem and Solution Guidelines in the Automotive Industry SMEs in Bangkok and Near Province เทพนารนิ ทร์ ประพนั ธ์พัฒน์ (Thepnarintra Praphanphat) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ [email protected] ..................................................................................................................... บทสรปุ การวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการดาเนินงานอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในสถาน ประกอบการขนาดย่อม และขนาดกลางในเขตกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิต ชิ้นส่วนยานยนต์ ขนาดย่อม และขนาดกลางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเพ่ือเปรียบเทียบระดับปัญหาในการ ประกอบกจิ การอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการ วิจัยคร้ังนี้ คือ ผู้ประกอบการในสถานประกอบการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ขนาดย่อมและขนาดกลาง คานวณจากตารางสาเร็จรูปของ R.V.Krejcie กับ D.W.Morgan ใช้วิธีการสุ่มแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ไดก้ ลุ่มตวั อยา่ งจานวน 156 แหง่ สถิติทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูลไดแ้ ก่ คา่ ความถ่ื คา่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และ คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และ t-test วิเคราะหข์ ้อมูลทางสถิติโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยพบว่า สถานประกอบการมีปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ โดย ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีปัญหาอยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านบุคลากร รองลงมา ไดแ้ ก่ ดา้ นการผลิต ดา้ นการสง่ ออก ด้านการเงิน และด้านการตลาด ตามลาดับ การเปรียบเทียบความแตกต่าง ระหว่างค่าเฉล่ียของระดับปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม จาแนกตาม ขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการที่ต่างกันมีปัญหาในการประกอบกิจการ โดยภาพรวม แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิตทิ ่ีระดับ .05 จานวน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านการเงิน ด้านบุคลากร และด้านการส่งออก โดย สถานประกอบการขนาดย่อมมีปญั หาในการประกอบกิจการมากกว่าสถานประกอบการขนาดกลาง Summary The purposes of this study are to: 1) investigate operation conditions of SMEs automotive part industry in Thailand, 2) to problem operation problem levels of SMEs automotive part industry in Thailand according to the sizes of the enterprises, and 3) to compare operation problem levels of SMEs automotive part industry in Thailand according to the sizes of the enterprises. Samples in this study included 156 entrepreneurs of SME automotive part industry in Thailand derived from simple random sampling and calculation from D. W. Morgan’s tables. Research statistics included frequency, percentage, mean, Standard Deviation, and T-test. The results revealed that in general the problem levels of SMEs automotive part industry in Thailand were high. When considering in details, it was found that the problem levels were high at every aspect, i.e. personal, production, marketing, finance, and export respectively. The comparison of the problem levels according to the sizes of the enterprises revealed statistically significant differences at .05. When considering on each aspect, it was found that the aspect with

the statistical difference at .05 included 5 aspects, i.e. personal, production, marketing, finance, and export. The findings also showed that small enterprises faced more severe problems than those of medium enterprises. Keywords : the problem ,solution guideline ,automotive industry, SMEs บทนํา ยุทธศาสตร์หลักของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เร่ิมต้ังแต่ปี พ.ศ. 2553-2557 ประกอบด้วย 1) ยุทธศาสตร์ การพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม 2) ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชน 3) ยุทธศาสตรก์ ารเสรมิ สร้างผูป้ ระกอบการ 4) ยุทธศาสตร์การสร้างปัจจัยและระบบสนับสนุนธุรกิจอุตสาหกรรมโดย ท่ีการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือท่ีรู้จักกันดีในนาม SMEs ซ่ึงมีสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 90 ของ วิสาหกิจของประเทศ เปน็ นโยบายหลักทร่ี ัฐบาลให้ความสาคัญในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน [1] ท่ามกลาง ภาวะการณ์แข่งขันในยุคโลกาภิวัฒน์ท่ีเพ่ิมมากขึ้นทุกขณะ ประเทศไทยจาเป็นต้องมีการปรับโครงสร้าง ภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อเพ่ิมศักยภาพในการพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลก รวมไปถึงการ เพ่ิมมูลค่าผลผลิตต่างๆ ให้มีมากกว่าค่าการผลิตท่ีมาจากแรงงานและวัตถุดิบแต่เพียงอย่างเดียว [2] อุตสาหกรรมยานยนต์ ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทยท่ีเป่ียมไปด้วยศักยภาพ ด้วยประสบการณ์ที่ได้รับจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ต่างประเทศเป็นเวลานาน รวมไปถึงโครงสร้างพ้ืนฐานอุตสาหกรรมยานยนต์จึงจัดว่าเป็นดาวเด่นที่สามารถสร้างขีด ความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศไทยเป็นอย่างดีอีกแนวทางหน่ึง การเริ่มต้นโครงการ ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) ของรัฐบาล เมื่อไม่นานมาน้ีจึงเป็นการตอกย้าความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์และ ประกาศถึงความประสงค์ของไทยในการมุ่งสู่ความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของเอเชีย ขณะเดียวกับ ปริมาณความต้องการยานยนต์ในเอเชียและตะวันออกกลางท่ีเพ่ิมข้ึนสูงอุตสาหกรรมยานยนต์จึงถูกมองว่าเป็น อุตสาหกรรมดาวเด่นของเอเชียด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายความว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ต่างก็กาลังให้ความสาคัญกับ อตุ สาหกรรมยานยนต์ ทาให้เกดิ คาถามข้ึนว่า ประเทศไทยกาหนดสถานะของตวั เองไว้ ณ จุดใด และมีโอกาสมากน้อย เพียงใดในการก้าวสู่เป้าหมายในการนาอุตสาหกรรมยานยนต์ขึ้นเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้มอบหมายให้ “สถาบันยานยนต์” หน่วยงานในสังกัดจัดวางแผนแม่บทอุตสาหกรรมยาน ยนต์ของประเทศไทย ประจาปี พ.ศ. 2555-2559 ทาใหเ้ กดิ แผนงานด้านการพัฒนาอตุ สาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 5 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ท่ีจะผลักดันให้ประเทศไทยมีความถนัดด้านประกอบรถยนต์ในส่วนของ Body Part และ Accessories ประเทศที่เรมิ่ ตน้ พัฒนาการประกอบยานยนต์ต่างใช้วิธีการกีดกันสินค้าสาเร็จรูปจากนอกประเทศ เพ่ือ ปกป้องอตุ สาหกรรมภายใน ดังนนั้ ประเทศไทยจึงควรใชโ้ อกาสทีจ่ ะเร่งพฒั นาการผลติ ช้ินส่วนยานยนต์ให้มีคุณภาพสูง และราคาท่ีสามารถแข่งขันได้ เพื่อนาออกขายในภูมิภาคท้ังในรูปชิ้นส่วน เพื่อการประกอบยานยนต์ (CKD: Complete Knock Down) และชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน ชิ้นส่วนดังกล่าวรวมถึงชิ้นส่วนของรถยนต์ รถบรรทุก รถจักรยานยนต์ ทั้งท่ีเป็นชิ้นส่วนโลหะ ช้ินส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนยาง ฯลฯ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนยาน ยนต์ First Tier 700 ราย และ Second Tier 1,000 ราย ในจานวนน้ียังแบ่งออกเป็นกลุ่มดาเนินการด้วยคนไทย ทง้ั หมด กลมุ่ ผถู้ ือหุน้ ใหญโ่ ดยคนไทย และกลุ่มต่างชาติถือหุ้นใหญ่ ความถนัดในการประกอบรถยนต์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ที่ Body Part และ Accessories ส่วน Engine Part, Electrical Part แรงงานของไทยไม่มีความ เช่ียวชาญมากนัก มูลค่าในชิน้ สว่ นทง้ั สองของไทยจงึ เปน็ เพียงสว่ นน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้วัตถุดิบใน การผลิตก็ยังต้องนาเข้าเป็นส่วนใหญ่ First Tier ต้องหันมาออกแบบสินค้าเอง แทนผลิตตามออเดอร์แบบเดิม นอกจากน้ีแนวโน้มความเปล่ียนแปลงที่ผู้ผลิตช้ินส่วนยานยนต์โดยตรง หรือ First Tier จึงต้องรับหน้าที่ในการวิจัย และพัฒนามากขึ้น ต่างจากการผลิตแบบเดิมที่ผลิตจากแบบที่ได้รับ (Drawing) ประกอบกับการเข้ามาของผู้ผลิต ชิ้นสว่ นต่างประเทศ ทีส่ ว่ นหนง่ึ อาจเปน็ บรษิ ทั ซบั พลายเออร์ท่ีผู้ผลิตรถยนต์ แต่ละค่ายชักชวนเข้ามาจากประเทศของ

ตน บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน First Tier ของไทยจึงอาจจะมีจานวนลดลงด้วย ต้องผันตัวเองไปผลิตช้ินส่วนในระดับ Second Tier แทนผปู้ ระกอบการผลติ ชิ้นส่วนยานยนตข์ องไทยจะต้องเรง่ [3] จากสถานการณ์ท่ัวไปและสภาพปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้ึน เพื่อเป็น แนวทางสาหรับพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร และผลิตนักศึกษาหรือกาลังคนเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยาน ยนต์ ให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการที่จะนาผลการวิจัยนี้ไป แก้ปัญหาในด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการผลิตและพัฒนาอุตสาหกรรมประเภทนี้ทั้งขนาดย่อมและขนาดกลาง และ สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกจิ ใหส้ มดุลและยั่งยืน การปรับโครงการสร้างการผลิตเพ่ือเพิ่มผลิต ภาพ และคุณค่าของสนิ ค้าและบรกิ ารบนฐานความรู้และความเป็นไทย วิธีการดาํ เนินงาน การวจิ ัยคร้งั นเี้ ปน็ การวิจัยเชิงสารวจ โดยนาขอ้ เสนอวิธกี ารวจิ ยั ตามลาดบั ดงั นี้ 1) ประชากรท่ีใช้ในการวิจยั 1.1) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ ผู้ประกอบการในสถานประกอบการอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ ขนาดย่อมและขนาดกลาง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมผู้ผลิตช้ินส่วนยานยนต์ไทย จานวน 400 แห่ง (ข้อมูล ณ วันท่ี 1 กุมภาพันธ์ 2556) 1.2) กลุ่มตวั อย่างทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัยครัง้ น้ี คือ ผูป้ ระกอบการในสถานประกอบการอตุ สาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยาน ยนต์ ขนาดย่อมและขนาดกลาง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล คานวณจากตารางสาเร็จรูปของ R.V.Krejcie กับ D.W.Morgan [4] ใช้วธิ ีการส่มุ แบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ได้กล่มตัวอย่างจานวน 156 แห่ง โดย แบ่งเป็นผู้ประกอบการสถานประกอบการขนาดย่อม จานวน 79 ราย และผู้ประกอบการสถานประกอบการขนาด กลาง จานวน 77 ราย 2) เครอ่ื งมือท่ีใช้ในงานวิจัย เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ แบบสอบถามโดยมีวธิ กี ารสร้างและมีลกั ษณะแบบสอบถาม ดงั นี้ 2.1) การสรา้ งเครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวิจัยคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้สร้างเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ซ่ึงมีขั้นตอนและ รายละเอียดดงั ต่อไปนี้ ศกึ ษาคน้ ควา้ เนื้อหาจากตารา เอกสาร และงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง 2.2) รา่ งแบบสอบถามใหค้ รอบคลมุ เน้ือหาตามวตั ถปุ ระสงค์และขอบเขตของการวจิ ยั เปน็ หลัก 2.3) เสนอผเู้ ชยี่ วชาญตรวจสอบเพอื่ ประเมนิ ความเหมาะสมของเน้อื หาและความเหมาะสมของสานวนภาษา โดย หาค่าความสอดคล้องของข้อคาถามแต่ละข้อด้วยค่า IOC (Item Objective Congruence Index) ข้อคาถามที่มีค่า IOC ตา่ กว่า 0.5 ไดน้ ามาปรบั แกไ้ ข โดยผลการวิเคราะหค์ า่ IOC มคี า่ ระหว่าง 0.60-1.00 คะแนน 2.4) ทดลองใช้แบบสอบถาม (Try-out) กับกลุ่มทดลอง จานวน 30 ชุด แล้วนาผลที่ได้ ทาการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 2.5) หาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (α- coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach) โดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ ได้คา่ ความเชอ่ื มั่นของแบบสอบถามทั้งฉบบั เทา่ กับ 0.9009 3) สถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมูล การวิจัยครั้งนี้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีการประมวลผลข้อมูลเป็น ขั้นตอน คือหลังจากการตรวจสอบความถูกต้องของแบบสอบถามเรียบร้อยแล้ว จึงนาข้อมูลที่ได้มาเปล่ียนแปลงเป็น รหสั ตัวเลข (Code) แลว้ บันทึกรหสั ลงในเครอ่ื งคอมพิวเตอร์และเขียนโปรแกรมส่งั งานโดยใช้สถติ ิ ดงั น้ี 1) การวิเคราะห์เก่ียวกับสภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) จะใช้วิธีหาค่าความถี่ (Frequency) แล้วสรปุ ออกมาเปน็ คา่ ร้อยละ (Percentage)

2) การวเิ คราะห์เกยี่ วกับสภาพการดาเนนิ งานของอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ ลักษณะแบบสอบถามเป็น แบบตรวจสอบรายการ (Check List) จะใช้วิธีหาค่าความถี่ (Frequency) แล้วสรุปออกมาเป็นค่าร้อยละ (Percentage) 3) การวิเคราะห์เก่ียวกับปัญหาและอุปสรรคด้านปัจจัยพ้ืนฐานในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน ยานยนต์ ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) ใชก้ ารวเิ คราะห์ค่าเฉล่ีย และค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) ซง่ึ มีเกณฑใ์ นการกาหนดค่านา้ หนักของการประเมินตามแนวของเบสต์ ดังน้ี [5] 4) การวิเคราะห์เก่ียวกับการเปรียบเทียบความแตกต่างของระดับปัญหาและอุปสรรคด้านปัจจัยพื้นฐานในการ ประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ ใช้การวิเคราะห์ความ แตกต่างระหว่างค่าเฉลยี โดยใช้ t-test (Independent Samples t-test) ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ท่ีมีต่ออุตสาหกรรมช้ินส่วนยานยนต์ ลักษณะแบบสอบถามเป็นแบบปลายเปิด (Open- ended Questionnaires) ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) สรุปเรียบเรียงออกมาเป็นค่าความถ่ี (Frequency) แล้วนามาจดั ลาดับ ผลและอภิปรายผลการดําเนนิ งาน 1) สภาพการดําเนนิ งานของอุตสาหกรรมช้ินสว่ นยานยนต์ ผลการวิจัยพบว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมช้ินส่วนยานยนต์ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย โดยส่วนใหญ่มีอายุ ระหว่าง 30 ปี ไม่เกิน 40 ปี ซ่ึงผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และผู้ประกอบการส่วนใหญ่มี ตาแหน่งเป็นหวั หน้างาน สถานประกอบการสว่ นใหญ่เปน็ ขนาดย่อม ซึ่งดาเนนิ ธุรกิจมาแล้วเป็นระยะเวลา 3-6 ปี โดย สว่ นใหญ่ประกอบกจิ การประเภท งานหล่อ-หลอมชน้ิ ส่วน และงานเช่ือมประกอบ ทั้งนี้มีลักษณะของธุรกิจเป็นบริษัท จากดั อีกทัง้ การลงทุนเป็นของคนไทย และสถานประกอบการส่วนใหญ่เป็นการจาหน่ายสินค้าภายในประเทศ สถาน ประกอบมีปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีปัญหาอยู่ในระดับมากทุกด้านได้แก่ ด้านบุคลากร รองลงมาได้แก่ ด้านการผลิต ด้าน การส่งออก ด้านการเงิน และด้านการตลาด ตามลาดับ 2) การเปรียบเทียบระดบั ปญั หาในการประกอบกจิ การอุตสาหกรรมผลิตชิ้นสว่ นยานยนต์ เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายด้าน และรายข้อ พบ ดงั น้ี ด้านการผลติ จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบวา่ ขนาดของสถานประกอบการท่ีต่างกันมีปัญหา ดา้ นการผลติ แตกต่างกันอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความแตกต่างกัน อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิทร่ี ะดับ .05 จานวน 1 ข้อ คือ โลหะผสม โดยสถานประกอบการขนาดย่อมมีปัญหาด้านการ ผลิตมากกว่าสถานประกอบการขนาดกลาง ด้านการตลาด จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการท่ีต่างกันมี ปัญหาด้านการตลาดแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ไม่มีความ แตกต่างกนั อย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดับ .05 ดา้ นการเงิน จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการที่ต่างกันมีปัญหา ดา้ นการเงนิ แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จานวน 2 ข้อ ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียน และการจัดทาบัญชี โดยสถาน ประกอบการขนาดยอ่ มมปี ัญหา ดา้ นการเงนิ มากกว่าสถานประกอบการขนาดกลาง ด้านบคุ ลากร จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบวา่ ขนาดของสถานประกอบการท่ีต่างกันมีปัญหา ดา้ นบุคลากร แตกต่างกันอย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 และเมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า ไม่มีความแตกต่าง กนั อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05

ด้านการส่งออก จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการที่ต่างกันมี ปัญหาด้านการส่งออก แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และเม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 จานวน 1 ข้อ คือ การส่งเสริมการส่งออกจากภาครัฐโดยสถาน ประกอบการขนาดยอ่ มมีปัญหา ดา้ นการสง่ ออก มากกวา่ สถานประกอบการขนาดกลาง 3) ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลเก่ยี วกบั ปัญหาในการประกอบกจิ การอุตสาหกรรมช้นิ ส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม ปรากฏผลดังตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 ปัญหาอตุ สาหกรรมชน้ิ สว่ นยานยานต์ ปญั หาอตุ สาหกรรมชน้ิ สว่ นยานยานต์ X S.D. ระดับ ปญั หา 1.ดา้ นการผลติ 3.86 0.92 มาก 2.ด้านการตลาด 3.76 0.94 มาก 3.ด้านการเงนิ 3.79 0.94 มาก 4.ดา้ นบคุ ลากร 3.88 0.89 มาก 5.ดา้ นการสง่ ออก 3.82 0.91 มาก รวม 3.82 0.92 มาก จากตารางที่ 1 พบว่าสถานประกอบมีปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดย ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีปัญหาอยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านบุคลากร รองลงมาไดแ้ ก่ ด้านการผลติ ดา้ นการส่งออก ด้านการเงิน และด้านการตลาด ตามลาดับ ผลการเปรียบเทียบระดับปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ ดังตารางที่ 2 ตารางท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบระดับปัญหาในการประกอบกิจการอตุ สาหกรรมผลิตชิน้ ส่วน ยานยนต์ โดยภาพรวม ปัญหาอตุ สาหกรรมช้ินสว่ น ขนาดยอ่ ม ขนาดกลาง t-Value p-Value ยานยนต์ SMEs S.D S.D. 5.680 0.000* 1.ดา้ นการผลิต 2.275 0.025* 2.ดา้ นการตลาด X X 3.229 0.002* 3.ดา้ นการเงนิ 4.141 0.000* 4.ดา้ นบุคลากร 3.97 0.86 3.75 0.98 2.032 0.044* 5.ด้านการสง่ ออก 3.92 0.82 3.61 1.06 3.660 0.000* 3.98 0.86 3.61 1.02 รวม 3.89 0.86 3.87 0.92 3.94 0.85 3.71 0.97 3.94 0.21 3.71 0.44 จากตารางท่ี2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของระดับปัญหาในการ ประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม จาแนกตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการที่ตา่ งกันมปี ญั หาในประกอบกจิ การ โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จานวน 5 ด้าน

ได้แก่ ด้านการผลิต ด้านการตลาด ดา้ นการเงนิ ด้านบคุ ลากร และดา้ นการสง่ ออก โดยสถานประกอบการขนาดย่อมมี ปัญหาในการประกอบกิจการมากกวา่ สถานประกอบการขนาด ปัญหา/อปุ สรรค/ขอ้ เสนอแนะ 1) รัฐบาลควรส่งเสริมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โดยการสนับสนุนให้ความรู้เก่ียวกับอุตสาหกรรมน้ีให้ มากขึ้นเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ทาธุรกิจอุตสาหกรรมช้ินส่วนยานยนต์ท่ีมีผลิตออกมามีคุณภาพ เพื่อที่ผู้ผลิตจะได้ทา การผลติ สนิ คา้ ท่มี ีคุณภาพสูงเพอื่ สามารถแข่งขันกับตลาดโลกไดต้ ลอดไป 2) รัฐบาลควรหาแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่า รวมถึงการขยายระยะเวลาชาระคืน และการผ่อนปรน เงื่อนไขในการกใู้ ห้ไดง้ ่ายข้นึ สาหรับให้อุตสาหกรรมช้ินส่วนยานยนต์ สามารถนามาใช้การลงทุนในเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจกั ร และใชส้ าหรบั เป็นทนุ หมนุ เวียนในกจิ การเพือ่ ใหอ้ ุตสาหกรรมช้ินส่วนยานยนตอ์ ยู่ได้ 3) รัฐบาลควรส่งเสริมสถาบันการศึกษาที่เปิดหลักสูตรด้านอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์หรือสนับสนุนใน สาขาข้างเคียงให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และควรเพิ่มงบประมาณให้ สถานศึกษาได้นาไปพฒั นาเพอื่ ผลิตบคุ ลากรใหม้ คี ุณภาพเพ่ือปอ้ นส่ภู าคอตุ สาหกรรมได้อย่างต่อเนือ่ งได้ 4) รัฐบาลควรเปิดศูนย์ฝึกอบรมช่างออกแบบ ประกอบ หรือซ่อมบารุงรักษาเครื่องจักรในระบบการผลิต ชิ้นส่วนยานยนตแ์ บบต่างๆหรอื เคร่อื งมืออุปกรณ์ในสายการผลิตเพื่อให้สถานประกอบการที่มีเงินน้อย และไม่มีช่างใน ด้านน้ี ได้มีความรู้ ความชานาญในการซ่อมบารุงรักษาด้วยตัวเองเพื่อให้เคร่ืองจักรพร้อมท่ีจะใช้งานได้ตลอดเวลา และสง่ ผลให้การผลติ มีประสิทธภิ าพสูงสุด สรปุ สรุปปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม จาแนกตามขนาดของ สถานประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการทีต่ า่ งกันมีปัญหาในประกอบกิจการ โดยภาพรวม แตกต่างกัน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 จานวน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านการเงิน ด้านบุคลากร และด้านการส่งออก โดย สถานประกอบการขนาดยอ่ มมีปญั หาในการประกอบกิจการมากกว่าสถานประกอบการขนาดกลาง การเปรียบเทียบ ระดับปัญหาในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตช้ินส่วนยานยนต์ โดยภาพรวม จาแนกตามขนาดของสถาน ประกอบการ พบว่า ขนาดของสถานประกอบการที่ต่างกันมีปัญหาในประกอบกิจการ โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่าง มีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 1) ด้านบุคลากร พบปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนนักออกแบบรูปแบบหรือช้ินส่วนด้านนาสมัยเทคโนโลยี การฝึกอบรมพนักงาน แรงงาน การสรรหา และคัดเลือกบุคลากร นักการตลาด การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงาน และการประเมินผลการปฎิบัติงานของบุคลากร ผู้ผลิตรถยนต์16ค่ายร่วมกันสร้างบุคลากรในระดับช่างฝีมือต้ังแต่ การศึกษาระดบั ปวช.,ปวส. และวิศวกรรมยานยนต์ระดับปริญญาตรีอีก 100,000 คนภายใน 3 ปี (พ.ศ.2555-2557) เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต และเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปีพ.ศ. 2558 เพราะหากบุคลากรไม่เพยี งพอต่อความต้องการอาจส่งผลให้อุตฯยานยนตข์ องไทยชะงักซึ่งสอดคลอ้ งกับสรุ พงษ์ [6] 2) ด้านการผลิต พบปญั หาเก่ียวกับเทคโนโลยกี ารผลิต เชน่ เครอ่ื งจักร เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ โลหะผสม ผใู้ ช้ (Vender) ภายในประเทศ เชน่ โรงงานผู้ผลิตชน้ิ สว่ นเครอื่ งยนต์ ช้นิ สว่ นช่วงลา่ งยานยนต์ ชิน้ สว่ นตวั ถังรถยนต์ ชน้ิ สว่ นและอปุ กรณ์ขบั เคล่ือน ระบบส่งกาลัง ระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ และช้นิ สว่ นประดับยนต์ โลหะ ในกลุม่ เหล็ก สงั เคราะห์ การวางแผนการ โลหะนอกกลุ่มเหลก็ ปจั จัยการผลิตอ่ืนๆ เช่น ไฟฟ้า โทรศพั ท์ น้าประปา ระบบบาบดั นา้ เสีย ฯลฯ ซ่ึงสอดคล้องกบั สภาอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย [7]

3) ดา้ นการส่งออก สอดคล้องกับพบปัญหาเก่ียวกับขาดการส่งเสริมการส่งออกจากภาครัฐ การคอร์รัปช่ัน ของเจ้าหน้าท่ีภาครัฐ ยอดการส่งออก ขั้นตอนการส่งออก ภาษีนาเข้าวัตถุดิบ และ การแข่งขันกับประเทศคู่แข่งซ่ึง สอดคล้องกับสานักงานเศรษฐกิจอตุ สาหกรรม [8] 4) ด้านการเงิน พบปัญหาเก่ียวกับเงินทุนหมุนเวียน การจัดทาบัญชี แหล่งเงินทุน เงินลงทุนและการกู้เงิน ซง่ึ สอดคล้องกบั สานักวิจัยและวางแผนไทยธนาคาร [9] 5) ด้านการตลาด พบปัญหาเก่ียวกับช่องทางในการจาหน่าย การกาหนดราคาสินค้า การหาตลาดใหม่ การส่งเสริมการตลาด เช่น การเป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงสินค้าตามงานแสดงสินค้า เช่น มอเตอร์โชว์ ฯลฯ สอดคล้องกบั สุรัส [10] บรรณานุกรม [1] อตุ สาหกรรมสาร.(2556). กรมสง่ เสรมิ อุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม.ปีที่ 52 กรกฎาคม – สิงหาคม, กรงุ เทพฯ. [2] เศรษฐกิจและสงั คม.(2556).สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ. ปที ่ี 50 ฉบับท่ี 1 มกราคม – กมุ ภาพันธ์, กรุงเทพฯ. [3] สถาบันยานยนต์.(2555).แผนแมบ่ ทอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี พ.ศ.2555 –2559 (National Industrial Development Master Plan) กระทรวงอุตสาหกรรม,กรงุ เทพฯ. [4] ธานินทร์ ศลิ ปจ์ าร.ุ (2551)การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถติ ิด้วย SPSS. พิมพ์ครั้งท่ี 9. นนทบุรี : บรษิ ัทเอส.อาร์.พริ้นตง้ิ แมสโปรดกั ส์ จากัด, กรุงเทพฯ. [5] Best, John W. (1981).Research in Education. 4 th ed. Englewood cliffs, New Jersey : Prentice Hall, Inc. [6] สรุ พงษ์ ไพสิฐพฒั นพงษ.์ (2556). ยอดผลิตรถยนตพ์ ุ่งกระฉดู . สภาอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย (ส.อ.ท.).เศรษฐกจิ , กรุงเทพฯ. [7] สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI).กล่มุ อตุ สาหกรรมช้นิ ส่วนและอะไหล่ยานยนต์ (APIC), สมาคมผผู้ ลิตชน้ิ ส่วนยานยนต์ไทย. “อุตสาหกรรมชนิ้ สว่ นและอะไหล่ยานยนต์”(2556) ).[ออนไลน์]. [สบื ค้นเมอ่ื 22 สิงหาคม 2556]เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.thaiautoparts.or.th/download/ Proposal_to_MOI.pdf. [8] สานกั งานเศรษฐกิจอตุ สาหกรร.(2556). กระทรวงอตุ สาหกรรม, กรงุ เทพฯ. [9] สานักวจิ ัยและวางแผนไทยธนาคาร.(2547) : แนวโน้มเศรษฐกจิ และอตุ สาหกรรม ปี 2548-2552. ธนั วาคม, กรงุ เทพฯ. [10] สุรัส ต้ังไพฑูรย.์ (2556).อิเลก็ ทรอนกิ ส์ขาดแรงงานเล็งข้ึนเงนิ เดือนปวช.- ป.เอก.สถาบันไฟฟา้ และ อเิ ล็กทรอนกิ ส.์ การพัฒนา. เศรษฐกิจ,18 พ.ค., กรุงเทพฯ.

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ การจดั การเรียนการสอนภาษาองั กฤษด้วยเทคนคิ การเรยี นรูแ้ บบลงมอื ทา English Learning Management with Active Learning ดร.ทิวา ใจหลัก (Tiwa Jailak, Ph.D.) อาจารยส์ าขาวชิ าภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภูมิ [email protected] ............................................................................................................................ บทสรุป รายวิชาการแปลเบื้องตน และ รายวิชาการเขียนเชิงวิชาการ จัดเป็นวิชาชีพบังคับ ในหลักสูตรศิลปศาสตร บัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล ซ่ึงอยู่ในความรับผิดชอบสอนของข้าพเจ้า เพื่อให้การเรียนการ สอนเกิดประสิทธิภาพสูงท่ีสุดและรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0 ข้าพเจ้าจึงได้นาเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบ ลงมือทามาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาดังกล่าว ซ่ึงมีวัตถุประสงค์สาคัญ คือ 1) เพ่ือใหผูเรียนสามารถ ประยุกตใชหลักการและกลวิธีการแปลไดอยางเหมาะสม และสามารถแกไขปญหาในการแปลได 2) เพ่ือให้ผู้เรียน สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะการเขียนเชิงวิชาการให้เหมาะกับบริบทที่เปล่ียนแปลงไปได้ และ 3) เพื่อ เสริมสร้างศักยภาพและยกระดับการเรียนรู้สาหรับการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติสาขาวิชาภาษาอังกฤษ โดยมีวิธีการ ดาเนนิ งานเร่มิ จากการสังเกตการเรยี นรู้ของนักศึกษาในวิชาการแปลเบ้ืองตนและวิชาการเขียนเชิงวิชาการตามสภาพ ทเ่ี ปน็ จริง เพอื่ วิเคราะหป์ ัญหาและคน้ หาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยการนาวิธีการจัดการเรียนรู้แบบลงมือทามาปรับใช้ ในการจัดการเรียนการสอน และประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษาจากการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบดังกล่าว พร้อมทั้งนาผลประเมินการเรียนรู้ของนักศึกษาและผลประเมินการจัดการเรียนการสอนจากนักศึกษามาสังเคราะห์ เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่อไป สาหรับผลการดาเนินงาน พบว่า 1) นักศึกษาสามารถ ประยุกตใชความรูเก่ียวกับหลักการและกลวิธีการแปลเพ่ือการแปลได้อย่างถูกตอง 2) นักศึกษาสามารถนาความรู้ ทางการเขยี นเชงิ วชิ าการไปสร้างสรรค์ผลงานได้ตามวัตถุประสงค์รายวิชา 3) นักศึกษาสามารถบูรณาการความรูดาน การอานตีความและการเขียนเพ่ือการแปลไดอยางถูกตอง 4) นักศึกษาได้รับการเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับ การเรียนรู้สาหรับการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และ 5) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการจัดการ เรียนการสอนในระดับสูง ซึ่งจากผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนในวิชา ดังกล่าว ผู้สอนสามารถนาไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษใน รายวิชาอื่น ๆ ต่อไป Summary Basic Translation and Academic Writing are required courses in a Bachelor of Arts Program in English for International Communication, for it which is my responsibility to ensure the highest efficiency of learning and responses of the change the 4.0 era are achieved. I, therefore, would like to apply the technique of learning management in these courses. The main purposes are 1) students can apply the language principles and translation techniques properly and solve problems during translation; 2) students can apply their knowledge and academic writing skill appropriately to the changing context; 3) to enhance competency and elevate learning to produce graduates are practiced and proficient in English. The process started with the observation of students’ learning in Basic Translation and Academic Writing in accordance with real situations and evaluation of their learning achievement. Moreover, the evaluations, including the evaluation of learning achievement and course management, would be synthesized to develop the pattern of

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ learning management in the other courses. For the results, it was found that 1) the students were able to apply knowledge about the principles and techniques in translation to produce correct translation works; 2) students were able to apply the knowledge from academic writing in creating works in compliance with the objective; 3) students were able to integrate knowledge of interpretation and translation writing with accuracy; 4) students enhanced their competency and elevated their knowledge producing graduates practiced in English; 5) students were satisfied with the advanced learning course regarding the evaluation result of their satisfaction with the learning course. Based on the evaluation of students’ satisfaction with the learning course, the instructor is able to apply the used pathway in the development of further English course management. คาํ สาํ คญั การสอน ภาษาอังกฤษ การเรยี นรู้ ลงมือทา บทนํา ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ อุดม คชินทร (2561) ได้กล่าวถึงการพัฒนานักศึกษาไทยในการ ประชุมสัมมนาวิชาการด้านพัฒนานักศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 7 ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันโลกมีการเปล่ียนแปลง ไปอย่างรวดเร็วมาก จึงเป็นความท้าทายสาหรับสถาบันอุดมศึกษาในฐานะท่ีเป็นหน่วยงานผลิตกาลังคนท่ีจะออกไป เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในโลก โดยเฉพาะอย่างย่ิงโลกท่ีต้องแข่งขันกับนานาประเทศ ซ่ึงส่ิงหน่ึงท่ี ช่วยใหเ้ รารบั มือกบั ความเปลี่ยนแปลงและความทา้ ทายเหล่านน้ั ได้คอื การมีพื้นฐานการศึกษาที่ดี รัฐบาลจึงมีนโยบาย ปฏิรปู การศกึ ษาในทุกระดบั โดยสถาบันอุดมศกึ ษาเปรียบเสมือนตัวแปรสาคัญในการพัฒนากาลังคนของประเทศให้มี ศักยภาพและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ทุกสถาบันอุดมศึกษาจึงต้องมีเป้าหมายเดียวกันคือเป้าหมายการ ตอบโจทย์ของประเทศและโลกท่ีมีการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงจะมีความท้าทายตลอดเวลา รวมทั้งการยกระดับประเทศสู่ Thailand 4.0 เพ่ือเปลี่ยนผ่านสังคมไทยไปสู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ยุคโลกาภิวัตน์ โดยสถาบันอุดมศึกษา ทาหนา้ ทเี่ ปน็ ศนู ย์บม่ เพาะเพอื่ สร้างนวัตกรรมการวจิ ยั ที่ตอ่ ยอดไปสูเ่ ชงิ พาณชิ ย์ ผู้สอนจึงจาเป็นต้องปรับเปล่ียนวิธีการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม เทคโนโลยี และการเรียนรู้ของนักศึกษา จากผู้สอนคือผู้ถ่ายทอด ปรับเปล่ียนบทบาทเป็นผู้ช้ีแนะวิธีการค้นคว้าหา ความรู้ เพอื่ พัฒนาผ้เู รียนให้สามารถแสวงหาความรู้และประยุกต์ใช้ทักษะต่าง ๆ สร้างความเข้าใจด้วยตนเอง จนเกิด เป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย นอกจากน้ี สถาบันอุดมศึกษาควรดาเนินการจัดการเรียนการสอนท่ีตอบสนอง ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 โดยเฉพาะ เร่ืองของการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถให้แข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างย่ังยืน ซ่ึง ถือเป็นหัวใจสาคัญของการยกระดับประเทศให้เป็นไทยแลนด์ 4.0 ตลอดจนการสร้างสังคมอุดมปัญญาท่ีมีการเรียน รอู้ ยู่ตลอด และการส่งเสริมให้นักศึกษาได้เรียนรู้ศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ มากข้ึน เพื่อให้มีความรู้เพียงพอที่จะรับมือกับ ความเปลยี่ นแปลงทจี่ ะเกิดขน้ึ ในโลกอนาคต ดังน้ัน การมีความสามารถด้านทักษะภาษาอังกฤษ (English Proficiency Skill) จึงนับเป็นหน่ึงในทักษะ สาคญั ทบ่ี ณั ฑติ หรือผู้สาเร็จระดับอุดมศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21 พึงมี ซึ่งทักษะการเขียนและการแปลภาษาอังกฤษที่ดี จัดเป็นเครอ่ื งมือสาคัญท่ีจะชว่ ยสร้างความเขา้ ใจระหว่างผู้ท่ีเป็นเจ้าของภาษาและผู้ท่ีไม่ใช่เจ้าของภาษาในการสื่อสาร ในสงั คมเศรษฐกิจยุค โลกาภิวัตน์ รายวิชาการแปลเบ้ืองต้น (Basic Translation) และ รายวิชาการเขียนเชิงวิชาการ (Academic Writing) จัดเป็นวิชาชีพบังคับ ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร สากล ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบสอนของข้าพเจ้า และดว้ ยลักษณะของรายวชิ าที่ต้องเน้นการฝึกปฏิบัติเป็นสาคัญ ผู้สอนจึงต้องใช้เทคนิคในการจัดการเรียนการสอนใน รูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้การเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุดและรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ ข้าพเจ้าได้เล็งเห็นถึงความสาคัญดังกล่าว จึงได้นาการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งเป็นกระบวนการ จดั การเรยี นรทู้ ีผ่ ู้เรียนได้ลงมอื กระทา เรียนรู้จากโจทย์จริงมาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาดังกล่าว เพ่ือ พัฒนานักศึกษาให้เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ของตนเองอย่างถ่องแท้ที่ตอบสนองความ ต้องการระดบั ประเทศ อนั จะเป็นกาลงั สาคญั ในการขับเคลือ่ นประเทศชาตใิ ห้กา้ วหนา้ ต่อไป วธิ กี ารดําเนนิ งาน วิธีการดาเนินการจดั การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษดว้ ยเทคนิคการเรยี นรู้แบบลงมือทาแบ่งเปน็ 7 ขน้ั ตอนดงั นี้ 1. สังเกตการเรียนรู้ของนักศึกษาในวิชาการแปลเบื้องตนและวิชาการเขียนเชิงวิชาการตามสภาพท่ีเป็นจริง เพ่ือวิเคราะห์ปัญหา หาจุดอ่อน จุดแข็งในการเรียนรู้ ซึ่งประเด็นปัญหาสาคัญที่พบคือ ในวิชาการแปลเบื้องต น นักศึกษาไม่สามารถประยุกตใชหลักการและกลวิธีการแปลไดอยางเหมาะสม และไม่สามารถแกไขปญหาในการแปล ได้ และในวิชาการเขียนเชิงวิชาการ นักศึกษาไม่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะการเขียนเชิงวิชาการให้เหมาะ กับบริบททเี่ ปลย่ี นแปลงไปได้ 2. วเิ คราะห์ปญั หาการเรยี นรู้ของนักศึกษาในวิชาการแปลเบื้องต้น และวิชาการเขียนเชิงวิชาการ และค้นหา แนวทางแกไ้ ขปญั หา 3. คดั เลือกแนวทางแกไ้ ขปญั หา โดยใชว้ ิธีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบ Active Learning โดย การจัดทาแผนดาเนินงานเพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของนักศึกษา และนาเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning มาปรบั ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน 4. ดาเนินการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบ Active Learning ตามแผนที่วางไว้ โดยนาเคร่ืองมือ การจดั การความรู้ (KM Tools) มาปรบั ใชใ้ นกระบวนการจัดการเรยี นการสอน ได้แก่ การทบทวนสรุปบทเรียน (After Action Review หรอื AAR) การเรยี นรโู้ ดยการปฏิบัติ (Action Learning) การเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา (Lesson Learned) แฟม้ งานเพือ่ การพฒั นา (Portfolio) และฐานความรู้ (Knowledge Bases) กลา่ วคอื - การทบทวนสรุปบทเรียน (After Action Review หรือ AAR) คือ การร่วมกันทบทวนกระบวนการทางาน แต่ละขัน้ ตอน เพือ่ ค้นหาโอกาสและอุปสรรคในการดาเนินการ ซึ่งในการทบทวนน้ัน อาจได้ค้นพบวิธีปฏิบัติที่ดี (Best Practice) และแนวทางการปรับปรุงให้เกิดผลงานท่ีดีขึ้น ซึ่งจาเป็นต้องทาการสรุปบทเรียนทุกครั้ง เม่ือเสร็จ กระบวนการทางานที่สาคญั แต่ละขน้ั ตอน รวมถงึ เป็นการตรวจสอบระดบั ของการบรรลุวัตถุประสงค์ทก่ี าหนดไวด้ ว้ ย - การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) คือ การเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือให้เข้าใจถึง สาเหตุและนาไปสกู่ ารแก้ไขปญั หา โดยสามารถพัฒนาวธิ ีการทางานให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้นึ ได้ - การเรยี นรจู้ ากบทเรียนที่ผ่านมา (Lesson Learned) คือ การเรียนรู้โดยอาศัยข้อมูลความสาเร็จและความ ผิดพลาดจากการดาเนินการที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางในการวางแผนการทางานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกิด ขอ้ ผดิ พลาดน้อยทสี่ ดุ หรืออยา่ งนอ้ ย ไมเ่ กิดความผิดพลาดในประเดน็ ท่เี คยผิดพลาดมาแล้ว - แฟ้มงานเพ่ือการพัฒนา (Portfolio) คือ การบันทึกผลงานดี ๆ นวัตกรรมในการทางาน คาชื่นชมความ ภาคภูมใิ จทัง้ ระดับบุคคล ระดับแผนก หรอื ระดับองคก์ ร เรียกอกี อย่างว่าบัญชคี วามสุข - ฐานความรู้ (Knowledge Bases) คอื การเก็บข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ท่ีองค์กรมีไว้ในระบบฐานข้อมูล และให้ ผู้ต้องการใช้ค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา ผ่านระบบ อนิ เทอรเ์ นต็ อนิ ทราเนต็ หรอื ระบบอนื่ ๆ ไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็วและถกู ต้อง โดยผู้สอนนาเครื่องมือการจัดการความรู้ดังกล่าวมาปรับใช้ในกระบวนการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็น รูปธรรมดังน้ี - จัดทาเอกสารประกอบการสอนวิชาการแปลเบ้ืองต้น โดยใช้ข้อมูลจากงานวิจัยของผู้สอนจานวน 3 เรื่อง คือ 1) กลวิธีการแปลหน่วยสร้างประโยคกรรมวาจกในนวนิยายจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย 2) หน่วยสร้างกรรม วาจกในภาษาพูดภาษาไทย และ 3) การเปรยี บเทยี บกลวิธีการตั้งคาถามเชิงสุภาพข้ามวัฒนธรรม: กรณีศึกษารายการ

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ เพชรรามา ตอนสนทนากับ โซไรดา ซาลวาลา และ ต่าย อรทัย และ รายการ The Late Show ตอนสนทนากับ Hillary Clinton และ Jessica Biel เพ่ือให้เนื้อหาสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของรายวิชา คือ 1) เพื่อให้ผูเรียนเขาใจ หลักการและกลวิธีการแปล 2) เพอ่ื ให้ผูเรียนสามารถประยุกตใชหลกั การและกลวิธีการแปลไดอยางเหมาะสม 3) เพ่ือ ให้ผูเรียนเขาใจปญหาของการแปลและสามารถแกไขปญหาได้ และ 4) เพ่ือให้ผูเรียนเขาใจและเรียนรูวัฒนธรรมที่ หลากหลายจากการอานงานเขียน และสามารถถายทอดวัฒนธรรมนั้นเปนภาษาแปลท่ีถูกตองและสละสลวย อันจะ นาไปสูจ่ ดุ มงุ่ หมายสาคญั คอื นกั ศกึ ษาสามารถนาความรู้ทีไ่ ดร้ บั ไปใชไ้ ด้จรงิ ซง่ึ เน้อื หาในเลม่ ประกอบดว้ ย บทท่ี 1 กระบวนการแปล - กระบวนการและองค์ประกอบการเขียนสารต้นฉบับ - กระบวนการอา่ น การตคี วามสารต้นฉบับ - กลวิธีการแปลคาที่เป็นความรูเ้ ฉพาะด้าน ความร้วู ัฒนธรรมและสังคมภาษาศาสตร์ บทท่ี 2 การแปลประโยคภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาไทย *รูปประโยคภาษาองั กฤษทเ่ี ป็นปัญหาตอ่ ผ้เู รียนไทย - ความสัมพนั ธ์ของประธานและกรยิ าแท้ (subject-verb agreement) - กรรมวาจก (passive voice) - วเิ ศษณานุประโยค (relative clause) - ประโยคท่ีขน้ึ ตน้ ด้วย it ซง่ึ ไม่ใชส่ รรพนามแทนนามวลี และ there (dummy subject) - กรยิ าวลี (participle) - คานามหลกั และคาขยาย (head noun and modifier) บทที่ 3 การแปลขอ้ ความภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาไทย - วิธกี ารแปลข้อความภาษาองั กฤษเปน็ ภาษาไทย - การวิเคราะห์บทแปล - การปรบั บทแปล บทท่ี 4 การแปลประโยคภาษาไทยเปน็ ภาษาอังกฤษ - ความทีล่ ะไวฐ้ านเข้าใจ - บทบาทของความหลกั ในประโยคภาษาไทย - อนภุ าคแสดงความหลกั - รปู คาสรรพนามแทนความหลกั - นามวลีชีเ้ ฉพาะและไมช่ เ้ี ฉพาะในภาษาไทย - นามวลีไมช่ ีเ้ ฉพาะในประโยคทไี่ ม่มคี วามหลกั - กริยาวลที ่ตี ามนามวลใี นประโยคไรค้ วามหลกั - กรยิ าต่อเนอื่ ง - คาขยาย - กาล บทท่ี 5 การแปลขอ้ ความภาษาไทยเปน็ ภาษาอังกฤษ - วธิ ีการแปลข้อความภาษาไทยเป็นภาษาองั กฤษ - การวเิ คราะหบ์ ทแปล - การปรับบทแปล - จัดทาเอกสารประกอบการสอนวิชาการเขียนเชิงวิชาการ โดยปรับเนื้อหาให้มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์ และสอดคล้องกบั จุดมุง่ หมายของรายวชิ า คอื 1) เพ่ือให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในองค์ประกอบของการเขียนเชิงวิชาการ

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ วิธกี ารเขยี น ตลอดจนการใช้ภาษาท่ถี กู ต้องเหมาะสม และ 2) เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการเขียนบทความทางวิชาการ ประเภทตา่ ง ๆ ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม อันจะนาไปสู่จุดมุ่งหมายสาคัญคือเพ่ือให้นักศึกษาสามารถนาความรู้ที่ได้รับ ไปใชส้ าหรบั ประกอบอาชีพไดจ้ ริง ซึง่ เน้ือหาในเลม่ ประกอบด้วย Unit 1 Review of Sentence Types Unit 2 Introduction to Writing Process Unit 3 Definition Paragraphs Unit 4 Process and Procedure Paragraphs Unit 5 Descriptive Paragraphs Intensive Writing Review Unit 6 Classification Essays Unit 7 Comparison and Contrast Essays Unit 8 Cause and Effect Essays Unit 9 Data Interpretation Essays - ฝึกซ้อมนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันทักษะวิชาการศิลปศาสตร์ราชมงคลแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 (การ แข่งขันเรียงความภาษาอังกฤษ) เพ่ือให้ผู้สอนได้เห็นพัฒนาการด้านการเขียนของนักศึกษา และนักศึกษาได้พัฒนา ทักษะและศักยภาพด้านการเขยี นของตนเองผ่านกิจกรรมการฝึกซ้อม 5. นักศึกษาฝึกปฏิบัติจริงโดยการจัดทาผลงานวิชาการแปลเบ้ืองตน เช่น การแปลงานบันเทิงคดี (แปลจาก ภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย และ ภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ) ซ่ึงผู้สอนกาหนดให้นักศึกษาสามารถเลือกตัวบท ภาษาต้นฉบับท่ีต้องการแปลได้จากเว็บไซต์https://sites.google.com/site/chanrakkarnanmakmakm65555/ phasa-thiy/reuxng-san และนาเสนอภาษาฉบับแปลพร้อมภาพประกอบที่นักศึกษาออกแบบเองโดยใช้ PowerPoint และ VDO จัดเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ที่เป็นผลงานของนักศึกษา และในวิชาการเขียนเชิงวิชาการ นักศึกษาฝึกเขียนงานประเภทต่าง ๆ เช่น การเขียนคาจากัดความ การเขียนจาแนกประเภท การเขียนบรรยาย และ การเขียนเหตุและผล เป็นต้น โดยผสู้ อนกาหนดใหน้ ักศึกษาส่งงานเขียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งงานเขียนของนักศึกษา จะผา่ นการตรวจวิเคราะห์จากผูส้ อนด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอรแ์ ละระบบออนไลน์ 6. ประเมินผลการเรียนรู้ของนักศึกษาจากผลงานของนักศึกษาผ่านการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning 7. นาผลประเมินการเรยี นรขู้ องนักศึกษาและผลประเมินการจัดการเรียนการสอนจากนักศึกษามาสังเคราะห์ เพือ่ พัฒนารปู แบบการจดั การเรยี นการสอนในรายวิชาตอ่ ไป ผลและอภิปรายผลการดาํ เนนิ งาน จากการดาเนนิ การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการเรยี นรู้แบบลงมือทา ได้ผลสรุปดังน้ี 1. นกั ศกึ ษาสามารถประยกุ ตใชความรูเกย่ี วกับหลักการและกลวธิ กี ารแปลเพ่อื การแปลไดอยางถูกตอง 2. นักศกึ ษาสามารถนาความรทู้ างการเขียนเชิงวิชาการไปสร้างสรรค์ผลงานได้ตามวัตถุประสงคร์ ายวชิ า 3. นักศึกษาสามารถบูรณาการความรูดานการอานตีความและการเขียนเพ่ือการแปลไดอยางถูกตอง 4. นักศึกษาได้รับการเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับการเรียนรู้สาหรับการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติสาขาวิชา ภาษาอังกฤษ 5. นกั ศึกษามีความพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรียนการสอนในระดับสูง โดยผลประเมินการจัดการเรียนการสอน รายวิชาการแปลเบ้ืองตน ในประเด็นสาคัญมีดังนี้ 1) เนื้อหาวิชาสามารถประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อ่ืน ๆ ได้ ปี การศึกษา 2560 มีคะแนนเฉล่ียอยู่ที่ 4.68 และในปีการศึกษา 2561 มีคะแนนเฉลี่ยเพ่ิมข้ึนอยู่ท่ี 4.73 2) ผู้สอน เลือกใช้วิธีสอนและจัดกิจกรรมได้เหมาะสมกับรายวิชา ปีการศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ท่ี 4.79 และในปี

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ การศึกษา 2561 มีคะแนนเฉล่ียเพิ่มข้ึนอยู่ที่ 4.83 3) ผู้สอนให้ข้อมูลการประเมินผลกลับไปยังนักศึกษาเพื่อปรับปรุง ผลการเรียน ปกี ารศึกษา 2560 มีคะแนนเฉล่ียอยู่ท่ี 4.74 และในปีการศึกษา 2561 มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.76 และมขี ้อเสนอแนะท่ีน่าสนใจจากนักศกึ ษา คือ “PowerPoint ของอาจารย์ท่ีส่งให้หลังจากจบบทเรียน ช่วยให้ได้อ่าน และทบทวนเน้อื หาในส่วนทฟี่ งั ไมท่ ันอกี ครง้ั อีกท้ังอาจารย์อธบิ ายเนอ้ื หาในแตล่ ะสว่ นได้ชัดเจนและเขา้ ใจได้งา่ ยคะ่ ” ในส่วนของรายวิชาการเขียนเชิงวิชาการ 1) เน้ือหาวิชาสามารถประยุกต์ใช้ในสถานการณ์อ่ืน ๆ ได้ ปี การศึกษา 2559 มีคะแนนเฉล่ียอยู่ที่ 4.62 และในปีการศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยเพ่ิมขึ้นอยู่ที่ 4.87 2) ผู้สอน เลือกใช้วิธีสอนและจัดกิจกรรมได้เหมาะสมกับรายวิชา ปีการศึกษา 2559 มีคะแนนเฉล่ียอยู่ท่ี 4.76 และในปี การศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.87 3) ผู้สอนให้ข้อมูลการประเมินผลกลับไปยังนักศึกษาเพื่อปรับปรุง ผลการเรยี น ปกี ารศึกษา 2559 มีคะแนนเฉล่ียอยู่ท่ี 4.71 และในปีการศึกษา 2560 มีคะแนนเฉลี่ยเพ่ิมขึ้นอยู่ที่ 4.87 และมีข้อเสนอแนะท่ีน่าสนใจจากนักศึกษา คือ “อาจารย์สอนดี สอนตรงจุด ทาให้เด็กเข้าใจได้ง่ายมาก อาจารย์ อธิบายจากเร่อื งท่ีเขา้ ใจยาก ๆ ใหเ้ ข้าใจในแบบง่าย ๆ ได้ นอกจากนย้ี งั มีการทากจิ กรรมการตอบคาถาม การเล่นเกมส์ จากเนื้อหาในบทเรียนเพื่อเอาคะแนน ส่ิงน้ีทาให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยากที่จะเรียนมากข้ึน และอยากเข้าเรียนทุก คาบ หนจู ะจาทุกสิ่งทีอ่ าจารย์สอนไปใชใ้ นการทางานค่ะ” จากผลการดาเนนิ การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบ Active Learning โดยนาเครื่องมือการจัดการ ความรู้ (KM Tools) มาปรบั ใช้ในการดาเนินการ ทาใหเ้ กิดผลกระทบท่ีเปน็ ประโยชน์ดงั น้ี 1. อาจารย์ผสู้ อนได้พฒั นารปู แบบการจัดการเรยี นการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในยุค 4.0 อย่าง เป็นรูปธรรม 2. นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยฝึกทักษะการแปลผ่านการแปลงานประเภทต่าง ๆ ในวิชาการ แปลเบอ้ื งตน และฝึกทักษะการเขียนงานประเภทตา่ ง ๆ ในวิชาการเขยี นเชิงวิชาการ ซง่ึ ก่อให้เกดิ นวัตกรรมการเรียนรู้ จากผลงานของนกั ศึกษา ตลอดจนการไดร้ ับรางวลั จากการเข้ารว่ มแข่งขนั ทักษะวิชาการของนกั ศึกษา 3. นกั ศึกษามีความสขุ กับการเรยี น โดยพิจารณาจากหลกั ฐานแห่งความสาเร็จคือผลประเมินการจัดการเรียน การสอนจากนกั ศกึ ษาในระบบออนไลน์ อนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่าผลการดาเนินกิจกรรมจัดการความรู้ท่ีเป็นไปในทิศทางแห่งความสาเร็จที่ย่ังยืนแสดงให้ เหน็ ถงึ ปจั จยั ทท่ี าใหเ้ กิดผลสาเร็จ คือ 1. รปู แบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning สอดคลอ้ งกบั จุดมงุ่ หมายของรายวิชา - เอกสารประกอบการสอนวิชาการแปลเบ้ืองตนมีเน้ือหาสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของรายวิชาและนักศึกษา สามารถนาไปใชไ้ ดจ้ รงิ - เอกสารประกอบการสอนวิชาการเขยี นเชิงวิชาการมีเน้อื หาทนั สมัย ทันเหตุการณ์ และนักศึกษาสามารถนา ความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้สาหรบั ประกอบอาชีพได้จริง - นักศึกษาได้รับรางวัลชมเชยจากการเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการศิลปศาสตร์ราชมงคลแห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 3 (การแข่งขันเรียงความภาษาองั กฤษ) ผสู้ อนได้เห็นพัฒนาการด้านการเขียนของนักศึกษาในเชิงประจักษ์ และ นักศึกษาได้พัฒนาทักษะและศักยภาพด้านการเขียนของตนเองอยา่ งต่อเน่ือง 2. นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริงจากการจัดทาผลงานที่เป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ในวิชาการแปลเบื้องต นและ วชิ าการเขยี นเชิงวชิ าการ 3. นักศึกษามีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนในระดับสูงโดยพิจารณาจากผลการประเมินของ นักศกึ ษาในระบบออนไลน์ 4. ผู้สอนสามารถนาวิธีการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบ Active Learning โดยนาเคร่ืองมือการ จัดการความรู้ (KM Tools) ไปปรบั ใช้ในการดาเนินการกับวิชาภาษาองั กฤษอ่ืน ๆ ท่อี ยูใ่ นหมวดวชิ าศกึ ษาท่ัวไป

กลมุ่ อาจารย์ / บคุ ลากรสายสนบั สนนุ สรปุ จากการดาเนินการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบลงมือทา พบว่า ในวิชาการ แปลเบ้ืองตน นักศึกษาสามารถประยุกตใชหลักการและกลวิธีการแปลไดอยางเหมาะสม และสามารถแกไขปญหาใน การแปลได้ และในวิชาการเขียนเชิงวิชาการ นักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะการเขียนเชิงวิชาการให้ เหมาะกับบริบททเ่ี ปลยี่ นแปลงไปได้ ซึ่งนาไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับการเรียนรู้สาหรับการผลิตบัณฑิต นกั ปฏบิ ัติสาขาวชิ าภาษาอังกฤษในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสารสากล ทาให้ได้ แนวทางในการนาผลไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานและการพัฒนาตนเองด้านการเรียนการสอนเพื่อพัฒ นาบัณฑิตแห่ง ศตวรรษที่ 21 โดยการพิจารณาจากผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนในวิชาการ แปลเบื้องตนและวิชาการเขียนเชิงวิชาการ ทาให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า ผู้สอนสามารถนาหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้เป็น แนวทางในการพฒั นารูปแบบการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรายวิชาอื่น ๆ ต่อไปได้ รวมถึงอาจมีประโยชน์ ตอ่ เลยไปถงึ การมสี ่วนชว่ ยในการพฒั นาทกั ษะทางภาษาในรายวิชาอน่ื ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ งอกี ดว้ ย บรรณานกุ รม ทิวา ใจหลัก. 2559. “กลวิธีการแปลหน่วยสร้างประโยคกรรมวาจกในนวนิยายจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย.” วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. ทวิ า ใจหลัก และ อัญชลี วงศ์วัฒนา. 2559. “หน่วยสร้างกรรมวาจกในภาษาพูดภาษาไทย.” ใน: การประชุมสัมมนา วิชาการระดบั ชาติของเครอื ขา่ ยความร่วมมอื ทางวชิ าการ-วิจัย สายมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ครั้งที่ 9, 24-25 มนี าคม 2559. มหาวทิ ยาลัยนเรศวร, พษิ ณุโลก: 451-470. ทิวา ใจหลัก และ พิชญ์สินี เสถียรธราดล. 2561. “การเปรียบเทียบกลวิธีการตั้งคาถามเชิงสุภาพข้ามวัฒนธรรม: กรณีศึกษารายการเพชรรามา ตอนสนทนากับ โซไรดา ซาลวาลา และ ต่าย อรทัย และ รายการ The Late Show ตอนสนทนา กับ Hillary Clinton และ Jessica Biel.” วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์ น. 12, 3: 259-277. โครงการประชุมสัมมนาเครือข่ายการจัดการความรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันการพลศึกษา และ สถาบนั บัณฑิตพัฒนศิลป์ ครั้งท่ี 9. 2559. 2-5 กุมภาพันธ์ 2559. โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัด เชียงใหม่. สืบค้นเม่ือวันท่ี 24 มกราคม 2561, จาก https://kaewpanya.rmutl.ac.th/rmutkm /index.php/14-2016-9th-rmut-km/9th-rmutlkm-general-information/about-km/20-km-tools โครงการประชุมสัมมนาวชิ าการดา้ นพฒั นานักศึกษาระดับชาติ คร้งั ที่ 7. 2561. 11-12 มกราคม 2561. โรงแรมเซนจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ. สบื คน้ เมื่อวันท่ี 24 มกราคม 2561, จาก http://www.moe.go.th/moe/th/news/ detail.php?NewsID=50496&Key=news_Teerakiat

การพัฒนาศกั ยภาพผู้ประกอบการโอทอปดว้ ยวทิ ย์สรา้ งอาชพี ในพื้นท่จี ังหวดั ชัยนาท Potential Development of OTOP Entrepreneurs with Science to Create a Career in the Chainat Province ณฏั ฐ์ สิรวิ รรธนานนท์1 กิตติ บุญเลิศนิรันดร์2 ชัยยพล ธงชยั สุรัชต์กูล3 1อาจารย์ สาขาวชิ าวศิ วกรรมเครือ่ งกล มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 2รองศาสตราจารย์ สาขาวชิ าพชื ศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ 3ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟูา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ E–Mail : [email protected] [email protected] [email protected] สรปุ ความรู้ การใช้กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพ ผปู้ ระกอบการโอทอปด้วยวิทย์สร้างอาชีพในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป จานวน 53 ผลิตภัณฑ์ มี ผ้ปู ระกอบการได้รับการพัฒนาศักยภาพ จานวน 265 คน ส่งผลให้ครอบครัวผู้ประกอบการ จานวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน ได้รับผลจากการยกระดับทางด้านคุณภาพและทางด้านเศรษฐกิจในการเข้าร่วมโครงการ ผลจากการดาเนิน โครงการมีดังนี้ ก่อนเข้าร่วมโครงการ จากการสารวจประมาณการยอดขาย 25,833,792 บาทต่อปี ค่าใช้จ่าย 16,899,276 บาท มรี ายได้ 8,934,516 บาท เม่อื ส้นิ สดุ โครงการปี 2561 ทาให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณ การยอดขาย 31,050,300 บาท คา่ ใชจ้ ่าย 19,266,540 บาท มรี ายได้ 11,783,760 บาท ทาให้มีรายได้เพิ่มข้ึนจากก่อน เข้าร่วมโครงการ ประมาณ 2,849,244 บาท คดิ เปน็ รายไดท้ ีเ่ พ่มิ ขน้ึ 31.89 % หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยเพ่ิมขึ้น 10,751 บาทตอ่ คน/ปี คาสาคญั : การพัฒนาศกั ยภาพโอทอป วิทย์สรา้ งอาชีพ Summary Using knowledge management (KM) as a tool to develop the potential of OTOP entrepreneurs by creating a career in the area of Chainat Province. There are 53 products and 265 entrepreneurs who have developed potentials, resulting in households and entrepreneurs. At least 1,000 peoples are affected by the upgrading of quality and economic aspects of participating in the project. The implementation of the project results in increased income for entrepreneurs. Before joining the project, estimated sales of 25,833,792 baht per year, expenses 16,899,276 baht, earning 8,934,516 baht. According to the survey at the end of the project in 2018, the sales estimate of 31,050,300 baht, expenses 19,266,540 baht, revenue of 11,783,760 baht, resulting in an increase in revenue from before joining the project, approximately 2,849,244 baht, representing an increase of 31.89%. The average income increased by 10,751 baht per person/year. Keyword : OTOP Potential development , Science creates career

บทนา ความเหล่ือมล้าไม่เท่ากันของคนไทยในสังคม เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ทุกวันน้ีประชาชนส่วนใหญ่ของ ประเทศต้องประสบกับภาวะความยากจน อยู่ในสภาพท่ีขาดแคลนขาดความม่ันคงทางเศรษฐกิจ และมีหนี้สิน ซึ่ง สาเหตุของความยากจนในระดับบุคคลและครัวเรือนเกิดจากการไม่มีงานทา การมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ อัน เนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจ ผลกระทบจากความแปรปรวนของสภาพดินฟูาอากาศ ค่านิยมในการบริโภค การก่อหน้ี เพือ่ การบริโภค เป็นตน้ อยา่ งไรก็ดี ในระดับประเทศปัจจัยสาคัญของปญั หาความยากจนของประชาชนคือ การกระจาย รายไดท้ ี่ไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ความยากจนจงึ เป็นประเดน็ สาคญั ในสังคมไทย ซงึ่ ภาครฐั ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาความ ยากจนมาโดยตลอด กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงกาหนดนโยบายการดาเนินงานของหน่วยงานภายใต้ สังกัดกระทรวงฯ เพ่ือลดความเหลื่อมล้าและแก้ไขปัญหาความยากจน โดยใช้กลไกการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) จะเป็นกุญแจสาคัญโดยการนาพาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 และข้อมูลจาก สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(ศสช.) หรือสภาพัฒน์ ในปี 2559 พบว่า จังหวัด ชัยนาท ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 10 จังหวัดท่ียากจนสุดในประเทศไทย มีเน้ือที่ประมาณ 2,469 ตารางกิโลเมตร แบ่งการ ปกครองออกเป็น 8 อาเภอ คือ เมอื งชัยนาท หนั คา มโนรมย์ สรรคบรุ ี สรรพยา วัดสงิ ห์ หนองมะโมงและเนินขาม วธิ กี ารดาเนนิ งาน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการโอทอปด้วยวิทย์สร้างอาชีพในพ้ืนที่จังหวัดชัยนาท ภายใต้โครงการพัฒนา ศักยภาพกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องด่ืม ของใช้และของตกแต่ง ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในพ้ืนที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนในการบริการวิชาการ จากสถาบันวิจัย วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.) กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามสัญญาเลขท่ี จ.73/2561 คณะทางาน ในนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ได้มีวิธีการดาเนินงานตามกรอบกระบวนการจัดการ ความรู้ (KM Process) และเคร่อื งมือทีใ่ ช้ (KM Tools) ดงั นี้ ขน้ั ท่ี 1 กาหนดความรู้ (Identify) ประชุมคณะทางาน แบ่งกลุ่มคณะทางาน เตรียมความพร้อมกิจกรรม วางแผนการทางาน ประสานหน่วยงาน ภายในที่เก่ียวข้อง ประสานงานหน่วยงานภายนอก เช่นสานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดชัยนาท พัฒนาชุมชนอาเภอ สานักงานเกษตรจงั หวดั และสานักงานเกษตรอาเภอ เพอ่ื คดั เลอื กผปู้ ระกอบการ เข้ารว่ มโครงการ ตามเกณฑ์ท่กี าหนด KM tolls ท่ใี ช้ คือ การระดมสมอง (Brainstorming) เพื่อประชุม ระดมความคิดเห็น แลกเปล่ียนความรู้ประสบการณ์ โดยมี ผบู้ รหิ าร ระดับสงู ของมหาวิทยาลัยร่วมประชุมเพ่ือกาหนดวิธีการ ทางานข้ามทีมสายงาน (Cross-Functional Team) เพื่อจัดต้ังทีมงาน การแบ่งทีมในการบริหารจัดการ วางแผนการลงพื้นที่ในการเก็บข้อมูลผู้ประกอบการ การกาหนด หลักสูตรฝึกอบรม การบันทึกวีดีโอการฝึกอบรม การตัดต่อวีดีโอ การเก็บข้อมูลการทางาน การประเมินผล และการ ติดตามผลการดาเนินงาน การประสานงานและจัดเตรียมเรื่องพิธีการ ในการจัดพิธีเปิด พิธีปิด การคัดเลือกและการ มอบรางวัลผปู้ ระกอบการดเี ด่น ให้งานสามารถดาเนินการบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ ผลท่ไี ดร้ ับ คือ คณะทางานได้บรู ณาการการทางาน ระหวา่ งมหาวิทยาลยั ฯ และหน่วยงานภายนอก 8 หน่วยงาน ประกอบดว้ ย 1) สถาบนั วิจัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 3) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 4) มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครสวรรค์ 5) สานกั งานพฒั นาชมุ ชนจังหวัดชยั นาท กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สานกั งานพฒั นาชุมชนอาเภอ 6) สานักงานเกษตรจังหวดั ชัยนาท กรมสง่ เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสานักงานเกษตรอาเภอ 7) ช่างภาพอิสระ 8) ทีมเลขานุการ งานธุรการและการประเมินผล การบูรณาการระหว่าง

คณะภายในมหาวิทยาลัย ในการทางานร่วมกัน 7 หน่วยงานประกอบด้วย 1) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม 2) คณะ วิศวกรรมศาสตร์และและสถาปัตยกรรมศาสตร์ 3) คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 4) คณะ บริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ 5) คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6) สถาบันวิจัยและพัฒนา 7) สานักงาน อธกิ ารบดี กองคลงั งานนิติกร กองกลาง คณะกรรมการบริหารความเส่ียง ภาพที่ 1 การระดมสมอง (Brainstorming) เพอื่ ประชุม ระดมความคิดเห็น ขั้นที่ 2 สรา้ งและแสวงหาความรู้ (Create/Acquire) คณะนักวิจัยและทีมงาน ได้รวบรวมและคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP เปูาหมาย ในพ้ืนท่ีจังหวัดชัยนาท โดยเป็นกลุ่มผู้ผลิตที่ถูกจัดตามมิติการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ Quadrant D หมายถึง “กลุ่มปรับตัวเข้าสู่ห่วงโซ่ อุปทาน” เป็นสินค้าท่ีมีคุณภาพ ราคาไม่สูงมาก สามารถผลิตในปริมาณน้อย จานวนไม่น้อยกว่า 40 กลุ่ม (ร้อยละ 80) และกลุ่มผู้ผลิตท่ีถูกจัดตามมิติการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ Quadrant C หมายถึง “กลุ่มพัฒนาเข้าสู่ตลาดการ แข่งขัน” เป็นสินค้าท่ีมีคุณภาพ ราคาไม่สูงมาก สามารถผลิตในปริมาณมาก จานวนไม่น้อยกว่า 10 กลุ่ม (ร้อยละ 20) จาแนกผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ดังน้ี 1) อาหารแปรรูปเน้ือสัตว์ ไข่ สัตว์น้า น้ามันพืช น้าพริก พริกแกง อาหารปรุง สุก ปลาร้า เป็นต้น 2) ผลิตผลทางการเกษตรที่ใช้บริโภคสด ผลไม้ ผักสด ไข่ปลา ข้าวสาร ผัก อบแห้ง 3) ขนมไทย และเบเกอรี่4) อาหารแปรรูปจากผัก ผลไม้ เครื่องด่ืม และอาหารบรรจุในภาชนะปิดสนิท 5) ประเภทของใช้/ของ ตกแตง่ /ของท่ีระลกึ KM tolls ที่ใช้ คือ การระดมสมอง (Brainstorming) แล้วจัดประชุม ทบทวนการปฏิบัติ (After Action Review) และเรียนรู้โดย การปฏิบัติ (Action Learning) คณะนักวิจัยและทีมงาน ได้ดาเนินการสารวจ สัมภาษณ์เชิงลึก กลุ่มผู้ประกอบการโอ ทอป วธิ ีการดาเนนิ การศึกษาจะเป็นวธิ กี ารศกึ ษาแบบผสมผสาน (Mixed Method) ในการสารวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรค และความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP เปูาหมาย ประเภทผลิตภัณฑ์อาหารและเคร่ืองด่ืม นามา กาหนดหลักสูตรการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน วทน. ให้มีรายละเอียดเน้ือหาหลักสูตรและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการท่ี สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการพฒั นาศักยภาพผลติ ภณั ฑ์ของกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP เปูาหมายอย่างแทจ้ ริง ผลทไ่ี ดร้ ับ คือ ข้อมูลได้จากการสารวจและการสัมภาษณ์เชิงลึก อาทิ ข้อมูลสภาพปัจจุบัน ปัญหาอุปสรรค และ ความต้องการในการพัฒนาศักยภาพของผปู้ ระกอบการ OTOP จานวน 265 ราย และจากการสัมภาษณ์เชิงลึกของกลุ่ม ผูป้ ระกอบการ OTOP ท่เี ขา้ รว่ มโครงการฯ จานวน 53 กลมุ่ ผ้ปู ระกอบการ

ภาพท่ี 2 การสารวจสภาพปจั จุบนั ปญั หาอปุ สรรค และความตอ้ งการของกลมุ่ ผปู้ ระกอบการ OTOP เปูาหมาย ข้นั ท่ี 3 รวบรวมและจัดเกบ็ ความรู้ (Collect/Organize) นกั วจิ ยั และคณะทางาน เกบ็ รวบรวมข้อมูลโดยสรปุ ในภาพรวมข้อมลู ปัจจุบัน พบว่า ผู้ประกอบการ OTOP ส่วน ใหญ่เป็นเพศหญิง ซ่ึงมีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปและมีสถานภาพสมรสแล้ว โดยการศึกษาสูงสุดส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับ ประถมศึกษา และมีรายได้เฉล่ียต่อเดือนต่ากว่า 5,000 บาท และสาหรับปัญหาอุปสรรคที่พบในการดาเนินงานของ ผู้ประกอบการ OTOP น้ัน พบว่า 5 อันดับแรกได้แก่ 1) ปัญหาวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น 2) ปัญหาบุคลากร ขาดความรู้ในการตลาด 3)ปัญหาบรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะสมกับสินค้า ไม่สวยงาม 4) ปัญหาบุคลากรขาดความรู้ในด้าน สุขลักษณะในการผลิต สถานทผ่ี ลิตและมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ และ 5) ปญั หาสนิ คา้ ทผี่ ลิต มตี น้ ทุนสงู ไม่คมุ้ ค่าในการผลิต ภาพที่ 3 ประชุมเพื่อกาหนดหลักสตู ร ใหก้ ลมุ่ ผู้ประกอบการ OTOP เปูาหมาย KM tolls ที่ใช้ คือ การระดมสมอง (Brainstorming) แล้วจัดประชุม ทบทวนการปฏิบัติ (After Action Review) และเรียนรูโ้ ดยการปฏบิ ัติ (Action Learning) คณะนักวจิ ัยและทีมงาน จากนั้นได้ประชุมเพ่ือพัฒนาหลักสูตร การถ่ายทอด เทคโนโลยีตามความต้องการของผู้ประกอบการ โดยมีท่ีปรึกษาโครงการ และผู้เช่ียวชาญคอยสอนงาน (Coaching) ผลท่ีได้รับ คือ คณะผู้วิจัยได้นาไปใช้ในการกาหนดหลักสูตรการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน วทน. โดยมี รายละเอียดเนื้อหาหลักสูตรและกิจกรรมท่ีความสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาศักยภาพผลิ ตภัณฑ์ของกลุ่ม ผูป้ ระกอบการ OTOP เปูาหมายอย่างแท้จรงิ จานวนท้งั สนิ้ 53 หลักสตู ร

ข้ันที่ 4 การเขา้ ถึงความรู้ (Access) การเข้าถึงความรู้ ได้แก่ผู้ประกอบการโอทอป นักวิจัยและคณะทางาน ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันใน การยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป แล้วนาความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ ปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตที่สามารถต้นทุนการ ผลิตได้ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ วิธีการถนอมอาหารและการเก็บรักษาที่ยืดอายุการเก็บได้นานขึ้น มาตรฐานการผลิตที่ นาไปส่กู ารผลติ ทส่ี ะอาด ปราศจากการปนเป้ือน และนาไปสู่การขอมาตรฐาน เช่นเลขสารบบอาหาร (อย.) ในประเภท อาหาร และมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ ในประเภทของใช้และของตกแต่ง KM tolls ที่ใช้ คือ การสอนงาน (Coaching) โดยอาจารย์ท่ีปรึกษากลุ่มผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม ทบทวน การปฏิบัติ (After Action Review) และเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) ร่วมกันกับคณะนักวิจัยและทีมงาน จากนน้ั นาบทเรียนท่ีผ่านมา มาพูดคยุ ถงึ แนวทางในการแกป้ ญั หา และวิธีการที่ดีกว่า เป็นการเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่าน มา (Lesson Learned) ตามความตอ้ งการของผู้ประกอบการ แนะนาการเข้าถึง Internet , Web, Social Media เช่น Line Facebook เป็นต้น เพื่อนาผลงานที่ได้มาลงไว้เป็นแหล่งความรู้ เป็นการประชาสัมพันธ์ สินค้าของกลุ่มและการ สืบค้นหาข้อมูลของกลุ่มเอง แหล่งผู้รู้ขององค์กร (CoE) การเข้าถึงข้อมูล ด้วยวิธีการสอบถามจากผู้รู้ในชุมชน นักวิชาการเกษตร อาจารย์ท่ีปรึกษาโครงการที่มีความเชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยท่ีได้เข้ามาช่วยเหลือในการแนะนา วิธกี ารและการจัดการท่ดี ี ผลทีไ่ ดร้ บั คือ คณะผู้วิจยั ได้นาองค์ความรู้ด้าน วทน. ตามเน้ือหาหลักสูตรและกิจกรรมท่ีความสอดคล้องกับ ความต้องการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP เปูาหมายอย่างแท้จริง จานวนท้ังสิ้น 53 หลักสูตร จนทาให้ผปู้ ระกอบการ ลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ได้ผลิตภัณฑ์ ใหม่ ๆ รวมท้ังได้วัสดุ อุปกรณ์เคร่ืองมือที่จาเป็น ในการผลิต ภาพที่ 4 กลมุ่ ผ้ปู ระกอบการ OTOP ได้วธิ ีการทอ การพัฒนาลาย และได้เครือ่ งทอเส้นใยผักตบชวาไว้ใช้ ขน้ั ท่ี 5 แบ่งปนั แลกเปลย่ี นความรู้ (Share) นกั วิจัยและคณะทางาน ได้จัดเวทปี ระชุม และพาผู้ประกอบการโอทอปเข้าร่วมกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ISMED และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ประเทศไทย (วว.) ในการเกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันในการยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ช่องทางการในการทาธรุ กิจ

ภาพท่ี 5 เข้าร่วม การพฒั นาผ้นู าโครงการพฒั นาศักยภาพกลุม่ ผูป้ ระกอบการ OTOP กับ วว. KM tolls ท่ีใช้ คือ การเล่าเรื่อง (Storytelling) โดยอาจารย์ที่ปรึกษากลุ่มผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ISMED นาผู้ประกอบการ ทบทวนการปฏิบัติ (After Action Review) และเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) ร่วมกันกับคณะนักวิจัยและทีมงาน จากน้ันนาบทเรียนท่ีผ่าน มา มาพูดคุยถึงแนวทางในการแก้ปัญหา และวิธีการที่ดีกว่า เป็นการเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา (Lesson Learned) ตามความต้องการของผู้ประกอบการ แนะนาการเข้าถึง Internet , Web, Social Media เช่น Line @ Facebook เป็นต้น เป็นการประชาสัมพันธ์ สินค้าของกลุ่ม เพิ่มช่องทางในการจัดจาหน่ายสินค้า นาผู้ประกอบการศึกษาดูงาน (Study Tour) การจัดการตลาดขายสินค้าโอทอป ได้มีโอกาสพบเจอผู้ประกอบการจากภูมอภาคอื่นเกิดการ แลกเปลย่ี นความรูก้ นั เกดิ การจบั คแู่ บบเพือ่ นช่วยเพ่ือน (Peer Assist) ภาพท่ี 6 การประชมุ เพ่ือระดมความคดิ และเสนอแนะแนวทางในการยกระดบั ผปู้ ระกอบการใหก้ บั หนว่ ยงาน ผลที่ได้รับ คือ กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้พบปะผู้ประกอบการจากหลายๆ จังหวัด ได้มีการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ในการทาสินค้าโอทอป การจัดจาหน่าย การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การกาหนดอัตลักษณ์ของตัวเองในการ ผลิตสินค้าท่ีเหมือนกัน ปัจจัยแห่งความสาเร็จ อยู่ตรงไหนบ้าง ทาให้ผู้ประกอบสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ต่อไปใน อนาคต แลกเปลยี่ นเบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์ การส่งสนิ คา้ ไปจดั จาหน่ายในภูมภิ าคอื่นๆ เปน็ พันธมิตรทางการค้าและเป็น เพือ่ นร่วมอาชพี ท่จี ะพัฒนาศกั ยภาพไปดว้ ยกัน

ภาพที่ 7 การศกึ ษาดงู าน ร้านค้าชุมชน ตลาดหลวงปุูทวด ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรอี ยุธยา ข้ันที่ 6 การนาความรู้ไปใช้ (Apply) เม่ือผปู้ ระกอบการโอทอป ไดผ้ ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และได้ทดลองลงปฏิบัติภายใต้การดูจากอาจารย์ ที่ปรึกษา ในการยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป และทดลองผลิตสินค้าเองโดยการทดลองตามวิธีการและค้นหาแนวทางใน การประยุกต์ให้เป็นแบบตนเอง นาสินค้าที่ได้ไปทดลองขาย ผลการจัดจาหน่าย ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าถึง รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป รสชาติอร่อยขึ้น อายุในการเก็บรักษานานข้ึน ส่วนสินค้าที่เป็นของใช้ของตกแต่ง ก็ได้ผลิตภัณฑ์ ใหม่ เพิ่มมลู ค่าสูงขึน้ KM tolls ท่ีใช้ คือ ผู้ประกอบการ ทบทวนการปฏิบัติ (After Action Review) และเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) โดยมีอาจารย์ท่ีปรึกษาเป็นพี่เล้ียง (Mentor) และเป็นผู้สอนงานการสอนงาน (Coaching) โดยมี การแลกเปลยี่ นเบอรโ์ ทรศัพทแ์ ละดไี ลนเ์ พือ่ ความสะดวกในการติดตอ่ สื่อสารกนั ต่อไป ภาพท่ี 8 ผปู้ ระกอบการโอทอปเข้าพบนายกรัฐมนตรเี พอื่ เสนอสมุดปกขาว แนวทางในการยกระดับผลติ ภณั ฑ์

ผลท่ีได้รับ คือ กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้วิธีการท่ีดี พร้อมคู่มือการผลิต เครื่องมือเครื่องจักร การออกแบบ บรรจภุ ณั ฑ์ เพื่อใชใ้ นการผลิต สง่ ผลให้ได้สนิ ค้าที่มบี รรจุภัณฑ์ ที่สวยงาม การผลิตที่เร็วขึ้น ลดต้นทุนการผลิตลง ส่งผล ให้เพ่ิมรายได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ หลุดพ้นกับดักความยากจน มีความม่ันคง ม่ังค่ัง ยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล ยอ่ มส่งผลดตี อ่ ประเทศชาติต่อไป จนสามารถนามาเป็นแนวทางในการปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการโอทอป โดยใช้หลักการ จัดการความรู้ (KM) ในการสกัดความรู้ และพัฒนา จนสามารถนาไปปฏิบัติตามได้จริง จนได้รับเชิญจาก สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ให้เป็นตัวแทนผู้ประกอบการโอทอป นาเสนอปัญหาและแนวทางในการ แกป้ ญั หาโดยเสนอสมุดปกขาวต่อนายกรัฐมนตรี จากวิธีดาเนินการดังกล่าว สามารถสรุปแนวคิดตามกรอบกระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) และ เครื่องมอื การจัดการความรู้ (KM tools) ดงั ต่อไปน้ี KM Process KM tool วิธีการดาเนินงาน ข้ันท่ี 1 กาหนดความรู้ - Brainstorming ประชุม แบ่งกลุ่มคณะทางาน วางแผนการทางาน (Identify) -Cross-Functional ประสานหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วข้อง Team ขั้นที่ 2สร้างและแสวงหา - Brainstorming ลงพ้ืนท่ี สัมภาษณ์ ต้ังเกณฑ์ในการคัดเลือก ความรู้Create/Acquire) - After Action Review ผู้ประกอบการ จดบันทึกการสัมภาษณ์สรุปผลการ - Action Learning ดาเนินงาน ขน้ั ที่ 3 รวบรวมและ - Brainstorming เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสรุปภาพรวมในปัจจุบันของ จัดเกบ็ ความรู้ - After Action Review ผู้ประกอบการ OTOP ท่ีเข้าร่วมโครงการฯจานวน (Collect/Organize) - Action Learning 265 ราย ประชุมเพื่อพัฒนาหลักสูตรการถ่ายทอด - Coaching วทน.ตามความต้องการของผู้ประกอบการ โดยทีมที่ ปรึกษา ขัน้ ท่ี 4 การเขา้ ถงึ ความรู้ - Coaching การเข้าถึงความรู้ ได้แก่ผู้ประกอบการโอทอป (Access) - After Action Review นักวจิ ัยและคณะทางาน ไดเ้ กิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ - Action Learning ร่วมกันในการยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป แล้วนา - Lesson Learned ความรู้ที่ได้ไปพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ ปรับเปลี่ยน - Internet, Web วิธีการท่ีสามารถต้นทุนการผลิตได้ ยืดอายุ นาไปสู่ - CoE การขอมาตรฐาน ขนั้ ที่ 5 แบง่ ปัน - Storytelling จัดเวทีประชุม และพาผู้ประกอบการโอทอปเข้าร่วม แลกเปลีย่ นความรู้ - After Action Review กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับสถาบันพัฒนา (Share) - Action Learning วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ISMED และ - Lesson Learned สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศ - Internet , Web ไทย (วว.) การยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป การพัฒนา - Study Tour บรรจุภณั ฑ์ ชอ่ งทางการในการทาธรุ กิจ - Peer Assist ข้นั ที่ 6 การนาความรไู้ ป - After Action Review การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และได้ทดลองลงปฏิบัติ ใช้ (Apply) - Action Learning ทดลองผลิตสินคา้ นาสินค้าทไ่ี ดไ้ ปทดลองขาย - Mentor - Coaching

อภปิ รายผลการดาเนนิ งาน การใชก้ ระบวนการจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการโอทอปด้วยวิทย์สร้างอาชีพ ในพื้นทจ่ี งั หวัดชัยนาท ภายใตโ้ ครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องด่ืม ของใช้และของตกแต่ง ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท จากเดิมผู้ประกอบการโอ ทอป ไม่ค่อยมีท่ีปรึกษาในการให้คาแนะนาแบบใกล้ชิด สะท้อนให้เห็นปัญหา เปรียบได้กับการท่ีเราไม่ได้ส่องกระจกดู ตัวเอง จึงมองวา่ ท่ที าอยดู่ ีแล้ว เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา การลงพื้นท่ี บ่อยๆ จนสร้างความไว้วางใจได้ระดับหน่ึง จึงทาให้ เกดิ การพฒั นาไปในทางท่ดี ขี ึ้น จากผปู้ ระกอบการ จานวน 53 ผลติ ภัณฑ์ ก่อนการพฒั นาศกั ยภาพผ้ปู ระกอบการ มียอดจาหน่ายข้อมูลจากการสารวจ ประมาณการ 25,833,792 บาท คา่ ใช้จ่าย 16,899,276 บาท มีรายได้ 8,934,516 บาท คดิ เปน็ รายได้ = % = 34.58 % หลงั การพฒั นาศักยภาพผู้ประกอบการ มยี อดจาหน่ายขอ้ มลู จากการสารวจ ประมาณการ 31,050,300 บาท คา่ ใช้จา่ ย 19,266,540 บาท มรี ายได้ 11,783,760 บาท คดิ เปน็ รายได้ = % = 37.95 % มีรายได้เปลย่ี นแปลง หลังการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ รายได้หลงั การพัฒนา = 11,783,760 บาท – รายได้กอ่ นการพัฒนา 8,934,516 บาท มรี ายไดเ้ พม่ิ ขึ้น = 2,849,244 บาท คดิ เปน็ รายไดเ้ พม่ิ ข้นึ = % = 31.89 % ปจั จัยแหง่ ความสาเรจ็ การใช้กระบวนการจดั การความรู้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการโอทอปด้วยวิทย์สร้างอาชีพ ในพืน้ ที่จงั หวัดชัยนาท สามารถยกระดับผู้ประกอบการสูค่ วามสาเร็จ มผี ลจากปัจจยั สาคัญคอื 1. นักวิจัยและคณะทางาน มีการแบ่งกลุ่มคณะทางาน แบ่งหน้าที่ เป็นทีมบริหารโครงการ ทีมผู้เช่ียวชาญให้ คาปรึกษา ออกเป็น 9 ทีม คือ ทีม 1) เนื้อสัตว์ ไข่ สัตว์น้า ปลาร้า และน้าพริก ทีม 2) ข้าว ข้าวไรซ์เบอรี่ ส้มโอ ผัก ผลไม้สด ทีม 3) เบเกอรี่และขนมไทย ทีม 4) ผัก ผลไม้ แปรรูป อาหารและเครื่องด่ืม ทีม 5) ของใช้และของตกแต่ง ทีม6) เลขาโครงการ ทีม7) ติดตามและประเมินผล ทีม8) ผลิตส่ือ มีเดีย ทีม9) ทีมที่ปรึกษาและผู้บริหารโครงการ ใน การเตรยี มความพรอ้ มกจิ กรรม วางแผนการทางาน ประสานหนว่ ยงานท่เี กยี่ วขอ้ ง อย่างเป็นระบบชัดเจน 2. การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยฯ มีกองทุนบริการวิชาการ ในการให้ยืมเพ่ือใช้จ่ายในการดาเนินงาน 30 % ของโครงการ (ไมเ่ กนิ 1 ล้าน) มีการประเมินความเสี่ยง เพ่ือให้คณะกรรมการซักถามแนวทางในการทางาน และวิธีการ จดั การที่ดีภายใต้ขอบเขตงานทก่ี าหนด และตามกรอบเวลา 3. การประชุมวางแผนการทางานอย่างต่อเน่อื ง แบง่ หนา้ ท่ีในการบรหิ ารจัดการ กาหนดกรอบเวลาในการส่งงาน ที่ชัดเจน และติดตามผลอยา่ งใกลช้ ดิ โดยผู้บรหิ ารระดับสูง

ปญั หา/อุปสรรค 1. การเบิกจ่ายเงิน ตามระบบมีขน้ั ตอนมากทาใหเ้ กิดความล่าช้า ควรเตรียมการประสานงานให้พร้อม รวมทั้ง งานทางด้านเอกสาร 2. เงนิ กองทุนในการให้ยมื เพ่ือใช้จ่ายในการดาเนนิ งาน 30 % ของโครงการ (ไมเ่ กิน 1 ล้าน) ควรขอใหท้ าง มหาวทิ ยาลยั สนบั สนนุ ในการปรับระเบียบการให้ยมื โดยให้ตาม 30 เปอรเ์ ซน็ ตามโครงการจริง เพื่อจะทาให้มเี งินในการ ดาเนนิ โครงการได้รวดเรว็ และสาเรจ็ ได้ดี สรปุ การใช้กระบวนการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาศักยภาพ ผู้ประกอบการโอทอปด้วยวิทย์สร้างอาชีพในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ยกระดับผลิตภัณฑ์โอทอป จานวน 53 ผลิตภัณฑ์ มี ผ้ปู ระกอบการได้รับการพัฒนาศักยภาพ จานวน 265 คน ส่งผลให้ครอบครัวผู้ประกอบการ จานวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน ได้รับผลจากการยกระดบั ทางด้านคณุ ภาพและทางด้านเศรษฐกิจในการเข้ารว่ มโครงการ การดาเนินโครงการ ทาให้ ผู้ประกอบการมีรายได้เพ่ิมขึ้น ก่อนเข้าร่วมโครงการประมาณการยอดขาย 25,833,792 บาทต่อปี ค่าใช้จ่าย 16,899,276 บาท มีรายได้ 8,934,516 บาท จากการสารวจเมื่อส้ินสุดโครงการปี 2561 ประมาณการยอดขาย 31,050,300 บาท ค่าใช้จ่าย 19,266,540 บาท มีรายได้ 11,783,760 บาท ทาให้มีรายได้เพิ่มข้ึนจากก่อนเข้าร่วม โครงการ ประมาณ 2,849,244 บาท คิดเป็นรายได้ที่เพ่ิมข้ึน 31.89 % หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยเพิ่มข้ึน 10,751 บาท ตอ่ คน/ปี บรรณานุกรม คมู่ อื การจัดทาแผนการจัดการความรู้ โครงการพัฒนาส่วนราชการใหเ้ ป็นองค์กรแหง่ การเรยี นรแู้ ละการจัดการความรู้ใน สว่ นราชการ สานกั งาน ก.พ.ร. และสถาบันเพ่ิมผลผลติ แห่งชาติ ท่ีมา: http://kmcenter.rid.go.th/kcperson/main/_kmspb/dataspb/km_action_plan_2548.pdf เครือ่ งมือการจดั การความรู้ (KM TOOLS) สถาบนั วิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ ที่มา: http://www.rdi.rmutsb.ac.th/2011/download/km/60/3.pdf เครื่องมือการจัดการความรู้ (KM TOOLS) มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ท่มี า http://www.sci.rmutp.ac.th/web2556/km/?p=1361 อรวรรณ น้อยวัฒน์. จุลสารสาขาวิชาวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพออนไลน์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช. มุมการจัดการ ความรู้ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2556

การพฒั นากระบวนการผลติ ผลติ ภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้พรอ้ มดม่ื ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกกขนากพลสั ให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของการผลิตอาหารสู่เชงิ พานชิ ย์ท่ยี งั่ ยืนโดยการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน (Development of production process for ready-to-drink juice products of the community enterprise group to achieve the quality of food production standards to be sustainable by the participation of the community) นางสาวจนั ทรเ์ พ็ญ บุตรใส อาจารย์ สาขาวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยกี ารเกษตรและอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ E-Mail Address: [email protected] -------------------------------------------------- บทสรปุ การพัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้พร้อมด่ืม ให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของการ ผลิตอาหารสู่เชิงพานิชย์ท่ีย่ังยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นกิจกรรมที่ให้บริการแก่เกษตรกรโดยมี ขอบเขตเป็นการอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบให้เปลา่ มีการบรู ณาการงานวจิ ยั ร่วมกับการบริการวิชาการ และการเรียนการสอน กระบวนการมีการส้ารวจความต้องการของกลุ่มเกษตรกรผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์น้าผัก น้า ผลไม้พร้อมด่ืม กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกกขนากพลัส เลขท่ี 90 หมู่ 6 ต้าบลหนองขนาก อ้าเภอท่าเรือ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพ่ือน้าข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผน และจัดท้าให้เหมาะสม สอดคล้องกับระยะเวลาและ งบประมาณท่ีได้รับ ท้าการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีแก่กลุ่มเกษตรกรเพื่อนาไปปรับปรุงและพัฒนา กระบวนการผลิตเดิมให้สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพภายใต้มาตรฐานที่กฎหมายกาหนด และทาการปรับปรุง สถานที่ผลิตอาหาร เพ่ือย่ืนขอใบอนุญาตสถานท่ีผลิตอาหารจากสานักงานสาธารณสุขจังหวัด จากผลการ ด้าเนินงาน พบว่า ผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้พร้อมด่ืม ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกกขนาก พลัส มีอายุการเก็บ รักษาท่ีนานข้ึน มีคุณภาพตามที่กฎหมายก้าหนดไว้ และได้รับใบอนุญาตสถานท่ีผลิตอาหาร ส่งผลให้มีตลาด การจ้าหน่ายมากข้ึนและมรี ายได้จากการจ้าหน่ายผลติ ภณั ฑ์เพ่ิมข้ึนเมื่อเทียบกับยอดรวมของปีท่ผี ่านมา Summary Development of the production process for ready-to-drink juice products of the community enterprise group to achieve the quality of food production standards to be sustained by the participation of the community are activities that provide services to famers with the scope of training and technology transfer. In addition, this project is integrating research with academic services and teaching. The process begins with the survey of needs from the community enterprise group and bring information analyze, plan and make appropriate in accordance with the time and budget received to transfer knowledge and technology to groups. The knowledge gained will be used to improve and develop the original production process to be able to produce quality products under the standards prescribed by law, improve food production facilities and apply for a license to produce food from the Provincial Public Health Office. From the results of operations, it was found that ready-to-drink juice from community enterprise groups, longer shelf life, quality as

stipulated by law and obtaining food production license. In addition, resulting in more sales markets and increased revenue from product sales compared with the previous year. คาํ สําคญั ผลติ ภณั ฑ์น้าผกั นา้ ผลไมพ้ ร้อมดื่ม วิสาหกิจชุมชนกกขนากพลสั การพฒั นากระบวนการผลิต บทนาํ เคร่ืองด่ืมเป็นผลิตภัณฑ์อาหารชนิดหน่ึงที่แปรรูปมาจากผลิตผลทางการเกษตร เช่น ผักผลไม้ ธัญพืชและสมุนไพร เป็นท่ีนิยมท่ัวไปในปัจจุบันน้ี เนื่องจากผู้บริโภคสนใจในการดูแลสุขภาพกันมากข้ึน ด้วย ความเช่ือในสรรพคณุ และข้อมูลจากสอื่ ตา่ งๆ ฉะน้นั จงึ มกี ารแปรรูปผกั ผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อสะดวกใน การบรโิ ภคและเพ่ิมมลู ค่าผลติ ผลเกษตรมากมายจากการสารวจปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่ม คือ 1. ผลิตภัณฑ์มีอายุ การเกบ็ ส้ันทาใหเ้ ก็บไดไ้ ม่นาน 2. มผี ู้บริโภคในโรงงานตอ้ งการผลิตภณั ฑไ์ ปจาหนา่ ยต่อแตไ่ ม่สามารถเปิดตลาด ขายเพ่ิมในโรงงานอุตสาหกรรมได้ จากการวิเคราะห์ปัญหา พบว่า สาเหตุที่ 1. เกิดจากการปนเป้ือนของ จลุ นิ ทรีย์ที่มีอย่ใู นวัตถุดิบหรือในกรรมวิธีการผลิตท่ีไม่ได้มาตรฐาน เน่ืองจากผู้ผลิตมีความรู้พื้นฐานไม่เพียงพอ ในด้านหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีดีในการผลิตอาหารว่าด้วยสุขลักษณะ หากทาเพื่อจาหน่ายผู้ผลิตควรได้รับ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การอาหารในด้านการถนอมน้าผัก น้าผลไม้พร้อมด่ืม และการควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อรอจาหน่ายโดยต้องยืดอายุการเก็บรักษาด้วย สาเหตุที่ 2. ผลิตภัณฑ์ไม่มีสัญลักษณ์เลข อย. จึง ไมส่ ามารถขายในโรงงานอตุ สาหกรรมได้ จากกฎหมายผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้จัดเป็นเคร่ืองด่ืมในภาชนะปิด สนิท สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดเป็นอาหารประเภทที่ 2. อาหารท่ีกาหนดคุณภาพและ มาตรฐาน โดยผู้ผลิตต้องขออนุญาตสถานท่ีผลิตและขอข้ึนทะเบียนตารับอาหาร โดยมีการควบคุมให้เป็นไป ตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้ เกี่ยวกับชนิดและปริมาณจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อน และปริมาณวัตถุกันเสียที่อนุญาตให้ ใช้ได้ เพ่ือความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค ดังนั้นเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ จึงควรมีการ ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีแก่กลุ่มเป้าหมายเพ่ือนาไปปรับปรุงกระบวนการผลิตเดิมให้สามารถผลิตสินค้าได้ คุณภาพและมาตรฐาน และปรับปรุงสถานที่ผลิตให้เข้าหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีดีในการผลิตอาหาร เพื่อยื่น ขอรับใบอนุญาตสถานท่ีผลิตอาหาร โดยมีแผนการด้าเนินงาน การอบรม 3 วัน และมีการตรวจติดตามไม่น้อย กวา่ 6 ครง้ั โดยใชเ้ ครือ่ งมอื คือ 1. ชุมชนนักปฏบิ ัติ 2. การใชท้ ป่ี รกึ ษาหรือพีเ่ ลี้ยง 3. การประชมุ แบบมีส่วนร่วม 4. การทบทวนหลังการปฏบิ ตั ิ 5. องค์ความรู้ทางวิชาการท่จี ้าเป็น 6. เพ่ือนช่วยเพื่อน 7. เวที ถามตอบ เป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมของกลุ่มท่ีทาการผลิตเพื่อจาหน่ายอยู่แล้ว ซ่ึงถ้าสามารถพัฒนาและ ปรับปรุงจนได้มาตรฐานดังกล่าวจะทาให้สมาชิกและชุมชนมีรายได้เพิ่มข้ึนทาให้มีตลาดท่ีกว้างขึ้น สามารถ

สร้างรายไดใ้ ห้กบั กล่มุ เกษตรกรและเครือข่าย ก่อให้เกิดมูลค่าและประโยชน์เชิงพาณิชย์ นอกจากน้ียังเป็นการ ยกระดับผลิตภัณฑส์ ินค้าให้มมี ลู คา่ ท่ีสูงขึน้ สอดรบั นโยบายรัฐบาลทีต่ ้องการขบั เคลอื่ น ผลกั ดนั ใหป้ ระชาชนอยู่ ดี มคี วามสขุ ภายใต้แนวคิดทวี่ า่ “ม่นั คง มั่งค่งั ยั่งยนื ” วธิ กี ารดาํ เนนิ งาน จากการส้ารวจ พบว่า กลุ่มมีความเข้มแข็งแต่ยังขาดองค์ความรู้ที่จะน้าไปใช้ยกระดับการผลิต ผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้พร้อมด่ืม เชิงพาณิชย์ ชุมชนยังใช้วิธีการแบบภูมิปัญญา ท้องถิ่น ส่งผลให้การผลิต ไม่ได้มาตรฐานของการผลิตอาหาร จึงจัดเวทีประชุมข้ึนในกลุ่มโดยให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ จาก การประชุมกลุ่มได้ข้อสรุปว่าชุมชนต้องการพัฒนากระบวนการผลิตเพ่ือให้ผลิตภัณฑ์เก็บได้นานขึ้น และการ ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้ พร้อมด่ืมให้ได้มาตรฐานเลข อย. จากน้ัน ทีมผู้วิจัยได้เขียนเสนอ โครงการเพอ่ื ขอรับงบการสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังโครงการได้รับการอนุมัติได้ มกี ารลงพื้นทเี่ พ่อื ประชุมช้ีแจงรายละเอียดของโครงการและวัตถุประสงค์ของการท้าต่อกลุ่ม เพ่ือให้บรรลุตาม วัตถุประสงค์ในแผนงาน โดยในแผนงานมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีแก่กลุ่มเปูาหมายเพ่ือน้าไป ปรับปรงุ กระบวนการผลิตใหส้ ามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพได้มาตรฐานตามท่ีกฎหมายก้าหนดไว้ และปรับปรุง สถานที่ผลิตให้เข้าหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร เพ่ือย่ืนขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารจาก ส้านักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยมีแผนการด้าเนินงานการอบรม 3 วัน และมีการตรวจติดตามไม่น้อยกว่า 6 ครัง้ โดยใช้เคร่อื งมือ คือ 1. ชมุ ชนนกั ปฏิบัติ 2. การใช้ทีป่ รกึ ษาหรอื พเี่ ลีย้ ง 3. การประชุมแบบมสี ว่ นร่วม 4. การทบทวนหลงั การปฏบิ ัติ 5. องค์ความรู้ทางวิชาการทจี่ า้ เปน็ 6. เพือ่ นช่วยเพื่อน 7. เวที ถามตอบ กจิ กรรมการถา่ ยทอดและตดิ ตาม กิจกรรมท่ี 1 ส้ารวจพนื้ ที่รบั บรกิ าร กจิ กรรมท่ี 2 ชีแ้ จงโครงการหลงั การรับงบประมาณ กิจกรรมที่ 3 บรรยายและปฏิบัติการ เร่ือง จุลินทรีย์ในอาหาร มาตรฐานผลิตภัณฑ์น้าผัก นา้ ผลไม้ ฉลากและบรรจภุ ณั ฑ์ส้าหรบั ผลติ ภณั ฑ์นา้ ผัก นา้ ผลไม้พร้อมด่ืม โดย อาจารย์จันทร์เพ็ญ บุตรใส และ อาจารยส์ ภุ าพร พาเจรญิ กิจกรรม 4 บรรยายและปฏิบัติการ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร และ การจดั เตรยี มเอกสารเพ่อื รองรบั การตรวจ โดยทีมวิทยากรเจ้าหน้าท่ีสาธารณสุขจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา กิจกรรม 5 ประชมุ ตดิ ตามการปรับปรงุ สถานทผ่ี ลติ อาหารคร้ังท่ี 1 กิจกรรม 6 ประชุมติดตามการปรับปรุงสถานทีผ่ ลติ อาหารครัง้ ที่ 2

กิจกรรม 7 ประชุมตดิ ตามการปรบั ปรงุ สถานที่ผลติ อาหารคร้งั ท่ี และเตรียมเอกสารเพือ่ ย่นื ขอใบอนญุ าตสถานทผ่ี ลิตอาหาร กิจกรรม 8 บรรยายและปฏิบัตกิ าร เรื่อง การแปรรูปผลติ ภณั ฑ์ และวธิ ีการเก็บรักษา ผลิตภณั ฑ์น้าผัก น้าผลไม้พร้อมดื่ม โดยอาจารย์จนั ทร์เพญ็ บุตรใส และ อาจารยว์ รรภา วงสแ์ สงธรรม กจิ กรรม 9 วเิ คราะห์คุณภาพผลติ ภัณฑ์ ออกแบบและแกไ้ ขฉลาก กิจกรรม 10 ประชุมตดิ ตามการปรับปรงุ สถานทผ่ี ลติ อาหารครงั้ ที่ 4 และยนื่ เอกสารยืน่ ขอ ใบอนุญาตสถานทีผ่ ลติ อาหาร กิจกรรม 11 รับการตรวจประเมนิ สถานที่จาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา กิจกรรม 12 สรุปโครงการให้สมาชิกรับทราบถึงความก้าวหน้าของโครงการและสิ่งท่ีควรท้า ในอนาคต ภาพกจิ กรรมการถ่ายทอดเทคโนโลยสี กู่ ลมุ่ เป้าหมาย ภาพที่ 1 การถ่ายทอดองค์ความรู้ เรื่อง จุลินทรีย์ในอาหาร มาตรฐานผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้ ฉลาก และ บรรจภุ ณั ฑส์ ้าหรับผลติ ภัณฑ์น้าผัก น้าผลไมพ้ ร้อมด่ืม โดย อาจารย์จันทร์เพ็ญ บุตรใส และ อาจารย์ สุภาพร พาเจริญ ภาพที่ 2 ถ่ายทอดเทคโนโลยีวันท่ี 2 เรอ่ื ง หลักเกณฑ์และวิธีการทีด่ ใี นการผลิตอาหาร และการจดั เตรียม เอกสารเพ่ือรองรบั การตรวจประเมนิ โดยทีมวทิ ยากรเจ้าหน้าทสี่ าธารณสขุ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา

ภาพท่ี 3 ถ่ายทอดเทคโนโลยีวันที่ 3 เรื่อง การแปรรูปผลิตภัณฑ์ และวิธีการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์น้าผัก น้า ผลไม้พร้อมด่มื โดยอาจารยจ์ ันทร์เพญ็ บตุ รใส และ อาจารย์วรรภา วงศ์แสงธรรม

ภาพที่ 4 การประชมุ และติดตามการปรับปรุงสถานที่ ภาพท่ี 5 นักศึกษาจาก มทร.สุวรรณภูมิ ทผี่ ่านการเรียนรายวชิ า สขุ าภบิ าลโรงงานและกฎหมายอาหาร รว่ ม ประเมนิ โรงเรอื นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง GMP ท่วั ไป ภาพท่ี 6 รบั การตรวจประเมินจาก ส้านกั งานสาธารณสุขจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ภาพท่ี 7 ใบอนญุ าตสถานทผี่ ลิตอาหาร

ภาพท่ี 8 ออกบูท งานประจ้าปีของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพที่ 9 ออกบูท “ตลาดนดั วถิ วี ทิ ย์” คลองผดงุ กรุงเกษม 9-29 มกราคม 2560 ภาพท่ี 10 ร่วมออกงานจัดแสดงและจ้าหน่ายผลติ ภณั ฑ์ งานประจ้าปขี องจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา “งาน มรดกโลก” 27 มกราคม-5กุมภาพนั ธ์ 2560 โดยการสนบั สนุนจากพัฒนาชุมชนของจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา “ตลาดนัดวิถีวิทย์” คลองผดุงกรงุ เกษม 9-29 มกราคม 2560 สนับสนนุ โดย กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ภาพที่ 11 ร่วมออกงานจัดแสดงและจา้ หนา่ ยผลติ ภัณฑ์ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ “เกษตรปลอดภัยใส่ใจสุภาพ” และ ตลาดนดั สเี ขียวขายทุกวนั พธุ และวันพฤหสั บดี ณ โรงพยาบาลจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ผลและอภิปรายผลการดําเนนิ งาน จากการประเมินติดตามผลหลังการถ่ายทอดเทคโนโลยี พบว่า หลังการอบรมผู้อบรมสามารถน้า ความรู้ท่ีได้รับไปใช้ได้ทันที สมาชิกกลุ่มตระหนักถึงความปลอดภัยของการผลิตอาหารเพ่ือการจ้าหน่ายเพิ่ม มากข้ึน เช่น การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการปฏิบัติตนขณะท้าการผลิต สุขลักษณะส่วนบุคคล การท้าความ สะอาด สุขาภิบาลห้องน้าห้องส้วม วิธีการล้างมือท่ีถูกต้อง เป็นต้น จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางกลุ่ม วิสาหกจิ ชุมชนกกขนากพลสั ได้แปรรปู ผลติ ภัณฑน์ า้ เสาวรสพรอ้ มดื่มเป็นตัวหลัก กลุ่มสามารถเปิดตลาดได้มาก ขนึ้ จากยอดรวมท้งั ปขี องปี พ.ศ 2558 มยี อดขายเทา่ กับ 388,036 บาท หลังการถ่ายทอดรายรับยอดรวมทั้งปี ของปี พ.ศ 2559 มยี อดขายเทา่ กับ 537,613 บาท เพ่ิมข้ึน 149,577 บาท ท้าให้กลุ่มมียอดขายเม่ือเทียบกับปี ที่ผ่านมาคิดเป็นรายได้เพิ่มข้ึน 23.72% กลุ่มมีการขยายตลาดเพิ่มมากข้ึนอย่างชัดเจน ท่ีปรึกษาโครงการ สนับสนุนให้กลุ่มฯเข้าไปลงทะเบียน OTOP และรับการสนับสนุนจากพัฒนาชุมชนของจังหวัดในการออกร้าน ในงานต่างๆของจังหวัด เพ่ือเปิดตลาดเพิ่ม ปัจจุบันกลุ่มฯมีการจ้าหน่ายสินค้าอย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ โดย จ้าหน่ายที่ ตลาดนัดสีเขียวของโรงพยาบาลประจ้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2-3 วัน/สัปดาห์ โรงพยาบาล อา้ เภอทา่ เรือ 1 วนั /สัปดาห์ ตลาดนัดเพ่อื เกษตรกรที่ศาลากลางจังหวัด 1 วัน/สัปดาห์ และตลาดนัดท่ัวไป ท้า ให้มีรายรบั มากข้นึ จากปีท่ีผ่านมา 38.55% สรปุ โครงการ “การพัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์น้าผัก น้าผลไม้พร้อมด่ืม ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กกขนากพลัส ให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานของการผลิตอาหารสู่เชิงพานิชย์ท่ียั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของ ชุมชน” วิสาหกิจชุมชนกกขนากพลัส ต.หนองขนาก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับการสนับสนุน งบประมาณ จากโครงการ คลินิกเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้โครงการคูปองวิทย์ เพื่อโอทอป ปีงบประมาณ 2559 ผู้ด้าเนินโครงการ ได้ด้าเนินการตามแผนการด้าเนินงาน โดยจัดการอบรม 3 คร้ัง และมีการตรวจติดตามและให้ค้าปรึกษาในระบบพี่เลี้ยงในการปรับปรุงโรงเรือนและกระบวนการผลิต รวมถงึ การเตรยี มเอกสารเพ่ือขออนญุ าตสถานที่ผลิตอาหาร ไม่น้อยกว่า 6 คร้ัง จากกิจกรรมดังกล่าวท้าให้เกิด การเปล่ียนแปลงคือ 1.ท้าให้สมาชิกมีความรู้และเข้าใจการผลิตอาหารมากขึ้นและตระหนักถึงความปลอดภัย

ต้ังแต่การจัดการวัตถุดิบต้นทาง ขั้นตอน/กระบวนการผลิตที่ต้องไม่ก่อการปนเป้ือน จนถึงคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ปลายทาง 2.ผู้อบรมรู้ขั้นตอนการย่ืนเอกสารและรูปแบบเอกสารเพื่อขออนุญาตสถานท่ีผลิตอาหาร และการข้ึนทะเบียนต้ารับอาหาร3.กลุ่มวิสาหกิจมีการเปิดตลาดให้กว้างขึ้นโดยให้สมาชิกผู้แปรรูปเก่าท่ี ผู้รับผิดชอบโครงการดูแลอยู่แล้วได้รู้จักกัน และสนับสนุน สัมพันธ์เก้ือกูลกันในการท้าธุรกิจ 4.สนับสนุนให้ กลุ่มเข้าไปลงทะเบียน OTOP และรับการสนับสนุนจากพัฒนาชุมชนของจังหวัดในการออกร้านในงานต่างๆ ของจังหวัด เพ่ือเปิดตลาดเพ่ิม ปัจจุบันกลุ่มฯมีการจ้าหน่ายสินค้าอย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ โดยจ้าหน่ายที่ ตลาดนดั สเี ขยี วของโรงพยาบาลประจา้ จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา 2-3 วนั /สปั ดาห์ โรงพยาบาลอ้าเภอท่าเรือ 1 วนั /สัปดาห์ ตลาดนดั เพือ่ เกษตรกรท่ีศาลากลางจงั หวดั 1 วัน/สปั ดาห์ และตลาดนดั ทว่ั ไป 5.สนับสนุนการออก บูทจากการสนับสนุนของทุกภาคส่วน เช่น โครงการอาหารปลอดภัย โครงการ OTOP ซึ่งมีจัดแสดงและ จ้าหน่ายในห้างสรรพสินค้า ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด โดยมีพัฒนาชุมชนจังหวัด พานิชย์จังหวัด เป็น ผู้สนับสนุน เปน็ ตน้ บรรณานกุ รม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข. กฎหมายอาหาร. แหล่งที่มา : food.fda.moph.go.th/law/, พฤษภาคม 2559 ศิวาพร ศวิ เวชช. 2542. การสขุ าภบิ าลโรงงานอตุ สาหกรรมอาหาร. โรงพมิ พ์ศูนยส์ ง่ เสรมิ และฝกึ อบรมเกษตร แหง่ ชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตก้าแพงแสน, นครปฐม. สุมณฑา วฒั นสนิ ธุ. 2547. การสุขาภิบาลอาหาร. โรงพมิ พมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร. ภาควิชาวิทยาศาสตร และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยมี หาวิทยาลัยธรรมศาสตร,กรงุ เทพฯ ส้านกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. 2544. แนวทางการผลติ อาหารตามหลกั เกณฑ วิธีการทด่ี ี (จ.ี เอ็ม.พี ) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบับที่193. กระทรวงสาธารณสขุ , กรงุ เทพฯ. สุวิมล กีรติพิบูล. 2544. HACCP ระบบประกันคุณภาพด้านความปลอดภัยของอาหาร. ส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญป่ี ุน), กรงุ เทพฯ.

การบรู ณาการการเรยี นการสอนกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางความคิด และมีสว่ นร่วมในการทานุบารุงศลิ ปวัฒนธรรม Integration Of Knowledge And Ideas With Innovative Creation And Cultural Preservation นพมัลลี เตชาวัชรน์ านนท์ อาจารย์ สาขาการเงินและเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธรุ กจิ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ [email protected] ---------------------------------------------------- บทสรปุ วิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค เป็นวิชาขั้นพ้ืนฐานสาหรับนักศึกษาทุกคนของคณะบริหารธุรกิจฯ ศึกษา เก่ียวกับอุปสงค์ อุปทาน พฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคคล รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัดให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ผู้สอนได้เล็งเห็นว่า นักศึกษาสามารถนาความรู้พื้นฐานและหลักการต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ทั้งใน ชวี ติ ประจาวันและการทางานได้ จึงบูรณการองคค์ วามรใู้ นการเรียนวิชานี้ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนได้ลงมือ ทา ตามแนวทางของ Action Learning โดยเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนการสอนและสนับสนุนให้นักศึกษาใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัด อย่าง Smart Phone มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นามาใช้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลรวมถึง การสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมทางความคิดและมีส่วนร่วมในการทานุบารุงและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม โดยการนาเสนอ ผลงานผ่านคลิปวีดีโอ ความยาวไม่เกิน 3 นาที ในหัวข้อ ประชาสัมพันธ์ของดีของชุมชน เช่น ศิลปวัฒนธรรม ภูมิ ปัญญาไทย ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การท่องเที่ยวชุมชน ผลิตภัณฑ์ชุมชนและอัตลักษณ์ประจาท้องถิ่น โดยมีผู้สอน เปน็ Coaching คอยแนะนาแนวทางการทางานข้นั ตอนตา่ ง ๆ หลังจากนักศึกษาผ่านการประเมิน ผู้สอนสนับสนุน ให้นักศึกษาส่งผลงานประกวดระดับประเทศ อย่างโครงการ Check in ท่ีนี่ของดี พช. ของกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เพ่ือให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์จริง ผลการดาเนินการ นักศึกษาสาขาการจัดการ ได้รับ รางวัลดีเด่น พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ เกียรติบัตร และทุนการศึกษา 10,000 บาท จากผลงานการสร้าง นวัตกรรมทางความคดิ นี้ นอกจากนกั ศกึ ษาไดม้ สี ว่ นรว่ มในการทานบุ ารุงศลิ ปวัฒนธรรมแล้ว นักศึกษายังมีบทบาท ในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยรวมถึงวัฒนธรรมท้องถ่ิน นาไปสู่การเป็นบัณฑิตที่มีความรู้ ความเช่ียวชาญ และ ทักษะสูง เป็นทต่ี ้องการของตลาดแรงงาน และประเทศชาตติ ่อไป Summary Microeconomics is a basic subject for all students of Faculty of Business Administration and Information Technology by Studying about demand, supply, behavior and decision making of individuals. Moreover, it includes the use of limited resources to obtain the maximum benefits. Lecturer realized that Students can apply basic knowledge and principles to apply in both daily life and work life. That is why the lecturer would like to integrate knowledge in this subject through the learning process. The learners will follow the guidelines of Action Learning by changing teaching methods and encouraging students to use the limited resources like Smart Phone for maximizing benefits of studying and researching information, including the

creation of innovative ideas and participation in the maintenance and dissemination of cultural arts. Learners will be presenting the work via a 3-minute video clip publicly in the topic of Public Relations of Good Products; arts, culture, Thai wisdom, local historical community and tourism, community products and local identity by a coaching lecturer to guide the work procedures. After students pass the assessment, the lecturer will encourage students to submit their national contest like “check in ที่นี่ของดี พช.” which students can practice real experiences. One of Student in Department of Management was given the outstanding award with an honored trophy, certificates, and a scholarship of 10,000 THB from this innovative creation. Besides involving in cultural preservation, students can also be able to play role in disseminating in a general Thai culture and a local culture. As a prior statement and in order to move on the next future, graduators will be knowledgeable expertise, high skills. Eventually, those students are preferred by the labor market and the nation. Keywords : Innovation, Limited Resources, Smart Phone , Economics , Action Learning หลักการและเหตผุ ลในการสร้างผลงาน ปัจจุบนั กระแสวฒั นธรรมต่างชาติ เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่น ใหม่ต่างยึดติดกับวัฒนธรรมต่างชาติ ทุกวันนี้เห็นได้น้อยคร้ังท่ีเยาวชนหรือนักศึกษาให้ความสาคัญกับวัฒนธรรม ไทย รวมถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งนี้เพ่ือให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม ได้ศึกษาและ เผยแพร่วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น ผู้สอนจึงมอบหมายงานผ่านวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค โดยการให้ นักศึกษานาเสนออัตลักษณ์ประจาท้องถิ่น รวมถึงภูมิปัญญาไทย สถานที่ท่องเที่ยวชุมชน งานหัตกรรมชุมชนและ ผลิตภัณฑ์ชุมชน ภายใตห้ ลกั การทางเศรษฐศาสตรค์ อื การใชท้ รพั ยากรท่มี ีอยู่อยา่ งจากัดใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด วิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค เป็นหน่ึงในวิชาข้ันพ้ืนฐานสาหรับนักศึกษาทุกคนของคณะบริหารธุรกิจและ เทคโนโลยีสารสนเทศ ศกึ ษาเกี่ยวกับอุปสงค์ อุปทาน พฤติกรรมและการตัดสินใจของบุคคล ครัวเรือน และบริษัท ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อยา่ งจากัดให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ ผูส้ อนได้เล็งเห็นว่า นักศึกษาสามารถนาความรู้พ้ืนฐาน และหลกั การตา่ ง ๆ ไปประยกุ ต์ใช้ท้งั ในชีวติ ประจาวนั และการทางานได้ โดยบรู ณการองค์ความรู้ในการเรียนวิชาน้ี ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือทา ตามแนวทางของ Action Learning หรือการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ โดยผู้เรียนจะถูกเปล่ียนบทบาทจากผู้รับความรู้ ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (co-creators) จนเกิดความรู้ ความเข้าใจ นาไปประยุกต์ใช้ รวมถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ ซ่ึงความรู้น้ันจะเกิดจาก ประสบการณ์ การสรา้ งองคค์ วามรู้ และการสรปุ ทบทวนของผเู้ รียน การบรู ณาการเปน็ สิง่ สาคัญอย่างมากในการศกึ ษายคุ ปัจจบุ ันน้ี ผู้สอนจึงทบทวนบทบาทของนักศึกษาใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนการสอนและสนับสนุนให้นักศึกษาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่อย่าง โทรศัพท์สมาร์ท โฟน มาสร้างสรรค์นวัตกรรมทางความคิด ได้มีส่วนร่วมในการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมและเผยแพร่อัตลักษณ์ ประจาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย การท่องเท่ียวชุมชน งานหัตกรรมชุมชนและผลิตภัณฑ์ชุมชน เพ่ือสืบสาน ศิลปวัฒนธรรมไทยใหย้ ่งั ยืนตลอดไป ผ่านการบูรณาการในวชิ าเศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค

วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือให้นักศึกษาได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย ประวัติศาสตร์ท้องถ่ิน การท่องเทยี่ วชุมชน ผลติ ภัณฑ์ชุมชนและอตั ลักษณป์ ระจาทอ้ งถ่ิน ผ่านการบูรณาการในวิชาเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค 2. เพ่ือให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมทานุบารุงและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย ประวัติศาสตร์ ท้องถ่ิน การท่องเทยี่ วชมุ ชน ผลติ ภณั ฑช์ ุมชนและอัตลักษณป์ ระจาท้องถ่ิน ผ่านการบูรณาการในวิชาเศรษฐศาสตร์ จุลภาค 3. เพ่ือให้นักศึกษาได้สร้างนวัตกรรมทางความคิดอย่างสร้างสรรค์เก่ียวกับศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย ประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถนิ่ การท่องเที่ยวชมุ ชน ผลติ ภัณฑช์ มุ ชนและอัตลักษณ์ประจาทอ้ งถิน่ ผา่ นการบูรณาการในวิชา เศรษฐศาสตรจ์ ุลภาค วธิ ีการดาเนินงาน/ขัน้ ตอนการทางาน ผู้สอนบูรณการองค์ความรู้ในการเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้ลงมือทา ตามแนวทางของ Action Learning หรือการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ โดยผู้เรียนจะถูกเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับ ความรู้ ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (co-creators) รวมถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ โดยสนับสนุนให้ นักศึกษาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด อย่างโทรศัพท์ Smart Phone มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการ สร้างสรรคผ์ ลงานและมสี ่วนรว่ มในการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม โดยการนาเสนอผลงานผ่านคลิปวีดีโอ ความยาว ไม่เกิน 3 นาที ในหัวข้อ ประชาสัมพันธ์ของดีของชุมชน โดยมีผู้สอนเป็น Coaching คอยแนะนาแนวทางการ ทางานขน้ั ตอนต่าง ๆ หลังจากน้ันนักศกึ ษาต้องนาเสนอผลงานต่อผูส้ อนเพือ่ รับคาแนะนาและแก้ไขเพิม่ เติม ผูส้ อนการวางแผน ผ่าน PDCA คือ วงจรการบริหารงานคุณภาพ ย่อมาจาก 4 คา ได้แก่ Plan (วางแผน), Do (ปฏบิ ตั )ิ , Check (ตรวจสอบ) และ Act (การดาเนนิ การให้เหมาะสม) ซึง่ มรี ายละเอียดดงั นี้ 1. การวางแผน (Plan) กาหนดกิจกรรมและวิธีการสอน โดยการบูรณาการเรียนการสอนกับการทานุบารุง ศิลปวัฒนธรรม ผ่านวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเพ่ือช่วยในการเรียนรู้ และเน้นการ ปฏบิ ตั ิจริง 2. การดาเนินการ (Do) 2.1 มอบหมายงาน ผู้สอนได้มอบหมายให้นักศึกษานาเน้ือหาในวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค เช่น อรรถประโยชน์ ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค ทฤษฎีการผลิต มาบูรณาการ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด อย่าง โทรศัพท์ Smart Phone มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยการนาเสนอผลงานผ่านคลิป วดี โี อ ความยาวไมเ่ กิน 3 นาที ในหัวข้อ ประชาสมั พันธข์ องดขี องชุมชน โดยตอ้ งแสดงอัตลักษณ์ของชุมชนด้านต่าง ๆ กลมุ่ นกั ศึกษาผเู้ รียนไดแ้ ก่ นักศกึ ษาสาขาการจดั การ, นักศึกษาสาขาสารสนเทศ และนักศึกษาสาขาการบัญชี ผสู้ อนให้คาแนะนา แนวทางเนือ้ หาท่ีต้องการนาเสนอ รวมถึงการพูดคุยถึงสถานท่ีท่ีถ่าย ทา จากนั้นนักศึกษาต้องไปหาจุดเด่นของแต่ละชุมชนมานาเสนอ ลงมือถ่ายทา และตัดต่อผ่านโปรแกรมต่าง ๆ จาก Smart Phone ที่นกั ศกึ ษามีอยู่ หลังจากน้นั นกั ศึกษาต้องนาเสนอผลงานต่อผู้สอนเพ่ือรับคาแนะนาและแก้ไข เพิม่ เตมิ 3. การตรวจสอบ (Check)

3.1 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง พรอ้ มใหค้ าแนะนาแนวทางในการนาเสนอและแนวทางในการแก้ไข 3.2 ประเมนิ ผลผลงานหลงั จากนักศึกษานากลบั ไปแกไ้ ขแล้ว 4. การดาเนินงานใหเ้ หมาะสม (Act) หลักจากนกั ศกึ ษาผ่านการประเมิน ผู้สอนสนับสนุนให้นักศึกษาส่งผลงานประกวดระดับประเทศ ต่อไป เพื่อเป็นการฝึกประสบการณ์จริง และสร้างโอกาสให้แก่นักศึกษา ผู้สอนคัดเลือกผลงานที่ผ่านการประเมิน แจ้งนักศึกษาเจ้าของผลงานนาส่งผลงานประกวด ผ่านโครงการ Check in ที่นี่ของดี พช. ของกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยผูส้ อนคัดเลอื กผลงานนกั ศึกษาสง่ ประกวดทงั้ สิ้น 15 ผลงาน ผลการดาเนนิ การ รอบคัดเลอื ก 45 ผลงานสุดท้าย จากผลงานผู้ประกวดทั่วประเทศ ผลงานของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภมู ิ ได้รับคัดเลือกผลงานผา่ นเข้ารอบทงั้ ส้ิน 10 คลิปวีดีโอ อาทิเช่น ผลงานชื่อ หมู่บ้านหัตถกรรมแกะสลักไม้ ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา, ผลงานช่ือ ชุมชนบ้านเทโพ ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา, ผลงานชื่อ ศูนย์ การเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพียง บ้านของพ่อ , ผลงานช่ือ ชุมชนหมู่บ้านกลองนานาชาติ(หมู่บ้านทากลอง) ต.เอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง, ผลงานที่ช่ือ ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง, ผลงานชื่อ เที่ยวชมตลาดศาลเจ้า โรงทอง จ.อา่ งทอง เปน็ ต้น รอบชิงชนะเลิศ ผลงานของนักศึกษาสาขาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภมู ิ จากผลงานชือ่ ชมุ ชนหม่บู า้ นกลองนานาชาติ(หมู่บา้ นทากลอง) ต.เอก ราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้รับรางวัลดีเด่น ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ เกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท จากรองอธิบดีกรมพฒั นาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย ปัจจยั แห่งความสาเร็จ - ด้านนักศึกษา จากการทนี่ กั ศกึ ษาได้ทาการศึกษาคน้ คว้าเรือ่ งศลิ ปวฒั นธรรม โดยการลงพื้นทจ่ี ริงสัมภาษณ์ชาวบ้าน และ ผูเ้ ช่ยี วชาญ ผ่านการบรู ณาการในวชิ าเศรษฐศาสตรจ์ ุลภาคนัน้ ทาให้นักศึกษาสามารถสร้างนวัตกรรมทางความคิด อย่างสร้างสรรค์ ในการนาเสนออัตลักษณ์ของชุมชนและศิลปวัฒนธรรมผ่านคลิปวีดีโอที่นักศึกษาจัดทาได้อย่าง นา่ สนใจ การสร้างเป้าหมายการแข่งขันให้แก่นักศึกษา ส่งผลให้นักศึกษามีความกระตือรือร้นและทางานท่ีได้รับ มอบหมายอย่างมีคุณภาพมากขึ้น ท้ังนี้เพื่อให้มีคุณภาพเพียงพอต่อการได้รับรางวัลในการประกวด ส่งผลให้การ เผยแพร่ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาไทย ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การท่องเที่ยวชุมชน ผลิตภัณฑ์ชุมชนและอัตลักษณ์ ประจาท้องถ่ิน ผ่านการบูรณาการ ในวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคน้ันประสบผลสาเร็จและนักศึกษาได้มีส่วนร่วมใน การทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม รวมถึงมีบทบาทในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยรวมถึงวัฒนธรรมท้องถ่ิน จากผลงานการสรา้ งนวตั กรรมทางความคดิ อกี ดว้ ย

- ด้านผสู้ อน ผู้สอนสร้างบรรยากาศช้ันเรียนให้มีความผ่อนคลาย ทาความเข้าใจธรรมชาติของนักศึกษา สร้าง บรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้สอนและเพื่อนในช้ัน เรยี น เตม็ ใจให้คาปรกึ ษา (Coaching) แมน้ อกเวลาเรียน พร้อมให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เช่น สนับสนุนด้าน ข้อมูล หากนักศึกษายังเข้าใจเร่ืองน้ัน ๆ ไม่มากพอหรือแนะนาช่องทางในการสืบค้น รวมถึง Application ต่าง ๆ ในการตัดต่อผลงาน รวมถึงรับฟังความคิดเห็น และแนวความคิดต่าง ๆ ของนักศึกษา ส่งผลให้นักศึกษาฝึก ความคิดและเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ (Generative Learning) ไม่ตาหนิหากผลงานของนักศึกษาไม่ถูกต้อง หรือ คุณภาพไม่ดีมากพอ แต่เปล่ียนเป็นแนะนาแนวทางในการแก้ไขหรือปรับปรุง ทาให้นักศึกษาได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์จริง (Experience Based Learning) ปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา ความรู้พ้ืนทางด้านเทคโนโลยีของนักศึกษามีไม่มากพอ สาหรับนักศึกษาหลายคน การทาสื่อต่างๆ เป็น เรื่องใหม่ เช่น การถ่ายทาวีดีโอ หรือการตัดต่อวีดีโอ ผู้สอนจึงต้องแนะนาการใช้โปรแกรมหรือ Application ต่างๆ รวมถงึ วธิ ีการใชง้ านอยา่ งละเอยี ด แนวทางในการนาผลไปปรับใช้ในการปฏบิ ัตงิ านและพัฒนาตนเอง ในยคุ การศกึ ษาภายใตก้ รอบประเทศไทย 4.0 การทบทวนบทบาทของนักศึกษาใหม่จากการเป็นผู้บริโภค ขอ้ มลู แบบเดิมให้กลายเปน็ ผสู้ ร้างดจิ ิทัล โดยเปล่ียนแปลงวิธีการเรียนการสอนจาก การบรรยาย สู่การปฏิบัติจริง และสนับสนุนให้นักศึกษาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่เพ่ือสร้างสรรค์ผลงานและแบ่งปันความรู้ ใน ปัจจุบันน้ี นกั ศกึ ษาสว่ นใหญน่ ้นั มีอปุ กรณ์ดิจิทัลทุกคน ฉะนั้นผู้สอนควรใช้ประโยชน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟนท่ีมีอยู่แล้วของนักศึกษาเหล่าน้ัน มาสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ การมีส่วนร่วมกับการทานุ บารุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ สู่การเป็นบัณฑิตที่มีความรู้ ความเช่ียวชาญ และทักษะสูง เป็นท่ีต้องการของ ตลาดแรงงาน และประเทศชาตติ อ่ ไป บทสรปุ จากการที่นักศึกษาในรายวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค ได้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดโครงการ ระดับประเทศอย่างโครงการ Check in ที่น่ีของดี พช. ของกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยนั้น นอกจาก นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมแล้ว นักศึกษายังมีบทบาทในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย รวมถึงวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ จากผลงานการสร้างนวัตกรรมทางความคดิ นอกจากนนี้ กั ศึกษายงั ได้รับประสบการณ์จริงจากการแข่งขันครั้งน้ี ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเกียรติ บัตร รวมถึงทุนการศึกษา นับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ รวมถึงตัวนักศึกษาเอง ซ่ึงรางวัลเหล่าน้ีเป็นสิ่งการันตีความสามารถ สาหรบั การสมัครเขา้ ทางานในอนาคตไดอ้ ีกดว้ ย

บรรณานกุ รม จิรายุทธ์ิ อ่อนศรี “ACTIVE LEARNING สกู่ ารเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21” สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 23 ธนั วาคม, 2561 ที่มา: http://edu.yru.ac.th/knowledge/files/ACTIVE-LEARNING-%CB%C1%D2%C2%B6%D6 %A7%CD%D0%E4%C3.pdf ไชยยศ เรืองสุวรรณ.(2553) (รองศาสตราจารย์ ดร.) คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ภาพ การประกาศผลงานเขา้ รอบ 45 ทีมสดุ ทา้ ย ผลงานชอื่ ศูนยต์ ุก๊ ตาชาววัง ผลงานช่อื ชุมชนบา้ นเทโพ ตาบลบางเสด็จ อาเภอป่าโมก ตาบลสามเรือน อาเภอบางปะอนิ จงั หวดั อา่ งทอง จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ผลงานชอื่ ชมุ ชนบา้ นกลองยาวนานาชาติ ผลงานช่อื ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก ตาบลศาลเจ้าโรงทอง อาเภอวิเศษชัยชาญ จังหวดั อา่ งทอง จงั หวดั อา่ งทอง

ภาพตวั อยา่ งการสง่ ประกวดผลงาน

ภาพการรบั รางวลั จากรองอธิบดกี รมพฒั นาชุมชน ณ ศูนยร์ าชการแจ้งวัฒนะ ภาพ นักศึกษาสาขาการจัดการท่ไี ด้รบั รางวัลดีเด่น และอาจารย์ทปี่ รึกษาโครงการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook