Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore RMUTK

RMUTK

Published by taweelap_s, 2019-05-14 04:25:15

Description: RMUTK

Search

Read the Text Version

เทคนิคการจัดการเอกสารจดั ซือ้ - จดั จ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยวธิ เี ฉพาะเจาะจง อยา่ งมีประสิทธิภาพ วราพร ชาญชยั ฤทธ์ิ สถาบนั วิจยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ E-mail : [email protected] ……………………………………………………………………………………………………………….. บทสรปุ การจัดการความรู้เร่ือง เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธี เฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ ของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ รวบรวมข้อมูล มาจากผู้ปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องกับการจัดซ้ือจัดจ้าง ผู้บริหาร เจ้าหน้าท่ีพัสดุ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และใช้กระบวน การจัดการความรู้ด้วยการแลกเปล่ียนเรียนรู้ผ่านช่องทางการพูดคุย การสอนงาน การสนทนากันในกลุ่มบุคลากรซึ่งมี องค์ความรู้อยู่ในตัวตน และการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ ท้ังนี้ ได้รวบรวมข้ันตอนการปฏิบัติงานเอกสารการจัดซ้ือ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพ่ือใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการองค์กร และเป็นเคร่ืองมือสร้าง มาตรฐานการปฏิบัติงาน ท่ีมุ่งไปสู่การบริหารคุณภาพท่ัวท้ังองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ทางานได้มาตราฐานตามเป้าหมาย เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านพัสดุและผู้ท่ีสนใจให้มีความเข้าใจ สามารถนาขั้นตอนดงั กล่าว มาดาเนนิ การได้อยา่ งถกู ตอ้ งตามระเบียบ ส่งผลใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพในการปฏิบัติงานอย่างสูงสุด ในการดาเนินการจัดการความรเู้ รือ่ ง เทคนคิ การจัดการเอกสารจัดซอ้ื - จดั จ้าง ในระบบการจัดซอื้ จัดจ้างภาครฐั โดย วิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อกล่ันกรองความรู้แลว้ จะจัดทาเป็นคูม่ ือ เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจดั ซือ้ จัดจา้ งภาครฐั โดยวธิ ีเฉพาะเจาะจง อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เผยแพร่ใหแ้ กบ่ ุคลากรของสถาบันวจิ ัยและพฒั นา และเผยแพรท่ างเวบ็ ไซดใ์ หผ้ ู้ปฏบิ ตั งิ านดา้ นพสั ดุของหนว่ ยงานต่าง ๆ นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการปฏิบัติงานต่อไป คาสาคัญ การจดั ซอ้ื จดั จ้าง Summary Knowledge management procurement management techniques in public procurement by specific method efficiently of research and development institute Rajamangala University of Technology Krungthep collect data from staff involved in procurement, management, procurement staff. And chief procurement officer the use of knowledge management processes through exchanges of learning through discussion channels, coaching sessions, and conversations among knowledgeable personnel. The process of operating the procurement document - procurement in the government procurement system. By specific method to use in corporate management. And it is a standard operating tool.We are committed to quality management throughout the organization. Targeted performance. It is beneficial to the performance of the staff of the parcel and who are interested in understanding. The procedure can be implemented in accordance with the regulations. This results in maximum performance. In the management of knowledge. Procurement management techniques in public procurement by specific method efficiently once the knowledge is scrutinized, it will be prepared as a guide. Procurement management techniques in public procurement by specific method efficiently distributed to the personnel of the research and development Institute and disseminated through the website to the staff of the various departments for use in the operation. Key words : Procurement

บทนา ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เพ่ือให้การดาเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐมีกรอบการปฏิบัติงานท่ีเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานกลาง เพ่ือให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งนาไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ โดยมุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนให้มากที่สุด เพ่ือให้เกิด ความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ดังน้ัน เพื่อให้การจัดซ้ือจัดจ้างของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มีความโปร่งใส ความคุ้มค่า มีธรรมาภิบาล เป็นท่ียอมรับของผู้เก่ียวข้อง สามารถ เปิดเผยและตรวจสอบได้ การรวบรวมขั้นตอนการปฏิบัติงานเอกสารการจัดซ้ือ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานด้านพัสดุ ได้ศึกษาหาความรูข้ ้ันตอนการปฏิบัติงาน เพ่ือให้เกิดความถูกต้อง และรักษาไว้ซ่ึงประโยชน์ของ ทางราชการ การจดั การความรู้ (Knowledge Management : KM) เป็นเครือ่ งมือหรอื วธิ ีการหน่ึงในการพัฒนาประสิทธิภาพการ ทางานของหน่วยงานในด้านต่าง ๆ ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนาบุคลากรและองค์กรให้มีศักยภาพเพิ่มมากข้ึน สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จึงได้นาการจัดการความรู้เข้ามาเป็นเครื่องมือในการ ถ่ายทอดเทคนคิ การจดั การเอกสารจดั ซ้อื - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครฐั โดยวธิ ีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ใช้วิธีการสอนงาน (Coaching) และการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) จากผู้ที่มี ประสบการณ์แนะนา สอนงานให้ผู้ปฏิบัติท่ีไม่มีความรู้ได้ลงมือปฏิบัติจริง ทาให้เกิดการเรียนรู้และนาไปสู่การแก้ไขปัญหา พัฒนาวธิ กี ารทางานให้มีประสทิ ธภิ าพ สามารถเข้าใจถึงขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ านด้านงานพสั ดุไดอ้ ยา่ งถูกต้องตามระเบียบ วธิ ีการดาเนินงาน การจัดการความรู้ครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือรวบรวมความรูแ้ ละจัดทา คู่มือเทคนิคการจัดการเอกสารจัดซือ้ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครฐั โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสทิ ธิภาพ ด้วยวิธีการสอนงาน (Coaching) และการเรียนรู้ โดยการปฏิบัติ (Action Learning) การสอนงาน (Coaching) ดาเนินงานโดยให้เจ้าหน้าที่พัสดุฝ่ายบริหาร ที่มีประสบการณ์ในการจัดซื้อ - จัดจ้าง มาเป็นผูส้ อนงานให้กบั เจา้ หนา้ ที่พัสดฝุ ่ายงานวิจยั และเจ้าหน้าท่ีพัสดฝุ า่ ยฝึกอบรม ท่ยี งั ไมม่ ีประสบการณ์ การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action Learning) ดาเนินงานโดยให้เจ้าหน้าท่ีพัสดุฝ่ายงานวิจัย และเจ้าหน้าที่ฝ่าย ฝึกอบรม ที่ยงั ไม่มีประสบการณ์ ลงมือปฏิบัตจิ รงิ ภายหลงั จากรบั การถ่ายทอดองค์ความรู้ 1. การกาหนดประเด็นความรู้ : ผ้บู รหิ ารและคณะกรรมการการจัดการความรู้ เข้าร่วมประชุมกาหนดปัญหา และ สารวจองค์ความรู้ของบุคลากรท่ีปฏิบัติงานภายในสถาบันวิจัยและพัฒนา ท้ังนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมสรุปให้จัดทา การจัดการความรู้ เรื่อง เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซ้ือ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธี เฉพาะเจาะจง อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2. การสร้างและแสวงหาความรู้ : หลังจากกาหนดประเด็นความรู้ ทาให้ทราบถึงความจาเป็นที่ต้องพัฒนาองค์ ความรู้ที่อยู่ในตัวบุคลากร โดยให้ผู้ท่ีมีความรู้และประสบการณ์ในด้านการจัดซื้อ – จัดจ้าง มาสอนงานให้ผู้ ปฏิบัติท่ียังไม่มีประสบการณ์ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพสั ดุภาครฐั พ.ศ. 2560 และคู่มือการใชง้ านระบบ e-GP 3. กลั่นกรองและประมวลความรู้ : ปรับองค์ความรู้ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น มีเนื้อหากระชับ ชัดเจนเป็นมาตรฐาน โดยผู้เกยี่ วข้องร่วมกันพิจารณา กลั่นกรองขอ้ มูลองคค์ วามรแู้ ละรว่ มกันปรบั ปรุงเน้ือหาใหเ้ ปน็ มาตรฐาน 4. ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ : กล่มุ เป้าหมายนาองค์ความร้ทู ไ่ี ดจ้ ากการกลัน่ กรองข้อมลู ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏิบตั งิ าน 5. การแลกเปล่ยี นและสกดั ความรู้ : บคุ ลากรทีน่ าองคค์ วามร้ไู ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏิบตั ิงาน มาแลกเปลี่ยนซง่ึ กัน และกัน และสรุปเป็นเทคนิคการจัดการเอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธี เฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเข้าร่วมนาเสนอการจัดการความรู้ (KM) กิจกรรม Show & Share ในโครงการประชมุ วิชาการระดบั นานาชาติเชิงสรา้ งสรรค์ ราชมงคลกรุงเทพวชิ าการ 2560 6. การจัดเก็บแก่นความรู้และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ : นาองค์ความรู้ที่ได้มาจัดทาเป็นคู่มือ เทคนิคการจัดการ เอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ เผยแพร่ ให้แก่บุคลากรของสถาบันวิจัยและพัฒนา และเผยแพร่ความรู้ทางเว็บไซต์ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านพัสดุของ หนว่ ยงานต่าง ๆ

อภิปรายผลการดาเนนิ งาน จากการดาเนินการจัดการความรู้เรื่อง เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซ้ือ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ พบว่าการสอนงานพร้อมกับการเรยี นรู้โดยการปฏบิ ัติงานจริง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ กว่าการสอนงานที่ผู้รับการถ่ายทอดความรู้ได้เพียงแค่การจดบันทึกไว้ก่อนแล้วค่อยนามาปฏิบัติงานจริงภายหลังจากที่มี โครงการ เนื่องจากการสอนงานพร้อมกับการเรียนรู้โดยการปฏิบัติงานจริง เป็นการทดลองทาระบบจัดซ้ือ - จัดจ้าง ด้วย โครงการจริง ทาให้ผู้รับการถ่ายทอดความรู้ มีความเข้าใจในระบบจัดซื้อ - จัดจ้าง เม่ือมีปัญหาสามารถแก้ไขได้ทันที ทาให้ จดจาข้ันตอนการปฏิบตั ิงานได้โดยแมน่ ยา และรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นการสอนงานท่ีผ้รู บั การถ่ายทอดความรู้ไดเ้ พียงแคจ่ ดบนั ทกึ ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริง เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเข้าระบบการจัดซ้ือ - จัดจ้าง ผู้รับการถ่ายทอดจะลืมขั้นตอนการปฏิบัติงาน จะมีขอ้ ซักถามในจุดเดมิ ๆ บอ่ ยคร้ัง สรุปผลการดาเนินงาน การจัดการความรู้ เร่ือง เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธี เฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อได้องค์ความรูแ้ ลว้ จึงถูกพัฒนาให้เป็น คู่มือเทคนิคการจัดการเอกสารจดั ซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมีประสิทธิภาพ และเผยแพร่ให้แก่บุคลากรของสถาบันวิจัยและ พฒั นาและเผยแพร่ทางเวบ็ ไซด์ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิงานด้านพสั ดขุ องหนว่ ยงานต่าง ๆ เทคนิคการจัดการเอกสารจัดซื้อ - จัดจ้าง ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อย่างมี ประสิทธิภาพ เป็นองค์ความรู้ท่ีได้จากกระบวนการจัดการความรู้ ท่ีเป็นความรู้ท่ีได้จากประสบการณ์ของผู้ท่ีมีประสบการณ์ มากกว่า เป็นความรู้ที่ตกผลึก จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นกระบวนการที่สาคญั ท่ีทาให้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการจัดซื้อ - จัดจ้าง ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองให้แก่ผอู้ ่ืน เมื่อนาความรู้มาผ่านกระบวนการกลั่นกรองความรจู้ นเป็นความร้ทู ี่ ตกผลกึ นามาจัดทาเป็นเทคนคิ การจัดการเอกสารจัดซื้อ - จดั จา้ ง ในระบบการจัดซอ้ื จัดจา้ งภาครฐั โดยวิธเี ฉพาะเจาะจง อย่าง มีประสิทธิภาพ และนาไปให้ผู้ปฏิบัติงานด้านพัสดุได้นาไปใช้ในการปฏิบัติงาน จึงทาให้เป็นองค์ความรู้ที่ประสบความสาเร็จ เพราะได้นาองค์ความรไู้ ปใช้ประโยชนไ์ ดจ้ ริง บรรณานุกรม กลุ่มงานมาตรฐานการจดั ซือ้ จดั จ้างด้วยวิธีการทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ กองการพัสดุภาครัฐ. คมู่ อื การใช้งานระบบ e-GP สาหรับ หน่วยงานของรัฐ. กรงุ เทพฯ: กรมบญั ชกี ลาง กองการพสั ดุราครฐั . ระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการจัดซือ้ จัดจ้างและการบรหิ ารพสั ดภุ าครฐั พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: กรมบัญชีกลาง



โครงการประชมุ สัมมนาเครือข่ายการจดั การความรู้ฯ ครง้ั ที่ 12 “การจัดการความร้สู ู่มหาวทิ ยาลัยนวัตกรรม” (Knowledge Management: Innovative University) การรายงานสถิตกิ ารลาของบุคลากร บน Google Spreadsheet Leave statistics of personnel by Google Spreadsheet นายจักรนิ จันทรป์ ระเสริฐ (Chakrarin Chanprasert) นกั วิชาการศกึ ษา สานักงานประกันคุณภาพการศึกษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ [email protected] .............................................................................................. ............................................................ บทสรปุ แต่เดิม การรายงานสถิติการลาของบุคลากรสานักงานประกันคุณภาพการศึกษา มีการดาเนินที่ค่อนข้าง ยงุ่ ยาก และล่าช้า จงึ มีการออกแบบตารางบันทกึ และคานวนวันลา ผา่ น Google Spreadsheet เพื่อทาใหก้ ารคานวน วันลา ทาได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งทุกคนสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งใช้ แบบฟอร์มสถิติการลาของกองบริหารงานบุคคลเป็นต้นแบบ ศกึ ษาและสอบถามระเบียบลาของบุคลากร จากเวบ็ ไซต์ และเจ้าหน้าท่ีของกองบริหารงานบุคคล เม่ือได้โปรแกรม จึงมีการสอนการใช้งานต่อผู้ใช้ เร่ิมใช้งานจริง แล้วจึง แลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั หนว่ ยงานอื่นๆ ผา่ นการประชมุ ผลของการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ไดแ้ บบฟอร์มสถิติการลาตามแบบ ของกองบริหารงานบุคคล บน Google spreadsheet ทสี่ ามารถดูข้อมูลไดผ้ า่ นเวบ็ ไซต์ ส่งั พิมพ์ได้ทนั ที คําสาํ คัญ สถติ ิการลา Google Spreadsheet Cloud บทนํา ในการรายงานสถิติการลาของบุคลากรในหน่วยงาน ต่อกองบริหารงานบุคคล เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบการ รายงาน จะนับวันลา จากสมุดเซ็นช่ือเข้าทางาน และตรวจสอบใบลาของบุคลากร จากนั้นจึงทาการคานวนวันลา ประเภทตา่ งๆ ของบุคลากรแต่ละคนเอง ซึง่ ตอ้ งใช้เวลามาก และอาจเกิดความผดิ พลาดได้งา่ ย เน่ืองจากโปรแกรม Google Spreadsheet เป็นโปรแกรมท่ีเก็บข้อมูล และมีฟังก์ชันต่างๆ ท่ีสามารถคานวน และประมวลผลข้อมูลได้ จึงมีแนวคิดท่ีจะนาองค์ความรู้จากการใช้ Google Spreadsheet และระเบียบการลาของ บุคลากร มาออกแบบตารางสาหรับการบันทึกและคานวนวันลาของบุคลากรภายในหน่วยงาน เพ่ือเป็นเคร่ืองมือใน การบันทึกวันลาของบุคลากร คานวนจานวนครั้งที่ลา จานวนวนั ลา ในการลาแตล่ ะประเภทโดยอัตโนมตั ิ และสามารถ พิมพแ์ บบฟอรม์ เสนอต่อกองบรหิ ารงานบุคลลไดท้ นั ที

วธิ กี ารดําเนนิ งาน 1) ทาการศึกษาระเบียบในการลาของบุคลากรแต่ละประเภท ทั้งจากเว็บไซต์และสอบถาม จากเจ้าหน้าที่ของกอง บริหารงานบุคคล 2) ศึกษาการเขียนฟังก์ชันการคานวนของ Google Spreadsheet จากเมนู Help ในโปรแกรม Google Spreadsheet หรือ support.google.com 3) ออกแบบตารางเกบ็ ข้อมูลการลาในแตล่ ะเดือน และตารางรายงานสถิติการลา บน Google Spreadsheet โดยอิง รปู แบบจากตารางรายงานสถติ กิ ารลาของกองบริหารงานบุคคล 4) ใสฟ่ ังกช์ นั การคานวนครง้ั และวันลาของบุคลากรแต่ละคน แยกประเภทวนั ลา 5) สอนวิธีการใช้งานให้แก่เจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวข้อง และให้ทดสอบการใช้งาน 2 เดือน โดยมีขอบเขตการใช้งานกับ พนกั งานมหาวิทยาลัยเงนิ รายได้ ของสานักงานประกนั คุณภาพการศกึ ษา 6) สอบถามผลการใช้งานจากเจ้าหน้าที่ท่ีใช้งาน เพื่อปรับปรุงโปรแกรมให้พร้อมต่อการใช้งานจริง และตรงความ ตอ้ งการของผู้ใช้ 7) กาหนดวธิ กี ารใชง้ าน และกาหนดสทิ ธิ์การใชง้ านแก่เจ้าหนา้ ท่ที ่ีเก่ยี วขอ้ ง 8) ติดตามผลการใชง้ านเปน็ ระยะ เพื่อปรับปรุงระบบต่อไป ผลและอภปิ รายผลการดําเนินงาน 1) ผลทไ่ี ดจ้ ากการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ 1.1) จากการใช้งาน ผู้รับผิดชอบการบันทึกและรายงานสถิติการลา จะกรอกช่ือบุคลากร สิทธิ์การลา วันเดือน ปี และการส่งใบลา ในเดอื นนน้ั ๆ ดังรูปที่ 1 รปู ที่ 1 ตารางบนั ทึกการลาของบคุ ลากรในสานักงาน

1.2) เมื่อกรอกข้อมูลดังกล่าวแล้ว ระบบจะนาข้อมูล มาคานวน จานวนคร้ัง จานวนวันลา และวันลาคงเหลือ ของวนั ลาแต่ละประเภท ของบคุ ลากรแต่ละคน รูปท่ี 2 ตารางแสดงจานวนคร้ังที่ลา และวนั ลาคงเหลือ 1.3) สุดท้ายโปรแกรมจะแสดงสรุปสถิติการลา เป็นรายเดือน และสรุปรอบ 6 เดือน 2 ครั้ง (ตุลาคม ถึง มีนาคม และ เมษายน ถึง กันยายน) ในปีงบประมาณนั้นๆ ในรูปแบบที่พร้อมเสนอต่อกองบริหารงานบุคคลได้ทันที ดงั รูปท่ี 3 รปู ที่ 3 ตารางสถติ ิการลาของบุคลากรสานักงานประกนั คุณภาพการศึกษา รอบ 6 เดอื น 2) ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั 2.1) การคานวนวันลาของบคุ ลากรทุกในแต่ละเดือนจะทาได้เรว็ มากกว่า ไม่มีความผิดพลาดในการคานวน 2.2) บคุ ลากรทุกคนจะเหน็ ไดว้ า่ ในปงี บประมาณนัน้ ๆ ตนเอง ใช้สทิ ธ์กิ ารลาไปกี่ครัง้ แล้ว หรอื เหลอื สิทธใ์ิ นการ ลาอีกกี่ครงั้ หรือกีว่ นั ผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที เพราะไฟล์คานวนถกู เก็บอย่บู น Google Drive 3) ปัญหาและอปุ สรรค ความเป็นปัจจุบนั ของข้อมูล จะขึ้นอยู่กับบุคลากรที่เป็นผู้รับผิดชอบในการบันทึกข้อมูล ซ่ึงถ้าหาก ลงข้อมูลใน ระบบแบบคร้ังเดียว (เฉพาะตอนสิ้นเดือน) ข้อมูลในระบบก็ไม่เป็นปัจจุบัน ประโยชน์ และประสิทธิภาพโดยรวมของ ระบบจะลดนอ้ ยลง

สรปุ การบันทึกการลาของบุคลากร ผ่านแบบฟอร์มบน Google Spreadsheet ช่วยให้ผู้ท่ีมีหน้าที่รายงานสถิติการลาต่อ กองบริหารงานบุคคล ทาการคานวนวันลาของบุคลากรในแต่ละเดือน พร้อมท่ีจะเสนอเป็นรายงานต่อไปได้สะดวก และรวดเรว็ มากขนึ้ เป็นการลดเวลาในการทางานไดอ้ ยา่ งดี ซึ่งการใช้งานท่ีผ่านมา จะใช้แค่ภายในสานักงานประกันคุณภาพการศึกษา ซ่ึงมีบุคลากรเพียง 4 คน และเป็น พนักงานมหาวิทยาลัยทั้งหมด โดยในอนาคตถ้าหากสามารถศึกษาการเขียน Google Script ได้ ก็อาจทาให้ช่วยลด ความยุ่งยากในการทาแบบฟอร์มคานวนน้ีได้ และพัฒนาต่อยอดให้ใช้งานได้เหมาะสมกับหน่วยงานท่ีมีจานวน บุคลากรมากๆ และรองรับประเภทของบุคลากรท่ีหลากหลายมากย่ิงข้ึน จะยิ่งช่วยให้ระบบนี้มีประสิทธิภาพมากข้ึน อีกในภาพรวม

การประยุกต์ใชแ้ นวคิดการจดั การความรู้ ในรายวชิ าโครงงาน สาขาวชิ าเทคโนโลยีเครอื่ งเรอื นและการออกแบบ Knowledge Management Apply for Project Subject : Program in Furniture Technology and Design วิชัย พรมาลยั รงุ่ เรือง (Wichai Pornmalairungrueang) 1 ดเิ รก กาญจนรูจี (Direk Kanchanarugee) 2 สูนฤต เงนิ สง่ เสริม (Sunarit Ngernsongserm) 3 ธนวรรณ เวียงสีมา (Thanawan Viengsima) 4 กติ ติ จรินทร์ทอง (Kitti Jarinthong) 5 สุรยิ า สงค์อนิ ทร์ (Suriya Song-inn)6 1ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ 2ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 3ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ 4อาจารย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ 5อาจารย์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ 6อาจารย์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… บทสรปุ สาขาวิชาเทคโนโลยีเคร่ืองเรือนและการออกแบบ เปิดทาการเรียนการสอนในระดับ ปริญญาตรี 4 ปี มีรายวิชาโครงงานเป็นรายวิชาชีพสุดท้ายท่ีนักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียนก่อน สาเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ซึ่งในรายวิชาดังกล่าวประสบปัญหาในหลายเร่ืองเช่น นักศึกษา เสนอหวั ขอ้ โครงงานไม่มีความเหมาะสมกบั การศึกษาในระดับปริญญาตรี นักศึกษาทาโครงงานไม่ บรรลุผลตามระยะเวลาที่กาหนด โครงงานบางโครงงานล้มเหลวไม่สามารถดาเนินการต่อไปให้ จบโครงงาน หรือการขาดอาจารย์ที่ปรึกษาประจาโครงงานทเ่ี หมาะสม ฯลฯ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางทีมผู้สอนดาเนินการได้นาแนวทางของที่เครือ บริษัทซีเมนต์ไทย (SCG) ท่ีได้ดาเนินการการจัดการความรู้ (Knowledge Management) มาใช้ และประสบความสาเร็จจนเป็นท่ียอมรับ มาประยุกต์ใช้ในรายวิชาโครงงานด้วย 5 กิจกรรมดังนี้

1) การสารวจตัวเองของนักศึกษา 2) การสารวจตัวเองของคณาจารย์ประจา 3) การจับคู่ความรู้ 4) กจิ กรรมเวทแี ลกเปลีย่ นการเรียนรู้ 5) ระบบการใหค้ าปรึกษาผา่ น social media online พบว่ากิจกรรมทั้งหมดเป็นการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการแลกเปล่ียนเรียนรู้ของ นกั ศึกษาและคณาจารย์ ให้เกิดการแบ่งปันความรู้ซ่ึงกันและกัน นักศึกษามีความสาเร็จในการทา โครงงานมากขน้ึ เม่อื เทยี บกับปีที่ผา่ นมา ส่งผลให้จานวนผู้สาเร็จการศึกษาในปีท่ีผ่าน(ปีการศึกษา 2559) มจี านวน 21 คนสูงกวา่ จานวนผ้สู าเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2558 ท่ีมีจานวนเพียง 13 คน คดิ เปน็ เพ่มิ ข้นึ 161% ซง่ึ เป็นผลดีตอ่ การจดั การเรียนการสอนของสาขาวิชาฯ Summary Program in Furniture Technology and Design 4 years of undergraduate study. The project is the last thing a student must do before graduation. The problem in this course is Students do not know what to offer, students do not complete the project in time, lack of knowledgeable counselor. To solve this problem. Lecturer team introduced the knowledge management approach of the Siam Cement Group (SCG) has been applied in the course of the project with 5 activities.1) Self-study of students 2) Self-examination of faculty members.3) Knowledge Mapping 4) Learn and Share Forum 5) Counseling system through social media online. All activities were created to create an atmosphere of mutual exchange between students and faculty. Students can present more projects. And result in the graduation in the academic year 2559 to 21 people higher than the academic year 2558 with 13 people, a percentage to 161, which is beneficial to the teaching and learning of the program. คาสาคญั การจัดการความรู้, โครงงาน, Knowledge Management, Project

บทนา สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ ภาควิชาเทคโนโลยีสื่อสารและ อุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เป็น สาขาวิชาที่เปิดทาการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี เริ่มทาการเรียนการสอนในระดับ ปวช. ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๔๙๕ และปีการศึกษา ๒๕๔๘ ได้เปิดทาการสอนในระดับปริญญาตรีเป็น ครั้งแรก จวบจนถึงปัจจุบันได้เปิดการสอนในสาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ สังกัดภาควิชาเทคโนโลยีสื่อสารและอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมี รายวิชาโครงงาน (Project) เป็นรายวิชาชีพสุดท้ายท่ีนักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียนก่อนสาเร็จ การศึกษาตามหลักสูตร เป็นรายวิชาที่บูรณาการองค์ความรู้ที่ได้เรียนมาตั้งแต่ปีที่ 1-4 เพ่ือนา ความรู้มาทาโครงงาน เพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสูตร ปีท่ีผ่านมาประสบปัญหาใน การท่ีนักศึกษาเสนอหัวข้อโครงงานไม่มีความเหมาะสมกับการศึกษาในระดับปริญญาตรี นักศึกษาทาโครงงานไม่บรรลุผลตามระยะเวลาที่กาหนด โครงงานบางโครงงานล้มเหลวไม่ สามารถดาเนินการต่อไปให้จบโครงงาน หรือการขาดอาจารย์ที่ปรึกษาประจาโครงงานท่ี เหมาะสม ฯลฯ ส่งผลให้นักศึกษาบางส่วนไม่สาเร็จการศึกษา บางส่วนท้ิงโครงงานไม่กลับมา ศกึ ษาต่อ การใช้แนวคิดการจัดการความรู้(Knowledge Management)หรือท่ีเรียกสั้น ๆ ว่า KM นน้ั กค็ อื แนวทางการบรหิ ารแนวทางการทางานภายในองค์กรเพ่ือทาให้เกิดการนิยาม ความรู้ ขององค์กรข้ึน และทาการรวบรวม, สร้าง, และกระจายความรู้ขององค์กร ไปให้ท่ัวท้ังองค์กร เพื่อให้เกิดการต่อยอดของความ รู้, นาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงก่อให้เกิดวัฒนธรรม แห่งการเรียนรู้ภายในองค์กรข้ึน คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ ซ่ึงกระจัดกระจายอยู่ในตัว บุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพ่ือให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และ พัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ นาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ให้เกิดประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผลความรู้ ทางทีมผู้ดาเนินการได้นาแนวทางของท่ีเครือบริษัทซีเมนต์ไทย (SCG) ที่ได้ ดาเนินการและประสบความสาเรจ็ จนเป็นท่ยี อมรับมาประยกุ ตใ์ ช้ในครง้ั นี้ จากข้อความที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น ทางทีมผู้ดาเนินการมีความคาดหวังว่าการ ประยุกต์ใช้แนวคิดการจัดการความรู้(Knowledge Management) ในรายวิชาโครงงาน ของ

สาขาวิชาเทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบ จะทาให้การทาโครงงานของนักศึกษาประสบ ความสาเร็จเพม่ิ ขนึ้ สง่ ผลให้นกั ศกึ ษาสาเรจ็ การศกึ ษาตามหลกั สูตรทก่ี าหนดไว้ ไดต้ ามที่ต้องการ วธิ ดี าเนินงาน จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management) จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ พบว่ามีการดาเนินการกิจกรรมอยู่หลายวิธี ทางทีม ผู้ดาเนินการได้คัดเลือกแนวทางที่เครือบริษัทซีเมนต์ไทย (SCG) ที่ได้ดาเนินการและประสบ ความสาเรจ็ จนเป็นทย่ี อมรบั ทางทมี ผู้ดาเนินการไดน้ ามาประยกุ ต์ใช้ให้เป็นแนวทางในการดาเนิน กจิ กรรมและโครงการต่างๆ ในการจดั การความรู้ในรายวิชาโครงงาน ดังน้ี 1. การสารวจตัวเองของนักศึกษา ให้นักศึกษาท่ีลงเรียนในรายวิชาโครงงานทุกคน ต้องกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มที่เป็นเอกสาร โดยเป็นตารางสี่ช่องให้นักศึกษากรอกข้อมูลส่ิงท่ี นักศึกษา “รู้” ว่าตัวเองรู้อะไร ไม่รู้อะไร และส่ิงท่ีนักศึกษา “ไม่รู้”ว่าตัวเองรู้อะไร ไม่รู้อะไร เพือ่ ได้รวบรวมไว้เป็นข้อมูลในการทาจับคู่ความรู้ (Knowledge Mapping) การใช้ระบบอาจารย์ ที่ปรึกษาประจากลุม่ โครงงาน(Coaching) การใหค้ าปรกึ ษาแนะนา(Counseling) และการพัฒนา สมรรถนะของนักศกึ ษาให้มคี วามสามารถในการทาโครงงานใหม้ ากข้ึน ภาพประกอบที่ 1 แบบการสารวจตนเอง

2. การสารวจตัวเองของคณาจารย์ประจาสาขาวิชา ให้คณาจารย์ประจาสาขาวิชา เทคโนโลยีเครื่องเรือนและการออกแบบทุกคน กรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มที่เป็นเอกสาร โดย เป็นตารางส่ีช่องให้อาจารย์กรอกข้อมูลสิ่งที่อาจารย์ “รู้” ว่าตัวเองรู้อะไร ไม่รู้อะไร และส่ิงที่ อาจารย์ “ไม่รู้”ว่าตัวเองรู้อะไร ไม่รู้อะไร เพ่ือได้รวบรวมไว้เป็นข้อมูลในการทาจับคู่ความรู้ (Knowledge Mapping) การใช้ระบบอาจารย์ที่ปรึกษาประจากลุ่มโครงงาน(Coaching) การให้ คาปรกึ ษาแนะนา(Counseling) และเป็นการพัฒนาสมรรถนะของนักศึกษาให้มีความสามารถใน การทาโครงงานใหม้ ากข้นึ 3. การจับคู่ความรู้ Knowledge Mapping นาข้อมูลจากการสารวจตัวเองทาตาราง ความสัมพนั ธ์กนั ระหว่างความรูท้ ีน่ กั ศึกษาตอ้ งการและความรู้ที่อาจารย์มี ทาให้ทราบว่าความรู้ที่ นักศึกษาต้องการใช้ประกอบในการทาโครงงานน้นั มอี ยู่ทีอ่ าจารย์ท่านใดบ้าง และสาขาวิชาจะได้ รบั รวู้ ่าความรู้ใดทอ่ี าจารย์ต้องการจะเรียนรู้ เพื่อนามาเป็นข้อมูลในการแสวงหาความรู้ที่ขาดโดย หาหลักสูตรระยะส้ันเพ่ือให้อาจารย์เข้าอบรมสัมมนาต่อไป ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดระบบ อาจารย์ท่ีปรึกษาประจากลุ่มโครงงานของนักศึกษา และความรู้ใดที่นักศึกษาและอาจารย์ใน สาขาวิชาฯขาด ทางสาขาวิชาฯจะได้เชิญบุคลากรทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยท่ีมี competency เหมาะสมกบั ความร้นู ัน้ มาบรรยายใหก้ ับอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาต่อไป 4. กิจกรรมเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ (Learn and Share Forum) ได้จัดในช่วงวัน เวลาท่ีสอนในรายวชิ าโครงงาน โดยใชเ้ วลาไม่เกิน ๓๐ นาที เน่ืองจากความสนใจของนักศึกษาซึ่ง อยู่ในช่วงวัยรุ่นมีช่วงเวลาส้ัน หากจัดกิจกรรมเวทีแลกเปล่ียนการเรียนรู้ (Learn and Share Forum)ยาวเกินไป นักศึกษาจะไม่ค่อยสนใจและเบื่อหน่าย กาหนดเรื่องที่จะแลกเปล่ียนกันมา จากนักศึกษาผสมผสานกับสิ่งท่ีนักศึกษาต้องการรู้เพิ่มเติมข้ึน เชิญคณาจารย์ท่านอื่นท่ีว่างจาก การสอนมาร่วมวงสนทนาด้วยในบางคร้ัง รวมถึงมีการจัดประสบการณ์ตรงให้กับนักศึกษาโดย ผา่ นการดูงาน มีผลในการกระตุ้นให้เกดิ ความรู้ตอ่ นกั ศึกษาและอาจารยท์ รี่ ่วมกิจกรรมดังกลา่ ว 5. ระบบการให้คาปรึกษาผ่าน social media online ซ่ึงในรายวิชานี้ได้ต้ังกลุ่มแชท ไลน์(chat line)โดยให้นักศึกษาเข้าร่วมกลุ่ม และเชิญอาจารย์ในสาขาวิชาเข้าร่วมกลุ่มแชทไลน์ (chat line)ด้วย นักศึกษาที่มีข้อสงสัยในการทางานวิจัยสามารถส่งข้อความถามในกลุ่มแชทไลน์ (chat line)ไว้ในระบบ อาจารย์ท่ีอยู่ในกลุ่มจะเข้ามาตอบ หากอาจารย์ไม่สะดวกท่ีจะตอบก็ อาจจะเสนอให้นาคาถามน้ันไปถามผู้เช่ียวชาญข้างนอก และนาผลคาตอบท่ีได้มาตอบในกลุ่ม ต่อไป การใช้ระบบการให้คาปรึกษาผ่าน social media online ทาให้นักศึกษาที่ถามหรือ

นักศึกษาที่สนใจสามารถเข้ามาอ่านคาตอบได้ตลอดเวลา และสามารถนาไปเป็นบรรทัดฐานใน การทางานวิจัยได้ต่อไป และถ้าหากมีผู้ยังมีข้อสงสัยในเร่ืองนั้นสามารถเพ่ิมเติมคาถามต่อไปได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผลและอภปิ รายผลการดาเนนิ งาน ผลการดาเนนิ งานกจิ กรรมและโครงการต่างๆ ในการจัดการความรู้ในรายวิชาโครงงาน ดงั นี้ 1. การสารวจตัวเองของนักศึกษา พบว่าความรู้นักศึกษาที่ต้องการ ส่วนหนึ่งเป็น ความรู้ท่ีได้เรียนมาแล้วในรายวิชาสถิติเบ้ืองต้น และรายวิชาระเบียบวิธีวิจัย ซึ่งในส่วนน้ีมีการ สอนเสริม ให้คณาจารย์ท่ีมีความรู้ในด้านน้ีมาบรรยายพร้อมตอบปัญหาให้กับนักศึกษา บางส่วน เป็นความรู้ท่ีไม่ได้เรียนรู้เช่น การใช้อุปกรณ์ในการประกอบเฟอร์นิเจอร์ด้วยเทคนิคพิเศษ เช่น ระบบ soft close ส่วนน้ีได้จัดประสบการณต์ รงโดยพานกั ศกึ ษาไปดูงาน ณ บรษิ ทั เฮเฟเล่ จากัด ซ่ึงเป็นบริษัทผู้ผลิตและนาเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้างและงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อตอบตรง ประเดน็ คาถามที่นักศึกษาต้องการ ภาพประกอบท่ี 2 นักศึกษาไปดงู าน ณ บรษิ ัท เฮเฟเล่ จากัด 2. การสารวจตัวเองของคณาจารย์ประจาสาขาวิชา พบว่าอาจารย์แต่ละคนมีความ เช่ยี วชาญทางด้านงานเฟอรน์ เิ จอร์ไม่แตกต่างกัน แต่จะมีบางเรื่องที่แต่ละท่านจะมีความชานาญ พิเศษไม่เหมือนกัน เช่น อาจารย์สุริยา สงค์อินทร์มีความชานาญพิเศษด้านโปรแกรม คอมพิวเตอรท์ ่ใี ชใ้ นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ส่วนผู้ช่วยศาสตราจารย์สูนฤต เงินส่งเสริมมีความ ชานาญพิเศษด้านประวัติศาสตร์เฟอร์นิเจอร์ รูปทรงของเฟอร์นิเจอร์แต่ละยุคสมัย ซ่ึงจัดทาเป็น

ฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดเป็นอาจารย์ท่ีปรึกษาประจาโครงงานในแต่ละกลุ่มของนักศึกษาแล้ว ยังสามารถนาไปใช้เป็นฐานข้อมูลในงานด้านอื่นๆ เช่น การจัดอาจารย์ผู้สอนประจารายวิชา การ เชิญใหเ้ ปน็ วทิ ยากรในการอบรมตา่ งๆ ท่จี ะมีขึน้ ต่อไป 3. การจับคู่ความรู้ Knowledge Mapping พบว่าสามารถจับคู่อาจารย์และนักศึกษา ในการทาโครงงาน และหากมีการเสริมความรู้ที่ยังขาดอยู่ โดยเสริมความรู้/แบ่งปันความรู้ผ่าน การจดั กิจกรรมเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ (Learn and Share Forum) และจัดประสบการณ์ตรง โดยพานักศึกษาไปดูงาน หากพิจารณาแล้วมีอาจารย์ท่านใดไม่มีภาระงานเป็นอาจารย์ท่ีปรึกษา ประจาโครงงานจากการที่ได้จับคู่ความรู้ ก็ได้แต่งตั้งอาจารย์ท่านน้ันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาร่วม เพ่ือเป็นเสริมสร้างองค์ความรู้ให้อาจารย์ท่ีปรึกษาร่วมเพ่ิมขึ้น และเป็นการร่วมแบ่งปันความรู้ รว่ มกนั ตอ่ ไป 4. กิจกรรมเวทีแลกเปล่ียนการเรียนรู้ (Learn and Share Forum) ได้จัดในช่วงวัน เวลาที่สอนในรายวิชาโครงงาน โดยใช้เวลาไม่เกิน ๓๐ นาที โดยเชิญอาจารย์ที่เคยทางานวิจัย ทางด้านการออกแบบมาบรรยายและแลกเปลี่ยนแบ่งปันความรู้ให้กับอาจารย์และนักศึกษาที่เข้า รว่ มกิจกรรม และมเี ชญิ ศษิ ย์เก่าที่จบไปแล้วมาเป็นผู้แบ่งปัน เล่าเรื่องถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่อง การประมาณราคางานตกแต่งภายในเพื่อเข้าแข่งขันการประมูลราคา ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ไม่ เหมือนกบั หลกั การทางทฤษฎี 100 % มกี ารพลกิ แพลงกันไปบ้างตามแต่ละโครงการ 5. ระบบการให้คาปรึกษาผ่าน social media online ซ่ึงในรายวิชาน้ีได้ตั้งกลุ่มแชท ไลน์(chat line)ชื่อกลุ่ม “โครงงาน 2/59” พบว่าเป็นระบบท่ีใช้ได้ง่าย ทุกคนมีโปรแกรมแชท ไลน์ ไม่มีคา่ บริการ และผลพลอยได้เมื่อนักศึกษาสาเร็จการศึกษาไปแล้ว สามารถเป็นช่องทางใน การติดตามบัณฑิตได้ ในการทาแบบสอบถามภาวการณ์มีงานทา และงานศิษย์เก่าสัมพันธ์ หรือ เผยแพรก่ จิ กรรมตา่ ง ๆของสาขาได้อีก ฯลฯ อภปิ รายผลการดาเนินงานกจิ กรรมและโครงการต่างๆ ในการจัดการความรู้ในรายวิชา โครงงาน ทาให้ทีมผู้ดาเนินการทราบถึงความต้องการของนักศึกษาท่ีแท้จริงในส่ิงท่ีต้องการจะ เรยี นรู้เพ่ือนามาใช้ในการทาโครงงานให้ประสบความสาเร็จในระยะเวลา 4 เดือน การจัดการให้ ความรูแ้ ละ/หรือการแบ่งปันความรู้จากกิจกรรมเวทแี ลกเปลย่ี นการเรยี นรู้ และ/หรือการใช้ระบบ ใหค้ าปรึกษาฯ ได้ตรงกับความตอ้ งการ ทาใหผ้ ู้รบั มคี วามตง้ั ใจท่จี ะรบั รู้ และผู้ให้ก็เป็นผู้มีความรู้ท่ี แท้จริงก็เต็มใจให้อย่างม่ันใจ ทาให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่ได้สาระความรู้ครบถ้วน และ นักศกึ ษาสามารถนาไปใชไ้ ดต้ รงกับความต้องการตอ่ ไป

สรุป จากการที่ได้ประยุกต์ใช้แนวคิดการจัดการความรู้(Knowledge Management) ใน รายวิชาโครงงาน ของสาขาวิชาเทคโนโลยีเคร่ืองเรือนและการออกแบบน้ัน พบว่า เป็นการสร้าง บรรยากาศท่ีส่งเสริมการแลกเปล่ียนเรียนรู้ของนักศึกษาและคณาจารย์ ให้เกิดการแบ่งปัน ความรู้ซึง่ กนั และกนั นักศึกษามคี วามสาเร็จในการทาโครงงานมากขึ้นเมื่อกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ จานวนผู้สาเร็จการศึกษาในปีท่ีผ่าน(ปีการศึกษา 2559) มีจานวน 21 คนสูงกว่าจานวนผู้สาเร็จ การศึกษาในปีการศึกษา 2558 ท่ีมีจานวนเพียง 13 คน คิดเป็นเพิ่มข้ึน 161% ซ่ึงเป็นผลดีต่อ การจัดการเรียนการสอนของสาขาวิชาฯ และในปีต่อไปเริ่มมีการประยุกต์ใช้แนวคิดการจัดการ ความรู้(Knowledge Management)ในรายวิชาตา่ ง ๆ ต่อไป บรรณานกุ รม การจัดการความรู้ท่ี SCG เอกสารแจกสาหรบั ผู้มาชมงานดา้ น KM วันพฤหสั บดีที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๕๒” (Online). Available: http://www.train.cdd.go.th/wepkm/km%20Delivery1/http%20KM18.pdf การจัดการความรขู้ องSCG (Online). Available: http://www.okmd.or.th/upload/pdf/chapter3_kc.pdf การจดั การความรู้ (KM) คืออะไร? จาเปน็ แคไ่ หนตอ้ งใช้ KM? (Online). Available: http://www.okmd.or.th/upload/pdf/chapter1_kc.pdf

เทคนคิ แนะนำกำรกรอกคะแนนและเกรดนกั ศกึ ษำผำ่ นระบบ Technical Recommendation for Inputting Students’ Scores and Grades through the ASCAR’s System. นางธัญลักษณ์ ทวธี นสมบตั ิ นายอลงกรณ์ อยูส่ าราญ* สานักส่งเสรมิ วชิ าการและงานทะเบียน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ E-mail : [email protected] …………………………………………………………………………. บทคดั ย่อภำษำไทย สานักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน เป็นหน่วยงานสนับสนุนที่เก่ียวข้องกับการเรียน การสอน มกี ารบริการงานทะเบียนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว งานบริการของ สวท. ประกอบด้วยงาน ต่าง ๆ คืองานบริการข้อมูล ข่าวสาร ประเภทจัดการศึกษา งานลงทะเบียนเรียน งานสถิติ นักศกึ ษา คนื สภาพ สาเร็จการศึกษา นักศึกษาลงทะเบียนเรียนในรายวิชา อาจารย์ผู้สอน ประเมินผลการศึกษา โดยบันทึก คะแนนและเกรดรายภาคเข้าส่รู ะบบ สานักสง่ เสริมวิชาการฯ มีระบบเพื่อรองรับการดาเนินการนี้ ดังน้ันหน่วยงานจึงเห็นความสาคัญ ในการจัดการความรู้ หัวข้อ “เทคนิคแนะนา การกรอก คะแนน และเกรดนักศึกษาผ่านระบบ” เพ่ือให้เป็นมาตรฐานของการบันทึก คะแนน และเกรด นักศึกษาในแนวทางเดียวกนั ในปีการศกึ ษา 2560 การจดั การความรู้ โดยการกาหนดประเดน็ ความรู้ เพ่อื ใหบ้ ุคลากร กลมุ่ เป้าหมาย ทจี่ ะ พฒั นาความรู้ และทักษะด้วยการแบ่งปนั แลกเปลย่ี น เรยี นรู้ มีขน้ั ตอน กระบวนการ วิธกี าร เพอื่ ใหผ้ เู้ ก่ยี วข้อง ผ้ปู ฏิบตั ิ ได้แนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี ใชใ้ นการปฏบิ ัติ จรงิ กรรมการจดั การความรู้ ได้ตดิ ตาม ผลการดาเนินการ เผยแพร่ ผู้ไดร้ ับความรู้ว่าได้นาความรไู้ ปปฏิบัติไดจ้ รงิ อีกท้ังได้นา ความรู้ ท้ังผรู้ ูแ้ ละการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ไปประมวลผล เปน็ คู่มือปฏิบัติงาน คำสำคัญ : แนะนำกำรกรอกคะแนน การกรอกคะแนน เกรดนกั ศึกษา ABSTRACT The Academic Support Center and Registration bureau (ASCAR) is an organization that supports learning and teaching activities. It provides the support for registration services correctly and quickly. The services of ASCAR consist of

providing information, news, education management, registration, statistics of students, and students’ status restoration, and graduation. When students register a course, the teacher will measure and evaluate the study results by recording scores and grades into the system. ASCAR has deployed a system to support this task. So, it sees the importance in providing the knowledge management for the topic “Technical Recommendation for Inputting Students’ Scores and Grades through the ASCAR’s System.” This KM is intended to setup a standard for recording scores and grades of students in the same approach for the academic year 2017. The knowledge management involves defining the knowledge for personnel, or target groups who want to develop, share, and exchange the knowledge to be able to learn, having steps, procedures, and methods for related persons to be used as a best practice. The knowledge management committees will follow up the results of the operation to ensure that the knowledge taker can bring the knowledge to action and can process the knowledge from the expert and the learning exchange into an operation manual. Keyword : Recommendation for Inputting Students’ Scores, Inputting Students Scores, Grades ควำมเปน็ มำ การนาความรู้หัวข้อ “เทคนิคแนะนาการกรอกคะแนนและเกรดนักศึกษาผ่าน ระบบ” เพ่อื จดั การความรู้ สานกั ส่งเสรมิ วชิ าการและงานทะเบียน ดาเนินการประชุมเพื่อกาหนดหัวข้อ การจัดการ ความรู้เพ่ือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้หัวข้อ “เทคนิคแนะนาการกรอกคะแนนและเกรดนักศึกษา ผา่ นระบบ” โดยให้ผ้รู ู้ มีทักษะ เผยแพรด่ ้วยวิธกี ารอบรมสมั มนา ไปยังกลมุ่ เป้าหมาย เป้ำหมำยของกำรจดั กำรเรียนรู้ เพื่อพัฒนางานให้มีคุณภาพ และมีผลสัมฤทธิ์ การพัฒนา ความรู้ขององคก์ ร เป็นการเพม่ิ พนู ความรู้หรอื ทนุ ปัญญา การจัดการความรู้ จะต้องมีการกาหนดบุคลากรกลุ่มเป้าหมายที่จะพัฒนาความรู้ ซึ่ง บุคลากรน้ัน คือ บุคลากรสานักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน และบุคลากรสายวิชาการ คือ อาจารยผ์ สู้ อน

สานักสง่ เสริมวิชาการและงานทะเบียน มีการจัดประชุมคณะกรรมการจัดการความรู้ ใน วันที่ 21 มนี าคม 2561 เพือ่ กาหนดหนา้ ที่ หรอื กิจกรรมดาเนินการในวันที่ 5 เมษายน 2561 เริ่ม จากทาหนังสอื เชญิ บคุ ลากรสายวิชาการของคณะทงั้ 7 และโครงการจดั ต้งั วิทยาลัยนานาชาติ เข้า ร่วมอบรมสัมมนา โดยผู้มีความรู้ และประสบการณ์ คือ อาจารย์อลงกรณ์ อยู่สาราญ สาธิต ขั้นตอน กระบวนการดาเนินการ เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมเกิดการเรียนรู้ อาจารย์บางท่านแจ้งว่าใช้ โปรแกรม EXCEL ในการบันทกึ คะแนน และเกรดซึ่ง สวท.มรี ะบบทะเบียนรองรบั ใชป้ ระโยชน์ได้ เป็นอย่างดี ในการอบรมสมั มนามกี ารเตรยี มความพร้อม คือ - สวท. มีระบบฐานขอ้ มลู เพอื่ รองรับการกรอกคะแนนและเกรดนักศึกษา - คณะกรรมการดาเนินการติดต่อประสานงาน ผู้เข้าอบรมสัมมนาโดยทาหนังสือเชิญ ประชมุ - บคุ ลากร สวท.เข้าร่วมสัมมนา - คมู่ อื แนะนา การประชุมอบรมสัมมนา มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ได้แนวคิดองค์ความรู้ ซึ่งคณะกรรมการได้ประมวลความรู้จากผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ และข้อเสนอแนะมาจัดทาเป็นคู่มือ ปฏิบตั ิงาน เพอื่ เผยแพร่เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรใหผ้ ้สู นใจเข้าถึง สรปุ คณะกรรมการจัดการความรู้ได้ติดตามผลการดาเนินการเผยแพร่ความรู้ ว่าผู้เข้าอบรม สัมมนาได้นาความรูท้ ไ่ี ด้ และประมวลผลในรูปคมู่ ือปฏิบัติงานไปใช้ปฏิบัติงานจริง โดยจัดทาแบบ ประเมินความพึงพอใจ มีการติดตามผล ปรากฏว่าได้ค่าคะแนน ระดับ 4.25 ซึ่งอยู่ในระดับการ ประเมนิ ที่ดี

การจัดการความรเู้ พื่อการเขียนโครงรา่ งการวจิ ัยผ่านการเรยี นรูจ้ ากการปฏบิ ัติ Knowledge Management for Research Proposal Writing Through Action Learning จริ าภรณ์ พงษศ์ รีทัศน์ (Jiraporn Pongsritasana) ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ [email protected] ............................................................................................................................. ............................. บทสรุป การจัดการความรู้เพ่ือการเขียนโครงร่างการวิจัยผ่านการเรียนรู้จากการปฏิบัติ เป็นการนาแนวทางการ จัดการความรู้มาออกแบบการเรียนการสอนในรายวิชาระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ หัวข้อการเขียนโครงร่าง การวิจยั โดยรปู แบบการเรียนการสอนดังกล่าว ประกอบไปดว้ ยการเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ัติ และเครื่องมือการจัดการ ความรู้ อันได้แก่ ชุมชนนักปฏิบัติ การถอดบทเรียน และเพื่อนช่วยเพื่อน โดยมีข้ันตอนคือ มอบหมายให้ผู้เรียนมี การเรียนรู้จากการปฏบิ ัติ โดยไปศึกษาค้นคว้าเพื่อเขียนโครงร่างการวิจัย นาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาโครง ร่างการวิจัย หลังจากได้ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างการวิจัยแล้ว ให้ผู้เรียนในแต่ละกลุ่มมา ถอดบทเรียน และจัดกิจกรรมเพ่ือนช่วยเพื่อน โดยให้กลุ่มที่ประสบความสาเร็จมาเล่าวิธีการทางานให้เพื่อนฟัง หลังจากน้ัน ให้ผู้เรียนตั้งกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติ โดยจาแนกตามกลุ่มท่ีทาหัวข้อวิจัยท่ีคล้ายคลึงกัน เพื่อแลกเปล่ียน ความรู้ที่ได้จากการทางาน และช่วยกันหาแนวทางในการปรับปรุงโครงร่างการวิจัยให้สมบูรณ์ ผลการดาเนินงาน พบว่า ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ ความวิตกกังวลลดลง สามารถส่งงานได้ตรงตาม กาหนดเวลา นอกจากน้ีผู้เรยี นยังได้แนวทางในการแสวงหาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียน การทางาน และการ ใชช้ วี ติ ได้ คําสําคัญ การเรียนรจู้ ากการปฏิบัติ, ชมุ ชนนกั ปฏิบตั ิ, การถอดบทเรียน, เพือ่ นช่วยเพื่อน, โครงรา่ งการวจิ ัย Summary Knowledge Management for Research Proposal Writing Through Action Learning utilizes Knowledge Management direction to design the education in subject of Social Sciences Research Methodology under the topic of research proposal writing. This education practice is consisted of Action Learning and KM Tools which are Community of Practice, After Action Review and Peer Assist. The process is consisted of having learners acquire knowledge through Action Learning by studying for Research Proposal writing in order to present before the Research Proposal Review Committee. After taking recommendations from the Committee, the learners then perform After

Action Review and Peer Assist accordingly by having successful groups to share work practice with other peers. After that, the learners then formed a Community of Practice by grouping together the ones who had similar research topics in order to exchange knowledge acquired from practice and collaborate to complete their Research Proposals. The result showed that: the learners were eager to acquire knowledge; the anxiety was lessened; and the deadline was met. Moreover, they also found the new way to learn which could be applied to their education, work, and living. Keywords: Action Learning, Community of Practice: CoP, After Action Review: AAR, Peer Assist, Research Proposal บทนาํ การวิจัยเป็นกระบวนการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบมีระเบียบแบบแผน ในการทาวิจัยทุกคร้ังผู้วิจัย ต้องเขียนโครงร่างการวิจัย (Research Proposal) ก่อน เพราะโครงร่างการวิจัยเป็นแผนการดาเนินงานวิจัยที่คิด และจดั ไว้ลว่ งหนา้ อย่างเปน็ ระบบ ถือวา่ เป็นหลักและกรอบแนวทางในการดาเนินการวิจยั ชว่ ยให้ผวู้ จิ ัยได้จดั ระบบ ความคิด และกรอบแนวทางในการทางานให้ชัดเจน ไม่ทาให้ผู้วิจัยทางานออกนอกขอบเขต หรือหลงทาง นอกจากน้ีโครงร่างการวิจัยยังเป็นเอกสารส่ือสาร สร้างความเข้าใจและข้อตกลงในการทางานร่วมกันของ คณะผู้วิจัย (พิชิต ฤทธิ์จรูญ. 2559: 139) โครงร่างการวิจัยส่วนใหญ่ประกอบด้วย ชื่อโครงการวิจัย ชื่อนักวิจัย ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง สมมติฐานการ วิจัย ขอบเขตของการวิจัย นิยามศัพท์เฉพาะ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ แผนการดาเนินงานวิจัย และสถานท่ีทา การวิจัย โดยเมื่อต้องจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถเขียนโครงร่างการวิจัยได้ในเวลาอันจากัด จึงทาให้ไม่ สามารถบรรยายในรายละเอียดของแต่ละหัวข้อได้ และเมื่อมอบหมายให้ผู้เรียนเขียนโครงร่างการวิจัยเป็น รายบุคคลจึงทาให้ผู้เรียนเกิดความวิตกกังวล เริ่มต้นการทางานไม่ถูกและไม่แน่ใจในการทางานของตนเอง ถึงแม้ ผสู้ อนจะใหเ้ วลาในการใหค้ าปรกึ ษาเพิ่มขึ้นกต็ าม ด้วยเหตุน้ี ผู้สอนจึงได้นาแนวทางการจัดการความรู้มาออกแบบการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้ จากการปฏิบัติ (Action Learning) ซ่ึงเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนสูงสุด สามารถพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้และทักษะการคิดขั้นสูง โดยสามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า และมีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนสามารถสร้างองค์ความรู้ และจัดระบบการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านการลงมือ ปฏบิ ัติ ดังน้นั การเรียนรจู้ ากการปฏิบัติ จงึ เปน็ รูปแบบการเรียนการสอนท่ีมุง่ พัฒนาศักยภาพทางสมอง ท้ังการคิด การแก้ปัญหา และการนาความรู้ท่ีได้มาประมวลเรียบเรียงเพ่ือประยุกต์ใช้ (จิรภัค สุวรรณเจริญ, อติญาณ์ ศรเกษ ตริน และชตุ มิ า มาลยั . 2560. 182) โดยผสู้ อนเป็นผูจ้ ดั ประสบการณ์การเรียนร้เู พื่อให้ผู้เรยี นไดเ้ กิดการเรยี นรู้ด้วย ตนเอง ผู้เรียนเป็นผู้ทากิจกรรมแลกเปลี่ยนเรยี นรู้รว่ มกันโดยแบ่งกลุ่มผ้เู รียนออกเป็นกลุ่มยอ่ ย และให้ผู้เรียนได้ใช้

กระบวนการถามคาถามและการสะทอ้ นกลบั ในผู้เรียน มีการอภปิ รายรว่ มกนั และสรุปเป็นแนวทางเพื่อนาไปใช้และ ติดตามผลการเรียนรู้ ผู้สอนวัดและประเมินผลโดยการประเมินกระบวนการเรียนรู้ การปฎิบัติงานและผลผลิตของ งาน (วรวรรณ วาณิชย์เจริญชัย. 2551. 41) นอกจากนี้ผู้สอนยงั ได้ใช้เคร่ืองมอื การจดั การความรู้ (KM Tools) มา ใช้เพื่อสร้างการแลกเปล่ียนเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอนหัวข้อการเขียนโครงร่างการวิจัย ได้แก่ ชุมชนนัก ปฏิบัติ (Community of Practice: CoP) ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มให้ผู้ที่สนใจเร่ืองเดียวกันมาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ กนั อยา่ งสมา่ เสมอ การถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) ซง่ึ เปน็ การทบทวนรว่ มกันหลังจากได้ทางาน เสร็จ และเพ่ือนช่วยเพ่ือน (Peer Assist) ซ่ึงเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ท่ีมีประโยชน์ให้เพื่อนนาไปประยุกต์ใช้ (พเิ ชฐ บญั ญัติ. 2555.) ด้วยแนวคิดดังกล่าวผสู้ อนจงึ ได้นากระบวนการจดั การความรู้ คอื การเรียนรจู้ ากการปฏิบตั ิ และเครือ่ งมือ การจัดการความรู้ มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ หัวข้อการเขียน โครงร่างการวิจัย เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้นในการ ค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง ใส่ใจในการนาความรู้มาแบ่งปันแลกเปล่ียนซึ่งกันและกัน และได้แนวทางไปใช้ในการ แสวงหาความร้ใู นการเรยี น การทางาน และการใช้ชีวิตประจาวนั ตอ่ ไปได้ วธิ กี ารดาํ เนินงาน การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนในรายวิชาระเบยี บวธิ วี ิจยั ทางสังคมศาสตร์ หวั ขอ้ การเขียนโครงร่างการ วิจัย มีกลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษาสาขาการท่องเท่ียว คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ทลี่ งทะเบียนเรียนในรายวิชาระเบียบวธิ ีวิจยั ทางสังคมศาสตร์ ในภาคการศกึ ษาที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 ผ้สู อนได้นา กระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Action Learning) และเครื่องมือการจัดการความรู้ (KM Tools) มาใช้ในการ สอน ประกอบด้วย ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice: CoP) การถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) และเพ่ือนช่วยเพ่อื น (Peer Assist) โดยมีข้ันตอน ดงั นี้ 1. ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนมีการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Action Learning) ตลอดระยะเวลาใน การศึกษาคน้ คว้าเพอ่ื เขยี นโครงรา่ งการวิจัย โดยแบง่ กลมุ่ ตามอัธยาศัย กล่มุ ละ 3-5 คน ไปศกึ ษาค้นคว้าเพ่ือเขียน โครงร่างการวิจัย นาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างการวิจัย โดยผู้เรียนไปทาการค้นคว้าข้อมูลอย่าง อิสระเพื่อหาหัวข้อการวิจัยที่ผู้เรียนสนใจและผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ท่ีปรึกษา แล้วนามาทาโครงร่างการ วิจัย ซ่ึงประกอบด้วยหัวข้อ ดังนี้ ชื่อเรื่องวิจัย ท่ีมาและความสาคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของการวิจัย ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ ับ ทฤษฎแี ละวรรณกรรมที่เก่ียวข้อง ตัวแปรท่ีศกึ ษา ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง นิยาม ศัพท์เฉพาะ กรอบแนวคิด ข้ันตอนการดาเนินงาน ระยะเวลาทาการวิจัย แผนการดาเนินงาน และเอกสารอ้างอิง ในขั้นตอนน้ีเป็นการรวมกลุ่มกันของผู้เรียนในแต่ละกลุ่มแบบชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice: CoP) จานวน 15 กลุ่ม มีการประชุมกลุ่มในการทางานตามช่วงเวลาที่สะดวกกลุ่มละ 4-5 คร้ัง เพื่อร่วมกันศึกษาค้นคว้า

วิเคราะห์เอกสาร หาข้อสรุปในหัวข้อตามที่ได้รับมอบหมาย จัดทาเป็นรูปเล่มเพื่อนาเสนอต่อคณะกรรมการ พิจารณาโครงร่างการวิจยั 2. ผู้เรียนนาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างการวิจัยเพ่ือรับฟังข้อเสนอแนะ ในวันท่ี 12 ธันวาคม 2561 เวลา 9.00 - 16.30 น. ซ่ึงคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างการวิจัยจานวน 5 ท่าน ประกอบด้วย 1) ผศ.ดร.จริ าภรณ์ พงษศ์ รีทศั น์ 2) ดร.รจนา ศรีสงั วรณ์ 3) ดร.สุภาพร อรรคพญิ 4) ดร.อริยา เรยี งจนั ทร์ และ 5) อาจารย์ชยินทร์ธร ธาดุสิตา คณะกรรมการได้ให้ข้อเสนอแนะในประเด็นของ ช่ือเร่ืองการวิจัย ท่ีมาและ ความสาคัญของปัญหา นิยามศัพท์เฉพาะ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ทฤษฎีและวรรณกรรมท่ีเก่ียวข้อง ข้ันตอน และเวลาการดาเนนิ งาน และการเขียนกรอบแนวคดิ 3. ผู้สอนจัดเวลาให้ 3 ช่ัวโมง ในวันที่ 20 ธันวาคม 2561 เพื่อให้ผู้เรียนในแต่ละกลุ่มมาถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) จานวน 1 คร้ัง ในประเด็นปัจจัยของความสาเร็จ ปัญหาและอุปสรรค พบว่าหัวข้อ ปัญหาในการเขยี นโครงรา่ งการวิจยั สว่ นใหญ่ มีดังน้ี 3.1 ชอ่ื เรอ่ื งการวิจยั พบวา่ มตี วั แปรไมค่ รบ หรือเขียนไม่ชัดเจน 3.2 ท่ีมาและความสาคัญของปัญหา พบว่าเขียนน้อยเกินไปทาให้ขาดรายละเอียดของเหตุผลในการ ทาวิจัยเรื่องนี้ ไม่ระบุสถานที่ที่จะทาวิจัย ไม่ระบุเหตุผลในการเลือกสถานที่ทาวิจัย เขียนขึ้นมาลอยๆโดยไม่มีสถิติ หรอื เอกสารอ้างองิ 3.3 นิยามศัพท์เฉพาะ พบว่านยิ ามศัพทใ์ ห้กับตวั แปรท่ีศึกษาไม่ครบโดยเฉพาะตัวแปรตาม นิยามศพั ท์ ไม่ชัดเจนพอที่จะนาไปสร้างเครื่องมือวดั ตัวแปรได้ นิยามเป็นศัพทท์ างวชิ าการไม่ใชศ่ พั ท์เฉพาะในการวจิ ัย 3.4 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ระบุประชากรกว้างมากเกินไป ไม่ระบุคุณลักษณะ/จานวนของ ประชากร/กลุ่มตวั อยา่ ง และวิธีได้มาซึ่งกลมุ่ ตวั อย่าง 3.5 ทฤษฎีและวรรณกรรมที่เก่ียวข้อง มีหัวข้อไม่ครอบคลุมทุกประเด็นที่ทาการศึกษา ทบทวน เอกสารและงานวิจัยท่เี กี่ยวข้องมานอ้ ย 3.6 ขั้นตอนและเวลาการดาเนินงาน เขียนมาเฉพาะหัวข้อไม่อธิบายรายละเอียดของแต่ละขั้นตอน ขัน้ ตอนและช่วงเวลาในการทาวจิ ัยไมส่ ัมพันธก์ ัน 3.7 ปญั หาอ่นื ๆ พบวา่ ใช้รปู แบบของตัวอักษรไม่คงที่ การเขยี นอา้ งอิงและบรรณานุกรมไมส่ อดคล้อง กนั ใชศ้ ัพทไ์ ม่คงเส้นคงวา ดังน้ันผู้สอนจึงจัดกิจกรรมเพ่ือนช่วยเพ่ือน (Peer Assist) จากกลุ่มที่ได้รับคาชมเชยจากคณะกรรมการ พิจารณาโครงร่างการวิจัยในแต่ละหัวข้อ มาเล่าวิธีการเขียนที่ประสบความสาเร็จให้เพ่ือนฟัง จานวน 1 คร้ัง ใน วันท่ี 20 ธันวาคม 2561 ได้แนวทางในการแก้ปัญหาและสามารถนาไปปรับปรุงเขียนโครงร่างการวิจัยได้อย่าง ถกู ตอ้ ง

4. ใหผ้ ู้เรยี นตั้งกลุ่มชุมชนนักปฏิบตั ิ (Community of Practice: CoP) จาแนกตามกลุ่มท่ที าหัวข้อวิจัยที่ คล้ายคลงึ กนั มารวมกลุ่มกัน จานวน 5 กลุม่ ประกอบไปด้วย 1) กลุ่มวิจยั เพอ่ื สรา้ งเส้นทางท่องเท่ียว 2) กล่มุ ศึกษา ความพึงพอใจในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทย 3) กลุ่มศึกษาความพึงพอใจในการท่องเท่ียวของ นักท่องเท่ียวชาวต่างประเทศ 4) กลุ่มวิจัยเพื่อสร้าง Application ที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว 5) กลุ่มวิจัยเพ่ือ สรา้ ง Facebook ท่ชี ่วยส่งเสริมการทอ่ งเทยี่ ว กลุ่มชุมชนนักปฏิบัติทั้ง 7 กลุ่ม ได้มีการประชุมกลุ่มในการทางานกลุ่มละ 2 ครั้ง ในวันท่ี 21 และ 24 ธนั วาคม 2561 เพ่อื แลกเปลยี่ นความรู้ที่ไดจ้ ากการทางาน และช่วยกันหาแนวทางในการปรับปรุงโครงรา่ งการวิจัย ให้สมบรู ณพ์ รอ้ มส่งเป็นโครงรา่ งการวจิ ยั ฉบบั ปรับปรงุ ตรงตามกาหนดเวลา ภาพที่ 1 การจัดการความรู้เพือ่ การเขยี นโครงรา่ งการวิจัยผา่ นการเรยี นรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ

ผลและอภิปรายผลการดําเนนิ งาน ผลการดาเนินงานการจัดการความรู้เพื่อการเขียนโครงร่างการวิจัยผ่านการเรียนรู้จากการปฏิบัติ พบว่า ก่อใหเ้ กิดประโยชน์และสร้างคุณค่าในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1. ด้านผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง มีความ กระตอื รือร้นในการคน้ ควา้ ขอ้ มลู ด้วยตนเอง และใส่ใจในการนาความรมู้ าแบ่งปัน แลกเปลยี่ นซ่งึ กนั และกัน ชว่ ยลด ความกดดันในการเขียนโครงร่างการวิจัยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผู้เรียนสามารถช่วยกันแสวงหาความรู้ และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพ่ือนทั้งภายในและระหว่างกลุ่มได้ นอกจากนี้ยังเกิดความภาคภูมิใจท่ีสามารถช่วยเหลือ เพ่ือนได้ ส่งผลให้เกิดความรักความสามัคคีในกลุ่มผู้เรียนทั้งในรายกลุ่มและภาพรวม ช่วยลดระยะเวลาในการ ทางานของผู้เรียน สามารถส่งงานได้ตรงตามกาหนดเวลา นอกจากน้ีผู้เรียนยังสามารถนาแนวทางการแสวงหา ความรู้ท่ไี ดจ้ ากการจดั การเรยี นการสอนในหวั ขอ้ การเขียนโครงร่างการวจิ ยั ไปใช้ในการแสวงหาความรใู้ นการเรียน การทางาน และการใชช้ วี ติ ประจาวันได้ 2. ด้านผู้สอน ทาให้ผู้สอนได้ประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอนตามแบบที่ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ จากการปฏิบัติจริง ลดเวลาในการบรรยาย มีเวลาในการให้คาแนะนาตามที่นัผู้เรียนต้องการมากข้ึน และสามารถ นารูปแบบน้ไี ปประยุกตใ์ ช้กับการเรยี นการสอนในรายวิชาอน่ื ๆ ได้ 3. ด้านสาขาวิชา ทาให้เกิดความรักความสามัคคีในกลุ่มผู้เรียนท้ังในรายกลุ่มและภาพรวมจากการท่ีได้ แบ่งปัน แลกเปล่ียนความรู้ซึ่งกันและกัน และหากดาเนินการกันจนเป็นปกติวิสัยในทุกรายวิชาจะก่อให้เกิดเป็น วฒั นธรรมแห่งการแบง่ ปันแลกเปลย่ี นเรียนรขู้ ้นึ ในสาขาวชิ าได้ ในส่วนของปัจจัยท่ีทาให้เกิดผลสาเร็จในการจัดการความรู้เพื่อการเขียนโครงร่างการวิจัยผ่านการเรียนรู้ จากการปฏิบัติ ได้แก่ 1. การส่ือสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอนอย่างสม่าเสมอ ทาให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจในกิจกรรมท่ีได้รับ มอบหมาย 2. ความร่วมมือจากผู้เรียนที่มีความสนใจและพร้อมที่ให้ความร่วมมือในการดาเนินการตามขั้นตอนของ กิจกรรมอยา่ งจรงิ จังทง้ั ในเวลา และนอกเวลาเรยี น 3. ความร่วมมือจากอาจารย์ท่ีทาหน้าที่ให้คาปรึกษา และคณะกรรมการพิจารณาโครงร่างการวิจัยที่ได้ สละเวลามาใหข้ อ้ เสนอแนะอยา่ งดียิง่ 4. มีสถานท่ีนอกห้องท่ีสามารถให้ผเู้ รยี นได้ทากิจกรรมรว่ มกันอย่างไม่เป็นทางการ ทาให้ผู้เรียนรู้สึกผอ่ น คลายในการทากจิ กรรมรว่ มกัน นอกจากนย้ี งั พบปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแกไ้ ขของการดาเนินกิจกรรม ดังน้ี 1. ทัศนคติเดิมของผู้เรียนท่ีคิดว่าการทาวิจัยยุ่งยาก ต่อต้านการทาวิจัย จึงต้องดาเนินการปรับทัศนคติ ของผู้เรียนก่อน โดยการชี้แจงให้เห็นประโยชน์ของการทาวิจัย นางานวิจัยท่ีมีข้ันตอนไม่ซับซ้อนมาเปน็ ตัวอย่างให้

ผู้เรียนได้เห็นจริง รวมถึงการให้ผู้เรียนทดลองเขียนโครงร่างการวิจัยในหัวข้อย่อยๆ และร่วมกันวิเคราะห์ผลงาน ของตนเองกับเพอ่ื นๆ 2. ความไม่คนุ้ ชินกบั การแบ่งปนั แลกเปลีย่ นความรูข้ องผเู้ รียน ดังน้ันการทากิจกรรมแบง่ ปนั แลกเปลี่ยน ความรู้ในคร้ังแรกๆ ผู้สอนต้องอยู่คอยแนะนาวิธีการตลอดเวลาเพื่อให้ผู้เรียนมีความเช่ือม่ัน กล้าทาอย่างจริงจัง และเห็นผลดีของการแบ่งปนั แลกเปลย่ี นความรู้ 3. การนัดหมายเวลาในการทากิจกรรม เน่ืองจากกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมนอกเวลาเรียนซึ่ง ผู้เรียนบางคนมีงานพิเศษจะมีช่วงเวลาที่สะดวกในการทากิจกรรมไม่ตรงกัน จึงต้องนัดหมายวันและเวลากันแต่ เนนิ่ ๆ เพอื่ ให้ผู้เรียนสามารถวางแผนในการรว่ มกจิ กรรมได้ สรุป การนากระบวนการจัดการความรู้และเคร่ืองมือการจัดการความรู้ มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนในรายวิชาระเบียบวธิ ีวจิ ยั ทางสังคมศาสตร์ หัวข้อการเขียนโครงร่างการวิจัย เป็นรูปแบบการจัดการเรยี นการ สอนท่ีให้ความสาคัญกับผู้เรียน ทาให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองซึ่งเป็นทักษะที่สาคัญใน ปัจจุบนั โดยผู้สอนเป็นผูอ้ อกแบบการเรยี นรู้และชี้แนะแนวทางในการแสวงหาความรู้ให้กับผู้เรียน สว่ นผู้เรียนเป็น ผู้ที่ดาเนินการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองทั้งเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ซึ่งผู้เรียนจะได้ความรู้ท่ีต้องการและยังได้ แนวทางการแสวงหาความรู้ที่สามารถนาไปปรับใช้ในชีวิตการทางานและชีวิตประจาวันได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ผู้เรียนยังได้แสดงพฤติกรรมการมีเมตตา ด้วยการเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ความรู้ซ่ึงกันและกัน ซึ่งการมีเมตตานี้ เปน็ คณุ ธรรมสาคญั ในการอย่รู ว่ มกนั สังคม และสง่ ผลใหเ้ กิดเป็นสงั คมแห่งการแบ่งปนั ไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม บรรณานกุ รม จิรภัค สุวรรณเจริญ, อติญาณ์ ศรเกษตริน และชุติมา มาลัย. 2560. “รูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ี ส่งเสริมทักษะในศตวรรษท่ี 21 สาหรับนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต.” วารสารพยาบาลสาร. 44, 4: 177-188. พชิ ติ ฤทธ์ิจรูญ. 2559. เทคนคิ การวิจยั เพ่ือพฒั นาการเรยี นร้.ู (พมิ พ์ครง้ั ที่ 1). กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . พิเชฐ บัญญัติ. 2555. “KM Tools: เคร่ืองมือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้.” สืบค้นเม่ือวันท่ี 2 มกราคม พ.ศ. 2562, http://gotoknow.org/posts/119306. วรวรรณ วาณิชย์เจริญชัย. 2551. “การเรียนรู้จากการปฏิบัติ: การประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน.” วารสารพยาบาลศาสตร.์ 28, 4: 36-44.

การนําเสนอแนวปฏบิ ตั ิทด่ี ี โครงการประชุมสัมมนาเครือขายการจัดการความรูฯ ครงั้ ที่12 “การจัดการความรสู ูม หาวทิ ยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาํ หรบั อาจารย ช่อื เรอ่ื ง/แนวปฏิบัตทิ ีด่ ี แนวทางการพฒั นาการเขา สตู ําแหนง ทางวชิ าการของอาจารย คณะศิลปศาสตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ชื่อ-นามสกลุ ผนู าํ เสนอ ผชู ว ยศาสตราจารยชฎาจนั ทร โชคนิรนั ดรชัย ชอ่ื สถาบนั การศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ หนวยงาน คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ เบอรโ ทรศัพทมือถือ 096-861-9151 E-Mail address [email protected] แนวทางการพัฒนาการเขา สตู ําแหนง ทางวิชาการของ อาจารยคณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ Guidelines for Lecturers working in the Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Krungthep to Enhance the Academic Ranks ชฎาจนั ทร โชคนิรันดรชัย Chadachan Choknirandonchai ผชู วยศาสตราจารย คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ [email protected] ....................................................................................................................................... บทสรปุ คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ไดกําหนดแนวทางจัดการ ความรู (Knowledge Management) ดานการผลิตบัณฑิตภายใตหัวขอ “การพัฒนาศักยภาพ บุคลากรคณะศลิ ปศาสตรส คู วามเปนเลศิ ในยุค 4.0” มีเปาหมายเพ่ือพัฒนาศักยภาพและเปนการ กระตุนสงเสริมใหบุคลากรคณะศิลปศาสตรพัฒนาตนเองดานวิชาการ ผานกิจกรรมการ แลกเปล่ียนเรียนรู ระหวางวันท่ี 19-23 มีนาคม 2561 ณ โรงแรม เคป ราชา ศรีราชา จังหวัด ชลบุรี

กิจกรรมการดําเนินงานไดแก การบรรยายและฝกปฏิบัติ ผูเขารวมโครงการไดแก อาจารยท ่ีมคี วามสนใจจากสาขาวิชาตาง ๆ จํานวน 106 คน เคร่ืองมือที่ใชในการเก็บขอมูลไดแก แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจตอการเขารวมโครงการ ผลการดําเนินงานพบวา ผูเขารวม โครงการมีความรูความเขาใจเก่ียวกับองคความรูดานการเขียนตําราหรือหนังสือในระดับเพ่ิมขึ้น สามารถนําองคความรูจากการเขารวมโครงการน้ีไปใชประโยชนในการเขียนตําราหรือหนังสือใน ระดับเพิม่ ขน้ึ ไดค า คะแนนเฉล่ียรวม 4.65 คืออยูในระดับมากท่ีสุด คิดเปนรอยละ 93 ของระดับ ความพงึ พอใจท้งั หมด สาํ หรับแนวทางการพฒั นาทค่ี วรเพ่ิม คอื ควรจัดกลมุ ฝกปฏิบัติการจริงเปน ระดับ ๆ ไดแก ระดับเร่ิมตน ระดับมีผลงานแลวและระดับปรับแกตามคําแนะนําของผูเช่ียวชาญ และควรมีการติดตามผลงานทุกระยะ ผูเขารวมโครงการเห็นวาเปนการพัฒนาการเขียนตําราได ในเวลารวดเร็ว กระชบั และไดประโยชนม าก คาํ สาํ คัญ ผลงานวชิ าการ ตําแหนง ทางวิชาการ อาจารย คณะศิลปศาสตร Summary The faculty of Liberal Arts has promoted knowledge management guidelines focusing on graduates training entitled “A development of personnel in the Faculty of Liberal Arts in Thailand 4.0 era”. This project aimed to motivate L-Arts personnel to create their academic works through sharing and learning activities. This project was organized during 19 – 23 March 2018 at Cape Racha, Sriracha Distric, Cholburi. Activities included lecture and practice. Participants were 106 teachers from various fields of study. Instrument used to collect data was a questionnaire to explore participants’ satisfaction towards the program. The findings revealed that participants obtained higher understanding in writing textbooks and were certain to apply the knowledge gained to write their own teaching materials and textbooks. The participants’ satisfaction average was the highest level (4.65). Guidelines to increase the success of the program were proposed. Participants should be categorized in accordance with their academic work progress divided into three levels. First level refers to lecturers who have started writing their academic work. Second level relates to ones who conduct their work in a partial completion and their work. Third group represents lecturers whose work was completed and being improved from experts’ recommendations. The guidelines proposed will be beneficial for those who want to increase their academic ranks. Key words: Academic works Academic ranks Lecturers Faculty of Liberal Arts

บทนาํ คุณภาพของคณาจารยเปนปจจัยสําคัญที่สงผลตอคุณภาพของผูเรียน รวมถึงการ ปฏิบัติภารกิจอื่นในฐานะของการเปนอาจารยสถาบันอุดมศึกษา เพื่อใหมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง และเปนท่ียอมรับ สามารถแขงขันไดในระดับสากล โดยจํานวนอาจารยท่ีดํารงตําแหนงทาง วิชาการจะเปนเครื่องบงช้ีหน่ึงของการประเมินคุณภาพการศึกษา ท้ังการประเมินคุณภาพ ภายนอกและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษา ท้ังนี้คุณภาพอาจารยจะ พจิ ารณาจากวฒุ ิการศกึ ษาและตําแหนง ทางวชิ าการเปน หลกั จากผลการประเมินตนเองในรายงานการประกันคุณภาพของคณะศิลปศาสตรพบวา ผลงานวิชาการของอาจารยและจํานวนอาจารยท่ีดํารงตําแหนงทางวิชาการมีจํานวนนอยและต่ํา กวา เกณฑท สี่ าํ นกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.)กําหนด ดังนั้นเพ่ือเปนการเสริมความรู ความเขา ใจในรายละเอยี ดเกี่ยวกับหลักเกณฑ วธิ ีการ ขน้ั ตอน และการพัฒนาผลงานวิชาการเพ่ือ ขอดํารงตําแหนงทางวิชาการ คณะศิลปศาสตรจึงจัดโครงการแลกเปล่ียนเรียนรู “การพัฒนา ศักยภาพบุคลากรคณะศิลปศาสตรสูความเปนเลิศในยุค 4.0” เพื่อเปนการกระตุนและสนับสนุน ใหอาจารยของคณะศิลปศาสตร สามารถพัฒนาผลงานทางวิชาใหเปนตามเกณฑมาตรฐาน สามารถเผยแพรใ นระดบั ประเทศได และอาจารยท่ีเขารวมโครงการมีการขอกําหนดตําแหนงทาง วชิ าการเพม่ิ ขนึ้ อนั นําไปสปู ระโยชนตอ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตอ ไป วิธกี ารดาํ เนินงาน โครงการดงั กลาวท่ีดําเนินการมาจนสําเร็จน้ัน ไดนําเคร่ืองมือการแลกเปลี่ยนเรียนรูมา ใชประกอบ คือ การเรียนรูโดยการปฏิบัติ (Action Learning) เพ่ือนชวยเพื่อน (Peer Assist) การเรียนรูรวมกันหลังงานสําเร็จ (Retrospect) โดยบูรณาการกับการดําเนินงานตามวงจร ประกันคุณภาพ PDCA ซ่ึงประกอบดวย การวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Do) การตรวจสอบ (Check) และการปรบั ปรุง (Act) ดังน้ี 1. การวางแผน (P : Plan) มีการวางแผนงานจากวัตถุประสงคและเปาหมายที่ได กําหนด ดังนี้ 1.1 ประชุมคณะกรรมการไดแก คณะกรรมการบริหารคณะศิลปศาสตร รวมกับ คณะกรรมการการจดั การความรขู องคณะศลิ ปศาสตร ในประเดน็ ตอ ไปนี้ 1.1.1 เพ่อื เลือกหัวขอท่ีจะดําเนินการแลกเปลีย่ นเรียนรูดานการผลิตบัณฑิตใน ป 2560 ไดหัวขอท่ีมาจากการสรุปในท่ีประชุม คือ การทําผลงานทางวิชาการ ซึ่งวัตถุประสงค ของการเลือกหัวขอน้ี คือ เพ่ือสนองตอบตอผลการประเมินตนเองในรายงานการประกันคุณภาพ

ของคณะศิลปศาสตรท่ีพบวา ผลงานวิชาการของอาจารยและจํานวนอาจารยที่ดํารงตําแหนงทาง วชิ าการมีจํานวนนอยตาํ่ กวา เกณฑ 1.1.2 เพือ่ กาํ หนดผรู บั ผดิ ชอบงานดานตาง ๆ ของโครงการ 1.1.3 ประชุมหารอื ในรายละเอียดของโครงการ ไดแ ก 1) กําหนดเปาหมายของโครงการ เพ่ือใหอาจารยมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับกลวิธีการเขียนผลงานทางวิชาการ และมีผลงานทางวิชาการ เชน เอกสารประกอบการ สอน ตํารา หรอื หนงั สือที่มีคุณภาพ 2) กําหนดองคความรูที่จะถายทอด คือ ความรูของการเขียน หนังสือ ตํารา เอกสารประกอบการสอน และเอกสารคําสอน หลักเกณฑวิธีการ ระเบียบขอบังคับท่ีควร ทราบในการเขาสตู ําแหนง ทางวชิ าการ 3) กําหนดผูวิทยากรถายทอดความรู ไดแ ก - วิทยากรภายใน บรรยายในหัวขอ หลักเกณฑ ระเบียบขอบังคับ และวิธกี ารขอกําหนดตําแหนงทางวิชาการ ของมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ - วิทยากรภายนอก บรรยายในหัวขอ การเขียนผลงานทางวิชาการ และการฝกปฏิบัติการเขียนรางผลงานทางวิชาการ โดยจะเชิญผูทรงคุณวุฒิท่ีไดรับการยอมรับใน เชงิ วิชาการ มาใหค วามรู 4) กลุมเปาหมาย ไดแก อาจารยที่มีความสนใจในการทําผลงานทาง วชิ าการจากสาขาวิชาตา ง ๆ ในคณะศิลปศาสตร จํานวน 106 คน 5) กําหนดสถานท่ีที่จะดําเนินตามโครงการ ไดแก โรงแรม เคป ราชา ศรีราชา จงั หวัดชลบรุ ี 6) กาํ หนดวันทจี่ ะดาํ เนนิ โครงการ ไดแ ก วันท่ี 19-23 มีนาคม 2561 2. ข้ันตอนการปฏิบัติ (D : Do) การปฏิบัติตามกระบวนการที่วางแผนไวแลว มี รายละเอยี ดดังน้ี 2.1 ขออนมุ ัตโิ ครงการ 2.2 จดั ทาํ คาํ สงั่ แตงตัง้ คณะกรรมการอาํ นวยการ คณะกรรมการดําเนนิ โครงการฯ ฝา ยตา งๆ 2.3 คณะกรรมการดําเนินงานในเร่ืองตาง ๆ เชน การเบิกจายเงินในโครงการ เอกสารตาง ๆ ที่ใชในโครงการ ติดตอประสานงานเร่ืองการเชิญวิทยากร เอกสารประกอบการ อบรม สถานท่ีท่ีจะดําเนินโครงการ ยานพาหนะที่รับ-สง วิทยากรและผูเขารวมโครงการ การ จดั หาวัสดุอุปกรณท ใี่ ชป ระกอบในโครงการ เปน ตน

2.4 ดําเนินการประชาสัมพันธโครงการไปยังสาขาวิชาในคณะศิลปศาสตร เพื่อให สาขาวิชาสงรายชื่ออาจารยทสี่ นใจเขารว มอบรม 2.5 ดําเนินโครงการใน วันท่ี 19-23 มีนาคม 2561 ณ โรงแรม เคป ราชา ศรีราชา จังหวัดชลบุรี 3. การตรวจสอบผลการดําเนินงาน (C : Check) ไดก ําหนดเปน 2 ระยะ ไดแ ก 3.1 ระหวางการดําเนินโครงการฯ การตรวจสอบผลการดําเนินโครงการฯ วาได ดําเนินไปตามตารางโครงการท่ีตั้งไวหรือไม การตรวจสอบลักษณะนี้จะกระทําเม่ือกิจกรรมตาม ตารางของโครงการฯ ในแตละวันส้ินสุดลง โดยคณะกรรมการผูรับผิดชอบโครงการฯ ในแตละ ฝายจะประชุมเพื่อนําเสนอปญหาท่ีฝายของตนไดพบจากการทํางานในแตละวัน และ คณะกรรมการในโครงการฯ ฝายตาง ๆ จะชวยกันเสนอแนวทางแกไข ปญหาท่ีเกิดข้ึนและไมให เกดิ ปญ หาดงั กลาวซ้ําอกี ในวนั ตอ ไป 3.2 หลังการดําเนินโครงการฯ มีการตรวจสอบผลการดําเนินโครงการฯ โดยใช แบบสอบถาม เพื่อประเมนิ ความสําเร็จของโครงการฯ 4. การปรบั ปรงุ แกไขในสวนที่มปี ญ หา (A : Act) มีการประชุมของคณะกรรมการอํานวยการและคณะกรรมการดําเนินงาน หลังจาก การดําเนินโครงการฯ เสร็จส้ิน เพื่อพิจารณาสรุปผลการดําเนินงานโดยรวมทั้งหมด พิจารณา ขอ เสนอแนะและขอควรปรับปรงุ ของผเู ขารวมโครงการ เพ่ือพัฒนาการดําเนินงานของโครงการฯ ครง้ั ตอไปใหด ยี งิ่ ข้นึ ผลและอภิปรายผลการดําเนินงาน จากผลการดาํ เนินงานของโครงการฯ สามารถอภิปรายผลได ดงั นี้ 1. องคความรูทไ่ี ดร บั จากการเขา รว มโครงการ 1.1 ไดตระหนักถึงความสําคัญของการพัฒนาผลงานทางวิชาการ ทราบระเบียบ ขอบังคับ เขาใจถึงหลักเกณฑวิธีการพิจารณาแตงตั้งบุคคลใหดํารงตําแหนงทางวิชาการ ผูชวย ศาสตราจารย รองศาสตราจารย ศาสตราจารย และข้ันตอนการสงผลงานเพื่อเขาสูตําแหนงทาง วชิ าการ 1.2 ไดเ รยี นรจู ากประสบการณจ ริงของผูทเี่ ชี่ยวชาญ ทราบอุปสรรค ปญหา ขอควร ระวงั ในการผลิตผลงานทางวิชาการ การเขา สูต าํ แหนงทางวิชาการ 1.3 ไดแ รงบนั ดาลใจและเสนทางในการทํางานดานวิชาการท่ีชัดเจนมากขึ้น วาควร เรมิ่ ตน จากขน้ั ตอนใดและดาํ เนนิ ไปในทิศทางใด 1.4 ไดทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ หนังสือ ตํารา เอกสารประกอบการสอน และ เอกสารคาํ สอน เชน ความหมาย รูปแบบ ความแตกตา งท่ีชดั เจนยิ่งข้ึน

1.5 การวางโครงเรื่องหรือกรอบงานเขียนประเภทตาง ๆ การเตรียมตัวและเตรียม ความพรอมกอนการเขียนหนังสือ ตํารา บทความวิจัย บทความวิชาการ เอกสารคําสอน และ เอกสารประกอบการสอน 1.6 ไดเทคนิคการเขียนบทความวิจัย บทความวิชาการ ตํารา หนังสือ เอกสาร ประกอบการสอน และเอกสารคําสอนอยางเปนระบบ และเกณฑการพิจารณาคุณภาพวารสาร ระดบั ชาติ/นานาชาติ ซ่งึ กล่นั กรองจากประสบการณของวิทยากรอันเปนประโยชนอยางมากและ สามารถนําไปใชไดทนั ที 1.7 ไดฝกปฏิบัติการเขียนบทความวิจัย บทความวิชาการ ตํารา หนังสือ เอกสาร ประกอบการสอน และเอกสารคําสอน 2. การนําองคค วามรู/แนวปฏิบัตทิ ีด่ ไี ปประยุกตใ ช 2.1 ไดวางแผนการเขียนที่เปนระบบ ต้ังแตขั้นตอนการจัดการเรียบเรียงขอมูล ความคิด การเตรยี มตวั และการวางแนวทางในการเขา สตู าํ แหนงทางวชิ าการ 2.2 มีเทคนิคในการเขียนบทความเพ่ือใหไดรับการพิจารณา เชน การสราง Key words และการเขียนบทคัดยอ การเลือกคําสําคัญ/ประเด็นในการต้ังชื่อเรื่องบทความ เพ่ือให สอดคลองกบั แหลง ตีพมิ พ การเลือกวารสารทจ่ี ะสงไปลงตพี ิมพ เปนตน 2.3 เขียนรางบทความ สรางประเด็นคําถามการวิจัย การเขียนบทความ หนังสือ ตาํ รา ใหพฒั นาไปเปน ฉบบั จริงทีเ่ ปน รปู ธรรมมากยิ่งขนึ้ และมีวินัยใหม ากข้ึน 2.4 การเรียบเรียงเน้ือหาของเอกสารประกอบการสอน มีการยกตัวอยางท่ีชัดเจน และมกี ารลําดับใหท าํ ไปทีละข้นั ตอนพรอ มกนั 2.5 ไดรับรูถึงรูปแบบ โครงสรางการวางกรอบแนวคิดเริ่มตนในการเขียนบทความ เชิงวิชาการ ทําใหการเขียนไมหลุดประเด็นที่ไดวางไว มีความตอเน่ืองสัมพันธกันของเน้ือหาท้ัง ชิน้ งาน 2.6 ทดลองเขียนบรรณานุกรม การเขียนรายการเอกสารอางอิง ตามหลักเกณฑ และรูปแบบของการเขียนท่ีเปนมาตรฐานสากล ที่สามารถใชไดกับเอกสารทางวิชาการทุก ประเภท 2.7 การสรา งเอกลกั ษณะทางวชิ าการใหผ ลงานของตนเอง 3. ปจจัยแหงความสําเร็จในการสรางผลงานทางวิชาการ 3.1 มีความมุงม่ัน มีความตั้งใจ มีการวางเปาหมาย มีการวางแผน และมีแนว ทางการทํางานที่ชัดเจน ยึดมนั่ ในความถนัดของตนเองเพ่อื ความเขมแข็งของผลงานวชิ าการ 3.2 การแบง เวลาในการทํางาน การสรา งกฎระเบยี บในการทาํ งาน การทํางานอยาง มวี ินัย การทํางานทางวชิ าการอยางตรงจุด

3.3 การเปนผูใฝรู รักการอาน เปดกวางตอความรูใหม ๆ และเปดรับความรูจาก สาขาวชิ าอ่นื ๆ เพอื่ เปน แนวทางในการพัฒนาผลงานทางวิชาการของตนเอง 3.4 สรางแรงจูงใจใหตนเองโดยคิดถึงความกาวหนาทางวิชาการ การยอมรับใน สังคมของอาจารยมหาวิทยาลัย ไดรับการยกยองเชิดชูเกียรติ การไดรับสิทธิประโยชนและ ผลตอบแทนตาง ๆ ที่สงู ข้นึ 4. ปญหา/อปุ สรรคในการสรางผลงานทางวิชาการ 4.1 ภาระการสอนมีมากเกินไป ภาระงานประจําที่นอกเหนือจากการสอนท่ีมาก เกินไป เชน การจัดกิจกรรมทั้งในระดับสาขา ระดับคณะ งานดานหลักสูตร งานดานบริหาร การ เปน อาจารยท ป่ี รึกษา เปนตน จึงควรมกี ารบรหิ ารจัดการเวลาใหเ หมาะสม 4.2 ขาดความม่ันใจในผลงานของตนเอง ขาดแรงบันดาลใจในการทําผลงานทาง วิชาการ ไมทราบวาจะเร่ิมตนจากเร่ืองใด เริ่มจากข้ันตอนใด หว่ันเกรงวายังทําไมดีพอ กลัววา ผลงานท่ีสง ไปแลว จะไมผ า นการพจิ ารณา เปนตน 5. แนวทางการแกไ ขปญ หา 5.1 กรณีอาจารยมีภาระการสอนมากเกินไป ภาระงานประจําท่ีนอกเหนือจากการ สอนท่ีมากเกินไป ทางคณะฯหรือผูบังคับบัญชาควรดําเนินการลดภาระงานที่มีมากเกินไปให นอยลง เพือ่ ใหอาจารยม เี วลาในสรางผลงานทางวิชาการเพ่ิมข้ึน 5.2 ทางคณะฯ ควรมกี ารจัดตง้ั โครงการพ่ีเลี้ยง (Mentor’s Project) โดยดําเนินการ จัดหาพี่เล้ียงที่มีความรู ความสามารถและความเชี่ยวชาญในเรื่องของผลงานทางวิชาการของ สาขาวิชาที่เก่ียวของ เพ่ือเปนท่ีปรึกษาและใหความรูแกอาจารยท่ียังขาดความรูดานผลงานทาง วิชาการ จะเปนการเพ่ิมความม่ันใจใหแกอาจารยท่ีจะทําผลงานทางวิชาการใหมีกําลังใจในการ ทาํ งานมากข้ึน สรปุ ขอ เสนอแนะโดยรวมในการเขียนผลงานทางวชิ าการ 1. ตาํ ราหรือเอกสารประกอบการสอน ควรประกอบดวย บทนํา สวนเน้ือหา สวนสรุป และแบบฝกหัดหลงั บทเรียน ซึง่ การแบงเนื้อหาแตละบทควรมีเนื้อหาหรือจํานวนหนาเทากันหรือ ใกลเคียงกัน ควรวางโครงวาจะประกอบไปดวยอะไรบาง แบงเปนก่ีบท ควรเรียบเรียงใหมีความ ตอเน่ืองต้ังแตบทแรกถึงบทสุดทาย ควรใหความลุมลึกของเนื้อหาของตําราหรือเอกสาร ประกอบการสอนที่ใชประกอบการขอตําแหนงทางวิชาการเพิ่มขึ้นตามระดับของตําแหนงทาง วิชาการน้ัน

2. ความถูกตองในดานเน้ือหาวิชา ควรคํานึงถึงความถูกตองของขอมูล ทฤษฎี การ ทดลอง การตีความ สูตร หลักฐานอางอิง การเสนอแนวความคิดและเหตุผล เนื้อหา สาระ และ ขอ มลู 3. รูปแบบของการเขียน ควรคํานึงถึงเร่ืองตาง ๆ เชน การพิมพประณีต ชัดเจน เวน วรรคตอนและชองไฟ มีความตอเน่ืองในการเสนอเนื้อหา มีหัวขอชัดเจน ใชศัพททางเทคนิค ถูกตอง ขอมูลตัวเลข สถิติ หรือขอมูลเชิงเทคนิค ควรนําเสนอในรูปตาราง แผนภูมิ แผนภาพ และควรอางอิงที่มาดวย การจัดทําบรรณานุกรม ตองอางจากแหลงท่ีนาเชื่อถือ ทันสมัย หรือใช แบบอา งองิ ทม่ี หาวทิ ยาลยั กาํ หนด อางองิ ตามความจาํ เปน ตามสมควร 4. ความถูกตองเหมาะสมในดานการใชภาษา ใชภาษาวิชาการกะทัดรัด ชัดเจน ที่อาน เขา ใจงาย ถูกหลักภาษาและตรงความหมาย ใชค าํ สุภาพท่ีนยิ มใชใ นภาษาเขียน ควรเล่ียงลักษณะ อื่นๆ เชน ความกํากวม การเราอารมณ การพูดออมคอม การพรรณนา เปนตน ตัวสะกดการันต ตองถูกตอง ศัพทบัญญัติตาง ๆ ตองถูกตองและใหตรงกันตลอดท้ังเลม ใชเคร่ืองหมายวรรคตอน ใหถูกตอง ขอความอานเขาใจงาย กระชับ และมีความสัมพันธกันเปนอยางดี การเรียบเรียง เร่ืองราวในแตละยอหนา แตละบท ตองมีความเก่ียวเน่ืองกัน สํานวนและโวหารตองเปนภาษา เขยี นและเหมาะกบั เร่อื งในแตล ะตอน 5. ความลึกซ้ึงและความสมบูรณ การเขียนตําราในระดับอุดมศึกษา ผูเขียนตองมี การศกึ ษาองคความรูตองรูใหลึกซ้ึงในแกนของสาระเร่ืองน้ัน ๆ ควรอานหนังสือและหาความรูให มากเพื่อจะไดนํามาประกอบการเขียนตําราหรือเอกสารประกอบการสอนไดดียิ่งข้ึน ควรมี ขอบเขตครอบคลุมเนื้อหาวิชาที่ผูเขียนมุงหมายครบถวนแตละเร่ือง แตละตอน การอธิบายหรือ วิเคราะห ควรใหละเอียดถ่ีถวนและลึกซึ้ง ควรมีสวนประกอบอ่ืน เชน ภาพประกอบ ตาราง แผนภูมิ ฯลฯ ซึ่งเปนประโยชนแกการอานและการคนควาตอไปของงานแตงเรียบเรียง หนังสือ ตําราเลมนั้น และควรเสนอแนะหนังสือหรือเอกสารประกอบการศึกษาอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวของ เชน หนงั สอื ตาํ รา วารสารและงานวิจยั ฯลฯ 6. ความทันสมัย ครบถวน ชัดเจนถูกตอง เหมาะสมกับเทคโนโลยีปจจุบัน ความคิด รเิ รม่ิ สรางสรรค มีการแทรกสิง่ ใหม ๆ เพิ่มเติม ผลงานทางวิชาการท่ีจัดทําจะตองมีเน้ือหาสาระที่ มีความใหม ที่สอดคลองกับความเปล่ียนแปลงทางวิชาการในปจจุบัน ซ่ึงสิ่งที่จะสะทอนใหเห็น คือ แหลงขอมูลท่ีนํามาใชในการศึกษาคนควา เชน หนังสือ ตํารา ท่ีมีเน้ือหาเปนปจจุบันและ ทันสมัย การดําเนินโครงการ “การพัฒนาศักยภาพบุคลากรคณะศิลปศาสตรสูความเปนเลิศใน ยุค 4.0” เปนโครงการในลักษณะของการบูรณาการในหลาย ๆ รูปแบบ เชน การบูรณาการ ความรูของคณะกรรรมการดําเนินงานเพื่อกําหนดประเด็นกิจกรรมของโครงการ บูรณาการ ความรูความเขาใจดานผลงานทางวิชาการจากวิทยากรมาสูคณาจารยคณะศิลปศาสตร บูรณา การความรูที่ไดรับจากเขารวมโครงการใหออกมาเปนผลงานทางวิชาการท่ีเปนรูปธรรม บูรณา

การความสามารถในการทํางานรวมกันและทักษะการแกปญหากับกิจกรรมที่ใชในการดําเนิน โครงการ เปน ตน จากผลของการดําเนินโครงการในสวนของความคิดเห็นของอาจารยผูเขารวมโครงการ พบวา ผลการประเมินในทุกประเด็นอยูในระดับมาก ซ่ึงอาจจะเกิดจากมีการใชเครื่องมือการ จัดการความรู (KM Tools) ประเภท การเรียนรูโดยการปฏิบัติ (Action Learning) เพ่ือนชวย เพื่อน (Peer Assist) การเรียนรูรวมกันหลังงานสําเร็จ (Retrospect) การดําเนินโครงการเปน การทํางานท่ีมีระบบและเอ้ือตอการเรียนรูจากประสบการณตรง เพราะการเรียนรูโดยการปฏิบัติ เปนการเรียนรูจากประสบการณจริงในการทํางาน นอกจากน้ีการเรียนรูท่ีเกิดขึ้นกับอาจารยเปน การเรียนรูท่ีเกิดจากการถายทอดความรูจากวิทยากร จากการแลกเปลี่ยนประสบการณกับผูอ่ืน นอกจากน้ียังเปนการเรียนรูโดยใหผูรวมโครงการวิจารณและแนะนํา มีการเสนอแนะและให ขอคิดเห็นเม่ือมีการดําเนินการปฏิบัติ และอาจมีการปรับปรุงการปฏิบัติเพ่ือความสําเร็จของการ ดาํ เนนิ โครงการ จากหลักการที่กลาวขางตนพบวา โครงการการพัฒนาศักยภาพบุคลากรคณะศิลป ศาสตรสูค วามเปน เลิศในยคุ 4.0 ไดดาํ เนินการตามแนวทางการเรียนรูจากการฟงบรรยายและฝก ปฏิบัติ ผูเขารวมโครงการมีการเรียนรูลงมือปฏิบัติจริง มีการแลกเปล่ียนความคิดกับผูอ่ืน นอกจากนย้ี งั นาํ ขอเสนอแนะจากวิทยากรมาปรับใชในการทําผลงานทางวิชาการ สามารถสรุปได วา การจัดโครงการการพัฒนาศักยภาพบุคลากรคณะศิลปศาสตรสูความเปนเลิศในยุค 4.0 คณะ ศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพนั้น ยังประโยชนใหเกิดแกอาจารยของ คณะศลิ ปศาสตร ในดานการทําผลงานทางวิชาการหลายประการ เชน ทําใหทราบหลักเกณฑการ ยนื่ เสนอขอตําแหนงทางวิชาการ ทราบรูปแบบและประเภทของผลงานทางวิชาการ รูปแบบของ การอางอิงเอกสารในผลงานทางวิชาการ ไดแลกเปล่ียนประสบการณและความคิดเห็นเกี่ยวกับ ผลงานทางวชิ าการ ตลอดจนมผี ลงานทางวชิ าการท่ีมคี ุณภาพ เปนตน ขอเสนอแนะในการดําเนินงานคร้ังตอไป ควรมีการจัดทําโครงการในลักษณะน้ีอยาง ตอ เนื่อง เพอื่ กระตุน และสรา งแรงจูงใจการทําผลงานทางวิชาการที่เปนรูปธรรม เพื่อใหอาจารยมี เวทใี นการแลกเปลีย่ นประสบการณ ทัศนคติและความคิดเห็นเก่ียวกับการทําผลงานทางวิชาการ ควรจัดกลุมฝกปฏิบัติการจริงเปนระดับ ๆ ไดแก ระดับเริ่มตน ระดับมีผลงานแลวและระดับ ปรับแกตามคําแนะนําของผูเชี่ยวชาญ ควรมีการติดตามความกาวหนาในการทําผลงานทาง วิชาการของอาจารยในคณะ รวมถึงควรมีการกําหนดระยะเวลาในการสงผลงานทางวิชาการท่ี ชัดเจน เพ่ือใหอาจารยไดเรงทําผลงานทางวิชาการ ซึ่งจะสงผลใหคะแนนประเมินตนเองใน รายงานการประกันคุณภาพของคณะศลิ ปศาสตรเพิม่ มากขึน้

บรรณานกุ รม เกศรนิ ธารเี ทียน และ ศศิธร ลบล้าํ เลศิ . 2557. “แนวปฏิบตั ทิ ี่ดีในการขอตาํ แหนง ทาง วิชาการของบุคลากรสายวชิ าการ คณะสงั คมศาสตรและมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล”. วารสารสงั คมศาสตรบูรณาการ. 1, 2: 98-112. จนั ทนนั ท จารโุ ณปถมั ภ และสัญญา เคณาภมู ิ. 2558. “ปจ จยั ทม่ี ีอิทธพิ ลตอการเขาสู ตําแหนงทางวิชาการของบุคลากร สายวชิ าการ มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม”. วารสาร รัฐศาสตรแ ละนติ ิศาสตร มหาวทิ ยาลัยกาฬสนิ ธุ. 4, 2: 208-231. ณฏั ยิ า ชูถึงและคณะ. 2557. “บทวิเคราะหการเขาสตู าํ แหนงทางวิชาการของ คณาจารยม หาวิทยาลยั ”. วนั ทส่ี บื คน 20 มกราคม 2562 เขา ถงึ ไดจ าก http://human.skru.ac. th/research/datafile/focus%20is%20on%20academic%20research.doc. ทรงสิริ วชิ ริ านนท. 2552. “การทําผลงานทางวชิ าการเพ่ือตาํ รงตําแหนง วิชาการของ อาจารยค ณะศลิ ปศาสตร” . วารสารวิชาการและวจิ ยั มทร.พระนคร. 3, 2: 167-179. นภัสวรรณ ไทยานนั ท. 2559. “เครอ่ื งมือสามญั ประจาํ KM”. วนั ทสี่ ืบคน 18 มกราคม 2562 เขา ถึงไดจ าก https://www.ftpi.or.th/2016/8987. นริ ันดร จุลทรพั ย. 2550. “การทําผลงานวชิ าการ : ศกั ยภาพของอาจารย มหาวิทยาลยั ”. วารสารศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั ทักษิณ. 7, 1: 87-98. พเิ ชฐ บญั ญัต.ิ 2555. “KM Tools : เครื่องมอื การแลกเปล่ยี นเรยี นร”ู . วันทีส่ บื คน 18 มกราคม 2562 เขาถึงไดจ าก https://www.gotoknow.org/posts/119306. เพชราวลัย ถิระวณัฐพงศ และปญจปพัชรภร บุญพรอม. 2558. “การพัฒนาศักยภาพ อาจารยในสถาบนั อดุ มศึกษา”. วารสารวชิ าการมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสงขลา. 8, 1: 33-40. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ คณะศิลปศาสตร. 2561. การรายงานการ ประเมนิ ตนเอง : Self Assessment Report : SAR. กรงุ เทพฯ: คณะศลิ ปศาสตร มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ. มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม กองบริหารงานบุคคล. 2557. “การเสวนา เรื่อง \"การกาวเขาสูตําแหนงทางวิชาการ\". วันท่ีสืบคน 19 มกราคม 2562 เขาถึงไดจาก http://www.gotoknow.org. posts/459598. ศรุดา ชยั สวุ รรณ และคณะ. 2549-2550. “ปจ จยั ทเ่ี อ้ือตอการเขา สตู ําแหนง ทาง วิชาการของอาจารยใ นมหาวทิ ยาลยั เอกชน”. วารสารศึกษาศาสตร. 18, 2: 85-98.

การบรู ณาการเทคโนโลยรี ่วมกบั การจดั การการเรียนการสอนสาหรับนกั ศกึ ษา คณะบริหารธุรกจิ ปี 2560 คณะกรรมการจดั การความรู้คณะบริหารธรุ กจิ คณะบรหิ ารธรุ กิจ บทคัดยอ่ ในปีการศึกษา 2560 คณะบริหารธุรกิจได้ดาเนินการอย่างต่อเนื่องในการจัดการความรู้เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาการ สอน โดยมุ่งเน้นการใชเ้ ทคโนโลยมี าช่วยในเร่อื งการเรยี นการสอนโดย Google Application for Education สาหรบั เครอ่ื งมือ การจัดการความรู้ท่ีใช้ คือ เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Assist) และเทคนิค Intranet นาไปสู่แลกเปลี่ยนและแบ่งปนั ความรู้ ภายในคณะฯ และนอกคณะ ซง่ึ อยบู่ นพืน้ ฐานของกระบวนการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการดาเนินการจัดการความรู้ คร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการจัดทาเอกสารคู่มือการใช้งาน Google Application for Education 1 ฉบับ และเพ่ือให้มี อาจารย์ทน่ี าความรู้ไปใช้อยา่ งนอ้ ยจานวน 1 คน คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ ได้ดาเนินการจัดทาคู่มือการใช้งาน Google Application for Education ในปีการศึกษา 2558 และทาการเผยแพร่แก่อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ เพื่อให้เกิดการจัดเก็บองค์ความรู้การ จดั การการเรยี นการสอน และทาให้อาจารยส์ ามารถเขา้ ถงึ ข้อมลู ที่จัดเก็บทั้งหมดจานวน 108 คน และนาไปสู่การปรบั ใช้ ผลการดาเนินการคณะกรรมการการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจสามารถจัดทาคู่มื อการใช้งาน Google Application for Education และในปีการศึกษา 2560 มีอาจารย์สามารถใชง้ านระบบ Google Application for Education ได้ ในแต่ละสาขาวิชาต้งั แต่ 1 คนข้ึนไป และดาเนนิ การเผยแพร่ขอ้ มลู การจัดการการเรยี นการสอนในระบบสาขาละ 1 คน คาสาคัญ: การบูรณาการ เทคโนโลยี การเรยี นการสอน Abstract The Faculty of Business Administration is continuing for knowledge management to lead to the development of teaching. the teaching techniques for the Faculty of Business Administration by Google application for education. Knowledge management tools were Peer Assist and intranet web to share knowledge about the teaching to inside and outside based on PDCA (Plan-Do-Check-Act). The purpose of Knowledge Management is to create Google Application for Education User Guide and to have at least one lecturer use it. In 2015, the Google Application for Education User Guide is available by Knowledge Management Committees of Faculty of Business Administration. The Google Application for Education User Guide is distributed to faculty members. To provide teaching techniques of knowledge management. It allows lecturers to access all stored information. And lead to deployment. The Knowledge Management Committees of Faculty of Business Administration can create a Google Application for Education User Guide. In 2016, these are more than one lecturer can use Google Application for Education and Publish data for teaching management. Keyword: teaching techniques technology integration

1. บทนา 2. วัสดุ อุปกรณ์ และวธิ กี ารทดลอง คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ เทคนิคการสอนเป็นส่ิงท่ีสาคัญในการเรียนการ สอน เน่ืองจากเทคนิคการสอนท่ีดีจะมีส่วนช่วยให้ผู้เรียน ดาเนินการโดยใช้แผนการจัดการความรู้ (KM Action สามารถวิเคราะห์ เขา้ ใจ และนาความรู้มาใช้ในการพัฒนา Plan) ด้านการผลิตบัณฑิต ปีการศึกษา 2558 – 2560 วิชาชีพของตนเองได้ สาหรับการเรียนการสอนในปัจจุบัน จัดทาเอกสารคู่มือการใช้งาน Google Application for ได้เปล่ียนไป มีการนาเทคโนโลยมี าใช้ในการเรียนการสอน Education ในปีการศึกษา 2558 ทาการเผยแพร่และ มากขึ้น คณะบริหารธุรกิจเล็งเห็นความสาคัญในการนา ดาเนินการปรับแก้ไขเน้ือหาภายในเอกสารเพื่อสร้างความ เทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนภายในคณะ เขา้ ใจใหก้ บั ผู้ใชง้ าน และปรบั ตามรูปแบบการใช้งานที่ได้มี บริหารธุรกิจ โดยการนาเอาเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา สู่กลุ่มประชากร คือ การเรียนการสอน ในปัจจุบันน้ี Cloud System ได้ถูก อาจารย์ภายในคณะบริหารธุรกิจจานวน 108 คน เพ่ือให้ นามาใช้อย่างแพร่หลาย ผู้เรียนหรือผู้สอนสามารถเรียน เกิดการเรียนรู้การใช้งาน Google Application for และสอนได้เสมือนอยู่ในห้องเรียนจริงทุกเวลา แม้แต่การ Education นาไปสู่การใช้งานทางด้านการจัดการความรู้ สนับสนุนการเรียนการสอนเม่ือผู้สอนและผู้เรียนอยู่ใน การเรียนการสอน ห้องเรียนจรงิ แล้วก็ตาม ซง่ึ เทคโนโลยดี งั กลา่ วคือ Google Application For Education 3. ผลการทดลองและอภปิ รายผล ผลการดาเนินการคณะกรรมการการจัดการ การจัดการความรู้ด้านการเรียนการสอนโดย การนาเทคโนโลยีมาช่วยในเร่ืองการเรียนการสอนด้วย ความรู้คณะบริหารธรุ กิจสามารถจัดทาเอกสารคู่มือการใช้ Google Application for Education สาหรับเคร่ืองมือ งาน Google Application for Education ในปีการศกึ ษา การจัดการความรู้ท่ีใช้ คือ เทคนิคเพ่ือนช่วยเพื่อน (Peer 2558 เพื่ออธิบายกระบวนการทางานของแอปพลิเคชั่น Assist) โดยให้อาจารย์ภายในคณะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ดังกล่าว และทาการเผยแพร่ให้กับอาจารย์ภายในคณะ ในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ และเทคนิค Intranet Web บริหารธุรกิจ เพื่อในเกิดการเผยแพร่การจัดการการเรียน ในการจัดเก็บองค์ความรู้ขององค์กรผ่านเว็บไซต์ของคณะ สอนภายในคณะบริหารธุรกจิ โดยดงั รูปท่ี 1 บรหิ ารธุรกิจ นาไปสแู่ ลกเปล่ียนและแบ่งปันความรูภ้ ายใน คณะฯ และนอกคณะ ซ่ึงอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการ รูปท่ี1 เอกสารคู่มือการใช้งาน Google application for PDCA (Plan-Do-Check-Act) ในการดาเนินการจัดการ education ความรคู้ รง้ั น้ี คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ ได้ดาเนินการจัดทาคู่มือการใช้งาน Google Application for Education ในปีการศึกษา 2558 และทาการเผยแพร่ แก่อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ เพื่อให้เกิดการจัดเก็บองค์ ความรู้การจัดการการเรียนการสอน และทาให้อาจารย์ สามารถเข้าถึงข้อมูลท่ีจัดเก็บทั้งหมด และนาไปสู่การปรบั ใช้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการจัดทาเอกสารคู่มือการ ดาเนินการ Google Application for Education 1 ฉบบั และมุ่งหวังให้มีอาจารย์ที่นาความรู้ไปใช้อยา่ งน้อยจานวน 1 คน เพ่ือให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิค การเรยี นการสอน

ในปีการศึกษา 2559 มีอาจารย์สามารถใช้งาน ระบบ Google Application for Education ได้ ในแต่ละ สาขาวิชาตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และดาเนินการเผยแพร่ข้อมูล การจัดการการเรียนการสอนในระบบ 4 คน รูปท่ี 3 กระบวนการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ของ การจดั การเรยี นรู้ คณะบรหิ ารธุรกิจ รูปที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลการจัดการการเรียนการสอนท่ี 4. สรปุ ผลการทดลอง เผยแพรใ่ นระบบ Google Application for Education จากผลการทดลองพบว่ามีจานวนอาจารย์ ในปีการศึกษา 2560 มีอาจารย์สามารถใช้งาน ภายในคณะบริหารธุรกิจที่เข้าใช้งานระบบ Google ระบบ Google Application for Education ได้ ในแตล่ ะ Application for Education เ พิ่ ม ข้ึ น น า ไ ป สู่ ก า ร สาขาวิชาตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป และดาเนินการเผยแพร่ข้อมูล แ ล ก เ ป ลี่ ย น เ ท ค นิ ค ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น บ น พื้ น ฐ า น ข อ ง การจัดการการเรียนการสอนในระบบสาขาละ 1 คน โดย กระบวนการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ซึง่ จะนาไปสู่ นาไปสู่การร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่เป็น การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้ตอบรับกับการ ทางการเรื่องเทคนิคการสอนของอาจารย์ภายในคณะบน เปลี่ยนแปลงของสังคมมากขึ้น เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อการ พ้ืนฐานของกระบวนการ PDCA (Plan-Do-Check-Act) รบั ความรูข้ องนักศกึ ษาต่อไป ดังรปู ท่ี 3 5. กติ ติกรรมประกาศ บทความน้ีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาจาก อาจารย์ทุกท่านในคณะบริหารธุรกิจ ที่ให้ความร่วมมือใน การดาเนินการ ให้คาเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแก้ไข ข้อบกพร่องต่าง ๆ คณะกรรมการจัดการความรู้คณะ บริหารธรุ กจิ จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสงู 6. อ้างองิ [1] “Peer Assist\" https://www.nstda.or.th/th/nstda- knowledge/knowledge-management/3269-km- peerassits

[2] คณะกรรมการจัดการความรูค้ ณะบรหิ ารธุรกิจ. การบูรณาการเทคโนโลยีรว่ มกับ การเรยี นการสอน สาหรับนักศกึ ษา คณะบริหารธรุ กจิ . กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ; 2558. [3] คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ด้านการผลิต บัณฑิต ปีการศึกษา 2558. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ; 2558. [4] คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ด้านการผลิต บัณฑิต ปีการศึกษา 2558. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรงุ เทพ; 2558. [5] คณะกรรมการจัดการความรู้คณะบริหารธุรกิจ. แผนการจัดการความรู้ (KM Action Plan) ด้านการผลิต บัณฑิต ปีการศึกษา 2558. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ; 2558.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook